เที่ยวหนองบัวลำภู : พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปีและไดโนเสาร์
ยังคงเดินทางท่องเที่ยวกันต่อไป ตามสโลแกนของ ททท.เที่ยวเมืองไทยไปได้ทุกเดือนซึ่งล่าสุดมีสโลแกน "เทียวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน" อันหมายถึง เที่ยวด้วยหัวใจด้วยความรักและภาคภูมิใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเที่ยวอย่างเข้าใจ ในวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น เที่ยวอย่างสร้างสรรค์ชื่นชมความงามด้วยมุมมองใหม่ๆที่ต่อยอดได้เที่ยวด้วยสำนึกรู้ซึ้งถึงคุณค่าและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเที่ยวไปด้วยกันกับคนใกล้ตัวทดลองใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้านแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันทำให้เราได้เที่ยวและรักเมืองไทย อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ อิอิช่วงหยุดยาววันแม่เดือนสิงหาคม 2555 นี้ ครอบครัวเราได้ไปท่องเที่ยวสถานที่น่าสนใจแห่งหนึ่งอยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภูมาค่ะนั่นก็คือ.... "พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปีและไดโนเสาร์"นั่นเองค่ะอันว่าแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดหนองบัวลำภูนั้นมีอยู่หลายแห่งด้วยกันเช่น แหล่งโบราณคดีภูผายา อำเภอสุวรรณคูหาวัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมืองหนองบัวลำภูวนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้ อำเภอเมืองหนองบัวลำภูถ้ำเอราวัณ อำเภอนาวังศาลหลักเมืองพระวอ พระตา อำเภอเมืองหนองบัวลำภูโนนวัดป่า อำเภอโนนสังหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภูแผนที่ท่องเที่ยวคร่าวๆพิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปีและไดโนเสาร์ เดิมเป็นเหมืองหินทราย มีการระเบิดหินทำให้เกิดหน้าผาสูงซึ่งพบซากเปลือกหอยโบราณ ต่อมาเหมืองถูกทิ้งร้าง ชาวบ้านได้เข้าไปพบหิน ที่มีลักษณะคล้ายเปลือกหอยสวยงาม จึงขุดขายเป็นจำนวนมาก เมื่อกรมทรัพยากรธรณีสำรวจ ได้พบว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์เปลือกหอยกาบคู่ มีอายุอยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลาย ชาวบ้านจึงเข้าไปขุดกันมากขึ้นจนเกิดเหตุหินถล่มทับผู้ลักลอบขุดเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ต่อมาพื้นที่แห่งนี้ได้พัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่อง จักรวาลเอกภพ ระบบสุริยจักรวาล โลก แหล่งกำเนิดชีวิต วิวัฒนาการของพืช สัตว์ มนุษย์ ไดโนเสาร์ และซากดึกดำบรรพ์ ซากกระดูกไดโนเสาร์พบที่บ้านห้วยเดื่อ ซากดึกดำบรรพ์หอยหินพบที่บ้านห้วยเดื่อ จำลองหน้าผาที่พบซากหอยหิน การทำงานของนักโบราณชีววิทยา ข้อมูลโดย : โครงการ 7greens - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเว็บไซต์ : //7greens.tourismthailand.org/คลิกที่นี่ค่ะสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ ต.โนนทัน อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ตั้งอยู่ภายในเขตสำนักงาน องค์การบริหารส่วนตำบลโนนทัน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือ ประมาณ 25 กม.ใช้ทางหลวงหมายเลข210(หนองบัวลำภู-อุดรธานี) ไปทางหมู่บ้านห้วยเดื่อ เปิดเวลา 08.30 ปิดเวลา 16.30 เท่านั้น สามารถเข้าชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการค่าบัตรเข้าชมเข้าไปกันเลยค่ะจากจุดซื้อบัตรเข้าชมตรงไปเรื่อยๆ ทางด้านซ้ายจะเป็นอาคารหอยหิน 150 ล้านปีด้านหน้าเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวร ฯด้านขวาเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เกาลัดขี่หลังไดโนเสาร์ข้ามสะพานเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์กันค่ะมีการแสดงไดโนเสาร์เคลื่อนไหวได้รอบต่างๆ ดังนี้ข้อปฏิบัติในการเข้าชมทางเข้าพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แผนผังการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์โซนที่ 1 ท่องจักรวาล มีการจัดฉายสารคดีเกี่ยวกับจักรวาลน่ารักมากค่ะ ในส่วนที่เป็นบทสนทนาตามภาพที่เห็นผู้แสดงพูดคุยกันเป็นภาษาท้องงถิ่นอีสาน น่ารักมาก ^^โซนที่ 2 โลก แหล่งกำเนิดชีวิตเป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งพืช สัตว์และมนุษย์โซนที่ 3 อาณาจักรนักล่าโซนนี้จะเป็นการเรียนรู้เรื่องยุคของไดโนเสาร์และซากดึกดำบรรพ์ไฮไลท์ของที่นี่คือไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวได้ประหนึ่งมีชีวิตจริง ๆตัวนี้เองค่ะ เจ้าT-Rex ไดโนเสาร์พันธ์กินเนื้อ เคลื่อนไหวได้สมจริงมีมูลค่า 4 ล้านบาท ขนาดเท่าตัวจริงยาวกว่า 7 เมตร สูง 4 เมตร น้ำหนักถึง 1.7 ตัน ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถขยับส่วนหัว อ้าปาก ขยับตา ขยับขาหน้า ขยับลำตัว และหาง พร้อมทั้งเสียงร้องคำราม ฟันและขากรรไกร สามารถจำแนกไเด้ว่าเป็นไดโนเสาร์กินพืชหรือกินเนื้อไดโนเสาร์ ค้นพบที่ตำบลโนนทัน ซากดึกดำบรรพ์ต่างๆโซนที่ 4 มหัศจรรย์แห่งการค้นพบโซนที่ 5 ตามรอยนักสำรวจให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของนักโบราณชีววิทยา และแสดงเครื่องมือที่ใช้ในการสำรวจทางธรณีวิทยาวิธีอ่านแผนที่ธรณีวิทยาขั้นตอนการขุดค้นซากดึกดำบรรพ์ของนักโบราณชีววิทยาผู้ค้นพบไดโนเสาร์ไทย เช่นนายวราวุธ สุธีธร ผู้ค้นพบ สยามโมซอรัส สุธีธรนี (Siamosaurus suteethorni)นายนเรศ สัตยารักษ์ ผู้ค้นพบ ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี (Psittacosaurus sattayaraki)ดร.จงพันธ์ จงลักษมณี ได้พบฟอสซิลของอิกธิโอซอร์ ตั้งชื่อใหม่ว่า "ไทยซอรัส จงลักษมณี" (Thaisaurus chonglakmanii)ที่มา : th.wikipediaคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะอุปกรณ์เครื่องมือคู่ใจของนักโบราณชีววิทยาและนักธรณีวิทยาไปต่อกันที่อาคารหอยหิน 150 ล้านปีค่ะหอยหินโบราณที่ค้นพบเป็นซากฟอสซิลหอยดึกดำบรรพ์ ชนิดหอยกาบคู่ยุคครีเตเซียสตอนต้น สันนิษฐานว่าที่แห่งนี้ในสมัยอดีต เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ แหล่งขุดพบหอยหิน 150 ล้านปีแหล่งค้นพบหอยหินโบราณปิดท้ายด้วยความประทับใจที่เชียงคานค่ะ
เที่ยวอยุธยา ไหว้พระศรีลังกา กุ้งเผาพาชิม
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองที่ไปแล้วก็ไปอีกอยู่เรื่อย ๆเพราะอยุธยามีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและที่กินมากมายหลากหลายรูปแบบอีกทั้งยังเดินทางจากบ้านไปถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็วทริปนี้เราเที่ยวแบบชิลล์ ๆ สบาย ๆ เพียงไม่กี่แห่งและได้ชิมอาหารอร่อย ๆ ที่นั่นด้วยตามเราไปกันเลยค่ะที่พักของเราในครั้งนี้คือลิม่าเพลส ไปพักที่นี่มาหลายหนรีวิวเอาไว้หลายรอบแล้วค่ะดูรีวิวเดิมที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะคลิกที่นี่สถานที่แห่งนี้คือ "ป้อมเพชร"เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาณ จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นทำเลยุทธศาสตร์การรบทางน้ำที่สำคัญ"เกาะเมืองอยุธยา" โอบล้อมด้วยแม่น้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงนี้เองค่ะ จุดที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาพบกับแม่น้ำป่าสักในอดีตนั้นหากมองจากป้อมเพชรจะเห็นเรือที่จะเข้ามาเทียบท่าที่เกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา พ่อค้าชาวต่างชาติทั้งหลายล่องเรือสำเภาและจอดเรือขนถ่ายสินค้าที่บริเวณหน้าป้อมเพชรแห่งนี้เองป้อมเพชร มีทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชมหากมองแผนที่เกาะเมืองอยุธยาจะเห็นจุดที่แม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยามาบรรจบกันมีคิวรถตู้โดยสารสายโลตัส บิ๊กซี ป้อมเพชรจอดอยู่ที่หน้ารั้วของป้อมแห่งนี้เราไม่ได้สอบถามราคา เวลาให้บริการและข้อมูลอื่นๆ มาฝากหากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมโทรศัพท์สอบถามได้ตามหมายเลขที่ติดไว้ท้ายรถค่ะเป็นโอกาสอันดีช่วงที่เราไปอยุธยามีการจัดงานความสัมพันธ์อยุธยา-ศรีลังกา เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ฯ จัดขึ้นเมื่อ 2-4 สิงหาคม 2555 ณ ศาลากลางหลังเก่า กรุงเก่ามรการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองที่หาชมได้ยาก มีเอกลักษณ์เด่น คือ ลีลาท่วงท่าโลดโผน ว่องไว เราไปทันได้ชมการแสดงหุ่นสายแบบดั้งเดิมอีกด้วยค่ะ ของที่ระลึก สินค้าจากศรีลังกาที่มีจำหน่ายในงานที่โดดเด่น คือ ชาซีลอนที่สำคัญงานนี้ได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของศรีลังกา คือ พระเขี้ยวแก้ว จากเมืองแคนดี้ (องค์จำลอง) ให้สักการะบูชา และยังได้จัดแสดงขบวนแห่ เอสาละ เปราเหรา ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียง และเป็นสัญลักษณ์ของศรีลังกาโฆษกบอกว่าที่เห็นบนหลังช้างในขบวนแห่คือพระเขี้ยวแก้วพาเที่ยวพอกรุบกริบแล้วขอพาไปชิมอาหารอร่อย ๆ กันบ้างคราวนี้เราได้ไปลองชิมบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นร้านคุโรดะ (Kuroda) อยุธยาสามคนพ่อแม่ลูกจ่ายไปในราคาคนละ 399 บาทสุทธิ เด็กที่สู่งไม่เกินทางร้านกำหนด จ่ายในราคาเด็กขอโทษทีไม่ได้ถามว่าราคาเท่าไหร่และส่วนสูงไม่เกินเท่าไหร่สำหรับลูกชายเรา ทางร้านพาไปวัดส่วนสูงถ้าสูงเกินเส้นเหลือง ๆ ก็ต้องจ่ายราคาเต็มสามารถนั่งได้ 2 ชั่วโมงที่ตั้งของร้านอยู่ซอยตรงข้ามโรงแรมอยุธยาแกรนด์เลยค่ะถ่ายจากหน้าร้านไปยังปากซอยจะเห็นโรงแรมอยุธยาแกรนด์อยู่ฝั่งตรงข้ามปากซอยตามนี้ค่ะแผนที่โรงแรมอยุธยาแกรนด์เครดิตแผนที่ : thai-tour.comโดยรวมก็อร่อยคุ้มค่าดีค่ะอีกแห่งที่ไปชิมด้วยความที่อยากกินกุ้งเผาเอามาก ๆ เราจึงได้ไปร้านกุ้งเพื่อนแพรวอยู่ในตลาดกลางเพื่อเกษตรกรอยุธยาติดถนนสายเอเชียร้านกุ้งเพื่อนแพรวจะสังเกตเห็นง่ายเพราะอยู่ด้านหน้าตลาด ใกล้ที่จอดรถเลยค่ะในจานเป็นกุ้งกิโลกรัมละ 600 บาท ตัวโต ๆ เนื้อแน่ๆเผาครึ่ง ก.ก. แบ่งทำฉู่ฉี่กุ้งครึ่ง ก.ก. เพิ่มค่าทำฉู่ฉี่ 50 บาทพ่อช่วยแกะให้ด้วยความอยากกินมาก เกาลัดน้ำลายไหลยืดเป็นทางเช็ดแทบไม่ทัน แม่เห็นแล้วก็ขำกุ้งเผา ห่อหมกปลาช่อน ปลาม้าทอดกระเทียมยังมีกุ้งเผา ขนาดกิโลกรัมละ 380 บาท สั่งมาอีกครึ่งกิโลกรัมเพราะความงก กลัวว่าจะไม่อิ่มแต่พอกุ้งเผาจานที่สองมา ก็ไม่ไหวแล้ว อิ่ม สรุปกุ้งจานที่สองเลยต้องห่อใส่ถุงแทนแต่ก็หวานอร่อยค่ะ พอแกะถุงกิน ลูกชายก็น้ำลายหยดอีกรอบสงสัยจะอยากกินมากๆ จริงๆอ่านรีวิวเพิ่มเติมร้านคุโรดะ และกุ้งเพื่อนแพรวภาพเต็มๆ เน้น ๆคลิกที่นี่ค่ะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่อยู่ที่ทุ่งหันตราไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพักนั่นคือ "อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี"คลิกอ่านรายละเอียดโครงการก่อสร้างอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี//www.ayutthaya.go.th/chaloem_phrakiat_park/index.phpคลิกดูแผนที่คลิกที่นี่สถานที่แห่งนี้เป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีถวายเป็นราชสักการะ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านซ้ายเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีนี้ขุดเป็นหนองโสนเชื่อมต่อกับคลองธรรมชาติ คือ คลองข้าวเม่า รวบรวมสายพันธ์โสน 4 สายพันธ์ ปลูกบริเวณริมหนองในพื้นที่ 4 ไร่ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และส่งเสริมอาชีพจากโสนนอกจากนั้นได้กำหนดพื้นที่รอบหนองโสน ให้อำเภอ 16 อำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเสนอภาพลักษณ์ของอำเภอ ได้แก่ สัญลักษณ์และของดีของอำเภอ และเรื่องราวที่แสดงถึงความรู้สึกหรือความประทับใจของพี่น้องชาวอำเภอนั้นๆ ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบางบาล ลาดบัวหลวง บางปะหัน วังน้อยตอนนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จดีแต่ก็อนุญาตให้ผู้สนใจเข้าไปชมได้แล้วค่ะขอปิดท้ายด้วยแผนผังอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีจากเว็บไซต์ของโครงการนับว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้น่าสนใจมากมายทีเดียวค่ะ
เที่ยวอุดร หนองคายไปกับสามเกลอ เพราะคิดถึง จึงได้พบเจอ
คู่หูแม่ คู่หูลูก .. สามคู่แม่ลูก นัดไปเที่ยวด้วยกัน ส่วนของคุณพ่อ ๆ นั้นต่างก็ติดภารกิจแตกต่างกันออกไป เป็นโอกาสของเราแล้ว ที่จะได้ไปเที่ยวกันตามใจ เนื่องจากโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย ทำให้เราได้มีโอกาสบินไปกลับเส้นทางกรุงเทพ ฯ อุดรธานีในราคาประหยัดอยู่เสมอ ทริปบินวันหยุดเสาร์อาทิตย์ 14 15 กรกฎาคม 2555 นี้ สามคู่แม่ลูกหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่า จะพากันไปเล่นน้ำที่สวนน้ำนาข่าบุรี อุดรธานีด้วยกัน แต่เหตุเพราะเกาลัดเพิ่งจะฟื้นไข้ จึงต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ทำเอาเด็กน้อยทั้งสามแอบผิดหวังไปบ้างเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาดีใจและมีความสุขที่ได้พบเจอ ได้เที่ยวเล่นด้วยกัน เพราะความคิดถึงและมิตรภาพที่มีต่อกันนั่นเอง สำหรับการไปท่องเที่ยวและเรียนรู้ครั้งนี้ เราได้ไปกันที่สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย ฟาร์มจระเข้หนองคายที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน รวมทั้งศาลาแก้วกู่ หนองคายด้วย ........ ตามเราไปกันค่ะคู่หูแม่ลูกบินไปกับแอร์เอเชีย เราไปเที่ยวบินเช้าสุด จึงงัวเงียเล็กน้อยก่อนออกจากบ้านตอนเช้ามืด เพื่อความสะดวกรวดเร็วเราได้ทำเว็บเช็คอินมาล่วงหน้า ไฟลท์นี้ได้สั่งอาหารล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทั้งเที่ยวไปและกลับ มีอาหารชุดร้อน ๆ สำหรับเด็ก บรรจุมาในกล่องน่ารัก และมีของเล่นแถมมาให้ด้วย อาหารรสชาติดีทีเดียวเลยล่ะไปถึงสนามบิน รอสักพักเพื่อนก็มารับ เกาลัด กับ จิงจัง พี่จิงจังๆ เกาลัดเห็นพี่จิงจังเดินมาหาก็ร้องเรียกด้วยความดีใจส่วนจิงจังนั้นก็เดินยิ้มฟันขาวเข้ามาหาน้องชายลูกชายทั้งสองสีหน้ายินดีเบิกบานสุด ๆ เมื่อได้เจอกัน จากนั้นเป็นต้นไปพวกเขาก็ทำตัวประหนึ่งปาท่องโก๋ ตัวติดกัน ไปไหนก็เดินไปด้วยกัน สองหนุ่มน้อยพูดคุยหยอกล้อกันในรถตลอด จุดหมายแรกที่เราเดินทางไปก็คือ สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ อยู่แถวๆ หนองสำโรง นอกตัวเมืองอุดรเล็กน้อย ตามเส้นทางไปหนองคาย ไม่ไกลจากสนามบินมากนักแผนที่ค่ะกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ เป็นผลผลิตจากภูมิปัญญาของชาวอุดรแท้ ๆ คือ คุณประดิษฐ์ คำเพิ่มพูน ซึ่งปัจจุบันท่าล่วงลับไปแล้ว ได้สนใจเพาะเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกตั้งแต่ทำงานที่สถานกงสุล ด้วยความสนใจจริงจังจึงได้เกิดพันธุ์กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ขึ้นปัจจุบันบุตรชายของคุณประดิษฐ์ คือ คุณประณิภาณ คำเพิ่มพูน ซึ่งมีดีกรีปริญญาตรีและโททางด้านการเกษตรจากต่างประเทศ ได้เข้ามาดูแลบริการจัดการต่อ พร้อมทั้งเป็นวิทยากรแก่ผู้เข้าชมรายละเอียดของกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ น่าเสียดายในวันที่เราไป ไม่มีกล้วยไม้หอมให้ยล เพราะเป็นช่วงที่กำลังรื้อแปลงกล้วยไม้ปรับปรุงใหม่พอดี แม้ว่าเป็นการเดินทางไปแบบไม่ได้นัดหมายกับทางสวนกล้วยไม้ ฯ ล่วงหน้ามาก่อน แต่ก็เป็นโอกาสดีที่คุณประณิภาณได้ออกมาต้อนรับและนำชมแปลงเพาะปลูกด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวที่น่าสนใจให้ฟัง เราได้เห็นกล้วยไม้สวย ๆ แบบต่าง รวมทั้งพรรณไม้ที่เป็นของหายาก ที่เราเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนถึงเราจะพลาดชมนางสาวอุดรซันไฌน์ ซึ่งเป็นนางเอกของที่นี่ แต่เราโชคดีที่คุณประณิภาณได้แนะนำให้เรารู้จักต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่สามารถขยับใบเมื่อมีเสียงเพลงดังขึ้น พืชชนิดนี้เรียกว่า ต้นไม้เริงระบำ หรือชาอุดรเริงระบำสงสัยหรือเปล่าคะว่าต้นไม้ชนิดนี้จะเริงระบำได้อย่างไร เราเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือให้ใบไม้ร่ายรำ แล้วถ่ายคลิปมาให้ดูด้วยค่ะทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ได้เห็นแล้วก็ตื่นเต้น สนุก ดีใจคุณประณิภาณอธิบายให้เราฟังคร่าวๆ ว่า การเริงระบำของต้นไม้ชนิดนี้ เกิดขึ้นจากคลื่นเสียงส่งผลให้ท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหารของใบบีบรัดตัวจึงขยับได้ หลักการทำงานของท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหารของใบพืชชนิดนี้ คล้ายกับต้นไมยราพ ชาอุดรเริงระบำ จะปลูกในเดือนมกราคม และเก็บเกี่ยวตอนสิ้นปี นำไปอบแห้งทำเป็นชาสมุนไพร มีฤทธิ์เป็นตัวยาหลายอย่าง มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด น่าสนใจทีเดียวค่ะผลิตภัณฑ์เด่นของที่นี่อีกอย่างคือ น้ำหอมที่สกัดจากกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ และน้ำหอมที่ใช้ส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน คือ "ว่านหอมตูบหมูบ" และ "แมงแคง" มีหลายขนาด ราคาย่อมเยา น่าอุดหนุนค่ะจากบ้านของสาวน้อยอุดรซันไฌน์ เราไปกันต่อที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร ที่เราหมายมั่นปั้นมืออยากมาเที่ยวชมนานแล้ว ผ่านไปผ่านมาก็หลายครั้งแต่ไม่เคยได้แวะ เพิ่งได้มีโอกาสก็วันนี้แหละค่ะ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร ตั้งอยู่ในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี ใกล้หนองประจักษ์ ตามแผนที่นี้เวลาเปิดปิดตามนี้ค่ะ แอบดีใจ ที่วันเสาร์อาทิตย์ก็เปิดให้เข้าชม เราไปถึงเช้าวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2555 เวลาประมาณ 10.20 น. แต่ปรากฏว่าพิพิธภัณฑ์ปิด ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เราไปเห็นกลุ่มผู้สนใจเข้าชมหลายๆ คน นั่งรออยู่แถวนั้นด้วย ในตอนนั้นผิดหวังนิด ๆ และมีคำถามอยู่ว่าทำไมถึงได้ปิด และไม่มีป้ายแจ้งให้ทราบเลย ทำเอารอเก้อไปหลายคน เตร็ดเตร่แถวนั้นอยู่พักใหญ่ๆ ถึงได้ขับรถพาไปกันไปต่อระหว่างทางเด็กทั้งสองเล่นกันเสียงดังที่เบาะหลัง ต้องคอยปรามเป็นระยะ เพื่อนชวนแวะกินกุ้งแถวตำบลนาข่า แต่เด็กๆ ยังไม่อยากจะแวะ ผ่านสวนน้ำนาข่าบุรีด้วยความเสียดาย สักพักเสียงจากเบาะหลังก็เงีบบลง หันไปมองปรากฏว่าแสบซนทั้งสองคนนอนหลับก่ายเกยกันซะแล้ว เหลือแต่คู่คุณแม่ที่คุยกันตลอดทาง สถานที่ต่อไปคือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสิรินธร หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่ในบริเวณของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย โชคดีที่ฝนไม่ตกแต่แดดร้อนเปรี้ยง ๆเวลาเปิดให้บริการตามนี้จ้าประวัติการก่อตั้งและราคาเข้าชมจุดตรวจบัตรก่อนเข้าชมมีทั้งภาษาไทย ภาษาลาว มีโครงกระดูกปลาบึก ปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก พบได้ที่แม่น้ำโขง ถิ่นอาศัยแหล่งเดียวในโลกของปลาบึก ตั้งไว้ให้ศึกษาอุโมงค์ปลาอันสวยงามในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ห้ามใช้แฟลชในยามถ่ายภาพจ้าเพื่อนอีกคนที่อยู่หนองคาย พาลูกชาย กีตาร์ มาสมทบ ครบสามเกลอ ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ดูไปดูมาให้อารมณ์เมืองบาดาล วังพญานาค ประมาณนั้น10 อันดับปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีปลาบึก ครองอันดับ 1 สงสัยว่าปลาดุกสงบนิ่งอยู่ทำไม ยืนดูตั้งนานก็ไม่ขยับ อยากได้คำตอบจังอุปกรณ์จับสัตว์น้ำแบบพื้นบ้านชนิดต่าง ๆบริเวณทางออกมีร้านอาหาร น้ำดื่ม ขนม จำหน่ายหิวมากแล้ว เพื่อนพาไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านนงเยาว์ปลาเผา อยู่นอกเมืองหนองคายไปทางอำเภอโพนพิสัย แถวนั้นเรียกว่า หาดคำร้านนงเยาว์ปลาเผา เป็นร้านแบบบ้าน ๆ คนท้องถิ่นพามาเอง และการันตีว่าอร่อย จะต้องลองแบบจัดเต็มสักหน่อยแล้ว ว่าแล้วน้ำลายก็เริ่มไหลตั้งแต่ยังไม่สั่งอาหาร เห็นโต๊ะอื่นสั่งมามีแต่ของน่ากิน ...หิวมาก พอสั่งปุ๊บ ไม่นานนักก็อาหารก็มาเสิร์ฟ สารพัดน้ำจิ้ม และปลาเผา ผักเคียงสดๆ หวานกรอบ กินแบบเมี่ยงปลาเผามาก่อนอย่างอื่นตามมาด้วยลาบปลาน้ำโขง ตำแตง ต้มปลาน้ำโขง เพื่อนสั่งแม่ครัวว่า เอาแบบต้มปลาแบบส้มบ้านเรา รสชาติจึงถูกปากเป็นอย่างมากมื้อนี้อร่อยและไม่แพงเลยจากนั้นขับรถตามกันไปที่ท่าเสด็จ ซื้อของเล่นให้เด็ก ๆช่วงเย็นเด็กๆ เล่นกันอยู่ที่บ้านเพื่อนส่วนคุณแม่ ๆ แยกตัวพากันไปช้อปปิ้งที่ห้างบิ๊กเจียง ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาคนละชิ้นสองชิ้น คืนนี้เรานอนพักกันที่บ้านเพื่อนที่หนองคายค่ะ เพื่อนบอกว่า ที่หนองคายมีการแสดงจระเข้ด้วย เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนเมษายนปีนี้เอง ยามสายของวันอาทิตย์ เราจึงพากันไปดูโชว์จระเข้ที่ฟาร์มจระเข้หนองคาย อยู่ปากทางเข้าศาลาแก้วกู่ ถนนสายหนองคาย โพนพิสัย ไม่ไกลตัวเมืองมากนัก แผนที่ศาลาแก้วกู่ค่ะถึงแล้วค่ะฟาร์มจระเข้หนองคาย ไปซื้อบัตรกันค่ะ บัตรผู้ใหญ่ 50 บาท บัตรเด็ก 30 บาท เด็กที่สูงเกิน 120 เซนติเมตร ต้องซื้อบัตรราคาเดียวกับผู้ใหญ่ มีรายละเอียดรอบการแสดงโชว์แปะไว้ เราไปถึงประมาณสิบโมงเช้า เพราะมีคนมาดูพร้อมกันจำนวนมากพอที่จะเปิดรอบพิเศษ จึงจะได้ดูโชว์รอบพิเศษกัน ข้อควรระวัง ไม่ควรแหย่ ไม่ควรให้อาหาร ไม่รบกวนให้จระเข้ตกใจ ควรดูแลบุตรหลานของตนให้ดีไปกันจ้า บริเวณแสดงโชว์มีลูกกรงล้อมรอบอยู่ นั่งรอพักใหญ่กว่าโชว์จะมาเริ่มแสดงแล้วค่ะ การแสดงมีมุกตลก ขำ ๆ ให้เราหัวเราะเฮฮาขำกลิ้งคนกับจระเข้ ...อยู่เรื่อย ๆหลายครั้งที่มีลุ้น มีตื่นเต้น ยิ้มค้างจำไม่ได้แล้วว่าโชว์กี่นาที ก็รู้สึกว่านานพอสมควร แดดก็ร้อนเสียจนต้องไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้แช่มาดับกระหายในโชว์เราได้มีส่วนร่วมโยนเหรียญเข้าปากจระเข้ด้วยแม่ของจิงจังโยนแม่นที่สุดเสร็จจากฟาร์มจระเข้หนองคาย ไปต่อที่ศาลาแก้วกู่ ขับรถเข้าไปในซอยเดียวกัน ไม่ไกลกันนักค่าเช้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท หน้าช่องจำหน่ายตั๋วมีร่มให้เช่าในราคาถูกแสนถูก ซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปข้างในกันเลยเกาลัดกับพี่จิงจังไม่สนใจใคร พากันเดินไป คุยไปกันแค่สองคนโลกนี้มีเพียงเราสองคนอีกแล้วไม่รู้คุยอะไรกัน คุยกันถูกคอม๊ากก ส่วนพี่กีตาร์เป็นไกด์คอยอธิบายโน่นนี่ให้แม่บุ๋มฟังเหมือนเมื่อวานรูปปั้นในศาลาแก้วกู่ สวยงามแปลกตาดี รูปปั้นต่างๆ เหล่านี้บ้างก็เป็นรูปปั้นสักการะตามความเชื่อต่างๆ บ้างก็เป็นเรื่องราวพุทธประวัติ บ้างก็เป็นเรื่องของนิทานปรัมปรา วรรณกรรมพื้นบ้านของชาวอีสาน มีคำอธิบายให้อ่านเดินชมกันเรื่อย ๆ ในบางจุดก็แอบกลัว ไม่กล้าหยุดดูนาน ๆ เข้าไปในตัวอาคารของศาลาแก้วกู่ ทำบุญ ไหว้พระ ยกพระเสี่ยงทายจากนั้นก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวมื้อกลางวัน อร่อยดี แต่ ด้วยความหิวไม่ได้ถ่ายภาพมา หลังจากกินข้าว ก็แวะซื้อของ แวะไป บขส. หนองคายไปดูตารางรถโดยสารไปเวียงจันทน์จากนั้นก็ไปนั่งเล่น นอนเล่นคุยกันต่อที่บ้านเพื่อน จนใกล้เวลากลับ เพื่อนก็ขับรถไปส่งเรากับลูกชายที่สนามบินอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ เที่ยวบิน 17.40 น. โบกมืออำลา แล้วพบกันใหม่ ไปเที่ยวกันใหม่โอกาสหน้านะเพื่อน
พาลูกตะลุยสวนสยาม เคียงคลื่นทะเล เฮฮากับเครื่องเล่นสุดมันส์
สวนสยาม ท้องทะเลแห่งกรุงเทพ ฯ ใครๆ คงได้ยินได้ฟังผ่านสื่อต่างๆ กันเยอะแต่เชื่อไหมว่าเราเอง..วันและวัยก็ล่วงเลยมาจนปูนนี้ ^^ไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในอาณาเขตของสถานที่แห่งนี้เลยสักครั้งเมื่อเดือนที่แล้วน้องชายพาครอบครัวแวะมาเยี่ยมเยือนจึงได้โอกาสพากันไปตะลุยสวนสยามแบบไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อนไปตามหาฝันเมื่อครั้งวัยเด็กกัน"สวนสยาม เกาลัดเคยเห็นในรายการกบนอกกะลาเกาลัดรู้แล้วว่าเขาทำคลื่นกันอย่างไร"เมื่อลูกชายรู้ว่าจะได้ไปสถานที่แห่งนั้นก็คงรู้สึกตื่นเต้นบ้างล่ะค่ะแต่เขาแอบเก็บอาการไว้อยู่ผ่านรอยยิ้มนิด ๆเวลาที่เอ่ยถึงสำหรับเพื่อนๆ ที่เคยไปเที่ยวเล่นมาแล้ว อาจจะยังจำได้ถึงภาพแห่งรอยยิ้ม ความสุข ความสนุกสนาน กับเพื่อน กับครอบครัวภาพรวมของสวนสยาม คือ เป็นแหล่งรวมของการเล่นน้ำ เครื่องเล่น และความสนุกต่าง ๆ รองรับผู้คนทุกเพศทุกวัยให้สนุก มีความสุขไปด้วยกันส่วนเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไปสวนสยามเราเก็บภาพและข้อมูลเล็ก ๆ มาฝากกันตามเราไปเที่ยวกันเลยจ้า .....การเดินทางไปสวนสยาม สามารถไปได้หลายเส้นทางครอบครัวเรา เดินทางมาจากลำลูกกาใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามอินทราผ่านหน้าห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ พอถึงโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวาไปสวนสยามขับไปตามป้ายไม่นานก็ถึงทางเข้าสวนสยามค่ะเครดิตแผนที่ : เว็บไซต์สวนสยามเมื่อขับรถเข้าไปข้างใน ก่อนถึงที่จอดรถจะมีด่านเก็บเงินค่าจอดรถ 10 บาทจอดรถเรียบร้อยก็ต้องผ่านปราสาทแห่งความสุขนี้ก่อนที่จะเข้าไปด้านในกันในปราสาทจะเป็นโซนจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลาให้บริการของสวนสยามตามนี้เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 100 เซ็นติเมตรใช้บริการสวนน้ำฟรีค่ะแต่ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นอย่างอื่นสำหรับเด็กก็จะต้องซื้อบัตรราคาเด็กโดยเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 130 เซ็นติเมตรซื้อบัตร 120 บาท ใช้บริการสวนน้ำ small world และ family worldได้ตลอดวันวันที่เราไปเที่ยวกันนั้นมีเครื่องเล่นอยู่ 5 ชนิดที่งดให้บริการชมภาพเครื่องเล่นเรียกน้ำย่อยก่อนควักตังค์ซื้อบัตร .... ใจมันโลดแล่นอยากจะเข้าไปเต็มทีแล้วล่ะค่ะ ราคาบัตรประเภทต่างๆวัดส่วนสูงกันค่ะเกาลัดสูงเกิน 130 เซ็นติเมตรแล้วต้องจ่ายในราคาบัตรผู้ใหญ่ส่วนน้องกูล จ่ายในราคาบัตรเด็กไปซื้อบัตรกันจ้า ... จะได้เข้าไปข้างในกันแล้วเย้!!พอซื้อบัตรแล้ว ก็ต้องผ่านช่องนี้เข้าไปเข้าไปด้านในรับลูกโป่งและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันจ้ามีรถเข็นให้เช่าและรถไปส่งสวนน้ำด้วยค่ะรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุให้เช่าคันละ 50 บาทรถบริการไปส่งสวนสนุก และสวนน้ำรถคันนี้อีกคันค่ะด้านในของสวนสนุกฟ้าครึ้มๆ กลัวเหลือเกินว่าฝนจะตกจับปูใส่กระด้งค่ะไม่สามารถรวมพลถ่ายภาพหมู่ได้อาคารสีสวยนี้ มีสติกเกอร์ติดกระจกไว้ว่าอาหารบุฟเฟต์ ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาทเปิดให้บริการเวลา 11.00 - 14.00 น.แต่ไม่ได้เข้าไปดูด้านในเราซื้อบัตรผู้ใหญ่ราคา 400 บาทได้สายรัดข้อมือพร้อมทั้งคูปองเครื่องเล่นเพิ่มพิเศษม้าหมุนยังไม่เล่นตอนนี้ค่ะเดินผ่านไปเล่นน้ำกันก่อนระหว่างเดินผ่านก็ถ่ายภาพไปเรื่อยบูมเมอแรง น่าหวาดเสียวเนอะมังกรคู่ล่องซุงมหาสนุก หรือ ล็อกฟลูมอารมณ์คงประมาณ super splash ในดรีมเวิร์ลมีร้านอาหารด้วยล่ะร้านเครื่องดื่ม อาหารว่างและห้องน้ำมีเป็นระยะไปต่อกระเช้าสายรุ้งเดินเริ่มเหนื่อยแล้วเดินผ่านบ้านผีสิงจากบ้านผีสิิงก็เป็นทางเข้าสวนน้ำแล้วถึงสักทีเนาะใครที่ยังไม่มีชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์เล่นน้ำก็สามารถแวะซื้อหากันได้ที่นี่ก่อนถึงทางเข้าสวนน้ำมีศูนย์อาหาร ต้องซื้อคูปองก่อนอาหารที่มีจำหน่ายจะเป็นอาหารจานเดียว อาหารว่าง ขนม ส้มตำ ไก่ย่างก็มีไก่ทอดก่อนซื้อคงต้องบวกลบคูณหารให้ดีเพราะคูปองที่นี่ซื้อแล้วไม่รับคืนจ้าจุดให้บริการชุดว่ายน้ำค่าเช่าซุ้มตรงนี้ให้เช่าห่วงยางค่าเช่าห่วงยางห่วงยางที่ให้เช่าห้องเปลี่ยนชุดมีแต่ห้องน้ำ (สุขา) กับห้องเปลี่ยนชุดแต่ไม่มีห้องอาบน้ำให้ใช้ตู้เก็บของให้เช่าตู้เก็บของแบบหยอดเหรียญก็มีอีกมุมหนึ่งค่ะใกล้ๆ กันจะมีเครื่องเป่าผมหยอดเหรียญถ้าจะอาบน้ำ ล้างตัวต้องอาบตรงนี้จ้าตอนนี้เก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดว่ายน้ำแล้วไปเล่นน้ำกันเนาะเห็นป้ายว่าถ้านั่งเตียงผ้าใบต้องจ่าย 10 บาท..แอบงก... เอ๊ย.. ไม่ใช่..ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เรื่องที่จะมาเก็บเงินเพิ่มที่ละนิดละหน่อยอีก.....เลยไม่นั่งนั่งตามที่นั่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่เตียงผ้าใบดีกว่าบันไดสู่สายรุ้งลูกชายไม่รอช้าขึ้นไปอย่างว่องไวลงมาถึงปลายรุ้งหรรษาอีกอันที่น่าเล่นสนุกมาก เราเล่นกันหลายรอบเลยแต่ถ้าพาเด็กเล็กไปด้วยต้องที่นี่ค่ะเริ่มจากตรงนี้แล้วก็ค่อยๆ ไหลลื่นลงมาลงสู่สระเล็กๆเกาลัดพาน้องเล่นอุ้มน้องลงสระสระเล็กอีกสระสิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในการมาเที่ยวสวนสยามก็คือ "ทะเลกรุงเทพ" เป้นทะเลเทียมที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในโลกเก้าอี้ชายหาดให้บรรยากาศเหมือนไปทะเลดูมุมกว้างๆ กันค่ะใกล้ๆ กันนั้นจะมีร้านขายอาหารและของกินเล่นมีอยู่หลายร้านให้เลือกซื้อตามความชอบเกาลัดไปแหวกว่ายอยู่ในน้ำสำราญใจแต่ละครอบครัวต่างก็เล่นน้ำกันสนุกแดดแรงมากครอบครัวของเรามุมนี้ได้บรรยากาศชาวเรือทะเล๊ ทะเลไปดูอีกมุมหนึ่งกันค่ะทะเลและโขดหินเล่นน้ำ ตากแดดจนเพลียแล้วไปเล่นโซนอื่นกันบ้างต่อด้วยที่นี่... บ้านผีสิงข้างในมืด มีเสียงประกอบน่ากลัวแต่ไม่ค่อยหลอน สงสัยเราจะประสาทแข็งไปหรือเปล่าไปผจญภัยกันต่อเซร่า.. ไตรเซราท็อปส์ต่อแถวรอขึ้นรถไปตะลุยป่ากันรถมาแล้วไปกันเล้ยไดโนเสาร์คอยาวชมไปเรื่อยๆน่าจะเหมากับเด็กๆ ที่กำลังอ่านหรือตืดตามสารคดีไดโนเสาร์อยู่แล้วได้มาดูต่อที่นี่ลุยน้ำในบางช่วงตัวนี้ของจริงมนุษย์ถ้ากิจกรรมและเครื่องเล่นที่เราได้เล่นในนี้ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่มเพราะรวมอยู่ในบัตรเช้าชมที่เราจ่ายกันแล้วค่ะเรือหงษ์ไปพายเรือกันบอลลูนเหินฟ้าอยู่ในช่วงหยุดพักเครื่อง ต้องรอนานหน่อยเลยผ่านไปกระเช้าสายรุ้งเครื่องเล่นอันนี้ได้เล่นดูแล้ว อารมณณ์วูบประมาณตกตึกสูงเลย ^^ทนได้ !!เราชอบเครื่องเล่นนี้ที่สุดมันทั้งหมุน ทั้งกระเด้ง กระดอนนั่งไม่ติดกันเลยสนุกยืนดูลูกเล่นแล้วก็แอบขำ 555ต่อที่เครื่องเล่นนี้บ้างปลาหมึกยักษ์จานบินมหาสนุกดูแบบนี้เหมือนจะเด็กๆ เลยเนอะเริ่มเล่นแล้วค่ะมันทั้งหมุน ทั้งเอียงไปเอียงมาเครื่องบินประจัณบานหมดสภาพปิดท้ายที่ม้าหมุนเป็นหนึ่งประสบการณ์ความสุขที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน----------------------------------------------------แถมท้ายยังมีเครื่องเล่นหลายอย่างที่เราอยากเล่น แต่ยังไม่ได้เล่นในคราวนี้ไปดูเว็บไซต์สวนสยามกันค่ะ ว่าแต่ละโซนมีอะไรบ้างFamily WorldX-Zoneระทึกใจสุดๆ ถ้ากล้าพอคงต้องลองWater ParkFantasy WorldSmall Worldเด็กเล็กๆ ต้องที่นี่คลิกอ่านประวัติสวนสยามสวนสยามยังรับจัดค่ายด้วยนะคะสามารถศึกษาวิทยาศาสตร์แสนสนุก หลักการฟิสิกส์ง่ายๆ จากเครื่องเล่น เช่น ทฤษฏีการตกอิสระ จากเครื่องเล่นยักษ์ตกตึกกฎทรงพลังงาน การถ่ายเทพลังงานศักย์ไปเป็นพลังงานจลน์จากเครื่องเล่นวอร์เท็กซ์ความเร็วสัมพัทธ์ จากเครื่องเล่นเหยี่ยวเวหาทฤษฎีแรงเสียดทาน กับเครื่องเล่นสไลเดอร์ยักษ์และซูเปอร์สไปรัลมีห้องพักและเรือนนอนให้บริการด้วยค่ะคลิกอ่านค่ายลูกเสือสวนสยามจากเด็กบ้านนอกที่ครอบครัวยากจน แต่มีความฝันยิ่งใหญ่ที่อยากจะมีเงินเพื่อสร้างสิ่งที่ทำให้ผู้คนมีความสุข ทุกวันนี้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา เขาเป็นถึงเจ้าของสวนสนุกภายใต้คำขวัญสั้นๆ ว่า สวนสยาม...โลกแห่งความสุข สนุกไม่รู้ลืม เขาผู้นี้คือ คุณไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศคลิกอ่านต่อที่นี่ดูคลิปรายการกบนอกกะลา ตอน สวนสนุก - 1ดูคลิปรายการกบนอกกะลา ตอน สวนสนุก - 2สำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้เราไปเอง จ่ายเองไม่ได้รับการจ้างวานให้ทำการโฆษณาเผยแพร่ใดๆทั้งสิ้นหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโปรดสอบถามไปยังสวนสยามโดยตรงได้เลยจ้า
เพลินธรรม @ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ [สวนโมกข์กรุงเทพฯ]