Beauty  Review Nature Jayoun Whitening Cream & Face Serum

สวัสดีจ้าสาวๆชาวบล็อคทุกคน
วันนี้นิได้มีโอกาสทดลองสินค้าตัวนึงจากเกาหลี
เป็นแบรนด์ใหม่ที่กำลังจะนำเข้ามาวางจำหน่ายค่ะ
ชื่อว่า Nature Jayoun 
อันนี้นิได้มาทดลอง เป็น สปอนเซอร์รีวิว นะคะ





หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ วันนี้ที่นิหยิบมารีวิวให้ชมกันมี 2 ตัวด้วยกันค่ะ
Nature Jayoun Whitening Cream Natural Extract
และ Nature Jayoun Face Serum Natural Extract ค่ะ
ดีไซน์ตัวกล่องมองดูปร๊าดเดียวก็รู้ว่าเน้นความเป็นธรรมชาติค่ะ
เพราะฉะนั้นเครื่องสำอางแบรนด์นี้จะเป็นแบบออแกนิคนะคะ





ตัวขวดด้านในจะหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เป็นพลาสติกแข็งสีตะกั่ว แน่นหนาใช้ได้ทีเดียว
หน้าตาของตัว Whitening Cream และ Face Serum จะเหมือนกัน
เวลาหยิบต้องดูชื่อดีๆ ไม่งั้นหยิบผิดได้จ้า
ไซส์ขนาด 15 ml ทั้งสองชิ้นเลยค่ะ





ลักษณะกรใช้งานจะเป็นแบบหัวปั๊ม
ซึ่งทำให้เนื้อครีมสะอาด ฝุ่นละอองเข้าไปยากค่ะ





มาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันดีกว่า
ซ้าย : ตัว Whitening Cream เนื้อจะเป็นสีคล้ายๆพวกบีบี หรือรองพื้นเลยค่ะ
คือเนื้อดูเป็นสีเนื้ออ่อนๆและทึบ กลิ่นจะออกเปรี้ยวๆ นิว่าคล้ายๆซันไลท์ ฮ่าๆๆ
แต่ก็เป็นกลิ่นที่สดชื่นดีค่ะ 

ขวา : ตัว Face Serum เนื้อจะเป็นเจลๆใสๆ สีออกเหลืองๆ
กลิ่นตัวนี้หอมอ่อนๆ กลิ่นคล้ายๆน้ำหอมอะไรซักอย่างค่ะ





เกลี่ยเนื้อครีมให้ดูชัดๆค่ะ 
ซ้าย : Whitening Cream ทาแล้วคล้ายบีบีจริงๆค่ะ 
คือมันดูนวลๆ ปกปิดนิดหน่อย ไม่เหนียวเลยค่ะ 
เหมือนเกลี่ยแล้วกลายเป็นแป้งไปเลย แห้งค่อนข้างไวค่ะ
ขวา : Face Serum เกลี่ยแล้วกลืนหายไปกับผิวเลยค่ะสำหรับตัวนี้
แห้งค่อนข้างไวทีเดียวล่ะ เพราะฉะนั้นเวลาทาต้องปั๊มออกมาแล้วรีบทาเลย
ไม่แนะนำให้แต้ม 5 จุด เพราะน่าจะเกลี่ยไม่ทันแน่ๆค่ะ 




ให้คะแนน 8/10 ค่ะ ตอนนี้นิยังไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องของผลลัพธ์การใช้งาน
ขอติดเอาไว้ก่อนแล้วถ้าผลลัพธ์ดีหรือไม่อย่างไร จะมาอัพเดทคะแนนใหม่ค่ะ
แต่ตอนนี้ที่ให้ 7 คะแนนเป็นในเรื่องของดีไซน์แพ็คเกจ และเนื้อสัมผัสค่ะ
ติตัว Whitening Cream ว่ากลิ่นถึงแม้จะสดชื่น แต่มันเหมือนซันไลท์จริงๆนะ
แต่ชอบที่เกลี่ยแล้วเนียนดีค่ะ
ส่วนตัว Face Serum ก็แห้งไวจริงๆ 



รีวิวนี้ทำเพื่อให้สาวๆได้ศึกษาข้อมูลไว้ก่อนค่ะ
ถ้าหากจะตัดสินใจซื้อสินค้าอะไร อยากให้ไปเทสด้วยจนเองก่อนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ 








 

Create Date : 09 มิถุนายน 2555    
Last Update : 9 มิถุนายน 2555 17:59:25 น.
Counter : 3547 Pageviews.  

Beauty  How To Have A Perfect Lip แก้ไขรูปปากได้ง่ายๆ และทริคมากมายในการทาลิปสติกค่ะ

สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้นิมาทำฮาวทูให้ชมกันค่ะ
ก่อนนี้นิรีวิวลิปสติกหลายแบรนด์ แล้วแต่ละครั้งที่ทำรีวิว
มักจะมีคำถามต่างๆเกี่ยวกับการทาลิปสติกยังไงให้ดูสวยค่ะ

อย่างเช่น ทำยังไงให้สีดูเนียน ทำยังไงให้เส้นขอบดูชัดเจน หรือทำยังไงให้สีติดทน
ไปจนกระทั่งคำชมต่างๆที่บอกว่าริมฝีปากนิสวย มีสเน่ห์
แต่พูดจริงๆว่านิเป็นคนรูปปากไม่สวยเลยค่ะ แต่มันมีวิธีที่จะทำให้ดูดีขึ้นได้
มาดูกันดีกว่าว่ามีทริกอะไรกันบ้าง





รูปปากแบบเพียวๆโล้นๆของนิค่ะ อย่างที่เห็นว่ารูปทรงมันไม่ได้สวยอะไรเลย
เป็นปากบวมๆโล้นๆ ไม่เป็นรูปกระจับ งุ้มๆตรงริมฝีปากด้านบนไม่มีด้วยซ้ำ ฮ่าๆ
แถมริมฝีปากยังซีดมากอีกต่างหาก ทำให้หน้าดูโทรมมากเวลาไม่ได้แต่งหน้า
แต่ข้อดีอย่างของคนริมฝีปากซีดแบบนิคือ ทาลิปสติกแล้วได้สีตามแท่งเลยค่ะ
สีไม่ค่อยจะเพี้ยนเท่าไหร่ 

Tips : เริ่มต้นกันที่ใช้ลิปบาร์มหรือลิปแคร์ที่เพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากก่อนนะคะ
ขั้นตอนนี้เราสามารถทาทิ้งไว้ในช่วงที่เราแต่งหน้าส่วนอื่นๆก่อนก็ได้
เพื่อให้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื่น จะทำให้ทาลิปสติกออกมาเนียนสวยขึ้นค่ะ





การทาลิปสติกให้สวย

ขอบอกเลยว่าใช้พู่กันจะดีกว่าทา
จากตัวแท่งของลิปค่ะ เพราะจะเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า 
บดขยี้เนื้อลิปสติกให้ติดริมฝีปากได้มากกว่า 

ถ้าเนื้อลิปสติกข้นเหนียวมากเกินไป
ให้ปาดเนื้อลิปสติกลงไปที่หลังมือก่อน ให้ลิปสติกเจออุณหภูมิร่างกายของเรา
เป็นการวอล์มให้เนื้อลิปให้อ่อนตัวลง ทาได้ง่ายขึ้นค่ะ
ช่วงขอบริมฝีปากเป็นช่วงที่พลาดได้ง่าย แนะนำว่าให้ค่อยๆเติมไปทีละน้อย
ดีกว่าปาดไปเยอะๆเลยทีเดียว ค่อยๆเติมความเข้มชัดไปทีละชั้นๆค่ะ

ถ้าหากคุณมีลิปไลน์เนอร์สีเดียวกับลิปสติกที่จะใช้อยู่แล้ว 
สามารถใช้ลิปไลน์เนอร์วาดโครงเส้นขอบของริมฝีปากก่อนได้ค่ะ 
จะทำให้ทาได้ง่ายขึ้น ไม่เลอะเทอะ 

ลักษณะการจับพู่กับเวลาทาให้เอาปลายนิ้วก้อยวางไว้ที่คาง 
เพื่อให้คุมทิศทางได้ง่าย มือไม่สั่น และมั่นคงยิ่งขึ้นค่ะ





สำหรับช่วงมุมปาก เป็นส่วนที่ค่อนข้างเล็กและทายากกว่าส่วนอื่นๆ
วิธีที่เขียนได้ง่ายขึ้นคือ ให้อ้าปากเหมือนในภาพ แล้วค่อยๆใช้ด้านข้างของพู่กัน
ปาดไปทีละนิดค่ะ ถ้าพลาดวาดเลยขอบปากไปเยอะเกินไปไม่เป็นไร 
ใช้คัตตอลบัดชุบ Eye & Lip Remover ค่อยๆเช็ดออก แล้วทาค่อยๆทาใหม่ค่ะ 
จริงๆตรงมุมริมฝีปากนี้เราสามารถทาเลยขอบออกมาได้เล็กน้อยนะคะ
เป็นทริกอย่างนึงที่ทำให้ริมฝึปากดูเต็มขึ้น สังเกตุดูเวลาที่เราดูภาพโฆษณา
ของลิปสติก ปากจะดูเต็มอื่ม เห็นสีของลิปสติกชัดมาก 
ก็เพราะวาดตรงมุมปากให้เลยเส้นขอบริมฝีปากจริงนี้ล่ะค่ะ





จากนั้นขั้นตอนนี้คือจุดสำคัญที่สาวๆถามกันเยอะว่า 
ทำยังไงให้เส้นขอบปากชัดขึ้น

ทำได้ด้วยวิธีนี้เลยค่ะ เอาแปรงทาคอนซิลเลอร์หัวเล็กมาเพื่อใช้
ทาตัวบีบีหรือรองพื้นที่สาวๆใช้กันนี่ล่ะค่ะตรงบริเวณใกล้ๆเส้นขอบของริมฝีปากเรา
เป็นการตัดเส้นขอบให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น 
ปาดให้รอบริมฝีปากของเราเลยนะคะ
แล้วค่อยๆเกลี่ยๆเบลนด์ๆออกมาให้กลืนกับผิวหน้าของเราค่ะ





เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วกับการทาลิปสติกให้สวยเนี้ยบ

สำหรับใครที่ลิปสติกเลอะเลือนง่ายระหว่างวัน 
วิธีที่จะทำให้ลิปสติกติดได้ทนนานขึ้นก็คือ 

1. ถ้าหากคุณมีลิปไลน์เนอร์สีเดียวกับลิปสติกที่คุณใช้ 
ให้ใช้ลิปไลน์เนอร์ทาให้ทั่วริมฝีปากของคุณก่อนจะทาลิปสติก
แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ 

2.ให้ใช้ทิชชู่ซับเนื้อลิปสติกส่วนเกินออกก่อน 1 ครั้ง หลังจากทาลิปสติกเสร็จ
แล้วค่อยใช้ลิปตัวเดิมทาทับลงไปอีกรอบ 

หรืออีกวิธี คือใช้ทิชชู่ทาบลงไปที่ริมฝีปากแล้ว
ใช้แปรงหรือพัฟ ปะแป้งทาหน้าของเราทับลงไปบนทิชชู่ที่เราทาบริมฝีปากอยู่ค่ะ
วิธีนี้จะทำให้มีเนื้อแป้งจำนวนนึงไปเกาะติดที่
ริมฝีปากของเรา เป็นเหมือนเกราะอีกชั้นที่หุ้มเนื้อลิปสติกที่เราทาไปรอบแรก
ให้ติดทนยิ่งขึ้น จากนั้นก็ทาลิปสติกตัวเดิมทับลงไปอีกรอบ เท่านี้ก็เรียบร้อย

ทริคนี้เป็นทริคที่ Michelle Phan ก็ใช้เช่นกันค่ะ





ทริคอีกอย่างสำหรับสาวๆที่ริมฝีปากบาง

ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องทาลิปสติกตามเส้นขอบริมฝีปากของเราอย่างเดียว
สีสันและพู่กันอยู่ในกำมือเราแล้ว อย่าไปกลัวที่จะออกนอกกรอบค่ะ
ถ้าริมฝีปากของคุณเรียวบางมากเกินไป ลองวาดเส้นขอบริมฝีปากขึ้นมาใหม่ดูซิคะ
โดยการทาลิปสติกให้เลยเส้นขอบริมฝีปากออกมาเล็กน้อย
เท่านี้ริมฝีปากคุณก็จะดูอวบอิ่มขึ้นได้ค่ะ

ลองเปรียบเทียบดูว่า รูปนี้นิทาเส้นขอบริมฝีปากให้เลยริมฝีปากจริงของนิออกมา
แต่นิดเดียวเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ดูแตกต่างจากภาพบนมากทีเดียวค่ะ

อีกอย่างลองสังเกตุดูดีๆ ที่นิเคยบอกไว้ว่า ปกติปากของนิไม่มีรอยงุ้มที่ริมฝีปากบน
แต่ตอนนี้มีขึ้นมาแล้ว ปากเป็นรูปกระจับมากขึ้น
ทุกอย่างมาจากการวาดเส้นขอบขึ้นมาเองทั้งนั้นค่ะ 
เพราะฉะนั้น เราสามารถตกแต่งรูปปากของเราเองได้ไม่ยากเลย ^^





อีกสิ่งหนึ่งที่อยากแชร์มากๆ
เคยรู้สึกว่าลิปสติกของเราที่ซื้อมา
บางสีก็นู๊ดเกินไป บางสีก็จัดจ้านเกินไปมั้ยคะ?
วันนี้นิมีอีกทริคหนึ่งสำหรับการจัดการกับลิปสติกที่ไม่ค่อยได้ใช้
มาให้ชมกันซักเล็กน้อย

การผสมสีลิปสติกของเราเอง

วิธีก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยค่ะ 
เพียงแค่คุณสาวๆลองหยิบลิปสติกสีที่ซื้อพลาด หรือไม่ค่อยได้ใช้
ของคุณมาลองผสมกับลิปสติกแท่งอื่นดู 
คุณอาจจะค้นพบสีสันใหม่ที่ใช่สำหรับคุณก็ได้

หรือแม้แต่ลิปสติกที่คุณคิดว่าเนื้อมันแห้งเกินไป
ก็สามารถนำมันมาผสมกับลิปบาร์ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นได้เช่นกันค่ะ

ตัวอย่างเช่นสีที่นินำมารีวิวด้านบนนี้เป็นสีส้มแป้ดจัดจ้านมากๆ
หากคุณสาวๆรู้สึกว่า สีมันจัดจ้านเกินไป หรือว่าในอนาคตสีนี้อาจจะเอ้าท์ออกไปแล้ว
ไม่จำเป็นจะต้องไปทิ้งค่ะ เพียงแค่คุณลองเอามันมาผสมกับลิปสีนู๊ด
คุณก็จะได้สีใหม่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น





ตัวอย่าง

ภาพนี้นิผสมลิปสติก 2 โทนสีที่ต่างกันสุดขั้วเข้าด้วยกันค่ะ
Etude House Dear My Blooming #OR207 สีโทนแดงอมส้มจี๊ดจ๊าด
Lime Crime Opaque Lipstick #Cosmopop สีโทนส้มซุปเปอร์นู๊ด
ผสมกันในอัตราส่วน 1 : 3 พอเกลี่ยๆออกมาได้สีสวยมากใช่มั้ยคะ 

เหมือนหลักการผสมสีพื้นฐานธรรมดานี่ล่ะค่ะ
ยิ่งถ้าใครมีโทนสีแปลกๆอย่างเช่นสีเขียว สีน้ำเงิน 
ยิ่งสามารถคลีเอทโทนสีใช้เองได้หลากหลายมากขึ้น 
น่าสนุกดีใช่มั้ยล่ะ แถมประหยัดเงินไปมากโข เพราะไม่ต้องคอยซื้อสีใหม่เรื่อยๆ ^^





Etude House Dear My Blooming #OR207



Etude House Dear My Blooming #OR207 + Lime Crime Opaque #Cosmopop

เปรียบเทียบให้ดูชัดๆค่ะ




หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับสาวๆทุกคนนะคะ
ขอให้สนุกกับการผสมสีสัน และค้นพบสีสันที่ใช่สำหรับคุณเร็วๆค่ะ
ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ ^^






 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2555 20:11:47 น.
Counter : 15485 Pageviews.  

Beauty  Review Etude House Dear My Blooming Lips-Talk

สวัสดีค่า พักนี้มาถี่หน่อยเนาะ
พอดีปิดเทอมเลยมีเวลาเขียนรีวิวหลายๆตัวที่ได้มาในช่วงนี้ค่ะ
วันนี้นิหยิบไอเท็มจี้ดๆ คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจาก Etude House มารีวิวค่ะ
รีวิวนี้เป็น สปอนเซอร์ รีวิวนะคะ





Etude House Dear My Blooming Lips-Talk





แพ็คเกจของคอลเลคชั่นนี้ก็ยังคงคอนเซปความเป็นสาวหวาน
สไตล์เจ้าหญิงๆซึ่งเป็นสไตล์ของอีทูดี้เค้าอยู่แล้วค่ะ
ปลอกเป็นพลาสติกดีไซน์หวานน่ารัก สีชมพูทึบ 
แน่นหนาดีค่ะ ดูแข็งแรงใช้ได้เลย
ตัวแท่งลิปสติกก็สวยมากเลย มีลายรูปหัวใจน่ารักๆอยู่ที่ตัวแท่งด้วย
ส่วนตัวนิชอบมากสำหรับดีไซน์ของตัวแท่งค่ะ น่ารักน่าครอบครองสุดๆเลย ^^





ครั้งนี้นิได้มาทดลองทั้งหมด 3 สีค่ะ
เฉดสีค่อนข้างจี้ดจ้าดทีเดียว
เป็นลิปสติกคอลเลคชั่นใหม่ที่ค่อนข้างแตกต่างจากรุ่นก่อนๆที่นิเคยใช้ของแบรนด์นี้
เพราะก่อนนี้จะเจอเนื้อที่ค่อนข้างชุ่มๆ พิกเม้นจางๆ 
ไม่ก็พิกเม้นแน่นมากแต่ไม่ชุ่มเท่าไหร่ 
แต่รุ่นนี้รวมเอาพิกเม้นที่แน่น และความชุ่มไว้ในแท่งเดียวกันค่ะ




OR207 โทนสีแดงส้มแปร๊ดๆ แซ่บสะใจค่ะ
เป็นโทนสีที่นิว่ามีสเน่ห์ดีค่ะ นิชอบสีที่มีความเป็นสองสีในสีเดียว
แบบสีนี้ก็จะมองว่าเป็นแดงหรือส้มก็ได้ ชอบค่ะ





PK006 โทนชมพูออกหวานเจี๊ยบ
โทนนี้เป็นโทนที่น่าจะมีติดกระเป๋าไว้ซักแท่ง
เพราะเป็นโทนสีที่ไม่มีทางตกเทรนด์แน่นอน 
ตั้งแต่เล็กยันโตนิก็เห็นโทนนี้ทาได้ตลอด ไม่มีเชยเลยค่ะ





PK004 สีชมพูช๊อคกิ้งพิ้งค์ นีออนแซ่บๆค่ะ
เป็นโทนสีที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในช่วงนี้เลย
โทนสีที่ออกนีออนๆแบบนี้ เก๋มากค่ะ






ให้คะแนน 10/10 อันนี้เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ชอบลิปสติกพิกเม้นท์จัดจ้านค่ะ
และเนื้อดีมาก ชุ่มชื่นใช้ได้เลย โทนสีอ่อนๆจะเลือนหายง่าย แต่โทนสีจัดๆ
ทาแล้วอยู่ทนทั้งวัน มีเติมบ้างนิดหน่อยถ้าทานอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ
ดีไซน์ตัวแท่ง ปลอกของแท่ง สวยน่ารักน่าพก เลยถูกใจมากเป็นพิเศษจริงๆ
และยังมีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก อันนี้นิมีแค่ 3 เฉด แต่มันมีอีกเยอะเลยค่ะ






อย่าเพิ่งเชื่อหากคุณยังไม่ได้ลองด้วยตัวเอง 
บางคนอาจจะไม่ชอบเหมือนนิ เพราะก็มีคนที่ชอบลิปสติกเนื้อ Sheer ใสๆ
เพราะฉะนั้น ไปทดลองด้วยตัวเองที่เคาน์เตอร์ก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ 




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2555 8:15:43 น.
Counter : 11765 Pageviews.  

beauty  Review ORIGINS VitaZing TM BB บีบีตัวใหม่ที่น่าสนใจค่ะ

สวัสดีค่าสาวๆทุกคน วันนี้นิได้ไอเท็มใหม่มาทดลองใช้กันอีกแล้ว
จริงๆสำหรับแบรนด์ Origins ส่วนมากนิจะคุ้นเคยกับตัวที่เป็นสกินแคร์มากกว่า
แต่ครั้งนี้มีโอกาสได้ลองใช้เมคอัพเบสที่เพิ่งออกใหม่ได้ไม่นานค่ะ
รีวิวนี้เป็นในส่วนของ สปอนเซอร์รีวิวนะคะ





ORIGINS VitaZing TM BB SPF35/PA+++ Revitalizing Cream with Mangosteen
50 ml อายุการใช้งาน 24 เดือน





บีบีตัวนี้ทำออกมา 2 เบอร์ค่ะ 
01 Light Warm และ 02 Light Cool
เวลาไปซื้อให้ดูดีๆนะคะ เพราะกล่องไม่มีสติ้กเกอร์เป็นเฉดสีระบุ
นอกจากชื่อและเบอร์ที่ฝากล่อง ซึ่งแอบดูยากเมื่อมันวางข้างกัน ฮ่าๆๆๆ





เปิดมาข้างใน ตัวหลอดจะเป็นสีขาวส้ม
ตัวนี้มี SPF 35/PA+++ ปกป้องได้ทั้ง UVA และ UVB ค่ะ
แต่ยังไงซะก็ควรจะทาครีมกันแดดก่อนดีกว่า ยิ่งถ้าต้องออกแดดมาก
เพราะค่า SPF เหมาะกับวันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในร่มค่ะ 





ตัวหลอดด้านในก็เช่นเดียวกับกล่องค่ะ 
คือไม่มีสติ้กเกอร์บ่งบอกถึงเฉดสีที่ชัดเจน
มีเพียงแค่ชื่อและเบอร์ของสีเท่านั้น นิว่าตรงนี้มันทำให้หยิบยากนิดนึง
เพราะหน้าตามันเหมือนกันเปี้ยบเลย วางข้างๆกันต้องพลิกดูให้ดีๆก่อนใช้ค่ะ





ตัวฝาเปิดออกมาก็จะเป็นแบบบีบๆปรกติอย่างที่เราคุ้นเคยค่ะ






เปรียบเทียบเฉดสีให้ดูค่ะ
บน 02 Light Cool โทนสีจะออกเป็นเฉดชมพู เหมาะกับสาวๆอันเดอร์โทนชมพู
ล่าง 01 Light Warm โทรสีจะออกเป็นเฉดเหลือง เหมาะกับสาวๆอันเดอร์โทนเหลือง

สำหรับวิธีดูว่าตัวเองอันเดอร์โทนอะไร
ให้ลองพลิกข้อมือด้านใน แล้วดูเส้นเลือดค่ะ 
ถ้าเส้นเลือดออกเป็นสีม่วงๆ จะเป็นอันเดอร์โทนชมพู 
และถ้าเส้นเลือดออกเป็นสีเขียว จะเป็นอันเดอร์โทนเหลืองค่ะ
เฉดสีแตกต่างกันเห็นชัดเจนนะคะ ส่วนเนื้อสัมผัสไม่หนืดมากค่ะ บางเบาใช้ได้






Before(บน) & After(ล่าง)
ในภาพ After ด้านซ้าย(ของภาพ)นิใช้เบอร์ 01 Light Warm
และด้านขวา(ของภาพ)นิใช้เบอร์ 02 Light Cool ค่ะ
สังเกตุดีๆจะมีความต่างกันเล็กน้อยคือฝั่งนึงจะออกเหลืองฝั่งนึงจะออกชมพู
ด้วยความที่ผิวนิสามารถทาได้ทั้งสองสี เลยออกมาไม่ต่างกันเท่าไหร่ค่ะ
แต่ถ้าดูด้วยตาจริงๆ โทน Light Cool จะทำให้หน้าสว่างกว่า
ส่วน Light Warm จะกลืนกับสีผิวมากกว่า

กลิ่นของบีบีตัวนี้ทาแล้วนิรู้สึกสดชื่นมากเลยค่ะ
เพราะมันคล้่ายๆผลไม้เปรี้ยวๆอย่างพวกส้มอะไรแบบนี้
ซึ่งตั้งแต่ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของออริจินส์มา(ก็ไม่กี่ตัวหรอก)
กลิ่นเค้าจะค่อนข้างทำให้สมองปรอดโปร่งดีจริงๆค่ะ ออกแนวธรรมชาติๆ





Finish Look หลังจากแต่งหน้าเรียบร้อยค่ะ
อันนี้ทาแป้งฝุ่นบางๆทับลงไปไม่ให้หน้าดูฉ่ำวาวเฉยๆค่ะ
นิค่อนข้างชอบทีเดียวนะ เพราะเนื้อบีบีครีมบางเบามากๆ ไม่เหนอะหนะผิวเลย
แต่อาจจะเหมาะกับช่วงเวลาที่ผิวเราไม่มีปัญหาอะไร 
เพราะระดับการปกปิดก็บางมากอยู่เหมือนกัน 
แต่มันทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น เรียบเนียนขึ้น





เอามาให้ดูอีกภาพ หลังจากตะลอนๆมาทั้งวัน
แต่วันนี้นิเดินเล่นในห้างแล้วก็มีพาน้องหมาไปหาหมอค่ะ
ออกแดดบ้าง โดนแอร์บ้าง แต่พอกลับมาบ้านอากาศค่อนข้างร้อนเหมือนกัน
เหงื่อออกชุ่มอยู่ค่ะ แต่พอซับๆออกสภาพหน้าก็เป็นอย่างที่เห็น
ไม่ได้เติมแป้งระหว่างวันเลยค่ะ ทาแค่ตอนเช้าทีเดียว



ให้คะแนน 9.5/10 สำหรับบีบีที่ไม่ได้เน้นการปกปิดอะไรมากมายนะคะ
เพราะชอบทุกอย่างเลยในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ กลิ่น ผลลัพท์การใช้งาน
แต่ขอหักนิดนึงในเรื่องของแพ็คเกจ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่มีสติ้กเกอร์เฉดสีให้
ทำให้เวลาหยิบมันค่อนข้างลำบากที่จะเจอสีที่เราต้องการ(ถึงแม้จะมีแค่ 2 สีก็เถอะ)


รีวิวนี้ทำเพื่อให้สาวๆได้ศึกษาจากหนึ่งในผู้ใช้จริง(ซึ่งควรจะดูจากหลายๆคน)
ถ้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าอะไร วิธีที่ดีที่สุดคือการทดลองดูที่เคาน์เตอร์ก่อนตัดสินใจ
อย่าลืมว่า ผิว สภาวะแวดล้อม ที่แต่ละคนเป็น แต่ละคนเจอไม่เหมือนกัน
ผลก็จะแปลเปลี่ยนไปตามแต่ละคนด้วยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ 




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 0:28:50 น.
Counter : 11019 Pageviews.  

beauty  Review L'Oreal White Perfect Laser

สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน วันนี้นิมีอีกหนึ่งสกินแคร์ที่เปิดตัวมาได้น่าสนใจมากๆ
เพราะเค้าเคลมว่าประสิทธิภาพเทียบเท่าการทำ IPL Treatment กันเลยทีเดียว
IPL (Untense Pulsed Light) เป็นพลังงานแสงความเข้มข้นสูง
ใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำต่างๆ
ส่วนตัวนิก็มีความรู้ด้านเลเซอร์อะไรพวกนี้ไม่ค่อยมาก
เพราะยังไม่เคยศึกษาหรือทดลองทำค่ะ
พูดตามตรงเลยคือนิค่อนข้างกลัว นิเป็นคนหนึ่งที่อยากลองทำเลเซอร์มาก
แต่กลัวว่าจะติดที่จะต้องทำไปเรื่อยๆ หรือถูกเลี้ยงไข้อะไรทำนองนี้
อีกอย่่างกลัวในส่วนของเอฟเฟ็คต่างๆที่ตามมาอย่างเช่น
ผิวเซนส์ซิทีฟขึ้น โดนแดดมากไม่ได้ กลัวเจ็บเวลาทำ
กลัวทำแล้วแต่งหน้าไม่ได้ และที่สำคัญเลยคือมันแอบแพง ราคาค่อนข้างสูง
ก็เลยทำให้ยังไม่เคยตัดสินใจที่จะทำเลเซอร์ซักที ทั้งๆที่อยากลองมากจริงๆ


วกกลับมาที่เรื่องผลิตภัณฑ์ที่นิจะรีวิวในวันนี้ดีกว่า
อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่าทางแบรนด์เค้าเคลมมาว่า 
ประสิทธิภาพเหมือนการทำเลเซอร์ IPL Treatment เลย
นิค่อนข้างสนใจอยู่พอสมควร เพราะการทาครีมมันย่อมไม่น่าจะเสี่ยง
เท่าการทำเลเซอร์แน่นอนอยู่แล้ว เลยตัดสินใจลองผลิภัณฑ์ตัวนี้ค่ะ



L'Oreal Paris Dermo-Expertise White Perfect Laser
ในไลน์นี้มีด้วยกัน 2 ตัวค่ะ
- White Perfect Laser Day Cream SPF19/PA+++
- White Perfect Laser Anti-Spot Brightening Essence



มาดูที่ตัวแรก L'Oreal White Perfect Laser TM Anti-Spot Brightening Essence
คุณสมบัติสำหรับตัวนี้ เป็นตัวที่ช่วยลดเลื่อนจุดด่างดำต่างๆ
และช่วยฟลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
จะทำให้ผิวดูกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น จุดด่างดำจางลง
ตัวผลิตภัณฑ์เป็นหัวปั้มแบบในภาพ ตัวขวดทำจากแก้ว ช่วงฝาเป็นพลาสติก
แพ็ตเกจค่อนข้างหนาทีเดียว ดูแข็งแรงค่ะ
ขนาด 30 ml อายุการใช้งาน 12 เดือนหลังจากเปิดใช้







เนื้อเอสเซนส์จะเป็นสีขาวขุ่นค่อนข้างบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ
ซึมเร็วและชุ่มชื่นดีมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าสาวๆคนไหนเคยใช้ลอริอัล
น่าจะพอนึกออกว่ากลิ่นประมาณไหน เพราะกลิ่นนี้เป็นกลอ่นที่ค่อนข้างเฉพาะ
ของแบรนด์นี้ ก่อนหน้านี้นิมีตัว White Perfect ที่เป็นกระปุกขาวฝาน้ำเงิน
ก็กลิ่นแบบนี้ค่ะ ตัวนั้นนิก็ชอบ ชุ่มชื่นดีค่ะ






ตัวถัดมา L'Oreal White Perfect Laser Day Cream SPF19/PA+++
คุณสมบัติตัวนี้ก็ช่วยในเรื่องความกระจ่างใส และช่วยจำกัดความหมองคล้ำ
ของจำนวนเม็ดสีผิวค่ะ และด้วยความที่มี SPF19/PA+++
ก็แน่นอนว่าช่วยปกป้องผิวจาก UVA และ UVB ด้วย
ลักษณะแพ็คเกจเป็นกระปุกสีน้ำเงินทั้งกระปุกค่ะ
ตัวฝาทำจากพลาสติก และตัวกระปุกเป็นแก้วค่ะ
ข้างในจะมีฝาพลาสติกสีขาวอีกชั้น เพื่อป้องกันฝุ่นละอองต่างๆ
ขนาด 50 ml อายุการใช้งานเค้าไม่ได้ระบุไว้ นิหาไม่เจอค่ะ 
แต่คิดว่าน่าจะ 12 เดือนเท่ากันนะ





มาดูเนื้อครีมกันบ้าง ตัวนี้เข้มข้นกว่าตัวเอสเซนส์เยอะเหมือนกันค่ะ
เนื้อครีมเป็นสีชมพูอ่อนๆเนื้อขุ่นเช่นกัน
กลิ่นหอมเหมือนกับตัวเอสเซนส์เลย ทาแล้วจะรู้สึกหนึบกว่าเอสเซนส์อย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะจนรำคาญค่ะ ชุ่มชื่นผิวมากทีเดียว



ทางแบรนด์เคลมมาว่า หากใช้คู่กันต่อเนื่องยาวนาน 4-8 สัปดาห์ เห็นผลลัพท์แน่นอน
เพราะผู้หญิงทั้งหมดที่ทดลองใช้ เปลี่ยนใจจากการทำเลเซอร์ IPL Treatment
แล้วมาใช้ White Perfect Laser กันหมดเลย
หรือเรียกได้ว่า ผลลัพท์ความพึงพอใจเป็น 100% กันเลยทีเดียว


นั่นคือเหตุผลว่าทำไมนิถึงอยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ค่ะ 
ผลลัพท์ 100% พึงพอใจซะขนาดนี้ เป็นใครจะไม่อยากลอง 
ไอ้เราก็ชอบทดลองอะไรใหม่ๆอยู่แล้วด้วย และอยากจะเห็นผลลัพท์กับตาตัวเอง
ว่าจะจริงอย่างที่เคลมมาหรือไม่ ตอนนี้นิเพิ่งเริ่มทดลองใช้มาได้ 3-4 วัน
เดี๋ยวจะคอยอัพเดทใช้ชมกันเรื่อยๆผ่านหน้าแฟนเพจค่ะ
ว่าในแต่ละสัปดาห์ ผิวนิเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ติดตามผลความเปลี่ยนแปลงได้ใน //www.facebook.com/minipandaz ค่ะ






Update ผลลัพท์ของผลิตภัณฑ์ 
หลังใช้งานมาประมาณ 4 สัปดาห์





สวัสดีค่ะ วันนี้นิเข้ามาอัพเดทผลลัพท์ของการใช้ผลิตภัณฑ์
L'Oreal White Perfect Laser ทั้ง 2 ตัว ซึ่งประกอบไปด้วย
- White Perfect Laser Day Cream SPF19/PA+++
- White Perfect Laser Anti-Spot Brightening Essence

จากบล็อคแรก(ทางด้านบน)ที่นิได้เริ่มทดลองใช้
นิใช้ก่อนจะโพสบล็อคประมาณ 3-4 วัน ซึ่งก็ราวๆวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2555
นับมาจนถึงวันนี้ก็ราวๆ 1 เดือนเต็มหรือประมาณ 4 สัปดาห์พอดี
โดยการทดสอบนิหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวบำรุงทุกตัว
ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ 2 ตัวนี้เท่านั้น นอกนั้นก็จะเป็นการใช้สบู่ล้างหน้า
และครีมกันแดดตัวเดิม ตัวปกติที่นิใช้ประจำค่ะ




จากภาพนิได้ทำการถ่ายภาพความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงมาให้ดูค่ะ
เริ่มถ่ายครั้งแรกเมื่อใช้ได้ 3 วัน และก็อัพเดทมาเรื่อยๆ ทั้งหมด 6 ครั้ง
แต่นิไม่ได้ฟิกส์วันที่ชัดเจนว่า กี่วันถึงจะถ่ายครั้งนึง
คือนึกออกวันไหนก็ถ่ายเลย 
อันนี้เป็นภาพที่นิล้างหน้าแล้วทา L'Oreal ทั้งสองตัวในตอนเช้าค่ะ
ไม่มีการลงรองพื้น หรือปรับแต่งภาพใดทั้งสิ้น 
แสงจะเพี้ยนๆหน่อยแล้วแต่แสงในแต่ละวันค่ะ

แต่น่าเสียดายว่าในช่วงที่นิทดสอบผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวนี้
เป็นช่วงที่ผิวนิไม่มีปัญหาอะไร 
ภาพที่ถ่ายออกมาเลยแทบมองไม่เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นเท่าไหร่

แต่พูดตามความรู้สึกที่นิได้ใช้ละกันนะคะ





White Perfect Laser Day Cream SPF19/PA+++

ตัวครีมที่เป็นกระปุกพูดจริงๆว่าน่าจะเหมาะกับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้งค่ะ
ส่วนตัวนิเป็นคนผิวผสมค่อนไปทางแห้งจะทาตรงช่วง T-zone ไม่ได้
เพราะให้ความรู้สึกมันระหว่างวัน
ฉะนั้นคนที่ผิวมันมากๆอาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่
ส่วนตัวนิเองแก้ปัญหาโดยการทาเฉพาะช่วง U-zone ซึ่งก็รู้สึกชุ่มชื่นดี
เนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้นมากทีเดียว
แต่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันอะไรค่ะ
ให้คะแนน 7/10 ค่ะ




White Perfect Laser Anti-Spot Brightening Essence

ซีรั่มที่เป็นขวดทรงกระบอก ตัวนี้นิชอบมากกกกกกกกก
คิดว่าตอนนี้คงเกือบหมดขวดแล้ว นิว่าเนื้อมันกำลังพอดีเลย
ทาแล้วชุ่มชื่น และไม่มัน
นิทาตัวนี้ทั้งเช้าและเย็น ไม่เหมือนตัวครีมที่เป็นเดย์ครีม
นิเลยจะทาตัวนั้นเฉพาะตอนกลางวัน
ถ้าเป็นตัวนี้นิคิดว่าน่าจะทาได้ทุกสภาพผิวค่ะ เนื้อไม่หนักไม่เบาเกินไป
และจากคุณสมบัติที่อ่านดู น่าจะเป็นตัวนี้ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำต่างๆ
ซึ่งรอยสิวเก่าๆที่ดำไปแล้วก็ยังลดเลือนช้าเหมือนเดิม
แต่ถ้าเป็นรอยสิวที่เพิ่งหายใหม่ๆ ที่เป็นรอยแดงๆ อันนี้หายไวขึ้น
และส่วนตัวนิจะมีกระจางๆช่วงแก้มเพราะเป็นคนผิวขาว
ก็ดูใสขึ้นเล็กน้อยค่ะ แต่ก็ไม่ได้หายไปจนเห็นได้ชัด

ให้คะแนน 9/10 ชอบทุกอย่างไม่ว่าจะดีไซน์ตัวขวด เนื้อและกลิ่นผลิตภัณฑ์
กระทั่งผลลัพท์ที่ได้ แต่หักตรงที่ในเรื่องของจุดด่างดำต่างๆยังลบเลือนไปน้อย
ถ้าไม่สังเกตุก็อาจจะไม่เห็นค่ะ





นี่เห็นเหตุผลส่วนตัวจากที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองจริงๆ
ผลลัพท์แตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล
และประจวบกับที่ผิวของนิไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก
ผลลัพท์อาจจะไม่ชัดเจน ยังไงแนะนำให้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
จากผู้ทดลองท่านอื่นด้วยจะดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ







 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2555 15:16:54 น.
Counter : 27659 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  

miNipanda-z
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 236 คน [?]





Twitter




email


Twitter


Instagram






Main Page


Kute Club




Group Blog
  • Blog Arts
  • Blog Arts
  • Blog Update
  • Blog Chill
  • Blog Diary
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add miNipanda-z's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.