SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 
งานเปิดตัวหนังสือ "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า" ประสบการณ์หลังบำบัดมะเร็ง ของ กวาง-มีนา

สัปดาห์ที่แล้ว
ทางสำนักพิมพ์เมธีนิรมิต ได้จัดงานเปิดตัวหนังสือ "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า"
ที่ฉันเป็นผู้เขียน............
มีลูกศิษย์โยคะชาวตะวันตกถามมาว่า ชื่อหนังสือชื่ออะไร
ก็เลยต้องตอบว่า "From Chaotic Running To Peaceful Walking"

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
บ่าย 2 โมง
ที่อาคารสำนักงาน บ.ป่าใหญ่ครีเอชั่น ถ.เกษตร-นวมินทร์
----------------------------------------------------------------------------------

งานนี้ เชิญสื่อมวลชนมาทำข่าวการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่อพบมะเร็ง... เรื่องราวก็เริ่มขึ้น โดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ, นพ.เจริญ วิภูภิญโญ, มีนา เปรื่องวิริยะ

พบองค์ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิชั้นแนวหน้า ผู้เป็นที่พึ่งแก่ผู้ป่วยมะเร็ง
ภายใต้เนื้อหาเมื่อพบมะเร็ง เราควรทำอย่างไร
การรักษา เคมีบำบัด การดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยดูแลตนเองได้อย่างไร
การป้องกันโรคมะเร็ง การใช้ชีวิตที่เหมาะสมในยุคสมัยปัจจุบัน ฯลฯ
นำสนทนาโดย นิรมล เมธีสุวกุล

ขอนำภาพและสกู๊ปข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวสด มาใช้ค่ะ
เนื่องจากมีรายงานเนื้อหาในการสนทนาในวันนั้น...

ข่าวสด คอลัมภ์สตรี

วิ่งเร็วมาเดินช้า หลังบำบัดมะเร็ง



สำนักพิมพ์น้องใหม่ เมธีนิรมิต โดย นิรมล เมธีสุวกุล เปิดตัวหนังสือเล่มแรก เรื่อง "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า : ชีวิตหลังบำบัดมะเร็ง" พร้อมล้อมวงเสวนา เรื่อง "เมื่อพบมะเร็งเรื่องราวก็เริ่มขึ้น" ที่อาคารป่าใหญ่ ครีเอชั่น จำกัด

บรรยากาศภายในงานเป็นกันเองและดูอบอุ่น ทั้งยังมีการสาธิตโยคะจากผู้ป่วยมะเร็ง โดยเรื่องราวของคนต้นเรื่อง มีนา เปรื่องวิริยะ หรือ กวาง วัย 42 ปี เธอเล่าว่า เป็นนักนิยมความสมบูรณ์แบบ จะทำอะไรแล้วต้องดีที่สุดและต้องดีที่สุดในสายตาตัวเอง และด้วยความมุ่งมั่นบวกกับทำงานหนัก เธอประสบความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อย เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่ได้รับการยอมรับ แต่สิ่งที่ตามมาคือความป่วยไข้ด้วยโรคมะเร็งรังไข่ ในระยะที่รุนแรง ตอนอายุ 37 ปี

จากนั้นเธอก็บอกลาชีวิตสาวเมืองกรุงที่แสนรีบเร่ง พลิกชีวิตตัวเองหันมาดูแลตัวเองด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่กับธรรมชาติบำบัด รวมถึงปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยการควบคุมตัวเองทั้งเรื่อง อาหาร อารมณ์ รวมถึงเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่โดยไปใช้ชีวิตที่หลวงพระบาง

"การเปลี่ยนที่อยู่มีความสำคัญพอสมควรกับการเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ โอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตคงยาก หากเปลี่ยนที่ใหม่จะทำให้เรารับรู้ถึงการก้าวเดินในแต่ละก้าวมากขึ้น ทำให้เรามีสติมากขึ้น"

กว่า 3 ปีครึ่งแล้วที่เธอและสามี นายวาทิศ เปรื่องวิริยะ หนุ่มนักธุรกิจ หันมาใช้ชีวิตในต่างถิ่นและยืนเคียงข้างกันตลอดมา ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า "ผมรักภรรยา" เช่นกันกับญาติๆ และเพื่อนพ้องที่คอยให้กำลังใจล้นหลาม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

มีนา ย้อนความรู้สึกครั้งแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งว่า รู้ปั๊บก็เป็นทุกข์ทันที ทุกอย่างล้มลงตรงหน้า อนาคตที่วาดหวังพังครืน หลังตั้งสติได้เธอนำผลตรวจชิ้นเนื้อไปปรึกษาแพทย์ที่บัลวี เมื่อแพทย์ทั้งสองทางเห็นตรงกันว่าต้องผ่าตัดและทำเคมีบำบัดเธอจึงทำตาม แต่ก่อนผ่าตัดได้เรียนรู้ตัวเองและสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อให้ตัวเองแข็งแรง ทั้งก่อนและระหว่างให้เคมีบำบัด เช่น อาบน้ำสลับร้อนเย็นเพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงการให้วิตามินเข้มข้นทางสายน้ำเกลือ และการเข้าโปรแกรมจิตบำบัดให้คิดทางบวกซึ่งเป็นประโยชน์ในการรักษา



ด้าน พ.ญ.ลลิตา ธีระสิริ จากศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี กล่าวเสริมว่า คนที่เป็นมะเร็งมักตกใจและท้อแท้ หลังได้รับคำพิพากษาว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน เมื่อมาหาเราหมอไม่เคยบอกว่าอยู่ได้กี่ปีกี่เดือน เพราะเราไม่อยากพิพากษาคนไข้ จากประสบการณ์สอนเราว่าคนที่ถูก พิพากษาว่าอยู่ได้ 6 เดือน ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ได้ถึง 16 ปีก็มี รายแรกเป็นหญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมซึ่งต้านการใช้เคมี และชายที่เป็นมะเร็งที่ไต ระยะที่ 4 ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันพิพากษาว่าอยู่ได้ 6 เดือน แต่วันนี้เขาก็ยังอยู่กับบัลวีมาได้ 16 ปีแล้ว

"ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากอยู่นานแค่ไหน ถ้าคิดว่าเรายอมแพ้เราก็แพ้จริงๆ ถ้าเราสู้มันก็มีโอกาสที่จะอยู่ได้ ฉะนั้นหมอไม่เคยพิพากษาเขา แต่จะบอกให้สู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม"

พ.ญ.ลลิตากล่าวต่อว่า การรักษาเราจะแนะนำให้รู้จักผู้ป่วยที่เป็นโรคเดียวกันและอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ให้เขาพูดคุยกันเอง เขาจะสร้างกำลังใจให้กันเอง เพราะเวลาหมอบอกเขาไม่ค่อยเชื่อ ขณะเดียวกันการติดต่อสื่อสารสมัยนี้รวดเร็ว การแลกเปลี่ยนข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทำให้เห็นตัวอย่างมากขึ้น เป็นผลดีทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียว จะทำให้เขามีกำลังใจในการเอาชนะมะเร็ง เรามีชมรมชาว "มะ" ที่คอยให้กำลังใจกัน

คุณหมอจากบัลวีกล่าวด้วยว่า เราไม่ได้ปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลหรือแพทย์แผนปัจจุบัน ถ้าจำเป็นเราเองต้องทำ แต่ส่วนใหญ่จุดอ่อนของคนไข้และหมอแผนปัจจุบันจะถือว่าอันนี้เป็นสรณะ ซึ่งเป็นจุดอ่อน เมื่อรู้สึกแบบนั้นจะไม่มีทางปรับเปลี่ยนได้เลย และเมื่อปรับเปลี่ยนไม่ได้ภูมิต้านทานก็เหมือนเดิม โอกาสที่มะเร็งจะกลับมาก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมซ้ำซากที่ทำให้ไม่หาย ขณะเดียวกันผู้ป่วยมะเร็งนั้นการดูแลเรื่องอาหารต้องมีไขมันและโปรตีนค่อนข้างต่ำ เน้นผักสดผลไม้ให้มาก รวมถึงใกล้ชิดธรรมชาติให้มากเท่าที่จะทำได้ เขาก็มีชีวิตอยู่ได้

"หมอกินทุกอย่าง แต่ต้องรู้ว่าเรากินอะไร ตามสัดส่วนที่เหมาะสม แต่คนที่ป่วยย่อมมีความยากลำบากกว่า หมอจะบอกกับคนไข้มะเร็งทุกคนเสมอว่าถ้าคุณแฮปปี้กับการกินอาหารที่หมอรับรอง คุณจะไม่ใช่คนที่เป็นมะเร็ง ตรงนี้คือบททดสอบ ขณะเดียวกัน คนใกล้ชิดมีความสำคัญมากต่อการหายของคนไข้ที่เป็นมะเร็ง ในหลักปรับเปลี่ยนเขาต้องการกำลังใจมาก" พ.ญ.ลลิตากล่าว

"ความเป็นมนุษย์มีค่ามาก ชีวิตคนเราไม่ได้จบเพียงแค่ว่าฉันเป็นมะเร็งและ จบลง การเป็นมะเร็งอาจเป็นคุณค่าให้คนอีกเยอะแยะ" คำกล่าวของน.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล

มีนากล่าวว่า ประสบการณ์ที่เป็นจริงๆ กระบวนการและสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราได้รับรู้ว่าเราหนีมันไม่ได้ แต่เราต้องค่อยๆ ยอมรับมันและซึมซับ เราเองต้องค่อยๆ ปรับตัวเยอะ ในการปรับเปลี่ยนอาหาร หันมารับประทานอาหารต้านมะเร็ง ทำให้รู้ว่าผักคือผักจริงๆ ผลไม้ที่เป็นผลไม้แท้ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปากเราไม่เคยชิน เพราะเราเอาเกลือ พริกไทย น้ำ ตาล มาบดบังธรรมชาติเหล่านั้น ต้องขอบคุณสมาชิกในครอบครัวที่เดินพร้อมกัน

ทุกวันนี้ให้เวลาในการดูแลตัวเองทั้งวัน เรื่องที่อยากฝึกเพิ่มขึ้นก็ใช้เวลาทำมากขึ้น หรือการออกกำลังกาย โยคะอย่างเดียวไม่พอ ต้องเดินเร็วหรือ ขี่จักรยาน เพื่อเป็นการแอโรบิก เพราะฉะนั้นเวลาในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงเป็นกิจกรรมที่ดูแลตัวเอง แม้ว่าจะมีอาการเมื่อยล้าเพราะขาดฮอร์โมนและการรับเคมีบำบัด มีอาการเพลีย ทุกบ่ายหลังกินข้าวจะนอน 15-30 นาที และพบแพทย์เพื่อตรวจภายในทุก 6 เดือน" แต่มีนายังดูร่าเริงแจ่มใส

เพราะเธอรักตัวเองทำให้เธอดูแลตัวเองได้ดีที่สุด มีนาบอกว่า พอเรารักตัวเอง เราก็เข้มแข็งมาก โอกาสในการแบ่งปันคนอื่นก็มีมากขึ้น



เธออยู่กับโรคนี้มาแล้ว 4 ปีครึ่ง และยังเป็นครูสอนโยคะให้นักท่องเที่ยวอยู่ที่หลวงพระบาง มีรายได้นิดๆ หน่อยๆ เป็นค่าผักและผลไม้ และไม่ต้องการทำธุรกิจให้ใหญ่โต เธอบอกไม่เอาแล้ว และการได้สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้ รวมถึงกิจกรรมที่เธอเข้าไปสัมผัสนั้นรื่นรมย์เหลือเกิน

วันนี้เธอจรดปากกาบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตได้ถึงกระบวนการต่างๆ ในการเยียวยาร่างกายและจิตใจหลังจากทุกข์ และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ป่วยและขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจ รวมถึงจุดประกายให้ผู้ป่วยมีกำลังใจต่อสู้กับมะเร็ง

"จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า : ชีวิตหลังบำบัดมะเร็ง" ตัวอักษรพร้อมภาพประกอบ 288 หน้า รูปเล่มสวยงาม วางแผงแล้วในราคา 180 บาท บอกเล่าชีวิตของมีนาในตอนต้น อาหารและการใช้ชีวิตประจำวันในหลวงพระบาง ในตอนท้ายบอกเล่าที่มาของแหล่งข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง



ภาพบรรยากาศในงาน
++ซึ่งมีเพื่อนๆ มาให้กำลังใจ ประมาณว่า เยี่ยมไข้ ดีใจที่อาการของฉันดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้เป็นปกติ
++ญาติๆ ก็เช่นกัน มาให้กำลังใจกันอบอุ่น
++แฟนคลับบล็อก มีโอกาสได้มาเจอกัน และได้พูดคุยกับคุณหมอ
++น้องๆ ที่ บริษัทป่าใหญ่ครีเอชั่น ช่วยเหลืองานนี้กันแข็งขัน ด้วยจิตอาสา..ขอบคุณมากๆค่ะ

แขกทะยอยกันมาในงาน
ต้อนรับด้วยของว่าง และขนมจากหลวงพระบาง
บู๊ธนี้ เป็นไคแผ่นปิ้ง แจ่วบองสูตรต้านมะเร็ง กินกับข้าวเหนียวดำ


แจ่วบอง


ข้าวเหนียวหนึ่งปั๊น จิ้มแจ่วบอง และไคแผ่นปิ๊ง 1 แผ่น


ใส่จานไปกิน


แม่ปราณี คือแม่บุญธรรมของฉัน
เดินทางมาจากหลวงพระบางเพื่อมาร่วมงานนี้
จึงเป็นพริตตี้กิตติมศักดิ์ ประจำบู๊ธ ไคแผ่น แจ่วบอง


มาชิมขนมกันก่อน


ขนมขี้หนู ทำจากข้าวโม่ทอดเคลือบด้วยน้ำอ้อยหอมหวาน กินกับชาสมุนไพรต่างๆ


พี่นก-นิรมล ให้สัมภาษณ์รายการ "สีสันบันเทิง ช่อง 3"


ฉันช่วยอธิบายสูตร แจ่วบองสูตรต้านมะเร็ง ว่า ไม่ใส่น้ำมัน ไม่มีเนื้อสัตว์ และไม่มีผงชูรส


ปิ๊งข้าวเกรียบมันสำปะหลัง


ขนมบ้าบิ่น ก็จากหลวงพระบาง แล้วยังมีลูกเดือยต้มใส่ฟักทองด้วย
ชาสมุนไพร มีชาคั่วด้วยมือ เป็นชาหม่อน และชาตะไคร้
ชามะตูมหอมๆ ของหลวงพระบางก็ชื่นใจ


กินของว่างกันเสร็จ ก็ถึงเวลาเริ่มงาน
ฉันสาธิตโยคะเพื่อสุขภาพ



สนทนา เรื่อง "เมื่อพบมะเร็งเรื่องราวก็เริ่มขึ้น"
จากซ้าย พี่นก-นิรมล คุณหมอลลิตา คุณหมอเจริญ และฉัน


คุณหมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ให้เกียรติมาร่วมงาน
จึงเรียนเชิญสนทนา เรื่องการโปรแกรมจิต การสร้างพลังใจให้ผู้ป่วย


สนใจฟัง..


กุ้ง พี่อ๋อง พี่อั๋น พี่น้อย มาให้กำลังใจ


แฟนคลับบล็อก อุตสาห์จัดกระเช้าผักผลไม้ปลอดสารมามอบให้
พี่แม่นก คุณปุ๊ก พี่มล คุณปุ๊กปิ๊ก


กับครอบครัวเปรื่องวิริยะ


กับครอบครัวเมธีสุวกุล

ญาติเยอะค่ะ... ;)



กับคุณวาทิศ คู่ชีวิตค่ะ


ให้สัมภาษณ์ ทีวี ช่อง 3

เพิ่งได้รูปมาเท่านี้ค่ะ แล้วจะมาโพสต์เพิ่มนะคะ



มาโพสต์ต่อค่ะ...
เรื่องไม่เรียงลำดับนะคะ

ทีมพริตตี้ปิ้งขนม เบิกบานกันมากๆ


ปิ้งด้วย ชิมด้วย ให้แน่ใจว่าอร่อยจริง ก่อนเสริฟ


แรกเจอ...จากบล็อกนี้ มิตรภาพที่มีให้กัน...ขอกอดที...




Create Date : 25 มกราคม 2552
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 7:53:47 น. 19 comments
Counter : 4745 Pageviews.

 
ขอแสดงความยินดีกับน้องกวางอีกครั้งน่ะค่ะ
เห็นภาพ อาหารแล้วอยากทานจัง...ง..ง

เห็นรูป หลาย ๆ คนแล้ว เกินคาดค่ะ
รู้สึก ทุกคนสดใส สวยงาม โดยเฉพาะน้องแม่นก
ช่าง ไม่มีเค้าของคนป่วยเลยน่ะค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ การที่แต่งกายสวยงาม ทำให้จิตใจเป็นสุข เมื่อจิตใจเป็นสุขพลังต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นมาในตัว ฮอร์โมนหลั่งสารตัวดี ทำให้สยบโรคราบคาบเลยล่ะค่ะ
ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความสุข ในวันปีใหม่(ตรุษจีน)
ซินเจียอยู่อี่ ซินนี่ ฮวดใช้ ทุกท่าน ค่ะ


โดย: พี่สาว ระยอง IP: 117.47.158.232 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:7:39:52 น.  

 
ข่าวใน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

//www.bangkokbiznews.com/home/news/life-style/health/2009/01/26/news_10019.php


โดย: Minie' วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:20:33:07 น.  

 
ข่าวเช้า ทีวีไทย วันที่ 28 มกราคม 2552
สัมภาษณ์นักเขียนช่วงหนังสือน่าอ่าน ท้ายของชั่วโมงข่าว

//www.thaipbs.or.th/clip/index.asp?content_id=183389


โดย: Minie' วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:22:08:04 น.  

 
วันนี้ วันจันทร์ ที่ 2 ก.พ. 2552 ได้ดูข่าวงานหนังสือ จาก "โต๊ะข่าวบันเทิง" ของช่อง 3 โดยคุณเพชรี เพชรช่วยค่ะ ยาวพอสมควร ได้ยินเสียงน้องกวาง คล้ายเสียงคุณนิรมลมากน่ะค่ะ พูดจาชัดเจน น่าฟังค่ะ


โดย: พี่สาว ระยอง IP: 117.47.155.45 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:00:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่สาว
กวางไม่ได้ดูข่าวนี้แฮะ....ขอบคุณที่มาแจ้งข่าวให้ทราบค่ะ
น่ารักจัง จุ๊บ จุ๊บ


โดย: Minie' วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:43:51 น.  

 
หนังสือพิมพ์มติชน 2 กุมภาพันธ์ หน้า 21

ลงสกู๊ป การเปิดตัวสำนักพิมพ์เมธีนิรมิต พร้อมการเปิดตัวหนังสือเล่มแรก "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า"

//www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra02020252§ionid=0131&day=2009-02-02


โดย: Minie' วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:48:53 น.  

 
เห็นข่าวใน มติชน วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ คอลัมน์สุขสรรค์
รูปสวยดีค่ะ

//www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01fun01080252§ionid=0140&day=2009-02-08


โดย: เจ้บางกอก IP: 124.120.72.184 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:41:45 น.  

 
ขอบคุณเจ๊บางกอกค่ะ
ทำลิงค์นะคะ

//www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01fun01080252§ionid=0140&day=2009-02-08


โดย: Minie' วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:55:55 น.  

 
พี่ตั๊ก ไปซื้อหนังสือน้องกวางมานะคะ
มีประโยชน์มากค่ะ
ทำให้ เปรียบเทียบกับตัวเอง เป็นแบบนี้จริงๆ
เราก็เริ่มมองชีวิตเปลี่ยนไป

หลานเพิ่งจบปริญญาโท จากอังกฤษ
กำลังสับสนชีวิต ก็ให้อ่านหนังสือน้องกวาง
เค้าก็ อืม ผมไม่เคยคิดแบบนี้
พี่กวาง เค้าเก่งมากนะอา
เค้าอ่านถึงตีสามเลย อ่าน 2 วัน 1 คืน

เป็นกำลังให้น้องกวางค่ะ
ฝากความคิดถึง น้องเจี้ยว หนุ่มกล้ามใหญ่ด้วยนะคะ


โดย: พี่ตั๊ก accba ราชบุรี IP: 117.47.36.252 วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:11:21:28 น.  

 
ขอบคุณพี่ตั๊ก ที่แวะมาให้กำลังใจค่ะ
ได้ส่งความคิดถึงให้ หนุ่มกล้ามใหญ่เรียบร้อยแล้วค่ะ


โดย: Minie' วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:18:37:10 น.  

 
ได้รับเกียรติเป็นแขกรับเชิญในรายการ ฟ้าเมืองไทย
ออกอากาศไปเมื่อ 12 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาค่ะ

หากต้องการดูวิดีโอคลิป เข้าดูได้ที่นี่ค่ะ
ฟ้าเมืองไทย
1/4 //www.youtube.com/watch?v=QiJOh7dCofI&hl=th
2/4 //www.youtube.com/watch?v=41ItgkWkBm0&hl=th
3/4 //www.youtube.com/watch?v=DLj6GhBTP1k&hl=th
4/4 //www.youtube.com/watch?v=5yI_Yz25IGk&hl=th


โดย: Minie' วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:18:38:21 น.  

 
สวัสดีค่ะ...พี่กวาง
....
ขอแนะนำตัวเองก่อนนะค่ะ
ชื่อนางสาวพุทธทอบุญญ์ อ่านว่า (พุด-ทอ-บุญ)
ได้ดูรายการสยามทูเดย์ค่ะ...ตั้งใจฟังมากๆ
....จดชื่อบล็อกเกือบไม่ทันแน่ะ..
(กว่าจะหยิบปากกากระดาษ)
...........
..รู้สึกว่ารอยยิ้มกว้าง มีความสุขค่ะ
....จิตใจสงบดีค่ะ..
ดีใจนะค่ะ..ยินดีด้วยที่สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ..
พี่กวางโชคดีที่มีสามีน่ารัก เข้าใจและดูแลอยู่ข้างๆ
....
ตอนนี้กำลังจะเดินทางไปออสเตรียค่ะ
ไปเผยแพร่วัฒนธรรมโดยการสอนนาฎศิลป์และดนตรีไทย
ณ มหาวิทยาลัยเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ไม่เคยออกนอกประเทศเลย..ชอบเที่ยวไทยครึกครื้นค่ะ..
..ไปอยู่ไกล..เป็นห่วงแม่และพี่น้องค่ะ
(ยังไม่มีครอบครัวของตัวเองนะค่ะ..๒๙ปีแล้ว)
จะนำเรื่องของพี่กวางไปใช้ประโยชน์ค่ะ
..ใช้เตือนตัวเองให้มีกำลังใจ ไม่ท้อ สู้สู้..(เหงาแน่)
..
เดินทางประมาณ ๑๐คน แต่ไปอยู่คนเดียวค่ะ
..ภูมิใจที่รักษาวัฒนธรรมไทย..
หัดเล่นระนาดตั้งแต่ป.๒ เลยนะค่ะจนถึงปริญญาตรี
จบจากศิลปากรค่ะ..ตอนนี้เล่นดนตรีไทยได้ทุกอย่างค่ะ
นาฏศิลป์ไทย รำไทยด้วยค่ะ..แต่พิณยังไม่เคยหัดเล่นค่ะ
...
.. ..ใกล้วันเดินทางแล้ว..ใจหายค่ะ..เศร้าเล็กน้อย
เพราะเป็นห่วงแม่ อนุญาตให้ไป..แต่จริงๆคงไม่อยาก..
..พอเศร้าๆก็เลย มีกำลังใจจากพี่กวางค่ะ
ขอบคุณมากนะค่ะ...ที่มีนำเรื่องส่วนตัวให้ได้รู้
...เป็นกำลังใจให้พี่กวางนะค่ะ..
ขอให้บุญกุศลกลับคืนสู่..ครอบครัวพี่กวางด้วยนะค่ะ
ขอบคุณที่อ่านข้อความนี้ค่ะ
bhudda-raksa@hotmail.com

(ก่อนจะไป...ชอบรายการทุ่งแสงตะวันที่สุดค่ะ)
เกิดมาก็เจอรายการนี้แล้ว เป็นแบบอย่างได้ดีค่ะ
ย้ายเวลาก็ติดตาม...๖โมงเช้าก็ดู
(พ่อตื่นเช้าค่ะ มารดน้ำต้นไม้ อ่านหนังสือพิมพ์
ส่วนเราก็อ่านหนังสือเรียนสนุกๆค่ะ..




โดย: พุทธทอบุญญ์.. IP: 118.175.125.105 วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:22:44:37 น.  

 
ติดตามตั้งแต่พื่กวางออกรายการฟ้าเมืองไทยแต่ได้ดู
เกือบท้ายรายการแล้วสนใจมากเพราะคุณน้าก็ป่วยเป็นมะเร็งรังไข่เหมือนกันแล้วพยายามหาซื้อหนังสือในเชียงใหม่แล้วก็ไม่มีแล้วก็มีความหวังอีกครั้งเมื่อสยามทูเดย์เอาเรื่องของพี่กวางมาออกแล้วคุณน้าก็ได้ดูด้วยเป็นกำลังใจที่ดีเลยทีเดียวอยากทราบว่าจะหาซื้อหนังสือได้ที่ไหนค่ะอยากให้คุณน้าหายป่วยและแข็งแรงเหมือนพี่กวางค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้พี่กวางนะคะบุญรักษาค่ะ


โดย: bee paka IP: 118.172.56.208 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:21:12:45 น.  

 
คุณพุทธทอบุญญ์,

เดี๋ยวจะเมล์หานะจ๊ะ


โดย: Minie' วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:14:31:09 น.  

 
คุณ bee paka,

จะได้เข้ามาอีกไหมคะเนี่ย?
เรื่องหนังสือ ถ้าหากหาตามร้านยังไม่ได้ (บางครั้งอยู่ระหว่างการพิมพ์ครั้งใหม่ หรืออาจจะครบรอบการวางจำหน่ายพอดี เลยหายาก)
ให้โทรไปที่สำนักพิมพ์ 02 948 1718
ถ้าไม่มีคนรับ ให้ลองโทรเวลาอื่น เพราะสำนักพิมพ์เล็กๆ บ่อยครั้งมีคนอยู่ประจำคนเดียว


โดย: Minie' วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:14:33:35 น.  

 
ขอให้กำลังใจคุณกวางค่ะ พี่เป็นเพื่อนของกบ อยากทราบข่าวกบมาก คิดถึง มีรูปปัจจุบันให้ดูไหมคะ


โดย: สา IP: 124.122.225.49 วันที่: 10 ธันวาคม 2552 เวลา:15:01:50 น.  

 
พี่สา,

เพื่อนพี่กบ ในช่วงไหนคะ สมัยเรียนหนังสือ?
พี่สาช่วยอีเมล์มาหากวางที่ minieii@yahoo.com นะคะ


โดย: Minie' วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:15:37:38 น.  

 
อยยิ้มพี่กว้าง มีความสุขค่ะ
....จิตใจก็วงามค่ะ.อ่านลงมาอ่านลงมา แปลว่าพี่กวางไม้สะบายหรีอค่ะ สู้ๆๆค่ะ.
ถ้าเหันหอยใหญ่หอยน้อย.ให้ยี้มใส่โลดเด้อ
ฮ่าฮ่าฮ่า


โดย: ดิด IP: 82.245.190.198 วันที่: 26 ธันวาคม 2552 เวลา:22:52:59 น.  

 
ได้มีโอกาสนั่งอ่านหนังสือของกวาง ตอนแรกกะว่าจะอ่านสักช่วงของหนังสือ (เพราะติดงาน) แต่พอเริ่มอ่านแล้วก็วางไม่ลงเลยค่ะ (แต่ต้องจำใจวางลงเป็นช่วงๆเพราะมีลูกค้าเข้ามา) แล้วรีบกลับมาหยิบอ่านใหม่ .. อ้อน่าจะเป็นคนที่อ่านหนังสือกวางช้าที่สุดในบรรดาคนอื่นๆ เลยนะคะ แต่ถึงจะช้ายังไง ก็ได้อะไรดีๆ หลายๆ อย่าง ได้แนวคิด มุมมอง ไม่ว่าจะของโรค...หรือโลก หรือของชีวิต... มีประโยชน์มากๆ ต่อตัวเองและคนรอบข้างมากมายเลยค่ะ...ขอเป็นกำลังใจให้กวางและคนที่รักที่อยู่รอบๆข้างกวางทุกๆ คนนะคะ ... ขอให้ชีวิตกวางมีแต่ความเบิกบาน แข็งแกร่ง แบบนี้ตลอดไปนะคะ ... จากเพื่อนที่ไม่เจอกันนานแสนนาน แต่ยังอยู่ในความทรงจำที่ดีตลอดมาไม่เคยลืมเลยค่ะ
หนังสือนี้จะถวายท่านแม่ชีใหญ่เป็นบุคคลต่อไปตามจุดประสงค์ของกวางนะคะ อนุโมนาสาธุ และขอบคุณมากๆ ค่ะ


โดย: อ้อนะคะกวาง /เพื่อนเมื่อครั้งเรายังเยาว์วัย IP: 110.77.199.71 วันที่: 4 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:05:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.