ถึงใจ...กิ่วลมเหนือ ยอดดอยหลวง (ดอยหลวง ตอนที่ 2)
:: จาก วันแรก "ปีนใต่เดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาว" ตอนที่ 1
ปีนไต่เดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาว... (ดอยหลวง ตอนที่ 1)
ดอยหลวงเชียงดาว ตระหง่านอยู่ตรงหน้า.....มองดูเมฆา เทียมยอดดอยหลวงสองขาจะก้าวเดิน ปีน ป่าย ตะกายขึ้นถึง...ไม่ถึง...ก็ต้องถึง:: ทริปนี้ ตื่นเต้นมากพี่สาวคนโต เธอให้น้องนุ๊กที่น้องจากที่ทำงานจัดทริปให้ และเป็นผู้ประสานงานด้วยครอบครัวของเรา ไปกันครบ มีพี่สาวคนโต (พี่นก) น้องสาวคนเล็ก (ผึ้ง) คุณโธมัส ฉัน และที่สำคัญ คุณแม่ ไปด้วย:: ปีนี้ แม่ อายุ 69 ปี...การเดินป่า แค้มปิ้ง ขึ้นดอย ยังไม่เคยกะเขาสักทีแต่ก่อนเวลาเราไปแค้มปิ้งตามอุทยานแห่งชาติ แม่ก็จะเป็นห่วงโน่นนี่เมื่อทริปแค้มปิ้งเขาใหญ่ พอแม่ได้ไป ก็ติดใจคราวนี้ จะขึ้นดอยหลวงเชียงดาว ที่ความสูง ระดับ 3 ของประเทศไทยแม่ก็บอกว่าจะไปด้วย ทั้งๆ ที่ถูกขู่และให้กำลังใจไปพร้อมกันว่า "ถ้ารถ 4WD ไปส่งถึงเด่นหญ้าขัด ถ้าเขากลับลงไป ทีนี้ก็ตัวใครตัวมันไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะต้องเอาตัวให้รอด...."พวกเราก็เหลือลุ้นกัน ว่า แม่จะไม่สะดุดล้ม ลื่นก้นกระแทก หรือเดินไม่ยอมพักจนความดันโลหิตขึ้นสูงเกินไป... หากล้ม...กระดูก คงทนแรงกระแทกไม่ไหว..สรุปว่า "พวกเราใจกล้ามาก ที่ให้แม่ไปด้วย"ได้ข่าวว่า เมื่อทีมงานนำเดินป่า รับแจ้งว่า พี่สาวคนโตของฉัน จะพาครอบครัวไป เขาก็เฉยๆ แต่พอบอกว่า "คุณแม่ไปด้วย" เบิร์ท หัวหน้าคณะผู้นำทาง ถามทันทีว่า "อายุเท่าไร" น้องนุ๊ก ตอบว่า "ก็ไม่เท่าไรนะ พอๆ กับพ่อครู" (ที่จริงพ่อครู อายุไม่ถึง 60)เบิร์ท "แต่พ่อครู ไปแวะระหว่างทางนะ แต่คำสั่งคราวนี้บอกว่า ขึ้นรวดเดียวถึงอ่างสลุง ไม่เปลี่ยนแผนกันหน่อยเรอะ?"อาหารการกิน ก็แจ้งไปว่า เน้นผัก และอาหารที่เป็นมังสะวิรัติมากหน่อยเบิร์ท ต้องทำการบ้านเรื่องอาหารเยอะหน่อย ก็เดิมเขามีเมนูประจำไม่ต้องคิดอะไรมาก....แต่คราวนี้ นุ๊กบอกว่า "เบิร์ท เขาโทรหานุ๊ก ทุกวัน ก่อนขึ้นดอยเนี่ย-- ตอนนี้อยู่ที่ตลาดนะ ไอ้ผัก.....เนี่ย ได้มั้ย?"ปรากฏว่า ถึงบนดอยหลวง เราได้กินน้ำพริกถึง 4 ชนิด เป็นน้ำพริกข่า น้ำพริกแคบหมูเจใส่เห็ดเข็มทอง น้ำพริกเห็ดสามอย่างหน้าตาเหมือนลาบ และน้ำพริกเผา...วันที่เราไปถึงเชียงดาว มีงานสืบสานประเพณีล้านนา ที่วัดแม่อีด ในเมืองเชียงดาวน้องนุ๊คได้รับโทรศัทพ์จากนุ ทีมงานอีกคนหนึ่งเป็นประธานกลุ่มรักษ์ล้านนา "นุ๊ค พี่เห็นคุณยาย (แม่) แล้วนะ ที่งานวัดเนี่ย...พี่ว่า ไหวอยู่"คือว่า ทีมงานยังลุ้นอยู่จนวันสุดท้าย ว่างั้นเหอะ...!!!
เขาใหญ่..สถานที่แค้มปิ้งที่ไม่เคยเบื่อ..
4 คืน 5 วัน ที่จุดกางเต้นท์ผากล้วยไม้กิจกรรมทั่วๆไป ขับรถเที่ยว ไปผาเดียวดาย เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้ มอสิงห์โต หนองผักชี ฝึกโยคะ ฝึกเรกิรับพลังจากดวงอาทิตย์ วาดเส้น วาดภาพระบายสี ฝึกปฏิบัติธรรมสมาธิตรงหน้าผา หรือไม่ก็ในเต้นท์ก่อนนอน...เฝ้าระวัง ไล่หัวขโมย...พวกไอ้กวาง ไอ้ลิง ไอ้เม่น....อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8 องศา...ไม่ยั่น ก็เอาผ้านวมไปตั้ง 4 ผืนกับถุงนอน 2 อัน สำหรับ 3 คน......ป่าใหญ่ ทุ่งหญ้ากว้าง ดวงตะวันสาดแสงอุ่น ดวงจันทร์กลมโต ดาวเต็มฟ้า ป่าบรรเลงเพลงใบไม้......ใจเย็นๆ นะ อย่าเข้ามาใกล้...กวางป่า เด็กรุ่นถ้ากวางป่าผู้ใหญ่จะตัวโต ประมาณควาย... กวางป่า เรียกว่า Deer Deer หรือ Sambarปักหลัก ไม่ย้ายไปไหนเลย 4 คืน หัดวาดรูป...ภาพทิวทัศน์ต้นไม้.ภาพแรก..ดูผลงานคลิ๊กที่นี่ต้นไม้สูงใหญ่หนาว.....แม่กับน้องผึ้งผึ้งกับทุ่งหญ้าวาดเส้นในป่า...ได้ลายเส้นรูปใบไม้มา...ปิ้งกล้วย...กล้วยปิ้งแม่-กวาง-กล้วยปิ้งสีสันของป่าเขาใหญ่ดอกหญ้าริมทาง..
ถ่ายรูปเล่นที่ร้านอาหาร....
แล้วเขาก็ทำธุรกิจ ร้านอาหาร : ครัวสายลม Garden พระราม 3
หลังจากฉัน....มีทางเดินที่ลงตัวแล้ว...คือ ใช้เวลาส่วนมากอยู่หลวงพระบาง... สบายทั้งกาย สบายทั้งใจ...เขา (สามีของฉัน) ก็เริ่มธุรกิจอีกครั้ง ทั้งเป็นตัวแทนรับจองตั๋วเครื่องบินทั่วโลก รับจองโรงแรมและจัดทัวร์ทั่วโลกรวมทั้งที่หลวงพระบางด้วยมีอีกอย่างที่ค่อนข้าง เซอร์ไพรส์ คือการทำธุรกิจร้านอาหารเขาเริ่มลงทุน เซ้งร้านชื่อ "ครัวสายลม" อยู่ที่สายลมอาพาร์เมนท์ พหลโยธินซอย 8แล้วก็ขยายสาขา "ครัวสายลม" ที่ เควีแมนชั่น สุขุมวิท 81จากนั้น ก็มีสาขาใหม่ แถวถนนรัชดา-พระราม 3 ใกล้ๆ สะพานพระราม 9สาขาใหม่ ให้ชื่อ "ครัวสายลม Garden" เพราะว่า สถานที่เป็นธรรมชาติมากๆ ทั้งเขา และพี่เต่า ซึ่งเคยทำงานด้าน F&B มานาน และเคยไปทำงาน F&B managerโรงแรมเดอะแกรนด์ หลวงพระบางทั้งสองคน ไปดูสถานที่ แล้วพูดตรงกันว่า "ที่แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมี ในกลางเมืองกรุงเทพฯ""มันอย่างกับอยู่หลวงพระบางแน่ะ หรือไม่ก็เหมือนมุมหนึ่งของสมุย"ก็ที่นี่ ไม่ได้อยู่ติดถนน จะเลี้ยวเข้าซอยไปหน่อยหนึ่ง หลบมุมอยู่เข้าไปเป็นพื้นที่เกือบ 1 ไร่ มีบึงน้ำขุด ปลาตัวโตขึ้นมาอ้าปากฮุบอาหารปลาที่เราโปรยลงไปในบ่อ ต้นมะพร้าวต้นสูงทั่วพื้นที่หลังจากตกลง เข้าไปเซ้งสถานที่ ก็เริ่มปฏิบัติการทำสวนใหม่ ตกแต่งด้วยกล้วยไม้ และไม้ประดับป่า ใช้ไฟสปอตไลท์ส่องเป็นจุด...หลังคาเอาจากมามุงทับ ได้บรรยากาศธรรมชาติสุดสุด...ดูภาพกันดีกว่า เงาต้นมะพร้าวสะท้อนน้ำ ยามเย็น...เลี้ยงเป็ด ให้บ่อมีชีวิตชีวา ก็ตอนค่ำๆ มองไม่เห็นปลา...น้องเป็ด ทำหน้าที่พนักงานต้อนรับ...เพราะคอยแย่งกินอาหารปลา...จากลูกค้าใจดีมุมหนึ่งของร้าน ซุ้มส่วนตัว...ดูซุ้มเต็มๆ ซุ้มนึง นั่งได้ 4-6 คนจัดเบาะให้นั่ง เอกเขนก...สบายๆ ถ้าสั่งอาหารมาก โตกเล็กไปก็เสริมโต๊ะเตี้ยๆ ได้ ลานเบียร์ Outdoor ยิ่งเข้าหน้าหนาว ลมโชยมาตอนเย็นๆ อากาศดี....แสงไฟ ยามค่ำ......เข้าประตูมาก็เห็นภาพนี้ ห้องกระจกติดแอร์ บรรยากาศเป็นแบบนี้ แล้วอาหารล่ะ????ผัดฉ่ากุ้ง ปลาหมึกปลารากกล้วย ตัวจิ๋ว ทอดกรอบนอก แต่ข้างในยังมีเนื้อนุ่มๆ...กุ้งแม่น้ำเผา...เสริฟกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดจี๊ดจ๊าด ชื่อเล่นจานนี้ เรียก กุ้งเต้นเมืองปทุมสูตรโบราณของเมืองปทุมธานีเค้าล่ะ ก็พี่เต่า GM ของร้านเป็นคนปทุมธานีไง ปลาทับทิมนึ่งมะนาว...ปลาช่อนห่อใบตองย่าง...เนื้อปลาหอม ยวนใจ...เราเรียกชื่อเล่นว่า มัจฉาอบซาวน่าถ้าใครไม่รู้จะสั่งอาหารอะไร แล้วตอบพนักงานว่า "อะไรก็ได้"จะได้มาเป็นจานนี้ .... เป็นไก่ย่างผัดตะไคร้....หลายวันที่ผ่านมา ฉันอยู่กรุงเทพฯ เลยตะเวณเยี่ยมร้าน ทั้ง 3 ที่ พร้อมกับเขาบางวันก็อยู่ร้านครัวสายลมการ์เด้นจนค่ำ นอนดึกหลายวันแต่ก็เพลินดี อยู่ในกรุงเทพฯ แต่เหมือนอยู่หลวงพระบาง.............ละสายตาจากตึกคอนกรีต....และรถราแออัด....ค่อยยังชั่ว....