ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
All Blogs
 
Family Trip แบกเป้เที่ยวมะละกาด้วยตัวเอง

กว่าจะมาเป็นทริปเที่ยวมะละกาในช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม ก็แสนจะทุลักทุเลและมีลุ้นเป็นระยะ เริ่มแรกนั้น เราจองโรงแรมด้วยโปรโมชั่นจองโรงแรมของเว็บไซต์หนึ่งไปพักแถวปราณบุรีในช่วงวันหยุดปิยมหาราช แต่ไปๆ มา ๆ ถูกยกเลิกยกแผง

หลังจากนั้นก็มีโปรส่วนลดโรงแรมของ Hotels.com มาปลอบใจ ไม่รู้จะจองที่ไหนดี ด้วยความที่ยังมีเงินริงกิตเหลืออยู่จำนวนมาก น่าจะจัดทริปพาครอบครัวไปเที่ยวมะละกากันดีกว่า จึงใช้โปร Hotels จองโรงแรมมะละกา 2 คืน และกัวลาลัมเปอร์ 2 คืน เผื่อเอาไว้

เมื่อได้ที่พักราคาถูกแสนถูกแล้ว ก็มาลุ้นโปรตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชีย ในที่สุดก็ได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง – กัวลาลัมเปอร์ ในราคาไปกลับประมาณคนละ 2,600 บาท ก็แพงกว่าตั๋วที่ได้ช่วงหยุดยาวเดือนกรกฎาคม 2557 ซึ่งตอนนั้นได้ไปกลับคนละพันเจ็ดเอง แต่ก็จวนได้เวลา และคงไม่สามารถหาตั๋วได้ถูกกว่านี้อีกแล้วก็เลยจอง ๆ ไป


ในส่วนของการแพลนทริป ตอนแรกกะว่า จะเดินทางจากสนามบิน KLIA2 ไปมะละกา พักมะละกา 2 คืน และค่อยมาพักกัวลาลัมเปอร์ 1 คืน พอหาข้อมูลที่เที่ยวมะละกาแล้ว รู้สึกว่า เวลาตามแพลนแรกคงไมพอ เลยเปลี่ยนใจพักมะละกา 3 คืนรวดเลยดีกว่า ก็ยกเลิกโรงแรมกัวลาลัมเปอร์ที่จะไม่ได้ไปพัก แล้วจองที่พักมะละกาเพิ่มอีก 1 คืน รวมค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักตกประมาณคนละสามพันบาท กะว่าเดินย่ำเท้าเที่ยวกันไป สะพายเป้คนละใบ ไปเดินเที่ยวกันเอง แบบไม่ง้อทัวร์






โปรแกรมเที่ยวมะละกา 4 วัน 3 คืน ได้วางแผนเที่ยวตามนี้


พฤหัสบดี 23 ตุลาคม 2557

Airasia สนามบินดอนเมืองไปสนามบิน KLIA2 เที่ยวบิน DMK 12:00 AM - KUL 15:10 AM
Bus สนามบิน KLIA2 ไปมะละกา
Taxi มะลากาเซ็นทรัล ไปโรงแรม


ศุกร์ 24 ตุลาคม 2014

เช้า หอคอยตามิงซารี และ Malacca Duck Tours
บ่าย เดินชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่น Melaka Sultanate Palace และอื่นๆ
เย็น + ค่ำ นั่งเรือชมแม่น้ำมะละกา Melaka River Cruise


เสาร์ 25 ตุลาคม 2557

เช้า – บ่ายพิพิธภัณฑ์เรือสำเภา Maritime Museum I, II และพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ชมเมือง นั่งร้านกาแฟ
เย็น + ค่ำ Jonker Street

อาทิตย์ 26 ตุลาคม 2557

Check Out 7.00 AM Hotel » Mahkota Medical Centre » KLIA2
เที่ยวบิน KUL 15:35 AM - DMK 16:45 AM



มะละกาเป็นเมืองมรดกโลกเล็กๆ ที่หลายๆ คนบอกว่าถ้ายังไม่ได้มาเมืองนี้ถือว่ายังมาไม่ถึงมาเลเซีย เป็นเมืองสไตล์ ชิโน-โปรตุกีสเช่นเดียวกับปีนัง เมืองนี้ผ่านประวัติศาสตร์มากมายตั้งแต่ยุคสุลต่าน โปรตุเกสปกครอง ฮอลันดาปกครอง อังกฤษปกครอง จนมาถึงยุคประกาศเอกราช

"แม่ เกาลัดอยากไปเที่ยวแล้ว เกาลัดอยากให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ" เกาลัดบอก
"แม่ก็อยากไปเหมือนกันลูกเอ๊ย แม่แทบจะรอไม่ไหวแล้ว" แม่ลูกพอๆ กัน

ทริปนี้แม่ลูกรู้สึกกระวนกระวายอยากไปเที่ยว เพราะว่าว่างเว้นจากการเที่ยวกับครอบครัวมานานพักใหญ่แล้ว เกาลัดถึงขนาดออกปากถามอยู่หลายครั้งว่าเมื่อไหร่จะได้ไป อยากไปเที่ยวไวๆ ส่วนพ่อนั้นก็ดูเฉยๆ นะ ประมาณว่าแม่ลูกอยากไปไหนก็ไปด้วยละกัน ^^

ในเรื่องของข้อมูลนั้น ในอินเทอร์เน็ตมีให้อ่านเยอะแยะ ทั้งรีวิว และข้อมูลดิบ แต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเราที่สุดในการวางแผนเที่ยวคือแผนที่จากเว็บไซต์ Melaka Duck Tour
//www.melakaducktours.com.my/journey.html [คลิกลิงค์] ทำให้เราได้เห็นภาพรวมของการเดินเที่ยวชมเมืองมะลากามากขึ้น
และมั่นใจว่าการเที่ยวครั้งนี้ง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เพราะสามารถเดินเที่ยวไปกลับจากโรงแรมที่พักได้สบายๆ ไม่เหนื่อยมาก เพราะว่าที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใกล้ๆ กัน

ก่อนเดินทางควรเข้าไปศึกษาแผนที่นี้ล่วงหน้าและ Print เตรียมไว้

จัดข้าวของพร้อมเดินทาง




ซ้ายเป้ลูก ขวาเป้แม่ ส่วนพ่อ เพิ่งมาจัดเป้ในตอนเช้าของวันเดินทาง ใจเย็นมาก




เงินริงกิตที่เหลือจากทริปที่แล้ว





วันแรก
วันเดินทาง



การเดินทางจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองสบายๆ ไม่เร่งรีบมาก เพราะว่าบินไฟลท์เที่ยง จริงๆ อยากบินสักสิบโมงเช้า แต่ว่าราคาสูงกว่า จึงเลือกไฟลท์ที่มีโปรถูกสุด ไปก่อนเวลาตั้งนาน จึงได้นั่ง ๆ นอน ๆ เกาลัดก็นั่งเฝ้าปลั๊กชาร์ตแบตแท็บเล็ตไป เล่นโน่นนี่ไปตามเรื่องตามราวในช่วงรอเดินทาง


















การเดินทางจากสนามบิน KLIA2 ไปมะละกา


ไปถึงสนามบิน KLIA2 ก็บ่ายสามกว่าแล้ว สำหรับข้อมูลรถบัสที่เดินทางจากสนามบิน KLIA2 มุ่งหน้าไปมะละกา เราอ่านข้อมูลมาจากเว็บไซต์ //www.klia2.info/buses/bus-stop/malacca คลิกที่นี่

ที่จริงตารางรถจะถี่กว่านี้อีกค่ะ เพราะนอกจากรถของบริษัท Transnasional ยังมีอีกเจ้าคือ Star Mart Express ที่เบาะใหญ่นั่งสบายกว่ากันด้วย แต่ราคาแพงกว่า Transnasional เป็นรถ VIP ซื้อจากที่ขายตั๋วช่องเดียวกันที่ช่องขายตั๋วรถบัส ชั้น 1 ในสนามบิน KLIA2 ไม่ต้องกังวลเรื่องรถบัส เพราะมีตลอดถี่มาก ประมาณทุกหนึ่งชั่วโมง จากเช้าๆ ถึงดึก ๆ


สามารถคลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายชัดๆ ได้ค่ะ








เมื่อเราเดินออกจากช่องทางออกของผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบิน ก็มองหาป้ายบอกทางไปรถบัสเอาไว้ แล้วก็เดินตามป้ายไปเรื่อย ๆช่องจำหน่ายตั๋วรถบัส อยู่ที่ชั้น 1 ของสนามบินนั่นแหละค่ะ หาไม่ยาก

รถจากสนามบินไปมะละกาที่เราแพลนไว้ตอนแรกก็คือ จะนั่งรถบริษัท Transnasional รอบ 16.45 น. ไปลงที่ Mahkota medical Center เพื่อที่ลงรถแล้วจะเดินไปโรงแรมได้เลย

แต่ว่าด้วยความที่รีบไปซื้อตั๋วเร็วไปหน่อย ก็เลยได้ รถของบริษัท Star Mart Express เวลา 15.45 น. ไปลง Melaka Sentral ราคาผู้ใหญ่ คนละ 35 ริงกิต เด็กชายเกาลัดได้ส่วนลดนิดหน่อย แบบว่าซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นรถเลย กระหืดกระหอบเข้าห้องน้ำ แล้วรีบร้อนไปที่รถแทบไม่ทัน ชานชลาที่ขึ้นรถก็จะอยู่ที่ประตูด้านหลังที่ขายตั๋ว เราไปขึ้นรถที่ช่อง A1 ค่ะ














รถบัส Star Mart Express สภาพใหม่ เบาะกว้าง นั่งสบาย และนวดได้ด้วย นั่งรถไป ก็หิวข้าวกันไป เพราะทีแรกกะว่าซื้อตั๋วแล้วค่อยเดินไปกินข้าวก่อนขึ้นรถ ปรากฏว่าผิดแผน เลยไม่ได้ซื้ออะไรกินรองท้อง ความจริงแล้วก็น่าจะซื้อขนมปังตุนเผื่อไว้ใส่เป้ไว้ก่อนเดินทางก็ดี เผื่อหิวๆ จะได้รีบๆ กินรองท้องไปก่อน





เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งในการนั่งทนหิว ก็ถึงสถานีขนส่ง Melaka Sentral ก่อนอื่น เดินหาข้าวกินกันก่อน ไปเจอร้านหนึ่งดูสะอาด และอาหารก็น่ากิน เลยไปลองชิมดู อาหารอร่อยและราคาไม่แพงเลยค่ะ














หายหิวแล้ว ก็ไปเดินหาซื้อตั๋วขากลับสนามบินเผื่อไว้เลย ตามแพลน คือ จะซื้อตั๋วรถบริษัท Transnasional รอบ 8.00 น. ขึ้นรถจาก Mahkota Medical Centre มุ่งหน้าไปที่สนามบิน KLIA2 ราคาตั๋วของบริษัทนี้ถูกกว่ากันได้อีก เพราะเบาะเล็กกว่า ที่นั่งในรถเยอะกว่า แต่ก็ใหม่และนั่งสบาย ๆ


ช่องขายตั๋วรถบริษัท Transnasional ที่ Melaka Sentral




ได้ตั๋วมาแล้ว





ช่องขายตั๋วรถ Star Mart Express








การเดินทางจาก Melaka Sentral ไปโรงแรม


การเดินทางจาก Melaka Sentral ไปโรงแรม ที่เคยอ่านมา เราสามารถนั่งรถเมล์ ราคา 1 ริงกิต ไปลงที่จตุรัสดัชท์ หรือจตุรัสแดง หรือมะละกาสแควร์ แล้วแต่จะเรียก แล้วเดินไปโรงแรม แต่ด้วยความที่ใกล้ค่ำ อีกทั้งเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง จึงเลือกเหมาแท็กซี่ไป ในราคา 25 ริงกิต ก็ประมาณ 250 บาท ดูจาก Google Map แล้ว โรงแรมกับ Melaka Sentral ห่างกัน ประมาณ 5 กิโลเมตร

นั่งรถแท็กซี่ผ่านสถานที่ต่างๆ ลุงคนขับแท็กซี่ก็แสนจะใจดี ชี้ชวนให้ดูโน่นนี่นั่น อ้อ.. เราผ่านร้านขายปูชื่อร้าน Lee ใกล้โรงแรม Radison ด้วย (อยากกินมาก) พอขับผ่านพิพิธภัณฑ์เรือสำเภา และพิพิธภัณฑ์นาวิกโยธินที่อยู่เยื้องๆ กัน เกาลัดบอกว่าอยากไปๆ แม่บอกได้ไปแน่นอนลูก พิพิธภัณฑ์นี้อยู่ในแพลนแล้ว


โรงแรม Syaz Meridien


พ่อแม่ลูกไปถึงโรงแรม Syaz Meridien ตอนทุ่มกว่าๆ ที่นี่เป็นโรงแรมดีระดับสามดาว ที่อาคาร G-26, Jalan (ถนน) PM 13, Plaza Mahkota มีลิฟท์ ปุ่มกดเลือกชั้นในลิฟท์มีสามชั้น โรงแรมอยู่บนถนนเลียบชายฝั่งทะเล ตรงปากแม่น้ำมะละกา ใกล้ที่เที่ยว ที่ช้อปปิ้ง ที่กิน ก็โอเคแล้ว เห็นสภาพตึกรามบ้านช่องแล้วก็น่าสนใจ พรุ่งนี้ลุย เต็มที่

โรงแรมที่เราพักอยู่ในดงโรงแรมที่พักราคาประหยัด ในดงมุสลิม และอาหารแนวแขกๆ แต่ก็ใกล้ Holiday Inn นิดเดียวแบบเดินไปหากันได้




อ่านรีวิวโรงแรม Syaz Meridien เพิ่มเติมที่ bloggang ชมจันทร์ หมวดโรงแรมที่พักต่างแดน //www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonwatcher&month=28-10-2014&group=15&gblog=11 คลิกที่นี่


โรงแรมที่เราพัก อยู่ย่านมุสลิม ไปไหนมาไหนก็เจอคนแขก เจอร้านอาหารแนวแขก ๆ แต่คนไทยส่วนใหญ่มักจะเลือกพักย่านคนจีนแนวชิโน-โปรตุกีส Baba - Nyonya ซึ่งใกล้กับถนนคนเดิน และสามารถเดินไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกเช่นกัน ซึ่งอาหารย่านนั้นก็จะคุ้นลิ้นคนไทยมากกว่าย่านที่เราพัก และผู้คนละแวกนั้นก็จะดูน่าคุ้นเคยมากกว่าย่านที่เราพักเช่นกัน โรงแรมเราพักนอกจากครอบครัวเราที่เป็นคนไทยแล้ว เห็นแต่ชาวต่างชาติผมสีทอง และคนมาเลย์มาพักกัน

สำหรับเรานั้นเรากลับรู้สึกว่าคนมุสลิมที่เราเจอตามสถานที่ต่าง ๆ ในทริปนี้ล้วนแต่ใจดีและเป็นมิตรกับเรามาก ๆ และอาหารแนวแขกๆ ก็อร่อย กินได้หมด ไม่ว่าจะแนวไหน


จากโรงแรม ข้ามถนน เดินเข้าซอยอีกนิดก็จะเห็นหอคอยตามิงซารียามค่ำ อยู่ไม่ไกลกันเลย หอคอยนี้ลงมารับนักท่องเที่ยว แล้วพาไต่เลื่อนขึ้นไปจนถึงยอด จากนั้นหอคอยก็จะหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมทิวทัศน์





หน้าหอคอยก็จะเป็นจุดขายตั๋วและรับส่ง Duck Tour จากนั้นไปกินข้าวแถวๆ ตลาดขายของที่ระลึกและเป็นโต้รุ่งด้วย และซื้อของกินในเซเว่น กลับเข้าห้องพัก ที่ชอบสุดก็น้ำมะม่วงในเซเว่น


มื้อกลางวัน ได้ฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่โต้รุ่งฝั่งตรงข้ามหอคอยตามิงซารี ถัดจากโต้รุ่งไปจะเป็นห้าง Mahkota Parade Shopping Complex ในห้างมีร้านอาหารที่คุ้นเคยหลายร้านรวมทั้งร้านโอลด์ทาวน์










ข้อมูลสถานที่สำคัญใกล้โรงแรม :


- หอคอยตามิงซารี Menara Taming Sari (0.4 กม. / เดิน 5 นาที)
- Maritime Museum : พิพิธภัณฑ์เรือสำเภา เป็นเรือที่จำลองมาจากเรือสำเภาฟลอเดอรามาร์ (Flor de lama) เป็นเรือของโปรตุเกส ในสมัยที่มะละกาอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส เรือลำนี้ได้ขนสมบัติจากวังสุลต่านมะละกาไปเต็มพิกัด หลังจากที่เรือออกจากมะละกา ได้แล่นออกไปทางเกาะสุมาตราตอนเหนือและได้ล่มลงที่นั่น (0.5 กม. / เดิน 6 นาที)
- Mahkota Parade Shopping Complex (0.5 กม. / เดิน 6 นาที)
- Melaka Duck Boat / Malacca Duck Tours (ด้านหน้าหอคอยตามิงซารี เดินไปได้)
- Melaka River Cruise ล่องเรือชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งแม่น้ำแห่งมะละกา
- ถนนคนเดิน Jonker Walk เป็นถนนคนเดินในเมืองมะละกา มีเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ มีของกิน ของฝากขายหลายอย่าง 2 ข้างทางของถนนยองเกอร์เป็นบ้านเรือนเก่า รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบชิโน – โปรตุเกส คล้ายกับที่ภูเก็ต ประเทศไทย การเดินทางมาถนนคนเดินยองเกอร์ ให้เริ่มต้นที่ Dutch square หันหลังให้โบสถ์คริสต์ เดินข้ามถนนผ่านวงเวียนตรงไปอย่างเดียว
- พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในมะละกา เช่น Democratic Governmnet Museum , Governors Museum, Melaka Sultanate Palace,Melaka Islamic Museum,History & Ethnography Museum,Maritime Museum Phase I (Flor De Lamar), Maritime Museum Phase 2, Royal Malaysian Navy Museum, Malaysian Youth Museum, Literature Museum, Peoples Museum,Enduring Beauty Museum, Kites Museum


วันที่สอง
หอคอยตามิงซารี วังสุลต่าน และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ



มื้อเช้ากินข้าวแกงตรงข้ามหอคอยตามิงซารี ข้าวแกงที่นี่ต้องตักเอง ตั้งแต่ตักข้าง ตักอาหาร สั่งน้ำดื่ม แล้วทางร้านก็จะเดินไปคิดเงินที่โต๊ะ แตกต่างจากบ้านเราที่จะต้องให้ทางร้านตักให้

เราสามคนเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูก น้องเจ้าหน้าที่ของร้านก็ต้องมาสอนว่าจะต้องทำอย่างไร ข้าวแกงที่นี่ราคาประมาณ 5 ริงกิต (50 บาท)ขึ้นไป แล้วแต่จะเลือกกับข้าวแบบไหน ส่วนน้ำเปล่าก็จะราคา 1 ริงกิต (10 บาท) ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับร้านจะตั้งราคา

วันนึ้เริ่มต้นเที่ยวจาก Duck Tour รถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกพาชมเมืองและลงทะเล แต่ว่าพอเดินไปถึงที่ขายตั๋วเจอป้ายติดไว้ว่าปิดปรับปรุง 23 -27 ต.ค. ก็เลยอด










ไปต่อแถวขึ้นหอคอยตามิงซารี เป็นความอลังการทางสายตา ได้เห็นภาพมุมสูงของเมืองครบถ้วน ก็พอจะปะติดปะต่อเห็นภาพเส้นทางที่จะเดินเที่ยวชัดเจนขึ้น





















ทิวทัศน์จากด้านบนหอคอย










แล้วก็เดินไปวังสุลต่านแห่งมะละกา (Melaka Sultanate Palace หรือ Istana Kesultanan Melaka) ระหว่างทางก็แวะดูตึกเก่า สามล้อ ป้อมปราการ

















ป้อมประตูซานติเอโก (Porta De Santiago)











วังสุลต่านแห่งมะละกา











พาเด็กเที่ยวต้องมีกิจกรรมให้เด็กทำ เด็กจะได้ไม่เบื่อ ข้อดีของการเดินเที่ยวย่านมรดกโลกของมะละกาคือสถานที่แต่ละแห่งใกล้กัน และพิพิธภัณฑ์มีความหลากหลายให้เลือกชม วันนี้เกาลัดเที่ยวได้อย่างอดทนขึ้นแบบเด็กโต และไปสั่งอาหารให้พ่อแม่ ซื้อตั๋ว พร้อมทั้งจ่ายเงินได้แล้ว ทำอะไรได้อย่างมั่นใจไม่กลัว


เดินชมวังเสร็จ ข้ามถนนไปกินข้าวกลางวันที่ร้าน Old Town White Coffee ในห้าง Mahkota Parade





ได้กินอาหารโปรดที่รอคอยแล้ว มันคือ Asam Laksa ถ้าจะให้อธิบายก็เหมือนต้มยำปลากระป๋องครบเครื่องกับเส้นเกี๊ยมอี๋ แล้วก็สั่ง Panmee. Kaya Toast. Tuna Toast ชากาแฟมาด้วย. ส่วนขนมหวานก็ต้องเป็น OLDTOWN Ice Kacang มาเที่ยวมาเลย์ สิงคโปร์ก็ไม่ควรพลาดร้านโอลด์ทาวน์สินะ


บ่ายๆ เดินไปชมพิพิธภัณฑ์อื่นต่อก็คือ Peoples Museum Enduring Beauty Museum Kites Museum ARCHITECTURAL MUSEUM OF MALAYSIA IN MELAKA ซึ่งก็น่าชม จัดแสดงได้น่าสนใจ


Peoples Museum Enduring Beauty Museum Kites Museum ทั้งสามพิพิธภัณฑ์อยู่ในตึกเดียวกัน



เกาลัดรับหน้าที่ไปซื้อตั๋ว

































การเข้าชม Enduring Beauty Museum ทำให้เกาลัดพบกับนิยามของความงามใหม่ที่แตกต่างกันในแต่ละเชื้อชาติชนเผ่า เช่น ชาวปะหล่องที่นิยมใส่วงแหวนรอบคอซ้อนๆ กันคนคอยาว บางเชื้อชาตินิยมสักทั้งตัว บางเผ่าเหลาฟันให้แหลม ผู้หญิงจีนยุคก่อนนิยมรัดเท้าให้เล็ก บางเผ่าใส่ตุ้มหูหนักๆ ถ่วงๆ หลายอัน สิ่งเหล่านี้ ทำให้เห็นความหลากหลายของความเชื่อ และความงาม


ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ว่าว ได้เห็นวัสดุต่างๆ ที่ใช้ทำว่าง ว่างแบบต่างๆ ของมาเลเซีย และชาติอื่นๆ รวมทั้งว่าวไทย การละเล่นพื้นบ้าน เช่นตะกร้อ ลูกข่าง และอื่นๆ


ARCHITECTURAL MUSEUM OF MALAYSIA IN MELAKA
ช่วงนี้เข้าชมฟรี เกาลัดเหนื่อยแล้ว ขอนั่งรอ พ่อกับแม่เดินเข้าชมพิพิธภัณฑ์น่าสนใจตรงที่เป็นแหล่งรวมรวมความรู้ด้านสถาปัตยกรรมของมาเลเซีย ตั้งแต่ดั้งเดิมจนถึงปัจจุบันที่ทันสมัยมากมาย พร้อมทั้งนำเสนอแนะคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ มีโมเดลตัวอย่างให้ดูชม







เดินชมเมืองต่อ ระหว่างทาง เข้าไปขอแผนที่มะละกาฟรีที่สำนักงานการท่องเที่ยวมาเลเซียซึ่งอยู่ตรงสะพานที่ข้างจากดัทช์ สแควร์ไปถนน Jonker เพราะเดินผ่านพอดี











ปิดท้ายวันนี้ด้วยการนั่งเรือล่องแม่น้ำมะละกา วันนี้ ไปไหนก็เห็นแต่ธงชาติมาเลเซียประดับตามสถานที่ต่างๆ


ตอนนั่งเรือชมเมือง เห็นธงชาติที่สะพาน ก็ชี้ให้เกาลัดดู และถามว่าเกาลัดจำธงชาติมาเลเซียได้หรือยัง เกาลัดบอก โธ่.. จำได้แล้ว นี่ไง ว่าแล้วเกาลัดก็ชี้มือไปที่เพดานเรือ แม่แหงนหน้ามองตามเห็นธงเล็กๆ แขวนบนราวเต็มเพดานไปหมด 5555


Melaka River Cruise
จุดจำหน่ายตั๋วและขึ้นลงเรืออยู่ด้านหลัง Maritime Museum หรือพิพิธภัณฑ์เรือสำเภา/พิพิธภัณฑ์เรือเดินสมุทร




















สามคนพ่อแม่ลูกเดินโต๋เต๋เดินกลับมาพักที่โรงแรมประมาณบ่ายห้าโมงครึ่ง อาบน้ำล้างตัวคลายร้อยเหนียวเหนอะหนะ แล้วเดินออกไปเดินกินข้าวมื้อค่ำ

อาหารมื้อค่ำวันนี้ก็ทุลักทุเลอีกนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะไรเป็นอะไรสั่งมั่วๆ ไป เพราะว่ารายการอาหารนั้นเป็นภาษามาเลย์ คุณลุงที่มารับออเดอร์ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่อาหารที่ได้ก็อร่อยทุกอย่าง ราคาอาหารวมน้ำชา กาแฟ ไมโล มื้อนี้ 25 ริงกิต









วันที่สาม
Maritime Museum Royal Malaysian Navy Museum Jonker Walk



ช่วงเช้าของวันที่สามที่มะละกา เราพากันเดินเลียบปากแม่น้ำมะละกาที่ไหลลงทะเลตรงหน้าเห็น ๆ





ไปกินอาหารเช้า ที่ร้านข้าวแกง ในตึกพลาซ่าขายของที่ระลึก ฝั่งตรงข้าม Maritime Museum ร้านนี้ก็ต้องตักอาหารเอง แล้วแม่ค้าจะไปคิดเงินที่โต๊ะ มื้อนี้ 24 ริงกิต



จากนั้นเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์เรือเดินสมุทร และพิพิธภัณฑ์นาวิกโยธิน หรือ Royal Malaysian Navy Museum ที่เกาลัดเอ่ยปากบอกอยากดูมาสองวันแล้ว วันนี้ก็เลยเข้าไปชมสมใจ


พิพิธภัณฑ์เรือเดินสมุทร (เรือสำเภา)
พิพิธภัณฑ์คล้าย ๆ แบบนี้ที่ประเทศไทย ที่เคยเห็นมา
ก็จะมี พิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี จ. จันทบุรี และ พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ จ.ภูเก็ต รายละเอียดปลีกย่อยจะแตกต่างกันไป


















อีกตึกหนึ่งใกล้ๆ กันใช้ตั๋วด้วยกัน
















Royal Malaysian Navy Museum ที่อยู่เยื้องกัน ก็ใช้ตั๋วชุดเดียวกันที่ซื้อตอนเข้าเรือสำเภา ไม่ต้องซื้อเพิ่ม




















จากนั้นเดินไปหอนาฬิกา โบสถ์ดัทช์ เดินขึ้นเขาไปชมวิว แล้วข้ามสะพานมาย่านไชน่าทาวน์ เดินไม่เหนื่อย แต่อากาศร้อนมาก ต้องพักกินไอติมคลายร้อน และนั่งพักเหนื่อยสักหน่อย


จตุรัสดัทช์










ย่านไชน่าทาวน์








หลังจากเดินเที่ยวก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเข้ามาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ในร้านกาแฟติดแอร์ พร้อมกับเล่นไวไฟไปพลางๆ แล้วค่อยออกเดินหาข้าวกลางวันกิน และชมเมืองฝั่งไชน่าทาวน์


ร้านค้าดังๆ ก็จะมีคนต่อแถวยาวๆ รอชิมอย่างนี้







พ่อแม่ลูกเดินไป แวะชิมไปเรื่อย ๆ






















มื้อกลางวัน ที่ร้าน Mamee
อร่อยทุกอย่างอีกแล้ว ทริปนี้กินอะไรก็อร่อย









แวะนวดเท้าคนละชั่วโมง ราคา 38 ริงกิต
จากนั้นก็เดินและชิมต่อ


ตังเมทำใหม่ๆ ร้อนๆ








ชิมไอศครีมทุเรียน วาฟเฟิล พัฟทุเรียนไอศครีมทุเรียนปอเป๊ยะ











เดินชมเมืองไปตามถนนย่านนั้น ลัดเลาะถนนรวม 3 สาย จะเห็นตลาดเก่า ชุมชน บ้านเรือน ศาสนสถานสำคัญ
































ตอนค่ำจะมีถนนคนเดิน แต่เราอยู่ถึงช่วงเย็น ๆ เมื่อพ่อค้าแม่ค้ามาเริ่มตั้งโต๊ะที่ถนนคนเดินก็พากับเดินกลับโรงแรม

ความสุขและรอยยิ้มของเกาลัดมันช่างล้นเหลือ และส่งต่อให้พ่อแม่ยิ้ม และหัวเราะตามเกาลัดด้วย

เดินข้ามสะพานผ่านดัชท์สแควร์ พิพิธภัณฑ์เรือสำเภอ กลับโรงแรมไม่ไกลมาก

เราสอนลูกว่าคนที่เชื้อชาติ ศาสนา รุปร่างหน้าตา ผิวพรรณ และเพศ ที่แตกต่างจากเรา มีความเป็นมนุษย์เท่ากันเรา ฉะนั้น เราจึงควรให้เกียรติเขาอย่างที่มนุษย์พึงจะให้เกียรติและยอมรับความแตกต่างของกันและกัน อย่างที่เราได้พบว่า คนมาเลย์ นั้นตัวดำ แต่ใจดีและเอื้อเฟื้อกับครอบครัวเรา







อาหารมื้อค่ำวันนี้ ไปกินร้านเดิมของเมื่อวาน รายการอาหารนั้นเป็นภาษามาเลย์ แต่เริ่มจับหลักได้แล้ว เราสั่งก๋วยเตี๋ยวมาสามอย่างก้ได้แบบนี้มา อร่อยใช้ได้ทุกอย่าง ราคาอาหารและเครื่องดื่มมื้อนี้ 20 ริงกิต



วันที่สี่
วันสุดท้ายปิดทริป เดินทางกลับบ้าน



เช็คเอาท์ 7.00 น. แล้วเดินไปรอรถบัสบริษัท Transnasional รอบ 8.00 น. ที่ป้ายรถเมล์ข้าง Mahkota Medical Centre ตรงข้ามห้าง Parkson เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปที่สนามบิน เราสามคนพ่อแม่ลูก เดินๆ เล่นๆ ไปประมาณ 10 – 15 นาทีก็ถึงแล้ว








ถึงสนามบินมุ่งหน้าสู่ร้าน Own Town White Coffee กินอาหารมื้อสาย





ส่วนมื้อเที่ยง เลือกชิมร้านนี้ อาหารอร่อยมากๆ




















รอเดินทางกลับบ้าน จะไปไหนใกล้ไกลเราก็พก Paradox ไปด้วย เพราะเราเป็นแม่ยก (ป้ายก) ลูกยก ที่ต้องฟังเพลง dox ทุกวัน ค่าใช้จ่ายทริปนี้ ตั๋วเครื่องบินและที่พักสามคืนคนละประมาณสามพันบาทนิดๆ ค่ากินเที่ยวคนละสามพันบาทนิดๆ รวมแล้วประมาณหกพันกว่าบาทต่อคน





มะละกา เป็นภาษามาเลย์ แปลว่า ต้นมะขามป้อม อยู่ทิศใต้ของคาบสมุทรมาเลย์บนช่องแคบมะละกา ห่างจากเมืองหลวงคือกัวลาลัมเปอร์ 235 กม. ฝั่งตรงข้ามคือเกาะชวา

ช่องแคบมะละกาเป็น "จุดยุทธศาสตร์โลก" ทั้งด้านพาณิชยนาวีและยุทธนาวี เป็นช่องทางขนส่งสินค้าที่สำคัญระหว่างมหาสมุทรอินเดียจาก "โลกตะวันตก" กับมหาสมุทรแปซิฟิกของ "โลกตะวันออก"

มะละกาเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกตะวันออกกับตะวันตก มีการรับและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สิ่งปลูกสร้าง มีการอยู่ร่วมกัน ระหว่างผู้คนที่มีวัฒนธรรมแตกต่างหลากหลายจากอินเดีย จีน ยุโรป

หวังว่ารีวิว “Family Trip แบกเป้เที่ยวมะละกาด้วยตัวเองของครอบครัวเรา” จะเป็นแรงบันด่าลใจให้อีกหลายครอบครัวได้วางแผนพาเด็กๆ ออกไปเรียนรู้โลกกว้างกันนะคะ มะละกานั้นเที่ยวง่าย และราคาไม่แพงค่ะ


ความพิเศษในการท่องเที่ยวกับครอบครัว อยู่ตรงที่ได้ร่วมรู้สึก แบ่งปันความสุข ความเหนื่อย ความหิว และลุ้นกับสถานการณ์ต่างๆ ไปพร้อมกัน เป็นความสุขที่พิเศษทุกครั้งที่ได้ไปท่องเที่ยวกันครบสามคนพ่อแม่ลูก กับลูกชายแสบซน ทะเล้น และขี้อ้อน


สามารถคลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายชัดๆ ได้ค่ะ


ขอฝากแผนที่ที่นำมาจาก Google Map เว็บไซต์โรงแรม และข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นๆ เผื่อจะใช้เป็นประโยชน์ได้

























แผนที่โรงแรม








ขอบคุณที่เข้ามาแวะชมนะคะ 

ติดตามรีวิวมาใหม่ได้ที่เฟซบุ๊ค "ท่องเที่ยวไป by ชมจันทร์"
คลิกที่นี่

อ่านรีวิวเดิม พาลูกเที่ยวเรียนรู้อาเซียนที่กัวลาลัมเปอร์ GO KL “I Love KL”
คลิกที่นี่


Create Date : 28 ตุลาคม 2557
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 16:11:17 น. 5 comments
Counter : 13041 Pageviews.

 
เป็นแฟนคลับชมจันทร์ค่ะ ชื่นชอบมากๆ ค่อยตามอ่านรีวิวนะคะ


โดย: จ๊ะจ๋า แม่หนูดี IP: 203.185.133.15 วันที่: 29 ตุลาคม 2557 เวลา:14:12:51 น.  

 
ขอบคุณที่พาเที่ยว ครบทั้งสาระและความสนุกสนานเลยครับ


โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร วันที่: 29 ตุลาคม 2557 เวลา:16:39:57 น.  

 
สุดยอดครับ กำลังหาข้อมูลพอดี ขอบคุณมากครับ


โดย: ติ๊ก IP: 223.206.243.217 วันที่: 22 ตุลาคม 2558 เวลา:1:38:03 น.  

 


โดย: -*-Superbaker วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:20:42 น.  

 
ชอบค่ะ ชอบมาก จะเดินรอยตาม


โดย: ชมพู IP: 58.10.153.255 วันที่: 9 มีนาคม 2560 เวลา:20:39:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมจันทร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.