Beauty ♥ Review YVES ROCHER Hydra Vegetal Fresh Gel Undereyebags

สวัสดีค่าสาวๆทุกคน
วันนี้นิมีไอเท็มเกี่ยวกับดวงตามารีวิวให้ชมกันค่ะ
เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติและอ่อนโยน
YVES ROCHER ค่ะ

มาทำความรู้จักกับแบรนด์ YVES ROCHER กันซักนิด
เป็นการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สกัดคุณค่าจากธรรมชาติ
เน้นการปลูกพืนเอง ทดสอบทางห้อง Lab เอง และผลิตเอง
ทุกอย่างจะเน้นที่ความสดสะอาดและปลอดภัย บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับธรรมชาติ
สามารถนำมา Recycle ได้







YVES ROCHER Hydra Vegetal Fresh Gel Undereyebags 15 ml. ราคา 480 บาท
ตัวที่นิจะนำมารีวิวในวันนี้ จะเป็นตัวที่ช่วยในเรื่องของถุงใต้ตาที่บวม
ให้ดูดีขึ้น ไม่ทำให้ดวงตาดูอิดโรย ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เราดูโทรมได้ค่ะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า









ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ค่ะ เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเป็นหลัก
เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาของเราเป็นจุดที่แห้งง่าย และบอบบางค่ะ









ตัวหลอดจะเป็นสีฟ้าๆสดใสๆแบบนี้ เป็นลักษณะหลอดบีบหัวแหลมๆ
ทำให้กะปริมาณในการใช้งานได้ง่ายขึ้น เวลาใช้ก็ใช้ทีละน้อยค่ะ เนื้อจะเป็นเจลใสๆบางเบา
ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิว

สำหรับวิธีใช้ ให้ลูบไล้เบาๆให้ทั่วบริเวณผิวรอบดวงตา
ใช้ได้เป็นประจำทุกวันทั้งในช่วงเช้าและก่อนนอน
และยังใช้ทาทับเมคอัพระหว่างวันได้ด้วยค่ะ
ถ้าใครอยากให้รู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้น
ลองเอาแช่ตู้เย็นดู เวลามาทาจะเย็นๆ สดชื่นดีค่ะ







หลังใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์ จะเห็นว่าพวกเส้นๆเล็กๆบริเวณใต้ตาดูดีขึ้นเล็กน้อย
เพราะบลูอากาเว่จะช่วยให้ความชุ่มชื่น และมีคาเฟอีนทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
ดวงตาโดยรวมดูสดใสขึ้นค่ะ แต่รอบคล้ำๆเป็นจุดที่ค่อนข้างแก้ไขยาก
ยังเห็นอยู่ค่อนข้างชัดเหมือนกัน จุดนี้คงต้องแก้ไขด้วยการดื่มน้ำเพิ่มความชุ่มชื่น
และพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลจากภายในช่วยเสริมไปด้วยค่ะ

นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของนิเท่านั้นนะคะ
ไม่ว่ายังไงเราก็ควรดูแลตัวเองจากภายในด้วย เพื่อจะให้ผลลัพท์ดีที่สุดค่ะ




และช่วงนี้ทาง YVES ROCHER ฝากข่าวมาประชาสัมพันธ์
มีโปรโมชั่นดีๆในช่วงนี้ค่ะ (NOV-DEC 2013)
ลด 50 บาท สำหรับยอดซื้อ Makeup ราคาปกติทุกๆ 300 บาท
ลด 300 บาท สำหรับยอดซื้อ Makeup ราคาปกติทุกๆ 1500 บาท
ในแต่ละสิทธิ์มีข้อจำกัดว่าต้องอยู่ภายในใบเสร็จเดียวกันเท่านั้นนะคะ


ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ
MINIPANDAZ




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2556    
Last Update : 16 ธันวาคม 2556 17:48:19 น.
Counter : 5676 Pageviews.  

Beauty :: How To Bridesmaid Inspired Make Up แต่งหน้าเพื่อนเจ้าสาวค่ะ



สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน สำหรับวันนี้นิมีฮาวทูหวานๆ
เหมาะกับความรักที่สุขสมหวังมาฝากกัน แต่ไม่ใช่ความรักของเรานะ
เป็นความรักของเพื่อนสาวคนสนิทของเราค่ะ
ตั้งแต่เรียนจบมา เพื่อนฝูงก็สละโสดกันให้วุ่น เฝ้ารอไปสิว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวเรา
ก็ยังคงรอต่อไปค่ะ ไร้วี่แวว เพราะฉะนั้น เมคอัพเจ้าสาว ตัดไปก่อน
มาเป็นเมคอัพเพื่อนเจ้าสาวกันก่อนละกันนะ อิอิ

สำหรับฮาวทูนี้นิได้สปอนเซอร์จาก ARTISTRY ให้ยืมผลิตภัณฑ์มาแต่งลุ๊คหวานๆนี้ค่ะ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า ^^






เริ่มด้วยผิวกันก่อนเลย
นิใช้ ARTISTRY Balancing Foundation SPF20 PA+++ สีแชมเปญ
ลงให้ทั่วใบหน้า โดยใช้แปรงลงรองพื้นช่วยเกลี่ยให้ดูเนียนยิ่งขึ้นค่ะ







ส่วนในครั้งนี้นิใช้รองพื้น ARTISTRY Balancing Foundation SPF20 PA+++ สีโกลเด้น
มาใช้แทนบรอนซ์เซอร์เพื่อทำการเฉดดิ้งใบหน้าให้ดูมีมิติเพิ่มขึ้นค่ะ
โดยใช้ทีละน้อยและค่อยๆเพิ่มไปเรื่อยๆ สำหรับสาวๆคนไหนชอบการคอนทัวร์ใบหน้าแบบเบาๆ
สีไม่หนักไม่เข้มมาก ก็แนะนำให้เลือกสีรองพื้นที่เข้มกว่าผิวแค่ 1-2 เฉดก็พอ
แต่ส่วนตัวนิเป็นคนติดคอนทัวร์ใบหน้าหนัก เลยใช้สีเข้มกว่าผิวเยอะค่ะ






จากนั้นเซททุกอย่างด้วย ARTISTRY Ideal Loose Powder หรือแป้งฝุ่นนั่นเองค่ะ
ในการใช้แป้งฝุ่นจะช่วยให้ผิวดูนวลเนียนเป็นธรรมชาติค่ะ
เนื่องจากตัวรองพื้นที่ใช้มีระดับการปกปิดที่ค่อนข้างดีอยู่แล้ว การใช้แป้งฝุ่นจึงเพียงพอค่ะ
จะให้ผิวที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าแป้งผสมรองพื้นด้วยค่ะ







จากนั้นมาเขียนคิ้วกันหน่อย ด้วยความที่นิเป็นคนคิ้วเข้มอยู่แล้ว
จึงใช้วิธีกันทรงคิ้วให้ดูเป็นระเบียบขึ้น และใช้ ARTISTRY Automatic Eyebrow Pencil สี 'โทเป้'
เฉดสีกลางๆถมช่องว่างขาวๆระหว่างขนคิ้วให้ดูเต็มขึ้นค่ะ







จากนั้นมาสู่ขั้นตอนการแต่งดวงตากันบ้างค่ะ

1. ดวงตาที่ยังไม่ได้ทำการแต่งอะไรใดๆค่ะ
2. ใช้สีในช่อง A ชื่อสี มิสทิก' ลงให้ทั่วบริเวณหัวตา เกลี่ยให้ฟุ่งไล่มาจนถึงกึ่งกลางตา
3. ใช้สีชมพูในช่อง B ชื่อสี 'ชาร์ม' ลงช่วงบริเวณที่เหลือของเบ้าตาและเกลี่ยให้ฟุ้งดูเบาๆหวานๆ
4. ใช้สีน้ำตาลในช่อง C ชื่อสี 'ดิไวน์' ลงที่ช่วงเบ้าตาเพื่อทำการคัดเบ้าให้ดูลึกขึ้น
5. ใช้สีน้ำตาลเข้มในช่อง D ชื่อสี 'ริช' แตะช่วงปลายหางตาแล้วเกลี่ยให้ฟุ้งกลืนไปกับข้อ 4.
6. กรีดอายไลน์เนอร์ด้วย ARTISTRY Automatic Eyeliner Pencil สี 'บรอนซ์'
วาดไปตามเส้นขอบตาเดิมของเรา วาดหางให้ยาวกว่าดวงตาเล็กน้อย ไม่ต้องตวัดหาง
เพื่อความหวานของดวงตา
7. ใช้ ARTISTRY Automatic Eyeliner Pencil ตัวเดิมวาดขอบตาล่าง 2/3 ของความยาวตา
จากหางตาเข้ามาหัวตา
8. ติดขนตาปลอมลักษณะโคนขนตาแน่นๆแต่ปลายขนตาฟูๆดูพริ้วๆ
9. ปัดมาสคาร่าด้วย ARTISTRY Length & Definition Mascara เพิ่มความยาว
และปัดทับด้วย ARTISTRY Signature Eyes Volume Mascara เพิ่มความหนา

เท่านี้ก็จะได้ดวงตาหวานๆดูมีสเน่ห์แล้วค่ะ





จากนั้นมาสู่ขั้นตอนของแก้มกันบ้าง
นิใช้สี A ชื่อสี 'วอร์ม โกลด์' ลงตั้งแต่ช่วงใกล้ขมับ
แล้วปัดเฉียงเข้ามาที่ปีกจมูก จากนั้นใช้สี B ชื่อสี 'พิงค์ แพสชั่น'
ปัดต่อจากสีแรก ในช่วง Apple Cheek เป็นวงกลมค่ะ

การปัดแก้มไล่เฉดจะช่วยให้ใบหน้าดูมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นค่ะ และเพิ่มมิติให้กับใบหน้าได้ค่ะ







มาที่ริมฝีปากกับบ้าง สำหรับวันนี้นิเริ่มต้นที่ ARTISTRY Automatic Lipliner Pencil สี 'พิงค์'
ลงให้ทั่วริมฝึปากเลยค่ะ การลงลิปไลน์เนอร์ไปก่อนทาลิป จะช่วยให้สีของลิปสติก
ติกทนนานขึ้นได้ค่ะ แล้วตามด้วย ARTISTRY Lip Colour Sheer สองสี
โดยลงสี'แคนดี้' ในช่วงขอบปาก และลงสี 'เกลซ' ในช่วงริมฝีปากด้านใน
ทำการไล่เฉดสีเล็กน้อย ดูสดใสมีชั้นเชิง จากนั้นตามด้วย ARTISTRY Lip Gloss สี 'พิงค์ บลอสซัม'
เพิ่มความฉ่ำวาวให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มค่ะ







เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้าสำหรับลุ๊ค Bridesmaid Inspired Make Up
หรือลุ๊คเพื่อนเจ้าสาวนั่นเอง วิธีการแต่งวิธีนี้เป็นวิธีนี้สามารถนำไปใช้ดัดแปลง
เปลี่ยนสีให้เข้ากับเฉดสีของเสื้อผ้าได้เลยค่ะ














หวังว่าสาวๆคงจะชอบกันนะจ้ะ
ขอบคุณ ARTISTRY ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่า



MINIPANDAZ





 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 21:48:10 น.
Counter : 7962 Pageviews.  

Beauty ♥ Review Lucido-L Hair Make Supplement และสอนทำผมง่ายๆแต่ดูดีค่ะ

สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน
วันนี้นิมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ตัวนึงที่เป็นตัวบำรุงเส้นผม
ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุดเลยของ Lucido-L
เหมาะมากๆกับผมที่แห้งแตกปลายอย่างผมของนิ
เนื่องจากทำเคมีมาเยอะมาก มาดูกันค่ะ






LUCIDO-L HAIR MAKE SUPPLEMENT
มีหลากหลายตัวหลากหลายสี แล้วมันมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ขออธิบายนิดนึงนะคะ
เจ้าตัวนี้เน้นเรื่องการให้ความชุ่มชื่นแก่เส้นผม ซึ่งการขาดความชุ่มชื่นในเส้นผมนี้
เป็นตัวแปลสำคัญมากๆที่เกิดผมชี้ฟู ไม่เรียงตัวสลวย

มีส่วนผสมของ CMC (Cell Membrane Complex)
ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในบริเวณชั้นผิวนอก และชั้นผิวใน
ตัว CMC นี้จะทำให้ทั้งสองชั้นผิวยึดติดกัน และทำหน้าที่เป็นทางผ่านของน้ำ
เพื่อลำเลียงน้ำเข้าสู่เซลล์ผม เมื่อผมที่มีการทำเคมี โดนความร้อน
หรือสภาวะอะไรต่างๆมามาก จะทำให้สูญเสีย CMC นี้ไป
ทำให้ผิวชั้นนอกและชั้นในแตกออกจากกัน ไม่มีตัวยึด
จึงทำให้การเก็บกับน้ำในเส้นผมลลงไปด้วย จึงทำให้ผมยิ่งแห้งแตกปลายไปกันใหญ่

เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์ของ Lucido-L จึงเป็นตัวช่วยในการ
เพิ่มส่วนของ CMC ให้กับเส้นผม ทำให้ผมยังคงความชุ่มชื่นได้ดีขึ้นค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ของ Lucido-L มีหลายสีประกอบไปด้วย
สีชมพูเข้ม : Treatment Oil สำหรับผมตรง
สีส้ม : Treatment Oil สำหรับผมดัด
สีชมพูอ่อน : Styling Milk สำหรับผมตรง
สีเขียว : Styling Milk สำหรับผมดัด
ขวดสเปรย์สีชมพู : Extra Treatment Water

สำหรับแต่ละตัวนั้นให้คุณสมบัติโดยรวมคล้ายๆกันค่ะ คือเพิ่มความชุ่มชื่นให้เส้นผม
แต่จะใช้ในเวลาและสภาพเส้นผมที่แตกต่างกัน โดยชนิดออยจะใช้ในตอนกลางคืน
และชนิดมิลค์จะใช้ในตอนกลางวัน ส่วนตัวสเปรย์สามารถใช้ได้ตามต้องการเลย









มาดูที่เนื้อแบบออยกันก่อน
สีชมพูเข้ม : Treatment Oil สำหรับผมตรง 50ml. 325.-
สีส้ม : Treatment Oil สำหรับผมดัด 50ml. 325.-

อันนี้เน้นใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งเนื้อจะเป็นเนื้อออยใสๆทั้ง 2 สูตร
มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของฟรุ๊ตตี้ ฟลอรัล โดยส่วนตัวนิจะชอบใช้ออยชโลมไปที่เส้นผม
หลังจากสระผมและเช็ดผมให้แห้งหมาดๆค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า
นิเพิ่งทำการกัดสีผมมาถึง 3 รอบ ผมนิแห้งมากแน่นอนอยู่แล้ว
จะชโลมเนื้อออยให้ทั่วเส้นผม เน้นที่ช่วงปลายผมเพราะจุดนี้แห้งที่สุดแล้วจริงๆ









ส่วนสองตัวนี้เป็น Styling Milk
สีชมพูอ่อน : Styling Milk สำหรับผมตรง 70g. 285.-
สีเขียว : Styling Milk สำหรับผมดัด 70g. 285.-

เน้นใช้ในตอนกลางวัน จะช่วยจัดเรียงเส้นผมที่ชี้ฟูขาดความชุ่มชื่น
ให้ดูสลวยและจัดทรงได้ง่ายขึ้น สำหรับตัวนี้นิจะใช้เวลาที่ผมแห้ง
แล้วยังรู้สึกว่าผมแห้งและชี้ฟูอยู่ ปั๊มออกมาเล็กน้อย กระจายให้ทั่วมือ
แล้วค่อยๆลูบลงไปที่เส้นผม เน้นช่วงปลายผมอีกเช่นกันค่ะ






ส่วนตัวสุดท้ายเป็นในส่วนของสเปรย์
ขวดสเปรย์สีชมพู : Extra Treatment Water 240ml. 295.-

ตัวนี้จะใช้เวลาที่รู้สึกว่าเส้นผมแห้งระหว่างวัน หรือถ้าหลายๆวันยังไม่ได้สระผม
แล้วผมเริ่มรู้สึกแห้ง ปลายผมชี้ฟู นิก็จะใช้ตัวนี้สเปรย์ลงบนเส้นผมค่ะ
เนื้อสเปรย์จะเป็นละอองน้ำเบาๆ ทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้น แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ




และในวันนี้นิมี HOW TO สอนทำผมง่ายๆ
โดยใช้ผลิตภัณฑ์ Treatment ที่ช่วยจัดทรงได้ของ LUCIDO-L ตัวนี้ให้ชมกันด้วยจ้ะ






หลังจากสระผมและเช็ดผมหมาดๆแล้ว นิใช้ตัว Treatment Oil สูตรสำหรับผมตรง
ปั๊มออกมา 3-4 ปั๊ม(เพราะผมนิหนาและยาวมาก) กระจายให้ทั่วฝ่ามือ
แล้วทำการค่อยๆลูบลงไปที่เส้นผม เน้นช่วงปลายผมเป็นพิเศษ เพราะปลายผมนิแห้งมาก
แล้วก็เป่าไดร์ผมให้แห้งสนิทค่ะ







จากนั้นนิใช้ Styling Milk สูตรสำหรับผมตรง ปั๊มออกมา 3-4 ปั๊มอีกเช่นกัน
กระจายให้ทั่วฝ่ามือ แล้วลูบลงไปที่เส้นผมให้ทั่ว เน้นที่ปลายเส้นผม
จากนั้น ด้วยความที่นิเป็นคนผมหยัก เลยต้องทำการรีดเส้นผมให้ดูตรงขึ้นด้วยเครื่องหนีบผมค่ะ







อย่างที่บอกว่าตัว Lucido-L ตัวนี้จะไม่ใช่แค่ทรีทเม้นท์บำรุงเส้นผมอย่างเดียว
แต่มันสามารถช่วยให้จัดทรงได้ง่ายขึ้นด้วย และนิค่อนข้างประทับใจจุดนี้
คือมันช่วยให้จัดทรงได้ง่ายขึ้นจริงๆ แถมยังทำให้เส้นผมนุ่มกว่าปกติที่เคยเป็นด้วยค่ะ






จากนั้นมาทำทรงกันดีกว่า ขอบอกว่าทรงนี้ทำง่ายมากๆ
และจะทำง่ายเข้าไปอีกถ้าสาวๆเป็นคนผมยาวประมาณประบ่าค่ะ
ใช้แกนม้วนขนาดใหญ่ๆหน่อย ซัก 32mm. ขึ้นไป
ทำการแบ่งผมออกเป็น 2 ข้าง แล้วม้วนเข้ากรอบหน้า ทำทีละข้างนะคะ

รวบผมที่ละฝั่งเข้าแกนม้วน แล้วทำการม้วนทิ้งไว้ให้ความร้อนกระจายทั่วเส้นผม
แล้วค่อยปล่อยเครื่องออก หากยังไม่ค่อยม้วน ก็ทำซ้ำอีกจนกว่าจะขึ้นลอน







ทำอีกข้างด้วยวิธีการเดียวกัน ก็จะได้ลอนผมเบาๆม้วนเข้ากรอบหน้าแบบนี้








หลังจากปล่อยผมออกมา รอให้ผมเย็นตัวลง จากนั้นก็นำหวีมาค่อยๆหวีจัดเรียงทรงค่ะ
ใครชอบให้พองก็ทำการยีผมเบาๆเพิ่ม ก็จะได้ทรงลอนหลวมๆคลายๆแล้วค่ะ







หลังจากทำผมเสร็จ หากรู้สึกว่าผมแห้ง ปลายผมแข็งไม่สลวย
ก็นำตัวสเปรย์มาฉีดเพิ่ม แล้วจัดทรงค่ะ







เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยกับลอนพองๆหลวมๆ ดูไม่ได้ตั้งใจมาก








หรือจะติดโบว์สวยๆก็ดูหวานขึ้นได้ค่ะ




โดยส่วนตัวแล้วนิค่อนข้างชอบตัว Treatment Oil เป็นพิเศษ
เคยใช้มาหลายยี่ห้อ และด้วยความที่เป็นคนผมแห้งมากอยู่แล้วเพราะทำเคมีบ่อย
แถมยังใช้ความร้อนกับผมเยอะมากด้วย มันสัมผัสได้เลยเวลาได้พวกออยใส่ผม
ว่าตัวไหนเอาอยู่ ตัวไหนเอาไม่อยู่ ซึ่งตัวออยของ Lucido-L ตัวนี้เอาผมนิอยู่ค่ะ เลิฟเลย

รีวิวนี้เป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของนิที่มีต่อการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์นะคะ
อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้ลองเอง คนเราความชอบไม่เหมือนกันค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในเรื่องข้อมูลช่วยตัดสินใจให้แก่สาวๆนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
MINIPANDAZ







 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2556 19:56:11 น.
Counter : 13063 Pageviews.  

Beauty  Review OLAY AquAction ผลิตภัณฑ์กลุ่มเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื่น

สวัสดีค่าสาวๆทุกคน
ไปญี่ปุ่นมาซะครึ่งเดือน ห่างหายจากการอัพบล็อคไประยะนึง
วันนี้เลยหยิบเอาผลิตภัณฑ์ตัวนึงของ OLAY มารีวิวให้ชมกันค่ะ
ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่นิหยิบไปใช้ที่ญี่ปุ่นด้วย มาดูกันเลย






OLAY AquAction ประกอบไปด้วย
OLAY AquAction Intensive Nourishing Emulsion 50g.
OLAY AquAction Long Lasting Hydration Gel 50g.
OLAY AquAction Softening Sleeping Mask 130g.

ซึ่งไลน์นี้ของ Olay จะเน้นในเรื่องการเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
และยังช่วยเก็บกักความชุ่มชื่น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำค่ะ






เริ่มต้นด้วย OLAY AquAction Intensive Nourishing Emulsion 50g.
สำหรับตัวนี้เป็นอิมัลชั่นที่ช่วยในเรื่องการปรับสภาพผิวให้พร้อมที่จะรับการบำรุงอย่างเต็มที่
ลักษณะอิมัลชั่นจะเป็นกึ่งๆเจลสีฟ้าขุ่นๆ เนื้อค่อนข้างจะเบาสุดในบรรดา 3 ตัว
แต่ก็ให้ความชุ่มชื่นได้ดีพอสมควรเลยค่ะ เนื้อนุ่มให้ผิวสัมผัสดี ทาแล้วผิวชุ่มขึ้นแบบที่สังเกตุเห็นได้เลย









ต่อมาเป็นตัวชูที่ทางแบรนด์แนะนำมากๆ OLAY AquAction Long Lasting Hydration Gel 50g.
เนื้อเป็นเจลสีฟ้าใสๆสีจัดจ้านกว่าตัวอิมัลชั่นค่ะ ส่วนตัวนิรู้สึกมันชุ่มกว่าตัวอิมัลชั่นนิดหน่อย
เนื้อสัมผัสนิเลิฟมาก นุ่มและให้ความรู้สึกชุ่มชื่นดีหลังทาค่ะ ลองทาเพียวๆตัวนี้ตัวเดียว
ตื่นเช้ามาก็ทำให้ผิวยังชุ่มอยู่ ไม่แห้งตึง








ตัวสุดท้าย OLAY AquAction Softening Sleeping Mask 130g.
ตอนนี้นิกำลังเลิฟ Sleeping Mask เป็นการส่วนตัว เพราะรู้สึกว่ามันง่ายและเข้มข้นดี
สำหรับตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่ชอบ สามารถทาแล้วนอนไปได้เลย
ส่วนมากแล้วจะชอบโปะไว้หนาๆนิดนึง ตื่นเช้ามาแล้วผิวนุ่มหยุ่นๆดีมากเลยค่ะ
เนื้อสัมผัสก็นุ่มเช่นกัน ทาแล้วไม่รู้สึกเหนอะหนะผิวดีค่ะ





ในส่วนของผลการใช้งานนิแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 : ใช้ในไทย
นิเลิฟมากทั้ง 3 ตัวสำหรับการใช้ในไทยค่ะ
เพราะเนื้อสัมผัสดีมากๆทั้ง 3 ตัว ไม่เหนอะหนะ แต่ชุ่มชื่นผิวดี
กลิ่นหอมจางๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายดีด้วยค่ะ
ใช้ไม่จำเป็นต้องเยอะในแต่ละครั้ง เพราะเนื้อค่อนข้างชุ่มใช้ได้เลย
เป็นอีกตัวที่แนะนำสำหรับสกินแคร์เน้นการเติมเต็มน้ำให้ผิว


ส่วนที่ 2 : ใช้ที่ญี่ปุ่น
โดยส่วนตัวแล้วนิเป็นคนผิวผสมค่อนไปทางแห้ง
T-Zone สำหรับตัวนี้โอเคมากๆ คล้ายความรู้สึกที่ใช้ในไทย
U-Zone สำหรับนิ ตัวนี้ยังเอาไม่อยู่เท่าไหร่ เพราะผิวช่วงนี้ของนิแห้งมาก
ผิวลอกแตกเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงโหนกแก้มค่ะ เพราะอากาศที่โน่นค่อนข้างเย็น
และแห้งกว่าไทยมาก นิเลยต้องหาครีมทาโปะทาช่วง U-Zone เล็กน้อย



โดยรวมส่วนตัวแล้วสำหรับผิวนิ นิถือว่าชอบนะ ถ้าใช้ในไทย
เนื้อแนวเจลๆนิว่าเหมาะกับอากาศบ้านเราดีค่ะ เพราะบ้านเราร้อนชื้น
ครีมที่หนักมากๆ เหนอะมากๆให้ความรู้สึกไม่สบายผิว
แต่ตัวนี้สบายผิวดี ให้ความชุ่มชื่นที่เหมาะสม แต่นิว่าไม่ค่อยเหมาะกับนิเท่าไหร่
ในการนำไปใช้ที่เมืองนอก ซึ่งอันนี้มันแล้วแต่ผิวคนจริงๆค่ะ




รีวิวนี้ให้ไว้เป็นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจแก่สาวๆทุกคนที่สนใจ
ผิว สภาพอากาศ ปัจจัยการใช้ชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ผลที่ได้ย่อมจะแตกต่างกันไปค่ะ ยังไงก็อยากให้ทดลองใช้กันเองดีที่สุดนะคะ
ขอบคุณมากที่ติดตามค่ะ







 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 2 ธันวาคม 2556 20:48:24 น.
Counter : 7949 Pageviews.  

Beauty  How To DAKOTA ROSE Makeup Inspired by Jill Mika



สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน
สำหรับวันนี้นิได้รับโจทย์ในการแต่งหน้ามาจาก Jill Mika
Jill Mika เป็นผู้นำเข้าเครื่องสำอางที่ขายดีที่ญี่ปุ่น
อย่าง Fairy Drops, Candy Doll, AC by AngelColor,
Jewelove, Avance, Bonavoce, และ Kiraan





สินค้าที่นิใช้ในวันนี้เป็นสินค้าในเครือของ Jill Mika ทั้งหมดนะคะ
โดยลุ้คที่นำมาเป็นแรงบรรดาลใจในวันนี้คือ Dakota Rose
Real Life Doll คนดังในสื่อออนไลน์
ซึ่ง Dakota Rose กำลังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ Candy Doll ในขณะนี้จ้า





มาวิเคราะห์ลุ๊คของ Dakota Rose กันก่อน สำหรับลุ้คนี้เน้นความนุ่มนวล
และผิวที่ดูสวยเพอร์เฟ็ค โทนสีที่ใช้จะเป็นสีโทนอุ่นอย่างสีน้ำตาลและชมพูหวานๆ
สำหรับการแต่งหน้าในวันนี้นิไม่เน้นให้หน้าเหมือนต้นแบบเป๊ะนะคะ
เพราะพื้นฐานด้านกรรมพันธ์ต่างกันเหลือเกิน ฮ่าๆๆๆ
เอาแค่สไตล์การแต่งหน้ามาประยุกต์ใช้กับตัวเองจ้า









- สำหรับลุ๊คนี้นั้นขอเริ่มต้นด้วยการบำรุงกันก่อน
ด้วยความที่ผิวของต้นแบบนั้นเป็นผิวที่ดูสวยเพอร์เฟ็คแบบตุ๊กตา
นิจึงเริ่มต้นใช้ AVANCE Matrixyl Eye บำรุงช่วงผิวใต้ตาก่อนค่ะ

- ตามด้วยการบำรุงขนตาด้วย AVANCE Lash Serum EX
เพื่อให้ขนตาแข็งแรงและยาวขึ้นค่ะ

- จากนั้นปัดตัว AVANCE Lash Serum-UP
เพื่อช่วยให้มาสคาร่าติดทนนานขึ้นพร้อมไปกับการบำรุงค่ะ








มาในส่วนของผิวหน้ากันบ้าง

- นิใช้ AC by AngelColor Makeup Base ในการปกปิดสีผิวที่ดูไม่สม่ำเสมอ
และพรางรูขุมขนให้ผิวดูเนียนขึ้น

- จากนั้นตามด้วย AC by AngelColor Perfectkeep Finishing Powder
เพื่อทำให้ผิวดูนวลเนียนยิ่งขึ้น และเซทตัว Base Makeup ด้วยค่ะ

- ทำการคอนทัวร์ใบหน้าด้วย Candy Doll Shading Powder
ทำให้ใบหน้าแบนๆของนิดูมีมิติมากขึ้นค่ะ







เสร็จจากผิวหน้ามาต่อกันที่คิ้วกันค่ะ

- ใช้ AVANCE 2 Way Eyebrow โทนน้ำตาลอ่อน
เขียนคิ้วให้ดูฟุ้งๆ ไม่ตัดเส้นขอบชัดมาก จะทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้นค่ะ

- จากนั้นใช้ AVANCE Brow Protect N ทาทับอีกที
เพื่อจัดเรียงเส้นขนคิ้วให้เรียงตัวสวย และช่วยให้คิ้วที่เขียนไป
ติดทนนานทั้งวัน ไม่เลือนลางค่ะ







จากนั้นมาสู่ขั้นตอนสนุกจ้า แต่งตากันดีกว่า

- ใช้ Kiraan Eye Stick สี Dreamy Snow ลงในช่วงหัวตา
จนถึงช่วงกึ่งกลางเปลือกตา แล้วเกลี่ยให้ดูเนียนเท่ากัน

- ใช้ Kiraan Eye Stick สี Dark Chocolate วาดช่วงเบ้าตา
แล้วเกลี่ยให้ดูฟุ้ง เพื่อทำให้เบ้าตาดูลึกแบบตุ๊กตาฝรั่ง

- ใช้ Kiraan Eye Stick สี Dark Chocolate อันเดิม
เติมช่วงปลายหางตา เกลี่ยให้ฟุ้งและหางตาดูลึกขึ้น

- ใช้ Kiraan Eye Stick สี Crazy Pink ลงต่อจากสี Dark Chocolate
เข้ามาจนถึงกึ่งกลางตา เพื่อเพิ่มสีสันให้ดวงตาดูหวานขึ้น






- ใช้ BONAVOCE Eyeliner สีน้ำตาลกรีดตาให้ตวัดหางตาแบบ Cat Eye
สีน้ำตาลจะทำให้ดวงตาดูไม่ดุมาก แต่ยังซ่อนความซนด้วยหางตาเชิดนิดๆ

- สำหรับขอบตาล่าง ให้ใช้ AVANCE Pencil Liner สีน้ำตาลเขียนขอบตาล่าง
จากหางตามาจนถึงกลางตา แล้วเกลี่ยให้ดูฟุ้งๆ ตาจะดูหวานขึ้นค่ะ








- ปัด AVANCE Volume Mascara ทำให้ขนตาดูหนาขึ้น

- ปัดทับด้วย BONAVOCE Long Mascara ทำให้ขนตาดูยาวขึ้นค่ะ








จากนั้นติดขนตาปลอมของ Jewelove No.4 จ้ะ ขนตาอันนี้จะเป็นแบบเรียงเส้น
และจัดเป็นช่อๆ จะทำให้ดวงตาดูแบ๊วคล้ายตุ๊กตามากขึ้นค่ะ








สำหรับลุ๊คดตุ๊กตาแบบนี้ แน่นอนว่าต้องใช้โทนสีชมพูหวานๆ
มาปัดแก้มแน่นอนค่ะ นิใช้ Candy Doll Cheek Color สี Strawberry Pink
ปัดเบามือ ค่อยๆแตะเพิ่มที่ละนิดค่ะ









จากนั้นมาทาปากกันค่ะ

- ก่อนจะทาปากนั้น นิใช้ CANDY DOLL Lip Treatment
บำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นก่อนค่ะ จะทำให้ทาลิปสติกออกมาได้สวยขึ้น

- ลง CANDY DOLL Lipstick โทนชมพูใสๆ
ทำให้ริมฝีปากดูอมชมพูระเรื่อๆ

- ใช้ CANDY DOLL Lipgloss โทนสีเดียวกันทาทับลงไปอีกชั้น
ทำให้ริมฝีปากดูเงาอิ่มมากขึ้นค่ะ







เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยจ้า
ภาพ BEFORE & AFTER ตามนี้เลย









ระหว่างวัน ถ้าหากสาวๆคนไหนผิวมัน
ให้ใช้กระดาษซับความมันออก แล้วแตะ CANDY DOLL Powder Foundation ทับอีกที
จะทำให้ผิวยังดูเป็นผิวตุ๊กตาอยู่ได้ตลอดทั้งวันค่ะ



















หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ อาจจะไม่ได้เหมือน DAKOTA ROSE เต็ม 100%
แต่นิพยายามเก็บแนวทางการแต่งหน้าและเอามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับโครงหน้าตัวเองค่ะ






ขอบคุณ Jill Mika ที่สปอนเซอร์ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นและให้โอกาสนิได้ลองแต่งลุ๊คนี้ค่ะ
และทาง JILL MIKA ก็มีกิจกรรมดีๆมาฝากสาวๆในเพจ MINIPANDAZ ด้วยนะ



1) กดไลค์ fanpage ของ Jill Mika และเข้ามาตอบคำถามว่าสนใจผลิตภัณฑ์ไหนมากที่สุด พร้อมบอกว่าทราบข่าวกิจกรรมจาก Minipanda-Z 5 คนที่บอกเหตุผลได้ถูกใจคณะกรรมการจะได้รับฟรี Kiraan Metal Magic Liner มูลค่า 550 บาท หมดเขต 15 มกราคม 2557

2) พิเศษสำหรับ fanpage Minipanda-Z รับฟรี Kiraan Metal Magic Liner มูลค่า 550 บาทเมื่อซื้อครบผลิตภัณฑ์ใดก็ได้ในเครือ Jill Mika ครบ 1,000 บาท ที่เคาน์เตอร์ Jill Mika สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว, เคาน์เตอร์ชั่วคราวที่เซ็นทรัล บางนา, สาขาเซ็นทรัล หาดใหญ่ 2 (เปิด 14 ธันวาคมนี้), สาขาเซ็นทรัล พระราม 2 (เปิด 25 ธันวาคมนี้)
เพียงบอกว่าทราบข่าวมาจาก Minipanda-Z ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 มกราคม 2557




ติดตามข่าวสารเครื่องสำอางในเครือ Jill Mika ได้ใน
https://www.facebook.com/JillMikaThailand
ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ


MINIPANDAZ




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2556    
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 20:49:27 น.
Counter : 9224 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  

miNipanda-z
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 236 คน [?]





Twitter




email


Twitter


Instagram






Main Page


Kute Club




Group Blog
  • Blog Arts
  • Blog Arts
  • Blog Update
  • Blog Chill
  • Blog Diary
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add miNipanda-z's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.