… GREATEST LOVE OF ALL …

I believe the children are our future. Teach them well and let them lead the way
Show them all the beauty they possess inside. Give them a sense of pride to make it easier
Let the children's laughter remind us how we used to be

Everybody's searching for a hero. People need someone to look up to
I never found anyone who fulfilled my needs. A lonely place to be and so I learned to depend on me

I decided long ago. Never to walk in anyone's shadows. If I fail, If I succeed
At least I lived as I believed. No matter what they take from me. They can't take away my dignity

Because the greatest love of all is happening to me. I've found the greatest love of all inside of me
The greatest love of all is easy to achieve. Learning to love yourself, it is the greatest love of all

And if by chance that special place. That you've been dreaming of
Leads you to a lonely place. Find your strength in love ….

MiniPenzman
Location :
Quebec, Canada

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ไดอารี่ออนไลน์เล่มนี้
แม่ตั้งใจทำเก็บไว้ให้ ลูกน้อยของแม่
ที่กำลังจะเกิดมาเป็นกำลังใจ
ให้แม่ดำเนินชีวิตต่อไป
อย่างมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
และมีความหวังมากยิ่งขึ้น
อย่างที่แม่และพ่อเอง
ก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าชีวิตของเรา
จะมีเป้าหมายชีวิตที่มีความชัดเจน
ได้มากมายถึงเพียงนี้




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add MiniPenzman's blog to your web]
Links
 

 
ความเครียด มาเยือน หลังจากตั้งสติได้

แม่เรียกมันว่า ทุกข์.. สีชมพู

แม่เรียกมันว่า ทุกข์.. สีชมพู เพราะมันเป็นความเครียดที่ ทำให้แม่มีพลัง และมีจุดมุ่งหมายในชีวิตมากขึ้น แม่พร้อมจะยืนหยัดต่อสู้ ไม่วาอะไรจะเกิดขึ้น

ช่วง 2 อาทิตย์แรก แม่จำได้ว่า แม่กับพ่อยังคงมีความรู้สึกปลาบปลื้มใจที่รู้ตัวว่า จะมีหนูมาอยู่เป็นเพื่อนเราในอีก 9 เดือนข้างหน้า ประกอบกับแม่เพิ่งลาออกจากงานมาอยู่บ้าน มาเริ่มทำธุรกิจของเราเอง ความรู้สึกมันโล่งดีมากช่วงนั้น เหมือนแม่ได้ปลดปล่อยจากความน่าเบื่อหน่ายตลอด 15 ปี แห่งชีวิตการทำงานเป็นลูกจ้างเขา และที่สำคัญ แม่รู้อยู่ลึกๆ ในใจว่า วันนี้ แม่ดีใจมากที่แม่กำลังจะมีหนู ทั้งๆ ที่แม่ไม่เคยอยากมีมาก่อนเหมือนที่แม่เคยเล่าให้ฟังไปแล้ว

มีอยู่คืนหนึ่งในช่วงนี้ ที่แม่ขับรถไปส่งเสื้อที่โรงงานลูกค้า วันนี้แม่ไปคนเดียว เพราะพ่อของหนูหลับอยู่ แม่จึงไม่อยากปลุกพ่อขึ้นมา เพราะเห็นว่า ทั้งวัน ทั้งคืนพ่อยังไม่ได้นอนเลย... ขากลับบ้าน ประมาณตีหนึ่งกว่าๆ เห็นจะได้ แม่ขับรถกลับบ้านด้วยความง่วงนอนเต็มที ใจไม่อยากจอดรถนอนข้างทาง เพราะแม่ไปคนเดียว แม่กลัวพวกมิจฉาชีพจะเห็นว่าเป็นผู้หญิงมาคนเดียวและจะฉวยโอกาสเอา อีกอย่าง แม่กำลังขับรถอยู่บนโทลเวย์ บูรพาวิถี จะจอดก็กลัวรถคันอื่นจะขับมาเสยเปล่าๆ เพราะคนไทยขับรถทั้งเร็ว ทั้งประมาทกันเหลือเกิน เลยตัดสินใจขับไปเรื่อยๆ เปิดทั้งเพลง กินทั้งบ๊วยเค็ม แถมตบหน้าตัวเองอยู่เป็นพักๆ ด้วย เพื่อให้ไม่หลับใน หนูรู้มั้ย ในที่สุด แม่ก็หลับใน รถเสียหลัก เบี่ยงเข้าข้างทาง เกือบจะชนขอบปูนกั้นถนนอยู่แล้ว ห่างแค่ประมาณครึ่งเมตรเห็นจะได้ แม่ตกใจตื่นขึ้นมา หักหลบรถแทบไม่ทัน ก็ไม่รู้ว่า เป็นเพราะผีสางเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กรรมดีที่แม่ทำ หรือเป็นหนู ที่ปลุกให้แม่ตื่นทันเวลา หักรถทันโดยไม่มีอุบัติเหตุ แม่สะดุ้งหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง จนขับรถกลับบ้านได้ด้วยความปลอดภัย..

กลับมาถึงบ้าน แม่เห็นพ่อยังหลับอยู่บนโซฟา แม่ก็อาบน้ำเข้านอน นอนไม่หลับเลย
ใจคิดแต่ว่า ถ้าแม่เกิดแท้งหนูขึ้นมา แม่คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตที่ทำอะไรไม่รอบคอบ ให้ความสำคัญแต่กับเรื่องงาน จนลืมนึกถึงชีวิตน้อยๆ ของหนู ไหนจะพ่ออีก ถ้าแม่เป็นอะไรขึ้นมา พ่อจะทำยังไง พ่อคงต้องกลับบ้านที่แคนาดา แล้วทรัพย์สินที่มี พ่อจะทำยังไง เพราะทุกอย่างเป็นของแม่ที่ทำหามาได้เอง ไม่ใช่ของพ่อหนู แล้วใครจะเดินเรื่องนิติกรรมให้พ่อ ป้าๆ อาๆ ของหนูก็คงจะช่วยเหลือพ่ออยู่หรอก แต่พ่อจะรู้สึกอย่างไร จะเหงามั้ย พ่ออายุตั้งเยอะแล้ว กลับไปอยู่แคนาดาแล้วจะทำไง พ่อคงต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่ เพราะพ่อทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีที่แคนาดา เพียงเพื่อจะได้มาอยู่กับแม่ที่เมืองไทย พ่อไม่มีสมบัติอะไรเลย นอกจากประกันชีวิต และประกันอุบัติเหตุที่แม่ทำไว้ให้กับพ่อ เผื่อว่า แม่เป็นอะไรไปก่อนแบบกระทันหัน พ่อจะได้มีเงินก้อนซื้อตั๋วเครื่องบิน และพ็อคเก็ตมันนีเพื่อตั้งตัวในช่วงปีแรกๆ เท่านั้นเอง.. ส่วนเงินเก็บสำรองที่พ่อกับแม่ช่วยกันหา ช่วยกันสร้าง แม่ก็เอาไปลงทุนเพื่อให้ดอกผลมันงอกเงย เผื่อเป็นไว้เป็นก็อกสำรองยามฉุกเฉิน หากโรงงานเย็บผ้าของเราเกิดไปไม่รอด เงินส่วนนี้พ่อคงจะเอาติดตัวไปได้ แต่แม่คิดว่าพ่อของหนูก็คงจะไม่เอา เพราะเขาเป็นคนหยิ่ง และทะนงตัวพอๆ กับตาของหนูนั้นแหละ ทรัพย์สินอย่างอื่น ซึ่งเป็นของแม่ พ่อก็คงไม่เอาอีกเหมือนกัน แม่รู้นิสัยเขาดี

ยิ่งคิด ยิ่งเครียด เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้แม่คิดไปไกล คิดยาวไปถึงอีก 20-25 ปีข้างหน้าเกี่ยวกับตัวหนู อนาคตของหนู และครอบครัวของเรา

แม่อ่านในเวปไซด์ เขาบอกว่า คนท้องขับรถได้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งท้องใหญ่ติดพวงมาลัยนั้นแหละ ไม่มีผลกระทบอะไรกับเด็กในแง่ของการสั่นสะเทือน เพราะลูกลอยอยู่ในน้ำคร่ำ เพียงแต่จะเหนื่อยง่าย และเพลีย หรือง่วงนอนมากกว่าคนปกติ ใจแม่ยังคิด ยังงี้หวานฉันเลย เพราะฉันจะได้บู๊งานจนกระทั่งคลอด หรือพุงค้ำพวงมาลัยนั้นแหละ แต่หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ทำให้แม่ฉุกคิดได้ว่า แม่คงจะลุยโรงงานเย็บผ้าของเราเต็มที่อย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้แล้ว เพราะสังขารไม่อำนวย เขาบอกว่า คนท้องช่วง 3 เดือนแรกจะเหนื่อยง่าย และง่วงนอนมาก เนื่องจากร่างกายมีการปรับตัวและต้องทำงานหนัก ซึ่งแม่ก็ว่าจริง เพราะช่วง 3 เดือนแรก แม่นอนเป็นหมูอืดทั้งวี้ทั้งวัน จนพ่อหนูขำว่า แม่นอนเหมือนคนไม่เคยนอนมาตลอดชีวิต แต่พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร พ่อบอกดีแล้วที่แม่นอนเยอะ เพราะหนูจะได้โตเร็วๆ และแข็งแรง อีกอย่างแม่ก็เพิ่งลาออกจากงานมาใหม่ๆ พ่อก็อยากให้แม่ได้พักผ่อนและ enjoy กับชีวิตช่วงนี้ให้เต็มที่ พ่อบอกว่า หลังจากหนูคลอด เราคงมีงานชิ้นใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิต คงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบอิสระไปเที่ยวแบบโลดโผน อย่างคนตัวเปล่าไม่มีภาระเหมือนเมื่อก่อนไปอีกนานหลายปี ซึ่งแม่ก็รู้สึกขอบคุณพ่อที่มีความเข้าใจให้กับแม่เหลือเกิน พ่อของหนูเป็นคนที่น่ารักมากนะลูก เขาคอยเป็นกำลังใจให้แม่เสมอมา...

ใจแม่คิดไป....

- ฉันท้อง สังขารไม่เอื้อให้เลือดบ้า เลือดบู๊ในตัวมันทำงาน แล้วฉันจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี
- ฉันจะอุ้มท้องไปวิ่งหาออเดอร์ตามโรงงานเหมือนที่ตั้งใจไว้แต่ตอนแรกได้มั้ย?
- ลูกค้าเขาเห็นสภาพฉัน เขาจะไม่คิดเหรอว่า ท้องยังงี้จะทำงานให้เขาได้หรือเปล่า?
- ถ้าฉันยังขับรถตะลอน ตะลอนอย่างนี้อยู่ ฉันจะเกิดอุบัติเหตุมั้ย ?
- ฉันกำลังพาลูกเสี่ยงชีวิตไปกับฉันด้วยใช่มั้ย?
- แล้วพ่อของหนูล่ะ พ่อจะทำยังไง พ่อต้องอยู่คนเดียวตอนแก่ เพราะแม่เห็นแก่ตัว ทำแต่งาน จนลืมเรื่อง FAMILY VALUE เหรอ แม่กำลังเอาเปรียบหนูกับพ่อของหนู ใช่มั้ย?
- ถ้าแม่ไม่ทำ แล้วใครจะทำ? พ่อของหนูก็เป็นฝรั่ง ภาษาไทยก็ไม่คล่องขนาดฉะฉาน ไปหาลูกค้าจะคุยธุรกิจกันรู้เรื่องเหรอ?
- know how เรื่องการ์เม้นต์ พ่อก็ไม่ค่อยมี แล้วจะได้ออเดอร์มั้ย?
- พ่อทำได้อย่างเดียวคือเป็นคนขับรถให้แม่ ให้ไปคนเดียว พ่อก็ไม่ชำนาญทางในกรุงเทพอีก หลงกันอุตลุต มานักต่อนักแล้ว เพราะป้ายทางบ้านเรา บางทีก็มีแต่ภาษาไทย บางทีก็มี 2 ภาษา แถมเจอนิสัยคนไทยขับรถเข้าไปอีก พ่อสติแตกแน่ๆ พ่อหนูปรับตัวกับนิสัยการขับรถของคนไทยไม่ได้สักที แม่ปล่อยให้ไปคนเดียวแม่ก็เป็นห่วง จะจ้างคนขับรถเพิ่มอีกหนึ่งคน ก็เป็นค่าใช้จ่ายfix อีก แล้วจะไว้ใจได้มั้ยว่า ไม่ขโมยเอาเสื้อฉันไปขายพร้อมกับรถ? จะจ้างเป็นจ๊อบๆ ดึกดื่น เที่ยงคืน เขาก็ไม่อยากไปกันเท่าไหร่ เราก็ต้องไปกันเองอีก เพราะเป็นเวลาพักผ่อนของเขา
- แล้วฉันจะทำยังไงกับชีวิตดี ?
- นานแค่ไหนที่ฉันไม่สามารถจะกลับไปลุยธุรกิจได้อย่างเต็มตัวอีก ?
- อย่างเร็วก็คงต้องหลังจากที่หนูเลิกกินนมแม่ หรืออย่างช้าก็จนกว่าหนูจะเข้าโรงเรียน ?
- แล้วฉันจะหารายได้จากตรงไหนมาใช้จ่ายในครอบครัว?
- จะหมุนเงินยังไง ถ้าฉันจะหยุดกิจการสัก 2 – 3 ปี ?
- แล้วฉันจะทำยังไงกับจักรเย็บผ้า 20 ตัวนี้?
- แล้วลูกน้องล่ะต้องออกกันหมด ฉันทำบาป ทำกรรมกับลูกน้อง และครอบครัวเขาหรือเปล่าเนี่ย เขาตกงานจะทำยังไง คนหาเช้า กินค่ำ ?
- แล้วเงินที่ลูกน้องขอยืมไปล่ะ จะทำยังไง ตั้งหลายสตังนะนั่น ทุกคนรวมๆ กัน ฉันอยู่ได้เป็นปีเลย
- แล้วตากับยายล่ะ จะผิดหวังในตัวแม่มั้ย นี่แม่กำลังจะทำให้คนอื่นเขาดูถูกตากับยายว่า เลี้ยงลูกสาวยังไง ให้เอาตัวไม่รอดหรือเปล่า ?

เฮ้อ เครียด เครียด เครียด

ธุรกิจเสื้อผ้า มันไม่ใช่งานง่ายๆ นั่งทำที่โต๊ะเหมือนงานออฟฟิศนะลูก มันเป็นงานที่ต้องบู๊ล้างผลาญ ใช้หัว ใช้ไหวพริบ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา ต้องลุย ดึกดื่น เที่ยงคืน จำเป็นต้องไปส่งของก็ต้องไป เพราะไม่งั้นลูกค้าจะได้ของไม่ทันใช้ มันเป็นธุรกิจที่โคตระเหนื่อยเลยละลูก ไหนจะปัญหาเรื่องลูกน้อง เรื่องช่างเย็บอีก ทำธุรกิจเองมันเหนื่อยกว่า เครียดกว่า งานออฟฟิศร้อยเท่า ต้องบริหารทั้งเวลา ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งคน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราคนเดียว แต่แม่กลับชอบงานแบบนี้นะ เพราะมันเหมือน แม่ได้พิสูจน์ตัวเองว่า แม่เป็นคนเอาถ่าน หนักเอาเบาสู้เหมือนตากับยายของหนู จะรอดหรือจะเจ๊งให้มันรู้กันไปเลยว่า เป็นเพราะแม่ไม่มีน้ำยา มีแต่ขนมจีน ฮิฮิ มันเป็นประสบการณ์ที่แม่ สามารถจะเก็บไว้เล่าให้หนูฟัง หรือให้คำปรึกษาหนูได้ เมื่อหนูโตขึ้น มันมีค่าทางจิตใจ ยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองนะลูก ไม่ว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม...

ถ้าหนูถามแม่ว่า มันมีค่ามากกว่าเงินทองอย่างไร...

แม่จะบอกว่า... หนูหาเงินทองได้ง่ายกว่า ประสบการณ์ทั้งหลายที่มันผ่านเข้ามาในชีวิต ถ้าหนูไม่มีเงิน แต่เป็นคนหนักเอา เบาสู้ ไม่เกี่ยงงาน ไม่จำกัดตัวเองว่า ฉันทำอันนี้ได้ ฉันทำอันนั้นไม่ได้ หนูก็จะคิดหาวิธีหาเงินได้ไม่ยากนะลูก เงินทองนะ มีลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าหนูเยอะแยะ มันขึ้นอยู่กับว่า หนูตั้งใจจะคว้ามันเอาไว้หรือเปล่า เช่น ถ้าหนูไม่มีเงินเลย ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน คิด หนูอาจไปรับจ้างล้างจาน ตามร้านอาหาร เพื่อแลกกับข้าว 3 มื้อก็ได้ หรืออาจไปเดินขายพวงมาลัยตามถนน ตกเย็นหนูก็ได้เงินไปซื้อข้าวแล้ว อย่าไปอายที่จะทำงานด้วยความสุจริตและซื่อสัตย์นะลูก ถึงแม้คนจะดูถูกว่าเป็นอาชีพต่ำต้อย แต่หนูก็รู้ตัวเองอยู่เต็มอกว่า หนูทำด้วยความสุจริต และซื่อสัตย์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนคนอื่นเขามา หนูไม่ได้ไปคอรัปชั่น ตินสินบาท คาดสินบนใครเขา หรือโกงภาษีประเทศชาติ เพื่อให้มีเงินมีทองเยอะแยะ คนจะได้นับหน้าถือตา จำเอาไว้ ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไร จงตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต และไม่เบียดเบียนคนอื่นในทุกรูปแบบ แลวหนูจะรู้สึกภูมิใจกับตัวเอง ไปจนตาย....

แต่...

แต่ประสบการณ์ชีวิต โดยเฉพาะ ในการทำธุรกิจ หนูไม่สามารถจะหาได้ภายในวันเดียว แล้วบอกว่า ฉันประสบความสำเร็จแล้ว ฉันมีแล้ว มันไม่ใช่นะลูก มันอาศัยเวลาในการเรียนรู้ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตกับประสบการณ์ในการเรียนรู้เพื่อทำธุรกิจ บ้างก็สำเร็จ บ้างก็ล้มเหลว สำหรับแม่ อย่างน้อย แม่ก็พอมีประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ หลายๆ อย่าง ที่ผ่านมาในแง่ของการทำงาน การบริหาร และการทำธุรกิจเล็กๆ ที่พอจะนำมาใช้เป็นคำแนะนำ เพื่อเป็นพื้นฐานให้หนูได้ในอนาคต เมื่อหนูโตพอในระดับหนึ่ง และยังรู้สึกว่า พ่อกับแม่ เป็นที่ปรึกษาให้หนูได้ในทุกครั้งที่หนูต้องการนะลูก...

จากแม่ของหนู ..... เพนนี

7 ธันวาคม 2550


Create Date : 10 ธันวาคม 2550
Last Update : 11 ธันวาคม 2550 13:08:52 น. 0 comments
Counter : 280 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.