Group Blog
 
All blogs
 
กรงพยัคฆ์ บทที่ 4

**การจัดหน้าแปลกๆ หน่อยนะคะ บล็อกแก๊งไม่ยอมให้ใส่คำสั่ง งงมากเลย

กรงพยัคฆ์ บทที่ 4
ปุณณ์ผลักประตูห้องทำงานเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาตะปบมือลงไปบนสวิตช์ไฟจนห้องสว่างโร่ และพบว่าผู้เป็นนายกำลังยืนตัวงอด้วยขาไม่มั่นคงอยู่กลางห้อง สีหน้าท่าทางดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“คุณอากิระ” เขารุดเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไร”
หลังจากการเปลี่ยนแปลงภายในยามากูชิเมื่อหนึ่งปีก่อน บ้านใหญ่ก็เงียบเหงาลงไปมาก เนื่องจากแม่และน้องสาวของอคิน รวมไปถึงทาเคตะ บอดีการ์ดของโทดะกับโนริโกะผู้เป็นมารดาของทาเคตะย้ายออกไป เขากับปรานต์ น้องชายฝาแฝดที่ตอนนี้ทำหน้าที่ดูแลโทดะแทนก็ย้ายจากเรือนคนรับใช้มานอนอยู่ที่เรือนใหญ่ ห้องของเขาอยู่ใกล้บันได เขาเป็นคนหูไวและนอนหลับไม่สนิท จึงได้ยินเสียงโครมครามและรีบตามมาดูจนพบกับผู้เป็นนายในสภาพดังที่เห็น
“ไม่มีอะไร แค่แมวตัวหนึ่ง” อคินโบกมือและตอบเสียงเรียบ แม้หน้าจะออกซีดๆ ไปสักหน่อย เขาเดินช้าๆ ไปที่โต๊ะทำงานแล้วเอนร่างพิงโต๊ะ ยังรู้สึกจุกไม่หาย เจ้าหล่อนเท้าหนักไม่ใช่เล่น แถมเอาจริง...กระทืบเท้าใส่ ‘เขา’ ซะเต็มที่ด้วย
“แมว?”
“ใช่ แมวตัวใหญ่” มุมปากของเขายกสูงนิดๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นนำมาซึ่งความประหลาดใจของลูกน้องข้างกาย เขาไม่ใคร่เห็นนายยิ้มแบบนี้บ่อยนัก นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจและน่ายินดี
“ขโมยหรือครับ” ปุณณ์ร้องอย่างตกใจ และหมุนตัวเตรียมออกไปตามหา แต่นายห้ามเอาไว้
“ไม่ทันแล้วละ ป่านนี้คงหนีไปไกลแล้ว”
“คุณอากิระ” น้ำเสียงร้อนรนเป็นกังวล
“เถอะน่าปุณณ์ ไม่ต้องโวยวายไป เดี๋ยวปรานต์กับปู่ก็แห่กันลงมาดูพอดี ฉันว่าเรื่องมันเล็กนิดเดียว”
“ไม่นิดนะครับคุณอากิระ ขโมยเข้าบ้านเนี่ย เข้ามาได้ยังไง ทำไมสัญญาณนิรภัยไม่ดัง พรุ่งนี้ผมจะให้คนมาตรวจสอบโดยด่วน ถ้ายี่ห้อนี้ไม่ดีจะได้จัดการเปลี่ยนซะ หรืออาจจะต้องติดสัญญาณกันขโมยเพิ่ม เอาให้แน่นหนากว่านี้”
เมื่อเห็นนายนิ่งเกินไป เขาก็สังหรณ์ใจ
“หรือไม่ใช่ขโมย พวกนักฆ่าใช่ไหม” ปุณณ์ถลันเข้ามาหน้าตื่น ถึงจะลดบทบาทด้านมืดลงไปมากจนแทบจะไม่เหลือ แต่ยามากูชิก็ถือว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่ดี ไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้มานานแล้ว...นับตั้งแต่ไม่มีเลเบด แต่พวกทสึรุที่ก้าวมาแทนเลเบดก็ถูกพวกเขาจับตามองอยู่
“ผมคิดว่าเราน่าจะกลับไปใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยแบบเก่า” นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ยามากูชิเปลี่ยนแปลง ไม่มีบอดีการ์ดเดินตามนายเป็นพรวน ไม่มีบอดีการ์ดในบ้าน...เว้นแต่เขากับน้องชายฝาแฝด อคินบอกว่าพวกเขาควรทำตัวให้เหมือนคนธรรมดา แม้ว่าแรกๆ มันจะยาก แต่ก็ต้องปรับตัว ถึงเขาจะไม่เห็นด้วยและคิดว่ายังไงยามากูชิก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“อย่าให้เอิกเกริกถึงขนาดนั้นกะอีแค่หัวขโมยคนเดียว” อคินปฏิเสธอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะหวนคิดถึงตอนเธอด้อมๆ มองๆ ข้าวของของเขาแล้วนึกสงสัย
ของชิ้นไหนที่เธอสนใจ เธอไม่ใช่หัวขโมยธรรมดาแน่ๆ เธอไม่ขโมยดะ เธอเลือก...และเธอยังไม่เจอของที่เธอต้องการ
ท่าทางสบายๆ เกินไปของเขาทำให้ลูกน้องไม่กล้าวางใจ มองอีกฝ่ายตาปริบๆ “จะดีเหรอครับ”
“ไม่ต้องห่วงฉันนักหรอกปุณณ์ ฉันไม่เป็นอะไร” แค่จุกนิดๆ กับศักดิ์ศรีที่หายไปหน่อยๆ หากเมื่อคิดๆ ดู แลกกับจุมพิตของคนปากคอเราะร้ายก็ไม่เลวนักหรอก ถึงจะโดนเจ้าหล่อนกัดตอบแทนจนลิ้นบวมคับปากก็เถอะ คิดแล้วเขาก็อดยิ้มนิดๆ อีกครั้งไม่ได้ หากลูกน้องกลับยิ่งเป็นห่วง แน่ละ ไม่กี่ครั้งหรอกนะที่จะได้เห็นยิ้มเกินหนึ่งครั้งจากอคิน
“คุณอากิระ”
คราวนี้อคินกลับหัวเราะให้กับความวิตกจริตของลูกน้อง หากปุณณ์ยิ่งไม่มั่นใจมากกว่าเดิม
“เอ่อ...แน่ใจนะครับว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ ไม่เป็นอะไร ขอบใจที่เป็นห่วง ฉันสบายดี...สบายดีมากๆ ด้วย” แล้วอคินก็ตัดบท
“เออ ปุณณ์ จำผู้หญิงที่หน้าเหมือน...ไม่สิ ไม่เหมือน แค่คล้าย” เขารำพึงคนเดียวก่อนจะพูดต่อ “นายจำผู้หญิงที่หน้าคล้ายยูคาริได้ใช่ไหม แต่ผมยาวตรง...สีดำ ตาสีดำ ผู้หญิงที่เราเจอที่ ดิ ลักซ์”
“ครับ จำได้” ปุณณ์ไม่มีทางลืมผู้หญิงคนนั้น แต่ผมตรงสีดำ ตาสีดำอย่างนั้นรึ เขาจำได้ว่าที่เห็น ผมลอนของเธอเป็นสีน้ำตาลและตาก็เป็นสีเดียวกันนี่
“แต่ว่า...” เขากำลังแย้ง หากโดนขัด
“เถอะน่า ไปหาตามที่ฉันบอก เชื่อฉัน แต่หาให้เจอละ ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ...เร็วๆ ด้วย” คำพูดสุดท้ายเร่งอย่างใจร้อน เขาแทบอดใจรอพบเธออีกครั้งไม่ไหว
ปุณณ์นิ่วหน้า แต่ก็รับปาก “ครับ คุณอากิระ” และจะว่าไปเขาก็อยากจะรู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหมือนกัน ที่เจ้านายสนใจเธอคนนี้มากเป็นพิเศษเป็นเพราะเธอหน้าเหมือนคุณยูคาริใช่ไหม ถ้าใช่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่า เจ้านายยังไม่ได้เสียหัวใจของตัวเองไปจริงๆ



คนที่จู่ๆ กลายมาเป็นเป้าหมายโดยไม่รู้ตัว เมื่อปีนกำแพงออกมาได้ก็ใส่ตีนผีวิ่งไปยังรถที่บิดาจอดแอบอยู่ใกล้ๆ โดยไม่เหลียวหลังไปมอง แม้สัญญาณจะดูเงียบเชียบ...วังเวง แต่ใครจะรู้ละ อคินอาจจะส่งกองทัพของเขามาตามเธอก็ได้
เธอกระชากประตูรถแล้วกระโดดเข้าไปนั่งประจำที่ ศาลทูลหันมามองลูกอย่างงงๆ เขากำลังจะดอดเข้าไปดูในบ้านแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว แต่เธอกลับมาพอดี เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอไม่สมบูรณ์ หมวกบีนนี่ของเธอหายไป ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าแดงก่ำ...และปากก็แดงไม่แพ้กัน...
“ยายมี่” เขานิ่วหน้าครุ่นคิด
“ออกรถเลยคุณเสือ รอช้าอยู่ทำไม เดี๋ยวพวกมันก็แห่กันมาพอดี”
ศาลทูลทำตามคำขอ เท้าเหยียบคันเร่ง รถทะยานออกไป ในใจมีคำถามอีกมากที่ต้องการคำตอบ พอพ้นถิ่นของยามากูชิ เขาก็ถาม
“ถูกจับได้เหรอ”
ลูกสาวไม่ยอมตอบ เขาเปลี่ยนคำถาม เพราะรู้ว่าที่เธอไม่ตอบเพราะถูกจับได้จริงๆ
“ทำไมถึงถูกจับได้” ปรกติงานของรินวิฬาร์จะเพอร์เฟกต์ น้อยครั้งที่จะผิดพลาด และจะว่าไปเธอไม่ได้ทำพลาดมานานแล้ว ทำไมจะต้องมาพลาดเอาตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้
“มี่ประมาท” น้ำเสียงเครียด ปากเม้มลงอย่างแรงจนสะดุ้งเพราะความเจ็บ อีตาบ้านั่นจูบเธอซะแรง และเมื่อเธอเหลือบตาขึ้น ก็พบว่าบิดากำลังจ้องหน้าเธอเขม็ง
“คุณเสือขับรถอยู่นะ” เธอเตือน แก้มทวีเป็นสีแดงก่ำ กลัวจะถูกบิดาจับได้ว่าถูกเป้าหมายทำอะไร โอ๊ย! ขายหน้าแย่ถ้าคุณเสือรู้ แล้วไหนจะยังจูบแรกของเธออีกเล่า ไอ้บ้ากาม เจ็บใจนักที่เมื่อกี้กระทืบเบาไป ถ้าไม่กลัวว่าหมอนั่นจะลุกขึ้นมาต่อกรได้ เธอจะกระทืบซ้ำให้ใช้การไม่ได้เลย ฮึ่ย!
“ติดไฟแดงอยู่” ศาลทูลพยักพเยิดไปข้างหน้า รินวิฬาร์หน้าแตกยับ เธออ้าปากค้าง พูดอ้ำอึ้ง
“เอ่อ...”
“หยุดเฉไฉแล้วบอกพ่อมาซะดีๆ มี่เป็นอะไรไป ใครทำอะไรมี่ของพ่อ” เขากล่าวอย่างอาทร
“มี่...มี่...คือ...มี่ไม่ยอมดูในห้องให้ดีๆ...แหม ใครจะไปคิดละว่าดึกๆ ดื่นๆ ยังจะมีคนอยู่ในห้อง” ประโยคสุดท้ายบ่นกระปอดกระแปด น้ำเสืยงเจือแววขุ่นเคือง
“ใคร” จะต้องเป็นคนที่ร้ายกาจพอตัว ยายมี่ของเขาไม่ใช่คนไม่มีฝีมือ แล้วผมเผ้ายุ่งเหยิงกับริมฝีปากช้ำเลือดจะต้องเป็นฝีมือของคนๆ นั้นแน่ๆ
รินวิฬาร์ไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของบิดาเปลี่ยนไป แววตาก็เจิดจ้าขึ้น เธอมัวแต่โมโหคนบ้าที่บังอาจจูบเธอจนริมฝีปากช้ำ
“ก็...ก็เจ้าของบ้านนั่นแหละ”
“โทดะ ยามากูชิอย่างนั้นรึ” เขาแทบไม่เชื่อ แก่ๆ อย่างโทดะจะมีปัญญาอะไร หรือมันจะเป็นเสือซ่อนเล็บ...
“ไม่ใช่!”
ถ้าอย่างนั้นก็เหลืออีกคน...
“อคินทำอะไรมี่” เขายิงคำถามตรงประเด็น แต่เธอแทรกว่า
“คุณเสือ ไฟเขียวแล้ว”
ศาลทูลตั้งหน้าขับรถ หากยังไม่ลืมคำถาม
“สรุปว่าเขาทำอะไรมี่”
“เปล่า”
“หมวกหายไปไหน ใบโปรดไม่ใช่หรือ”ผู้เป็นพ่อจี้ต่อ
“หายตอนสู้กับเขา”
“ผมเลยยุ่ง”
“ใช่”
“ปากก็บวมด้วย” น้ำเสียงรู้ทัน
“เอ้อ...” คนเป็นลูกสะอึกไป
“มันทำอะไรอีก” คราวนี้เขาไม่ปิดบังความโกรธของเขา
“พ่อ!” รินวิฬาร์ร้อง ไม่บ่อยครั้งที่เธอจะเรียกเขาด้วยฐานะที่แท้จริง
“มันทำอะไร”
“เปล่า ก็แค่...ก็แค่...แค่จูบ” ทั้งจูบ...ทั้งจับด้วยน่ะสิ...อึ๋ย
“ทำไมต้องจูบ” เขาคำราม
“มี่ก็ไม่รู้ คงเห็นว่ามี่เป็นผู้หญิงมั้ง” แค่คิดหน้าก็แดงขึ้น ด้วยทั้งโกรธระคนอาย
“ไอ้บ้า” ศาลทูลนึกเคืองแทนลูก
ใช่ ไอ้บ้านั่นมันบ้ากามมากด้วย หญิงสาวพูดในใจ ไม่กล้าตะโกนออกไป เดี๋ยวจะยิ่งกลายเป็นยอมรับว่าเธอเสียท่าศัครูชนิดกู้คืนไม่ได้
“แต่มี่จัดการกลับไปแล้วละ กระทืบกลางเป้าตรงเผง หวังว่าจะเจ็บจนใช้งานไม่ได้” เธอเข่นเขี้ยว
“ดี” ศาลทูลสะใจ แต่ในฐานะผู้ชายเหมือนกัน เขาก็รู้สึกเจ็บแทน “หมอนั่นคงจะโกรธน่าดู”
“แน่นอนละ” รินวิฬาร์ประเมินจากน้ำเสียงของอคิน เธอไม่ได้หันไปมองเขาหรอก พอสบโอกาสเธอก็เผ่นโลด
“ครั้งหน้าพ่อจะลงมือเอง”
“ไม่มืทาง คุณเสือก็รู้ว่ามี่เก่งกว่า”
“แต่มี่เพิ่งถูกจับได้” ถึงเขาจะไม่เสริมว่าไม่ได้จับได้เปล่าๆ แต่แววตาที่เขาหันมามองเธอแวบหนึ่งกระจ่างชัด เขาโกรธคนที่ทำร้ายลูกสาวเขา
“จะไม่มีครั้งที่สอง มี่ไม่เคยพลาดเกินกว่านั้น” เธอโต้
“แล้วเจออะไรไหม”
“เห็นดาบแล้ว กำลังจะเข้าไปดูว่าใช่คาตานะของจริงไหม แต่ดันถูกจับได้เสียก่อน”
ศาลทูลขมวดคิ้วนิ่วหน้า “อืม พ่อว่าครั้งนี้มันออกจะสุ่มเสี่ยงเกินไปสักหน่อยนะ”
“ถ้าคุณเสือลงมือเอง มันจะเสี่ยงยิ่งกว่านะ”
“มี่” เสียงอ่อนใจ
“อย่างนั้นก็ให้ย่าจ๋าตัดสิน”
“เหอะ ย่าจ๋าก็เข้าข้างมี่น่ะสิ” เขาทำเสียงขึ้นจมูก “เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นแผนของแม่” แผนซึ่งเขาเริ่มจะไม่แน่ใจทุกทีๆ
“คุณเสือรู้แล้วยังจะดื้อ”
“เอ๊ะ! เด็กคนนี้ มาว่าพ่อดื้อได้ยังไง”
“มี่จะต้องแก้มือ มี่ไม่ยอมแพ้หมอนั่นหรอก”
“พ่อว่าเรายกเลิกงานนี้เถอะ ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว”
รินวิฬาร์สั่นหน้า “ไม่มีทาง อีกนิดเดียวมี่ก็จะได้มันแล้วแท้ๆ”
“มี่ ทำไมไม่เชื่อพ่อบ้าง”
“คุณเสือก็เชื่อใจมี่บ้างสิ มี่จะต้องเอาคาตานะมาได้”
ศาลทูลถอนหายใจเฮือก รู้ดีว่าไม่อาจเปลี่ยนใจคนหัวดื้อได้ เขาบ่นทิ้งท้าย
“กลัวจะไม่ได้คาตานะ แต่ได้อย่างอื่นมาแทนน่ะสิ”
“คุณเสือ! พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง กลัวจะได้อะไร”
“ระวังจะไม่ได้เสียแค่จูบ”
“คุณเสือ!” หญิงสาวขึ้นเสียงดัง
“เออๆ ไม่พูดแล้ว” แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องตัดรำคาญ “เรามาคิดกันดีกว่าครั้งต่อไปจะเข้าไปในบ้านยามากูชิยังไง พวกนั้นคงไม่ยอมให้เกิดเรื่องอย่างนี้ครั้งที่สองแน่”


Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2558 12:36:48 น. 0 comments
Counter : 978 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.