ทำไม ต้องกระเสือกกระสน เข้ามาทำ Blog
6 ธ.ค. 2550
ทำไมต้องกระเสือกกระสน นะหรือ ??
เพราะแม่หวังว่า ลูกของแม่ อาจจะมีโอกาสได้เข้ามาทำความรู้จักกับแม่และพ่อให้มากยิ่งขึ้น ผ่านโลกไซเบอร์ เหมือนที่พ่อกับแม่รู้จักกัน รักกัน และมีหนูมาอยู่เป็นเพื่อนไงลูก
หากพ่อและแม่จากโลกนี้ไป ก่อนเวลาอันควร ในวันใดวันหนึ่ง ลูกจะได้มีอะไรไว้ให้ระลึกถึงและเรียนรู้ เกี่ยวกับพ่อแม่ และกำพืดของตัวเอง รวมถึงคำอบรมสั่งสอนอันดีงามที่แม่ได้รับมาจาก ตายายของหนู ที่แม่อยากถ่ายทอดให้ลูกฟังผ่านประสบการณ์ชีวิตของแม่มาอย่างน้อย 37 ปี ว่า ทุกอย่างที่ผู้ใหญ่รุ่นตายาย หรือคุณทวด อบรมสั่งสอนแม่มาตลอดชีวิต มันเป็นนามธรรมที่คงอยู่ และนำมาใช้ได้ในทุกยุค ทุกสมัย ไม่ว่าสังคมมันจะเสื่อมลงมากน้อยขนาดไหนก็ตาม ขอเพียงเราตั้งมั่นในความถูกต้องและดีงาม ไม่เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราก็จะดำเนินชีวิตในโลกเบี้ยวๆ นี้ได้อย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จนะลูก
หนู้รู้มั้ยว่า คุณหมอนัดแม่คลอดหนูวันที่ 12 มค. 2008 ซึ่งห่างจากวันเกิดของแม่วันเดียวเอง หากหนูเกิดวันเดียวกันกับแม่ ก็ถือเป็นบุญกุศลที่เราได้ทำร่วมกันมานะลูก วันที่แม่อายุครบ 37 ปีเต็ม
พ่อกับแม่กำลังลุ้นอยู่ว่า หนูจะเกิดวันเดียวกันกับแม่หรือเปล่า มันคงเป็นเรื่องบังเอิญ ที่น่ายินดี เป็นอย่างยิ่ง หากมันจะเกิดขึ้นจริงๆ วันนี้พ่อคุยกับแม่ว่า หากหนูเกิด วันเดียวกันกับแม่ ความน่าจะเป็น มีน้อยกว่าซื้อหวยที่เมืองไทยอีกนะ พ่อบอกว่า ในหนึ่งปีโอกาสจะถูกหวยของคนไทยมีแค่ 48 วัน แต่โอกาสที่หนูจะเกิดวันเดียวกับแม่ คือ 1 ใน 365 วัน ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลย นี่แหละพ่อของหนู จ้าวสถิติ ชอบคิดอะไรแปลกๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยนึกถึงกัน ให้แม่ได้ขำ และอำอึ้งอยู่เรื่อยๆ (ไม่รู้คิดได้ไง)
วันนี้แม่ไปหาหมอตามนัด คุณหมอพยายามคาดคั้นให้แม่ ผ่าคลอดอยู่นั้นแหละ คุณหมอบอกว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. แม่สามารถผ่าคลอดได้เลย วันไหนก็ได้ ถ้าแม่ต้องการ แม่บอกไม่เอา แม่อยากคลอดเองตามธรรมชาติ แม่อยากลุ้นวันเกิดของหนู ว่าจะเกิดวันเดียวกับแม่มั้ย จริงๆ แม่ผ่าคลอดวันที่ 11 ก็ได้ แต่แม่ไม่เอา เพราะคิดว่า มันไม่ใช่ดวงเกิดของหนูจริงๆ
อีกอย่าง แม่อยากรู้ว่า ตอนที่คนเป็นแม่ปวดท้องคลอด มันเป็นอย่างไร มันตื่นเต้นและทรมานมากน้อยแค่ไหน (แม่ซาดิสต์มั้ยลูก) มันเป็นความรู้สึกที่แม่ก็ไม่รู้ว่า ในชีวิตนี้แม่จะได้สัมผัสมันอีกครั้งหรือเปล่า แม่จึงอยากจะคลอดหนูเองแบบธรรมชาติ เพราะหนูอาจจะเป็นลูกคนแรก และคนสุดท้ายของแม่ แต่คุณหมอบอกว่า ลูกฝรั่งจะตัวใหญ่ คลอดยากนะ แม่บอก ยังไงก็ขอแม่ลองคลอดเองดูก่อนเถอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ แล้ว ค่อยว่ากันอีกที
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - -- - - - - - - - - - -
โดยส่วนตัวแม่ไม่เคยคิดว่า มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำ web blog ของตัวเอง จนกระทั่งแม่ตั้งท้องหนูได้ประมาณ 7 เดือนกว่า เห็นจะได้ ปะกอบกับแม่มีโอกาสได้เข้ามาอ่านกระทู้ในพันทิพย์นี่แหละ จึงเกิดไอเดียว่า เราควรจะทำ online diary เก็บไว้ให้หนูอ่านอย่างที่แม่บอก
ครั้นจะเขียนลงสมุด ลูกก็คงไม่หยิบมาอ่านแน่นอน กว่าลูกจะโตจนอ่านภาษาไทยได้คล่อง ลูกก็น่าจะใช้ชีวิตบนหน้าจอ มากกว่าบนหน้ากระดาษแล้ว เพราะเทคโนโลยีมันพัฒนาเร็วเหลือเกิน ขนาดแม่เองยังใช้เวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์มากกว่าบนหน้ากระดาษเลย internet กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตแม่มานานเป็น 10 ปีแล้วลูก เพราะความรู้ทุกอย่างหาได้จาก search engine ทั้งนั้น ไม่ต้องเข้าห้องสมุดกันอีกแล้ว... สำหรับหนู กว่าจะโตจนชอบท่องโลกไซเบอร์หมือนแม่ แม่ก็ไม่รู้ว่า internet จะยังเป็นเทคโนโลยีที่คนใช้กันอยู่มั้ย แล้วบริษัทที่แม่ทำ web blog อันนี้ไว้ จะยังอยู่หรือเปล่า โอมเพี้ยง ขอให้พันทิพย์ และ bloggang อยู่คู่ฟ้าเมืองไทยไปตลอดกาล สาธุ แต่ยังไงๆ แม่ก็จะทำ back up CD ไว้ใหนูนะลูก กันเหนียวเอาไว้ก่อนเนอะ..
แม่หวังว่า ในอนาคตอีกอย่างน้อย 20 ปีข้างหน้า บล็อคอันนี้ของแม่จะยังอยู่บนโลกไซเบอร์ ให้หนูได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเมื่อแม่กับพ่อ ลาโลกเบี้ยวๆ นี้ไปแล้ว
เพราะนับแต่นี้ไป แม่ตัดสินใจแล้วว่า จะเปิดเผยชีวิตส่วนตัว ความรู้สึกนึกคิด และวิถีการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาอย่างน้อย 37 ปี เก็บไว้บนโลกไซเบอร์ ให้ว่าทีลูกชายที่กำลังจะเกิด และคนอื่นๆ ได้อ่านเพื่อเป็น entertainment แก้เหงา และเป็นข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดว่า พอจะเป็นแนวทางในการมองชีวิตให้ใครบางคนได้...
แม่หวังว่า.. ลูกจะไม่อายในสิ่งที่แม่ตัดสินใจทำแบบนี้ ที่แม่เปิดเผยตัวตน และกำพืดของแม่ ซึ่งกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของหนู ให้คนอื่นๆ ได้เข้ามาอ่าน และรับรู้เรื่องราวในครอบครัวของพวกเรา นะลูก....
พ่อกับแม่คิดกันว่า กว่าหนูจะเรียนจบ พ่อก็จะอายุ 67 แม่ก็ 60 ขวบ แล้วพ่อกะแม่ จะได้อยู่ถึงวันที่หนูเรียนจบหรือเปล่า
ถ้าพ่อกับแม่อายุยืน ก็นับเป็นบุญของพ่อกับแม่ที่จะได้เห็นวันที่หนูรับปริญญา มีครอบครัว เป็นฝั่งเป็นฝา เราสองคนจะได้หมดห่วง
ถ้าพ่อกับแม่ เกิดเป็นอะไรไปก่อนแบบกระทันหัน แล้วหนูจะอยู่กับใคร จะทำอย่างไร ใครจะอบรมสั่งสอน เลี้ยงดูหนูให้เป็นคนดีของสังคม ญาติๆ ของแม่ก็อยู่เมืองไทยกันหมด พ่อของหนูก็มีแต่พ่อกับแม่ และน้องชายอีก 1 คนที่ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่า อยู่แห่งหนตำบลไหนในโลกนี้ ญาติๆ คนอื่นๆ ก็วัยไม้ใกล้ฝั่ง หรือวัยใกล้ๆ พ่อกับแม่เกือบทั้งนั้น รุ่นโตกว่าหนูหน่อยก็มี แต่แม่ก็ไม่รู้ว่า เขาจะมาสนิทสนมอะไรกับหนูหรือเปล่า เพราะฝรั่งเขามี Family bond น้อยกว่าคนไทยอย่างแม่นะลูก แม่ยังคิดไม่ออกเลยว่า หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วลูกของแม่จะอยู่กับใคร จะกลับเมืองไทย ก็คงจะมีแต่รุ่นหลานๆ ของแม่ ที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับหนู เพราะอาๆ ก็คงจะลาโลกกันไปเกือบหมดแล้ว เมื่อวันนั้นมาถึง...
แม่ยังคิดไม่ออกเลยว่า จะทำยังไง....
สิ่งเดียวที่คิดออกตอนนี้คือ.... ฝากประสบการณ์ชีวิต และเรื่องราวของพ่อกับแม่และครอบครัว วงศาคณาญาติของหนูไว้บนนี้ เผื่อเป็นสมบัติอันล้ำค่าทางจิตใจให้กับหนู
รักและห่วงใยหนูเสมอ
จากแม่ของหนู.... เพนนี
6 Dec 2007
Create Date : 07 ธันวาคม 2550 | | |
Last Update : 21 มกราคม 2551 23:24:47 น. |
Counter : 600 Pageviews. |
| |
|
|
|