sungtongI don't wanna be like Snow white waiting for a handsome prince to come and save me...,unless we're walk side by side
Group Blog
 
All Blogs
 

สาวน้อยโกอินเตอร์

เหตุจาก จขบ.มีเพื่อนเป็นชมรมคนไทยในต่างแดนมากไปนิด เลยไปขอร้องให้น้องเค้าเล่าอะไรๆ ให้ คนที่มีฝันอยากโกอินเตอร์มาเล่าสู่กันฟัง จขบ.ก็ฝันนะเนี่ย แต่ยังไม่มีโอกาสโกอินเตอร์เร้ย ไปแค่ปท.เพื่อนบ้าน เพระหน้าใกล้เคียงกัน อิอิอิอิอิ มาค่ะมาฟังดูว่า แม่กาสะลองดอกน้อย ๆ ของเรา เจ้าหล่อนโบยบินไปสู่ถิ่นแดนไกลได้จะไดกัน

เริ่มเนื้อเรื่อง ณ บัดนาวจากเรื่องจริง ผ่าน ปลาย คีย์บร์ด เอิ๊กๆๆ มะใช่ปากกาเด้อขอบอก...

เปลี่ยนเส้นทางชีวิตของแม่ดอกกาสะลอง…สู่เส้นทาง โกอินเตอร์
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนนะคะ ขอใช้ชื่อว่า กาสะลอง ละกันนะคะ เพราะเป็นคนเหนือเจ้า หลังจากดิฉันเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยของรัฐบาล ที่มีพื้นที่ติดกับดอยสุเทพ (ไม่บอกไม่รู้นะนี่) ก็คิดว่า ถ้าตัวเองเริ่มทำงานเมืองไทย เป็นมนุษย์เงินเดือน ก็จะมีรายได้พอใช้ไปเป็นเดือนๆ ไม่เดือดร้อน แต่ไม่มีจุดหมาย จริงอยู่ว่าไม่ได้ลำบาก แต่ชีวิตคนเรามันจะมีแค่นี้หรือ เช้าขับรถไปทำงาน เย็นกลับบ้าน สิ้นเดือนรับเงินเดือน ชีวิตช่างไม่มีสีสันซะเลย
คิดได้ดังนี้จึงขอพ่อแม่ไปเรียนต่อเมืองนอก อย่าเข้าใจผิดนะคะว่าเป็นลูกสาวเศรษฐี ป่าวเลยค่ะ แม่เป็นข้าราชการ พ่อทำสวนค่ะ มีบ้านหลังนึงก็เป็นหนี้กันอยู่ตามธรรมดา แต่พ่อแม่จะสนับสนุนลูกเรื่องการศึกษาตลอด เพราะเค้าไม่มีสมบัติให้ไงคะ ที่เค้าให้ได้คือโอกาส พ่อแม่แนะนำให้ไปเรียนอเมริกา เพราะเคยไปมาแล้วสามเดือนตอนเรียนมหาวิทยาลัย ( ไปโครงการแลกเปลี่ยน) และตอนนี้มีอาไปเรียนที่นั่นด้วย ไปถึงมีที่พัก มีงานให้ทำพร้อม แต่ตัวเองไม่รักดีค่ะ คิดว่า อยากไปตายดาบหน้าด้วยตัวเอง ภูมิใจกว่า ไม่อยากให้อามาคอยบังคับ ต้องทำโน่นทำนี่ อยากเป็นอิสระว่างั้น จึงขอพ่อแม่มาออสเตรเลีย แม่ก็กู้เงินส่งลูกมาเรียนค่ะ เพื่ออนาคตลูก แม่ทำได้
พอพ่อแม่อนุญาต ก็เริ่มหาข้อมูลเลยค่ะ ว่าจะไปเรียนอะไร ที่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อย่างแรก ก็อยากไปเรียนภาษาก่อนค่ะ ให้แน่นๆ เป็นพื้นฐาน ก็เลยหาโรงเรียนภาษา อันนี้แนะนำนะคะ เวลาหาโรงเรียน เน้นราคาถูกไว้ก่อนค่ะ เพราะราคาต่างกันมาก เช่น TAFE อาทิตย์ ละ 350 เหรียญ โรงเรียนเอกชนเล็กๆ 160 เหรียญ ถูกที่ว่า การเรียนการสอนต่างกัน แต่การเรียนภาษา 100% อยู่ที่ตัวเราค่ะ ไปเข้าห้องเรียน ตั้งใจฟังมากๆ แล้วกลับมาทำการบ้าน อาหัดอ่านหัดเขียนเอง ดูทีวีรายการฝรั่ง ฟังเพลงฝรั่ง ประหยัดเงินจ่ายค่าเรียนแพงๆ ไปได้เยอะค่ะ แถมภาษาพัฒนาได้มากกว่าด้วย บางคนไปเรียนโรงเรียนแพงๆ เพราะระบบเค้าดี ถามว่า แล้วตัวเราตั้งใจเรียนขนาดไหนคะ เพราะฉะนั้น อย่าเอาเงินไปทิ้งตรงนี้มาก เก็บไว้เป็นค่าเรียนครอสต่อไปดีกว่า แล้วพอเราได้โรงเรียนที่ต้องการจะเรียนแล้ว เพื่อความประหยัดไปอีกขั้น ให้ติดต่อเอเจนซี่หลายๆที่ค่ะ เพราะแต่ละที่ราคาจะต่างกัน ของดิฉันมาเรียน โรงเรียน A ถามจากเอเจนซี่ที่แรก อาทิตย์ ละ 220 อีกที่ 180 อีกที่ 170 สรุป เราก็เลือกที่ถูกที่สุดสิคะ เพราะยังไงมันก็โรงเรียนเดียวกัน จะจ่ายแพงกว่าไปทำไม ไม่ต้องไปเกรงใจเอเจนซี่นะคะ เพราะเค้าไม่ได้ส่งเราเรียน เงินพ่อแม่เราค่ะ ประหยัดให้ท่านได้ก็ประหยัด เหนื่อยแค่ตอนติดต่อหาข้อมูล แต่ลงเรียนหกเดือน ก็คำนวนเอานะคะ ประหยัดไปได้กี่หมื่น


หลังจากได้โรงเรียน ก็ยื่นเรื่องขอวีซ่ากันเลยค่ะ ขอวีซ่าไปเรียนภาษาหกเดือน ผ่านง่ายมากค่ะ เพราะออสเตรเลีย เค้าอยากให้นักเรียนไปกันมากอยู่แล้ว เป็นธุรกิจหลักของประเทศเค้า เรื่องการศึกษานี่ทำรายได้หลักให้ประเทศนะคะ จากได้ผลวีซ่า ก็เตรียมตัวเก็บของกันเลยค่ะ เน้นเสื้อผ้ากับหนังสือค่ะ อย่างอื่น ที่ออสเตรเลียมีหมด ที่เน้นเสื้อผ้าเพราะหาไซต์ยากค่ะ เป็นคนตัวเล็ก จะซื้อเสื้อผ้าที่นี่ที ต้องดูแผนกเด็ก…กำ
และแล้ววันที่บินก็มาถึง พ่อแม่ไปส่งขึ้นเครื่องค่ะ ส่งแล้วรีบกลับเลย เพราะแอบร้องไห้ ลูกสาวคนเดียวทำไมต้องไปห่างอก พ่อแม่ด้วยน้อ แม่บอกว่า ตอนไปส่ง พ่อบอก เสียใจที่ลูกจะไปอยู่ไกล แต่ภูมิใจนะ ลูกสาวเราตัวนิดเดียว แต่มีความกล้า จะไปเผชิญชีวิตต่างบ้านต่างเมืองตัวลำพัง เราฟังแล้วร้องไห้เลย เนี่ยนะ พ่อแม่คน มีแต่ความรักและความเป็นห่วงให้ลูก อย่างไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน
แต่ญาติๆเรา เค้าไม่ค่อยพอใจ เค้าบอกว่า อะไรกัน เรียนจบมา แทนที่จะทำงานตอบแทนพ่อแม่ กลับจะไปใช้ชีวิตสบายๆเมืองนอก ทำตัวเหมือนเป็นลูกเศรษฐี พ่อแม่รวยนักรึไง มีแต่หนี้ พ่อแม่ก็ตามใจเกินไป รอดู วันนึงมันจะเสียคน….เราฟังแล้วอึ้งไป แต่ในใจคิดว่า เราคิดดีนะ เราไม่ได้เป็นเด็กเกเร หรือจะเอาตัวรอดหนีพ่อหนีแม่ไปสบาย เราไปเพื่อหาประสบการณ์ หาอนาคต แล้ววันหนึ่งเมื่อพร้อม เราก็จะดูแลพ่อแม่ให้สบาย สมกับที่ท่านลำบากเพื่อเรามาโดยตลอด

มาถึงแล้วจ้า ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย นี่เป็นครั้งที่สามที่มาออสเตรเลีย ครั้งแรกไปเพิร์ท ตอนปิดเทอมใหญ่ 3 เดือน ไปเรียนภาษา ครั้งที่สองซิดนีย์ 5 วัน เป็นตัวแทนนักศึกษามาประชุมงานๆหนึ่ง เราเลยไม่ค่อยกลัวมาก มาถึงก็นั่งแทกซี่จากสนามบินไปที่พัก ไม่ต้องใช้บริการรับส่งจากเอเจนซี่ แพงกว่า แล้วต้องรอ นั่งแท๊กซี่โลด จะไปไหนก็บอกเขา ตอนแรกเรามาถึงก็พักแบบโฮมเตย์ก่อน แพงกว่า แต่มาใหม่ๆ พักแบบนี้ไปก่อน เพื่อใช้เวลาหาที่พักแบบดูด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่ดูภาพจากในเน็ตสวยหรู แล้วเจอจริงๆโทรมอย่างกะสลัม แล้วแพงหูฉี่ ไม่ไหวๆ
พอได้ที่พัก ก็ศึกษาเส้นทาง จะไปโรงเรียนยังไง แถวนั้นมีอะไรบ้าง ไปโรงเรียนวันแรกก็นั่งรถไฟไป ไม่รู้ที่ทางเลย อาศัยถามเค้าตลอด ซื้อตั๋วยังไงคะ ลงตรงไหนคะ พอลงก็ถามไปทีละคนๆ จนในที่สุดก็เจอโรงเรียน เฮ้อ แต่เป็นการดี ทำให้เรารู้ที่รู้ทางมากขึ้น วันแรกเค้าก็ให้สอบวัดระดับจัดห้องเรียน เราโชคดีเรียนมาจากไทยบ้าง เลยได้อยู่ห้อง เตรียมสอบ IELTS เลย เป้นห้องที่ไม่มีห้องอื่นให้ต่อละ เรียนมันห้องเดียวแต่แรกก็โอเค จากนั้นเดินสำรวจในตัวเมืองซิดนีย์ กับเพื่อนใหม่ในห้อง ให้รู้ว่า อะไรอยู่ตรงไหนๆ จะได้ไปถูก เดินไปข้างไชน่าทาวน์ เป็นไทย์ทาว เหมือนกับเดินอยู่เมืองไทย คนไทยเยอะมาก พูดภาษาไทย พูดอิสานกัน นานๆเห็นฝรั่งเดินหลงมาที ทำให้อุ่นใจ อืมม ไม่อดตายแล้วตรู อิอิอิ ซื้อเครื่องแกง อาหารกระป๋อง มาม่า กลับที่พักทันที
ตอนมาถึง เป็นฤดูหนาว บวกฝนตกทุกวัน ไม่เห็นแดดเลย ทำให้หดหู่มาก โทรไปหาแม่ บอก สบายแม่ ไม่ต้องห่วง ที่พักดี ของกินดี ทำอาหารเก่งแล้ว แม่เป็นห่วง เพราะอยู่เมืองไทยไม่เคยทำกับข้าว พ่อทำให้กินตลอด โกหกแม่ไปงั้น เพราะอยากให้แม่สบายใจ วางสายปุ๊บ ยืนร้องไห้ท่ามกลางสายฝน คิดถึงบ้าน หนาวก็หนาว คิดว่าจะรอดมั้ยว๊าตรู อีกตั้งหกเดือน….. แล้วก็กลับไปนอนร้องไห้ต่อ
เรื่องที่พัก สรุปเราย้ายมาอยู่ในเมือง แบบห้องนึงสองห้องนอน อยู่กันแปดคนนะคะ เตียงเราเป็นเตียงสองชั้น ไม่ได้อยู่ในห้อง อยู่ตรงส่วนระเบียง แค่นี้ก็อาทิตย์ละ ร้อยเหรียญละค่ะ จะเอาหรูๆไม่ได้ ต้องประหยัด แต่บอกพ่อแม่ อยู่สบายๆค่ะ พี่ๆร่วมห้องใจดี แต่ความเป็นจริง ต่างคนต่างอยู่ค่ะ คุยกันตอนเค้ามาเก็บค่าห้อง ที่เหลือตัวใครตัวมัน ญาติก็ไม่ใช่นี่นา ใครจะมาสนใจเรามาก เค้าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ส่วนเรื่องงาน ถ้าอยากทำงานร้านอาหารไทย ทำใจเลยนะคะที่ซิดนีย์ เนื่องจากนักเรียนไทยเยอะ เค้าไม่ง้อเราหรอกค่ะ เค้าจะให้เราไปฝึกงานก่อน ฝึกงานไม่ได้ตังค์นะคะ ฝึกฟรี สองสามวัน แล้วจะโทรมาบอก แต่เงียบไปเลย เพราะเค้าก็รับคนอื่นไปฝึกงานอีกไงคะ มีนักเรียนไทยมาให้ใช้ฟรีๆ ทำไมจะไม่เอาคะ หมดคนนี้ก็เรียกคนนั้นมาต่อ ไปเรื่อยๆ แล้วค่อยจ้างกันจิง ๆจัง ๆซักคน แต่ร้านดีๆก็มีนะคะ ไม่ใช่ว่าโหดไปหมด แล้วแต่ดวงชะตาของแต่ละคนค่ะ สรุปเราไปได้ร้านอาหารไทยที่เจ้าของเป็นคนลาวค่ะ ได้ค่าแรงชั่วโมงละสิบเหรียญ จ่ายเป็นเงินสด ก็เอาละค่ะ ขี้เกียจหา ขี้เกียจไปแย่งงานคนอื่น ที่สำคัญคือ ต้องตั้งใจเรียน เพื่อสอบภาษาให้ผ่านก่อนค่ะ
สรุป หกเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก เราเรียนจบแล้ว ไปสอบ IELTS ได้ 6.5 ก็สบายละค่ะ เรียนต่อครอสอื่น ๆ ได้ละ ก็เลยกลับเมืองไทย มารับปริญญา และมาคุยกับพ่อแม่ วางแผนจะเรียนอะไรต่อ แล้วทำเรื่องกลับไปใหม่
ช่วงหกเดือนที่ว่าผ่านไปไวนี้ ก็มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นมาในชีวิตนะคะ ที่สำคัญ…..ดิฉั้นมีความรักค่ะ คริๆ เลยทำให้ช่วงเวลาหกเดือน ไวเหมือนหกวัน เดี๋ยวว่าง ๆ จะมาเล่าต่อนะคะ ว่าความรักกับหนุ่มตาน้ำข้าวของดิฉั้นนี่ จิเป็นจั่งใด…โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอฝากข้อคิดเพิ่มเติมนะคะ ชีวิตคนเรา เรากำหนดได้ค่ะ ว่าอยากให้ไปทางไหน มีเพื่อนๆ หลายคนบ่นๆ ว่าอยากมาเรียนเมืองนอก แต่ก็ได้แค่บ่นค่ะ คนเราคิดแล้วต้องทำ ผลจะออกมาเป็นแบบไหน อีกเรื่องหนึ่งค่ะ แต่ควรให้โอกาสชีวิตตัวเอง ดีกว่าฝันว่า อยากไปเป็นนักเรียนนอก ฝันไปทั้งชาติ มันก็ได้แค่ฝัน แต่ถ้าทำเรื่องเรียน ขอวีซ่า แล้วซื้อตั๋ว อันนี้ ได้เป็นนักเรียนนอกจิงๆค่ะ
ฝากบทเพลงแถมท้ายค่ะ.. กาสะลอง
เมื่อตะวันลับไป ไกลจากขอบฟ้า เสียงเพลงลา แว่วมากับสายลม
กาสะลองล่องลอย ปลิดพลิ้วไปตามลม ลมความฝันพัดไป ไกลจากบ้าน

บนเส้นทางฝันไกล ไปสู่จุดหมาย คําสุดท้าย แม่ฝากยังได้ยิน
ไม่เคยลืมเลยซักคํา ตราบที่หัวใจโบยบิน ถ้อยคํานั้นยังได้ยิน รักและห่วง

คืนร้างทางเปลี่ยว หัวใจลูกยังอุ่น ความรักไม่เคยจาง ห่างกันแสนไกล
เหมือนดวงดาว พร่างพราวบนฟ้าไกล ไกลแสนไกล หัวใจอยู่ใกล้กัน

เมื่อตะวันลับไป ใจคิดถึง สะล้อซ่อซึง อื้ออึงในหัวใจ
กาสะลองของแม่ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะได้คืนไปซบไอ อุ่นใจของแม่

คืนหนาวดาวเปลี่ยว ขอใจแม่ยังอุ่น ความรักไม่เคยจาง ห่างกันแสนไกล
เหมือนดวงดาว พร่างพราวบนฟ้าไกล ไกลแสนไกล หัวใจอยู่ใกล้กัน
ห่างกันแสนไกล หัวใจอยู่ใกล้แม่




 

Create Date : 16 กันยายน 2551    
Last Update : 16 กันยายน 2551 16:45:14 น.
Counter : 182 Pageviews.  


moonuing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ หัดทำ นะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ จาพยายาม มาอัพ บ่อยเท่าที่จา ทำได้น๊า ฝากไว้ในใจท่านผู้ชมทุกคน นะก๊าบบบบบบ
moobah
Friends' blogs
[Add moonuing's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.