Beauty ♥ Review Review Canmake Melty Nude Lip #02 Creamy Nude

สวัสดีค่ะ วันนี้นิจะมาเห่อ+รีวิวลิปสติกสวยๆของ Canmake ให้ชม
สำหรับลิปส์แท่งนี้ พี่โบ Bowy06 ซื้อมาฝากจากญี่ปุ่น
หลังจากที่พี่โบได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกับน้ำชาในกิจกรรมของ Essential Damage Care
ชื่อของลิปสติกรุ่นนี้คือ
Canmake Melty Nude Lip
ใครนึกไม่ออกว่ารุ่นไหนดูตามภาพเลยค่ะ






คุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างมั้ยเอ่ย










ตัวที่นิจะรีวิวในวันนี้เป็นเบอร์ 02 ชื่อว่า Creamy Nude ค่ะ
เป็นสีคล้ายๆชานมอ่อนๆ
ตัวแท่งก็แข็งแรงไม่ก๊องแก๊ง











ปลายแท่งดีไซน์เก๋ไก๋ด้วยลายเพชรค่ะ
เล่นเอาไม่กล้าทากันเลยทีเดียว
สังเกตุตรงตัวแท่งลิปสติกจะมีพิมพ์ลายนูนๆว่า Melty Nude อยู่ด้วยค่ะ











ลองปาดที่แขนดู ว๊าวๆ...สีสวยมากๆ ออกสีชานมเหมือนแท่งเป๊ะๆ
เนื้อแมท เม็ดสีแน่น และลื่นมากค่ะ













ขออภัยปากแห้งไปหน่อย ฮ่าๆ
ทาแล้วเริดส์มากค่ะ กลบสีปากได้เกือบ 100% กันเลยทีเดียว
นู๊ดจริงจัง นู๊ดงดงาม
สังเกตุว่าพอทาแล้วสีดูอ่อนกว่าตัวแท่งและที่แขนเล็กน้อย
แต่โดยรวมถือว่า เริดส์มากค่ะ ปลื้มในความนู๊ด สวยงาม~*







ทริกเล็กๆในการทางลิปสติกตัวนี้
ถ้าปรกติเป็นคนที่ชอบทาลิปส์จากแท่งโดยตรง
แนะนำว่าเมื่อทาเสร็จแล้วใช้นิ้วแตะๆริมฝีปากเล็กน้อยค่ะ
เพื่อเกลี่ยให้สีสม่ำเสมอ เพราะถ้าไม่ใช้นิ้วเกลี่ยๆ
จะทำให้เนื้อลิปสติกเป็นปื้นๆ
แต่ถ้าเป็นคนใช้พู่กันในการทา ไม่มีปัญหาค่ะ









ถุงที่พี่โบถือมาให้ในงาน Blogger Party ของทาง Goodskin Labs
ตอนแรกนั่งเลือกๆกับทราย(หมูน้อย)ก็ได้เจ้าถุงนี้มาคนละถุง
นิแอบส่องๆดูเห็นว่าเป็นขนมก็เลยไม่ได้อะไรมาก
แต่พอคนอื่นๆเดินมา พี่โบกลับหยิบถุงอีกแบบออกมาให้คนอื่นๆ
นิกับทรายนั่งงอแงกัน เพราะคนอื่นเค้าได้น้ำยาทาเล็บ
พี่โบบอก ก็อันนี้ให้พิเศษสำหรับคนที่เข้ารอบกับกิจกรรม Essential Damage Care
นิกับทรายเลยเปิดดู กรี๊ดดดด ลิปสติกนี่นาาา!!
งอแงโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้ของดี ฮ่าๆๆๆๆ
ขนาดของฝากยังจะมางอแงกันอีก น่าอายจริงๆเลย ^^"
ขอบคุณพี่โบมานะคะ รักพี่สาวคนสวยมากๆเลย อร๊ายๆๆๆๆ >///<





ขอบคุณที่ิติดตามค่ะ ^^







Free TextEditor




 

Create Date : 15 กันยายน 2553    
Last Update : 15 กันยายน 2553 13:28:15 น.
Counter : 6478 Pageviews.  

Beauty ♥ Review Clinique Repairwear Laser Focus Wrinkle & UV Damage Corrector

สวัสดีค่า วันนี้นิจะมารีวิวสินค้าตัวใหม่
ที่ทางแบรนด์ได้ส่งมาให้นิได้ทดลองซํกพักแล้ว
แต่ยังไม่ได้เขียนซักที








ตอนได้พัสดุมา แอบลุ้นอยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะได้เจ้าซองสีเงินๆนี้มา โดยที่มองไม่เห็นเลยว่าของข้างในคืออะไร
หน้าซองมีสติ๊กเกอร์แปะ เป็นแบรนด์ Clinique และชื่อของนิเอาไว้













พอแกะออกมาก็เจอกับบับเบิลที่บรรจุกล่องของ Clinique เล็กๆข้างใน
พร้อมโบชัวร์ 1 ใบ ที่อธิบายถึงสรรพคุณของสินค้าตัวใหม่ตัวนี้














แกะบับเบิลมาก็เจอกับเจ้านี่ค่ะ
ชื่อสินค้าตัวใหม่นี้คือ Clinique Repairwear Laser Focus Wrinkle & UV Damage Corrector
จากชื่อก็พอจะเดาได้แล้วใช่ม้า ว่าสรรพคุณของสินค้าตัวนี้จะช่วยในเรื่องอะไร
เป็นเซรั่มสูตรพิเศา 3 in 1 ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดูแลผิว
ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน ช่วยลดเลือนริ้วรอย และความเสียหายของผิวที่เกิดจากแสงแดด
พร้อมให้ผิวดูสุขภาพดีค่ะ 
สินค้าตัวนี้จะขายในเดือนกันยายนนี่ละ นิก็ไม่แน่ใจว่าเค้าเริ่มวางขายกันรึยัง
แต่นิได้สินค้าตัวนี้ในเดือนที่แล้วค่ะ













ขวดที่นิได้มาจะเป็นขนาดทดลองค่ะ
แต่ขอบอกว่าใช้ทละนิดเดียวจริงๆ และใช้ได้นานมากๆ
เนื้อเซรั่มจะเป็นสีขาวๆ เนื้อหยุ่นๆนิดๆ
ใช้เพียง 3 หยด วันละ 2 ครั้งเช้าเย็น ทาให้ทั่วใบหน้า และรอบดวงตา
แล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ และครีมกันแดดได้ตามปกติค่ะ














ภาพก่อนใช้ นิยังไม่มีริ้วรอยอะไรบนใบหน้า
แต่จะมีรอยนิดๆที่ถ้าไม่สังเกตุดีๆจะไม่เห็นค่ะ นั่นคือรอยตริงมุมปากนั่นเอง
จะเป็นรอยเพราะเวลาที่เรายิ้ม จะมีมุมที่พับๆอยู่ จะเป็นรอยจางๆค่ะ




หลังจากทามาแล้ว...นิจำไม่ได้ว่านานแค่ไหน
แต่ทางแบรนด์เค้าการันตีว่า ภายใน 4-12 สัปดาห์ จะเห็นผลค่ะ
แต่สังเกตุดูว่า รอยมันดูบางลงเยอะเลย จากตอนแรกเป็นเส้นชัดเจน
ตอนนี้เหลือแค่เงาๆเท่านั้น
สำหรับตัวนี้ เค้าเขียนไว้ว่า ริ้วรอยต่างๆจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
และจะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ดูมีสุขภาพดีค่ะ











สรุปแล้ว นิค่อนข้างชอบค่ะ ด้วยความที่เนื้อมันหยุ่นๆด้วย
เหมาะกับผิวแห้งๆของนิมากๆ ทาแล้วรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นและเมื่อทาทับด้วยมอยซ์เจอร์
ซึ่งนิจะใช้ Clinique Moisture Surge ค่ะ เลยยิ่งรู้สึกชุ่มชื่นสุดๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะใช้เครื่องสำอางค์ หรือสกินแคร์อะไร
มันขึ้นอยู่กับพื้นฐานผิวด้วยนะคะ
พื้นฐานผิวของคนเราไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น สินค้าที่นิใช้ได้ผล ไม่ได้หมายความว่าทุกคนก็จะได้ผลเช่นกัน
สำหรับสาวๆที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย นี่ก็อาจเป็นอีกตัวนี่น่าลองค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^






Free TextEditor




 

Create Date : 14 กันยายน 2553    
Last Update : 14 กันยายน 2553 21:17:48 น.
Counter : 3579 Pageviews.  

Beauty ♥ Review Lansley Nose BHA Scrub & Nose Sebum Remove Mask

สวัสดีค่าสาวๆทั้งหลาย
วันนี้นิกลับมาอีกแล้วกับการรีวิวไอเท็มเจ๋งๆในการกำจัดสิวเสี้ยน
เป็นไอเท็มที่นิยมกันมากถึงขนาดขาดตลาดกันเลยทีเดียว
มันก็คือ





Lansley BHA Scrub & Sebum Remove Mask
มีขายในร้าน Beauty Buffet แต่ตอนนี้เริ่มหายาก เพราะคนติดใจในประสิทธิภาพ
แล้วก็ได้ทำการกว้านซื้อกันจนผลิตแทบไม่ทัน(เว่อมาก)









เจ้า Lansley นี้จะมี 2 หลอดค่ะ ประกอบไปด้วย

Step1(สีเหลือง) Nose BHA Scrub
เป็นตัวที่สครับผิวก่อนการใช้ตัวมาส์ค

Step2 Nose Sebum Remove Mask
เป็นตัวใช้ดึงเจ้าสิวเสี้ยนทั้งหลายทั้งปวงออกมาค่ะ

สำหรับในการลอกสิวเสี้ยนอย่างถูกวิธี ขั้นตอนทั้งหมดนิเคยเขียนไว้แล้ว
ใน Review เก่าๆ ลองจิ้มกุ๊กไก่น้อยดูได้








ตัวนี้จะไม่เหมือนตัวมาส์คดำที่เค้าจะมาส์คทั่วทั้งหน้า
อันนี้จะเป็นเฉพาะจุดจริงๆค่ะ วันนี้นิทำช่วงจมูกและลงที่คางไปนิดหน่อย
ตัวเนื้อมาส์คจะหนืดมาก เวลาปาดก็ปาดหนานิดนึง จะได้ดึงออกได้ง่าย และได้ผลกว่า
รอจนกว่ามันจะแห้งสนิทจริงๆ จับแล้วไม่รู้สึกว่าเย็นๆชื้นๆ ก็เริ่มแงะออกได้เลย
อย่าลืมว่า ต้องลอกย้อนแนวขนนะคะ
มาดูกันว่าผลที่ได้เป็นยังไง










ยุบยับ อย่างกะหนอนขึ้นหน้า









ย้ำความสยองกันอีกซักหน
สังเกตุว่ามาส์คของ Lansley ตัวนี้ดึงสิวเสี้ยนออกมาให้เห็นเป็นเม็ดๆชัดเจนมาก
แถมเยอะจนน่าตกใจ ไม่คิดว่าจะเยอะ ชัด เม็ดเป้งขนาดนี้
ขนอ่อนไม่รู้ออกเยอะแค่ไหน มองไม่ค่อยเห็น
สิวเสี้ยนหัวดำๆมีบ้างเล็กน้อย ส่วนมากพวกสิวขาวๆที่เรามองไม่เห็นจะออกเยอะที่สุดค่ะ






สรุปแล้วเป็นมาส์คลอกสิวเสี้ยนที่ปลื้มที่สุดเท่าที่เคยใช้มา
ปกติแล้วตัวอื่นๆจะมีสิวเสี้ยนช่วงร่องจมูกที่จะออกมา แต่สำหรับมาส์คตัวนี้
ช่วงปลายจมูกและแก้มก็ออกมาเยอะพอสมควร
เป็นไอเท็มที่เริดส์มากค่ะ







ขอบคุณทราย(Mhoonoiii)ที่แนะนำและให้ลอง
แถมยังยกกล่องที่ซื้อเก็บมาตุนให้นิได้ใช้ก่อนอีก
แล้วจะรีบไปชำระหนี้แค้น...เอ้ย...หนี้สินนะฮะ
ได้ของละลืมจ่ายเงิน ดู ดู๊ ดู ดูมันทำ...
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ






Free TextEditor




 

Create Date : 14 กันยายน 2553    
Last Update : 14 กันยายน 2553 0:49:44 น.
Counter : 8405 Pageviews.  

Beauty ♥ How To Order Aboard Website วิธีสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของต่างประเทศ



วันนี้นิจะมาสอนการสั่งสินค้าออนไลน์ของต่างประเทศค่ะ
เห็นหลายคนบ่นกันเหลือเกินว่า อยากลองสั่งซื้อสินค้าจากเว็บนอกบ้าง
แต่ไม่รู้ต้องทำยังไง สั่งยาก วุ่นวาย ไม่กล้าสั่ง
วันนี้นิเลยอยากจะมาเขียนขั้นตอนการสั่งสินค้า
มันง่าย และไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย
แถม...ถ้าสั่งเป็นละจะติดใจ อยากสั่งอีกเรื่อยๆเลยแหละ



วันนี้นิจะมาสอนวิธีสั่งเซทแปรงแต่งหน้าของเว็บ Sigma นะคะ


ต้องถามก่อนว่า สมัคร Paypal รึยังคะ?

ถ้าหากว่ายัง ก็ต้องไปสมัครก่อนเลยค่ะ

สำหรับขั้นตอนการสมัคร Paypal ก็ไม่ได้ยากอะไร

สมัครคล้ายๆเวลาเราสมัครเมล์ เค้าจะมีช่องๆมาให้กรอก

ดูขั้นตอนการสมัครได้จาก ipbthailand.in.th/index.php





หลังจากนั้นเข้าเว็บของ SIGMA นะคะ

เลือกเซทแปรงที่ต้องการจะซื้อ แล้วทำตามขั้นตอนนี้ค่ะ




1. คลิกที่

2. หน้าจอจะมาที่เพจนี้อัตโนมัติ









3. คลิกที่ Proceed to check out

    จะมาที่เพจนี้ค่ะ เพื่อให้คุณ Login เข้า Paypal










4. เมื่อ Login เข้ามาแล้ว เพจจะหน้าตาแบบนี้ค่ะ




จะบอกถึงรายละเอียดว่า

-เราสั่งสินค้าชื่ออะไรไป

-ราคาเท่าไหร่

-ค่าขนส่งเท่าไหร่

-รวมเป็นเท่าไหร่


แล้วข้างล่างจะมี 3 ส่วน(ซึ่งข้อมูลต่างๆเเค้าจะดึงมาจากข้อมูลที่เรากรอกตอนสมัคร Paypal ค่ะ) คือ

Payment Method: เค้าจะเขียนรายละเอียดให้เราว่า เราจะจ่ายผ่านบัตรอะไร

Post to: ตรงนี้เป็น Address ของเรา ที่เราจะให้เค้าส่งของมาให้
ที่เค้าสามารถติดต่อเราได้


ตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อยว่าถูกต้อง ครบถ้วน



5. กด Pay Now เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าค่ะ




หลังจากนั้นเราก็มาเช็คที่ Email ของเรา

เค้าจะส่งเมล์คล้ายๆกับ ใบเสร็จเพื่อยืนยันว่า เราได้สั่งของไปจริง

หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ




- ช่องทางขวาบน จะเป็นรหัสพัสดุของสินค้าของเราค่ะ

- ช่องด้านซ้าย ตรง Shipping Address จะเป็นที่อยู่ของเรา

- เค้าจะมีรายละเอียดให้ดูทั้งหมดค่ะ เกี่ยวกับสินค้าที่เราสั่งไป



และเมื่อทางร้านส่งสินค้ามาให้เรา เค้าก็จะมีเมล์แจ้งเราอีกทีนึงค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์

ถ้าหากนานเกินกว่านั้น ก็ส่ง Email ไปถามทางร้านค้าเค้าได้ค่ะ






แต่ขอเตือนว่า อย่าไปยุ่งกับ Paypal มากจะดีกว่าค่ะ

ลำพัง Shopping โดยตรงก็สูญเงินมากมายมหาศาลแล้ว

มา Shopping ผ่าน Internet อีก ระวังกระเป๋าฉีกไม่รู้ตัวนะเออ

เหตุเพราะ มันง่ายแสนง่าย แถมสะดวกสบายสุดๆ

เงินก็ลอยออกจากกระเป๋าเราง่าย ตัวเบาเลยทีเดียว ฮ่าๆ

อันนี้จากประสบการณ์ตรง...เสียทรัพย์เพราะความสะดวกสบายของ Paypal มาเยอะแล้ว ^^"


หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจนะคะ 








Free TextEditor




 

Create Date : 10 กันยายน 2553    
Last Update : 10 กันยายน 2553 12:51:40 น.
Counter : 6051 Pageviews.  

Beauty ♥ Review Mask White By Kose'

สวัสดีค่าสาวๆ

วันนี้นิกลับมาอีกครั้งกับการรีวิวอีกหนึ่งไอเท็ม

ที่นิใช้บ่อยมากๆในการกำจัดสิวเสี้ยน

คราวที่แล้วนิรีวิวตัว Biore Pore Pack ไปแล้ว

อันนั้นจริงๆไม่ใช่ตัวประจำที่นิใช้ค่ะ

พอดีว่ามันพกง่าย เบา ไม่หนักกระเป๋า เลยพกไปลอนดอนด้วย

(ของมันเยอะขนาดจะยัดอะไรเพิ่มยังต้องคิดหนักเลย = =")

วันนี้มาเจอตัวจริง ตัวโปรดที่นิชอบ

ไอเท็มนี้ไม่ใช่ไอเท็มใหม่ สาวๆหลายคนมีในครอบครอง

มันคืออะไร...ไปดู!!








แท่น แทน แท๊นนน!!! Mask White ของ Kose นั่นเอง!!!

จริงๆตัวนี้รู้จักกันในนาม มาส์คดำ ค่ะ

เพราะเนื้อมาส์คเป็นสีดำ ดำจริง ดำจัง ดำปิ๊ดปี๋เลย

แต่ทำไมถึงชื่อ Mask White

เพราะว่า มาส์คตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวดูขาวใสขึ้น

เอาจริงๆนะ นิว่าคงเพราะมันดึงขนอ่อนบนใบหน้าเราออกไปเยอะพอสมควรด้วยแหละ

มันเลยดูขาวขึ้นในระดับนึง












สำหรับสาวๆบางคนที่อาจจะไม่รู้จัก ไม่เคยใช้ อาจจะสงสัยว่า มันใช้ยังไงนะ?

ขั้นตอนของการใช้ ไม่ยากค่ะ

โดยส่วนมากแล้ว การที่เราจะมาส์คหน้าเพื่อดึงสิวเสี้ยนเนี่ยะ

ขั้นตอนก็คล้ายๆกันหมดแหละ


ขั้นแรก ก็ต้องสำรวจผิวก่อน ผิวที่จะมาส์คหน้าชนิดดึงสิวเสี้ยนเนี่ยะ

จะต้องไม่มีแผล ไม่มีสิวที่อักเสบอยู่ เพราะว่าการที่ผิวเรามีสิวอักเสบอยู่

จะเป็นช่วงเวลาที่ผิวบริเวณนั้นกำลังอ่อนแอค่ะ

ถ้าเราทำการ มาส์ค หรือสครับผิว

จะเป็นการรบกวนผิวมากเกินไป ทำให้อักเสบมากขึ้น หรืออาจจะทำให้เป็นแผลได้



เมื่อสำรวจแล้วว่า โอเค ผิวเราไม่มีสิวอักเสบ ไม่มีแผลอะไร

ก็มาเริ่มกันที่ ล้างหน้าให้สะอาด ส่วนตัวแล้ว นิจะชอบล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าเลย

แล้วก็ชอบนวดผิวก่อน เพื่อให้อุณหภูมิบนมือของเรา ช่วยขยายรูขุมขนบนใบหน้า

หรือสครับผิวเบาๆด้วย เพื่อให้สิวเสี้ยนอ่อนตัว

มันจะง่ายต่อการดึงสิวเสี้ยนให้หลุดออกมาค่ะ

ถ้าใครขี้เกียจ แนะนำให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นก่อน

เพื่อขยายรูขุมขนให้กว้างขึ้น แล้วจะสามารถดึงสิวเสี้ยนได้ง่ายถึงรากถึงโคนค่ะ


จากนั้นเช็ดหน้าให้แ้ห้ง แล้วละเลงมาส์คให้ทั่วทั้งใบหน้า ตามภาพเลยค่ะ

สำหรับมือใหม่ นิแนะนำว่า ถ้าหากช่วงบริเวณกราม ไม่ค่อยมีสิว

ไม่ต้องลงมาส์คในช่วงกรามก็ได้ค่ะ เพราะมันไม่ได้ช่วยดึงสิวเสี้ยน(เพราะสิวเสี้ยนไม่มี)

และยังเจ็บมากกกกกกกก อีกด้วย


หลังจากละเลงมาส์คแล้ว รอให้แห้งค่ะ

เืมื่อมาส์คแห้ง ก็จัดการ ดึงมาส์คออกได้เลย

โดยทำการดึงจากล่างขึ้นบนนะคะ

ขอเตือนสำหรับมือใหม่ว่า อย่าทิ้งให้แห้งจนแข็งเกินไป

เพราะมาส์คตัวนี้ มีอีกฉายาว่า "มาส์คกระชากวิญญาณ"

มันเจ็บมากกกกกก ค่ะ ขอบอก

แต่สำหรับสาวๆที่วิชาแก่กล้าแล้ว ชิลค่ะ ดึงละไม่เจ็บมาก แสบพอสะใจ อิอิ


หลังจากดึงมาส์คออกแล้ว อย่าเพิ่งไปเชยชมกับผลงานที่กระชากออกมา

ให้รีบไปล้างหน้าด้วยน้ำเย็นทันที หรือ ใช้น้ำแข็งถูที่ผิวเลยค่ะ

ขั้นตอนนี้จะช่วยให้ รูขุมขนกระชับ

ลองคิดภาพดูว่า เมื่อกี้เรากระชากสิวเสี้ยนออกจากผิวไป รูขุมขนเรายังเป็นรูโหว่อยู่เลย

ถ้าไม่รีบทำให้มันกระชับ รูขุมขนจะกว้างนะคะ









หลังจากนั้นก็มาเชยชมกับผลงานกันได้เลย

(ทำใจก่อนดูนิสนึงนะคะ สยองมาก)









ขออภัยหากท่านกำลังทานอะไรอยู่ = ="







เห็นละมันส์จริงๆ อยากลอกอีก ฮ่าๆๆ

คำแนะนำ นิว่าซักเดือนละ 2 ครั้งกำลังดีค่ะ

บางคนอาจจะทำอาทิตย์ละครั้ง แต่นิว่ามันค่อนข้างโหดต่อผิวไปนิด

ซัก 2 อาทิตย์/ครั้ง กำลังดีเลย ทำละสิวออกเยอะ สะจายยย อิอิ

ขอบคุณที่ิติดตามนะคะ ^^


Credit 2 ภาพแรก จาก Google ค่ะ







Free TextEditor




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2553    
Last Update : 26 สิงหาคม 2553 23:15:51 น.
Counter : 7302 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  

miNipanda-z
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 236 คน [?]





Twitter




email


Twitter


Instagram






Main Page


Kute Club




Group Blog
  • Blog Arts
  • Blog Arts
  • Blog Update
  • Blog Chill
  • Blog Diary
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add miNipanda-z's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.