ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
All Blogs
 

เที่ยวหนองบัวลำภู : พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปีและไดโนเสาร์

ยังคงเดินทางท่องเที่ยวกันต่อไป ตามสโลแกนของ ททท.
เที่ยวเมืองไทยไปได้ทุกเดือน
ซึ่งล่าสุดมีสโลแกน "เทียวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน"
อันหมายถึง เที่ยวด้วยหัวใจด้วยความรัก
และภาคภูมิใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว
เที่ยวอย่างเข้าใจ ในวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น
เที่ยวอย่างสร้างสรรค์ชื่นชมความงามด้วยมุมมองใหม่ๆที่ต่อยอดได้
เที่ยวด้วยสำนึกรู้ซึ้งถึงคุณค่าและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
เที่ยวไปด้วยกันกับคนใกล้ตัวทดลองใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้าน
แลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันทำให้เราได้เที่ยว
และรักเมืองไทย อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น



ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ อิอิ


ช่วงหยุดยาววันแม่เดือนสิงหาคม 2555 นี้
ครอบครัวเราได้ไปท่องเที่ยวสถานที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง
อยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภูมาค่ะ
นั่นก็คือ....
"พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปีและไดโนเสาร์"
นั่นเองค่ะ




อันว่าแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดหนองบัวลำภูนั้น
มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน
เช่น
แหล่งโบราณคดีภูผายา อำเภอสุวรรณคูหา
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้ อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
ถ้ำเอราวัณ อำเภอนาวัง
ศาลหลักเมืองพระวอ พระตา อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
โนนวัดป่า อำเภอโนนสัง
หนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู


แผนที่ท่องเที่ยวคร่าวๆ




พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปีและไดโนเสาร์
เดิมเป็นเหมืองหินทราย มีการระเบิดหิน
ทำให้เกิดหน้าผาสูงซึ่งพบซากเปลือกหอยโบราณ
ต่อมาเหมืองถูกทิ้งร้าง ชาวบ้านได้เข้าไปพบหิน
ที่มีลักษณะคล้ายเปลือกหอยสวยงาม จึงขุดขายเป็นจำนวนมาก

เมื่อกรมทรัพยากรธรณีสำรวจ
ได้พบว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์เปลือกหอยกาบคู่
มีอายุอยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลาย
ชาวบ้านจึงเข้าไปขุดกันมากขึ้น
จนเกิดเหตุหินถล่มทับผู้ลักลอบขุดเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาพื้นที่แห่งนี้ได้พัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่อง
จักรวาลเอกภพ ระบบสุริยจักรวาล โลก แหล่งกำเนิดชีวิต
วิวัฒนาการของพืช สัตว์ มนุษย์ ไดโนเสาร์ และซากดึกดำบรรพ์
ซากกระดูกไดโนเสาร์พบที่บ้านห้วยเดื่อ
ซากดึกดำบรรพ์หอยหินพบที่บ้านห้วยเดื่อ
จำลองหน้าผาที่พบซากหอยหิน
การทำงานของนักโบราณชีววิทยา


ข้อมูลโดย : โครงการ 7greens - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เว็บไซต์ : //7greens.tourismthailand.org/
คลิกที่นี่ค่ะ




สถานที่แห่งนี้อยู่ที่ ต.โนนทัน อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู
ตั้งอยู่ภายในเขตสำนักงาน องค์การบริหารส่วนตำบลโนนทัน
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือ ประมาณ 25 กม.
ใช้ทางหลวงหมายเลข210(หนองบัวลำภู-อุดรธานี)
ไปทางหมู่บ้านห้วยเดื่อ
เปิดเวลา 08.30 ปิดเวลา 16.30 เท่านั้น
สามารถเข้าชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ





ค่าบัตรเข้าชม





เข้าไปกันเลยค่ะ

จากจุดซื้อบัตรเข้าชม
ตรงไปเรื่อยๆ ทางด้านซ้ายจะเป็นอาคารหอยหิน 150 ล้านปี
ด้านหน้าเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวร ฯ
ด้านขวาเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์





เกาลัดขี่หลังไดโนเสาร์





ข้ามสะพานเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์กันค่ะ
มีการแสดงไดโนเสาร์เคลื่อนไหวได้รอบต่างๆ ดังนี้




ข้อปฏิบัติในการเข้าชม





ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์





แผนผังการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์





โซนที่ 1 ท่องจักรวาล





มีการจัดฉายสารคดีเกี่ยวกับจักรวาล
น่ารักมากค่ะ ในส่วนที่เป็นบทสนทนาตามภาพที่เห็น
ผู้แสดงพูดคุยกันเป็นภาษาท้องงถิ่นอีสาน
น่ารักมาก ^^





โซนที่ 2 โลก แหล่งกำเนิดชีวิต





เป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งพืช สัตว์และมนุษย์





โซนที่ 3 อาณาจักรนักล่า





โซนนี้จะเป็นการเรียนรู้เรื่อง
ยุคของไดโนเสาร์และซากดึกดำบรรพ์




ไฮไลท์ของที่นี่คือ
ไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวได้ประหนึ่งมีชีวิตจริง ๆ

ตัวนี้เองค่ะ เจ้าT-Rex ไดโนเสาร์พันธ์กินเนื้อ
เคลื่อนไหวได้สมจริง
มีมูลค่า 4 ล้านบาท ขนาดเท่าตัวจริง
ยาวกว่า 7 เมตร สูง 4 เมตร น้ำหนักถึง 1.7 ตัน
ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถขยับส่วนหัว
อ้าปาก ขยับตา ขยับขาหน้า ขยับลำตัว และหาง
พร้อมทั้งเสียงร้องคำราม





ฟันและขากรรไกร สามารถจำแนกไเด้
ว่าเป็นไดโนเสาร์กินพืชหรือกินเนื้อ





ไดโนเสาร์ ค้นพบที่ตำบลโนนทัน





ซากดึกดำบรรพ์ต่างๆ





โซนที่ 4 มหัศจรรย์แห่งการค้นพบ





โซนที่ 5 ตามรอยนักสำรวจ

ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของนักโบราณชีววิทยา
และแสดงเครื่องมือที่ใช้ในการสำรวจทางธรณีวิทยา


วิธีอ่านแผนที่ธรณีวิทยา





ขั้นตอนการขุดค้นซากดึกดำบรรพ์
ของนักโบราณชีววิทยา

ผู้ค้นพบไดโนเสาร์ไทย เช่น
นายวราวุธ สุธีธร ผู้ค้นพบ สยามโมซอรัส สุธีธรนี (Siamosaurus suteethorni)
นายนเรศ สัตยารักษ์ ผู้ค้นพบ ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี (Psittacosaurus sattayaraki)
ดร.จงพันธ์ จงลักษมณี ได้พบฟอสซิลของอิกธิโอซอร์
ตั้งชื่อใหม่ว่า "ไทยซอรัส จงลักษมณี" (Thaisaurus chonglakmanii)

ที่มา : th.wikipedia

คลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ





อุปกรณ์เครื่องมือคู่ใจของนักโบราณชีววิทยา
และนักธรณีวิทยา





ไปต่อกันที่อาคารหอยหิน 150 ล้านปีค่ะ





หอยหินโบราณที่ค้นพบเป็นซากฟอสซิลหอยดึกดำบรรพ์
ชนิดหอยกาบคู่ยุคครีเตเซียสตอนต้น
สันนิษฐานว่าที่แห่งนี้ในสมัยอดีต
เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่





แหล่งขุดพบหอยหิน 150 ล้านปี





แหล่งค้นพบหอยหินโบราณ






ปิดท้ายด้วยความประทับใจที่เชียงคานค่ะ







 

Create Date : 15 สิงหาคม 2555    
Last Update : 30 สิงหาคม 2555 22:18:04 น.
Counter : 11517 Pageviews.  

เที่ยวอยุธยา ไหว้พระศรีลังกา กุ้งเผาพาชิม

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นเมืองที่ไปแล้วก็ไปอีกอยู่เรื่อย ๆ
เพราะอยุธยามีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและที่กิน
มากมายหลากหลายรูปแบบ
อีกทั้งยังเดินทางจากบ้านไปถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ทริปนี้เราเที่ยวแบบชิลล์ ๆ สบาย ๆ เพียงไม่กี่แห่ง
และได้ชิมอาหารอร่อย ๆ ที่นั่นด้วย

ตามเราไปกันเลยค่ะ





ที่พักของเราในครั้งนี้คือ
ลิม่าเพลส ไปพักที่นี่มาหลายหน
รีวิวเอาไว้หลายรอบแล้วค่ะ
ดูรีวิวเดิมที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ

คลิกที่นี่





สถานที่แห่งนี้คือ "ป้อมเพชร"
เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยา
ณ จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำป่าสัก
กับแม่น้ำเจ้าพระยา





เป็นทำเลยุทธศาสตร์การรบทางน้ำที่สำคัญ





"เกาะเมืองอยุธยา"
โอบล้อมด้วยแม่น้ำ 3 สาย
คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำเจ้าพระยา

ตรงนี้เองค่ะ
จุดที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาพบกับแม่น้ำป่าสัก




ในอดีตนั้นหากมองจากป้อมเพชร
จะเห็นเรือที่จะเข้ามาเทียบท่าที่เกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา
พ่อค้าชาวต่างชาติทั้งหลาย
ล่องเรือสำเภาและจอดเรือขนถ่ายสินค้า
ที่บริเวณหน้าป้อมเพชรแห่งนี้เอง

ป้อมเพชร มีทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชม





หากมองแผนที่เกาะเมืองอยุธยา
จะเห็นจุดที่แม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยา
มาบรรจบกัน




มีคิวรถตู้โดยสารสายโลตัส บิ๊กซี ป้อมเพชร
จอดอยู่ที่หน้ารั้วของป้อมแห่งนี้




เราไม่ได้สอบถามราคา เวลาให้บริการ
และข้อมูลอื่นๆ มาฝาก
หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติม
โทรศัพท์สอบถามได้ตามหมายเลขที่ติดไว้ท้ายรถค่ะ




เป็นโอกาสอันดี
ช่วงที่เราไปอยุธยามีการจัดงาน
“ความสัมพันธ์อยุธยา-ศรีลังกา”
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ฯ
จัดขึ้นเมื่อ 2-4 สิงหาคม 2555
ณ ศาลากลางหลังเก่า กรุงเก่า

มรการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองที่หาชมได้ยาก
มีเอกลักษณ์เด่น คือ
ลีลาท่วงท่าโลดโผน ว่องไว
เราไปทันได้ชมการแสดงหุ่นสายแบบดั้งเดิมอีกด้วยค่ะ




ของที่ระลึก สินค้าจากศรีลังกา
ที่มีจำหน่ายในงาน
ที่โดดเด่น คือ ชาซีลอน




ที่สำคัญงานนี้ได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คู่บ้านคู่เมืองของศรีลังกา คือ “พระเขี้ยวแก้ว”
จากเมืองแคนดี้ (องค์จำลอง) ให้สักการะบูชา




และยังได้จัดแสดงขบวนแห่ “เอสาละ เปราเหรา”
ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียง และเป็นสัญลักษณ์ของศรีลังกา

โฆษกบอกว่าที่เห็นบนหลังช้างในขบวนแห่
คือพระเขี้ยวแก้ว





พาเที่ยวพอกรุบกริบแล้ว
ขอพาไปชิมอาหารอร่อย ๆ กันบ้าง

คราวนี้เราได้ไปลองชิมบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
ร้านคุโรดะ (Kuroda) อยุธยา
สามคนพ่อแม่ลูกจ่ายไปในราคาคนละ 399 บาทสุทธิ
เด็กที่สู่งไม่เกินทางร้านกำหนด จ่ายในราคาเด็ก
ขอโทษทีไม่ได้ถามว่าราคาเท่าไหร่และส่วนสูงไม่เกินเท่าไหร่
สำหรับลูกชายเรา ทางร้านพาไปวัดส่วนสูง
ถ้าสูงเกินเส้นเหลือง ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็ม

สามารถนั่งได้ 2 ชั่วโมง
ที่ตั้งของร้านอยู่ซอยตรงข้ามโรงแรมอยุธยาแกรนด์เลยค่ะ
ถ่ายจากหน้าร้านไปยังปากซอย
จะเห็นโรงแรมอยุธยาแกรนด์อยู่ฝั่งตรงข้ามปากซอยตามนี้ค่ะ

แผนที่โรงแรมอยุธยาแกรนด์
เครดิตแผนที่ : thai-tour.com




โดยรวมก็อร่อยคุ้มค่าดีค่ะ



อีกแห่งที่ไปชิม
ด้วยความที่อยากกินกุ้งเผาเอามาก ๆ
เราจึงได้ไปร้านกุ้งเพื่อนแพรว
อยู่ในตลาดกลางเพื่อเกษตรกรอยุธยา
ติดถนนสายเอเชีย

ร้านกุ้งเพื่อนแพรวจะสังเกตเห็นง่าย
เพราะอยู่ด้านหน้าตลาด ใกล้ที่จอดรถเลยค่ะ



ในจานเป็นกุ้งกิโลกรัมละ 600 บาท
ตัวโต ๆ เนื้อแน่ๆ
เผาครึ่ง ก.ก. แบ่งทำฉู่ฉี่กุ้งครึ่ง ก.ก.
เพิ่มค่าทำฉู่ฉี่ 50 บาท
พ่อช่วยแกะให้
ด้วยความอยากกินมาก เกาลัดน้ำลายไหลยืดเป็นทาง
เช็ดแทบไม่ทัน แม่เห็นแล้วก็ขำ





กุ้งเผา ห่อหมกปลาช่อน ปลาม้าทอดกระเทียม

ยังมีกุ้งเผา ขนาดกิโลกรัมละ 380 บาท
สั่งมาอีกครึ่งกิโลกรัม
เพราะความงก กลัวว่าจะไม่อิ่ม
แต่พอกุ้งเผาจานที่สองมา
ก็ไม่ไหวแล้ว อิ่ม

สรุปกุ้งจานที่สองเลยต้องห่อใส่ถุงแทน
แต่ก็หวานอร่อยค่ะ พอแกะถุงกิน
ลูกชายก็น้ำลายหยดอีกรอบ
สงสัยจะอยากกินมากๆ จริงๆ





อ่านรีวิวเพิ่มเติมร้านคุโรดะ
และกุ้งเพื่อนแพรว
ภาพเต็มๆ เน้น ๆ
คลิกที่นี่ค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่
อยู่ที่ทุ่งหันตรา
ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก
นั่นคือ "อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี"





คลิกอ่านรายละเอียด
โครงการก่อสร้างอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี
//www.ayutthaya.go.th/chaloem_phrakiat_park/index.php


คลิกดูแผนที่
คลิกที่นี่


สถานที่แห่งนี้เป็นการน้อมรำลึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี
ถวายเป็นราชสักการะ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว




ด้านซ้ายเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีนี้
ขุดเป็นหนองโสนเชื่อมต่อกับคลองธรรมชาติ
คือ คลองข้าวเม่า
รวบรวมสายพันธ์โสน 4 สายพันธ์
ปลูกบริเวณริมหนองในพื้นที่ 4 ไร่
ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และส่งเสริมอาชีพจากโสน




นอกจากนั้นได้กำหนดพื้นที่รอบหนองโสน
ให้อำเภอ 16 อำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นำเสนอภาพลักษณ์ของอำเภอ
ได้แก่ สัญลักษณ์และของดีของอำเภอ
และเรื่องราวที่แสดงถึงความรู้สึกหรือความประทับใจ
ของพี่น้องชาวอำเภอนั้นๆ ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว




บางบาล ลาดบัวหลวง บางปะหัน วังน้อย




ตอนนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จดี
แต่ก็อนุญาตให้ผู้สนใจเข้าไปชมได้แล้วค่ะ




ขอปิดท้ายด้วยแผนผัง
อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี
จากเว็บไซต์ของโครงการ
นับว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้
น่าสนใจมากมายทีเดียวค่ะ






 

Create Date : 09 สิงหาคม 2555    
Last Update : 9 สิงหาคม 2555 12:30:56 น.
Counter : 14531 Pageviews.  

เที่ยวอุดร หนองคายไปกับสามเกลอ เพราะคิดถึง จึงได้พบเจอ

คู่หูแม่ คู่หูลูก .. สามคู่แม่ลูก
นัดไปเที่ยวด้วยกัน
ส่วนของคุณพ่อ ๆ นั้นต่างก็ติดภารกิจ
แตกต่างกันออกไป
เป็นโอกาสของเราแล้ว
ที่จะได้ไปเที่ยวกันตามใจ

เนื่องจากโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย
ทำให้เราได้มีโอกาสบินไปกลั
บเส้นทางกรุงเทพ ฯ – อุดรธานี
ในราคาประหยัดอยู่เสมอ

ทริปบินวันหยุดเสาร์อาทิตย์ 14 – 15 กรกฎาคม 2555 นี้
สามคู่แม่ลูกหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่า
จะพากันไปเล่นน้ำที่สวนน้ำนาข่าบุรี อุดรธานีด้วยกัน
แต่เหตุเพราะเกาลัดเพิ่งจะฟื้นไข้
จึงต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทำเอาเด็กน้อยทั้งสามแอบผิดหวังไปบ้างเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาดีใจและมีความสุขที่ได้พบเจอ
ได้เที่ยวเล่นด้วยกัน เพราะความคิดถึง
และมิตรภาพที่มีต่อกันนั่นเอง

สำหรับการไปท่องเที่ยวและเรียนรู้ครั้งนี้
เราได้ไปกันที่สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย
ฟาร์มจระเข้หนองคายที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน
รวมทั้งศาลาแก้วกู่ หนองคายด้วย

........ ตามเราไปกันค่ะ





คู่หูแม่ลูกบินไปกับแอร์เอเชีย
เราไปเที่ยวบินเช้าสุด
จึงงัวเงียเล็กน้อยก่อนออกจากบ้านตอนเช้ามืด
เพื่อความสะดวกรวดเร็วเราได้ทำเว็บเช็คอินมาล่วงหน้า

ไฟลท์นี้ได้สั่งอาหารล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์
ทั้งเที่ยวไปและกลับ มีอาหารชุดร้อน ๆ สำหรับเด็ก
บรรจุมาในกล่องน่ารัก และมีของเล่นแถมมาให้ด้วย
อาหารรสชาติดีทีเดียวเลยล่ะ





ไปถึงสนามบิน รอสักพักเพื่อนก็มารับ “เกาลัด” กับ “จิงจัง”
“พี่จิงจังๆ” เกาลัดเห็นพี่จิงจังเดินมาหาก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ
ส่วนจิงจังนั้นก็เดินยิ้มฟันขาวเข้ามาหาน้องชาย

ลูกชายทั้งสองสีหน้ายินดีเบิกบานสุด ๆ เมื่อได้เจอกัน
จากนั้นเป็นต้นไปพวกเขาก็ทำตัวประหนึ่งปาท่องโก๋
ตัวติดกัน ไปไหนก็เดินไปด้วยกัน
สองหนุ่มน้อยพูดคุยหยอกล้อกันในรถตลอด

จุดหมายแรกที่เราเดินทางไปก็คือ
สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ อยู่แถวๆ หนองสำโรง
นอกตัวเมืองอุดรเล็กน้อย ตามเส้นทางไปหนองคาย
ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก

แผนที่ค่ะ





กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
เป็นผลผลิตจากภูมิปัญญาของชาวอุดรแท้ ๆ
คือ คุณประดิษฐ์ คำเพิ่มพูน
ซึ่งปัจจุบันท่าล่วงลับไปแล้ว
ได้สนใจเพาะเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเร
กตั้งแต่ทำงานที่สถานกงสุล
ด้วยความสนใจจริงจัง
จึงได้เกิดพันธุ์กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ขึ้น

ปัจจุบันบุตรชายของคุณประดิษฐ์
คือ คุณประณิภาณ คำเพิ่มพูน
ซึ่งมีดีกรีปริญญาตรีและโททางด้านการเกษตร
จากต่างประเทศ ได้เข้ามาดูแลบริการจัดการต่อ
พร้อมทั้งเป็นวิทยากรแก่ผู้เข้าชม


รายละเอียดของกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์





น่าเสียดายในวันที่เราไป ไม่มีกล้วยไม้หอมให้ยล
เพราะเป็นช่วงที่กำลังรื้อแปลงกล้วยไม้ปรับปรุงใหม่พอดี
แม้ว่าเป็นการเดินทางไปแบบไม่ได้นัดหมาย
กับทางสวนกล้วยไม้ ฯ ล่วงหน้ามาก่อน
แต่ก็เป็นโอกาสดีที่คุณประณิภาณได้ออกมาต้อนรับ
และนำชมแปลงเพาะปลูกด้วยตัวเอง
พร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวที่น่าสนใจให้ฟัง
เราได้เห็นกล้วยไม้สวย ๆ แบบต่าง
รวมทั้งพรรณไม้ที่เป็นของหายาก
ที่เราเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน






ถึงเราจะพลาดชมนางสาวอุดรซันไฌน์
ซึ่งเป็นนางเอกของที่นี่
แต่เราโชคดีที่คุณประณิภาณได้แนะนำ
ให้เรารู้จักต้นไม้ชนิดหนึ่ง
ที่สามารถขยับใบเมื่อมีเสียงเพลงดังขึ้น
พืชชนิดนี้เรียกว่า ต้นไม้เริงระบำ
หรือชาอุดรเริงระบำ




สงสัยหรือเปล่าคะว่าต้นไม้ชนิดนี้
จะเริงระบำได้อย่างไร
เราเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือให้ใบไม้ร่ายรำ
แล้วถ่ายคลิปมาให้ดูด้วยค่ะ
ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ได้เห็นแล้วก็ตื่นเต้น สนุก ดีใจ




คุณประณิภาณอธิบายให้เราฟังคร่าวๆ ว่า
การเริงระบำของต้นไม้ชนิดนี้
เกิดขึ้นจากคลื่นเสียงส่งผลให้ท่อลำเลียงน้ำ
และท่อลำเลียงอาหารของใบบีบรัดตัวจึงขยับได้
หลักการทำงานของท่อลำเลียง
น้ำและท่อลำเลียงอาหารของใบพืชชนิดนี้
คล้ายกับต้นไมยราพ




ชาอุดรเริงระบำ จะปลูกในเดือนมกราคม
และเก็บเกี่ยวตอนสิ้นปี นำไปอบแห้งทำเป็นชาสมุนไพร
มีฤทธิ์เป็นตัวยาหลายอย่าง
มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด
น่าสนใจทีเดียวค่ะ



ผลิตภัณฑ์เด่นของที่นี่อีกอย่างคือ
น้ำหอมที่สกัดจากกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
และน้ำหอมที่ใช้ส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน
คือ "ว่านหอมตูบหมูบ" และ "แมงแคง"
มีหลายขนาด ราคาย่อมเยา น่าอุดหนุนค่ะ





จากบ้านของสาวน้อยอุดรซันไฌน์
เราไปกันต่อที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร
ที่เราหมายมั่นปั้นมืออยากมาเที่ยวชมนานแล้ว
ผ่านไปผ่านมาก็หลายครั้งแต่ไม่เคยได้แวะ
เพิ่งได้มีโอกาสก็วันนี้แหละค่ะ

พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร
ตั้งอยู่ในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี
ใกล้หนองประจักษ์
ตามแผนที่นี้




เวลาเปิดปิดตามนี้ค่ะ
แอบดีใจ ที่วันเสาร์อาทิตย์ก็เปิดให้เข้าชม
เราไปถึงเช้าวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2555
เวลาประมาณ 10.20 น. แต่ปรากฏว่าพิพิธภัณฑ์ปิด
ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่เราไปเห็นกลุ่มผู้สนใจเข้าชมหลายๆ คน
นั่งรออยู่แถวนั้นด้วย



ในตอนนั้นผิดหวังนิด ๆ และมีคำถามอยู่ว่าทำไมถึงได้ปิด
และไม่มีป้ายแจ้งให้ทราบเลย
ทำเอารอเก้อไปหลายคน
เตร็ดเตร่แถวนั้นอยู่พักใหญ่ๆ
ถึงได้ขับรถพาไปกันไปต่อ





ระหว่างทางเด็กทั้งสองเล่นกันเสียงดังที่เบาะหลัง
ต้องคอยปรามเป็นระยะ
เพื่อนชวนแวะกินกุ้งแถวตำบลนาข่า
แต่เด็กๆ ยังไม่อยากจะแวะ
ผ่านสวนน้ำนาข่าบุรีด้วยความเสียดาย

สักพักเสียงจากเบาะหลังก็เงีบบลง
หันไปมองปรากฏว่าแสบซนทั้งสองคน
นอนหลับก่ายเกยกันซะแล้ว
เหลือแต่คู่คุณแม่ที่คุยกันตลอดทาง

สถานที่ต่อไปคือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสิรินธร
หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย
ตั้งอยู่ในบริเวณของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิทยาเขตหนองคาย
โชคดีที่ฝนไม่ตกแต่แดดร้อนเปรี้ยง ๆ





เวลาเปิดให้บริการตามนี้จ้า




ประวัติการก่อตั้งและราคาเข้าชม





จุดตรวจบัตรก่อนเข้าชมมีทั้งภาษาไทย ภาษาลาว
มีโครงกระดูกปลาบึก ปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
พบได้ที่แม่น้ำโขง ถิ่นอาศัยแหล่งเดียวในโลกของปลาบึก
ตั้งไว้ให้ศึกษา





อุโมงค์ปลาอันสวยงาม
ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ห้ามใช้แฟลชในยามถ่ายภาพจ้า





เพื่อนอีกคนที่อยู่หนองคาย
พาลูกชาย “กีตาร์” มาสมทบ ครบสามเกลอ
ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ดูไปดูมาให้อารมณ์เมืองบาดาล
วังพญานาค ประมาณนั้น





10 อันดับปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของโลก
มีปลาบึก ครองอันดับ 1





สงสัยว่าปลาดุกสงบนิ่งอยู่ทำไม
ยืนดูตั้งนานก็ไม่ขยับ อยากได้คำตอบจัง




อุปกรณ์จับสัตว์น้ำแบบพื้นบ้านชนิดต่าง ๆ





บริเวณทางออกมีร้านอาหาร น้ำดื่ม ขนม จำหน่าย




หิวมากแล้ว เพื่อนพาไปกินข้าวเที่ยง
ที่ร้านนงเยาว์ปลาเผา อยู่นอกเมืองหนองคาย
ไปทางอำเภอโพนพิสัย แถวนั้นเรียกว่า ”หาดคำ”




ร้านนงเยาว์ปลาเผา เป็นร้านแบบบ้าน ๆ
คนท้องถิ่นพามาเอง และการันตีว่าอร่อย
จะต้องลองแบบจัดเต็มสักหน่อยแล้ว
ว่าแล้วน้ำลายก็เริ่มไหลตั้งแต่ยังไม่สั่งอาหาร
เห็นโต๊ะอื่นสั่งมามีแต่ของน่ากิน ...หิวมาก

พอสั่งปุ๊บ ไม่นานนักก็อาหารก็มาเสิร์ฟ
สารพัดน้ำจิ้ม และปลาเผา ผักเคียงสดๆ หวานกรอบ
กินแบบเมี่ยงปลาเผามาก่อนอย่างอื่น





ตามมาด้วยลาบปลาน้ำโขง
ตำแตง ต้มปลาน้ำโขง เพื่อนสั่งแม่ครัวว่า
เอาแบบต้มปลาแบบส้มบ้านเรา
รสชาติจึงถูกปากเป็นอย่างมาก
มื้อนี้อร่อยและไม่แพงเลย




จากนั้นขับรถตามกันไปที่ท่าเสด็จ ซื้อของเล่นให้เด็ก ๆ





ช่วงเย็นเด็กๆ เล่นกันอยู่ที่บ้านเพื่อน
ส่วนคุณแม่ ๆ แยกตัวพากันไปช้อปปิ้งที่ห้างบิ๊กเจียง
ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาคนละชิ้นสองชิ้น
คืนนี้เรานอนพักกันที่บ้านเพื่อนที่หนองคายค่ะ

เพื่อนบอกว่า ที่หนองคายมีการแสดงจระเข้ด้วย
เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนเมษายนปีนี้เอง
ยามสายของวันอาทิตย์
เราจึงพากันไปดูโชว์จระเข้ที่ฟาร์มจระเข้หนองคาย
อยู่ปากทางเข้าศาลาแก้วกู่
ถนนสายหนองคาย – โพนพิสัย ไม่ไกลตัวเมืองมากนัก

แผนที่ศาลาแก้วกู่ค่ะ





ถึงแล้วค่ะฟาร์มจระเข้หนองคาย





ไปซื้อบัตรกันค่ะ บัตรผู้ใหญ่ 50 บาท
บัตรเด็ก 30 บาท เด็กที่สูงเกิน 120 เซนติเมตร
ต้องซื้อบัตรราคาเดียวกับผู้ใหญ่
มีรายละเอียดรอบการแสดงโชว์แปะไว้
เราไปถึงประมาณสิบโมงเช้า
เพราะมีคนมาดูพร้อมกันจำนวนมากพอที่จะเปิดรอบพิเศษ
จึงจะได้ดูโชว์รอบพิเศษกัน




ข้อควรระวัง ไม่ควรแหย่ ไม่ควรให้อาหาร
ไม่รบกวนให้จระเข้ตกใจ ควรดูแลบุตรหลานของตนให้ดี





ไปกันจ้า บริเวณแสดงโชว์มีลูกกรงล้อมรอบอยู่
นั่งรอพักใหญ่กว่าโชว์จะมา






เริ่มแสดงแล้วค่ะ การแสดงมีมุกตลก ขำ ๆ ให้เราหัวเราะเฮฮา
ขำกลิ้งคนกับจระเข้ ...อยู่เรื่อย ๆ





หลายครั้งที่มีลุ้น มีตื่นเต้น ยิ้มค้าง






จำไม่ได้แล้วว่าโชว์กี่นาที ก็รู้สึกว่านานพอสมควร
แดดก็ร้อนเสียจนต้องไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้แช่มาดับกระหาย
ในโชว์เราได้มีส่วนร่วมโยนเหรียญเข้าปากจระเข้ด้วย
แม่ของจิงจังโยนแม่นที่สุด





เสร็จจากฟาร์มจระเข้หนองคาย
ไปต่อที่ศาลาแก้วกู่
ขับรถเข้าไปในซอยเดียวกัน ไม่ไกลกันนัก
ค่าเช้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
หน้าช่องจำหน่ายตั๋วมีร่มให้เช่าในราคาถูกแสนถูก





ซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปข้างในกันเลย






เกาลัดกับพี่จิงจังไม่สนใจใคร
พากันเดินไป คุยไปกันแค่สองคน
โลกนี้มีเพียงเราสองคนอีกแล้ว
ไม่รู้คุยอะไรกัน คุยกันถูกคอม๊ากก
ส่วนพี่กีตาร์เป็นไกด์คอยอธิบายโน่นนี่
ให้แม่บุ๋มฟังเหมือนเมื่อวาน




รูปปั้นในศาลาแก้วกู่ สวยงามแปลกตาดี
รูปปั้นต่างๆ เหล่านี้บ้างก็เป็นรูปปั้นสักการ
ะตามความเชื่อต่างๆ บ้างก็เป็นเรื่องราวพุทธประวัติ
บ้างก็เป็นเรื่องของนิทานปรัมปรา
วรรณกรรมพื้นบ้านของชาวอีสาน มีคำอธิบายให้อ่าน





เดินชมกันเรื่อย ๆ ในบางจุดก็แอบกลัว
ไม่กล้าหยุดดูนาน ๆ






เข้าไปในตัวอาคารของศาลาแก้วกู่
ทำบุญ ไหว้พระ ยกพระเสี่ยงทาย





จากนั้นก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวมื้อกลางวัน อร่อยดี
แต่ ด้วยความหิวไม่ได้ถ่ายภาพมา
หลังจากกินข้าว ก็แวะซื้อของ
แวะไป บขส. หนองคายไปดูตารางรถโดยสารไปเวียงจันทน์






จากนั้นก็ไปนั่งเล่น นอนเล่นคุยกันต่อที่บ้านเพื่อน
จนใกล้เวลากลับ เพื่อนก็ขับรถไปส่งเรา
กับลูกชายที่สนามบินอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ
เที่ยวบิน 17.40 น.
โบกมืออำลา แล้วพบกันใหม่
ไปเที่ยวกันใหม่โอกาสหน้านะเพื่อน





 

Create Date : 02 สิงหาคม 2555    
Last Update : 2 สิงหาคม 2555 20:20:02 น.
Counter : 7697 Pageviews.  

พาลูกตะลุยสวนสยาม เคียงคลื่นทะเล เฮฮากับเครื่องเล่นสุดมันส์

สวนสยาม ท้องทะเลแห่งกรุงเทพ ฯ
ใครๆ คงได้ยินได้ฟังผ่านสื่อต่างๆ กันเยอะ
แต่เชื่อไหมว่าเราเอง..วันและวัยก็ล่วงเลยมาจนปูนนี้ ^^
ไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในอาณาเขต
ของสถานที่แห่งนี้เลยสักครั้ง

เมื่อเดือนที่แล้วน้องชายพาครอบครัวแวะมาเยี่ยมเยือน
จึงได้โอกาสพากันไปตะลุยสวนสยาม
แบบไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อน
ไปตามหาฝันเมื่อครั้งวัยเด็กกัน

"สวนสยาม เกาลัดเคยเห็นในรายการกบนอกกะลา
เกาลัดรู้แล้วว่าเขาทำคลื่นกันอย่างไร"


เมื่อลูกชายรู้ว่าจะได้ไปสถานที่แห่งนั้น
ก็คงรู้สึกตื่นเต้นบ้างล่ะค่ะ
แต่เขาแอบเก็บอาการไว้อยู่
ผ่านรอยยิ้มนิด ๆเวลาที่เอ่ยถึง



สำหรับเพื่อนๆ ที่เคยไปเที่ยวเล่นมาแล้ว
อาจจะยังจำได้ถึงภาพแห่งรอยยิ้ม ความสุข
ความสนุกสนาน กับเพื่อน กับครอบครัว

ภาพรวมของสวนสยาม คือ
เป็นแหล่งรวมของการเล่นน้ำ
เครื่องเล่น และความสนุกต่าง ๆ
รองรับผู้คนทุกเพศทุกวัย
ให้สนุก มีความสุขไปด้วยกัน



ส่วนเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไปสวนสยาม
เราเก็บภาพและข้อมูลเล็ก ๆ มาฝากกัน
ตามเราไปเที่ยวกันเลยจ้า .....

การเดินทางไปสวนสยาม
สามารถไปได้หลายเส้นทาง
ครอบครัวเรา เดินทางมาจากลำลูกกา
ใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออก
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามอินทรา
ผ่านหน้าห้างแฟชั่นไอส์แลนด์
พอถึงโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี
จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวาไปสวนสยาม
ขับไปตามป้ายไม่นานก็ถึงทางเข้าสวนสยามค่ะ

เครดิตแผนที่ : เว็บไซต์สวนสยาม




เมื่อขับรถเข้าไปข้างใน ก่อนถึงที่จอดรถ
จะมีด่านเก็บเงินค่าจอดรถ 10 บาท

จอดรถเรียบร้อยก็ต้องผ่านปราสาทแห่งความสุขนี้
ก่อนที่จะเข้าไปด้านในกัน



ในปราสาทจะเป็นโซนจำหน่ายบัตรเข้าชม
เวลาให้บริการของสวนสยามตามนี้



เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 100 เซ็นติเมตร
ใช้บริการสวนน้ำฟรีค่ะ
แต่ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นอย่างอื่นสำหรับเด็ก
ก็จะต้องซื้อบัตรราคาเด็ก



โดยเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 130 เซ็นติเมตร
ซื้อบัตร 120 บาท ใช้บริการสวนน้ำ small world
และ family world


ได้ตลอดวัน

วันที่เราไปเที่ยวกันนั้น
มีเครื่องเล่นอยู่ 5 ชนิดที่งดให้บริการ





ชมภาพเครื่องเล่นเรียกน้ำย่อย
ก่อนควักตังค์ซื้อบัตร ....
ใจมันโลดแล่นอยากจะเข้าไปเต็มทีแล้วล่ะค่ะ







ราคาบัตรประเภทต่างๆ




วัดส่วนสูงกันค่ะ
เกาลัดสูงเกิน 130 เซ็นติเมตรแล้ว
ต้องจ่ายในราคาบัตรผู้ใหญ่
ส่วนน้องกูล จ่ายในราคาบัตรเด็ก




ไปซื้อบัตรกันจ้า
... จะได้เข้าไปข้างในกันแล้ว
เย้!!



พอซื้อบัตรแล้ว ก็ต้องผ่านช่องนี้เข้าไป



เข้าไปด้านใน
รับลูกโป่งและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันจ้า





มีรถเข็นให้เช่า
และรถไปส่งสวนน้ำด้วยค่ะ



รถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ
ให้เช่าคันละ 50 บาท



รถบริการไปส่งสวนสนุก และสวนน้ำ



รถคันนี้อีกคันค่ะ



ด้านในของสวนสนุก

ฟ้าครึ้มๆ กลัวเหลือเกินว่าฝนจะตก



จับปูใส่กระด้งค่ะ
ไม่สามารถรวมพลถ่ายภาพหมู่ได้



อาคารสีสวยนี้ มีสติกเกอร์ติดกระจกไว้ว่า
อาหารบุฟเฟต์ ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท
เปิดให้บริการเวลา 11.00 - 14.00 น.
แต่ไม่ได้เข้าไปดูด้านใน



เราซื้อบัตรผู้ใหญ่ราคา 400 บาท
ได้สายรัดข้อมือ



พร้อมทั้งคูปองเครื่องเล่นเพิ่มพิเศษ



ม้าหมุน



ยังไม่เล่นตอนนี้ค่ะ
เดินผ่านไปเล่นน้ำกันก่อน



ระหว่างเดินผ่านก็ถ่ายภาพไปเรื่อย

บูมเมอแรง น่าหวาดเสียวเนอะ





มังกรคู่



ล่องซุงมหาสนุก หรือ ล็อกฟลูม
อารมณ์คงประมาณ super splash ในดรีมเวิร์ล





มีร้านอาหารด้วยล่ะ



ร้านเครื่องดื่ม อาหารว่างและห้องน้ำ
มีเป็นระยะ



ไปต่อ



กระเช้าสายรุ้ง



เดินเริ่มเหนื่อยแล้ว



เดินผ่านบ้านผีสิง



จากบ้านผีสิิงก็เป็นทางเข้าสวนน้ำแล้ว
ถึงสักทีเนาะ



ใครที่ยังไม่มีชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์เล่นน้ำ
ก็สามารถแวะซื้อหากันได้ที่นี่



ก่อนถึงทางเข้าสวนน้ำ
มีศูนย์อาหาร ต้องซื้อคูปองก่อน




อาหารที่มีจำหน่ายจะเป็นอาหารจานเดียว
อาหารว่าง ขนม ส้มตำ ไก่ย่างก็มี



ไก่ทอด



ก่อนซื้อคงต้องบวกลบคูณหารให้ดี
เพราะคูปองที่นี่ซื้อแล้วไม่รับคืนจ้า



จุดให้บริการชุดว่ายน้ำ





ค่าเช่า



ซุ้มตรงนี้ให้เช่าห่วงยาง



ค่าเช่าห่วงยาง



ห่วงยางที่ให้เช่า



ห้องเปลี่ยนชุด
มีแต่ห้องน้ำ (สุขา) กับห้องเปลี่ยนชุด
แต่ไม่มีห้องอาบน้ำให้ใช้





ตู้เก็บของให้เช่า



ตู้เก็บของแบบหยอดเหรียญก็มี



อีกมุมหนึ่งค่ะ



ใกล้ๆ กันจะมีเครื่องเป่าผมหยอดเหรียญ



ถ้าจะอาบน้ำ ล้างตัว
ต้องอาบตรงนี้จ้า



ตอนนี้เก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว
ไปเล่นน้ำกันเนาะ




เห็นป้ายว่าถ้านั่งเตียงผ้าใบต้องจ่าย 10 บาท
..แอบงก... เอ๊ย.. ไม่ใช่..
ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
เรื่องที่จะมาเก็บเงินเพิ่มที่ละนิดละหน่อยอีก
.....เลยไม่นั่ง
นั่งตามที่นั่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่เตียงผ้าใบดีกว่า



บันไดสู่สายรุ้ง



ลูกชายไม่รอช้าขึ้นไปอย่างว่องไว



ลงมาถึงปลายรุ้งหรรษา



อีกอันที่น่าเล่น
สนุกมาก เราเล่นกันหลายรอบเลย



แต่ถ้าพาเด็กเล็กไปด้วยต้องที่นี่ค่ะ



เริ่มจากตรงนี้



แล้วก็ค่อยๆ ไหลลื่นลงมา



ลงสู่สระเล็กๆ



เกาลัดพาน้องเล่น



อุ้มน้องลงสระ



สระเล็กอีกสระ



สิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในการมาเที่ยวสวนสยาม
ก็คือ "ทะเลกรุงเทพ"
เป้นทะเลเทียมที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในโลก








เก้าอี้ชายหาด
ให้บรรยากาศเหมือนไปทะเล













ดูมุมกว้างๆ กันค่ะ



ใกล้ๆ กันนั้นจะมีร้านขายอาหารและของกินเล่น
มีอยู่หลายร้านให้เลือกซื้อตามความชอบ




เกาลัดไปแหวกว่ายอยู่ในน้ำสำราญใจ



แต่ละครอบครัวต่างก็เล่นน้ำกันสนุก
แดดแรงมาก



ครอบครัวของเรา





มุมนี้ได้บรรยากาศชาวเรือ



ทะเล๊ ทะเล





ไปดูอีกมุมหนึ่งกันค่ะ



ทะเลและโขดหิน









เล่นน้ำ ตากแดดจนเพลียแล้ว
ไปเล่นโซนอื่นกันบ้าง
ต่อด้วยที่นี่... บ้านผีสิง



ข้างในมืด มีเสียงประกอบน่ากลัว
แต่ไม่ค่อยหลอน
สงสัยเราจะประสาทแข็งไปหรือเปล่า



ไปผจญภัยกันต่อ



เซร่า.. ไตรเซราท็อปส์



ต่อแถวรอขึ้นรถไปตะลุยป่ากัน





รถมาแล้ว



ไปกันเล้ย



ไดโนเสาร์คอยาว



ชมไปเรื่อยๆ



น่าจะเหมากับเด็กๆ ที่กำลังอ่าน
หรือตืดตามสารคดีไดโนเสาร์อยู่
แล้วได้มาดูต่อที่นี่




ลุยน้ำในบางช่วง



ตัวนี้ของจริง



มนุษย์ถ้า



กิจกรรมและเครื่องเล่นที่เราได้เล่นในนี้
ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่ม
เพราะรวมอยู่ในบัตรเช้าชมที่เราจ่ายกันแล้วค่ะ

เรือหงษ์



ไปพายเรือกัน



บอลลูนเหินฟ้า
อยู่ในช่วงหยุดพักเครื่อง ต้องรอนานหน่อย
เลยผ่านไป





กระเช้าสายรุ้ง





เครื่องเล่นอันนี้
ได้เล่นดูแล้ว อารมณณ์วูบประมาณตกตึกสูงเลย ^^



ทนได้ !!



เราชอบเครื่องเล่นนี้ที่สุด



มันทั้งหมุน ทั้งกระเด้ง กระดอน
นั่งไม่ติดกันเลย
สนุก




ยืนดูลูกเล่นแล้วก็แอบขำ 555



ต่อที่เครื่องเล่นนี้บ้าง





ปลาหมึกยักษ์







จานบินมหาสนุก



ดูแบบนี้เหมือนจะเด็กๆ เลยเนอะ



เริ่มเล่นแล้วค่ะ



มันทั้งหมุน ทั้งเอียงไปเอียงมา



เครื่องบินประจัณบาน







หมดสภาพ



ปิดท้ายที่ม้าหมุน









เป็นหนึ่งประสบการณ์ความสุข
ที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน






----------------------------------------------------

แถมท้าย

ยังมีเครื่องเล่นหลายอย่างที่เราอยากเล่น
แต่ยังไม่ได้เล่นในคราวนี้
ไปดูเว็บไซต์สวนสยามกันค่ะ
ว่าแต่ละโซนมีอะไรบ้าง


Family World




X-Zone
ระทึกใจสุดๆ ถ้ากล้าพอคงต้องลอง




Water Park




Fantasy World




Small World
เด็กเล็กๆ ต้องที่นี่



คลิกอ่านประวัติสวนสยาม

สวนสยามยังรับจัดค่ายด้วยนะคะ
สามารถศึกษาวิทยาศาสตร์แสนสนุก
หลักการฟิสิกส์ง่ายๆ จากเครื่องเล่น เช่น ทฤษฏีการตกอิสระ จากเครื่องเล่นยักษ์ตกตึก
กฎทรงพลังงาน การถ่ายเทพลังงานศักย์
ไปเป็นพลังงานจลน์จากเครื่องเล่นวอร์เท็กซ์
ความเร็วสัมพัทธ์ จากเครื่องเล่นเหยี่ยวเวหา
ทฤษฎีแรงเสียดทาน กับเครื่องเล่น
สไลเดอร์ยักษ์และซูเปอร์สไปรัล
มีห้องพักและเรือนนอนให้บริการด้วยค่ะ

คลิกอ่านค่ายลูกเสือสวนสยาม


จากเด็กบ้านนอกที่ครอบครัวยากจน
แต่มีความฝันยิ่งใหญ่ที่อยากจะมีเงิน
เพื่อสร้างสิ่งที่ทำให้ผู้คนมีความสุข
ทุกวันนี้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา
เขาเป็นถึงเจ้าของสวนสนุก
ภายใต้คำขวัญสั้นๆ ว่า
“สวนสยาม...โลกแห่งความสุข สนุกไม่รู้ลืม”
เขาผู้นี้คือ คุณไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ

คลิกอ่านต่อที่นี่

ดูคลิปรายการกบนอกกะลา ตอน สวนสนุก - 1

ดูคลิปรายการกบนอกกะลา ตอน สวนสนุก - 2

สำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้เราไปเอง จ่ายเอง
ไม่ได้รับการจ้างวานให้ทำการโฆษณาเผยแพร่ใดๆทั้งสิ้น
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โปรดสอบถามไปยังสวนสยามโดยตรงได้เลยจ้า





 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2555 10:51:25 น.
Counter : 15256 Pageviews.  

เพลินธรรม @ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ [สวนโมกข์กรุงเทพฯ]

เพลินธรรม @ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ [สวนโมกข์กรุงเทพฯ]

สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 ที่ผ่านมานี้เอง
เราได้ไปร่วมกิจกรรมเพลินธรรม นำชม เจริญสติ
ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ [สวนโมกข์กรุงเทพฯ]
ถึงได้นำข้อมูลมาฝากกันด้วยค่ะ

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
ตั้งอยู่ที่สวนวชิรเบญทัศ (สวนรถไฟ)
ถนนนิคมรถไฟสาย 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น.

เครดิตแผนที่ : //www.bia.or.th



ดูแผนที่และวิธีการเดินทางโดยละเอียด
คลิกที่นี่ค่ะ

มาถึงแล้ว เข้าไปกันเลยค่ะ





พื้นที่สวนโมกข์ กรุงเทพ ฯ เชื่อมต่อ
พื้นที่เดียวกันกับสวนรถไฟ
จึงดูร่มรื่น สบายตาในยามแรกเห็น











รายละเอียดพื้นที่ในสวนโมกข์ กรุงเทพ ฯ



รายละเอียดการจัดตั้ง









ห้องหนังสือและสื่อธรรม


ในระหว่างรอวิทยากรพร้อม
เราได้เข้าไปซื้อหนังสือและซีดีเพลงในห้องนี้

























ป้ายสื่อความหมายและโปสเตอร์ต่างๆ
ที่ติดไว้บนบอร์ด































ดูจากป้ายโปสเตอร์แล้ว
เรียกได้ว่ามีกิจกรรมธรรมะ
ให้ลอง และทำ กันมากมาย

เช่น

ทุกวันเวลา 17.30-19.00 น.
เปิดให้พุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ปฏิบัติธรรม
อานาปานสติ 16 ขั้นแบบท่านพุทธทาส

ทุกวันเสาร์ 14.00-16.00 น.
มีเสวนาธรรม "สวนโมกข์เสวนา"

ทุกวันอาทิตย์มีกิจกรรมสอนสมาธิ
ภาวนาอานาปานสติ เวลา 14.00-16.00 น.

ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน
มีกิจกรรมธรรมะในสวน
ทำบุญใส่บาตร ปฏิบัติธรรม
และฟังดนตรีธรรมร่วมกัน เวลา 09.00-15.00 น.

ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมีกิจกรรมโยคะ

ทุกวันอาทิตย์ที่ 4 ของเดือน
มีกิจกรรมรำมวยไทเก๊ก

ภาพพื้นที่ชั้นล่างของอาคารค่ะ



















ลานหินโค้ง
มีภาพพุทธประวัติที่จำลองมาจาก
ภาพพุทธประวัติชุดแรกจากอินเดีย
ถือว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่าแห่งใดในโลก
กึ่งกลางลานหินโค้งประดิษฐานพระอวโลกิเตศวร




























ไปกันต่อค่ะ



สวนกิจกรรมลานธรรมะ
หรือ ลานริมสระนาฬิเก











สถาปัตยกรรมฃ
แฝงข้อคิดปริศนาธรรม
เสา 5 กับนกฮูก









ที่เห็นลิบๆ นั่นคือต้นมะพร้าวนาฬิเก

มะพร้าวพื้นเมืองทางใต้





อ่านธรรม เรื่อง เรื่อง มะพร้าวนาฬิเกร์
คลิกที่นี่

สระนาฬิเกร์
ท่านพุทธทาสได้แรงบันดาลใจ
มาจากเพลงกล่อมเด็กพื้นบ้านที่ชื่อ “มะพร้าวนาฬิเกร์”
อันว่าด้วยเรื่องโลกุตระ หรือเรื่องนิพพาน

“เอ่ย น้องเอย มะพร้าวนาฬิเกร์
ต้นเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง
กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึงได้แต่ผู้พ้นบุญเอย”


มะพร้าวนาฬิเกร์ ต้นเดียวโนเน คือพระนิพพาน
ที่เป็นความหนึ่งเดียว ไม่มีคู่เปรียบ

กลางทะเลขี้ผึ้ง หมายถึง ท่ามกลางสังสารวัฏ
ซึ่งมีของคู่คละเคล้ากัน ดีกับชั่ว บุญกับบาป
แต่นิพพานนั้นอยู่เหนือบุญ-บาป ดี-ชั่ว

ต้นมะพร้าวกลางทะเลขี้ผึ้ง เป็นความเปรียบว่า
พระนิพพานนั้นอยู่ท่ามกลางวัฏสงสาร
ความรู้แจ้งเห็นทุกข์ก็ต้องเกิดขึ้นตรงที่เกิดทุกข์
ความทุกข์เกิดที่ไหนความดับทุกข์ต้องเกิดในที่นั่น

ฝนตกไม่ต้องฟ้าร้องไม่ถึง หมายความว่า
ไม่มีสิ่งใดมาแผ้วพานได้

ถึงได้แต่ผู้พ้นบุญ ก็คือเมื่อพ้นบาปก็ถึงบุญ
เมื่อพ้นบุญก็ถึงนิพพาน ท่านพุทธทาส
ให้สร้างสระนาฬิเกร์ไว้ในสวนโมกข์
เพื่อเป็นอุปกรณ์ของมหรสพทางวิญญาณ
ให้คนที่เห็นได้รู้สึกระลึกถึงธรรมะ
และเป็นการระลึกถึงปัญญาคุณ
ของคนรุ่นปู่ย่าตายายที่มีความเอาจริงเอาจัง
ในการปฏิบัติธรรม จนถึงมีการเอาเรื่องพระนิพพาน
มาใส่ไว้ในเพลงกล่อมเด็ก

อ้างอิงจากเว็บไซต์ sarakadee.com
อ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ

ฟังเพลงมะพร้าวนาฬิเกร์
โดย วงจีวัน




ห้องนิทรรศการนิพพานชิมลอง
อยู่ชั้นสองค่ะ









บรรยายาภาพปริศนาธรรมจากทิเบต





ภาพปริศนาธรรมอื่นๆ







ตลอดเวลาสองชั่วโมง
ที่วิทยากรนำชมและบรรยายธรรม
ให้เราได้ชิมและลอง
ทำให้รู้สึกว่า..
ความรู้และการปฏิบัติในทางธรรม
เรายังไปไม่ถึงไหนเลย
....ชวนให้พาครอบครัวกลับไปอีก
เพื่อไปลองและเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้นค่ะ

ลองไปกันนะคะ




" มองแต่แง่ดีเถิด "

เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่างไปรู้ ของเขาเลย

จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง

พุทธทาสภิกขุ






สามารถคลิกที่ภาพ
เพื่อชมภาพขนาดใหญ่ขึ้น

ขอเชิญชวนเพื่อน ๆ ติดตามรีวิวมาใหม่
และข้อมูลการท่องเที่ยว และเรียนรู้ ร่วมกับครอบครัว
ใน facebook : ท่องเที่ยวไป by ชมจันทร์
ได้อีกทางหนึ่งค่ะ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 13:16:49 น.
Counter : 4305 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

ชมจันทร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.