SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 
เดี่ยวแบกเป้ หลวงพระบาง-หงสา-หนองบัว-กรุงเทพฯ ตอนที่ 2

ต่อจาก <เดี่ยวแบกเป้ หลวงพระบาง-หงสา-หนองบัว-กรุงเทพฯ ตอนที่ 1>






วันนั้น เข้าไปด่านห้วยโก๋น คาดว่า จะมีรถโดยสาร 15.30 น.
มาถึง 15.15 น. รถโดยสารผ่านไปแล้ว...อ้าวววววววว

ตำรวจจราจร บอกว่า ให้เหมารถลงไปที่ "ปอน"
เราก็ไม่ได้ทำการบ้านว่า "ปอน" เป็นอะไร หมู่บ้าน ตำบล หรืออำเภอ
อึ้งๆ อยู่สักพัก หัวหน้าตำรวจ รูปร่างเท่ ถามว่าจะไปไหน
เดี๋ยวจะฝากให้ขึ้นรถที่ออกไป ปอน
หรืออาจจะผ่าน อ.ท่าวังผา เข้าน่าน...
มีรถปิคอัพสเปชแคป 2 ประตูคันหนึ่ง ผ่านด่านออกมา
ตำรวจโบก เพื่อฝากให้โดยสารไปด้วย
รถคันนี้ มีผู้ชายมาด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งตัวคล้ำๆ ผอมๆ อายุสัก 45 ปี
อีกคน ตัวขาวๆ อายุสัก ไม่เกิน 25 ปี ขนเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ชุดใหญ่มา

คนตัวคล้ำ ตอบรับกับตำรวจ ว่า ให้โดยสารไปได้ แล้วมาช่วยยกเป้..
พร้อมหันไปถามตำรวจว่า "คงไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ?"
ฉันเลยตอบแทนตำรวจว่า "มีแต่เสื้อผ้าค่ะ"
เขาเอาของขึ้นเสร็จ ก็หยิบกระทิงแดงสองขวด มอบให้ตำรวจ...

กลัวกันทั้งคนขึ้น คนรับ...
ฉันขึ้นไปนั่งในสเปซแคป เป็นจุดที่นั่งที่เอาตัวรอดยากเนอะ...
นั่งมา ไม่กล้าหลับ
ได้ยินสองคนคุยกัน คนขับเป็นพ่อ อีกคนเป็นลูก
พ่อทำงานโครงการทำถนนในหงสา
แล้วเจอชุดโต๊ะไม้ชนิดหน้าโต๊ะแผ่นใหญ่
เลยอยากได้ไปไว้ที่บ้านชลบุรี
นัดลูกชาย ให้มาช่วยกัน นั่งรถเป็นเพื่อนกัน...
คนพ่อชื่อ สมพงษ์ ลูกชื่อ ต้อม
เขาต้องผ่าน อ.ท่าวังผา ให้ส่งลงที่ ตลาดท่าวังผา ตอน 5 โมงเย็น
ฉันถามชื่อเสียงเรียงนามเอาไว้ จะได้สำนึกบุญคุณได้ถูกคน
ถือเอาเป็นผู้มีพระคุณ
คุณสมพงษ์ค้านว่า "ไม่ต้องถึงกับมีพระคุณ ให้ถือเป็นเพื่อนร่วมทางกัน"



เมื่อถึง ตลาดอำเภอท่าวังผา
ที่นี่...
ไม่เคยมา
เตรียมการแต่ว่า จะเข้าซอยไป 6 กิโลเมตร ที่โฮมสเตย์บ้านดอนมูล
ยังไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อก่อน
เครื่องมือถือ แบตหมด
เดินไปที่แผงแม่ค้า ถามขอเสียบชาร์จ...
แม่ค้าแผงแรก มีปลั๊กเสียบอันเดียว กำลังใช้พัดลมอยู่
แม่ค้าแผงต่อมา ก็เช่นกัน
เลยมองหา ดูแผงที่มีปลั๊กตัวเมียเหลือๆ
เจอแล้ว แผงขายผลไม้...ถามขอเสียบชาร์จ...
แม่ค้าผมซอย บอกให้ไปมุมตลาดอีกด้านหนึ่ง ไปขอเจ้าของตลาด
เหตุผล "เพราะแต่ละล็อคมีมิเตอร์ของตัวเอง"

--จิตคิดไปทันที เออ แฮะ ยิ่งมีของใครของมัน ยิ่งตัดสินใจเองได้สิ
ทำไมกัน คนไทยเป็นแบบนี้เหรอ คนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีน้ำใจ
เสียบ ชาร์จแค่นี้เอง คิดตังค์ได้นะ แต่ให้เสียบเหอะ... คนลาวให้กินข้าวกินน้ำ แต่คนไทยไหงเป็นงี้...(เหอ เหอ จิต หนอ จิต คิดไปได้ไวๆ)

แถมต่อต้านอีก...
รู้สึกว่า ไม่เอาไม่ไป หาเจ้าของตลาด เดินออกจากตลาดเลย

หิวน้ำมาก ซื้อน้ำที่ร้านค้า ขายน้ำ น้ำแข็ง และข้าวสาร
เสร็จแล้วขอเสียบชาร์จ เธอให้เสียบได้
ทันทีทันใด ก็โทรศัพท์ติดต่อไปตามเบอร์โทร โฮมสเตย์บ้านดอนมูล
ในเวลา 17.30 น. แล้ว
คนรับสาย บอกว่า เย็นแล้ว แม่บ้านคงไปทำความสะอาดบ้านไทลื้อริมน้ำไม่ทัน หรือถ้าเป็นพักกับชาวบ้าน ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนสะดวกรับหรือไม่
แนะนำให้พักที่ บ้านย่าเกสต์เฮาส์ แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยไปเที่ยวบ้านดอนมูล

พอวางสาย เจ้าของร้านผู้หญิง อายุสี่สิบกว่า ก็มาถามว่า
ไปไหนมา จะไปไหนต่อ จะพักที่ไหน แล้วเมื่อกี้ คุยกับใคร
ก็เล่าให้เธอฟัง ว่าตั้งใจจะมาเที่ยวที่วัดหนองบัว
เธอจึงถามเพื่อนข้างบ้าน ว่า บ้านย่าเกสต์เฮาส์อยู่ตรงไหน
พอรู้ที่แล้ว เธอบอกว่า จะไปส่ง

เอาล่ะสิ...เจอคนไทยใจดีเข้าแล้ว

เธอชื่อ พี่อนงค์ กำลังจะไปเดินออกกำลังกาย
เลยเอารถมอเตอร์ไซค์ไปส่ง ระยะทาง 600 เมตร
ช่วยเข้าไปตรวจดูห้องพักด้วย...เป็นห่วงผู้หญิงเดินทางคนเดียว
ตอนหัวค่ำ เดินไปหามื้อเย็นกิน ขากลับผ่านร้านของพี่อนงค์อีก
เลยแวะคุยด้วย...
เธอเสนอให้ยืมจักรยาน ถ้าขี่ไหว ไปวัดหนองบัว 2-3 กิโลเมตร
ถามว่า ที่อำเภอนี้มีจักรยานให้เช่ามั้ย
เธอบอกว่า ไม่มีเช่า ลูกสาวจะใช้ขี่เล่นเฉพาะวันหยุด เอาไปใช้เถอะ
เลยได้ บีเอ็มเอ็กซ์ มาขี่...

เช้าวันต่อมา ตื่นแต่เช้า ซื้อผลไม้กับมันนึ่ง
เริ่มขี่จักรยาน....
ก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำน่าน เห็นมีต้นไม้ใหญ่กับศาลาอยู่
ไปดู เป็นอัฒจรรย์ สำหรับดูการแข่งเรือ
เหมาะกับการนั่งดูสายน้ำ กินอาหารเช้า
เห็นลุงกับป้า มานั่งเฝ้าเรืออยู่ที่ศาลา เลยเอาลองกองช่อหนึ่งแบ่งไปให้
อีกสักพัก ลุงกับป้า จัดอาหารจะกินข้าว ก็ตะโกนมาเรียกให้กินด้วยกัน
ไม่ได้ไปกิน กำลังอร่อยกับมันนึ่ง...กองละ 10 บาทอยู่

ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ที่ อ.ท่าวังผา
จะมีการแข่งเรือ ระดับอำเภอ 50 ลำ แต่ละหมู่บ้านก็เตรียมวาดลวดลายเรือ
ปั่นจักรยานผ่านนาข้าว บางแปลงเริ่มเห็นรวงข้าวโน้มลงมาหน่อยๆ


มุ่งตรงไปวัดหนองบัว
วัดสวยกระทัดรัด ภาพฝาผนังกร่อนออกไปเยอะ


วันนี้ มีผู้อาวุโส ทั้งชายหญิง
มาทำความสะอาดบริเวณวัด ตัดหญ้า แต่งกิ่งไม้
ลุงบุญเดินเข้ามาหา เชิญชวนให้เข้าชมในวิหาร
ได้โอกาสถามข้อมูลว่า ที่หมู่บ้านนี้ มีโฮมสเตย์ไหม
ลุงบอกมีสิ ที่บ้านไทลื้อ เดี๋ยวชมวัดเสร็จจะพาไปดู


จากภาพข้างบน
หมู่บ้านแถวนี้ ชาวบ้านชอบเล่น "เปตอง"กัน คิดถึงที่หลวงพระบาง

ลุงบุญพาขี่จักรยานไปบ้านไทลื้อ
ใต้ถุนเรือน มี "คนเฒ่าแม่ญิง" กำลังทำขนม "ข้าวควบ"

เรือนไทลื้อ เป็นการใช้งบประมาณของทางหมู่บ้านที่รับมาจาก อบต.
อยู่ในส่วนพัฒนาหมู่บ้านให้อนุรักษ์ฟื้นฟูวัฒนธรรม รองรับการท่องเที่ยว
ได้ยินว่า เป็นเรือนที่เอาไม้มาจากทางลาว แล้วจัดสร้างเรือนแบบไทลื้อหนองบัว


เป็นกลุ่มคนแก่ที่รวมตัวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน หารายได้ ได้ยอดขายวันละ 200-300 บาท ไม่เหงา ได้สังสรรค์ และออกกำลังกาย ด้วยการตำข้าว ช่วยกัน 4 แรงตีน... คุณป้า คุณยาย อายุ 60 - 75 ปี

ทำเป็นแผ่น ตากแห้ง แล้วเอามาปิ้ง ใส่ถุง 5 แผ่น 10 บาท
เกือบเที่ยงก็เสร็จหมด ขายอยู่ที่ใต้ถุนเรือน ทำไป ขายไป
พอบ่าย 2 กว่า เอาที่เหลือไปขายที่ตลาดหมู่บ้าน
ใกล้ๆ ตลาด มีสนามเปตอง ดูลีลาคุณยายซะก่อน...


บ้านไทลื้อ...หลังนี้ คิดค่าที่พัก คนละ 100 บาทต่อคืน
ไปคนเดียว เหมาทั้งหลัง...
ที่นอนปูแบบไทลื้อดั้งเดิม
แต่เพิ่มออปชั่น กางมุ้งปิคนิค...ชอบใจมากเลย ว่าจะหาสักอัน
ไปใช้ที่หลวงพระบาง ไว้นั่งเล่นในบ้านตอนค่ำ เพราะมุ้งลวดไม่สมบูรณ์

ส่วนอาหาร พี่รอนดูแลเป็นแม่บ้าน จะทำอาหารให้กิน
ตามปกติ ราคาหัวละ 80 บาทต่อมื้อ

พี่รอน ตอนนี้อายุ 50 ปี แต่เมื่อ 20กว่าปีก่อน แต่งงานกับคุณตา
ตอนนี้ คุณตา อายุ 89 ปี...พี่รอน เลยให้เรียกเธอว่า ยายรอน
อาหารที่กิน ก็เป็นอาหารพื้นบ้าน
ยายรอนถามละเอียดว่า อะไรกินได้หรือไม่ได้
เพราะมีบางกลุ่ม เช่น นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เคยมา ไม่กินเนื้อสัตว์
ของฉัน กินผักเป็นหลัก ปลาได้เล็กน้อย
ได้กิน น้ำพริกน้ำปู๋+หน่อลวก น้ำพริกน้ำผัก+ผักขี้หูด
ห่อนึ่งคั่วแค อ่อมปลาไหล คั่วไค
ปลานิลนึ่ง น้ำพริกมะกอก จอผักกาด
ทุกมื้อ เป็นข้าวเหนียวนึ่ง



เล่าข้ามไป...
พอมาดูบ้านโฮมสเตย์ พอใจแล้ว
มีลุงหมื่น ช่วยขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปรับที่ในเมือง
เอาจักรยานไปส่งคืนพี่อนงค์...แล้วแบกเป้กลับมาหมู่บ้านหนองบัว

ที่บ้านหนองบัว มีจักรยานให้ใช้ขี่เล่นได้ฟรี
งบส่วนกลางอีกแหละ แต่สภาพจักรยาน 5-6 คัน พอใช้ได้แค่ 2 คัน

ขี่จักรยานไปเล่นที่วัดอีก เพราะมีเรือนไทลื้ออีกหลังหนึ่งในบริเวณวัด
มีกลุ่มคนเฒ่า อีกกลุ่ม ทำขนมกล้วย ข้าวต้มมัด ข้าวเคียบ ทอผ้า และมีขายของที่ระลึกบนเรือนไทลื้อด้วย

คุณป้าถามว่า พักที่ไหน เรือนไทลื้อเหรอ นอนคนเดียว บ่กั๋ว "แมวโพง" กา?
ฉันเงียบไปนิดนึง "แมวโพง" คุ้นๆ แฮะ พอนึกออกก็หัวเราะ "บ่กั๋ว"

ลุงที่อยู่ใกล้ๆ อธิบายว่า แมวโพง เป็นของหลอกเด็ก ว่า ถ้าเด็กร้องไห้
จะมีแมวโพงมากินน้ำตา ประมาณว่า เป็นแมวผี...


คนไทยภาคกลาง เรียกที่ขูดมะพร้าวว่า กระต่าย
แต่คนเมือง คนลื้อ เรียกว่า "แมวขูดบ่ป้าว"

ขนมกล้วย 3 อัน 5 บาท...ราคามิตรภาพสุดๆ


คืนนั้น ออกไปดูดาว...แต่เห็นไม่ชัดเท่าใด
เพราะมีไฟตามถนน คงต้องไปอยู่กลางทุ่งนา จึงจะมืดพอให้เห็นดาว

คืนนั้น หลับดี บ่มีแมวโพง
--------------------------

ตื่นแต่เช้า ออกไปปั่นรถถีบ
สดชื่นมากๆ กับสีเขียวของทุ่งนา
ชาวบ้านแถวบ้านดอนแก้ว กับบ้านดอนมูล เกือบทุกหลัง
จักตอก...สำหรับเอาไว้ถัก แล้วส่งไปขายคนที่ทำหมวกสาน

วันศุกร์ เด็กๆ แต่งตัวชุดม่อฮ่อมไปโรงเรียน


ถึงบ้านดอนมูล แวะวัดก่อนเลย
หลวงพี่มาเปิดวิหารให้เข้าไปชม...
ท่านเล่าว่า อาจารย์ที่เรียนเกี่ยวกับเรื่องประเพณีลื้อ
ให้ ข้อมูลว่า "ตุง" เป็นของที่ลูกหลานทำมาบูชาพระ เพื่อส่งบุญกุศลให้คนตาย หากวิญญาณยังไม่ได้ผุดได้เกิด ก็ให้เกาะชายตุงขึ้นไปผุดไปเกิด
ลวดลายตุงแต่ละอัน ข้างล่างสุด จะเป็นลายช้าง ชั้นถัดมาจะเป็นเรือ
แต่ละชั้นจะมีความหมายอยู่ แต่หลวงพี่ไม่รู้ลายละเอียด

หลังคาวิหาร ยังเป็นแป้นเกล็ด ชนิดใช้ขวานผ่า เป็นแฮนด์เมด
ไม่ใช้เครื่องไสไม้


บ้านดอนมูล มีบ้านไทลื้อ เรือนไม้ 2 หลังใหญ่ๆ อยู่ริมน้ำน่าน
สำหรับเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน และให้นักท่องเที่ยวไปพักได้
วันนั้น ไปถึงเช้าเกิน ยังไม่มีกิจกรรมอะไร

มี อนุสาวรีย์เจ้าเมืองล้า ซึ่งเชื่อกันว่า ชาวไทลื้อมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองล้า เมื่อ 10 กว่าปีก่อน กวางไปถึงเมืองล้า ในสิบสองปันนา เจอชาวบ้านที่นั่น พูดคุยกับเขาเป็นคำเมือง ก็คุยกันรู้เรื่องเลยแหละ


ขี่รถเล่น ในหมู่บ้านดอนมูล
เห็นเรือนไทลื้อดั้งเดิม เหลืออยู่หลังเดียว โย้ๆ นิดๆ แล้ว
ชาวบ้านบอกว่า อีกไม่นานก็คงจะรื้อ...

บ้านลื้อในปัจจุบัน ส่วนที่เป็นบ้านไม้ มักจะเป็นแบบนี้ (ซ้ายล่าง)
หลังใหญ่มากๆ

ขวามือล่าง ดูตะกร้า ลื้อเมืองน่าน ก็หน้าตาคล้ายๆ กับของลื้อหงสา
แต่บอบบางกว่า...


กลับมาศูนย์การเรียนรู้ชุมชน บ้านหนองบัว
เขามีการตัดเย็บเสื้อ ซิ่น
กำลังเย็บเสื้อไทลื้อพื้นบ้านอยู่ เลยลองใส่ดู
ขนาดตัวพอดี แขนสั้นไปหน่อย ป้าที่เย็บ เลยจัดการทำให้พอดี
ถูกใจมากๆ เป็นแบบเรียบๆ มีสีสดใสแค่ส่วนชายเสื้อ
กับพู่ไหมที่เอวสองข้าง ในราคา 200 บาท

ป้าให้เอาซิ่นไทลื้อ ที่เรียกว่า "ซิ่นม่าน" ให้ลองใส่กับเสื้อ
ขวามือล่าง ซิ่นม่านฝ้ายพื้นบ้าน จัดแสดงอยู่บนบ้านไทลื้อ
ซ้ายล่าง มีคุณยายใส่ ซิ่นม่าน
ไปหาซื้อดู ไม่มี ของขายหมดแล้ว
ซ้ายบน ไปดูที่ "จันทร์สมการทอ" มีซิ่นม่านไหม หรูหราสวยงาม
ในราคา 1600 บาท หยิบไม่ติดมือ...แฮ่
ตกลงเลยยังไม่มีซิ่นม่านกับเขาสักผืน...


เย็นวันนั้น กินข้าวตอนบ่ายสี่โมงกว่า
แล้ว ยายรอนขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งที่ ท่ารถทัวร์
ขึ้นรถทัวร์ วีไอพี 24 ที่นั่ง ที่มาจาก อ.ท่าช้าง
ตอน 18.00 น. ถึงกรุงเทพ แถวฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ตี 4.30 น.
ผึ้งกับแม่ อยากไปรับ ก็ได้เจอกันที่รังสิต.......
กลับมาถึงบ้าน กินข้าวเสร็จแล้ว
ทั้ง 3 คน นอนตอน 7 โมงเช้า หลังดูทุ่งแสงตะวัน
อาแม่ ดูๆ หลับๆ....
พอตื่นมาตอนสาย ถามฉันว่า "ทุ่งแสงตะวันตอนนี้ เรื่องเกี่ยวกับอะไรนะ!!!"

ทริปนี้ บรรลุวัตถุประสงค์...ติดใจ จะออกไปแบกเป้ชนบทลาว-ไทย อีก


Create Date : 25 กันยายน 2552
Last Update : 28 กันยายน 2552 8:33:52 น. 13 comments
Counter : 3830 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ พี่กวาง เคยอ่านหนังสือ ชีวจิต ที่ร้านกาแฟข้างบ้าน พี่ลงสัมภาษณ์ด้วยใช่ไหม ค่ะ

พี่เก่งจังเลย สามารถผ่านทุกอย่างมาได้ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ถ้า แนตเป็นแบบพี่ คงจะท้อใจมากไปแล้ว...ขนาดตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไร ชีวิตโสด เท่านั้นเอง ยังเบื่อ ๆ เซ็งๆ กับชีวิตซะ...

เป็นกำลังใจให้พี่กวางค่ะ...มีความสุขมากๆค่ะ




โดย: PrettyNatty วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:9:13:05 น.  

 
ได้เรื่องได้ราวเหมือนไปเที่ยวเองเลย
ขอ add ไว้เป็นเพื่อน จะได้แวะมาอ่านบ่อยๆ ครับ


โดย: oddy.freebird วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:9:29:38 น.  

 
อยากไปหลวงพระบางงงงงงงง

มีโครงการจะแบกเป้ไปลาวอ่าครับ

แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปตอนไหน


โดย: นายกาแฟ (matadorman ) วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:9:45:04 น.  

 
ชอบตอนนี้อ่ะ อ่านซะเพลินเลยค่ะ ชอบรูปที่วัดจัง

น้องที่ทำงานเพิ่งไปเที่ยวหลวงพระบาง วังเวียง
บอกว่าประทับใจมาก ส่ง blog พี่กวางให้น้องอ่านดีกว่าเนอะ

มีความสุขมากนะคะพี่กวางคนเก่ง



โดย: Sue IP: 61.90.118.108 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:21:33:09 น.  

 
**คุณ PrettyNatty - แม่นแท้...ลงชีวจิต 3 เล่มต่อกัน ถ้าอยากอ่านซ้ำไปที่นี่นะ
<คลิ๊กตรงนี้ค่ะ>
ชีวิตโสด เป็นอิสระดีมีสุขออกค่ะ อยากทำอะไรให้รีบทำ เดี๋ยวมีคู่มาแล้วจะสุขอีกแบบหนึ่ง
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยค่ะ

**คุณ oddy_Freebird ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แวะมาเยือนกันบ่อยๆ นะคะ

**นายกาแฟ - หาโอกาสงามๆ สัก 7 - 10 วัน แล้วก็ออกเดินทางโบยบินตามหัวใจ...

**น้อง Sue --ได้เลยค่ะ คงได้แลกเปลี่ยนกับน้องๆ ว่ามุมมองและความประทับใจต่อบ้านเมืองของเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไร...





โดย: Minie' วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:8:53:46 น.  

 
พี่อนงค์ยินดีที่น้องกวางมาเที่ยวน่าน ถ้ามาอีกรอบจะดูแลคะ และขอขอบคุณสำหรัมิตรภาพในการมาเที่ยวหวังมาคงมาเยือนน่านอีกครั้งนะคะ จะต้อนรับสู่อำเภท่าวังผา ด้วนความยินดียิ่ง


โดย: พี่อนงค์ IP: 118.174.26.154 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:19:57:43 น.  

 
ขอบคุณ พี่อนงค์มากๆ ค่ะ
ถ้าไปอีก แวะไปหาอีกแน่ๆ เลย

อ่านหนังสือแล้ว อย่าลืมเวียนไปให้เพื่อนที่ป่วยอ่านนะคะ


โดย: Minie' วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:20:45:48 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำตอบกลับถึงพี่นะคะ พี่ได้รับหนังสือของน้องกวางแล้ว และก็อ่านเสร็จแล้วด้วย แล้วพี่จะนำหนังสือไปให้เพื่อนๆ ญาติๆของพี่อ่าน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์นะคะ สวัสดีค่ะ


โดย: พี่อนงค์ IP: 118.172.124.212 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:11:44:51 น.  

 
มาอีกทีครับเรื่องชื่อของขบเคี้ยวครับ เข้าควบ ต่างกับ เข้าโคบ อย่างไรครับ ผมเคยทานแต่ เข้าโคบ ในลาวครับ


โดย: Innocent IP: 96.255.191.3 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:4:41:10 น.  

 
ข้าวโคบ ยังหารูปไม่เจอค่ะ

ข้าวโคบ เป็นข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ใส่เกลือนิดหน่อย นำมาปั้นเป็นแผ่นกลม ตากแดด พอแห้งแล้ว ทอดน้ำมันร้อนๆ ให้กรอบ คนลาวมักกินข้าวโคบกับข้าวซอย (เนื้อหมู/ควายสับคั่วเครื่องแกง ใส่มะเขือเทศ ทำเป็นน้ำหน้าก๋วยเตี๋ยว)
แต่ที่อร่อย เวลาไปงานบุญ ชาวบ้านแนะนำให้กินข้าวโคบกับซุปผัก...

ส่วนข้าวควบ เป็นข้าวที่ตำผสมน้ำอ้อยและน้ำมันพืชจนเป็นแป้งเหนียว เกือบจะเหนียวพอๆ กับแป้งโรตี เอามาคลึงเป็นแผ่นบางๆ แล้วตากแดด พอแห้ง ปิ้งไฟอ่อน จะได้ขนมแผ่นพองหน่อยๆ กรอบ พอกัดก็จะได้ยินเสียง 'ควบ ควบ'


โดย: Minie' วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:12:12:37 น.  

 
ในลาวก็มีขายนะคะ ข้าวควบ แต่ไม่รู้ว่าเรียกเหมือนกันหรือเปล่า ไว้จะสืบข่าวให้ค่ะ


โดย: Minie' วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:12:13:01 น.  

 
เขียนมาอ่านไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เห็นเกี่ยวกับลาวเลย


โดย: ก่งก้ง IP: 124.120.222.4 วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:9:57:54 น.  

 
คุณก่งก้ง,

ถ้าสนใจตอนเที่ยวลาว คลิ๊กอ่าน ตอนที่ 1 เขียนไว้ข้างบนจ้า


โดย: Minie' วันที่: 17 มีนาคม 2557 เวลา:13:57:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.