Group Blog
 
All blogs
 
เสี้ยวหนึ่งแห่งความทรงจำ (ร้ายนัก (ไม่) รักเสียดีไหม ตอนพิเศษของเยาวเรศ)

เสี้ยวหนึ่งแห่งความทรงจำ

“อย่า...อย่านะ ได้โปรดอย่าทำฉันเลย” เสียงกระซิบปนสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ร่างระหงคู้งอสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว หน้าผากเนียนเกลี้ยงย่นย่อตามอารมณ์ที่แสดงออกมา เม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดพรายไปทั่วหน้าผาก ดวงตาที่ล้อมด้วยแพขนตาดกหนายังคงปิดสนิท ทว่ากลับมีหยาดน้ำใสราวกับเพชรเจียระไนรินไหลออกมาจากหางตาเฉียง

“อย่าาาาา” หญิงสาวกรีดร้องดังลั่นก่อนจะสะดุ้งสุดตัวและตื่นขึ้นมาจากนิทรารมย์อันแสนทรมาน มือเรียวลูบแก้มไร้สีเลือดแผ่วเบาเพื่อเรียกขวัญที่กระเจิงหายให้กลับคืนมา

“ฝันอีกแล้ว” น้ำเสียงของเธอแหบพร่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความทรงจำอันแสนเลวร้ายยังคงไม่เลือนหายไปจากใจของเธอ

ทำไมนะ ทำไมถึงลืมไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งแห่งความทรงจำเองไม่ใช่หรือ เธอรำพึงรำพันกับตัวเองแม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ในความฝันได้ฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำของเธอมากว่าห้าปีแล้วก็ตาม

ดวงตาสีเข้มกระพริบถี่ๆ เพื่อขับไล่ความง่วงงุนที่หลงเหลืออยู่ก่อนจะชันกายขึ้นนั่งและหันมองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นเคย แล้วสายตาของเธอก็พลันสะดุดเข้ากับร่างเปลือยของผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่เธอไว้ใจ คนที่เธอเรียกว่าเพื่อน

หัวสมองสั่งการให้เธอทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอออกมากินข้าวกับ 'มัน' และเธอดื่มเหล้าเพราะเบื่อเซ็งกับรักที่ไม่สมหวัง และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงนี่

เธอแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนเมื่อรู้ความจริงมันไม่ได้ทำกับเธอเพียงแค่ครั้งเดียว ครั้งต่อๆ กับมันเหมือนเป็นนรกบนดินของเธอ ใครจะคิดว่ามันได้แอบถ่ายภาพเปลือยและอัดวีดีโอเทปไว้เพื่อแบล็คเมล์เธอในภายหลัง

เลือดในกายเธอเย็นเยียบดุจธารน้ำแข็งขั้วโลกเมื่อเห็นภาพอดสูของตนปรากฏอยู่ในจอโทรทัศน์ มือบางกำแน่นจน ร่างของเธอสั่นระริกด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังประเดเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด จากนั้นเธอก็ตกเป็นทาสของมันหลายครั้งจน...

ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณกำลังจะมีเด็ก

น้ำเสียงแห่งความยินดีของคุณหมอลอดผ่านรูหูของเธอไปอย่างเชื่องช้าก่อนจะกรอกลับไปกลับมาในห้วงคำนึงของเธอไม่ต่างอะไรไปจากวีดีโอเทป หญิงสาวไม่รู้สึกรู้สมอะไรอีกแล้ว เธอโผเผกลับบ้านดุจนกปีกหัก

มันไม่ยอมรับในสิ่งที่ก่อ สมองเล็กๆ ของเธอสั่งการให้เธอหาพ่อให้เด็กในท้อง เธอเกือบจะทำสำเร็จหากเพียงเธอทำใจแข็งโกหกเขาคนนั้นต่อไปเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ มโนธรรมในใจทำให้เธอตัดสินใจทิ้งฝันร้ายของเธอไว้แต่เพียงเบื้องหลัง
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

เธอมาอยู่ที่แอลเอห้าปีแล้วสินะ เยาวเรศคิด แผลใจของเธอเริ่มตกสะเก็ด แต่มันก็ยังไม่แห้งสนิท บางครั้งมันก็เปิดพะเยิบพะยาบ ยังผลให้เธอหวนกลับไปคิดถึงวันวานอย่างช่วยไม่ได้

หญิงสาวก้าวลงจากเตียงและตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว สายน้ำเย็นฉ่ำทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง เธอหยิบเสื้อผ้าง่ายๆ ขึ้นมาสวม...กางเกงยีนกับเสื้อยืดธรรมดา...ช่างต่างกับตัวเธอเมื่อสมัยก่อนลิบลับ

ห้าปีที่แล้ว เยาวเรศคนดังไม่คิดที่จะสวมเสื้อผ้าไร้แบรนด์อย่างนี้ แต่อะไรๆ ในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงกันได้

“น้องณินครับ ตื่นได้แล้วครับ” เยาวเรศปลุกบุตรชายวัยสี่ขวบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ครั้งแรกที่เธอรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ เธอคิดจะทำแท้ง สองขาของเธอเคยย่างเหยียบไปยังสถานที่ต้องห้ามแล้วด้วยซ้ำ แต่ในวินาทีสุดท้ายที่เธอกำลังจะขึ้นขาหยั่ง เธอกลับวิ่งพรวดพราดออกมาจากคลินิกนั่น ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ เธอทำไม่ได้ มันโหดร้ายเกินไป เธอได้ยินเสียงเลือดเนื้อในครรภ์ร้องประท้วง

แม่จ๋าอย่าทำร้ายหนู

เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับการตัดสินใจครั้งใหม่ของเธอ เยาวเรศไม่อาจจะอยู่ในเมืองไทย ที่ๆ เธอมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักได้อีก เธอหลบมาพักพิงอยู่ที่รังใหม่ของเธอ...สหรัฐอเมริกา

เด็กชายตัวน้อยครางอืออาก่อนจะลุกขึ้นบิดตัวอย่างเกียจคร้าน พ่อหนูจ้องมองมารดาด้วยดวงตาวาวใสดุจลูกแก้ว

“มาครับ แม่เรศจะพาน้องณินไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวเราจะได้ไปโรงเรียนกัน” หญิงสาวอ้าแขนรับลูกชาย

เด็กชายพัณณินโผเข้าใส่วงแขนอบอุ่นของมารดาด้วยความเต็มใจ เธอไม่เสียใจสักนิดที่ไม่ได้ทำลายสายเลือดครึ่งหนึ่งของเธอ พัณณินเป็นเด็กน่ารัก เลี้ยงง่าย ไม่โยเย ใบหน้าอ่อนใสดุจผ้าขาวไร้มลทินถอดแบบมาจากเธอแทบทั้งสิ้น
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

“พอตาณินเข้าโรงเรียนแล้วค่อยสบายกันหน่อยนะ ไม่อย่างงั้นคงได้เล่นซนอยู่ร้านทั้งวัน” เยาวมาลย์พูดกับน้องสาว เธอเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเยาวเรศ เธอย้ายตามสามีมาอยู่ที่ประเทศอเมริกานานกว่าสิบปี สามีของเธอทำงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในลอสแองเจิลลิส เมื่อหน้าที่แม่บ้านของเธอถึงจุดอิ่มตัว เธอก็ออดอ้อนขอเงินทุนจากสามีมาเปิดร้านอาหารไทย และด้วยฝีมือการทำกับข้าวที่ไม่เป็นสองรองใคร ร้านอาหารของเยาวมาลย์จึงมีลูกค้าอุดหนุนไม่ขาดสาย

ห้าปีที่แล้ว เยาวเรศบินมาหาเธอปุบปับ ทันทีที่เห็นใบหน้าซีดเซียวอมทุกข์ของน้องสาว เธอก็สันนิษฐานได้ในทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเยาวเรศอย่างแน่นอน

จริงดังที่เธอคาด น้องสาวของเธอท้องเพราะถูกข่มขืน เยาวเรศในตอนนั้นทั้งสับสนและเสียขวัญ เธออ้าแขนรับน้องสาวผู้บอบช้ำด้วยความเต็มใจ เยาวเรศขออาสาช่วยงานที่ร้านอาหารของเธอเนื่องจากไม่อยากกลับเข้าสู่วังวนงานแบบเดิม แม้จะมีคนมาติดต่อทาบทามให้เธอไปเป็นนางแบบภาพนิ่งหรือนางแบบโฆษณา เธอก็ปฏิเสธทั้งที่มันเคยเป็นงานที่สนุกและท้าทายในสายตาเธอ หญิงสาวรู้สึกเบื่อตัวเอง ไม่อยากจะปรากฏตัวหรือตกเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มากเหมือนอย่างเมื่อก่อน

“ขาดตาณินไปเสียคน เรศว่าร้านมันเงียบๆ ไปนะคะ” เยาวเรศเหม่อมองออกไปนอกร้าน เธอนึกถึงแก้วตาดวงใจของเธอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“จริงของเรศ ตอนแรกตาทิมของพี่เข้าโรงเรียน พี่ก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน ดีนะที่ตาณินไม่ร้องไห้โยเยเหมือนตาทิม ไม่อย่างงั้นเราคงได้ปวดหัวกันอีกรอบแหงๆ”

‘ตาทิม’ ของเยาวมาลย์คือเด็กชายทิมหรือทิมมี่ ลูกชายคนเดียวของเธอ ปีนี้ตาทิมอายุแปดขวบแล้ว ทิมเป็นพี่ชายที่น่ารักของพัณณิน เขาดูแลน้องณินเป็นอย่างดีและชอบพากันไปเล่นซุกซนไม่เว้นแต่ละวัน การไปโรงเรียนวันแรกของ ‘ตาทิม’ เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะลูกชายของเธอไม่อยากไปโรงเรียน พ่อคุณเล่นวาดลวดลายอาละวาดดิ้นแด็กๆ อยู่บนพื้น กว่าเธอและเยาวเรศจะจับปล้ำพาไปโรงเรียนได้ก็เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่

“วันนี้พี่จะออกไปทำธุระข้างนอก” เยาวมาลย์เงยหน้าจากงานที่ทำแล้วพูดต่อว่า “ว่าจะฝากร้านไว้กับเรศสักชั่วโมงสองชั่วโมง”

“ได้สิคะ เรื่องแค่นี้เอง” น้องสาวรับคำ
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

ดวงตาของเธอคนนั้นหม่นหมองอีกแล้ว

จิระภัทร์มองผ่านบานกระจกใสแจ๋วเข้าไปข้างใน ภาพหญิงสาวนัยน์ตาโศกฉายชัดอยู่ตรงหน้า คงเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาแล้วกระมังที่จะต้องคอยสอดส่ายสายตาหาหญิงสาวใบหน้าสวย ดวงตาโศกคนนั้นทุกครั้งที่เขาเดินผ่านร้านอาหารร้านนี้

ทำไมนะ ทำไมเธอทำหน้าเศร้าแบบนั้น

ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเอง ไม่อาจจะคาดเดาคำตอบของคำถามนั้นได้
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

เยาวเรศพยายามเขย่งตัวเพื่อเอื้อมหยิบห่อทิชชูที่ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของชั้นวางของ แม้จะยืดตัวจนสุด แต่หญิงสาวก็ยังเอื้อมไม่ถึงอยู่ดี

“บ้าจัง อีกนิดเดียวเอง” เยาวเรศบ่นอย่างหัวเสีย ดวงหน้าสวยนิ่วหน้าน้อยๆ ด้วยความขัดใจ ทำไมจะต้องตั้งเอาไว้สูงๆ ด้วยนะ รู้ไหมว่าคนเค้าหยิบไม่ถึง เก้าอ้งเก้าอี้ก็ไม่มีให้ แย่ชะมัดเลย!

แล้วเธอก็รู้สึกถึงเงาดำทาบทับมาจากทางด้านหลัง มือใหญ่กร้านของชายผู้หนึ่งหยิบห่อทิชชูลงมาจากชั้นและยื่นส่งให้เธอ

“นี่ครับ” ภาษาไทยชัดเจนถูกนำมาใช้ในการสื่อสาร รอยยิ้มจางๆ แต่งแต้มไปทั่วใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้มีน้ำใจ

“ขอบคุณค่ะ คุณเป็นคนไทยหรือคะ” เยาวเรศเอียงคอถามคนตรงหน้าที่ดูยังไงก็เหมือนคนอเมริกันเสียมากกว่า ดวงตาเขาเป็นสีเขียวใบโอ๊ก จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ผมสีน้ำตาลทองยาวแค่ต้นคอและขดตัวเป็นลอนหนา ไม่เห็นจะเหมือนคนไทยซักนิด

“ผมเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันครับ ชื่อจิระภัทร์ แล้วคุณ...” ชายหนุ่มเว้นวรรคให้อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าคาดหวัง

เยาวเรศนิ่งไปเมื่อถูกรุกอย่างไม่คาดฝัน ตลอดระยะเวลาห้าปีที่อยู่ที่นี่ เธอไม่กล้ามีความสัมพันธ์แบบชายหญิงกับใครอีก มีผู้ชายเข้ามาสนใจเธอมากมาย พวกเขามักจะตามตอแยเธออยู่พักใหญ่ แต่พอเธอทำเฉยชา ไม่สนใจ และต่อความหวังให้ พวกเขาเหล่านั้นก็เดินจากไป อาจเป็นเพราะหัวใจของเธอมันด้านชาเสียจนเธอไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วก็เป็นได้ หรือไม่เธอก็กลัว…กลัวไปเสียหมด...กลัวว่าเธอจะไม่ดีพอสำหรับเขาคนนั้น...กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก และที่สำคัญ...เธอไม่ไว้ใจผู้ชาย

เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ จิระภัทร์ก็ถึงกับหน้าม้านจนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขา เยาวเรศจึงรีบตอบเพื่อไม่ให้เขาเสียใจว่า “เรศค่ะ เยาวเรศ เอ่อ...ดิฉันคงต้องไปก่อนแล้ว ขอบคุณนะคะที่ช่วย”

หญิงสาวตัดบทก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้จิระภัทร์มองตามเธอไปจนลับตา เขารู้สึกถึงกำแพงบางๆ ที่เธอสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัว มันเป็นกำแพงโปร่งใสแต่แข็งแรง ยากนักที่คนธรรมดาจะเข้าถึง
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

“สวัสดีค่ะ” เสียงประสานของพนักงานทุกคนในร้านอาหารไทยศิวะดลดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเห็นลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

“กี่ที่คะ” พนักงานสาวถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยความเคยชิน

“หนึ่งคนครับ” แต่ผู้ถูกถามกลับตอบเป็นภาษาไทยชัดแจ๋ว

พนักงานสาวมองหน้าลูกค้าหนุ่มด้วยความประหลาดใจ “พูดไทยชัดจังค่ะ”

“ผมเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันครับ” เขาเฉลยพร้อมทั้งส่งยิ้มกว้างขวางให้ มันเป็นยิ้มหวานที่ทำให้พนักงานสาวแทบจะละลายลงไปกองกับพื้น

จิระภัทร์ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง เมื่อสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย เขาก็เริ่มมองหาเยาวเรศ...ผู้หญิงดวงตาโศกคนนั้น

เสียงผลักประตูดึงความสนใจของเขาไปที่นั่น ร่างระหงในชุดกระโปรงติดกันแบบเรียบๆ ที่เดินออกมาจากหลังครัวทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เธอช่างดูเปราะบางเหลือเกิน เขาคิด

ดวงตาของเยาวเรศประสานกับดวงตาสีเขียวใสของชายหนุ่ม คิ้วของเธอขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ จิระภัทร์ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เธอก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อนว่า

“สวัสดีครับคุณเยาวเรศ คุณจำผมได้ไหม”

“คุณจิระภัทร์” เยาวเรศเอ่ยเบาๆ จำดวงตาสีเขียวอ่อนโยนคู่นั้นได้เป็นอย่างดี

“เรียกแพทเฉยๆ ก็ได้ครับคุณเรศ เอ่อ...ผมขอเรียกคุณว่าเรศเฉยๆ นะครับ”

เยาวเรศไม่รู้จะตอบอะไรได้ดีไปกว่าการพยักหน้า

“คุณเรศทำงานที่ร้านนี่เหรอครับ” ทุกครั้งที่เขาเดินผ่านร้านศิวะดลและมองลอดเข้าไปข้างใน เขาจะต้องเห็นเธอง่วนอยู่กับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นจัดโต๊ะ จดออเดอร์ หรือแม้กระทั่งเสิร์ฟอาหาร

“ค่ะ ร้านของพี่สาวน่ะค่ะ” เธอตอบก่อนจะออกตัวว่า “เอ่อ...เดี๋ยวเรศขอตัวไปจัดการเก็บเงินโต๊ะนู้นก่อนนะคะ”

“ครับ” น้ำเสียงของจิระภัทร์เจือไปด้วยความผิดหวัง เขารู้สึกว่าเธอกำลังหลบเลี่ยงเขา คุณเรศ อะไรทำให้คุณกลัวอย่างนี้

อะไรบางอย่างในดวงตาของเธอทำให้จิระภัทร์ตัดสินใจลองทำตามหัวใจของตัวเอง
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ร้านศิวะดลก็ได้มีโอกาสต้อนรับหนุ่มลูกครึ่งนามว่าจิระภัทร์เป็นลูกค้าขาประจำ เจ้าตัวให้เหตุผลในการฝากท้องว่า ‘อาหารที่นี่อร่อยมาก ถูกปากกว่าแถวที่ทำงานซะอีก ยังไงก็รับผมไว้เป็นลูกค้าพิเศษซักคนนะครับ’

“นี่ยัยเรศ พี่ว่าเรื่องนี้มันชักจะยังไงๆ แล้วนา” เยาวมาลย์บุ้ยใบ้ไปยัง ‘ลูกค้าพิเศษ’ ด้วยสีหน้าสงสัยเป็นที่สุด

“เรื่องอะไรเหรอคะ” เยาวเรศถามเสียงซื่อ แม้จะรู้ดีว่าพี่สาวกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลยนะยัยเรศ พี่รู้ว่าเรศไม่โง่ แต่ถ้าเรศอยากฟังจากปากของพี่ก็ได้ พี่จะบอกให้” ผู้เป็นพี่ค้อนควักให้อย่างไม่จริงจังก่อนจะพูดออกมาเพราะอดรนทนไม่ได้ “ก็เรื่องพ่อหนุ่มแพทยังไงล่ะ ดูสิ เล่นเทียวไล้เทียวขื่อ ทำตาปรอยใส่น้องสาวพี่ทุกวันอย่างนี้มันชักจะยังไงๆ อยู่นะ” เยาวมาลย์กระซิบ

“แล้วทำไมหรือคะ เรศไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนเลยนี่” เยาวเรศทำหน้าเฉย ไม่แสดงถึงความรู้สึกใดๆ ออกมาทั้งสิ้น

“ฝากพี่มาลย์ดูแลโต๊ะเขาแทนเรศก่อนนะคะ ขอเรศเข้าไปดูที่หลังครัวแป๊บนึง” หญิงสาวบอกเมื่อเห็นว่าน้ำในแก้วของจิระภัทร์พร่องลงไปมาก

เยาวมาลย์นิ่วหน้าน้อยๆ น้องสาวของเธอกำลังงัดกลยุทธ์หลีกเลี่ยงมาใช้อีกแล้ว “หนีไปก็ไร้ประโยชน์น่ะเรศ พี่ว่าเขาอยากจริงจังกับเรศนะ เขาไม่เหมือนคนอื่นที่ผ่านๆ มาหรอก” เมื่อเห็นดวงตาสีเขียวสดใสฉายแววจริงใจของจิระภัทร์ยามมองเยาวเรศ เธอก็อยากให้เยาวเรศลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตและหันมาตักตวงความสุขจากปัจจุบันและอนาคตเสียเหลือเกิน

“เรศไม่มีค่าพอสำหรับผู้ชายคนไหนหรอกค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงขื่น ความทรงจำอันแสนเลวร้ายหวนกลับมาหาเธออีกครั้ง

“ทำไมเรศคิดอย่างนั้น อย่าปิดกั้นตัวเองสิ พี่ไม่อยากให้เรศจมอยู่กับความทุกข์เลย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป เรศก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเรศซักหน่อย” เยาวมาลย์ปลอบเสียงแผ่ว

เยาวเรศส่ายหน้าแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง เยาวมาลย์มองตามน้องสาวไปด้วยความหนักใจก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะของหนุ่มลูกครึ่ง

“สวัสดีค่ะคุณแพท”

“สวัสดีครับพี่มาลย์”

“ขอนั่งด้วยคนนะคะ”

“ตามสบายครับ” จิระภัทร์เชื้อเชิญ หลังจากฝากท้องที่ร้านศิวะดลมากว่าสองเดือน พนักงานทุกคนในร้าน ไม่เว้นกระมั่งเจ้าของร้านก็รู้จักเขาอย่างถ้วนหน้า

“พี่อยากคุยกับแพทเรื่องเรศ” เยาวมาลย์ถามชายหนุ่มออกไปตรงๆ และเชื่อว่าตัวเองจะได้คำตอบตรงๆ กลับมาเช่นกัน

“รู้ว่าแพทสนใจยัยเรศ”

คำพูดของผู้อาวุโสกว่าทำให้จิระภัทร์มองเธอด้วยความตั้งใจ “ผมรู้ว่าพี่ต้องรู้” เขาไม่ได้คิดจะปกปิดอะไร เท่าที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ทุกวัน เขาก็คิดว่าเขาแสดงออกมากพอแล้ว เพียงแต่ว่าคนใจแข็งอย่างเยาวเรศยังไม่ยอมเปิดใจให้เขาจนเขานึกสงสัยขึ้นมาครามครันว่าอะไรที่ทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ แต่จากสายตาของเขาที่เฝ้าสังเกตเธอ เขาก็เชื่อว่ามันจะต้องเป็นอะไรที่เลวร้ายมากอย่างแน่นอน

“ก่อนจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ พี่ขอถามอะไรแพทอย่างได้ไหม” เธอชะโงกหน้าเข้าไปใกล้

“ได้สิครับ ถ้าเกี่ยวกับเรศ ผมยินดีตอบ” จิระภัทร์เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย

“แพทชอบเรศจริงๆ ใช่ไหม” สีหน้าและน้ำเสียงของเยาวมาลย์จริงจังอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจก่อนจะตอบอย่างหนักแน่นว่า “ผมไม่มีคำตอบตรงๆ ให้พี่มาลย์หรอกครับ แต่ตั้งแต่ที่ผมได้เห็นหน้าเรศ ผมก็ไม่อยากจะให้เรศมีดวงตาเศร้าสร้อย” เขาสูดลมให้ใจเข้าเต็มปอด “ผมอยากเห็นเรศมีความสุขครับ”

คำตอบซื่อตรงของจิระภัทร์เพียงพอที่จะทำให้เยาวมาลย์ยอมรับในตัวเขา ดวงหน้าของเธอฉาบฉายไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ “ขอบใจที่อยากเห็นน้องสาวของพี่มีความสุขนะ พี่รู้ว่าแพทคงจะลำบากใจที่เรศไม่ยอมเปิดใจยอมรับอะไรง่ายๆ”

“ผมรู้ครับว่าเธอยังไม่ยอมรับผม แต่ผมไม่โทษเธอหรอก บางทีผมอาจจะพยายามไม่พอ” จิระภัทร์ไม่คิดจะโทษเธอ ยิ่งเธอหลีกหนี เขาก็ยิ่งสงสารและอยากปลอบประโลมหัวใจเธอ

“ขอบใจที่พยายามเพื่อน้องสาวพี่นะ แพทรู้ไหมว่าแพทเป็นผู้ชายคนแรกที่ทนอยู่กับเรศได้นานขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นนะเหรอ สองอาทิตย์ก็ไม่อยู่แล้ว” เธอมองอีกฝ่ายอย่างหนักใจ

“พี่อยากจะบอกอะไรผมหรือครับ”

“พี่ดีใจที่แพทใส่ใจน้องสาวพี่มาก แต่เรศไม่เหมือนผู้หญิงอื่น ถ้าแพทคิดว่าแพททนรอเรศไม่ได้ พี่ก็อยากจะให้แพทไปซะ”

“ทำไมครับ พี่มาลย์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องของเราสองคน”

“ไม่จ้ะ พี่อยากจะช่วยแพทนะ เพียงแต่ว่า...” หญิงสาวพูดไม่ออก

“เพียงแต่ว่าเรศไม่ยอมเปิดใจให้ผม” จิระภัทร์ต่อให้จนจบประโยค

ลมหายใจผ่อนระบายออกมาจากจมูกของเยาวมาลย์ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้มั้ง เรศไม่ยอมไว้ใจผู้ชายคนไหน”

“มีคนเคยทำให้เธอเจ็บช้ำ” ชายหนุ่มสันนิษฐาน

เยาวมาลย์ไม่ตอบ จิระภัทร์คิดว่าเขาเดาได้ถูกต้อง ‘เคยมีคนทำร้ายจิตใจเธอ’

“ผมไม่รู้หรอกครับว่าเรศเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่ผมอยากทำให้เธอไว้ใจผมและพร้อมจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของเธอให้ผมฟัง มันอาจจะเป็นแผลที่เจ็บปวด แต่ผมจะไม่ยอมให้เธอฝังตัวอยู่แต่ในอดีตหรอกครับ ผมจะต้องนำเธอขึ้นมา...ขึ้นมามีความสุขบนผืนดินให้ได้”

เยาวมาลย์ไม่คิดจะห้ามอะไรจิระภัทร์อีกแล้ว น้องสาวเธอสมควรจะได้รับความสุขกับเขาบ้างสักที
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

“เรศไปรับตาณินก่อนนะคะ” เยาวเรศหันไปบอกพี่สาวที่กำลังง่วนอยู่กับการคิดบัญชี

“อ้าว! ทำไมวันนี้ไปรับตาณินเร็วจัง ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลยไม่ใช่หรือ” เยาวมาลย์เงยหน้าขึ้นจากงานและถามน้องสาวด้วยความประหลาดใจ

“วันนี้โรงเรียนเลิกครึ่งวันค่ะ พรุ่งนี้จะมีงานกีฬาสี ทางโรงเรียนเลยปล่อยเด็กกลับเร็วกว่าปรกติเพื่อจะได้จัดเตรียมสถานที่ก่อนนะค่ะ” เยาวเรศอธิบาย

พี่สาวพยักหน้าและบอกว่า “งั้นก็รีบไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวตาณินจะรอนาน”

เยาวเรศจึงกล่าวลาและเดินไปรับเด็กชายพัณณินที่โรงเรียนอนุบาลที่อยู่ห่างจากร้านศิวะดลไปไม่กี่บล็อก*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

“แม่เรศคร้าบ พรุ่งนี้แม่เรศจะต้องไปดูน้องณินแข่งวิ่งนะคร้าบ” พ่อหนูพัณณินพูดจ้อด้วยสีหน้ารื่นเริง เสียงใสดุจระฆังแก้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะพรุ่งนี้เขาจะได้ร่วมงานกีฬาสีเป็นครั้งแรกในชีวิต

“จ้ะ แม่เรศต้องไปดูน้องณินแข่งวิ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคนเก่งของแม่จะต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้นะคะ” เยาวเรศลูบศีรษะทุยสวยของลูกชายด้วยความเอื้อเอ็นดู

ภาพของหญิงสาวกับเด็กชายตัวเล็กสะดุดดวงตาสีเขียวเขาเข้าอย่างจัง

เรศกับ...กับใครกัน

จิระภัทร์ไม่กล้าจะคิดต่อ แต่ความสงสัยทำให้เขาวิ่งข้ามถนนและเดินตามทั้งสองไปติดๆ

“คุณเรศ!” เขาตะโกนเสียงดัง

เยาวเรศและพัณณินหันไปมอง พวกเขาเห็นจิระภัทร์กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา เธอและลูกหยุดเดินเพื่อรอเขา

“สวัสดีค่ะคุณแพท” เยาวเรศสบดวงตาสีใบโอ๊กอย่างเปิดเผยก่อนจะก้มลงไปบอกลูกชายว่า “น้องณินครับ สวัสดีคุณอาแพทเร้ว”

“สวัสดีคับคุณอาแพท” พ่อหนูน้อยยกมือป้อมๆ ทำความเคารพแบบไทยอย่างสวยงาม เยาวเรศไม่ลืมที่จะสอนวัฒนธรรมไทยให้ลูกชาย เพราะเธอยังไงเสีย ทั้งเธอและลูกต่างก็มีเลือดของคนไทยไหลเวียนอยู่เต็มเปี่ยม

“สวัสดีครับ” จิระภัทร์รับไหว้พร้อมทั้งพิจารณาใบหน้าของหนูน้อยด้วยความสงสัย

“พัณณินหรือน้องณิน ลูกชายของเรศค่ะ” เยาวเรศกลั้นใจตอบออกไป แม้จะไม่อยากเห็นผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เธอก็จะต้องฝืนใจทน

ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเหนื่อยของจิระภัทร์เปลี่ยนเป็นสีเผือดขาว ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างเล็กน้อย ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ “คุณ...คุณเรศมีลูกแล้วเหรอครับ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

“ค่ะ” เยาวเรศตอบเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ ความคิดที่ว่าเขาแตกต่างไปจากคนอื่นเลือนหายไปสิ้น

ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านศิวะดล เยาวเรศพาเด็กชายพัณณินเข้าไปฝากไว้กับพี่สาวก่อนจะเดินออกมาหาชายหนุ่มที่ยืนนิ่งขึงอยู่ด้านนอก

“เรศคิดว่าคุณคงต้องการฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของเรศ” ถ้าคุณรู้เรื่องทั้งหมด คุณอาจจะเต็มใจเดินออกไปจากชีวิตของเรศซะเดี๋ยวนี้ก็เป็นได้ หญิงสาวคิดเศร้าๆ ดวงตาคู่สวยหมองหม่น เคยคิดว่าทำใจรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่ทำไมพอจะเปิดปากเล่าให้ผู้ชายตรงหน้าฟัง เธอกลับไม่อยากทำเลย ทำไมต้องอาย ทำไมต้องแคร์ด้วยล่ะ เธอไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

จิระภัทร์พยักหน้าเบาๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตาสีเขียวใสครุ่นคิดและเต็มไปด้วยคำถาม

“คุณคงจะรู้จากพี่มาลย์ว่าเรศเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ห้าปี” หญิงสาวเกริ่น “เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เรศ...เรศถูกคนที่เรศไว้ใจข่มขืน มันข่มขืนจนเรศท้อง” เยาวเรศพยายามบังคับปลายเสียงไม่ให้สั่น เธอไม่อยากจะแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น เธอไม่ต้องการให้เขามาเห็นใจเธอ

หญิงสาวข่มอารมณ์เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ตลอดเวลาที่พูด เธอไม่กล้าที่จะสบดวงตาคู่สวยเขาเลย เธอกลัวที่จะเห็นความสมเพช ความเวทนา และความรับไม่ได้ในสายตาของเขา

“เรศไม่ตำหนิถ้าคุณจะรังเกียจคนอย่างเรศ”

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เธอได้พูดกับเขา
*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*+.+*

ครบอาทิตย์แล้วสินะที่เขาหายหน้าหายตาไปหลังจากที่เขาได้รู้ความจริง เยาวเรศคิดอย่างขมขื่น คงไม่มีใครอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเธอ ไม่มีคำว่า ‘โอกาส’ สำหรับคนที่พลาดพลั้ง

ไม่มีอีกแล้ว ดวงตาสีเขียวที่ยิ้มได้คู่นั้น เขาเดินเข้ามาแล้วก็จากไปพร้อมกับหัวใจของเธอ

เพิ่งรู้ว่าเธอก็มีใจให้เขาเหมือนกัน ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดอย่างนี้...เจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่เธอเสียเหมันต์ไปซะอีก เยาวเรศเหม่อมองออกไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย น้ำอุ่นใสเอ่อล้นขอบตาร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าเธอล้วนมัวเบลอไปหมด เงาเลือนรางของใครบางคนเขยิบเข้ามาใกล้เธอทุกทีๆ หญิงสาวยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแรงๆ ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึงเมื่อเห็นภาพของจิระภัทร์ชัดเจน

“เรศ”

เสียงของเขานุ่มทุ้มและอ่อนโยนเสียจนเยาวเรศทนไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบไปอีกทาง ทำร้ายกันถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาดูดำดูดีกันอีกทำไม

จิระภัทร์เข้าใจอาการของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี เขาทำกับเธอถึงขนาดนั้น ถ้าเธอไม่โกรธหรือไม่น้อยใจเขา เขาก็คงจะเป็นฝ่ายแปลกใจและบอกได้คำเดียวว่าเธอไม่เคยมีใจให้เขาเลย ตอนที่เขาเดินเข้ามาและเห็นเธอร้องไห้เงียบๆ เขาอยากจะเข้าข้างตัวเองนักว่าเธอร้องไห้ให้เขาใช่ไหม

ชายหนุ่มเชยคางมนให้หันมาสบตาเขา แม้เยาวเรศจะพยายามขืนหน้าไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงหันมาสบตาเขาเต็มตา

“คุณแพท” เยาวเรศกระซิบเมื่อเห็นดวงตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของเขา เธอมองหน้าชายหนุ่มอย่างงงงัน เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะกลับมาหาเธออีกทำไม

“ผม...ผมขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนาน ผมกลับไปทบทวนเรื่องของเราแล้ว และผมคิดว่า...” จิระภัทร์เงียบเสียงไป มือใหญ่ล้วงลงหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงไปในกระเป๋าเสื้อสูทด้ายขวา เขาเปิดมันออก แหวนทองคำขาวประดับยอดด้วยเพชรกลมน้ำสะอาดสีขาวใสเป็นประกายวูบวาบอยู่ตรงหน้าเธอ

“เรศ ผมไม่อาจสูญเสียคุณไปได้ ได้โปรดให้ผมยืนอยู่เคียงข้างคุณด้วยเถอะ ผมจะรักพัณณินเหมือนที่รักคุณ อดีตคุณจะเป็นยังไงผมไม่สน ผมแค่อยากจะมีอนาคตร่วมกับคุณ ผมอยากดูแลคุณ เรศ คุณจะให้เกียรติแต่งงานกับผมไหม” จิระภัทร์เอ่ยเสียงนุ่มดุจกำมะหยี่ ดวงตาสีใบโอ๊กถ่ายทอดความความรู้สึกลึกซึ้งที่มีให้หญิงสาวตรงหน้า

เยาวเรศถึงกับตกตะลึงเพราะคำพูดของเขา ตัวของเธอเบาหวิวราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน “คุณแพท” เธอกระซิบเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ

“นะครับ” จิระภัทร์ทอดเสียงหวาน ทั้งอ้อนวอนและออดอ้อน


“มันไม่เร็วไปหน่อยหรือคะ” น้ำเสียงของเธองงงวยเพราะไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ

ชายหนุ่มส่ายศีรษะเบาๆ “เรศ คุณรู้ไหมว่าผมรอคุณมานานแค่ไหน ผมเฝ้ามองคุณมานาน...นานมากเหลือเกิน ผมมองผ่านกระจกหน้าร้าน สงสัยนักว่าทำไมผู้หญิงสวยอย่างคุณถึงได้มีดวงตาอมทุกข์เศร้าหมอง ผู้หญิงอย่างคุณไม่เหมาะกับความเศร้าโศก คุณเหมาะกับเสียงหัวเราะและความสุข และเหนือสิ่งอื่นใด ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะทำให้คุณมีความสุขให้จงได้”

“แต่งงานกับผมนะครับ” จิระภัทร์เอ่ยซ้ำอีกครั้ง

น้ำตาของเยาวเรศร่วงพรูลงมาเป็นสาย ชายหนุ่มตกใจที่จู่ๆ ทำนบน้ำตาของเธอก็พังครืน

“เรศ คุณร้องไห้ทำไม ผมพูดอะไรผิดหรือ” เขาละล่ำละลักถามด้วยความห่วงหาระคนตกใจ

เยาวเรศเงยหน้าสบดวงตาสีเขียวเข้มทั้งน้ำตา หลังมือของเธอถูกนำมาใช้แทนกระดาษทิชชู “เรศไม่ได้เป็นอะไร เรศเพียงแต่ดีใจ เรศเคยคิดว่าหัวใจของเรศด้านชาจนไม่อาจจะรับรู้ความรักจากใครได้อีกแล้ว จนกระทั่งเรศได้มาเจอคุณ คุณนำความสุข นำแสงสว่างเข้ามาสู่ชีวิตเรศโดยที่เรศไม่รู้ตัว วันที่คุณเดินจากเรศไป เรศ...เรศเสียใจมาก...มากอย่างไม่เคยมีมาก่อน” เธอสารภาพความในใจ

“เรศ” จิระภัทร์ครางอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เขาบอกกับตัวเองก่อนจะมาหาเธอว่าถ้างานนี้เขาไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง เห็นทีเขาคงจะได้กินแห้ว บ๊วย ระกำ และท้อต่างข้าว แต่ถ้าสาวเจ้าตอบอย่างนี้ เขาก็สมควรจะยิ้มได้แล้วใช่ไหม

“เรศรักคุณ เรศจะแต่งงานกับคุณ จะมีอนาคตร่วมกับคุณค่ะ” เยาวเรศส่งมือให้ชายหนุ่มรับด้วยความเต็มใจ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นยามเมื่อมือของเธออยู่ในอุ้งมือของเขา เธอเชื่อว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเป็นตัวนำพาเธอขึ้นไปสู่ผิวน้ำที่สว่างสดใส เธอจะไม่นอนจมอยู่ใต้ท้องทะเลอันแสนมืดมิดคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

จิระภัทร์สวมแหวนให้เธออย่างระมัดระวังก่อนจะดึงตัวว่าที่เจ้าสาวเข้ามากอดแนบอกอย่างทะนุทนอม

“ผมก็รักคุณ ขอบคุณที่ไว้ใจผม” เขากระซิบบอก

If ever you got rain in your heart
Someone has hurt you, and torn you apart
Am I unwise to open up your eyes to love me
And let it be like they said it would be
Me loving you girl, and you loving me
Am I unwise to open up your eyes to love me

Run to me whenever you're lonely (to love me)
Run to me if you need a shoulder
Now and then, you need someone older
So darling, you run to me

จบเรื่องเสี้ยวหนึ่งแห่งความทรงจำ
หมายเหตุ
***เพลงRun to me ของ Oscar De La Hoya
โดยมิถุนา
29/4/2003



Create Date : 27 กันยายน 2553
Last Update : 27 กันยายน 2553 1:36:10 น. 2 comments
Counter : 1166 Pageviews.

 
Photobucket


โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:21:05:34 น.  

 
Cheria (SwantiJareeCheri) สวัสดีค่า :-))


โดย: มิถุนายน วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:22:11:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.