SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 

รายการ ฟ้าเมืองไทย ตอน จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า ประสบการณ์บำบัดมะเร็ง

ได้รับเกียรติเป็นแขกรับเชิญในรายการ ฟ้าเมืองไทย ช่อง 5
ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาค่ะ

สำหรับคนที่เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ญาติผู้ป่วยมะเร็ง เราเป็นกำลังใจให้กันนะคะ
ส่วนคนที่ไม่ป่วย แต่รู้สึกว่า อยากพักผ่อนบ้าง ก็ลองฟังๆ ดูหน่อยหนึ่งค่ะ...

ฟ้าเมืองไทย


2/4 ช่วงที่ 2 https://www.youtube.com/watch?v=41ItgkWkBm0&hl=th
3/4 ช่วงที่ 3 https://www.youtube.com/watch?v=DLj6GhBTP1k&hl=th
4/4 ช่วงที่ 4 https://www.youtube.com/watch?v=5yI_Yz25IGk&hl=th




 

Create Date : 15 เมษายน 2552    
Last Update : 15 เมษายน 2552 19:07:56 น.
Counter : 1675 Pageviews.  

เมื่อมะเร็งพาเพื่อนๆ ไปสวรรค์

ได้ทราบข่าวว่า "มะเร็งพาเพื่อนไปสวรรค์" เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่มีใครรู้ว่า ทริปของเธอที่ไปสวรรค์คราวนี้ มีโปรแกรมอย่างไร
สุขเพียงไหน รู้แต่ว่า เธอจะไม่ได้กลับมาหาสามีและลูกๆ...

เมื่อทราบข่าวฉันก็ใจหาย เดือนที่แล้ว ตอนช่วงจะจัดงานเปิดตัวหนังสือ
ฉันติดต่อเธอ ทางอีเมล์แต่เด้งกลับว่า ทีอยู่อีเมล์นี้ไม่ใช้แล้ว
โทรมือถือไม่สามารถติดต่อได้...ก็ไม่ได้นึกอะไร
รู้แต่ว่า นึกถึงและขอบคุณเธอที่เคยให้คำปรึกษาระหว่างที่ฉันรับเคมีบำบัด

เธอเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะท้ายด้วยเซลล์มะเร็งที่ร้ายกาจ
เมื่อให้เคมีบำบัดก็ใช้ชนิดแรง มีอาการชาตามปลายนิ้วมือ
ขาล้าแทบเดินไม่ได้ และเม็ดเลือดขาวต่ำกว่า ๒๐๐ หน่วย
อยู่ห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาลถึง ๒ เดือน และมีอาการทางอารมณ์ที่ปั่นป่วน
หลังให้คีโมครบ ฟื้นฟูร่างกาย ผมที่ขึ้นใหม่หยักสวย ขนตางอนน่ารัก

๒ ปีผ่านไป โรคกลับคืนมา ทำให้เธอต้องเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก
Bone marrow transplantation ขั้นตอนนี้ เสี่ยงมาก
และเธอก็ผ่านวิกฤตความเป็นความตายนั้นมาได้

สุขภาพของเธอดีวันดีคืน ในช่วงทีฉันรับคีโม และโทรปรึกษาเธอนั้น
เธอกำลังเริ่มบริษัทเล็กๆ มีความสุขกับลูกชาย ๓ คน ที่กำลังเติบโต

๘-๙ ปี หลังมีมะเร็งเข้ามาในชีวิตของเธอนั้น ฉันเชื่อว่า เธอได้เรียนรู้โลกได้
ชัดเจนขึ้น และการไปสวรรค์คราวนี้ คงจะเป็นการเปลี่ยนภาวะไปสู่อีกโลกหนึ่ง
ที่จิตวิญญานจะได้เรียนรู้โลกใหม่ ในร่างกายใหม่
ที่ฉันขอให้เธอได้รับพรอันประเสริฐอย่างเปี่ยมล้น...




ฉันนึกถึงเพื่อนคนอื่นๆ
ที่มะเร็งพาไปสวรรค์


กลุ่มที่ไปเรียนรู้การดูแลตนเอง และปรึกษาหมอ ที่ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี
เข้าคอร์สพร้อมๆ กัน ๗ คน ภาวะของแต่ละคนต่างๆ กัน
ฉันขอใช้ชื่อสมมติในการกล่าวถึงเพื่อนๆ ร่วมโรคก็แล้วกัน

++ คุณชาติ ๓๕ ปี
ตอนคุณชาติมาเข้าคอร์ส ผิวคล้ำ เศร้าหมอง ไม่คุยไม่ยิ้ม
ดุๆ แบบทหารเรืออาชีพของคุณชาติ มาพร้อมลูกน้องคนสนิท

เขาเป็นมะเร็งตับ ซึ่งตับขนาดใหญ่ บวมปูด มองเห็นได้โดยไม่ต้องคลำ
เราก็ชวนคุย และทักทายให้รู้สึกคุ้นเคยกัน เขาจึงเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาสั้นๆ

"ผมก็ดื่มจัด พอรู้ตัวอีกทีก็เป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย ก็ไม่รู้หรอกว่า
แพทย์ทางเลือกมันจะช่วยให้หายได้มั้ย?" คุณชาติพูดแบบไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไร

ทัศนคติต่อการอยากหาย ถ้าไม่หายก็ไม่อยากปฏิบัติ...

สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่า เห็นด้วยกับ ที่คุณหมอบรรจบบอกไว้ สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
>> สำหรับโรคที่เป็นน้อย หรือแม้แต่เป็นมาก -- มีโอกาสหายขาด จิตใจเป็นสุข
>> โรคที่เป็นมาก -- ทำให้โอกาสกลับมาเป็นซ้ำช้าลง จิตใจเป็นสุข
>> ภาวะสุดท้าย -- ทำให้ภาวะต่างๆ มีความทุกข์ทรมานน้อย


คุณชาติ ก็เลยปฏิบัติแบบครึ่งๆ กลางๆ
หลังจากคอร์สก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
๒ เดือนให้หลัง คุณชาติไปสวรรค์

++ ยายมา ๗๐ ปี
คุณยาย เกล้ามวยผม ตัวเล็กๆ ผอมๆ เดินเหินนุ่มนวล ตามสไตล์คนเหนือ
คอร์สผ่านไป ๒ วันแล้ว แกจึงมาร่วมคอร์สพร้อมลูกสาว ๒ คน
แกเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ทำให้กินได้น้อยนิด ประมาณ ๒-๓ คำ
ตัวก็ยิ่งผ่ายผอมไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้าสูตรอาหารต้านมะเร็ง
เมื่อแกกินสลัดไม่ไหว ก็มีน้ำปั่นผักให้กิน

ฉันกินเก่ง เลยไปนั่งใกล้ๆ ยายมาบอกว่า "ดูลูกกินอร่อย เลยอยากกินมั่ง
แต่รู้สึกกระเพาะมันเล็กลงมากแล้ว เลยกินได้แค่นี้ แค่นี้"
ยายมาอวดน้ำปั่นสีเขียวเหลือครึ่งแก้วให้ดู

คุณยายไม่ได้รับแจ้งว่า ตัวแกเป็นมะเร็ง
ลูกๆ บอกว่า "เท่าที่ดูกัน และปรึกษากับหมอ เราอยากให้แกรู้สึกสบายขึ้น
เตรียมร่างกายและจิตใจให้แกไปสบาย"

๓ เดือนจากนั้น คุณยายไปสวรรค์

++ พี่บาส อายุ ๔๘ ปี
ตรวจร่างกายประจำปี แต่ปีนั้น ตรวจช้าไปหน่อย แทนที่จะทุก ๑๒ เดือน
ก็ไปตรวจเอาตอน ๑๘ เดือน พบว่า เจอจุดมะเร็งที่ปอด
ตับและต่อมน้ำเหลือที่ไหปลาร้า เลยต้องส่องกล้องทางทวาร
หาสาเหตุของมะเร็ง พบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ สรุปว่าเป็นระยะ ๔ ในบัดดล
ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการผิดปกติ แต่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว

"ไอ้พวกเพื่อนๆ พี่มันกลัวหมดเลย เพราะว่าใช้ชีวิตสนุกด้วยกันตลอด
โดยเฉพาะการดื่มหนัก นอนดึก พี่กับเพื่อนทั้งกลุ่มก็จะนัดกันตรวจร่างกาย
กันทุกปี ปีนี้แหละที่พี่ติดงานอื่น แล้วตรวจล่าช้ากว่าใคร"

พี่บาส มาหาแพทย์ทางเลือกทันทีที่ทราบว่า พบมะเร็ง
โดยการนำของเพื่อนรุ่นน้องที่เคยมาบำบัดที่บัลวี การเริ่มเปลี่ยนอาหาร
การกลับมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฝึกโยคะ ชี่กง บริหารร่างกายในน้ำ
ให้วิตามินซีทางสายน้ำเกลือ ในระหว่างการไปรับเคมีบำบัด
ซึ่งไม่ต้องผ่าตัด เพราะผ่าตัดไม่ได้

รับยาไป ๔ ครั้ง ในระยะ ๔ เดือน และแล้วก็ไม่ตอบสนองต่อยา
ต้องเปลี่ยนยาใหม่ จนให้ยาครบ ๖ ครั้ง ใน ๖ เดือน
"ตอนนั้นนะกวาง ดูมันดีมาก ผลที่สแกนออกมา เห็นเลยว่า ในตับ
ที่มันมีก้อนๆๆ หลายอัน ขนาดมันเล็กลงมา บางอันหายไปเลย
ส่วนใหญ่เล็กลงมากจนเกือบมองไม่เห็น"

"แต่...กวางเอ้ย หลังให้ยาครบคอร์ส พี่มีอาการปวดท้องกระเพาะ
หลังกินข้าว ก็เลยตรวจอีก หมอก็คิดว่า คงเป็นโรคกระเพาะอาหาร
เพราะเรื่องมะเร็งคงไม่ใช่ เพราะเพิ่งให้ยาเสร็จไปแค่เดือนครึ่งเอง
สุดท้ายโรคกระเพาะไม่เป็นนี่หว่า...พี่บอกหมอ "ผมว่า มะเร็งอีกนะ
CT Scan มันอีกทีมั้ย?" คือปกติหมอก็ไม่ค่อยชอบให้สแกนบ่อยนัก
หรอก มันไม่ดีต่อร่างกาย

"แต่ในเมื่อหาไม่พบ ก็สแกน"...
"ผลออกมาว่า?" ฉันฟังเงียบๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
พี่บาสพูดว่า "ก็...โอ้โห...มะเร็งมันกลับมาโต หลายจุดโตเท่าๆ กับ
ก่อนที่จะให้คีโมเลยน่ะ แปลว่ามันร้ายมาก ยาก็ได้แต่สยบมันชั่วคราว
พอไม่มียา มันก็กลับมาโตอีก"

"แต่พี่ก็พอใจนะ จริงๆ พี่อาจจะต้องตายตั้งแต่ ๖ เดือนแรกแล้ว
ตอนนี้ ๑๑ เดือน กับอีกเท่าไร ก็ดูกันไป"

เออ...พี่ แล้วคนที่บ้าน คือเมียพี่ กับลูกเขารู้มั้ยอ่ะว่า พี่เป็นระยะท้าย?

"ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นมะเร็ง ที่ลำไส้กับตับ แต่ไม่ได้บอกว่า
มีลามไปปอดกับต่อมน้ำเหลือง" พี่ไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์มาก

พี่บาสเล่าให้ฟังว่า "พี่เป็น พี่ชายคนโตของบ้าน ทำธุรกิจแบบกงสี
เป็นหลักให้คนในครอบครัว แต่พอพี่ไปรับคีโม พี่ก็วางมือจากงาน
ไอ้เรื่องใช้ร่างกายเกินที่มันจะรับไหว น่าจะเป็นสาเหตุหลัก อย่างการดื่มจัด
ตับมันเลยไม่ไหว"

ผ่านไปอีก ๒ เดือน
ฉันไปเรียนโยคะกับครูลักษณ์ที่อาคารปิยะวรรณ
แล้วข้ามไปกินข้าวที่ร้านอาหารสุขภาพสวนไผ่
ฉันเจอกับพี่บาส เลยได้สนทนากันอีก
"หวัดดีค่ะ พี่บาส ดีใจจังที่เจอกัน พี่ไปไหนมา?"
พี่บาส "ไปฝึกโยคะมาน่ะ ที่โรงแรมเอเชีย แล้วแวะมากินข้าวที่นี่ สะดวกดี"
"เป็นไงมั่งพี่"
พี่บาสเล่าให้ฟัง..."ก็อาการแย่ลงนะ มันเริ่มปวดมากที่ตับ ปวดตับ ตลกม๊ะ
ตับบวมจนคลำได้แล้ว ไปโรงพยาบาลต้องใช้มอร์ฟิน แล้วก็เมา แผ่นแปะ
มอร์ฟิน แปะตรงหน้าอก จนมันเป็นรอยไหม้ แต่ก็ต้องใช้ เพราะมันปวด
มาก"

ฉันอยากรู้จัง ว่าพี่อาการมากแล้ว ยังมานอกบ้านได้สบายเหรอ...
"แล้วพี่ยังมาเรียนโยคะเนี่ยนะ มาทุกวันป่าวคะ?"
พี่บาส "ก็ทุกวันแหละ โยคะช่วยให้สบายตัว พี่รู้สึกว่า เราทนกับความปวดได้
มากขึ้น อีกอย่างพี่ฝึกสมาธิมานานหลายสิบปีแล้ว ตอนดึกๆ เวลาปวดมาก
พี่ก็ลุกขึ้นมานั่งภาวนา จนหลับไปในท่านั่ง เพราะนอนไม่ได้......
อยากให้กวางฝึกสมาธิให้ต่อเนื่องนะ วันหนึ่งจะได้ใช้ประโยชน์
โดยเฉพาะถ้าอยู่ในภาวะที่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว"
ฉันรับคำ "ค่ะ พี่"
พี่บาส ขับรถเองมาเรียนโยคะทุกวัน แม้ว่า พี่บาสจะรู้ว่า
เวลาของตนเหลืออีกไม่มากแล้ว

"เมียพี่เค้าว่าไงมั่ง?" ฉันถาม
พี่บาสน้ำตารื้น "พอเค้าเห็นพี่นั่งสมาธิ ไม่หลับไม่นอน เค้าก็เริ่มสงสัย
เพราะปกติ นั่ง ๑-๒ ชั่วโมงก็ว่าพอได้...อีกอย่าง พี่ก็เริ่มโอนบัญชี
เซ็นต์มอบหมายเอกสารอะไรๆ แนวๆ ว่า ทำพินัยกรรม.............
เสร็จแล้วก็เลยต้องบอก"
พี่บาสพูดต่อ "คราวนี้ เค้าก็ช็อคล่ะสิ ไม่ได้เตรียมใจไว้นี่ ว่าพี่จะตายไว
ส่วนตัวพี่เอง ทำใจไว้ตั้งแต่รู้คราวแรกแล้วไง แต่ตอนนี้ ทั้งเมีย ทั้งแม่
ทุกข์หนัก เราก็สงสารเค้า...ส่วนลูกก็ต้องทำความเข้าใจกับเค้า"

๒ เดือนหลังจากนั้น พี่บาสก็ไปสวรรค์

ฉันขอบคุณพี่บาส ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ของตนที่ว่า "ให้ฝึกสมาธิภาวนา
ไว้ ใช้เมื่อร่างกายมันไม่ไหว เมื่อเจ็บมากปวดมาก เราจะยังมีสติได้ แต่ต้อง
ฝึกไว้ล่วงหน้า แล้วงัดเอามาใช้ แต่ถ้าไม่ฝึกไว้ก่อน ถึงเวลาปวดแล้ว เพิ่งฝึก
มันจะไม่ได้"

++ ป้าน้อย อายุ ๖๕ ปี คนเชียงใหม่
ป้าน้อยตัวอ้วน แกเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง รับประทานทุกอย่างที่ขวางหน้า
ป่าวหรอกค่ะ แกเป็นคนจีนฮ่อ ก็กินอาหารแบบใส่น้ำมันมาก แบบจีนยูนาน
ปรับอาหารเป็นต้านมะเร็งแบบบัลวีได้ยากมาก

ป้าเคยให้เคมีบำบัดเมื่อ ๔ ปีก่อน แล้วโรคเป็นซ้ำ จึงมาหาแพทย์ทางเลือก
เพราะแกไปให้เคมีบำบัดแล้วรู้สึกว่าไม่ไหว อยากหยุดเคมีบำบัด แล้วมา
ประคองตัวเองให้สดชื่น ซึ่งลูกๆ ก็สนับสนุน และให้กำลังใจว่า ใช้ทั้งเคมี
และแพทย์ทางเลือกไปพร้อมกัน...

ทีหลัง ป้าไปให้เคมีแค่ ๓ ครั้งแล้วก็เลิก ส่วนเรื่องอาหารก็ปรับได้บ้าง
ป้าแกบอกว่า "มันเริ่มปวด ก็สูบฝิ่น" บ้านแกอยู่ในเมืองนะเนี่ย แต่หาฝิ่นสูบ
ได้ด้วยแฮะ มันก็เข้ารูปแบบการใช้มอร์ฟินน่ะแหละ

ป้าน้อย จัดการภาระกิจในฐานะแม่ คือจัดงานแต่งงานให้ลูกสาว ๒ คน
เป็นฝั่งเป็นฝาจนเรียบร้อย แล้วอีกไม่นานป้าน้อยก็ไปสวรรค์

การสูบฝิ่น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการบำบัดสำหรับภาวะท้าย....???
แต่ถ้าไม่มีเครือข่ายที่ดี อาจจะเป็นมะเร็งและเข้าคุกด้วยนะค๊า

++ พี่กุ้ง ๔๖ ปี
เป็นเภสัชกร ทำงานอยู่โรงพยาบาลใหญ่
เป็นโรค SLE แบบพุ่มพวง กินยามาเป็นเวลานานกว่า ๒๐ ปี
ทำให้เธอเป็นโรคไตเสื่อม...

ช่วงนั้น พี่กุ้งนัดทำสเต็มเซลล์ ใช้ค่าใช้จ่ายไปหลายแสนบาท
แต่เห็นพี่กุ้งบอกว่า ไม่ได้ผล

พี่กุ้ง ไม่ชอบอาหารสำหรับคนโรคไตเลย กินไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยปฏิบัติตาม
สูตรเท่าไร รวมถึงการดูแลตนเองแบบองค์รวม ก็ไม่ขยันปฏิบัติ

ผ่านไป ๓ ปีเศษ พบว่าเป็นมะเร็งที่หมวกไต เริ่มไปให้เคมีบำบัด
ครบคอร์สไมนาน เธอก็ไปสวรรค์




เพื่อนคนนี้ ดื้อ มะเร็งจะพาไปสวรรค์
แต่ยังไม่ยอมไป เพราะชอบสวรรค์บนดิน เหมือนกันกับฉันนี่แหละ


++ อ้อย อายุ ๓๘ ปี
อายุเท่ากันกับฉัน เดี๋ยวนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาก
อ้อย เป็นสาวใต้ ทำงานพยาบาล ก่อนหน้านั้น ๒ ปี
หกล้มแล้วขาหัก เข้าโรงพยาบาล ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระดูก ต้องตัดขา
"เนี่ย กวางยังดีนะ ที่ผ่าตัด เอาอวัยวะภายในออกไป พิการก็จริงแต่ไม่ได้
รู้สึกว่าพิการ ส่วนเรานะ เป็นมะเร็งด้วย เป็นคนพิการด้วย ได้ทีเดียว ๒
ตำแหน่ง"

เรื่องนี้แหละ ที่ฉันนับถือความเข้มแข็งของอ้อย เพราะต้องปรับตัวเยอะมาก
อ้อยใช้ขาเทียม และไม้ค้ำ มีปัญหากับขาเทียม เพราะความอ้วน ขามันใหญ่
๕๕๕ ฉันบอกว่า "ดีแล้วนี่ จะได้คุมน้ำหนัก สงสารขา"

อ้อยสนใจเรื่องธรรมชาติบำบัดทุกแนว ทั้งแบบพื้นบ้าน ชีวจิต บัลวี สมุนไพร
ใบไม้ต่างๆ เห็ดหลินจือ หญ้าปักกิ่ง สวนล้ำไส้ด้วยกาแฟ และแน่นอนเรื่อง
ทางการแพทย์แบบแผนเพราะเธอเป็นพยาบาล

ตอนมาเข้าคอร์สที่บัลวี อ้อยบอกว่า คล้ายๆ ที่ดูแลตัวเองมาก่อนหน้านี้แหละ
เราก็ถือว่ามาทบทวนตัวเอง

อ้อยเล่าให้ฟังว่า "ตอนที่ให้เคมีบำบัดนะ ของเราโหดมาก ตัวผอม ผิวคล้ำ
ดำ หัวโล้น ปกติน้ำหนักอยู่ที่ ๕๒ กิโลกรัม ลดลงไปเหลือแค่ ๓๗ กิโลกรัม
คนที่รู้จักมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลจำเราไม่ได้เลย...ตอนนั้น อาเจียน กินไม่ได้
เป็นเดือนๆ"

แต่เดี๋ยวนี้ เธอสดใส กลับไปทำงานในหน้าที่ๆ สะดวกขึ้นกับสภาพร่างกาย
ถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ ๖ ปีแล้ว สำหรับอ้อย แม้ว่าล่าสุดจะพบ ก้อนเนื้องอก
เล็กๆ ที่เต้านม แต่เธอก็ผ่าตัดออกไป อ้อยบอกว่า "โรคของเรา มะเร็ง
กระดูกนี่ แพทย์แบบแผน มักมีข้อมูลว่า คนป่วยจะอยู่ได้อีก ๖ เดือนเท่านั้นแหละ"

อ้อย ยังไม่ไปสวรรค์เร็วนักหรอกค่ะ ทุกวันนี้ เราคุยกัน และแบ่งปันทุกข์สุข
กันเสมอ รวมทั้งกล่าวชื่นชม ใจที่แข็งแกร่งของกันและกัน...
เป็นเพื่อนกันไปนานๆ

Death is a Transformation.
เขียนเรื่องนี้ไว้ เพื่อเป็นมรณานุสติ...เตือนใจ เตือนสติตนเอง
ว่าด้วยเรื่อง ความตาย ที่พึงจะเกิดแก่ทุกชีวิตในจักรวาลแห่งนี้
เกิด-ดับ-เกิด-ดับ ตลอดเวลา ไม่เที่ยง ไม่ดำรงอยู่





ทัศนคติต่อการมีชีวิตอยู่...
และการบำบัดทั้งการแพทย์แบบแผน
รวมถึงแพทย์ทางเลือก

เพียงเพื่อการดำรงอยู่ในวันนี้ รู้สึกชีวิตมีค่า
ต่อตนเอง และผู้อื่น มีความรู้สึกสงบ เป็นสุข
ทั้งภาวะกาย ใจ และจิต

หากวันใด ที่เจ็บป่วยไม่ว่า จากการกลับมาของมะเร็ง
หรือโรคอื่น ในขณะที่เราก็ได้เพียรพยายามปฏิบัติตัว
ด้วยการเป็น อยู่ อย่างธรรมชาติบำบัดองค์รวมแล้ว

ก็ขอให้รับรู้ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น อย่างเป็นปัจจุบันขณะ
เมื่อเราเห็นทุกข์ชัดขึ้น เราก็เห็นสุขชัดขึ้นเช่นกัน




 

Create Date : 02 มีนาคม 2552    
Last Update : 2 มีนาคม 2552 15:07:20 น.
Counter : 2317 Pageviews.  

ข่าวฝาก "หนังสือจากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า" พิมพ์ครั้งที่สอง

มีข่าวฝากจาก สำนักพิมพ์เมธีนิรมิต เกี่ยวกับหนังสือจากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า

สำนักพิมพ์เมธีนิรมิต แจ้งว่า "หนังสือขายดี เลยสั่งพิมพ์ครั้งที่2 ด่วนจี๋
ใครที่เคยไปหาแล้วไม่เจอหนังสือหมด เตรียมตัวซื้อได้แล้ว...

และหากหาไม่ได้ บัดนี้ทางสำนักพิมพ์ได้แบ่งสต๊อกหนังสือเอาไว้เล็กน้อยที่สำนักงาน สามารถสั่งซื้อได้ทางโทร. 02 948 1718 หรืออีเมล์ maedhi_niramit@yahoo.com"




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 17:38:03 น.
Counter : 1816 Pageviews.  

กวาง-มีนา เขียนหนังสือ ".....เดินช้า" เคยเป็นมะเร็ง อยู่หลวงพระบาง

เอาค่ะ มาตามคำขอ

มีคนบอกว่า มีคนบอกต่อมาว่า "ให้หาหนังสือ เดินเร็วเดินช้า ที่เขียนโดย คุณกวาง ที่เคยเป็นมะเร็ง อยู่หลวงพระบาง" รู้มาแค่นี้ แต่ไม่รู้จะหาข้อมูลทางเน็ตให้เจอยังไง

ก็เลยขอมาโพสต์บล็อกนี้ไว้ จะได้พอจะงมเจอ ทั้งชื่อผู้แต่ง และชื่อหนังสือเพี้ยน หาไม่เจอแน่ ชื่อผู้แต่ง ใช้ชื่อจริง มีนา เปรื่องวิริยะ ค่ะ

อ่านข้อมูลหนังสือจากลิงค์นี้ค่ะ คลิ๊กดูข้อมูลหนังสือ และข่าวประชาสัมพันธ์

ทราบจากสำนักพิมพ์ว่า หนังสือทะยอยวางแผงตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม
บางแห่งถ้าหากหมด หรือยังไม่ถูกส่งมา ก็จองไว้ได้นะคะ เดี๋ยวตอนปลายเดือนมกราคม ก็จะมีกระจายเพิ่มอีกด้วยค่ะ

อุดหนุนด้วยค่ะ
"ขอบใจหลาย หลาย"




 

Create Date : 28 มกราคม 2552    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 15:50:38 น.
Counter : 1367 Pageviews.  

งานเปิดตัวหนังสือ "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า" ประสบการณ์หลังบำบัดมะเร็ง ของ กวาง-มีนา

สัปดาห์ที่แล้ว
ทางสำนักพิมพ์เมธีนิรมิต ได้จัดงานเปิดตัวหนังสือ "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า"
ที่ฉันเป็นผู้เขียน............
มีลูกศิษย์โยคะชาวตะวันตกถามมาว่า ชื่อหนังสือชื่ออะไร
ก็เลยต้องตอบว่า "From Chaotic Running To Peaceful Walking"

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
บ่าย 2 โมง
ที่อาคารสำนักงาน บ.ป่าใหญ่ครีเอชั่น ถ.เกษตร-นวมินทร์
----------------------------------------------------------------------------------

งานนี้ เชิญสื่อมวลชนมาทำข่าวการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่อพบมะเร็ง... เรื่องราวก็เริ่มขึ้น โดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ, นพ.เจริญ วิภูภิญโญ, มีนา เปรื่องวิริยะ

พบองค์ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิชั้นแนวหน้า ผู้เป็นที่พึ่งแก่ผู้ป่วยมะเร็ง
ภายใต้เนื้อหาเมื่อพบมะเร็ง เราควรทำอย่างไร
การรักษา เคมีบำบัด การดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยดูแลตนเองได้อย่างไร
การป้องกันโรคมะเร็ง การใช้ชีวิตที่เหมาะสมในยุคสมัยปัจจุบัน ฯลฯ
นำสนทนาโดย นิรมล เมธีสุวกุล

ขอนำภาพและสกู๊ปข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวสด มาใช้ค่ะ
เนื่องจากมีรายงานเนื้อหาในการสนทนาในวันนั้น...

ข่าวสด คอลัมภ์สตรี

วิ่งเร็วมาเดินช้า หลังบำบัดมะเร็ง



สำนักพิมพ์น้องใหม่ เมธีนิรมิต โดย นิรมล เมธีสุวกุล เปิดตัวหนังสือเล่มแรก เรื่อง "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า : ชีวิตหลังบำบัดมะเร็ง" พร้อมล้อมวงเสวนา เรื่อง "เมื่อพบมะเร็งเรื่องราวก็เริ่มขึ้น" ที่อาคารป่าใหญ่ ครีเอชั่น จำกัด

บรรยากาศภายในงานเป็นกันเองและดูอบอุ่น ทั้งยังมีการสาธิตโยคะจากผู้ป่วยมะเร็ง โดยเรื่องราวของคนต้นเรื่อง มีนา เปรื่องวิริยะ หรือ กวาง วัย 42 ปี เธอเล่าว่า เป็นนักนิยมความสมบูรณ์แบบ จะทำอะไรแล้วต้องดีที่สุดและต้องดีที่สุดในสายตาตัวเอง และด้วยความมุ่งมั่นบวกกับทำงานหนัก เธอประสบความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อย เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่ได้รับการยอมรับ แต่สิ่งที่ตามมาคือความป่วยไข้ด้วยโรคมะเร็งรังไข่ ในระยะที่รุนแรง ตอนอายุ 37 ปี

จากนั้นเธอก็บอกลาชีวิตสาวเมืองกรุงที่แสนรีบเร่ง พลิกชีวิตตัวเองหันมาดูแลตัวเองด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่กับธรรมชาติบำบัด รวมถึงปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยการควบคุมตัวเองทั้งเรื่อง อาหาร อารมณ์ รวมถึงเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่โดยไปใช้ชีวิตที่หลวงพระบาง

"การเปลี่ยนที่อยู่มีความสำคัญพอสมควรกับการเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ โอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตคงยาก หากเปลี่ยนที่ใหม่จะทำให้เรารับรู้ถึงการก้าวเดินในแต่ละก้าวมากขึ้น ทำให้เรามีสติมากขึ้น"

กว่า 3 ปีครึ่งแล้วที่เธอและสามี นายวาทิศ เปรื่องวิริยะ หนุ่มนักธุรกิจ หันมาใช้ชีวิตในต่างถิ่นและยืนเคียงข้างกันตลอดมา ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า "ผมรักภรรยา" เช่นกันกับญาติๆ และเพื่อนพ้องที่คอยให้กำลังใจล้นหลาม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

มีนา ย้อนความรู้สึกครั้งแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งว่า รู้ปั๊บก็เป็นทุกข์ทันที ทุกอย่างล้มลงตรงหน้า อนาคตที่วาดหวังพังครืน หลังตั้งสติได้เธอนำผลตรวจชิ้นเนื้อไปปรึกษาแพทย์ที่บัลวี เมื่อแพทย์ทั้งสองทางเห็นตรงกันว่าต้องผ่าตัดและทำเคมีบำบัดเธอจึงทำตาม แต่ก่อนผ่าตัดได้เรียนรู้ตัวเองและสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อให้ตัวเองแข็งแรง ทั้งก่อนและระหว่างให้เคมีบำบัด เช่น อาบน้ำสลับร้อนเย็นเพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงการให้วิตามินเข้มข้นทางสายน้ำเกลือ และการเข้าโปรแกรมจิตบำบัดให้คิดทางบวกซึ่งเป็นประโยชน์ในการรักษา



ด้าน พ.ญ.ลลิตา ธีระสิริ จากศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี กล่าวเสริมว่า คนที่เป็นมะเร็งมักตกใจและท้อแท้ หลังได้รับคำพิพากษาว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน เมื่อมาหาเราหมอไม่เคยบอกว่าอยู่ได้กี่ปีกี่เดือน เพราะเราไม่อยากพิพากษาคนไข้ จากประสบการณ์สอนเราว่าคนที่ถูก พิพากษาว่าอยู่ได้ 6 เดือน ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ได้ถึง 16 ปีก็มี รายแรกเป็นหญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมซึ่งต้านการใช้เคมี และชายที่เป็นมะเร็งที่ไต ระยะที่ 4 ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันพิพากษาว่าอยู่ได้ 6 เดือน แต่วันนี้เขาก็ยังอยู่กับบัลวีมาได้ 16 ปีแล้ว

"ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากอยู่นานแค่ไหน ถ้าคิดว่าเรายอมแพ้เราก็แพ้จริงๆ ถ้าเราสู้มันก็มีโอกาสที่จะอยู่ได้ ฉะนั้นหมอไม่เคยพิพากษาเขา แต่จะบอกให้สู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม"

พ.ญ.ลลิตากล่าวต่อว่า การรักษาเราจะแนะนำให้รู้จักผู้ป่วยที่เป็นโรคเดียวกันและอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ให้เขาพูดคุยกันเอง เขาจะสร้างกำลังใจให้กันเอง เพราะเวลาหมอบอกเขาไม่ค่อยเชื่อ ขณะเดียวกันการติดต่อสื่อสารสมัยนี้รวดเร็ว การแลกเปลี่ยนข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทำให้เห็นตัวอย่างมากขึ้น เป็นผลดีทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียว จะทำให้เขามีกำลังใจในการเอาชนะมะเร็ง เรามีชมรมชาว "มะ" ที่คอยให้กำลังใจกัน

คุณหมอจากบัลวีกล่าวด้วยว่า เราไม่ได้ปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลหรือแพทย์แผนปัจจุบัน ถ้าจำเป็นเราเองต้องทำ แต่ส่วนใหญ่จุดอ่อนของคนไข้และหมอแผนปัจจุบันจะถือว่าอันนี้เป็นสรณะ ซึ่งเป็นจุดอ่อน เมื่อรู้สึกแบบนั้นจะไม่มีทางปรับเปลี่ยนได้เลย และเมื่อปรับเปลี่ยนไม่ได้ภูมิต้านทานก็เหมือนเดิม โอกาสที่มะเร็งจะกลับมาก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมซ้ำซากที่ทำให้ไม่หาย ขณะเดียวกันผู้ป่วยมะเร็งนั้นการดูแลเรื่องอาหารต้องมีไขมันและโปรตีนค่อนข้างต่ำ เน้นผักสดผลไม้ให้มาก รวมถึงใกล้ชิดธรรมชาติให้มากเท่าที่จะทำได้ เขาก็มีชีวิตอยู่ได้

"หมอกินทุกอย่าง แต่ต้องรู้ว่าเรากินอะไร ตามสัดส่วนที่เหมาะสม แต่คนที่ป่วยย่อมมีความยากลำบากกว่า หมอจะบอกกับคนไข้มะเร็งทุกคนเสมอว่าถ้าคุณแฮปปี้กับการกินอาหารที่หมอรับรอง คุณจะไม่ใช่คนที่เป็นมะเร็ง ตรงนี้คือบททดสอบ ขณะเดียวกัน คนใกล้ชิดมีความสำคัญมากต่อการหายของคนไข้ที่เป็นมะเร็ง ในหลักปรับเปลี่ยนเขาต้องการกำลังใจมาก" พ.ญ.ลลิตากล่าว

"ความเป็นมนุษย์มีค่ามาก ชีวิตคนเราไม่ได้จบเพียงแค่ว่าฉันเป็นมะเร็งและ จบลง การเป็นมะเร็งอาจเป็นคุณค่าให้คนอีกเยอะแยะ" คำกล่าวของน.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล

มีนากล่าวว่า ประสบการณ์ที่เป็นจริงๆ กระบวนการและสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราได้รับรู้ว่าเราหนีมันไม่ได้ แต่เราต้องค่อยๆ ยอมรับมันและซึมซับ เราเองต้องค่อยๆ ปรับตัวเยอะ ในการปรับเปลี่ยนอาหาร หันมารับประทานอาหารต้านมะเร็ง ทำให้รู้ว่าผักคือผักจริงๆ ผลไม้ที่เป็นผลไม้แท้ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปากเราไม่เคยชิน เพราะเราเอาเกลือ พริกไทย น้ำ ตาล มาบดบังธรรมชาติเหล่านั้น ต้องขอบคุณสมาชิกในครอบครัวที่เดินพร้อมกัน

ทุกวันนี้ให้เวลาในการดูแลตัวเองทั้งวัน เรื่องที่อยากฝึกเพิ่มขึ้นก็ใช้เวลาทำมากขึ้น หรือการออกกำลังกาย โยคะอย่างเดียวไม่พอ ต้องเดินเร็วหรือ ขี่จักรยาน เพื่อเป็นการแอโรบิก เพราะฉะนั้นเวลาในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงเป็นกิจกรรมที่ดูแลตัวเอง แม้ว่าจะมีอาการเมื่อยล้าเพราะขาดฮอร์โมนและการรับเคมีบำบัด มีอาการเพลีย ทุกบ่ายหลังกินข้าวจะนอน 15-30 นาที และพบแพทย์เพื่อตรวจภายในทุก 6 เดือน" แต่มีนายังดูร่าเริงแจ่มใส

เพราะเธอรักตัวเองทำให้เธอดูแลตัวเองได้ดีที่สุด มีนาบอกว่า พอเรารักตัวเอง เราก็เข้มแข็งมาก โอกาสในการแบ่งปันคนอื่นก็มีมากขึ้น



เธออยู่กับโรคนี้มาแล้ว 4 ปีครึ่ง และยังเป็นครูสอนโยคะให้นักท่องเที่ยวอยู่ที่หลวงพระบาง มีรายได้นิดๆ หน่อยๆ เป็นค่าผักและผลไม้ และไม่ต้องการทำธุรกิจให้ใหญ่โต เธอบอกไม่เอาแล้ว และการได้สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้ รวมถึงกิจกรรมที่เธอเข้าไปสัมผัสนั้นรื่นรมย์เหลือเกิน

วันนี้เธอจรดปากกาบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตได้ถึงกระบวนการต่างๆ ในการเยียวยาร่างกายและจิตใจหลังจากทุกข์ และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ป่วยและขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจ รวมถึงจุดประกายให้ผู้ป่วยมีกำลังใจต่อสู้กับมะเร็ง

"จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า : ชีวิตหลังบำบัดมะเร็ง" ตัวอักษรพร้อมภาพประกอบ 288 หน้า รูปเล่มสวยงาม วางแผงแล้วในราคา 180 บาท บอกเล่าชีวิตของมีนาในตอนต้น อาหารและการใช้ชีวิตประจำวันในหลวงพระบาง ในตอนท้ายบอกเล่าที่มาของแหล่งข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง




ภาพบรรยากาศในงาน
++ซึ่งมีเพื่อนๆ มาให้กำลังใจ ประมาณว่า เยี่ยมไข้ ดีใจที่อาการของฉันดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้เป็นปกติ
++ญาติๆ ก็เช่นกัน มาให้กำลังใจกันอบอุ่น
++แฟนคลับบล็อก มีโอกาสได้มาเจอกัน และได้พูดคุยกับคุณหมอ
++น้องๆ ที่ บริษัทป่าใหญ่ครีเอชั่น ช่วยเหลืองานนี้กันแข็งขัน ด้วยจิตอาสา..ขอบคุณมากๆค่ะ

แขกทะยอยกันมาในงาน
ต้อนรับด้วยของว่าง และขนมจากหลวงพระบาง
บู๊ธนี้ เป็นไคแผ่นปิ้ง แจ่วบองสูตรต้านมะเร็ง กินกับข้าวเหนียวดำ


แจ่วบอง


ข้าวเหนียวหนึ่งปั๊น จิ้มแจ่วบอง และไคแผ่นปิ๊ง 1 แผ่น


ใส่จานไปกิน


แม่ปราณี คือแม่บุญธรรมของฉัน
เดินทางมาจากหลวงพระบางเพื่อมาร่วมงานนี้
จึงเป็นพริตตี้กิตติมศักดิ์ ประจำบู๊ธ ไคแผ่น แจ่วบอง


มาชิมขนมกันก่อน


ขนมขี้หนู ทำจากข้าวโม่ทอดเคลือบด้วยน้ำอ้อยหอมหวาน กินกับชาสมุนไพรต่างๆ


พี่นก-นิรมล ให้สัมภาษณ์รายการ "สีสันบันเทิง ช่อง 3"


ฉันช่วยอธิบายสูตร แจ่วบองสูตรต้านมะเร็ง ว่า ไม่ใส่น้ำมัน ไม่มีเนื้อสัตว์ และไม่มีผงชูรส


ปิ๊งข้าวเกรียบมันสำปะหลัง


ขนมบ้าบิ่น ก็จากหลวงพระบาง แล้วยังมีลูกเดือยต้มใส่ฟักทองด้วย
ชาสมุนไพร มีชาคั่วด้วยมือ เป็นชาหม่อน และชาตะไคร้
ชามะตูมหอมๆ ของหลวงพระบางก็ชื่นใจ


กินของว่างกันเสร็จ ก็ถึงเวลาเริ่มงาน
ฉันสาธิตโยคะเพื่อสุขภาพ



สนทนา เรื่อง "เมื่อพบมะเร็งเรื่องราวก็เริ่มขึ้น"
จากซ้าย พี่นก-นิรมล คุณหมอลลิตา คุณหมอเจริญ และฉัน


คุณหมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ให้เกียรติมาร่วมงาน
จึงเรียนเชิญสนทนา เรื่องการโปรแกรมจิต การสร้างพลังใจให้ผู้ป่วย


สนใจฟัง..


กุ้ง พี่อ๋อง พี่อั๋น พี่น้อย มาให้กำลังใจ


แฟนคลับบล็อก อุตสาห์จัดกระเช้าผักผลไม้ปลอดสารมามอบให้
พี่แม่นก คุณปุ๊ก พี่มล คุณปุ๊กปิ๊ก


กับครอบครัวเปรื่องวิริยะ


กับครอบครัวเมธีสุวกุล

ญาติเยอะค่ะ... ;)



กับคุณวาทิศ คู่ชีวิตค่ะ


ให้สัมภาษณ์ ทีวี ช่อง 3

เพิ่งได้รูปมาเท่านี้ค่ะ แล้วจะมาโพสต์เพิ่มนะคะ



มาโพสต์ต่อค่ะ...
เรื่องไม่เรียงลำดับนะคะ

ทีมพริตตี้ปิ้งขนม เบิกบานกันมากๆ


ปิ้งด้วย ชิมด้วย ให้แน่ใจว่าอร่อยจริง ก่อนเสริฟ


แรกเจอ...จากบล็อกนี้ มิตรภาพที่มีให้กัน...ขอกอดที...




 

Create Date : 25 มกราคม 2552    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 7:53:47 น.
Counter : 4784 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.