Walk in the dark! 12


เธอจัดแจงให้หลานชายไปพักบ้านพ่อซึ่งปกติในวันเสาร์อาทิตย์ไม่พ่อก็แม่ของเขาจะรับไปอยู่ด้วย และพามาส่งในเย็นวันอาทิตย์เธอจึงดำเนินตามแผนที่คิดไว้ได้สะดวกหน่อย เธอไปถึงที่นั่นก่อนตอนบ่ายจัด ๆ นั่งบนโขดหินรอให้พระอาทิตย์ตกดินสายตาก็จ้องจับไปที่ปากถ้ำคุ้งห้วยน้ำดำที่น้ำนิ่งมองดูเหมือนแผ่นหินสีดำก้อนใหญ่มีเพียงต้นหญ้าหลากหลายสายพันธุที่ลอยอยู่ริมขอบคุ้ง บริเวณรอบข้างเงียบกริบเธอพยายามทบทวนเรื่องที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเธออายุราว ๆ สิบขวบนอนป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูทำนา ในสมัยโน้นไปไหนมาไหนต้องเดินด้วยเท้าไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ แม้แต่จักรยานก็ไม่มีพอหลังฤดูเก็บเกี่ยวไปไหนมาไหนยังพอได้นั่งเกวียนบ้าง เธอป่วยเดินกลับบ้านไม่ได้จำต้องนอนพักอยู่กับพ่อที่กระท่อมปลายนาที่ชาวบ้านเรียกว่าเถียงนายาที่แม่ให้พี่ชายเอาไปให้คือยาทันใจซองสีชมพูอมม่วง เป็นชนิดผงห่ออยู่ในกระดาษสีขาวรสออกหวานสำหรับเด็ก ถ้าเป็นชนิดสำหรับผู้ใหญ่เรียกว่ายาปวดหายซองสีเขียว รสขมแต่เธอทานยาเข้าไปแล้วก็ยังไม่หาย ยังปวดหัว ตัวร้อนจี๋ เจ้าของนาที่อยู่ใกล้ ๆเป็นคนมาจากหมู่บ้านอื่นชื่อน้าเส เขาอาศัยอยู่กันทั้งครอบครัว ยังไม่ขนครัวกลับบ้านเย็นวันหนึ่งเขาเอาของกินมาฝาก

“ได้ข่าวว่าลูกสาวลุงไม่สบายเหรอผมเอาปิ้งกบน้อยมาฝาก เมื่อคืนไอ้เทิดมันไต้ได้เยอะพอสมควร” จากนั้นพ่อกับน้าเสก็พูดคุยกันสองสามประโยค

“ข้ายังสำนึกในบุญคุณลุงอยู่เสมอที่ช่วยไอ้เทิดลูกชายคนโตข้าขอให้ลูกสาวลุงหายเร็วไวนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก มีอะไรก็ช่วยกันไปขอบใจที่มีน้ำใจมาเยี่ยม” พอน้าเสกลับไปพ่อก็ยกกล่องข้าวเหนียวกับกบน้อยคลุกเกลือที่หนีบมากับไม้ไผ่ผ่าซีกปิ้งสุกส่งกลิ่นหอมมาวางตรงหน้าเธอ “ เอ้า วันนี้ทานกบปิ้งนะกินเยอะ ๆ จะได้หายไวๆ ”

“มันฝืดคอ คงกลืนไม่ลง” พ่อจึงไปเอาน้ำต้มจากกามาให้ดื่ม

“เอ้า ดื่มน้ำอุ่นนี่ก่อนจะได้ล่องคอ”เธอทำตาม และทานข้าวได้สามสี่คำ “กินอีกนิดสิ น้าเสเขาอุตส่าห์เอามาฝาก” แล้วพ่อก็พูดพร่ำไปคงจงใจจะเล่าเรื่องให้เธอฟัง “ถ้าเป็นเมื่อก่อน พ่อไม่อยากเอ่ยถึงพวกเขาเลยจนกระทั่งมีเรื่อง” เรื่องที่พ่อเล่ามีอยู่ว่าไอ้เทิดลูกชายคนโตของน้าเส กำลังย่างเข้าวัยรุ่น ในขณะที่พ่อกับแม่และลูกคนอื่น ๆลงแปลงนา ปักดำไอ้เทิดมีหน้าที่ต้อนฝูงวัว ควายไปเลี้ยงตามชายป่าชายเขาทุกครั้งที่ไปก็จะถือหนังสะติ๊กไปหายิงกิ้งก่า ยิงนก กระรอกกระแต หรืออะไรก็ได้ที่บังเอิญผ่านมา เมื่อหญ้าริมชายป่าเริ่มเบาบางไอ้เทิดก็ต้อนวัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงปากถ้ำคุ้งห้วยน้ำดำแล้วตะโกนโหวกเหวกทำเสียงดังหรืออาจจะทำอะไรมากไปกว่านั้นจนบังเอิญไปรบกวนเจ้าที่เข้าพอกลับมาถึงบ้านตอนบ่าย ๆ ไอ้เทิดก็ล้มตึงลง ชักกระตุก ลำตัวแข็งทื่อ ปากอ้าตาค้าง พ่อ แม่ไอ้เทิดทั้งนวดทั้งให้ดมยา พัดวีให้สารพัด แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นตัวแข็งทื่อ ความชืดเย็นเริ่มก่อตัวจากที่ปลายเท้าเริ่มไต่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ผ่านแข้งหัวเข่า ขา น้าเสกระโดดลงเถียงนาร้องไห้โฮมาหาพ่อ บอกให้ไปดูลูกชายให้ด้วยพ่อรีบไปเอามือจับไอ้เทิดไว้และทำปากขมุบขมิบไม่นาน ไอ้เทิดเริ่มอ่อนตัวลงความเย็นแล่นหายกลับไปทางเดิม ไอ้เทิดลืมตาขึ้นทำหน้างง ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง พ่อถามไอ้เทิดว่าไปที่ไหนมา พอไอ้เทิดบอกพ่อบอกว่าเดาไว้แล้วไม่ผิดทั้งน้าเสและภรรยาต่างก้มกราบพ่อขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

“ตกกลางคืน พอพ่อนอนหลับมันก็มาหาพ่อมันเป็นคลื่นไหลมายิก ๆ แล้วปรากฏร่างเป็นผู้เฒ่าแต่งชุดขาว หนวดเครายาวเฟื้อยผมขาวโพลนยาวถึงน่อง มันพูดกับพ่อว่า ‘มึงช่วยมันทำไม เกเรนัก ปากไม่มีหูรูดกูกะจะเอาให้มันตาย’

“เอาละเด็กมันไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ท่านปล่อยมันไปเถอะมันคงไม่กล้าย่างกรายไปแถวนั้นอีกแล้ว”

‘เอ้า เพื่อเห็นแก่มึงที่อยู่แถวนี้มานานและเป็นคนดี คนซื่อ’ พูดจบร่างนั้นก็หายแว๊บไป แล้วต่อ ๆ มาพ่อก็เล่าให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเธอยิ่งโตก็ยิ่งไม่เชื่อ และเห็นว่าเรื่องที่พ่อเล่ามันนิทานหลอกเด็กจนกระทั่งได้ดูสารคดีหัวข้อ วิญญาณมีจริงหรือไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งออกมานำเสนอว่าวิญญาณมีจริงจากการทดลองกับคนใกล้จะตายจะพบว่าวิญญาณเคลื่อนที่ไปในลักษณะคลื่น ได้ฟังดังนั้นทำให้เธอต้องคิดทบทวนเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟังพ่อเป็นคนรุ่นเก่าการศึกษาน้อย แต่พ่อบอกว่ามันเป็นคลื่นไหลมายิก ๆ การมาเยือนคุ้งน้ำดำครั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องที่พ่อเล่านั้นมีจริงหรือไม่

พอพระอาทิตย์ตกดินความวังเวงเคลือบคลานเข้ามาแทนที่ เธอตั้งสติไม่ให้จิตใจวอกแวก ควานหาธูปและไฟแซ็กที่นำติดตัวมาด้วย จากนั้นจุดธูป ตั้งจิตอธิษฐาน นึกแปลกใจตัวเองในตำราเรียนไม่เคยสอนแต่ก็จำเอามาจากที่ต่าง ๆ ในชีวิตไม่เคยติดต่อกับจิตวิญญาณหรือพลังลึกลับมาก่อนแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำด้วยวิธีไหนเพราะไม่มีสูตรตายตัว เธอพึมพำอธิษฐาน ปักธูปลงใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้โขดหินที่อยู่ใกล้ปากถ้ำมากที่สุดจากนั้นเดินฝ่าความมืดลงเขา ขี่รถเครื่องไปนอนรอฟังผลที่บ้าน อาบน้ำเสร็จรีบเข้านอนฟังหัวใจที่เต้นไม่เป็นปกติ เพราะรอลุ้น แต่ข่มตาให้หลับยากเหลือเกิน มองดูนาฬิกา4 ทุ่ม 5 ทุ่มผ่านไป 6 ทุ่มกำลังจะผ่านเลยไป เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็นึกขำตัวเองที่ทำอะไรตลก ๆ ลงไป เลิกคิดถึง เลิกสนใจมัน สักพักก็เผลอหลับไปแล้วก็ฝันเห็นตัวเองกำลังเดินผ่านสุมทุมพุ่มไม้เท้าเหยียบกิ่งไม้ใบต้องแห้งเสียงดับกรอบแกรบ เดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าเดินไปไหน แต่ดูเหมือนว่าต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาสังเกตเส้นทางเบื้องหน้ามารู้ตัวก็ตอนที่ร่วงตกลอยละลิ่วดิ่งลงหน้าผาสูงชันปากเผลอตะโกนเรียกหาพ่อให้ช่วยสุดเสียง พลันทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ตัวเธอเองอยู่ในท่าตัวงุ้มงอแต่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศรอบๆ ลำตัวแข็งทื่อ ขยับเขยื้อนไม่ได้ รอบกายมืดมิด ไม่นานก็มีลำแสงเล็ก ๆ สีขาวนวลส่องเล็ดลอดแทรกความมืดออกมาแล้วแผ่รัศมีกว้างขึ้น ๆ ลำแสงนั้นพุ่งมากระแทกร่างของเธอจนสะดุ้งเฮือกหนาวสั่นสะท้านไปทั่วเรือนร่างมันไม่ใช่แสงอย่างที่เธอคิดแต่มันเป็นละอองน้ำเหมือนเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน สายตาของเธอพร่ามัวเหมือนมองผ่านหมอกควันหนา ๆ มองอะไรไม่เห็นจากนั้นความเย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็งก็ลอยมาปะทะร่างของเธออีกเป็นครั้งที่สองคราวนี้เธอหนาวรู้สึกหนาวจี๊ดเข้าไปถึงกระดูก เหมือนลำตัวถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งกลุ่มไอน้ำที่ลอยอยู่ตรงหน้าหมุนเป็นเกลียวแนวตั้งจากหมุนไปช้า ๆ เป็นเร็วขึ้น ๆ แล้วเกรียวนั่นก็หยุดไอน้ำแตกกระจาย ปรากฏเงาเลือนรางอยู่กลางเกรียวแล้วเงานั่นก็เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ภาพผู้เฒ่าถือไม้เท้ายืนหลับตารูปร่างหน้าตาตรงกับที่พ่อเล่าให้ฟังทุกประการ มีเสียงสะท้อนก้องดังมาเหมือนเสียงเอคโคทั้งๆ ที่ผู้เฒ่ามิได้ขยับริมฝีปาก

“ลูกสาวเจ้าทองไทบ้าบิ่นเหมือนพ่อของมันจริง ๆ บังอาจริมาพร่ำเรียกหาข้า รบกวนเวลาอันสุขสงบของข้า”เสียงนั้นเกรี้ยวกราด เนื้อตัวของเธอสั่นงันงกอยากจะพูดขอโทษแต่กลับขยับริมฝีปากไม่ได้

“ตอนนี้เจ้าอยู่ตรงกลางระหว่างเป็นกับตายเพียงแค่ข้ากระดกนิ้วเท่านั้น เจ้าก็จะร่วงลงสู่เหวลึก” เธอกลัวจนตัวสั่นแต่ลำตัวยังคงลอยนิ่งอยู่ที่เดิม “เฮอะ พ่อของเจ้ากับเดรัจฉานชั้นต่ำที่เขาบูชานั้นเหรอ เดรัจฉานก็คือเดรัจฉานวันยังค่ำมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ผู้เฒ่าเหมือนรู้ว่าเธอต้องการถามอะไร “เขาได้มันมาก็แค่มีคนเล่นไสยเวทออกล่าหาสมบัติพ่อเจ้าก็ไปหลงเชื่อ กลับมองว่าเป็นสิ่งดี ไม่มองถึงภัยในอนาคต”น้ำเสียงกราดเกรี้ยวจนแสบแก้วหู “ ฟังนะ มันจะเคลื่อนไหวตามจิตเจ้าถ้าเจ้าเฆี่ยนมันไม่ได้ มันจะครอบงำเจ้า อารมณ์ของเจ้าจะเพิ่มพลังให้มัน ไป๊ ไปซะ” พอผู้เฒ่าพูดจบเธอตกใจสะดุ้งตื่นคำพูดผู้เฒ่ายังก้องอยู่ในหัว

‘มันจะเคลื่อนไหวตามจิตถ้าเฆี่ยนมันไม่ได้มันจะครอบงำเจ้า อารมณ์ของเจ้าจะเพิ่มพลังให้มัน’ เธอทบทวนคำพูดของท่านผู้เฒ่ากลับไปกลับมา ถ้างั้นก็อย่าเพิ่มพลังให้มันเธอสรุปเอาง่าย ๆ

ชีวิตของเธออยู่แบบปกติสุขไปเรื่อยๆ ไปได้อีก 5 ปี เธอยังคงทำงานที่เดิม หลานชายก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเธอจึงอยู่บ้านคนเดียว ขณะเดินซื้อของที่ตลาดนัดวันอาทิตย์มีเสียงทักมาจากข้างหลัง เป็นเสียงที่ทำให้เธอสะดุ้งโหยง

“หวัดดีนายมาซื้อของเหรอ” มีคนเดียวที่เรียกเธอว่านาย เธอหันขวับไปตามเสียงนั้นเห็นเขายืนยิ้มที่มุมปาก ในมือหิ้วถุงพะลุงพะลัง

“อ้าวพี่มาทำอะไรที่นี่”เธอเปล่งเสียงให้ฟังดูตื่นเต้นและดีใจ ยังงง ๆ กับฟ้าที่เล่นตลกเข้าให้

“นายดูผอมไป” เขายืนจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

“พี่ดูตัวโตขึ้นสงสัยโตตามยศ” เขาหัวเราะชอบใจ

“นายรู้ไหมสวรรค์มันแกล้งฉันหรือเปล่า ฉันได้มาเป็นหัวหน้าสถานี ตำบลใกล้ ๆ นิ”

“อ้าวเหรอ สารวัตรใหญ่ละสิ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม เดินเข้ามาก้มกระซิบใกล้ ๆ

“ฉันยังคิดถึงนายมาคราวนี้ฉันมาคนเดียว ทะบงทะเบียนสมรสฉันถอนแล้ว นายจะเชื่อฉันไหม”

“พี่ไม่เคยพูดความจริง”

“แต่ฉันเสี่ยงตายช่วยนายขนไม้นั่นนะเรื่องจริงยังไม่คิดว่าฉันจริงใจอีกเหรอ”

“ทวงบุญคุณละสิทำไมไม่ถามหนูแต่งงานรึยัง”

“ลูกน้องรายงานหมดแล้วมีแต่คนอยากเล่าเรื่องนายให้ฟัง”

“ฮื่อรู้หมดแล้วก็ไม่มีอะไรจะคุย ขอตัวนะคะ”

“คนเคยรักกันเจอกันพูดแค่นี้เหรอ” เธอโบกมือให้แล้วเดินจากมาหัวใจเต้นโครมคราม โลกใบนี้ตั้งกว้างใหญ่ทำไมต้องเจอ เขาครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องมันน่าจะจบลงตรงที่เธอเดินจากแล้วแต่มันก็ปิดฉากไม่ลง เมื่อจู่ ๆ มีผู้ปกครองนักเรียนสองคนที่เธอรู้จักดีมาหาเธอที่บ้าน มาทำหน้าที่เป็นแม่สื่อ

“อาจารย์ทะเบียนสมรสน่ะเขาถอนจริงๆ เขาประกาศในที่ประชุมเลยว่า เขาโสด ต้องการรับสมัครแม่บ้าน พวกเรารู้มาว่าเขาเคยรักใคร่ชอบพอกับอาจารย์มานาน นับยี่สิบกว่าปี คนเราแก่เฒ่ามาก็ต้องการคนดูแลถ้าอาจารย์แต่งงานกับเขาก็ได้เป็นคุณนายสารวัตรใหญ่” และ จุด จุด จุด สารพันจะสรรหามาพูดแล้วเธอกับเขาก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น ๆ เสียงเชียร์เสียงสนับสนุนก็มากขึ้นจนเธอเกิดความคิดเห็นคล้อยตาม และคบกันถึงขนาดเป็นแฟนกัน เขาออกปากถึงจะขอจะแต่ง

“หนูเคยโดนพี่หลอกมาหลายครั้งแล้วถ้าหลอกครั้งนี้ หนูขอเอาปืนยิงที่ขาพี่นะ แล้วจะนำส่งโรงพยาบาล และให้บอกหมอไปว่าพี่ทำปืนลั่นใส่ขาตัวเอง”

“ได้เลยคราวนี้จะให้ฉันสาบานที่ไหน ปืนขนาดไหนก็เอามาเลย ฉันพูดความจริง”

โบราณว่าเอาไว้ความรักทำให้คนตาบอด เธอเองก็หนีคำกล่าวนี้ไม่พ้น จากไปไหนมาไหนด้วยกัน ทานข้าวด้วยกันโทรหากันทุกวัน ทุกคืน ทุกเช้าทุกเย็น เหตุการณ์นี้เป็นเพียงสองอาทิตย์พลันโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ไม่มีสัญญาณ ให้ฝากข้อความ โทรเข้าสถานีก็ไม่อยู่ใจเธอร้อนรุ่มเหมือนตั้งอยู่บนเตาไฟ ขับรถตะลอน ๆ ตามหาก็ไม่เจอถามลูกน้องก็บอกกลับบ้าน ถามว่าจะมาเมื่อไหร่ ก็ตอบไม่ได้ วัน ๆ เธอก็ได้แต่นั่งกดโทรศัพท์ แล้วจู่ ๆเธอก็นึกอยากลองไปดูที่บ้านพักของเขา แล้วก็ต้องใจเต้นโครมครามที่เห็นรถประจำตำแหน่งของเขาจอดอยู่หน้าบ้านไฟข้างในส่องสว่าง เธอจึงลองเดินไปเคาะประตู คนที่เปิดประตูออกมาเป็นเขาดูท่าทางตกใจจนหน้าซีด แต่เขาก็เอามือจุ๊ปากเป็นสัญญาณไม่ให้ส่งเสียงดัง เธอมองผ่านไหล่เขาเข้าไปดูข้างในห้องสาวรุ่นสวมใส่เสื้อสายเดี่ยวคอกว้าง เว้าลึกโชว์ร่องอกอวบอิ่ม เข้ารูปกับกางเกงขาสั้นรัดติ้วโชว์เนื้อหนังที่อวบอั๋นพลันหล่อนก็หันมาเห็นเธอพอดี

“มาอ่อยผัวชั้นถึงบ้านหรือเชอะ นังนี่” หล่อนพูดพร้อมกับวิ่งมาหาเธอ ซึ่งกำลังหันหลังเดินลิ่วกลับไปที่รถส่วนเขาวิ่งหลบไปทางอื่น เธอยืนเผชิญหน้ากับหล่อน

“ฉันมาเพื่อตอกย้ำความโง่ของตัวเอง”พูดจบเธอก้าวขึ้นรถขับบึ่งออกไป พอพ้นสถานี เธอร้องไห้โฮสุดเสียง ต่อว่าตัวเอง

“เราน่ะมันโง่มันโง่ที่หลงเชื่อเขา นังโง่ นังโง่” เธอเหยียบคันเร่งจนเข็มไมล์หมุนติ้วจากร้องไห้กลายเป็นหัวเราะกับตัวเองเสียงหัวเราะของเธอดังเป็นเสียงเอ็คโคก้องไปก้องมาในรถ กลับมาถึงบ้านน้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว แต่เพลิงแค้นเข้ามาแทนที่ สำหรับเธอแล้วนี่มันหยามกันชัด ๆสำหรับเธอกับเขาต้องเอากันให้เห็นดำเห็นแดงไปเลย วันต่อมาเธอเข้าพบนายอำเภอบอกเหตุผลต้องการปืนพกสั้นไว้ป้องกันตัว

“ตายแล้วสวย ห้าวจนหนุ่ม ๆ ไม่กล้าจีบ แล้วยังจะมาเป็นสวยดุอีก คิดทบทวนใหม่นะครู”

“โธ่นายอำเภอก็เห็นว่าบ้านของหนูอยู่ชายป่ากลางคืนมักมีเด็กวัยรุ่น หายิงนก ยิงหนูป่ารอบ ๆ ริมรั้วหนูจะได้ยิงขู่พวกมันบ้าง” นายอำเภอก็แสนใจดี เว็นอนุมัติให้ไม่พอโทรสายตรงไปหาลูกน้องเก่าด้วย พอวางสายก็หันมาทางเธอ

“ศุกร์เช้าเข้าไปรับได้เลย ไปหาคนชื่อนี้” นายอำเภอพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ “บอกว่ากระบอกที่นายอำเภอโทรมาจอง”เธอไหว้รับอย่างสวยงาม จ่ายเงินผ่านธนาคารแล้วถือสลิปไปเอาตามนัดวันถัดมาเธอไปติดต่อลูกศิษย์ที่เป็นตำรวจน้ำให้หาปืนไม่มีทะเบียนให้อีกกระบอกหนึ่ง

“อาจารย์จะเอาไปทำอะไร”

“ไว้ล่าหนูพุก”

“มันมีของจีนแดงกับของโซเวียตนะ ของจีนแดงหมื่นเจ็ด ของโซเวียตใหม่เอี่ยมก็แพงหน่อยสามหมื่นห้าครับ อาจารย์สนใจอันไหน”

“อันที่ยิงแล้วโยนทิ้งได้เลย”

“โธ่อาจารย์จะเอาไปยิงอะไร จะเป็นสาวบู้ไปถึงไหน หวังว่าคงไม่ไล่ยิงหนุ่ม ๆ นะ”

ตอนนี้อาวุธพร้อม ใจพร้อม รอวันได้ลุย ปิดบัญชีกันไปข้างหนึ่งเลย




Create Date : 01 มีนาคม 2560
Last Update : 1 มีนาคม 2560 16:58:57 น.
Counter : 770 Pageviews.

6 comments
  
สวัสดีนะจ้ะ แวะมาเยี่ยมนะจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4057910 วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:17:49:41 น.
  
คิดถึงนะ
โดย: Prat IP: 118.172.111.16 วันที่: 26 กันยายน 2560 เวลา:21:50:05 น.
  
RIP อยู่ตรงนั้นให้สบายนะจ๊ะ
โดย: Prat IP: 118.172.111.16 วันที่: 26 กันยายน 2560 เวลา:21:51:25 น.
  
RIP นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่เธอเขียนใช่ไหม ฉันแวะมาอ่านยามคิดถึงเธอนะ จะได้ไม่ลืมกัน
โดย: Nong IP: 180.180.165.232 วันที่: 9 ธันวาคม 2560 เวลา:17:12:04 น.
  
คิดถึงเธอเมื่อไร ฉันก็จะแวะมาอ่านเรื่องของเธอ ทำให้ย้อนเวลาตอนที่เราเคยเรียนด้วยกัน เธอบันทึกบางช่วงของเวลานั้น จนฉันเห็นภาพ น้ำตามันไหลออกมา
โดย: Nong IP: 118.172.139.112 วันที่: 14 เมษายน 2563 เวลา:22:15:47 น.
  
มาเยี่ยมจ้า
โดย: Nong IP: 49.228.245.218 วันที่: 6 พฤษภาคม 2566 เวลา:18:34:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maya_II
Location :
มุกดาหาร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Star sign : Gemini
Hobby : Reading & Writing
Interest : variety