All Blog
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 17 ต่อ


แสงหล้ารีบหลบมุมมา เพราะกลัวเสียงมือถือจะดังเข้าไปในห้องทำงาน มือถือเธอดังขึ้นจริงๆ จึงตัดสินใจรับสาย


“คะ”
“แม่แสงหล้านะครับ”
“ค่ะ ฉันพูด คุณทูนใช่ไหม”
“ใช่ครับ รุ้งอยู่กับผมตรงนี้ รุ้งอยากคุยกับแม่”
“เออ ฉะ...ฉันยังไม่พร้อมจะคุย”
“ผมขอร้อง พูดกับรุ้งเถอะครับ เพราะตอนนี้เขาหาว่าผมสร้างแม่ปลอมขึ้นมา หลอกเขา”
ทูนอินทร์ส่งมือถือให้
“แม่พร้อมจะพูดกับคุณแล้ว”
รุ้งระวีรับสายมาหน้าเย็นชา
“รุ้งค่ะ”
แสงหล้านิ่งงันไปพูดไม่ออก รุ้งพูดเสียงกร้าว
“รุ้งพูด ได้ยินไหม”
“ดะ...ได้ยินจ๊ะ”
“แม่แสงหล้าใช่ไหม”
แสงหล้าเสียงสั่น
“ใช่ลูก แม่เอง”
“ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้นละคะ กลัวเหรอ”
“แม่ดีใจน่ะลูก ที่แม่ได้คุยกับลูกในที่สุดเราก็ได้คุยกันเสียที”
“นั่นซีคะ เบอร์หนูแม่ก็น่าจะมี ทำไมไม่โทรมาคุยกับหนูบ้าง ทำไมต้องผ่านทางคุณทูน”
“แม่ไม่กล้า”
“ทำไมไม่กล้า แม่รู้ไหมว่าหนูตามหาแม่ไปทั่ว แทบพลิกแผ่นดิน”
แสงหล้าเสียใจ
“คือแม่ มันนานเหลือเกินนะรุ้งที่เราจากกัน แม่ไม่อยู่ในสภาพของแม่คนเดิมที่รุ้งจำได้ แม่กลัวว่ารุ้งจะยอมรับสภาพของแม่ไม่ได้”
รุ้งระวีโมโห
“คนเป็นแม่ ถ้าเขารักลูก ยังไงเขาก็ต้องมาหาลูก เอาละ บอกความจริงมาเสีย ไม่กล้ามาพบหน้าฉัน เพราะแกไม่ใช่แม่จริงของฉันใช่ไหม”
แสงหล้าช็อก ทูนอินทร์ตกใจ
“รุ้ง พูดอะไร”
“อย่ามายุ่ง แกก็คงเหมือนนังผกา ที่สวมรอยมาเป็นแม่ฉัน บอกมาแกร่วมมือกับนายทูนหลอกฉันใช่ไหม”
“ไม่นะรุ้ง ไม่ใช่”
รุ้งระวีร้องไห้โฮ
“อย่ามาโกหก เขาจ้างแกมาเท่าไหร่ล่ะ ฉันจะจ้างแกต่อให้เงินเป็นสามเท่าเลย ให้แกโชว์ตัวออกมา จะได้กระชากหน้ากากลวงโลกของนายทูนเสียที”
แสงหล้าพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ทูนอินทร์ไม่พอใจ
“พอแล้วรุ้ง เธอพูดกับแม่บังเกิดเกล้าแบบนี้เหรอ”
“ไม่ต้องมาห้ามฉันนะ ” รุ้งพูดมือถือกับแม่ต่อ “ฉันจะบอกความจริงให้แกรู้ แม่ฉันตายไปแล้ว ตายไปเป็นปีแล้วด้วย”
แสงหล้าช็อก ทูนอินทร์ตะลึง
“รุ้ง พูดอะไร”
ทูนอินทร์เข้ามาแย่งมือถือ รุ้งถอยไปร้องไห้
“แม่ครับ แม่”

แสงหล้าพิงผนังตึกหมดแรงตอบค่อยๆทรุดลงนั่งที่พื้นสนาม มือถือตกจากมือร้องไห้จะขาดใจ ทูนอินทร์ยังพูดสาย...
“แม่แสง”
สายถูกตัดไปแล้ว เขากดวางสาย รุ้งระวีมองอย่างสะใจ และเหยียดหยามแต่น้ำตาก็ไหลพรากไปด้วย
“ยังเล่นละครตบตาฉันอีกเหรอ”
“เธอไปเอามาจากไหนว่าแม่ตายแล้ว”
“ฉันไปที่แพร่ อัฐิแม่อยู่ที่นั่น”
“แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าคือแม่เธอ”
“มีหลักฐานยืนยันทุกอย่าง ของที่แม่เก็บไว้ ทั้งรูปถ่ายของแม่ รูปของฉันวัยเด็ก จดหมายที่แม่เขียนถึงฉันที่อเมริกา แต่ไม่ได้ส่งไป”
“แล้วคุณก็เชื่อ”
“ฉันเชื่อ เพราะหลักฐานมันยืนยันพร้อม”
“เมื่อครั้งยายผกา ก็มีหลักฐานยืนยันเหมือนกัน ถ้วยรางวัลนั่นไง คุณก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ”
“ก็ยังดีกว่าเสียงตามสาย ที่ไม่มีอะไรยืนยันเลยสักอย่าง”
ทูนอินทร์นิ่งไป รุ้งระวีเช็ดน้ำตา
“เอาเป็นว่าฉันเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณแล้ว เราจบกันเท่านี้ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป”
รุ้งระวีออกจากห้องทำงาน ทูนอินทร์กำหมัดแน่น มองตามจนเธอลับไปจากสายตา เขาพยายามระงับความโกรธแต่แล้วก็ระงับไว้ไม่อยู่ผลุนผลันออกจากห้องตามไป
รุ้งระวีเดินกลับมาที่ลานจอดรถ ยืนพิงรถร้องไห้สะอื้น ทูนอินทร์ตามมา
“รุ้ง”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปไหนก็ไปเลย”
“ต้องพูดให้รู้เรื่อง เอาหลักฐานที่คุณว่าเป็นของแม่มาให้ผมดู ผมจะพิสูจน์ว่ามันของจริงหรือปลอม”
“นี่ยังจะดันทุรังว่าตัวเองบริสุทธ์ใจอยู่อีกงั้นเหรอ พอได้แล้ว ฉันรู้แล้วว่าคุณมันเสแสร้งแค่ไหน”
“นี่คุณโง่เง่าให้นายอิทธิมันปั่นหัวคุณอีกแล้วใช่ไหม”
“นาย อิทธิมาเปิดโปงความจริงของคุณต่างหาก คุณอย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันจะลืมเรื่องที่ผ่านมาของเราทั้งหมด”
“ได้ แต่จะบอกให้นะ ผู้หญิงที่โทรมาคือแม่แสงหล้า แม่แท้ๆของเธอ ท่านยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้ท่านคงเจ็บปวดมากที่มีลูกเลวๆอย่างคุณ พูดจาเลวๆกับท่านแบบนั้น”
“หยุดพูดได้แล้ว”
“ถ้าเธอไม่คิดจะตามหาแม่อีก ไม่เป็นไร ฉันจะตามแม่แสงหล้าให้เจอเอง แล้วฉันจะพาแม่ไปพบเธอ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอมันก็แค่นังลูกโง่ ๆ ที่ยอมเชื่อคนเลวๆ อย่างเจ้าอิทธิ ตอนนั้นแม้แต่กราบเท้าแม่ขอโทษ เธอมันชำระบาปตัวเองได้ไม่หมด เพราะเธอมันลูกทรพี”
รุ้งระวีตบหน้าเขาอย่างแรง ทูนอินทร์ตาวาววับด้วยโทสะแล้วรวบร่างรุ้งระวีมากอดปล้ำ
“กรี๊ด ๆ”
รุ้งระวีสู้สุดชีวิต กรี๊ดสนั่น อิทธิและทุกคนได้ยินวิ่งกรูกันออกไปจากร้าน

ทูนอินทร์ยังปล้ำรุ้งระวีไม่เลิก คม เดช คำรณวิ่งเข้ามากระชากร่างทูนอินทร์จากรุ้งระวี เดชชกหน้าเขาล้มไป คำรณตามมาเตะเข้าที่ท้องของทูนอินทร์จนตัวงอ กลุ่มในร้านวิ่งออกมา หนาน คูน อินทร เมธตะโกนห้าม
“เฮ้ย! หยุดนะ”
คำรณจะเตะอีกครั้ง หนานกับคูนผลักอกคำรณ จนเซไป หนานมองหน้าคำรณ
“เตะอีก มึงโดน”
อินทรและเมธช่วยประคองทูนอินทร์ลุกขึ้นมา ทูนอินทร์ทำท่าจะเข้าหาคำรณอีก อินทรกับเมธรั้งไว้
“เกิดอะไรขึ้น” อิทธิถามเสียงเข้ม
จี่หอยเข้าไปหารุ้งระวีที่ยังร้องไห้อยู่ จุ๊บแจงมองอย่างสะใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ เราไปจากที่นี่เถอะ” รุ้งระวีตัดบท
อิทธิไม่พอใจ
“ยังไปไม่ได้ครับ เพราะผมต้องรู้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ทูนอินทร์มองหยัน
“บอกเขาไปซี้รุ้ง ว่าผมอยากจะปล้ำคุณให้เหมือนกับคืนนั้นที่คุณกับนายอิทธิ มาปล้ำจูบกันอยู่ตรงนี้ไง”
“เฮ้ย เรื่องของฉันกับรุ้ง อย่ายุ่ง”
“มีสิทธิ์ซีวะ นี่ร้านของฉัน นายกับยายหลายใจคนนี้มาทำมิดีมิร้ายในร้านฉัน ฉันต้องยุ่งและวิธีของฉันมันต้องปล้ำซ้ำ ให้สมกับความหลายใจของยายนี่”
อิทธิหัวเราะ
“มันต่างกันนะโว้ย แกใช้กำลังบังคับแต่กับฉันรุ้งเขาเต็มใจ”
“โถ ไอ้ควาย”
ทูนอินทร์ถลาเข้าชก อิทธิล้มไปกับพื้น จุ๊บแจงกับหอยกรีดร้อง ทูนอินทร์เข้าซ้ำ คมเข้าห้ามโดนทูนอินทร์ชกเข้าไปอีกหมัด เมธ อินทร หนาน คูนเข้าห้ามทั้งสองฝ่าย จุ๊บแจงกรี๊ดไม่เลิก เข้าประคอง อิทธิ ขณะกำลังชุลมุนอยู่นั้น
คำรณและเดชพยักหน้ากัน แล้วแว่บออกจากกลุ่มทันที โดยไม่มีใครสังเกต
คำรณและเดชวิ่งอ้อมมาที่ห้องทำงานทูนอินทร์ มองซ้ายขวาแล้วผลุบเข้าไปในห้อง แสงหล้าที่ยังนั่งร้องไห้อยู่อีกมุมของตึก ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด เดินอ้อมมาแอบมองที่หน้าต่าง แล้วตะลึงไปเมื่อเห็น คำรณและเดชกำลังค้นหาของ
คำรณตรงมาที่ตู้เอกสารแล้วหยิบกุญแจผีออกมา เดชไปที่เครื่องคอมเปิดเครื่องทันที แล้วมองหาไฟล์เพลง แสงหล้ามองผ่านหน้าต่างเข้ามาตกใจ เธอคิดจะเรียกคนเข้ามาดีไหม แต่กลัวว่าถ้านายคำรณถูกจับได้ตัวเองจะต้องแสดงตัวต่อหน้าคำรณ แสงหล้าคิดหาทางอื่นแล้วหยิบมือถือขึ้นมาอย่างคิดออกว่าจะทำยังไง
เดชหัวเราะเบา ๆ
“โชคดีโว้ย ไม่ต้องมีพาสเวิร์ด เข้าได้เลย”
คำรณไขกุญแจตู้ แล้วเปิดออกไป หยิบสมุดโน้ตเพลงทั้งเล่มออกมา แล้วเปิดดู แสงหล้าหยิบมือถือแล้วกดถ่ายคลิปไว้
“เฮ้ย เพลงเพียบ ทั้งโน้ต ทั้งเนื้อร้อง”
“ผมได้เล่มนี้มาแล้ว เพลงเพียบเหมือนกัน”
“เก็บไปด้วย” เดชมองหน้าจอ “ขอดูดมาทั้งหมดเลยนะ น้องรัก”
เดชเสียบฮาร์ดไดรฟ์เข้ากับเครื่อง แล้วก็อปปี้ทั้งหมดลงมา คำรณมองซ้ายขวา แสงหล้าหลบวูบ
“เร็วครับ”
แสงหล้าโผล่มาอีกครั้ง แล้วถ่ายต่อเนื่อง

ด้านนอก อิทธิยังเล่นบทโวยวายอยู่ จุ๊บแจงและคมยังเป็นทับหลัง ทูนอินทร์ในสภาพบอบช้ำ ถูกหนานและคูนยึดไว้ รุ้งระวียังร้องไห้กับจี่หอย เมธไกล่เกลี่ย
“ผมขอนะครับ เลิกแล้วต่อกันเถอะ”
“ไม่ได้โว้ย ไอ้นี่มันชกอั๊ว ยังไงก็ต้องเอาเรื่อง”
“แจ้งตำรวจเลยค่ะ ทำร้ายร่างกาย” จุ๊บแจงยุ
ทูนอินทร์โกรธจัดตวาดไล่
“ออกไป ออกไปจากร้านฉัน ทั้งหมดน่ะ แล้วพายายหลายใจเมียแก ออกไปด้วย”
อินทรพยายามห้าม
“พี่ทูน อย่าพูดอะไรอีกเลยครับ”
เมธหันไปสั่งอินทร
“พากลับไปที่ห้องทำงานไป”
“ครับ”
หนานและคูนหิ้วทูนกลับไป อิทธิมองหน้าคมเอาไงดี มันจะกลับไปห้องทำงานแล้ว คมพยักหน้ารับรู้กัน
“เฮ้ย จำไว้นะ รุ้งเป็นของฉัน ของฉันคนเดียว”อิทธิพยายามถ่วงเวลา
ทูนอินทร์ชะงัก หันมาพร้อมกับอินทร หนาน คูน เมธพยายามขอร้อง
“คุณอิท กลับไปก่อนเถอะครับ แล้วกรุณาอย่ากลับมาที่ร้านผมอีก”
“อ้อ ขู่เหรอวะ ขู่เหรอ”
อิทธิผลักอกเมธ
“อ้าว ผลักอกกันอย่างนี้เป็นเรื่องซีวะ”
เมธผลักอกอิทธิบ้าง คมกระโดดเข้าชกเต็มหน้าเมธล้มไปกับพื้น
“เฮ้ย รุม” ทูนอินทร์สั่ง
ทั้งหมดวิ่งเข้ามาช่วยเมธ ทูนอินทร์จะเข้าประชิดอิทธิ ส่วนหนานกับคูนจะจัดการคม แต่คมกระชากปืนออกมาแล้วยิงขึ้นฟ้า จุ๊บแจง จี่หอย รุ้งระวีร้องกรี๊ด กลุ่มทูนชะงักกันไป
ด้านใน คำรณกับเดชได้ยินเสียงปืนก็สะดุ้ง
“ยิงกันแล้วครับ เสร็จยังพี่”
“เรียบร้อย”
เดชปิดเครื่อง ดึงฮาร์ดไดรฟ์ออกมา คำรณเก็บสมุดโน้ตไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต ทั้งสองออกจากห้องไป
แสงหล้าโผล่จากมุมตึกแอบมองมา ยกมือถือตามถ่ายจนทั้งสองวิ่งพ้นมุมตึกไป เธอมองอย่างเครียดๆไม่รู้จะแก้สถานการณ์อย่างไร
คำรณและเดชวิ่งมาสมทบกับกลุ่มข้างนอก ทั้งสองฝ่ายยังคุมเชิงกันอยู่ คมยังจ่อปืนที่กลุ่มทูนอินทร์ คำรณและเดชชักปืนออกมาบ้าง อิทธิมองทั้งคำรณและเดช พยักหน้าให้สัญญาณกันว่าขโมยเพลงมาได้แล้ว อิทธิหันมขู่พวกทูนอินทร์
“เอาซีวะ อยากซ่าส์นัก อั๊วจะยิงทิ้งพวกแกหมดทั้งร้านเลย”
ทูนอินทร์ฮึดฮัดไม่กลัว
“แน่จริ .ก็ยิงเลยซีวะ ยิงเลย”
อิทธิเจื่อนไป รุ้งระวีเข้ามาดึงอิทธิ
“คุณอิทไปเถอะค่ะ”
“ได้ ไม่อยากเสียกระสุนแลกกับชีวิตพวกแกว่ะ มันไม่คุ้มค่ากระสุน”
คำรณกลับไปที่รถ คมและเดชคุ้มกันให้อิทธิ รุ้งระวี จี่หอย จุ๊บแจงขึ้นรถไป ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวีผ่านกระจกรถ รุ้งระวีพยายามไม่มองตอบ รถแล่นออก หนานหันมาถามเมธอย่างเป็นห่วง
“นายเมธ เป็นยังไงครับ”
“ปากบวมซีวะ ไม่เป็นไรหรอก กลับร้านเถอะ”
“พวกมันยังไม่ได้จ่ายตังค์ค่าอาหารเลยนะพี่” คูนบอก
“ไปครับพี่ทูน”
อินทรจะพาพี่ชายกลับเข้าร้าน แต่ทูนอินทร์ยังเดือดดาล สะบัดหลุด วิ่งกลับไปที่ห้องทำงาน เมธตกใจ
“เฮ้ย ดูมันหน่อย ท่าทางจะคลั่งว่ะ”
ทั้งสี่รีบวิ่งตามมาที่สนามหน้าห้องทำงานพบว่าข้าวของในห้องกำลังถูกเหวี่ยงออกมา เมธหน้าตื่น
“คลั่งจริงๆด้วย ไปห้ามเร็ว”
อินทร เมธ หนาน คูน รีบวิ่งเข้าห้องเห็นทูนอินทร์เปิดตู้คว้าสมุดโน้ตเพลงออกมาแล้วปากระเด็นออกมาจากห้อง
“พี่ทูน หยุดครับ พี่ทำอะไรครับเนี่ย”
“ฉันจะเผามันให้หมด เพลงที่ฉันแต่งให้ยายรุ้ง”
หนานเข้าห้าม
“โธ่ เผาไปก็ไม่หมดหรอกครับนาย เพราะเพลงมันอยู่ในคอมนี่ครับ”
ทูนอินทร์นึกได้หันไปมองเครื่องคอม กระชากสายไฟออกทันที แล้วจะยกเครื่องเอาไปโยนทิ้ง คูนมองหน้าหนานเซ็งๆ
“เอ็งไม่น่าพูดเลย”
เมธและอินทรเข้าห้ามยึดเครื่องไว้
“เฮ้ย ทูน ทำลายเครื่องจะไปมีประโยชน์อะไรวะ”
“งั้นผมจะลบเพลงในเครื่องทิ้งให้หมด”
อินทรถอนใจ
“งั้นพี่ก็ต้องตามไปลบหลายเครื่องเลยละครับ ทั้งของผม ทั้งของพี่เมธ”
ทูนอินทร์วางคอมลงอย่างเหนื่อยหน่าย ทิ้งตัวลงนั่ง
“ฉันจะกำจัดทุกอย่าง ที่เคยเป็นของยายหลายใจคนนั้น”
ทูนอินทร์มองไปเห็นแหวนที่วางอยู่ในกล่อง
“โดยเฉพาะไอ้แหวนวงนี้”
ทูนอินทร์ออกจากห้องเดินตรงไปที่สนาม แล้วปาแหวนไปที่บ่อปลาก่อนจะเดินจากไป เมธ หนาน คูน อินทรรีบตามมา เมธตกใจ
“เฮ้ย ไปเก็บมาเร็ว ของแพง”
หนานและคูนวิ่งมาที่บ่อปลา แล้วลงไปช่วยกันงมหาแหวน
“เจอไหม” คูนถาม
หนานยิ้ม
“เจอแล้ว นี่ไง”
คูนส่ายหน้า
“นั่นมันหัวแม่ตีนข้า”

สองวันต่อมา ฟ้าใสกำลังฟังเพลงต้มยำลำซิ่งจากเครื่องในร้านอาหาร อิทธิยิ้มกริ่มอยู่ตรงข้าม
“เยี่ยม เพลงนี้แหละที่ฉันได้ยินจากบ้านนายทูน”
“ชื่อเพลงว่าต้มยำลำซิ่ง คิดว่านายทูนคงแต่งไว้ร้องกับรุ้งโดยเฉพาะร้อง โต้ตอบกันคนละท่อน”
“แหม อยากร้องเองจัง แล้วมีเพลงอื่นอีกไหม”
“ที่ใช้ได้อีกสองเพลง แต่ผมจะปล่อยเพลงนี้ออกมาเรียกน้ำย่อยก่อน ดัดแปลงเนื้อเพลงนิดหน่อย ให้รุ้งร้องคนเดียว”
“แน่ใจนะว่าเพลงไม่ได้จดลิขสิทธิ์แล้ว”
อิทธิยิ้ม
“สืบมาแล้วเรียบร้อย เจ้าทูนไม่ได้จดลิขสิทธิ์ใดๆ มันเลินเล่อเหมือนสมัยที่ถูกเธอหลอกไม่มีผิด”
“ไม่ต้องเท้าความเรื่องของฉันหรอกค่ะ เอาเป็นว่างานนี้นายทูนจะต้องเข้าใจผิดว่ายายรุ้งขโมยเพลงของเขา”
“ถูกต้อง”
ฟ้าใสยิ้มอย่างพอใจมาก
“เท่านี้แหละ ฉันพอใจแล้ว”

เฉลาทานอาหารอยู่กับเพื่อนคุณนาย อยู่ที่โต๊ะอีกมุมของร้าน
“คุณพี่คะ มองไปมุมนั้นซีคะ ถ้าดิฉันดูไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นยายฟ้าใสคู่ปรับคุณพี่นะคะ”
เฉลาเหลือบมองไป เห็นฟ้าใสกับอิทธิกำลังหัวเราะ
“นั่นนายอิทธินี่”
เฉลาหยิบมือถือแล้วส่งให้คุณนาย
“คุณน้องช่วยหน่อยค่ะ ทำทีเป็นถ่ายพี่นะ แต่ซูมไปถ่ายสองคนนั่นเลย”
“จัดให้ค่ะ”
คุณนายยกกล้อง เฉลายิ้มแย้ม คุณนายเลื่อนกล้องซูมเข้าไปที่อิทธิ และฟ้าใสถ่ายเป็นคลิปไว้

วันต่อมา เฉลาเปิดคลิปในมือถือที่ฟ้าใสกำลังคุยกับอิทธิให้ดำรงดู
“ไง นัดเจอกันแบบนี้ เฮียมีอะไรติดใจไหม”
“ไม่น่าติดใจอะไร”
“คุยกับนาย อิทธินะเฮีย แม่นี่อาจจะทรยศเฮียก็ได้นะ อย่าลืม นังนี่มันงูพิษ”
“ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องอย่างนี้เฮียไหวตัวทัน ยังไงก็ขอบใจที่เป็นห่วง”
“สำหรับผู้หญิงคนนี้ ฉันเป็นห่วงเฮียจริงๆ”
เฉลามองสามีสายตานั้นยังมีความรักอยู่ แต่รู้ว่าดำรงจืดจางกับเธอเกินรื้อฟื้นอีกแล้ว เธอทำใจลุกจากไป ดำรงมองภาพมือถือ ครุ่นคิดบางอย่าง

รุ้งระวี จี่หอย มะปรางนั่งมองกล่องของที่อินทรวางลงตรงหน้า
“ของๆพี่รุ้งครับที่อยู่ที่บ้านอินสรวงครับ พี่ทูนเขารวบรวมส่งมาคืนให้”
“ขอบใจที่เอามาคืน” รุ้งระวีพูดห้วนๆ
จี่หอยมองอินทร
“แหม คุณทร ส่งคืนมาแบบนี้ จะไม่มีเยื่อใยกันแล้วใช่ไหม”
อินทรพูดไม่ออก
“ดีแล้วละค่ะ หมดเยื่อใยกันนั่นแหละ ดีแล้ว”
รุ้งระวีคว้ากล่องของแล้วขึ้นชั้นบนไป มะปรางมองหน้าอินทรแล้วเชิ่ดลุกขึ้น
“ตัดบัวต้องไม่ให้เหลือใยค่ะพี่หอย”
มะปรางแยกไป อินทรใจเสีย
“เรื่องพี่ทูน พี่รุ้ง พอเข้าใจนะครับว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่กับมะปราง ผมไม่เข้าใจเลย อยู่ดีๆ เขาก็เกลียดขี้หน้าผมขึ้นมา”
“รู้ไหมว่าเขาเกลียดน้องทร ตั้งแต่ตอนไหน”
“ดูเหมือน ตั้งแต่ที่ผมพาจ๊ะจ๋ามาซ้อมร้องเพลงที่บ้านมั้งครับ”
จี่หอยยิ้มๆ
“งั้นรู้แล้ว”
อินทรงงๆ
“ทำไมครับ”
“ปรางมันหึงทรน่ะ”
อินทรตะลึง
“หา หึงผม หึงผมกับจ๊ะจ๋า น่ะเหรอครับ”
“ถูกต้อง พี่หอยสังเกตมาหลายครั้งแล้ว คิดว่าดูไม่ผิด เพราะเหมือนสมัยที่พี่หึงสามีคนที่หก ยังไงยังงั้น”
อินทรยิ้มออก
“แสดงว่า มะปรางเขามีใจกับผมใช่ไหม”
“ก็ต้องมีซี ไม่งั้นเขาจะหึงเหรอ แหม ทรก็ออกหล่อล่ำขนาดนี้”
จี่หอยถือโอกาสลูบคลำ อินทรยังดีใจไม่ทันนึก
“ดีใจที่สุดเลย มะปรางรักผม ชอบผม ขอบคุณมากครับพี่หอย”
อินทรเข้าหอมแก้มจี่หอยหนึ่งฟอด จี่หอยตะลึง
“นานมากแล้วไม่เคยถูกผู้ชายหอมแก้ม ทรทำให้ฝันพี่เป็นจริง มา...หอมอีกข้าง”
อินทรชะงัก
“พอครับ พี่หอย พี่หอยต้องช่วยผมนะ”
“ยินดีเลย ไปขึ้นช่วยกันบนห้องนอนเลยไป”
อินทรสะดุ้ง
“ไม่ใช่...ให้ช่วยเรื่องมะปรางครับ”
จี่หอยเซ็ง
“อ้าว หมดมู้ด ช่วยยังไงล่ะ”
“ก็ผมจะจีบมะปรางให้สำเร็จไงครับ”
“ตกลงน้องทรไม่ได้จีบยายจ๊ะจ๋าหรอกเหรอ เห็นสนิทกันขนาดนั้น”
“เปล่าครับพี่ จ๊ะจ๋าแค่เพื่อน มะปรางน่ะ” อินทรยิ้มอาย ๆ “แฟน พี่หอย ผมมีแผนแบบนี้”
อินทรกระซิบข้างหู จี่หอยทำสยิว
“อุ๊ย คันหู เหรอ เอางั้นเลยเหรอ”
“ครับ แผนนี้ดีไหม”
“ได้ กระซิบอีกข้างซิ จะได้คันหูทั้งสองข้างเลย”
จี่หอยขยับตัว เอียงหูอีกข้างให้ อินทรมองงงๆ แล้วเผ่นออกจากบ้านไป จี่หอยยังเอียงหูอยู่
“กระซิบเร็ว คันหูไม่รู้เป็นอะไร้ เอาบวบเหลี่ยมมาปั่นก็ไม่หาย” จี่หอยรู้ตัวว่าอินทรไม่อยู่แล้ว “อ้าว น้องทร กลับไปแล้ว โธ่! พี่หอยคันหู จะทำยังไงล่ะ”










Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 9:35:51 น.
Counter : 326 Pageviews.

1 comment
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 17


หลายวันต่อมา ทูนอินทร์นั่งทอดถอนใจอยู่ที่เพิงแสงจันทร์ มือถือทูนอินทร์ดังขึ้น เบอร์ไม่คุ้น แต่ก็รับสาย


“ใครพูดสายครับ”
“ฉันเองค่ะ แสงหล้า”
ทูนอินทร์ลุกขึ้นทันที
“แม่แสง นี่เบอร์ของแม่เองใช่ไหมครับ”
แสงหล้ากำลังพูดสายในห้องพักของตัวเอง
“ใช่ค่ะ เบอร์ฉันเอง”
“บอกผมเถอะครับว่าแม่อยู่ที่ไหน ผมจะพาแม่ไปพบรุ้ง”
“ฉันยังไม่พร้อมค่ะ ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่า อย่าเพิ่งหมดกำลังใจในชีวิตนะคะ ฉันเชื่อว่ารุ้งรักคุณมาก เหมือนกับที่คุณรักรุ้ง คุณสองคนชะตากำหนดให้มาเป็นคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน อย่าเพิ่งหมดความพยายามนะคะ”
“ขอบคุณครับแม่ แม่ครับ แล้วเมื่อไหร่แม่จะมาแสดงตัวกับรุ้ง”
“รอให้ฉันพร้อมก่อนเถอะค่ะ เท่านี้นะคะ คุณทูน”
“เดี๋ยวครับ แม่”
แสงหล้าเลิกสาย ถอนใจเฮือกใหญ่ ทูนอินทร์มองเบอร์ในมือ
“รู้ได้ยังไงว่าเราหมดกำลังใจ หรือว่าแม่แสงเฝ้าดูเราอยู่แถวๆนี้”
ทูนอินทร์มองไปรอบๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นใครไปได้

รุ้งระวีและจุ๊บแจงมาโชว์ในร้านไผ่ พงศธรตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งคู่แจกลายเซ็นแฟนๆหน้าร้าน โดยจี่หอยคอยดูแลอยู่ อิทธิตามออกมาพร้อมคม เดช ขณะที่คำรณรออยู่ที่รถตู้แล้ว อิทธิเข้ามาหาจุ๊บแจงแล้วกระซิบ
“เดี๋ยวพูดตามที่ตกลงกันไว้นะ”
“ค่ะ คุณอิท แล้วคืนนี้ ต้องให้แจงไปที่บ้านคุณนะ”
“ได้จ๊ะ...เอ้า กลับกันได้แล้ว ขึ้นรถเถอะ”
ทุกคนจะขึ้นรถ
“คุณอิทขา แจงหิวน่ะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่านะคะ”
“กินที่ไหนดีล่ะ” อิทธิแกล้งถาม
“แจงบอกนายคำแล้วค่ะ ร้านนี้อร่อยมาก มาสระบุรี ยังไงก็ต้องมาทาน”
“เอ้า งั้นไป”
อิทธิ พยักหน้ากับคม เดช และคำรณ ทั้งสามขึ้นรถทันที อิทธิให้รุ้งระวี จี่หอย และจุ๊บแจง ขึ้นตาม

รถแล่นตรงไปยังร้านต้มแซ่บ รุ้งระวีและจี่หอยที่นั่งด้านหลังมองๆ
“เราจะไปร้านไหนคะเนี่ย”
“นี่มันทางไปร้านต้มแซ่บนี่” จี่หอยแปลกใจ
รุ้งระวีกระสับกระส่าย
“คุณอิท เรากำลังจะไปร้านไหนคะ”
“ว่าไงแจง ตกลงร้านอะไร” อิทธิแกล้งถาม
“ก็ร้านต้มแซ่บค่ะ อาหารที่นี่อร้อยอร่อย”
รุ้งระวีอึ้ง จี่หอยงงๆว่าจุ๊บแจงรู้จักร้านต้มแซ่บได้ยังไง

รถมาจอดที่ลานจอดของร้านต้มแซ่บ ทุกคนลงจากรถ จี่หอยมองหน้าจุ๊บแจง
“ยายแจง อยู่ดีๆทำไมถึงอยากกินร้านนี้ ฉันว่าแกไม่เคยมาร้านนี้ด้วยซ้ำ”
“ถึงจะไม่เคย แต่เขาก็ลือกันว่าอร่อย”
“แล้วอะไรบ้างที่อร่อย”
จุ๊บแจงมองไปที่บอร์ดเขียนเมนูประจำวัน
“นั่นไง กุ้งแม่น้ำอบเกลือ ไก่ทอดกระเทียมโทน สเต็กเนื้อโคขุน”
“แกอ่านเอานี่”
“จะกินไม่กิน ไม่กินก็นั่งรอก็แล้วกัน แหม ดังแล้วเรื่องเยอะ”
จุ๊บแจงกระแทกรุ้งระวี แล้วหันไปกอดแขนอิทธิอวด
“เข้าร้านเลยนะคะคุณอิท”
“เดี๋ยวผมตามไป”
จุ๊บแจงรีบถลาเข้าร้าน คมและเดชตาม คำรณยังรออยู่ที่รถ อิทธิมองมาที่รุ้งระวีที่ยังยืนอยู่ข้างรถ
“ฉันไม่เข้าไปนะคะ แกล้งกันรึเปล่า อยู่ดีๆแม่นี่ก็เกิดอยากกินร้านนี้ขึ้นมา”
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
“ถ้ารู้ว่าจะมาที่นี่ ฉันคงรออยู่ในเมือง”
“งั้นรอก็แล้วกันนะ ถ้าหิวก็สั่งอาหารเอง”
อิทธิเข้าร้าน
“งั้นผมเข้าไปทานก่อนนะครับ”
นายคำยิ้มกวนๆ เข้าไปอีกคน
“รุ้ง ไหนๆมาแล้ว ก็เข้าไปทานเสียหน่อย”
“รุ้งไม่กล้าค่ะ”
“กลัวจะเจอคุณทูนใช่ไหม”
รุ้งระวีพยักหน้า
“รุ้ง มันก็ดีไม่ใช่เหรอ รุ้งจะได้เคลียร์กับคุณทูนเสียที ฟังความคนอื่นกันไปมาแบบนี้ มันเข้าใจผิดกันได้นะ”
รุ้งระวีนิ่งไป

แสงหล้าเดินไปที่สนาม นำเอาเมนูไปให้คมและเดชที่นั่งอยู่นอกร้าน
“ป้า เอาเบียร์เย็นๆ มาก่อนเลย”
“ค่ะ”
คำรณเดินเข้ามา ด้านหลังแสงหล้า
“นั่งตรงนี้เลยเหรอลูกพี่”
แสงหล้าสะดุ้งทั้งตัว เพราะจำเสียงได้ว่าคือคำรณ แสงหล้าดึงผมมาปิดหน้า
“ตรงนี้แหละ แดดร่มลมตกพอดี” เดชบอก
“อยากกินอะไรสั่งเลย” คมหันไปบอกคำรณ
“ป้า เอาเนื้อโคขุน”
แสงหล้าเดินเข้าหลังร้านไปทันที
“อ้าว ยังไม่ทันสั่งเลย ไปเสียแล้ว เอ พนักงานที่นี่เป็นยังไง” คำรณมองตามไม่พอใจ

มุมหลังร้าน แสงหล้าเดินพ้นมุมตึกแล้วพิงกำแพง แอบมองคำรณ พลางหายใจไม่ทั่วท้อง
“พี่ แล้วห้องทำงานนายทูน มันอยู่ตรงไหน” คำรณถาม
“อ้อมไปด้านโน้น เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้วนะ” คมย้อนถาม
“เรียบร้อยครับ”
คำรณเปิดเสื้อแจ็คเก็ตให้ดู อุปกรณ์งัดแงะอยู่ในเสื้อเพียบ แสงหล้าแอบมองอย่างสงสัยว่าคำรณจะทำอะไร

รุ้งระวีและจี่หอยมานั่งอยู่ที่สนามด้วยกัน
“รุ้ง ได้กลิ่นเนื้อย่าง ไก่ย่างไหม หอมจัง” จี่หอยมองเข้าไปในร้านตาละห้อย
“พี่หอยหิวใช่ไหมคะ”
“น้ำลายสอไปหมดแล้ว”
“พี่หอยเข้าไปทานเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงรุ้ง”
“เดี๋ยวพี่ไปสั่งมาทานตรงนี้ด้วยกัน”
จี่หอยเข้าร้าน รุ้งระวีทอดถอนใจ เดินเลียบร้านเข้าไปส่วนใน

ที่ห้องทำงานด้านหลัง ทูนอินทร์กำลังฟังเพลงต้มยำลำซิ่ง จากเครื่องคอมฯ อยู่ในห้องตามลำพัง เขาหยิบแหวนในกล่องใหม่ออกมาดู แหวนอยู่ในเรือนใหม่แล้วสวยกว่าเดิม
ทูนอินทร์ถอนใจ สายตามองผ่านหน้าต่างไปยังสวนด้านนอก แล้วก็นิ่งงันไป เมื่อเห็นรุ้งระวีเดินเข้ามาพอดี เขานึกว่าตัวเองตาฝาด ปลดหูฟังออก แล้วรีบออกจากห้องทำงาน ทางประตูที่ออกด้านสนาม
รุ้งระวียังมองต้นไม้ใบหญ้าอยู่
“รุ้ง”
รุ้งระวีหันขวับมา ตกใจที่เห็นทูนอินทร์
“คุณมาหาผมใช่ไหม”
รุ้งระวีไม่ตอบ
“เชิญข้างในก่อนไหม”
“สบายดีแล้วเหรอคะ”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็ต้องพักฟื้นสักระยะกว่าจะแข็งแรงเหมือนเดิม ทำไมไม่มาเยี่ยมผมเลย”
“งานยุ่งน่ะค่ะ อีกอย่างคุณคงมีคนดูแลอยู่แล้ว”
“ใครครับ”
“ฟ้าใสไงคะ”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างงุนงงสงสัย รุ้งระวีมองตอบอย่างท้าทาย

แสงหล้าเดินอ้อมมาใกล้ห้องทำงานทูนอินทร์ ได้ยินเสียงรุ้งระวีกำลังพูดกับทูนอินทร์ จึงเข้าไป หลบมุมต้นไม้
“คุณยังเชื่ออยู่เหรอครับว่าผมกับฟ้าใสมีอะไรกัน”
“ฉันเคยเชื่อคำพูดของคุณ แต่จากที่ฉันได้เห็น ได้ยิน ฉันพบว่าฉันเชื่อคำพูดคุณไม่ได้อีกแล้ว”
ทูนอินทร์เสียงกร้าวขึ้น
“คุณได้เห็น ได้ยินอะไร”
รุ้งระวีสวนทันที
“คุณไม่ต้องมาถาม คุณรู้อยู่แก่ใจตัวเอง วันนั้นคุณกอดกับยายฟ้าใสในห้องนอน สองต่อสอง แล้วยังขึ้นไปร้องเพลงสะพานรุ้ง ต่อหน้าแขกในงานด้วยกัน เพลงที่ เพลงที่คุณบอกว่า คุณแต่งให้ฉันคนเดียว”
รุ้งระวีสะอื้น ทูนอินทร์อ่อนลง
“รุ้ง คุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ผมจำเป็นต้องขึ้นไปร้องเพราะเหตุการณ์มันบังคับ ฟ้าใสมางานในฐานะตัวแทนนายดำรง เมื่อเขาเชิญ ผมก็ต้องให้เกียรติเขาขึ้นไปร้องร่วม”
“แล้วทำไมต้องเป็นเพลงสะพานรุ้ง””
“ฟ้าใสบังคับให้ผมร้องเพลงนี้ ผมไม่ได้อยากร้องเลยสักนิด คุณถามเจ๊หอยก็ได้”
“นั่นมันบทบาทนึง ของคุณต่างหาก”
“อะไรนะบทบาท”
“มันคืออีกบทบาทนึงของคุณ ต่อหน้าคนอื่น แกล้งทำเป็นไม่เต็มใจกับฟ้าใส แต่ลับหลัง คุณก็ยังคงบทบาทสามีกับเธออยู่ หลับนอนกับเธอทุกครั้งที่มีโอกาส”
ทูนอินทร์นิ่งอึ้งไป ไม่คิดว่ารุ้งระวีจะคิดได้ขนาดนี้
“ใครปั่นหัวคุณให้มาพูดอย่างนี้ นายอิทธิกับยายฟ้าใสใช่ไหม”
รุ้งระวีโวยอย่างโมโห
“ไม่ใช่ใครทั้งนั้น ฉันเองที่จับได้ว่าคุณไม่ซื่อกับฉัน คุณอยากได้ฉันมาเข้าค่ายเพลงของคุณ เพื่อให้ฉันเป็นตัวขาย เหมือนที่คุณเคยทำกับฟ้าใส”
ทูนอินทร์ตวาด
“ไม่จริง”
รุ้งระวีสวน
“มันเป็นเรื่องจริง คุณไม่ได้รักฉันที่ตัวฉัน แต่คุณรักที่ฉันจะทำเงินทำทองให้คุณ ให้ฉันทำประโยชน์ให้คุณ”
ทูนอินทร์เข้าถึงตัวรุ้งระวี กระชากอย่างแรง
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ เธอจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว”
รุ้งระวีหยุดพูด ร้องไห้โฮออกมา ทูนอินทร์น้ำตารื้น
แสงหล้าแอบดูอยู่ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ถ้าเธอดูถูกฉันอีกคำเดียว ฉันจะบีบคอให้ตายไปเดี๋ยวนี้”
ทูนอินทร์เลื่อนมือมาที่คอ รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างแข็งกร้าว
“ฆ่าฉันเลยซี ฆ่าฉันเลย ฉันจะได้ไม่ต้องโดนคนอย่างคุณหลอกอีก”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวี แล้วปล่อยมือเดินแยกมาหันหลังให้ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ แต่พยายามระงับสติ
“พูดจบแล้วใช่ไหม ถ้าจบแล้วก็กลับไปได้ กลับไปหาเจ้าอิทธิคนรักของคุณไปซี้”
รุ้งระวีขมวดคิ้ว มองทูนอินทร์อย่างเอาเรื่อง
“อะไรนะ คนรักของฉัน”
ทูนอินทร์หันมามองรุ้งระวี ยิ้มหยัน

“ใช่ นายอิทธิคนรักของคุณไง”
“ฉันไม่ได้รักนายอิทธิ”
“ฮ่ะ โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เธอหาว่าฉันหลอกลวง แล้วเธอล่ะ เธอมันก็นังแพศยาลวงโลกเหมือนกัน ไง ข้อเสนอของไอ้อิทธิ มันเหนือกว่าฉันมากนักใช่ไหม ถึงยอมเซ็นสัญญาต่อกับมัน ความจริงอาจไม่ใช่แค่ปีเดียวก็ได้ อาจเป็นสิบปีเลยด้วยซ้ำ”
“อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆ มีหลักฐานเหรอ”
“มีซี้ มีคนเห็นว่าเธอกอดจูบกับไอ้อิทธิ อยู่ที่สนามหน้าร้านฉัน คืนวันงานที่ฉันรอเธออยู่” ทูนอินทร์เดินเข้ามาใกล้ “ไง ข้อเสนอมันคงราคาดีมากเลยใช่ไหม เงินกี่ล้านล่ะ ถึงยอมทอดกายให้มันขนาดนี้ หรือว่า ชอบที่มันปรนเปรอสวาทให้เธอจนอิ่ม”
รุ้งระวีตบหน้าทูนอินทร์ฉาดใหญ่ ทูนอินทร์ขบกรามแน่น มองเธอด้วยโทสะล้วนๆ แล้วกระชากร่างรุ้งระวีมาปล้ำกอดจูบ
“ปล่อยฉัน”
“ฉันเทิดทูนเธอมากเกินไป แต่ตอนนี้ฉันจะบดขยี้เธอให้เหมือนขยะ”
ทูนอินทร์ยึดร่างรุ้งระวีไว้ แล้วจูบเธออย่างรุนแรง ประกบริมฝีปากอย่างเนิ่นนานจากความรุนแรงดุดัน กลายเป็นความนุ่มนวล อบอุ่น

เมื่อถูกทูนอินทร์จูบ รุ้งระวีพยายามดิ้นรน แต่เขายึดร่างกอดรัดไว้แน่น เธอทานแรงไม่ไหวแน่นิ่งไป ทูนอินทร์ผละใบหน้าออกมา เธอหลับตานิ่งสะอื้นเบาๆซบหน้ากับไหล่ของเขา
“รุ้ง ผมขอโทษ”
รุ้งระวีทรุดเป็นลม ทูนอินทร์รวบร่างไว้ แล้วอุ้มเธอเข้าไปในห้องทำงาน แสงหล้าก้าวออกมามองตามไปในห้องทำงานด้วยความเป็นห่วง
ทูนอินทร์วางร่างรุ้งระวีลงกับโซฟายาว เธอหน้าซีดเซียว เขาอังหลังมือที่หน้าผากร้อนรุมๆ
“คุณมีไข้นี่”
ทูนอินทร์รีบออกจากห้องไป รุ้งระวีค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นแหวนในกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอลุกนั่ง แล้วหยิบแหวนขึ้นมามองเห็นว่าเป็นแหวนวงเดียวกับที่ทูนอินทร์ตั้งใจนำมาให้เธอคืนที่ถูกยิง หญิงสาวยิ่งช้ำใจ ขณะเดียวกันนั้น เสียงทูนอินทร์เดินกลับมา เธอรีบวางแหวนที่เดิม เขาเข้ามาพร้อมผ้าเย็นและกระป๋องใส่น้ำแข็ง
“เช็ดหน้าหน่อยนะ คุณมีไข้”
ทูนอินทร์จะเช็ดหน้าให้ด้วยผ้าเย็น รุ้งระวีลุกทันที
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“เราต้องคุยกันนะรุ้ง คุยกันให้รู้เรื่องว่าใคร หรืออะไรที่ทำให้ความรักของเรา มันกลายเป็นความเกลียดชังกันถึงขนาดนี้”
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว เพราะเอาเข้าจริง มันไม่เคยมี ความรักของเรา คุณไม่เคยรักฉัน”
เธอมองไปที่แหวนเพชรนั้น แล้วยิ่งสะเทือนใจ เขามองตามไปที่แหวนแล้วหยิบ
“รุ้ง นี่แหวนที่ผมเตรียมไว้ให้คุณ วันงานเปิดค่ายเพลง ผมจะขอคุณแต่งงานในวันนั้น”
รุ้งระวีมองแหวนในมือของเขาด้วยอารมณ์หวั่นไหว
“นี่ยังไม่พิสูจน์อีกหรือว่าผมรักคุณ”
“ไม่เลย แหวนวงนี้คือภาพลวงตา เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มสงสัยในตัวคุณ คุณก็จะมีของกำนัลสวยหรูมาปลอบใจฉัน ลวงฉันให้ลืมความจริงไปชั่วครู่ชั่วยาม”
ทูนอินทร์เสียใจ
“คุณคิดกับผมอย่างนั้นจริงๆเหรอ ผมหลอกลวงคุณ ขนาดนั้นจริงๆเหรอ”
รุ้งระวีมองหน้าเขา
“ใช่ หลอกลวงอย่างที่ฉันให้อภัยไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่อง...”
หญิงสาวนิ่งไป ชายหนุ่มจ้องหน้าคาดคั้น
“เรื่องอะไร”
“ฉันไม่อยากพูด”
“บอกมา”
“เรื่องแม่ฉันไง”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีด้วยสายตาผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกล่าวหา ทั้งงุนงงสงสัยและเจ็บปวด แสงหล้าที่แอบมองทางหน้าต่าง ตะลึงงัน

จุ๊บแจงกับอิทธิทานกันอยู่ อินทรและเมธมองมาจากในร้าน
“พี่ครับ นายอิทธิมาทานร้านเรา”
“นั่นซี เมื่อกี้พี่เห็นเจ๊หอย รุ้งมาด้วยรึเปล่า”
“ไม่เห็นครับ”
อินทรมองไปทั่วๆ พลางส่านหน้า ขณะที่ในห้องทำงาน ทูนอินทร์ยังงงงัน
“เรื่องแม่ ผมโกหกอะไรเรื่องแม่คุณ”
“เรื่องที่แม่โทรมาหาคุณไง มันไม่ใช่เรื่องจริง คุณกุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด”
“ผมจะทำไปเพื่ออะไร”
“เพื่อให้ฉันเกิดความหวังไง ว่าแม่ยังอยู่ ตามมาดูคอนเสิร์ตฉัน เฝ้าดูฉันอยู่ห่างๆเมื่อฉันเกิดความหวังและวางใจในตัวคุณ คุณคือฮีโร่ของฉัน สักวันคุณจะพาแม่มาพบฉันจนได้ เมื่อฉันวางใจ คุณก็ชักจูงไปทางไหนก็ได้”
ทูนอินทร์ชะงัก
“คิดร้ายกับผมขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันคงไม่คิดแบบนี้ ถ้าแผนของคุณมันแนบเนียน แต่จริงๆแล้วมีรูรั่วหลายอย่าง ทำไมแม่ติดต่อคุณอยู่คนเดียว ทำไมท่านไม่โทรหาฉัน คุยกับฉัน หรือแสดงตัวออกมาให้เห็น”
“ท่านบอกแล้วว่ากลัวอันตรายจะเกิดกับคุณ เพราะมีคนใกล้ตัวคิดร้ายกับคุณอยู่”
รุ้งระวีไม่เชื่อ
“มันก็แค่ข้ออ้างที่คุณสร้างขึ้นนั่นแหละ จริงๆแล้วผู้หญิงคนนั้นคุณจ้างมาใช่ไหม”
ทูนอินทร์เลือดขึ้นหน้า หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา
“เอาละ เพื่อเป็นการพิสูจน์ คุณอยากคุยกับท่านใช่ไหม ได้ ผมมีเบอร์มือถือท่านอยู่”
แสงหล้าที่แอบมองอยู่ เห็นทูนกำลังต่อสาย เธอรีบหลบจากมุมนั้นทันที รุ้งระวีมองทูนอินทร์ที่กดมือถืออย่างงุนงง









Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 8:52:57 น.
Counter : 311 Pageviews.

0 comment
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 16 ต่อ


ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 16

ที่สนามหลังร้านต้มแซ่บ หนานและคูนกำลังช่วยถ่ายรูปให้ส้มป่อยด้วยมือที่ ขณะที่เธอที่ยืนโพสต์เซ็กซี่อยู่ใกล้ๆห้องครัว


“แกจะถ่ายไปไหนนักหนาวะนังส้ม” หนานถาม
“อ้าว เอาไปใส่เฟซบุ๊กไงน้า คนเขาจะได้รู้ทุกจังหวะชีพจรชีวิตของส้มป่อย”
“ใครมันจะอยากรู้ชีพจรของเอ็งว่ะ เอ็งไม่ใช่ดารา”
“วันนี้อาจไม่ใช่ แต่วันหน้า ส้มป่อยจะไปคว้าดาว”
“ดาวหาง หรือดาวตกวะ เอ็งก็ไม่น่าเอามือถือไปให้มันเลยนี่หว่า มันเลยเป็นบ้าแบบนี้”
คูนบ่น ขณะเดียวกันเสียงร้องเพลงไพเราะของแสงหล้าดังมาจากในครัว ทั้งหมดเงี่ยหูฟัง
“เฮ้ย มีนักร้องมาซ้อมร้องเพลงที่ร้านเหรอ” หนานแปลกใจ
“เฮ้ย ที่ร้านไหนล่ะ เสียงมาจากครัว” คูนบอก
“แล้วใครร้อง อย่างกะนักร้องอาชีพ”
“น้าขา สต็อปพลีส ลิสซึ่น ฟังส้มป่อยค่ะ เสียงนั่นคือซาวนด์ของป้าแสงค่ะ”
หนาน และคูนร้องออกมาพร้อมกัน
“หา ยายแสง”
“ค่ะ หนูได้ยินบ่อยๆ เวลาป้าแกอยู่คนเดียว แกร้องเพลง ซิง อะ ซองแบบนี้ ตอนแรกนึกว่าแกเปิดเพลงสุนารี ราชสีมา ที่ไหนได้ เสียงแกเอง ออริจิ”
“เออ เสียงเหมือนสุนารีเลยว่ะ”
ทั้งสามค่อยๆย่องไปที่ครัว ชะโงกหน้าไปฟังแสงหล้าร้องเพลง ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวลำพัง แสงหล้าร้องเพลงทั้งหวานทั้งเศร้า เอื้อนเสียงได้เพราะจับใจ
“ป้าแสงนี่ แกดูลึกลับยังไงชอบกลนะ หรือว่าเป็นสุนารีปลอมตัวมา” หนานสงสัย
“น้าหนานขา อย่าเวิ่นเวอ”
จังหวะนี้แสงหล้าเดินออกจากครัวอีกด้านหายไป
“ป้าแสงแกลึกลับจริงๆ ถ่ายรูปแกก็ไม่ยอมให้ถ่ายนะคะ แล้วในห้องแกเก็บของลึกลับบางอย่างไว้” ส้มทำหน้าลึกลับจริง
“เฮ้ย อะไรวะ อย่าบอกนะว่าหัวคนดองใส่โหล”
ส้มป่อยมองค้อน
“น้าคูน อย่ากากค่ะ มันน่ากลัวมาก ส้มเล่าแล้วอยากไปออกรายการขนลุกขึ้นหัว”
“นังนี่เยิ่นเย้อ แล้วมันคืออะไรละวะ”
“รูปถ่ายเก่าๆค่ะ”
หนานและคูนบ่นพึม
“ข้าก็นึกว่าหัวกะโหลกคน เฮ้อ”
“ส้มเคยเข้าไปเจอทีนึง แกรีบเก็บรูปถ่าย กับของกระจุกระจิกลงกล่องปิดกุญแจอย่างดีเลยนะคะ ป้าแกซีเคร็ทจริงๆ”
“อย่างนี้น่าไปค้นดูนะ”
“ค้นอะไรกันเหรอ” เสียงแสงหล้าดังขึ้น
“ไปดูของลึกลับของป้าไง เฮ้ย !”
หนาน คูน ส้มป่อยสะดุ้งเฮือก หันมพบแสงหล้าที่มายืนอยู่ข้างหลัง ในมือยังถือมีดหั่นผักอยู่สองเล่ม เอามาถูกันไปมา เพื่อลับให้คม ทั้งสามเบียดกันแน่น
“ป้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่” หนานตกใจ
“นานแล้วละ คุยอะไรกัน จะค้นของใครเหรอ”
“เปล่า ไม่ค้นแล้ว กลัว” คูนเสียงสั่น
“เออ ยังไม่ได้ซ้อมเพลงใหม่เลยไอ้คูน ไปซ้อมต่อดีกว่า”
“เออ ใช่”
หนาน คูนรีบแยกไป
“ทิ้งส้มเลยเหรอ”
ส้มป่อยมองมีดในมือแสงหล้า ที่ถูไปมา
“ส้มไปส้วมก่อนนะคะ ฉี่จะราดแล้ว”
ส้มป่อยวิ่งตื๋อไป แสงหล้าหัวเราะขำๆ

ฟ้าใสปอกผลไม้ให้ทูนอินทร์ ที่นอนบนเตียงอย่างอึดอัด เพราะอินทรออกจากห้องไปแล้ว
“ทานหน่อยนะคะ”
“ผมไม่หิว ฟ้าใส บอกมาตามตรง คุณไปปั่นหัวรุ้งอะไรรึเปล่า รุ้งไม่ติดต่อผมเลย ตั้งแต่วันงานแล้ว”
“พี่ทูนนี่ช่างหาเรื่องฟ้า ฟ้าจะไปเจอยายรุ้งตอนไหนละคะ แต่ว่าถ้ายายรุ้งเขาไม่อยากคุยกับคุณ ฟ้าพอจะรู้สาเหตุอยู่นะ”
“คุณรู้อะไร”
ฟ้าใสยิ้ม หยิบมือถือของตัวเองออกมา
“ลองดูคลิปนี่ดูก่อน ดูแล้วก็ทำใจด้วยนะคะ”
ฟ้าใสส่งมือถือให้ทูนอินทร์ดู
ในมือถือ เป็นภาพรุ้งระวีกำลังกอดกับอิทธิแนบแน่น ทูนอินทร์ดูภาพแทบไม่เชื่อสายตา
“ใครถ่ายคลิปนี้”
“นายถนอมคนรถฟ้าค่ะ”
“ถ่ายที่ไหน เหมือนที่สวนร้านผม”
“ใช่แล้วค่ะ เขาแอบเห็นสองคนนี่พูดจาสวีตหวานกัน แล้วก็มีการโอบกอด จากนั้นนายอิทธิก็เข้ามาในร้าน ส่วนยายรุ้งของคุณก็ขับรถจากไป ไม่คิดจะเข้ามาในงานให้เกียรติคุณสักนิด”
ทูนอินทร์นิ่งงัน มึนไปหมด
“ฉันบอกแล้วว่ายายรุ้งคุณน่ะไม่ใช่ย่อยๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทิ้งคุณ แล้วไปต่อสัญญากับนายอิทธิหรอก”
“รุ้งมีเหตุผลของเขา”
“ก็อ้างได้ทั้งนั้นละ ฉันเดานะ งานนี้นาย อิทธิคงมีข้อเสนอดีๆให้นางอย่างถึงใจ นางถึงได้ทิ้งคุณแบบนี้”
“เธอกลับไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“พี่ทูนขา ฟ้าหวังดีนะคะ”
ทูนอินทร์ปัดจานผลไม้กระเด็น
“บอกให้ออกไปไง”
“ก็ได้ค่ะ”
ฟ้าใสคว้ากระเป๋าและมือถือออกไป
“อยากดูคลิปอีกก็ได้นะคะ ฟ้าจะส่งเมล์ไปให้”
ฟ้าใสหัวเราะหยัน แล้วออกไป ทูนอินทร์ปัดของที่เหลือกระเด็นไปอีก แล้วลุกขึ้นจากเตียง อินทรวิ่งเข้ามา
“พี่ทูน จะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปกรุงเทพ ไปหารุ้ง”
“ยังไปไม่ได้ครับ พี่ยังไม่แข็งแรง”
“ฉันไม่สนแล้ว ฉันจะไปคุยกับรุ้งให้รู้เรื่อง”
“ไม่ได้ครับ พี่ไปไม่ได้”
ทูนอินทร์ผลักทร แต่อ่อนแรงเต็มที อินทรดันทูนอินทร์ไปติดผนัง ทูนอินทร์ร้องไห้ออกมา
“เกิดอะไรขึ้นครับพี่”
“รุ้ง รุ้งหลอกฉัน เขาหลอกฉัน”
ทูนอินทร์ร้องไห้โฮ อินทรดึงพี่ชายมากอดไว้
“ทำไมเขาทำแบบนี้”
“พี่รุ้งไม่หลอกพี่หรอกครับ เชื่อผมนะ เชื่อผม”
สองพี่น้องกอดกันอย่างเศร้าๆ

หลายวันต่อมา รุ้งระวีนั่งตรงหน้าอิทธิ สีหน้ายังเศร้าๆ
“อาทิตย์หน้า ร้านของน้องไผ่ พงศธร ที่สระบุรีเขาเชิญรุ้งไปโชว์ตัวที่นั่น”
“ค่ะ”
“รุ้งพร้อมจะรับงานแล้วใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ผมเป็นห่วงรุ้งน่ะ ตกลงได้เคลียร์กับนายทูนแล้วหรือยัง”
“ยังค่ะ”
รุ้งระวีนิ่งไป อิทธิทำทีเห็นใจ
“ผมเข้าใจนะ เรื่องอย่างนี้เป็นใครก็คงทำใจลำบาก”
“มีอะไรอีกไหมคะ พี่หอย มะปรางรอยู่”
อิทธิเก้อไป
“เชิญครับ”
รุ้งระวีออกจากห้อง

ในห้องอาหารของบริษัท กลุ่มจุ๊บแจงนั่งกินส้มตำปลาร้าตามปกติ
“เรื่องอื้อฉาวเยอะแยะ มีแต่ปมปริศนาทั้งนั้น” อาชาได้จังหวะเริ่มนินทารุ้งระวี
“แกเล่ามาเลยนังม้า มีอะไรบ้าง” จวงใจถาม
“เรื่องแรก สังเกตไหม มีคนหายไป”
“ผัวแกเหรอ” ขวัญข้าวถามอาชา
“ม่ายช่าย แม่นังรุ้งมันหายหัวไปเลย ไม่เห็นมันมาจิกเงินนังรุ้งอีก”
“เออจริง”
“เรื่องที่สอง คราวนี้มีอีกคนที่หายไป ไม่ใช่ผัวก็เหมือนผัว ทายซิ”
จุ๊บแจงยกมือ
“แจงรู้ ผัวคนล่าสุดของพี่”
อาชามองค้อน
“ฉันเบื่อหล่อนมากนังแจง อีกคนที่หายไปคือนายทูน ผัวนังรุ้งไงไม่ติดต่อนังรุ้งเลยนะ”
“เท่าที่รู้ ในงานเปิดตัวค่ายเพลงของนายทูน คุณอิทธิพามันไปที่งานนะ แต่ประหลาด นังรุ้งไม่ได้เข้างาน คนที่ไปสวยเริ่ดเชิ่ดหยิ่งแทน กลายเป็นนังฟ้าใส” จวงใจเล่า
“เลิกกันชัวร์ พนันกันไหม” ขวัญข้าวท้า
จุ๊บแจงงง
“ใครเลิกใครคะพี่ ยายรุ้งกับนายทูน หรือนายทูนกับนังฟ้าต่ำ หรือยายรุ้งกับคุณอิทธิ หรือคุณอิทธิกับ ”
ขวัญข้าวรำคาญเต็มที
“กับแกไงยายแจง คุณอิทเขาเลิกกับแกแน่ๆแล้ว”
จุ๊บแจงหน้าเจื่อนไป
“อุ๊ย หยุดเมาท์มอยก่อน ชีมาแล้ว” จวงใจกระซิบ
รุ้งระวีเข้ามาพร้อมจี่หอย และมะปรางที่ถือถุงอาหารมาด้วย รุ้งระวีหน้าตาซีดเซียว เห็นทั้งกลุ่ม ชะงักไป
“พี่หอย ไปทานห้องอื่นเถอะ ไม่อยากตกเป็นขี้ปากพวกนี้”
“ตายละ กับข้าวกลิ่นแรงทั้งนั้น ไปกินห้องอื่นไม่ได้หรอกรุ้ง เอาน่ารีบทานแล้วรีบไปนะ”
จี่หอยบอก รุ้งระวีจำใจนั่ง กลุ่มอาชาคุยซุบซิบแล้วหัวเราะกันคิกคัก
“นี่ เคยฟังเพลงนี้ไหม ผัวฉันหาย เหลือแต่ไฟแช็ค” อาชาร้องเป็นเพลง
ทั้งกลุ่มหัวเราะร่า รุ้งระวีนิ่งงัน
“ต้องร้องด้วยว่า แม่ฉันก็หาย เหลือแต่ไพ่ป๊อก” ขวัญข้าวร้องบ้าง
ทั้งกลุ่มหัวเราะดังกว่าเดิม
“พวกเราไปเถอะ ปล่อยให้ชีที่ผัวหาย แม่หาย เขาทานกันตามลำพัง” จวงใจประชด
ทั้งกลุ่มลุกออกไป
“เออ อนุโมทนาสาธุ ไปผุดไปเกิดกันทั้งฝูงเลยไป”
จี่หอยมองตามอย่างสุดรำคาญ รุ้งระวีน้ำตาไหลพราก
“พี่รุ้ง”
มะปรางกอดรุ้งระวีไว้วยความสงสาร เช่นเดียวกับจี่หอยที่แต่ถอนใจ

กลุ่มอาชาเดินหัวเราะกันมาด้วยความสะใจ เดชสวนมา
“คุณแจงครับ นายเชิญที่ห้อง”
“คุณอิทธิเรียกแจงเหรอคะ” จุ๊บแจงตื่นเต้น
“ครับ”
เดชแยกไป
“อุ๊ย ใครบอกละคะว่าคุณอิทเลิกกับแจงแล้ว นี่ไง...ยังเรียกใช้อยู่เลย พี่จวง เร็ว”
“อะไร”
“แต่งหน้าเพิ่ม”
“เออ ได้ ได้”
จวงหยิบเครื่องสำอาง มาแต่งเพิ่มให้แจงทันที อาชากับขวัญข้าวมองอย่างเซ็งๆ
“นี่ ไม่ต้องแต่งมากหรอก คุณอิทเขาอาจจะเรียกแกไปล้างห้องน้ำให้เขาก็ได้นะ”
“อุ๊ย ขอให้จริงเถอะค่ะ คราวที่แล้วคุณอิทก็ให้แจงแต่งเป็นพนักงานล้างห้อง ให้เก็บสบู่ด้วยนะ เก็บหล่น เก็บหล่นตั้งสองสามหนแน่ะค่ะ”
อาชาร้องออกมาพร้อมกัน
“ว้าย ! ต๊าย”
“เรียบร้อยแล้วลูกเดี๋ยว ลงนะจังงังก่อน” จวงใจเป่าลมที่หน้าผากจุ๊บแจง “ผัวรัก ผัวหลง ผัวรักผัวหลงนะลูก เพี้ยง”
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่”
จุ๊บแจงวิ่งไปดี๊ด๊าทันที
“จริงเหรอเจ๊จวง คุณอิทให้นังแจงแต่งเป็นอาชีพต่างๆด้วยเหรอ”
“เออ ล่าสุดให้แต่งเป็นเมียงู”
อาชา กับขวัญข้าวกรี๊ดพร้อมกัน ทางด้านจุ๊บแจงเข้าไปในห้องทำงานอิทธิ
“คุณอิท มีอะไรให้แจงรับใช้คะ”
อิทธิลุกไปปิดประตู แล้วดึงจุ๊บแจงมากอด
“มีซี ทั้งงานโชว์ตัว ทั้งงานโชว์ส่วนตัว”
อิทธิจูบไซร้แจง จุ๊บแจงหัวเราะระรื่น
วันต่อมา อินทรมาที่บ้านรุ้งระวี เขานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ขณะที่จี่หอยกับมะปราง กำลังเตรียมเสื้อผ้าสำหรับงานโชว์ตัว รุ้งระวีมีสีหน้าเย็นชา
“พี่รุ้งไปคุยกับพี่ทูนให้รู้เรื่องเถอะครับ ตอนนี้พี่ทูนเหมือนคนป่วย ไม่ทำอะไรเลยได้แต่นั่งซึมแล้วก็แยกตัวไปอยู่ลำพัง”
“เธอต้องการให้พี่ทำอะไร”
“อย่างน้อยคุยกันให้รู้เรื่องก็ดีนะครับ จะได้ไม่”
“ไม่อะไร”
“ไม่กล่าวหากันไปมาแบบนี้”
“พี่เธอกล่าวหาอะไรฉัน”
“เออ”
“พูดมา”
อินทรถอนใจ
“ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันเรื่องอะไร แต่พี่ทูนบอกว่าพี่รุ้งโกหกเขา”
“โกหกเหรอ ฉันไปโกหกอะไรเขา”
“นี่ละครับที่ผมไม่ทราบ ถามก็ไม่บอก เรื่องนี้คงรู้กันแค่พี่กับพี่ทูนละมัง ผมว่าไปเคลียร์กันดีกว่าครับ”
รุ้งระวีลุกทันที
“ไม่เคลียร์ ฝากไปบอกเขาด้วย คนที่โกหกหลอกลวงน่ะคือเขา แล้วถ้าฉันหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าเขาโกหกจริง ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขาอีกเลย”
รุ้งระวีน้ำตาไหล แล้วสะบัดขึ้นชั้นบนไป
“พี่รุ้ง เดี๋ยวพี่หอย พี่รุ้งเขาเป็นอะไร” อินทรงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ก็ไม่รู้ รุ้งเขาไม่พูด”
“พี่ทูนก็ไม่พูดเหมือนกัน เฮ้อ แล้วจะรู้เรื่องกันไหมเนี่ย ปราง พอรู้เรื่องไหม”
มะปรางเย็นชา
“ก็คงไม่ใช่เรื่องอะไร นอกจากผู้ชายมากรัก”
จี่หอยหันไปมองงงๆ
“ปราง แกพูดถึงคุณทูนใช่ไหม”
“พูดรวมๆน่ะค่ะ ทำดีกับคนนี้ พอมีคนใหม่เข้ามาก็ทำดีกับคนนั้น พวกจับปลาสองมือ คบไม่ได้”
มะปรางเดินหน้าเชิ่ดไป อินทรยิ่งงง
“พี่ ปรางงอนผมอีกคนแล้ว แก้ปัญหายังไงดี”
“พี่ก็ไม่รู้ แก้ไม่ถูก ผัวพี่ก็เพิ่งทะเลาะกับพี่เมื่อกี้”
“หา ใครผัวพี่”
“เขาเรียกผัวแผ่น ดูๆอยู่ ภาพมันสะดุดเฉยเลย แหม กำลังฟินาเล่”
หอยแยกไป อินทรเกาหัวแกรก
“ผัวแผ่น คือหนังโป๊ใช่ไหมเนี่ย”

วันต่อมา ทูนอินทร์นั่งมึนซึมอยู่ที่เทอเรซบ้าน มองเขาสวยเบื้องหน้า ขณะเดียวกับที่เมธและอินทรที่กำลังเตรียมงานอยู่ในห้องด้านในมีเอกสาร และตารางการทำงานเต็มโต๊ะ ส่วนแสงหล้า กับส้มป่อยกำลังจัดอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารข้างๆ
แสงหล้ามองทิวทัศน์รอบๆอย่างปลื้ม เพราะเพิ่งเคยมาครั้งแรก
“บ้านนายทูนนี่สวยจริงๆนะ ส้ม”
“บ้านอินสรวงของส้ม สวยเสมอค่ะ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์”
เมธมองไปที่ทูนอินทร์
“ทูนมันมึนซึมแบบนี้ ท่าทางจะไม่ไหวนะทร เดี๋ยวมันต้องเดินสายโปรโมทเพลงกับพี่เป็นอาทิตย์นะ”
“ผมไม่รู้จะช่วยยังไงครับ ทั้งพี่ทูน พี่รุ้ง ไม่ยอมคุยกันเลย”
“เขาทะเลาะอะไรกัน”
“ก็ยังไม่ทราบอยู่ดีละครับ ต่างฝ่ายต่างว่ากันว่าหลอกลวง พี่รุ้งถึงกับบอกว่าจะไม่ให้อภัยพี่ทูน ผมเองก็ไม่กล้าเล่าให้พี่ทูนฟัง กลัวแกสติแตกกว่าเดิม”
แสงหล้าฟังด้วยความสนใจ ส้มป่อยเรียกทุกคน
“อาหารพร้อมแล้ว เชิญรับทานค่ะ”
“ส้ม ไปเรียกนายทูนมาทานไป”
“ค่ะ”
“ส้ม ป้าเรียกเอง”
แสงหล้าเดินไปหาทูนอินทร์
“คุณทูนคะ ทานข้าวนะคะ วันนี้ป้าทำกับข้าวที่คุณชอบหลายอย่าง”
ทูนมองหน้าแสงหล้า
“ไม่หิวน่ะป้า”
“คุณไม่ทานเลย จะไม่สบายเอานะคะ”
ทูนอินทร์ถอนใจ แสงหล้าตัดสินใจเอื้อมมือไปแตะไหล่ของทูนอินทร์อย่างเป็นกำลังใจให้ ทูนอินทร์รับรู้ถึงความอบอุ่นและปรารถนาดีนั้น
“นะคะ ทานสักนิดก็ยังดี”
ทูนอินทร์สัมผัสถึงความเป็นแม่ของแสงหล้า เขายิ้มตอบอย่างขอบคุณ แล้วยอมลุกขึ้นมาร่วมโต๊ะ
“มาทูน ทานข้าวด้วยกัน” เมธเรียก
“ของชอบพี่ทั้งนั้นเลยครับ” อินทรพยายามชวนคุย
“นี่ค่ะ ฉู่ฉี่ปลา แกงส้มชะอม และต้มยำปลากะพง ของโปรดของนาย ส้มปรุงรสชาติเป๊ะๆ เหมือนวันนั้นเลยค่ะ”
“วันไหน”
“วันที่นายทูนซดต้มยำของส้ม แล้วได้แรงบันดาลใจ แต่งเพลงต้มยำลำซิ่งไงละคะ”
อินทรกับเมธพยายามจะห้ามส้มป่อยไม่ให้พูดมาก แต่ส้มไม่รู้ตัว
“ซดเลยค่ะ เรียกพลังกลับมา” ส้มป่อยเต้นด้วย “เดอ เด้อ เด่อ เด้อ เด้อ นางเดอ”
ทูนอินทร์มองชามต้มยำ แล้วลุกออกไปทันที แสงหล้าอึ้งไป
“อ้าว นายขา”
เมธหันมาดุ
“ยายส้ม พูดเรื่องเพลงต้มยำลำซิ่งทำไม มันยิ่งสะเทือนใจพี่เขาอยู่”
“สะเทือนใจยังไงคะ”
อินทรช่วยอธิบาย
“เพลงนี้พี่ทูนเขาจะร้องเปิดตัวคู่กับพี่รุ้ง แต่ตอนนี้ร้องไม่ได้แล้ว เขากำลังเฮิร์ทอยู่”
“เหรอคะ ส้มไม่รู้”
“จำไว้นะ อย่าพูดชื่อเพลงนี่อีก”
“ต้มยำนี่ก็งดทำชั่วคราว เข้าใจไหม” เมธสั่ง
ส้มป่อยอยากจะร้องไห้
“เข้าใจค่ะ”
แสงหล้าพอจะเข้าใจว่าเกดิดอะไรขึ้น ได้แต่มองตามทูนอินทร์ไปอย่างเป็นห่วง

หน้าห้องนั่งเล่น ส้มป่อยเก็บผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ออกมาวางกองเพื่อส่งซัก แสงหล้าถือไม้ขนไก่ ช่วยปัดกวาดอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แล้วมองไปที่รูปถ่ายของทูนอินทร์ที่วางอยู่เต็มโต๊ะ แสงหล้าหยิบรูปใส่กรอบมาปัดกวาด แล้วมองไปเห็นรูปทูนอินทร์วัยเด็กใส่ชุดประกวด หน้าตาน่ารัก อินทรเดินผ่านมาพอดี
“คุณทรคะ นี่รูปใคร”
“พี่ทูนน่ะครับ”
“ถือถ้วยรางวัล ประกวดอะไรคะเนี่ย”
“สมัยเด็ก พี่ทูนเดินสายประกวดร้องเพลงน่ะครับ ได้มาหลายรางวัล”
“น่ารักจัง”
แสงหล้ามองเลยไปแล้วเห็นรูปแหม่มจ๋ายิ้มร่า เธอตัวชานิ่งไป รูปแหม่มจ๋าสามสี่รูปวางอยู่เรียงกัน ทุกรูปใส่วิกผมทอง ถือถ้วยรางวัล
“แหม่มจ๋า”
“ป้าแสงรู้จักเด็กในรูปเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ เห็นหน้าเป็นเด็กฝรั่ง ก็เลยเรียก แหม่มจ๋า แล้ว รูปใครคะ”
“ชื่อแหม่มจ๋าอย่างที่ป้าเรียกน่ะครับ”
“คุณทูนเก็บรูปเด็กคนนี้ไว้ทำไมคะ”
อินทรหัวเราะ
“เพราะยายเด็กนี่แสบมาก เคยแกล้งพี่ทูนตอนประกวด แล้ววันหลังผมจะเล่าให้ฟังแล้วบังเอิญมากๆ เพราะยายเด็กนี่พอโตขึ้นมากลายเป็นคนรู้ใจของพี่ทูนไปได้”
แสงหล้ารู้แล้ว แกล้งถาม
“ใครคะ”
“ความลับครับ ยังบอกไม่ได้ เจ้าตัวขอไว้”
อินทรแยกไป แสงหล้ามองรูปรุ้งระวีแล้วน้ำตารื้น
“รุ้งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วละ คุณทูนเขาเป็นคู่ของรุ้งจริงๆ บุพเพถึงชักนำให้เขารู้จักกับรุ้งตั้งแต่เด็กแบบนี้”
แสงหล้าหยิบรูปอีกรูปหนึ่งขึ้นมา มองไปที่มุมภาพ เห็นหน้าของตัวเองเต็มๆที่ยืนกับหมู่ผู้ปกครอง เธอยิ้มทั้งน้ำตา ส้มป่อยเดินเข้ามา
“อุ๊ย ป้าแสงร้องไห้”
แสงหล้ารีบวางรูป เช็ดน้ำตา ส้มป่อยมองดูรูป
“เห็นเด็กๆน่ารักน่ะ ป้าเลยคิดถึงลูก”
“ป้ามีลูกด้วยเหรอ”
แสงหล้ากล้ำกลืนก้อนสะอื้น
“ส้ม”
“คะ”
“มือถือที่ส้มถ่ายรูปน่ะ ป้าขอซื้อต่อได้ไหม”
“อุ๊ย ซื้อต่อเหรอคะ”
“ใช่ป้าอยากถ่ายรูปเด็กๆพวกนี้เก็บไว้ดู น่ารักดี”
“แล้วป้าจะซื้อเท่าไหร่”
“ขายให้ป้าถูกๆละกัน ป้าเงินไม่เยอะ”
“ก็ได้ ส้มจะไปซื้อเครื่องใหม่ แต่เบอร์กับซิมป้าต้องซื้อเองนะหนูไม่ขาย”
“ยังไงก็ได้จ๊ะ ว่าแต่ตอนนี้ถ่ายรูปให้ป้าก่อน”

แสงหล้าหยิบรูปรุ้งระวี และทูนอินทร์ มาวางให้ส้มถ่ายทีละรูป แล้วดูรูปในกล้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่










Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 9:02:22 น.
Counter : 625 Pageviews.

0 comment
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 16 (ต่อ)


ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 16

ทูนอินทร์นั่งทอดถอนใจอยู่ในห้องทำงาน เปิดลิ้นชักหยิบกล่องแหวนออกมาเปิดออก แหวนเพชรเม็ดเล็กแต่สวยงาม ส่งประกายวาว เมธเข้ามาในห้อง

“ทูนเป็นยังไงวะ”
เมธมองแหวนในมือทูนอินทร์
“ผมกะจะขอเขาแต่งงานในคืนนี้ คืนที่ผมคิดว่าผมน่าจะมีความสุขที่สุด เพราะได้สิ่งที่ผมรักถึงสองอย่าง ทั้งเปิดค่ายเพลงและความรักจากรุ้ง แต่แล้วมัน มันพังทลายไปหมด เขาไม่มางาน ติดต่อไม่ได้ เขาคงไม่อยากอยู่ในสังกัดของเราแล้วละครับพี่”
“เอาน่า ทำใจร่มๆไว้ จะบอกให้ว่ารุ้งเขามาแล้ว”
ทูนอินทร์ลุกผึงทันที
“เหรอครับพี่ เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้นี้เอง เขาฝากบอกกับป้าแสงว่าเขาไม่ค่อยสบาย ขอกลับก่อน”
ทูนอินทร์จะออกจากห้อง
“เฮ้ย จะไปไหน”
“ไปตามรุ้งกลับมาน่ะซีครับ”
ทูนอินทร์กลับมาหยิบกล่องแหวนใส่กระเป๋าที่อกเสื้อ ก่อนจะออกไปทางประตูสวน
“เฮ้ย แล้วนายรู้เหรอว่าเขาอยู่ไหน”

ทูนอินทร์วิ่งมาที่ลานจอดรถของร้าน กดมือถืออีกครั้งแต่รุ้งระวีไม่รับสาย ช่วงเวลาเดียวกันนั้น รุ้งระวีขับรถอยู่ มองมือถือที่ส่งเสียงเธอน้ำตาไหล ทูนอินทร์ยืนอยู่ที่รถกดส่งข้อความ
‘รุ้งอยู่ที่ไหน ผมกำลังตามหา ตอบผมด้วย’
ทูนอินทร์ขึ้นรถ คำรณใส่หมวกกันน็อคชุดดำนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่ในความมืด มอง รถทูนอินทร์ที่แล่นออกไป แล้วบึ่งมอไซค์ตามทันที
ในร้าน อินทร จ๊ะจ๋าและมะปรางนั่งอยู่ด้วยกัน อินทรปลอบใจ จ๊ะจ๋าที่ยังกลัวอยู่
“ใจเย็นๆ ครับ คุณไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายสักหน่อย”
“บางครั้งฉันไม่ได้ทำผิด แต่พี่ฟ้าก็ลงโทษฉันแรงๆอยู่เรื่อย”
มะปรางมองหน้า
“อย่างตบหน้าแกใช่ไหม ยังสงสัยอยู่เนี่ยว่าแกยอมได้ยังไง”
จ๊ะจ๋าอึ้งไป ฟ้าใสเข้ามาในห้อง ถนอมตามเข้ามาด้วย
“ตามหาอยู่ตั้งนาน มาหลบอยู่นี่เอง ฉันจะกลับแล้ว แกต้องกลับกับฉันเดี๋ยวนี้”
จ๊ะจ๋าหน้าสลด
“ค่ะ”
อินทรรีบขัด
“เดี๋ยวครับ จ๊ะจ๋ามากับผม คืนนี้จะค้างที่บ้านผมกับมะปราง พรุ่งนี้ผมไปส่ง จ๊ะจ๋าที่กรุงเทพเอง”
มะปรางมองหน้าเขาอย่างงงๆ ฟ้า ใสมองหน้าจ๊ะจ๋า
“งั้นเหรอ ยายจ๋า แกตกลงจะค้างที่นี่กับนายทรเหรอ”
“คือ ค่ะ ตกลงกันไว้อย่างนั้น”
“จริงนะ” ฟ้าใสถามย้ำ
“ค่ะ”
ขาดคำฟ้าใสตบหน้า จ๊ะจ๋าอย่างแรง จ๊ะจ๋ากรีดร้อง มะปรางกับอินทรตกใจ ฟ้าใสเขย่าร่างจ๊ะจ๋า
“แกยังอยากอยู่ที่นี่อีกไหม”
จ๊ะจ๋าสะอื้น
“ไม่แล้วค่ะ ไม่อยู่แล้ว”
อินทรเข้าห้าม
“หยุดเลย ทำเกินกว่าเหตุแล้วนะ ยายคุณนาย”
ฟ้าใสหันมาตวาดอินทร
“อย่ายุ่ง นายทร นี่เรื่องของฉันกับนังจ๋า เด็กในปกครองฉัน”
“ต้องเกี่ยวแล้ว ทำร้ายร่างกายกันอย่างนี้มันเกินไป จ๋าอย่ายอมนะ แจ้งตำรวจเลย”
ฟ้าใสมองเย้ยไม่กลัว
“กล้านี่ ได้ แจ้งเลย เอาอย่างนี้ก่อนแจ้งตำรวจ แจ้งกับนักข่าวในร้านนั่นดีกว่า บอกไปเลยว่าฉันตบนังนี่” ฟ้าใสชี้หน้าจ๊ะจ๋า “แล้วแก นังจ๋า แกก็บอกนักข่าวด้วยนะ ว่าแกกำลังทรยศเสี่ยดำรง หันมาซบค่ายเพลงนี้ แกถูกปรับเป็นเงินล้านแน่ แล้วก็อย่าหวังนะว่านักร้องหางแถวอย่างแกจะมาดังกับค่ายเพลงแบบนี้ได้”
อินทรกับมะปราง อึ้งไป ฟ้าใสหันไปหาคนขับรถ
“ถนอม พามันไปหานักข่าวเลย”
จ๊ะจ๋าตกใจ
“ไม่นะคะ ไม่ จ๋ายอมทุกอย่างแล้ว อย่าให้เป็นเรื่องเลยนะคะ”
ถนอมดึงตัว จ๊ะจ๋าออกไป ฟ้าใสตาม อินทรจะตาม มะปรางดึงไว้
“พี่ทร พอเถอะ อย่าเอาตัวไปเสี่ยงเลย”
“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องช่วย จ๊ะจ๋า”
อินทรและมะปรางตามมาในร้าน จ๊ะจ๋ายังระล่ำระลักขอร้องฟ้าใส ขณะที่ถูกดึงจะออกไปส่วนร้าน
“พี่ฟ้า ไหว้แล้ว อย่าทำกับจ๋าแบบนี้ อนาคตจ๋าดับแน่”
“สมควรแล้วนี่”
อินทรเข้าไปขวาง
“เดี๋ยว เสี่ยจะว่าอะไรไหม ถ้าทางค่ายเพลงผมจะขอซื้อตัวจ๊ะจ๋ามาเข้าสังกัด”
จ๊ะจ๋างง มะปรางก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ฟ้าใสแปลกใจ
“ซื้อตัวเลยเหรอ”
“ใช่”
“ต๊าย นังจ๋ามันมีราคาถึงขั้นจะซื้อตัวเลยเหรอ”
“อย่าดูถูกให้มาก ความสามารถของจ๋าอาจจะมากกว่าเธอด้วยซ้ำ”
ฟ้าใสหัวเราะเหยียดหยัน
“ฮ่ะฮ่ะ งั้นเหรอ อ้อ เข้าใจละ ที่ทั้งร้องทั้งเต้นกับนังจ๋าเมื่อกี้ แสดงว่าซักซ้อมกันมาอย่างดี คงใกล้ชิดกันมากซีนะ ถึงได้หลงเสน่ห์นังจ๋ามันขนาดนี้”
มะปรางสะเทือนใจกับคำนี้มากที่สุด
“อย่าเข้าใจผิดไปเป็นเรื่องอื่น ผมกำลังพูดถึงความสามารถของจ๋า จ๋าเป็นนักร้องคุณภาพ แต่คุณทำกับเธอเหมือนคนใช้ บางครั้งก็เหมือนทาส”
“ฮ่ะฮ่ะ ยายจ๋า แกต้องภูมิใจตัวแกมากๆเลยนะเนี่ย ที่นายอินทรเขารักแกขนาดนี้”
มะปรางยิ่งเจ็บ ขณะที่จ๊ะจ๋าพยายามขอร้อง
“คุณทรคะ อย่าเพิ่งพูดอะไรมากกว่านี้เลย พี่ฟ้าอย่าพาจ๋าไปเจอนักข่าวเลยนะคะ จ๋าไหว้ละ”
“ก็ได้ เห็นแก่ความรักของคนทั้งคู่นะเนี่ย พามันไปที่รถ”
“ครับ”
ถนอมพาจ๊ะจ๋าออกไป
“ไปนะคะ แหมเชื้อไม่ทิ้งแถวเลยจริงๆ พี่ชายก็ไปหลงนังนักร้องค่ายอิทธิ น้องชายก็มาหลงนังนักร้องค่ายดำรง เฮ้อ ใฝ่ต่ำกันทั้งคู่”
อินทรทำท่าจะถลันใส่ฟ้าใส มะปรางยึดไว้
“อย่าพี่”
ฟ้าใสหัวเราะ แล้วออกไป อินทรโกรธมาก
“อีนังบ้าเอ๊ย”
“พี่ทร หยุดเถอะ เราไม่มีอำนาจอะไรไปสู้กับพวกมัน”
“แต่จ๋ากำลังลำบาก เราต้องช่วยจ๋านะ”
มะปรางจ้องหน้าแล้วถามออกมาตรงๆ
“พี่รักจ๋าใช่ไหม”
อินทรชะงักอึ้ง
“ปราง”
“ยายฟ้าใสพูดถูกใช่ไหม พี่รักยายจ๋า ถึงโอบอุ้มกันถึงขนาดนี้”
“ไม่ใช่นะปราง ไม่ใช่เรื่องรัก”
“แล้วจะเป็นเรื่องอะไร”
มะปรางมองหน้าเขาอย่างเสียใจแล้วแยกไป
“ปราง”
อินทรได้แต่อึ้งๆ ไม่ได้นึกเอะใจว่ามะปรางหึงตนเอง

รุ้งระวีขับรถมาจอดรถหน้าบ้านอินสรวง แต่ไม่เข้าบ้านเดินอ้อมตัวบ้าน ไปที่ทุ่งด้านหลังตรงไปยังเพิงแสงจันทร์ ต้นแสงจันทร์กระจ่างนวลอยู่ใต้พระจันทร์เต็มดวง เธอเดินมานั่งที่เพิง มองไปรอบๆ แล้วใจหาย ที่ตรงนี้คือที่ที่ความรักของเธอและเขาเกิดขึ้น รุ้งระวีร้องไห้พิงเสาอย่างสุดกลั้น
ทูนอินทร์ขับรถไปตามถนนเปลี่ยว กำลังจะเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงแรมที่รุ้งระวีพัก เขากดมือถืออีกครั้ง รุ้งระวีมองมือถือที่กำลังส่งเสียง แล้วตัดสินใจรับสาย
“ค่ะ คุณทูน”
ทูนอินทร์ที่กำลังขับรถอยู่ดีใจมาก
“รุ้ง อยู่ที่ไหน ผมกำลังจะเข้าเมือง”
รุ้งระวีกลั้นสะอื้น
“ฉันอยู่ที่บ้านคุณค่ะ”
“บ้านผม ที่ไร่เหรอ”
“ค่ะ ฉันอยู่ที่เพิงแสงจันทร์ของเรา”
“อยู่ที่นั่นนะ ผมจะไปถึงไม่เกินยี่สิบนาที เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ใช่ เรามีเรื่องต้องคุย”
“ดีใจจริงๆ ที่รุ้งรับสาย รุ้งไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
รุ้งระวีกดวางสาย ทูนอินทร์ยิ้มออกมาได้รีบบึ่งรถกลับบ้าน
“จะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน”
รุ้งระวีร้องไห้สะอื้นอย่างหนัก
ทูนอินทร์ขับรถมาถึงทางแยก แล้วเลี้ยวไปทางไปไร่ คำรณขับมอเตอร์ไซค์ตามมาหยุดมองอย่างสงสัยว่ากลับไปที่ไร่ทำไมแต่ตัดสินใจขับตามไป
ทูนอินทร์ขับรถมาจอดที่หน้าไร่ แล้วรีบวิ่งลัดทุ่งตรงไปยังเพิงแสงจันทร์ คำรณขับมอเตอร์ไซค์ตามมา เห็นเขาวิ่งไปในในทุ่ง ก็บึ่งมอเตอร์ไซค์ไปอีกทาง
รุ้งระวียังนั่งหดหู่อยู่ ได้ยินเสียงเรียกของเขาดังมาแต่ไกล
“รุ้ง รุ้งครับ”
เธอลุกขึ้นไปมองข้ามทุ่งเห็นเขากำลังวิ่งมา ทูนอินทร์วิ่งมาแล้วหยุดหอบหายใจ มองเห็นรุ้งระวียืนอยู่ที่เพิง แสงจันทร์ส่องนวลกระจ่างไปทั้งเพิง เขายิ้มดีใจ คำรณวิ่งอยู่ในชายทุ่งที่เป็นสวน เห็นทูนอินทร์ในระยะไกลพอควร คำรณทรุดร่างลงกับพื้น แล้วชักปืนเล็งไปที่ทูนอินทร์
“มึงเสร็จแน่ไอ้ทูน กูขอล้างแค้นที่มึงทำให้กูชวดเงินล้าน”
ทูนอินทร์หยิบกล่องแหวนออกมาจากอกเสื้อ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ก่อนจะตะโกนลั่น
“รุ้ง”
“ฉันอยู่นี่ค่ะ”
ทูนอินทร์วิ่งเข้าหา รุ้งระวีมองมาที่เขาที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา คำรณเล็งปืนแล้วเหนี่ยวไกเสียงปืนระเบิดขึ้น ร่างทูนอินทร์ผงะหงายไป เลือดที่หน้าอกกระจาย เขาล้มลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษหญ้าแห้ง รุ้งระวีตะลึงงันกับภาพที่เห็น คำรณแสยะยิ้ม แล้ววิ่งหลบออกไป รุ้งระวีกรีดร้องลั่น
“ทูน”
เธอวิ่งตรงไปหาเขาที่นอนอยู่ เลือดไหลที่หน้าอกเป็นรอยใหญ่ รุ้งระวีวิ่งเข้ามาประคองร่างของเขาที่ยังมีสติอยู่
“รุ้ง”
“ทูน เกิดอะไรขึ้น”
“รุ้ง ผม ผมรักคุณ”
ทูนอินทร์พูดได้เท่านั้นก็หมดสติไป หญิงสาวกอดร่างชายหนุ่มไว้แน่น ร้องไห้โฮออกมาอยู่กลางทุ่งกว้างและแสงจันทร์ส่องนวล

วันต่อมา อิทธิอ่านข่าวอยู่ที่โต๊ะทำงาน เห็นหัวข่าวหลายฉบับลงข่าว
“นักแต่งเพลงถูกลอบยิงวันเปิดค่ายเพลง”
คม เดช คำรณ นั่งหน้าเจื่อนอยู่ตรงหน้า อิทธิปาหนังสือลงบนโต๊ะ
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าให้ยิงขู่ ไม่ใช่ยิงปางตายขนาดนี้”
คำรณหน้าเสีย
“ผมพลาดเองครับ กะว่าจะยิงเฉียด แต่ตอนนั้นมันกำลังวิ่งพอดี”
“แล้วทำไมไม่ยิงตอนมันหยุดวิ่งละวะ”
“ก็อยากอยู่ละครับ แต่ถ้าหยุดวิ่งก็หมายความว่ามีคุณรุ้งอยู่ด้วย เพราะคุณรุ้งกำลังวิ่งมาหามันพอดี ผมกลัวว่าจะโดนคุณรุ้งเข้าไปด้วย”
“นายครับ แต่มันก็ไม่ถึงตายนี่ครับ แค่บาดเจ็บเฉย ๆ” คมบอก
อิทธิหน้าเครียด
“อีกนิดเดียวมันก็ตายได้นะ แล้วตอนนั้นทั้งแกทั้งฉันซวยกันหมด”
“แต่นายครับ งานนี้ถือว่าเราทำสำเร็จนะครับ นายทูนมันคงกลัวหัวหด ไม่กล้ามายุ่งกับคุณรุ้งอีกแล้ว” เดชออกความเห็น
“มันต้องเลิกกันเด็ดขาด ฉันถึงจะถือว่างานเราสำเร็จ” อิทธิ หันไปหาคมกับเดช “เออ เรื่องที่วัดคำสิงห์กับหลักฐานยายแสงหล้าว่าไง เตรียมไว้รึยัง”
คำรณสะดุดทันทีกับคำว่าแสงหล้า เดชนิ่งไปนิดก่อนบอก
“ยังไม่ได้เตรียมเลยครับนาย ยังไม่รู้จะเตรียมอะไร”
อิทธิหยิบรูปแสงหล้าและรุ้งระวีออกมาจากลิ้นชัก
“นี่ จากรูปนี่ แล้วคิดซีวะ คิด แม่รุ้งเป็นนักร้องบาร์สมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ไปหาข้าวของมาให้เหมือน ของที่จะหลอกรุ้งว่าเป็นของแม่แท้ๆของรุ้งน่ะ อย่างที่นังผกามันเอาถ้วยรางวัลมาหลอกนั่นไง เข้าใจไหม”
คมพยักหน้ารับคำ
“ครับ ครับ เข้าใจครับ”
คมกับเดชรับรูปมา อิทธิเหนื่อยใจ
“ออกไปได้แล้ว เหนื่อยกับพวกแกจริงๆ”
คม เดช คำรณ ออกจากห้องไป คมมองรูปเดี่ยวของแสงหล้าแล้วถอนใจ
“เฮ้อ ต้องหาชุดเก่าๆ แบบนี้เหรอวะ”
“เครื่องประดับแนวๆ นี้ด้วยพี่ ต้องของเก่าทั้งหมดเลย” เดชแนะ
คำรณมองสองคนอย่างสงสัย
“พี่ บอกหน่อยได้ไหม กำลังจะหลอกคุณรุ้งเรื่องอะไร”
“แกอย่ายุ่งเลย” คมบอกปัด
“ผมอาจจะช่วยได้นะ เรื่องหาของเก่าน่ะ”

คมและเดชมองหน้ากันอย่างนึกสนใจสิ่งที่คำรณบอกขึ้นมาเมธให้ปากคำกับตำรวจสองนาย อยู่หน้าห้องผู้ป่วยที่ประตูเปิดอยู่ รุ้งระวีนั่งอยู่ข้างเตียง ของทูนอินทร์ที่หลับสนิทหน้าตาซีดเซียว

“ในวงการมันก็มีทั้งมิตร ทั้งศัตรูละครับ ให้ผมระบุผู้ต้องสงสัยตอนนี้ ก็พูดไม่ได้เหมือนกัน”
“แต่คิดว่ายังไงมูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเปิดค่ายเพลงของคุณ ใช่ไหม ขัดแย้งกันทางธุรกิจ”
“คิดว่าอย่างนั้นละครับ”
อินทรมาหารุ้งระวีที่หน้าซีดเซียวไม่ได้นอนแทบทั้งคืน
“พี่รุ้งไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมครับ”
“พี่ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ต้องห่วงพี่ทูนหรอกครับ กระสุนไม่ได้เจาะเข้าไปลึก”
“แต่กระสุนเข้าที่หน้าอกนะ”
“เหมือนปาฏิหาริย์นะครับ”
“อะไรเหรอ”
อินทรหยิบกล่องแหวนออกมาในสภาพบุบบู้บี้ที่อยู่ในถุงพลาสติกของฝ่ายชันสูตร ยังมีคราบเลือดติดอยู่ ส่งให้ดู รุ้งระวีแปลกใจ
“กล่องแหวน”
“ครับ โชคดีที่กระสุนปะทะกับกล่องนี่ก่อน ฐานกล่องเป็นเหล็กชั้นดี ก็เลยไม่ เจาะเข้าหัวใจ โชคดีของพี่ทูนจริงๆ”
“ทรว่าใครเป็นตัวการ”
“พี่ทูนมีศัตรูเยอะเหมือนกัน แต่ตอนนี้น่าสงสัยที่สุด ก็คือนาย อิทธิกับเสี่ยดำรง”
รุ้งระวีดูกล่องแหวนอีกครั้ง
“ทร แล้วตัวแหวนล่ะ”
อินทรหยิบแหวนที่ใส่ถุงพลาสติกออกมาให้ดู ตัวเรือนบิดเบี้ยว เพชรยังอยู่ปกติ รุ้งระวีรับมา
“คุณทูนเอาแหวนติดตัวมาด้วยทำไม”
“ไม่ทราบครับ”
อินทรแยกไป รุ้งระวีมองแหวนแล้วมองทูนอินทร์น้ำตาไหล พูดกระซิบกับเขา
“หรือว่าคุณเอามาให้ฉัน ใช่ไหมคะทูน ฉันสับสนไปหมดแล้ว ฉันเข้าใจผิดเรื่องฟ้าใสใช่ไหมคะ ฉันเข้าใจผิดไปเองใช่ไหม”
ทูนอินทร์พึมพำออกมา
“ฟ้าใส ฟ้าใส”
รุ้งระวีเจื่อนไปทันที ทูนอินทร์ยังพึมพำเรียกชื่อฟ้าใส รุ้งระวีสะเทือนใจน้ำตาไหลพรากออกมาแทบไม่รู้ตัวเธอวางแหวนไว้ในมือของเขา แล้วลุกจากห้องไปทันที ทูนอินทร์ยังพึมพำอยู่
“ฟ้าใส หยุดเสียที อย่าทำให้รุ้งเข้าใจผิด ผมรักรุ้ง รักรุ้งคนเดียว”
ทูนอินทร์กระสับกระส่าย มือกำแหวนไว้แน่น
รุ้งระวีเดินมาสงบสติอารมณ์ที่ทางเดินโรงพยาบาลเช็ดน้ำตา ไม่ทันสังเกตว่าฟ้าใสเดินตรงมา ยิ้มหยัน แล้วเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นห่วงใย นายถนอมถือกระเช้าของเยี่ยมตามมาด้วย
“น้องรุ้ง เป็นอะไรคะ ทำไมมายืนร้องไห้อยู่ตรงนี้”
รุ้งระวีรีบเช็ดน้ำตา หันมามองฟ้าใส
“คุณทูนไม่เป็นไรแล้วนี่คะ เอ๊ะ หรือว่าอาการทรุด”
“หยุดพูดเล่นได้แล้ว นี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของคุณทูน เธอรู้ใช่ไหม ใครเป็นตัวการยิงคุณทูน นายเธอ เสี่ยดำรงใช่ไหม”
“ไม่รู้ อาจจะเป็นนายเธอ นายอิทธิก็ได้นี่” ฟ้าใสแค่นหัวเราะ “หรืออาจจะเป็นตัวเธอเองที่จ้างคนมาลอบยิงคุณทูน หวังจะสร้างกระแสให้ตัวเอง”
“เธอพูดบ้าๆ อะไรของเธอ”
“ถ้าไม่สร้างกระแส ก็ต้องเป็นเรื่องแค้นใจส่วนตัว เพราะความหึงหวง”
“หึงหวงอะไร”
“อ้าว หึงฉันกับคุณทูนไง เธอแน่ใจแล้วว่า คุณทูนยังรักฉันอยู่ เห็นว่าเธออยู่ในงานด้วยนี่ ตอนที่ฉันขึ้นไปร้องเพลง สะพานรุ้ง กับคุณทูนน่ะ คงแค้นไม่ใช่เล่น ถึงกับจ้างมือปืนมายิง”
“เป็นความคิดที่บ้าที่สุด ไว้คุณทูนฟื้น เราคงได้รู้ความจริงกัน”
รุ้งระวีสะบัดไป ฟ้าใสยิ้มหยัน

คำรณมายืนหน้าห้องทำงานอิทธิตัดสินใจเคาะประตู
“เข้ามา”
คำรณเข้าไป
“นายคำ มีอะไร”
“ผมมีเรื่องปรึกษาครับ แต่เป็นเรื่องส่วนตัว”
“เรื่องค่าจ้างของนายรึเปล่า ฉันไม่เบี้ยวนายหรอกน่า”
“มีเรื่องสำคัญกว่านั้นครับ เรื่องยายแสงหล้า แม่ของรุ้ง”
“ทำไม”
คำรณหยิบซองรูปออกมา เป็นรูปของตนกับแสงหล้าสมัยสาว สองสามรูป อิทธิรับมาดูแล้วมองหน้า
“รูปนายสมัยหนุ่มๆนี่ ถ่ายกับใคร”
“ลองดูดีๆซีครับ”
อิทธิเขม้นดู แล้วตะลึง
“หา นี่รูปยายแสงหล้า ใช่ไหม”
“ถูกต้องครับ”
อิทธิมองคำรณอย่างประหลาดใจ
“ล็อกประตูเลย”
คำรณล็อกประตู

รูปของแสงหล้าและรุ้งระวีวัยเด็ก วางอยู่บนที่นอนหลายรูป แสงหล้าดูรูปและของเล่นของรุ้งระวีวัยเด็กอย่างชื่นชม เธอหยิบรูปลูกสาวขึ้นดู
“โอม เพี้ยง ขอให้คุณทูนหายวันหายคืน อย่ามีใครปองร้ายเขาอีกเลย แล้วให้รุ้งกลับมาปรับความเข้าใจกับคุณทูนเสียที”
ทันใดนั้นเสียงส้มป่อยเรียกดังอยู่หน้าประตู
“ป้า”
“เดี๋ยวนะเดี๋ยว”
แสงหล้ารีบเก็บรูปของข้าวของลงกล่อง ส้มเข้ามาพอดี ถือกล้องมือถือแล้วถ่ายรูปของแสงหล้าไว้ แสงหล้าหลบหน้าทันที
“อย่าถ่ายรูป อย่าถ่าย”
“ทำไมล่ะป้าแสง ถ่ายรูปกันหน่อย ส้มเพิ่งได้มือถือใหม่มา ลุงหนานให้”
“ป้าไม่ชอบถ่ายรูป”
“เหรอ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย แล้วป้าพร้อมรึยัง เราจะได้เอากับข้าวไปให้นายทูนที่ โรงพยาบาล”
“จ๊ะ จ๊ะ ป้าพร้อมแล้ว เก็บของก่อนนะ”
แสงหล้าล็อกกล่องไม้ แล้วเก็บไว้ในตู้ ล็อกอย่างดีอีกครั้ง ส้มป่อยมองอย่างสงสัยใคร่รู้

อิทธิอึ้งไปกับเรื่องที่คำรณเล่าทั้งหมด
“นายคือพ่อเลี้ยงของรุ้ง แล้วนายคือคนจัดการพายายผกามาหลอกเป็นแม่รุ้งด้วย”
“ใช่ ฝีมือผมทั้งหมด ที่ผมเข้ามาทำงานกับเจ๊จวงที่นี่ ก็เพราะเหตุนี้ละครับ”
“นายรีดเงินจากรุ้งเป็นล้าน หากินง่ายนี่ มาสารภาพกับฉันแบบนี้ ไม่กลัวฉันจับนายเข้าคุกเหรอ”
“ไม่กลัวหรอกครับ เพราะผมรู้ว่าผมช่วยคุณได้เยอะ และคุณก็อยากให้ผมช่วยด้วย”
“ยังไง”
“ผมยังมีข้าวของเก่าๆ ของยายแสงหล้าอีกหลายชิ้นที่จะช่วยคุณได้ รับรองคุณรุ้งต้องเชื่อ อย่างที่เคยเชื่อถ้วยรางวัลนั่นมาแล้ว ผมช่วยคุณ คุณช่วยผมเรื่องเงิน ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย”
อิทธิคิดอยู่พักนึง
“เอาของยายแสงหล้ามาให้ฉันดู ถ้าเป็นของที่ใช้ได้จริง ฉันจ่ายนายเต็มที่แน่ แต่นายก็ต้องทำงานให้คุ้ม”
“รับรองครับ”
“ว่าแต่ตอนนี้ยายแสงหล้าอยู่ที่ไหน”
“มันหนีไปแล้วครับ ผมขู่มันแล้วให้มันออกไปจากชีวิตรุ้งซะ ไม่งั้นมันตาย”
“มีอะไรรับประกันว่ายายแสงหล้าจะไม่โผล่มาทำให้แผนเราเสีย”
คำรณนิ่งคิดนิดนึงก่อนจะโกหก
“ยายแสงตอนนี้หมดสภาพ เป็นแค่ขี้เมาข้างถนน สติก็เลอะๆ เลือนๆ นายแทบไม่ต้องกังวลเรื่องมันเลย อีกอย่าง มันโผล่มาเมื่อไหร่ผมส่งมันไปอยู่กับนังผกาแน่ๆ”
อิทธิ อึ้งไป
“แกทำอะไรกับนังผกา”
“ปิดปากมันเงียบ แล้วส่งมันลงหลุมไงครับ”
คำรณยิ้มเหี้ยม อิทธิอึ้งไปกับความโหดแต่แล้วก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา เห็นทางสว่างขึ้นมาอีกหน

รุ้งระวีกลับมากรุงเทพนั่งปรับทุกข์กับเจ๊หอย
“อย่าไปเชื่อนังฟ้าใสนะ มันนั่นแหละที่บังคับให้คุณทูนขึ้นไปร้องเพลงกับมัน ทีแรกคุณทูนเขาจะไม่ร้อง แต่พี่ๆเขาขอ คุณทูนเลยต้องเลยตามเลย”
“มันเป็นบทบาทนึงของเขารึเปล่าคะ”
จี่หอยแปลกใจ
“รุ้ง ทำไมพูดอย่างนั้น”
“เขาอาจจะเล่นละครหลอกพวกเราก็ได้ ว่าเขาเป็นคนแสนดี เพราะอยู่สองต่อสองกับยายฟ้าใส เขาก็กอดจูบกันเหมือน สามีภรรยา”
“อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเลยรุ้ง นังฟ้าใสมันต้องเซ็ทฉากขึ้นมาหลอกรุ้งแน่ๆ”
“แต่คนที่ร่วมเล่นด้วยคือคุณทูนนี่คะ เขาโกหกรุ้งรึเปล่า รุ้งสับสนไปหมดแล้วปวดหัวมาก”
“เชื่อใจคุณทูนเถอะรุ้ง พี่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนรักและจริงใจกับรุ้งเท่าเขาเลยนะ รุ้งเหนื่อยมาก นอนพักเถอะ เดี๋ยวพี่ไปอุ่นนมให้ทาน จะได้หลับสบาย”
จี่หอยแยกไป ขณะเดียวกันนั้นมือถือรุ้งระวีดังขึ้น
“ว่าไงคะคุณอิท อะไรนะ เตรียมตัวไปแพร่พรุ่งนี้ ได้ค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”
รุ้งระวีหน้าเย็นชา ครุ่นคิดว่าถ้าผู้หญิงที่อิทธิจะพาไปพบ เป็นแม่จริงๆของเธอ แสดงว่าทูนอินทร์โกหกเรื่องที่แม่โทรมาหา

อิทธิ พารุ้งระวีไปไหว้พระประธานในโบสถ์วัดคำสิงห์ โดยมีคมกับเดชตามไปด้วย เนียมคนของวัดที่นัดแนะกับคมและเดชมานั่งรออยู่แล้ว เมื่อรุ้งระวีไหว้พระเสร็จหันมามองหน้า อิทธิเริ่มพูดตามแผนที่วางไว้ทันที
“เข้าเรื่องเลยนะคุณพี่ ตกลงผู้หญิงในภาพเนี่ย ชื่ออะไร แล้วประวัติความเป็นมาเป็นยังไง”
“อย่างที่คุยทางโทรศัพท์น่ะค่ะ เขาคือแม่น้อย ประวัติก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว เธอมาขออาศัยที่วัด ช่วยทำงานในวัดแลกข้าวกินไปมื้อๆน่ะ” เนียมพูดตามแผนเช่นกัน
“แล้วก่อนจะมาที่นี่ พี่ไม่รู้ประวัติเลยเหรอคะ” รุ้งระวีถาม
“ไม่มีใครทราบเลยจ๊ะ พระท่านถามเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง”
“พาไปพบหน่อยได้ไหม” รุ้งระวีถามอย่างร้อนใจ
เนียมมองไปทางคม เดช และ อิทธิ
“เออ คือ ”
“มีอะไรคะ คุณอิทธิมีอะไร”
อิทธิแกล้งทำท่าลำบากใจ
“รุ้งดูเองดีกว่านะ พี่พาพวกเราไปเถอะ”
“เชิญค่ะ”
เนียมลุกนำไปที่สถูปเก็บอัฐิ รุ้งระวีใจคอไม่ดี อิทธิกุมมือเธอไว้ คม เดชตามมา ทั้งหมดเดินมาถึงสถูปเล็กๆเก่าแก่
“แม่น้อยเสียแล้วค่ะคุณ เก็บอัฐิไว้ที่นี่แหละ”
รุ้งระวีใจหาย เดินมาดูที่รูป เห็นใบหน้าของนางแสงที่ทรุดโทรมเพราะโรค
“ทุกคนรู้แล้วใช่ไหม ว่าเขาตายแล้ว”
“เราทราบแล้ว แต่ไม่อยากบอกรุ้ง ให้รุ้งมาเห็นเองดีกว่า” อิทธิพูดเสียงเศร้า
“เขาตายยังไง เมื่อไหร่”
“เป็นหลายโรคนะค่ะ แล้วเขาก็ดูไม่มีกำลังใจจะอยู่แล้วด้วย เสียไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง”
“ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่า เป็นแม่แสงหล้าของรุ้งจริง”
“แต่หน้าตาละม้ายมากนะ” อิทธิออกความเห็น
“ไม่มีหลักฐานรุ้งไม่เชื่อค่ะ”
“ป้า เห็นบอกว่ามีของส่วนตัวของแม่น้อย ยังเก็บไว้ไม่ใช่เหรอ” คมถามเนียม
“ค่ะ”
รุ้งระวีมองเนียมอย่างสนใจทันที

เนียมพาทุกคนไปที่ห้อง แล้วนำกล่องเก่าๆมาตรงหน้ารุ้งระวี
“นี่ละคะ ของที่แม่น้อยเขาเก็บไว้ ป้าเกือบเอาไปทิ้งแล้วนะคะ”
รุ้งระวีเปิดกล่อง หยิบของออกมาจากกล่องทีละชิ้น หยิบรูปภาพเก่าๆที่ปลวกกินจนขาดวิ่นมาดู อิทธิ คม เดช มองหน้ากันอย่างลุ้นว่าเธอจะว่ายังไง
ภาพที่รุ้งระวีดู เป็นภาพน้อยตัวจริง ถ่ายกับเนียมตอนที่มาอยู่วัดใหม่ๆสามสี่รูป ใบหน้าเศร้าสร้อย ทรุดโทรม ไม่มีรูปใดที่ยิ้มเลย รุ้งระวีหยิบรูปอื่นมาดู แล้วมองนิ่ง ใจเต้นรัวเพราะเป็นรูปแสงหล้าเก่าๆ เป็นรูปที่ถ่ายคู่กับคำรณ แต่ถูกนำไปทำเป็นภาพเหมือนถูกปลวกกินส่วนหน้าของคำรณจนขาดไปหลายรูป
รุ้งระวีมือสั่นเทา เพราะใช่รูปแม่จริงๆ เธอหยิบเครื่องประดับราคาถูกของแม่ขึ้นมาดู แล้วเห็นกระดาษเก่ายับอยู่ที่ก้นกล่อง จึงรีบหยิบขึ้นมาคลี่อ่านดู ตัวจดหมาย เป็นลายมือของแสงหล้า ที่เขียนบอกรุ้งระวีวันที่เธอจะไปอยู่เมืองนอก ตัวหมึกเลือนรางไปมาก พอจะอ่านได้ความว่า
“แม่ขอโทษที่ไม่ได้โทรหา ไม่ได้เขียนจดหมายถึง แม่เขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อลาลูก ใช่จ๊ะ...คงเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่จะติดต่อลูก เพื่อให้ลูกรู้ว่าแม่ยังรักลูกอยู่เสมอ แต่ที่แม่ต้องจากไป เพราะอาชีพของแม่ตอนนี้มันน่ารังเกียจเหลือเกิน เกินกว่าที่ลูกจะยอมรับได้ว่าแม่คือแม่ของลูก เมื่อลูกโตขึ้น ลูกคงเข้าใจ”
รุ้งระวีมือสั่น น้ำตาไหล อิทธิรีบถาม
“รุ้ง เป็นยังไง ตกลงคิดว่าใช่แม่แสงหล้าไหม”
“ลายมือแม่ รูปก็ของแม่ นี่ละค่ะ แม่แสงหล้าของรุ้ง”
อิทธิยิ้ม เช่นเดียวกับคมและเดชต่างก็พอใจที่แผนสำเร็จ รุ้งระวีหันไปถามอีก
“ป้าทำไมแม่ถึงใช้ชื่อว่าน้อย”
“ไม่ทราบค่ะ คงไม่อยากให้ใครรู้ประวัติละมังคะ”
“รุ้ง ผมเสียใจด้วยที่เรามาพบแม่ของรุ้งช้าไป แต่ยังไงก็ถือว่าเรามาพบแม่รุ้งจริงๆแล้ว” อิทธิบอกอย่างโล่งใจ ที่ปัญหาเรื่องแม่ของรุ้งระวีสามารถจบลงได้

ที่หน้าสถูปปูผ้าอย่างดี รุ้งระวีวางดอกไม้และกระถางธูปหน้ารูปแม่ อิทธิ คมเ ดชร่วมเคารพด้วย
“บุญเราน้อยเหลือเกินค่ะแม่ กว่ารุ้งจะมาพบแม่ แม่ก็จากรุ้งไปเสียแล้วขอให้วิญญาณแม่สู่สุขคติและภพภูมิที่ดีเถอะนะคะ” รุ้งระวีอธิษฐาน
รุ้งระวีกราบแม่ อิทธิ คม เดชหันไปยิ้มให้กัน ขณะเดียวกัน คำรณแอบซุ่มอยู่ที่ประตูวัด ยิ้มอย่างพอใจเช่นกันที่แผนสำเร็จ
หลังจากไหว้สถูปแล้ว อิทธิและรุ้งระวีเดินคุยด้วยกัน คมและเดชเดินตามมาห่างๆอย่างรู้งาน
“รุ้งเชื่อแล้วใช่ไหมนายทูนหลอกลวงคุณทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องแม่ที่เขาอ้างว่าแม่โทรมาหา”
“เขาบอกทุกครั้งว่าแม่ไม่กล้าแสดงตัว เพราะกลัวคนใกล้ตัวรุ้งจ้องทำร้ายอยู่ แต่แม่ทางโทรศัพท์ ก็ไม่บอกเสียทีว่า คนใกล้ตัวที่ว่าคือใคร”
อิทธิรู้ทันทีว่าคือคำรณ
“เพราะไม่มีจริงน่ะซีครับ ตัวแม่ทางโทรศัพท์ก็ไม่ใช่ตัวจริงเช่นกัน ถึงไม่กล้าแสดงตัวออกมาไง”
รุ้งระวีเซ จะเป็นลม
“รุ้ง”
อิทธิประคองแล้วพารุ้งระวีลงนั่งที่เก้าอี้ใต้ร่มไม้ คมและเดชเข้ามาช่วยดู
“พาคุณรุ้งไปที่รถเลย”
คมและเดชช่วยประคองรุ้งระวีไปที่รถ อิทธิอยู่ลำพัง คำรณเข้ามา
“จ่ายยายเจ๊เนียมไปแล้วยัง”
“เรียบร้อยครับ คุณรุ้งเป็นยังไง”
“รุ้งอยู่ข้างฉันเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของนายตอนนี้ คือตามหาตัวยายแสงหล้าให้เจอ เพราะตอนนี้มันยังโทรมาเสี้ยมไอ้ทูนอยู่”
“มันยังโทรมาเหรอครับ”
“ใช่ จัดการทำให้มันเงียบเสียงซะ วิธีไหนก็ได้”
“ได้ครับนาย”
อิทธิแยกไป คำรณกำหมัดแน่น
“นังแสง มึงกับกูอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว”

หลายวันต่อมา อิทธินัดพบฟ้าใสที่ร้านอาหารหรู เขานำภาพในโทรศัพท์มือถือมาให้ดู เป็นภาพที่อิทธิกำลังกอดรุ้งระวีแนบแน่น มีการพูดคุยแต่ไม่ได้ยินเสียง
ฟ้าใสดูภาพมือถือแล้วยิ้มพอใจ
“แหม งานนี้เราทำงานกันเป็นทีมได้ดีจริงๆ”
“เธอควรจะไปเยี่ยมนายทูนอีกสักครั้ง แล้วเอาภาพนี้ไปให้มันดู”
“ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ ฉันทำอยู่แล้ว ขอดาวน์โหลดก่อนละกัน”
“เรามาคุยเรื่องแผนสอง แผนสามของเราต่อดีกว่า”
“คุณเสนอมาซี มีแผนอะไรอีก”
“ผมอยากใช้แผนเดียวกับที่เธอเคยใช้”
“แผนอะไร”
“ที่เธอขโมยเพลงของนายทูนมาเป็นของเธอไง”
ฟ้าใสชักสีหน้าไปนิด แต่อิทธิพูดต่ออย่างไม่สนใจ
“ผมรู้ว่านายทูนแต่งเพลงไว้ให้รุ้งหลายเพลงเพราะๆทั้งนั้น แต่ยังไม่เปิดเผย เพราะรุ้งยังไม่เข้าสังกัด”
“ใช่ ฉันเคยได้ยินอยู่ครั้งนึง ตอนที่ไปที่บ้านเขา จังหวะสนุกมาก เพลงอย่างนี้ยังไงก็ต้องฮิต แล้วคุณต้องการอะไร”
“ก็ขโมยเพลงมาเป็นของผม เพราะที่สืบรู้ นายทูนยังไม่ได้จดลิขสิทธิ์อะไรทั้งนั้น”
“แล้วมาถามฉันเรื่องนี้ทำไม”
“เธอมีประสบการณ์มาก่อน พอจะบอกได้ไหมว่า นายทูนเก็บเพลงทั้งหมดไว้ที่ไหน”
“ไม่ยากหรอกเรื่องนั้น แต่ทำไมฉันต้องช่วยคุณ”
“ผมจะสร้างประวัติศาสตร์ให้ซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง คุณเคยขโมยเพลงนายทูนไปร้อง คราวนี้ถึงตาของรุ้งบ้าง”
ฟ้าใสยิ้มเมื่อคิดออก
“ก็หมายความว่า คุณจะทำให้นายทูนเข้าใจผิดว่ายายรุ้งขโมยเพลงเขาไป”
“เหมือนที่เธอเคยทำไง”
“ไม่ต้องเน้นหรอกเรื่องนั่นน่ะ ถ้าอย่างนั้น ความรักของทั้งคู่ ก็จะกลายเป็นหายนะเลยใช่ไหม”
“ยิ่งกว่าหายนะอีก”
ทั้งสองหัวเราะ
“งั้นยินดีให้ข้อมูลค่ะ ชนแก้วกันหน่อย”
ทั้งสองชนแก้วนมปั่น แล้วดื่มไปหัวเราะไป

รุ้งระวียังนั่งซึมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน จี่หอยเข้ามาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ
“รุ้ง แล้วเมื่อไหร่จะรับสายคุณทูนเขาเสียทีล่ะ เขาโทรหาพี่จนพี่นึกว่าเขาจะมาจีบพี่แล้วนะ”
“ยังไม่มีอารมณ์จะคุยค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่จะมีอารมณ์ มีเรื่องอะไรกัน ตั้งแต่ที่ไปเมืองแพร่วันนั้น รุ้งก็ไม่ติดต่อคุณทูนอีกเลย นายอิทธิพารุ้งไปรู้ไปเห็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ รุ้งแค่ไม่อยากคุยตอนนี้เท่านั้นเอง”
รุ้งระวีลุกไป จี่หอยมองตาม
“เฮ้อ ไม่มีอารมณ์ ทำยังไงจะให้เกิดอารมณ์ละคะ”
สัญญาณมือถือดังติ๊งขึ้น
“อุ๊ย! คุณทูนโทรมาอีกและ อ้าว ไม่ใช่คุณทูนนี่ จ่ายห้าสิบบาท โหลดภาพชายเปลือยไม่อั้น บ้า ส่งมาทำไม ลามกจริงๆคนเดี๋ยวนี้ เอ แล้วสมัครยังไงล่ะ”
จี่หอยตาวาว

อินทรประคองทูนอินทร์ที่อาการดีขึ้นออกมาจากห้องน้ำ กลับมานั่งที่เตียง
“ทร รุ้งไม่มาเยี่ยมพี่เลยหรือ”
“มาวันแรกน่ะครับ วันนั้นพี่ทูนยังไม่รู้สึกตัว จากนั้นพี่รุ้งกลับกรุงเทพเลย ไม่ได้แวะมาอีก”
“ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น พี่โทรไปเขาก็ไม่รับสาย”
“เห็นมะปรางบอกว่าพี่รุ้งอยากอยู่ลำพังสักพักครับ”
ทูนอินทร์ถอนใจ เสียงคนเดินมาหน้าประตูห้อง
“รุ้ง”
ทูนอินทร์ลุกจากเตียงทันที เดินไปเปิดประตู แต่แล้วต้องชะงัก เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือฟ้าใส ถือกระเช้าของเยี่ยมมาด้วย
“อุ๊ย! เดินมาเปิดประตูได้แล้ว ใกล้หายแล้วใช่ไหมคะ”

ทูนอินทร์หมดอารมณ์ทันที









Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 9:00:20 น.
Counter : 273 Pageviews.

0 comment
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 16


ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 16

ทูนอินทร์นั่งทอดถอนใจอยู่ในห้องทำงาน เปิดลิ้นชักหยิบกล่องแหวนออกมาเปิดออก แหวนเพชรเม็ดเล็กแต่สวยงาม ส่งประกายวาว เมธเข้ามาในห้อง

“ทูนเป็นยังไงวะ”
เมธมองแหวนในมือทูนอินทร์
“ผมกะจะขอเขาแต่งงานในคืนนี้ คืนที่ผมคิดว่าผมน่าจะมีความสุขที่สุด เพราะได้สิ่งที่ผมรักถึงสองอย่าง ทั้งเปิดค่ายเพลงและความรักจากรุ้ง แต่แล้วมัน มันพังทลายไปหมด เขาไม่มางาน ติดต่อไม่ได้ เขาคงไม่อยากอยู่ในสังกัดของเราแล้วละครับพี่”
“เอาน่า ทำใจร่มๆไว้ จะบอกให้ว่ารุ้งเขามาแล้ว”
ทูนอินทร์ลุกผึงทันที
“เหรอครับพี่ เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้นี้เอง เขาฝากบอกกับป้าแสงว่าเขาไม่ค่อยสบาย ขอกลับก่อน”
ทูนอินทร์จะออกจากห้อง
“เฮ้ย จะไปไหน”
“ไปตามรุ้งกลับมาน่ะซีครับ”
ทูนอินทร์กลับมาหยิบกล่องแหวนใส่กระเป๋าที่อกเสื้อ ก่อนจะออกไปทางประตูสวน
“เฮ้ย แล้วนายรู้เหรอว่าเขาอยู่ไหน”

ทูนอินทร์วิ่งมาที่ลานจอดรถของร้าน กดมือถืออีกครั้งแต่รุ้งระวีไม่รับสาย ช่วงเวลาเดียวกันนั้น รุ้งระวีขับรถอยู่ มองมือถือที่ส่งเสียงเธอน้ำตาไหล ทูนอินทร์ยืนอยู่ที่รถกดส่งข้อความ
‘รุ้งอยู่ที่ไหน ผมกำลังตามหา ตอบผมด้วย’
ทูนอินทร์ขึ้นรถ คำรณใส่หมวกกันน็อคชุดดำนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่ในความมืด มอง รถทูนอินทร์ที่แล่นออกไป แล้วบึ่งมอไซค์ตามทันที
ในร้าน อินทร จ๊ะจ๋าและมะปรางนั่งอยู่ด้วยกัน อินทรปลอบใจ จ๊ะจ๋าที่ยังกลัวอยู่
“ใจเย็นๆ ครับ คุณไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายสักหน่อย”
“บางครั้งฉันไม่ได้ทำผิด แต่พี่ฟ้าก็ลงโทษฉันแรงๆอยู่เรื่อย”
มะปรางมองหน้า
“อย่างตบหน้าแกใช่ไหม ยังสงสัยอยู่เนี่ยว่าแกยอมได้ยังไง”
จ๊ะจ๋าอึ้งไป ฟ้าใสเข้ามาในห้อง ถนอมตามเข้ามาด้วย
“ตามหาอยู่ตั้งนาน มาหลบอยู่นี่เอง ฉันจะกลับแล้ว แกต้องกลับกับฉันเดี๋ยวนี้”
จ๊ะจ๋าหน้าสลด
“ค่ะ”
อินทรรีบขัด
“เดี๋ยวครับ จ๊ะจ๋ามากับผม คืนนี้จะค้างที่บ้านผมกับมะปราง พรุ่งนี้ผมไปส่ง จ๊ะจ๋าที่กรุงเทพเอง”
มะปรางมองหน้าเขาอย่างงงๆ ฟ้า ใสมองหน้าจ๊ะจ๋า
“งั้นเหรอ ยายจ๋า แกตกลงจะค้างที่นี่กับนายทรเหรอ”
“คือ ค่ะ ตกลงกันไว้อย่างนั้น”
“จริงนะ” ฟ้าใสถามย้ำ
“ค่ะ”
ขาดคำฟ้าใสตบหน้า จ๊ะจ๋าอย่างแรง จ๊ะจ๋ากรีดร้อง มะปรางกับอินทรตกใจ ฟ้าใสเขย่าร่างจ๊ะจ๋า
“แกยังอยากอยู่ที่นี่อีกไหม”
จ๊ะจ๋าสะอื้น
“ไม่แล้วค่ะ ไม่อยู่แล้ว”
อินทรเข้าห้าม
“หยุดเลย ทำเกินกว่าเหตุแล้วนะ ยายคุณนาย”
ฟ้าใสหันมาตวาดอินทร
“อย่ายุ่ง นายทร นี่เรื่องของฉันกับนังจ๋า เด็กในปกครองฉัน”
“ต้องเกี่ยวแล้ว ทำร้ายร่างกายกันอย่างนี้มันเกินไป จ๋าอย่ายอมนะ แจ้งตำรวจเลย”
ฟ้าใสมองเย้ยไม่กลัว
“กล้านี่ ได้ แจ้งเลย เอาอย่างนี้ก่อนแจ้งตำรวจ แจ้งกับนักข่าวในร้านนั่นดีกว่า บอกไปเลยว่าฉันตบนังนี่” ฟ้าใสชี้หน้าจ๊ะจ๋า “แล้วแก นังจ๋า แกก็บอกนักข่าวด้วยนะ ว่าแกกำลังทรยศเสี่ยดำรง หันมาซบค่ายเพลงนี้ แกถูกปรับเป็นเงินล้านแน่ แล้วก็อย่าหวังนะว่านักร้องหางแถวอย่างแกจะมาดังกับค่ายเพลงแบบนี้ได้”
อินทรกับมะปราง อึ้งไป ฟ้าใสหันไปหาคนขับรถ
“ถนอม พามันไปหานักข่าวเลย”
จ๊ะจ๋าตกใจ
“ไม่นะคะ ไม่ จ๋ายอมทุกอย่างแล้ว อย่าให้เป็นเรื่องเลยนะคะ”
ถนอมดึงตัว จ๊ะจ๋าออกไป ฟ้าใสตาม อินทรจะตาม มะปรางดึงไว้
“พี่ทร พอเถอะ อย่าเอาตัวไปเสี่ยงเลย”
“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องช่วย จ๊ะจ๋า”
อินทรและมะปรางตามมาในร้าน จ๊ะจ๋ายังระล่ำระลักขอร้องฟ้าใส ขณะที่ถูกดึงจะออกไปส่วนร้าน
“พี่ฟ้า ไหว้แล้ว อย่าทำกับจ๋าแบบนี้ อนาคตจ๋าดับแน่”
“สมควรแล้วนี่”
อินทรเข้าไปขวาง
“เดี๋ยว เสี่ยจะว่าอะไรไหม ถ้าทางค่ายเพลงผมจะขอซื้อตัวจ๊ะจ๋ามาเข้าสังกัด”
จ๊ะจ๋างง มะปรางก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ฟ้าใสแปลกใจ
“ซื้อตัวเลยเหรอ”
“ใช่”
“ต๊าย นังจ๋ามันมีราคาถึงขั้นจะซื้อตัวเลยเหรอ”
“อย่าดูถูกให้มาก ความสามารถของจ๋าอาจจะมากกว่าเธอด้วยซ้ำ”
ฟ้าใสหัวเราะเหยียดหยัน
“ฮ่ะฮ่ะ งั้นเหรอ อ้อ เข้าใจละ ที่ทั้งร้องทั้งเต้นกับนังจ๋าเมื่อกี้ แสดงว่าซักซ้อมกันมาอย่างดี คงใกล้ชิดกันมากซีนะ ถึงได้หลงเสน่ห์นังจ๋ามันขนาดนี้”
มะปรางสะเทือนใจกับคำนี้มากที่สุด
“อย่าเข้าใจผิดไปเป็นเรื่องอื่น ผมกำลังพูดถึงความสามารถของจ๋า จ๋าเป็นนักร้องคุณภาพ แต่คุณทำกับเธอเหมือนคนใช้ บางครั้งก็เหมือนทาส”
“ฮ่ะฮ่ะ ยายจ๋า แกต้องภูมิใจตัวแกมากๆเลยนะเนี่ย ที่นายอินทรเขารักแกขนาดนี้”
มะปรางยิ่งเจ็บ ขณะที่จ๊ะจ๋าพยายามขอร้อง
“คุณทรคะ อย่าเพิ่งพูดอะไรมากกว่านี้เลย พี่ฟ้าอย่าพาจ๋าไปเจอนักข่าวเลยนะคะ จ๋าไหว้ละ”
“ก็ได้ เห็นแก่ความรักของคนทั้งคู่นะเนี่ย พามันไปที่รถ”
“ครับ”
ถนอมพาจ๊ะจ๋าออกไป
“ไปนะคะ แหมเชื้อไม่ทิ้งแถวเลยจริงๆ พี่ชายก็ไปหลงนังนักร้องค่ายอิทธิ น้องชายก็มาหลงนังนักร้องค่ายดำรง เฮ้อ ใฝ่ต่ำกันทั้งคู่”
อินทรทำท่าจะถลันใส่ฟ้าใส มะปรางยึดไว้
“อย่าพี่”
ฟ้าใสหัวเราะ แล้วออกไป อินทรโกรธมาก
“อีนังบ้าเอ๊ย”
“พี่ทร หยุดเถอะ เราไม่มีอำนาจอะไรไปสู้กับพวกมัน”
“แต่จ๋ากำลังลำบาก เราต้องช่วยจ๋านะ”
มะปรางจ้องหน้าแล้วถามออกมาตรงๆ
“พี่รักจ๋าใช่ไหม”
อินทรชะงักอึ้ง
“ปราง”
“ยายฟ้าใสพูดถูกใช่ไหม พี่รักยายจ๋า ถึงโอบอุ้มกันถึงขนาดนี้”
“ไม่ใช่นะปราง ไม่ใช่เรื่องรัก”
“แล้วจะเป็นเรื่องอะไร”
มะปรางมองหน้าเขาอย่างเสียใจแล้วแยกไป
“ปราง”
อินทรได้แต่อึ้งๆ ไม่ได้นึกเอะใจว่ามะปรางหึงตนเอง

รุ้งระวีขับรถมาจอดรถหน้าบ้านอินสรวง แต่ไม่เข้าบ้านเดินอ้อมตัวบ้าน ไปที่ทุ่งด้านหลังตรงไปยังเพิงแสงจันทร์ ต้นแสงจันทร์กระจ่างนวลอยู่ใต้พระจันทร์เต็มดวง เธอเดินมานั่งที่เพิง มองไปรอบๆ แล้วใจหาย ที่ตรงนี้คือที่ที่ความรักของเธอและเขาเกิดขึ้น รุ้งระวีร้องไห้พิงเสาอย่างสุดกลั้น
ทูนอินทร์ขับรถไปตามถนนเปลี่ยว กำลังจะเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงแรมที่รุ้งระวีพัก เขากดมือถืออีกครั้ง รุ้งระวีมองมือถือที่กำลังส่งเสียง แล้วตัดสินใจรับสาย
“ค่ะ คุณทูน”
ทูนอินทร์ที่กำลังขับรถอยู่ดีใจมาก
“รุ้ง อยู่ที่ไหน ผมกำลังจะเข้าเมือง”
รุ้งระวีกลั้นสะอื้น
“ฉันอยู่ที่บ้านคุณค่ะ”
“บ้านผม ที่ไร่เหรอ”
“ค่ะ ฉันอยู่ที่เพิงแสงจันทร์ของเรา”
“อยู่ที่นั่นนะ ผมจะไปถึงไม่เกินยี่สิบนาที เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ใช่ เรามีเรื่องต้องคุย”
“ดีใจจริงๆ ที่รุ้งรับสาย รุ้งไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
รุ้งระวีกดวางสาย ทูนอินทร์ยิ้มออกมาได้รีบบึ่งรถกลับบ้าน
“จะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน”
รุ้งระวีร้องไห้สะอื้นอย่างหนัก
ทูนอินทร์ขับรถมาถึงทางแยก แล้วเลี้ยวไปทางไปไร่ คำรณขับมอเตอร์ไซค์ตามมาหยุดมองอย่างสงสัยว่ากลับไปที่ไร่ทำไมแต่ตัดสินใจขับตามไป
ทูนอินทร์ขับรถมาจอดที่หน้าไร่ แล้วรีบวิ่งลัดทุ่งตรงไปยังเพิงแสงจันทร์ คำรณขับมอเตอร์ไซค์ตามมา เห็นเขาวิ่งไปในในทุ่ง ก็บึ่งมอเตอร์ไซค์ไปอีกทาง
รุ้งระวียังนั่งหดหู่อยู่ ได้ยินเสียงเรียกของเขาดังมาแต่ไกล
“รุ้ง รุ้งครับ”
เธอลุกขึ้นไปมองข้ามทุ่งเห็นเขากำลังวิ่งมา ทูนอินทร์วิ่งมาแล้วหยุดหอบหายใจ มองเห็นรุ้งระวียืนอยู่ที่เพิง แสงจันทร์ส่องนวลกระจ่างไปทั้งเพิง เขายิ้มดีใจ คำรณวิ่งอยู่ในชายทุ่งที่เป็นสวน เห็นทูนอินทร์ในระยะไกลพอควร คำรณทรุดร่างลงกับพื้น แล้วชักปืนเล็งไปที่ทูนอินทร์
“มึงเสร็จแน่ไอ้ทูน กูขอล้างแค้นที่มึงทำให้กูชวดเงินล้าน”
ทูนอินทร์หยิบกล่องแหวนออกมาจากอกเสื้อ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ก่อนจะตะโกนลั่น
“รุ้ง”
“ฉันอยู่นี่ค่ะ”
ทูนอินทร์วิ่งเข้าหา รุ้งระวีมองมาที่เขาที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา คำรณเล็งปืนแล้วเหนี่ยวไกเสียงปืนระเบิดขึ้น ร่างทูนอินทร์ผงะหงายไป เลือดที่หน้าอกกระจาย เขาล้มลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษหญ้าแห้ง รุ้งระวีตะลึงงันกับภาพที่เห็น คำรณแสยะยิ้ม แล้ววิ่งหลบออกไป รุ้งระวีกรีดร้องลั่น
“ทูน”
เธอวิ่งตรงไปหาเขาที่นอนอยู่ เลือดไหลที่หน้าอกเป็นรอยใหญ่ รุ้งระวีวิ่งเข้ามาประคองร่างของเขาที่ยังมีสติอยู่
“รุ้ง”
“ทูน เกิดอะไรขึ้น”
“รุ้ง ผม ผมรักคุณ”
ทูนอินทร์พูดได้เท่านั้นก็หมดสติไป หญิงสาวกอดร่างชายหนุ่มไว้แน่น ร้องไห้โฮออกมาอยู่กลางทุ่งกว้างและแสงจันทร์ส่องนวล

วันต่อมา อิทธิอ่านข่าวอยู่ที่โต๊ะทำงาน เห็นหัวข่าวหลายฉบับลงข่าว
“นักแต่งเพลงถูกลอบยิงวันเปิดค่ายเพลง”
คม เดช คำรณ นั่งหน้าเจื่อนอยู่ตรงหน้า อิทธิปาหนังสือลงบนโต๊ะ
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าให้ยิงขู่ ไม่ใช่ยิงปางตายขนาดนี้”
คำรณหน้าเสีย
“ผมพลาดเองครับ กะว่าจะยิงเฉียด แต่ตอนนั้นมันกำลังวิ่งพอดี”
“แล้วทำไมไม่ยิงตอนมันหยุดวิ่งละวะ”
“ก็อยากอยู่ละครับ แต่ถ้าหยุดวิ่งก็หมายความว่ามีคุณรุ้งอยู่ด้วย เพราะคุณรุ้งกำลังวิ่งมาหามันพอดี ผมกลัวว่าจะโดนคุณรุ้งเข้าไปด้วย”
“นายครับ แต่มันก็ไม่ถึงตายนี่ครับ แค่บาดเจ็บเฉย ๆ” คมบอก
อิทธิหน้าเครียด
“อีกนิดเดียวมันก็ตายได้นะ แล้วตอนนั้นทั้งแกทั้งฉันซวยกันหมด”
“แต่นายครับ งานนี้ถือว่าเราทำสำเร็จนะครับ นายทูนมันคงกลัวหัวหด ไม่กล้ามายุ่งกับคุณรุ้งอีกแล้ว” เดชออกความเห็น
“มันต้องเลิกกันเด็ดขาด ฉันถึงจะถือว่างานเราสำเร็จ” อิทธิ หันไปหาคมกับเดช “เออ เรื่องที่วัดคำสิงห์กับหลักฐานยายแสงหล้าว่าไง เตรียมไว้รึยัง”
คำรณสะดุดทันทีกับคำว่าแสงหล้า เดชนิ่งไปนิดก่อนบอก
“ยังไม่ได้เตรียมเลยครับนาย ยังไม่รู้จะเตรียมอะไร”
อิทธิหยิบรูปแสงหล้าและรุ้งระวีออกมาจากลิ้นชัก
“นี่ จากรูปนี่ แล้วคิดซีวะ คิด แม่รุ้งเป็นนักร้องบาร์สมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ไปหาข้าวของมาให้เหมือน ของที่จะหลอกรุ้งว่าเป็นของแม่แท้ๆของรุ้งน่ะ อย่างที่นังผกามันเอาถ้วยรางวัลมาหลอกนั่นไง เข้าใจไหม”
คมพยักหน้ารับคำ
“ครับ ครับ เข้าใจครับ”
คมกับเดชรับรูปมา อิทธิเหนื่อยใจ
“ออกไปได้แล้ว เหนื่อยกับพวกแกจริงๆ”
คม เดช คำรณ ออกจากห้องไป คมมองรูปเดี่ยวของแสงหล้าแล้วถอนใจ
“เฮ้อ ต้องหาชุดเก่าๆ แบบนี้เหรอวะ”
“เครื่องประดับแนวๆ นี้ด้วยพี่ ต้องของเก่าทั้งหมดเลย” เดชแนะ
คำรณมองสองคนอย่างสงสัย
“พี่ บอกหน่อยได้ไหม กำลังจะหลอกคุณรุ้งเรื่องอะไร”
“แกอย่ายุ่งเลย” คมบอกปัด
“ผมอาจจะช่วยได้นะ เรื่องหาของเก่าน่ะ”

คมและเดชมองหน้ากันอย่างนึกสนใจสิ่งที่คำรณบอกขึ้นมา










Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 0:49:22 น.
Counter : 268 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]