โทรฯมือถือโดนตัดสัญญาณมา 3 วันแล้วอ่ะ
โทรศัพท์มือถือที่ไม่สามารถโทรเข้าโทรออกได้ก้อไม่ต่างอะไรกับนาฬิกาดิจิทัลบอกเวลาเครื่องนึงเท่านั้นเอง แรกๆก้องุ่นง่านอยู่เหมือนกัน มัวแต่คอยกดดูว่าสัญญาณกลับมารึยัง แต่หลังจากโดนตัดสัญญาณไป 3 วัน ตอนนี้ก้อโอเคนะ เริ่มอยู่ตัว ชินแล้วกับการไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง แต่บ้านเราก้อยังดีนะที่มีโทรศัพท์บ้านให้เพื่อนๆที่คอยห่วงถึงสถานการณ์คอยโทรมาถามข่าวคราวบ้าง (แม้จะไม่ค่อยมีใครโทรเข้าโทรออกสักเท่าไหร่ก้อเหอะ) จะว่าไปการที่ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ก้อดีเหมือนกันแฮะ อย่างการได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้นอนอ่านหนังสือที่ซื้อมาอย่างตั้งใจมากขึ้น ไม่ต้องคอยดูว่ามีใครโทรมาแล้วไม่ได้รับรึเปล่า? ไม่ต้องคอยคิดว่าถ้าไม่ได้รับโทรฯแล้วจะมีใครงอนบ้างรึเปล่า? ไม่ต้องนั่งรอโทรฯหรือ sms ของใคร (ถึงรู้ว่าเค้าไม่โทร/ส่งมาก้อเหอะ) ไม่ต้องมานั่งคิดว่าทำไมไม่ใครโทรมาเลยอ่ะ? ไม่ต้องคอยฟัง+รับรู้+แก้ปัญหาให้ใคร? ไม่ต้องคอยถือโทรฯไปไหนมาไหนด้วยเหมือนเป็นอวัยวะที่ 33 คิดถึงข้อดีต่างๆ ตกลงว่าที่ผ่านมาเรากลายเป็นทาสเทคโนโลยีอย่างโทรฯมือถือเหรอเนี้ยะ (แต่ตอนนี้ก้อเป็นทาสอินเตอร์เน็ตอยู่ดีอ่ะ 555) เอาน่ะ อย่างน้อยก้อเป็นอิสระจากโทรศัพท์ไปได้ช่วงนึงล่ะเนอะ ^_^.....
ปาฏิหาริย์บันทึกรัก
อาทิตย์ที่ผ่านมาซื้อหนังสือใหม่มาหลายเล่ม แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวเดิมๆแบบที่เคยอ่าน (Mystery) อย่างอุโมงค์มรณะ(จี้ฉิง), พาราไซต์อีฟสายพันธุ์สังหาร(เซนะ ฮิเดอากิ), ปมปริศนาภาพเขียนมรณะ(เจฟฟรีย์ อาร์เชอร์), คินดะอิจิฉบับการ์ตูนที่ซื้อมาเพราะความสงสัยว่าต่างจากฉบับนิยายยังงัย ปกติเราอ่านแต่ฉบับที่เป็นนิยาย ตอนนี้เลยได้รู้แล้วว่าฉบับการ์ตูนน่ะ พระเอกคือคินดะอิจิ ฮาจิเมะ ซึ่งเป็นหลานของคินดะอิจิ โคสุเกะที่มีศักดิ์เป็นปู่และเป็นพระเอกของฉบับนิยาย เพราะยังงี้ฉบับการ์ตูนและฉบับนิยายจึงมีชื่อตอนที่ไม่ซ้ำกันเลย
ส่วนอีกเล่มที่ซื้อมาแล้วเป็นแนวแตกต่างจากเล่มอื่น คือ The Notebook ปาฏิหาริย์บันทึกรัก เขียนโดย Nicholas Sparks ทำไมถึงซื้อเล่มนี้มาน่ะเหรอ อาจเป็นเพราะจิระนันท์ พิตรปรีชา เป็นคนแปล ด้วยความที่ไม่ได้อ่านงานของจิระนันท์ นานแล้ว อีกอย่างผู้เขียนเรื่องนี้คือคนที่เขียนเรื่อง message in the bottle ที่นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกที่โด่งดังมาแล้ว ส่วนเหตุผลอีกข้อหนังสือเล่มนี้พิมพ์เป็นครั้งที่ 17 แล้ว เลยลองหยิบมาอ่านดูดีกว่า
หลังจากที่อ่านไปได้ครึ่งเล่ม ก็เจอกับคำพูดนึงที่เราเห็นด้วยกับเค้าจัง เค้าบอกว่า "รักแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาลและไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน ความรู้สึกนั้นก็จะไม่หายไป คนๆนี้คือรักแรกของคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร เค้าก็จะอยู่กับคุณไปตลอดกาล"....
ไว้เราอ่านจบแล้วจะมาเล่านะว่าเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่จบลงยังงัย ถึงเป็นปาฏิหาริย์บันทึกรัก
เริ่มหาที่ทำมาหากินได้ซะที
และแล้ววันนี้ก็ได้ใบรับรอง+transcript จบปริญญาโทมาครอบครองซะที ขั้นต่อไปคือควรเริ่มหาที่ทำมาหากินได้แล้ว หลังจากรับจ้างเรียนมานาน แต่คุณนายยังไม่อยากให้หางานทำเลยอ่ะ สงสัยอยากให้เป็นนางทาสอยู่บ้านต่อไป ไม่เป็นไร หาไปเรื่อยๆแล้วกัน ไว้งานไหนสนใจจริงๆค่อยลองดู ว่าแต่จะมีที่ไหนมีกรรม เฮ้ย มีบุญ จะรับเราไปเป็นพนักงานป่วนเค้าล่ะเนี้ยะ
แต่ละวันให้มันได้สักเรื่องซีนา
กว่าจะจบได้ทำไมมันหลายเรื่องจังน้อ เมื่อวานก็เรื่องนึง เราส่งเอกสารขออนุมัติจบไปหมดแล้ว เพิ่งเห็นกฎกติกามารยาทของฝ่ายทะเบียนว่าชื่อภาษาอังกฤษของเราควรเขียนให้ตรงกับที่ใช้ใน passport อ้าว เวรล่ะสิ ของเรามันไม่เหมือนกันอ่ะ ตอนขอ passport เค้าเปลี่ยนให้ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพิ่งมาสังเกตเอาตอนนี้ล่ะว่ามันไม่เหมือนกับ transcript ของป.ตรี กับชื่อที่ใช้ในวิทยานิพนธ์&manuscript ครั้นจะเปลี่ยนให้เหมือนกับ passport ก็มีปัญหาพ่วงมาอีกเยอะเชียว เอกสารทุกอย่างที่ใช้มันไม่เหมือนpassportมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา สุดท้าย เอาวะ ช่างมันเหอะ เปลี่ยน passport อย่างเดียวท่าจะง่ายกว่า
ส่วนวันนี้ก็มีเรื่องมาให้แก้อีกแล้ว มันมาจากความสะเพร่าของเราเองล่ะ โทษใครไม่ได้ เราส่ง CD วิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ทั้งที่เป็น word กับ pdf ไปเมื่อ 5 วันที่แล้ว วันนี้เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เปิดดู อ้าว เวรล่ะสิ (รอบสอง) บรรทัดมันกระโดดดึ๋งๆอ่ะ แถมไม่ตรงกับวิทยานิพนธ์เป็นเล่มที่ส่งไปอีก ตายๆๆๆๆ มาคิดถึงสาเหตุว่าทำไมหว๋า อ้อ เพราะว่า word ที่ใช้ตอน print กับทำ pdf น่ะ มันคนละ version กัน บรรทัดเลยเพี้ยนหมดเลย ทำไงล่ะทีนี้ ต้องแก้ปัญหา ใคร่ครวญไปมา เอาวะ สุดท้าย ต้องไปเอาตัวเล่มมาสแกนทำ pdf แล้วกัน จะได้ตรงกัน ส่วนอันที่เป็น word ก็เลยตามเลยแล้วกัน เสร็จแล้วก็ค่อยเอาไปส่งใหม่ อย่างมากก็โดนบ่นมาว่าไม่รอบคอบ ทำไงได้ ก็สะเพร่าไปแล้วนี่นา เป็นอย่างงี้ทุ๊กที ทำยังไง ความรอบคอบมันก็ไม่ปรากฎขึ้นมาเล้ยยยยย....