All Blog
ทองประกายแสด ตอนที่ 7 (ต่อ)



เย็นนั้น...ทุกคน อยู่ในห้องแต่งตัวนั่งฟังนรินทร์อธิบาย

“วันนี้คงต้องเต้นหลายรอบหน่อย”
“ทำไมล่ะคะปกติเราก็เต้น 2 รอบอยู่แล้ว” จูนถามอย่างสงสัย
“ใช่...วันนี้เราไม่มีวงเล่น”
พนักงาน หันไปซุบซิบกัน ท่าทางวิตก
“วงดนตรีเราถูกซื้อตัวไปเล่นที่คลับเฮียบุ๋นแล้ว เขาคงโกรธที่ทองประกายกับจูนมาอยู่กับเรา”
ทองดีเป็นเดือดเป็นแค้น
“ไอ้เฮียบุ๋น...นี่มันเลวได้โล่ห์จริงๆ...ฉันจะโทรไปด่ามันเอง”
นรินทร์ห้ามไว้
“ช่างมันเถอะ ธุรกิจก็แบบนี้ ใครดีใครได้”
“แบบนี้แขกเราก็ต้องตกลงน่ะสิคะ”
นรินทร์ยิ้ม
“ไม่หรอก เพราะผมได้เรียกวงใหม่มาคุยคืนนี้แล้ว ถ้าเขารับเล่นรับรองแขกต้องเยอะแน่ เพราะวงใหม่นี่สดกว่าดังกว่า” นรินทร์ถอนใจ “แต่ก็แพงกว่า”
วิไลเหล่มอง
“แหม...เฮีย...เดี๋ยวพวกหนูถอนทุนให้เอง”
ทุกคนหัวเราะมีความสุข

ค่ำนั้น...ทองดี จูน และโคโยตี้เต้นสนุกสนาน วิไลและผองเพื่อนต้อนรับแขกอย่างดี เมื่อเต้นเสร็จ ทองดี วิไล จูน มานั่งคุยกันในห้องแต่งตัว จูนยิ้มพอใจ
“ได้เงินค่าทิปค่อยคุ้มเหนื่อยหน่อย”
ทองดีพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำงานแบบนี้เงินมันหาง่ายเนอะ”
วิไลถอนใจก่อนจะเอ่ยเตื่อนเพื่อน
“ใช่...มันหาง่าย แต่ก็ใช้ง่ายเหมือนกันแหละ ต้องรู้จักเก็บ รู้จักรักษาตัวด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะต้องลงเอยเหมือนนังอ้อยมัน”
“ไปกลับเถอะ อยากอาบน้ำแล้ว” จูนชวน
ทองดีลุกขึ้นแล้วจะถอดตุ้มหูแต่ข้างหนึ่งหายไป
“ตายแล้ว ตุ้มหูฉันหายอ่ะ”
“หล่นบนเวทีแหงๆ” จูนออกความเห็น
“เพิ่งซื้อมาด้วย ไม่น่าเอาของตัวเองมาใช้เลย เสียดายอ่ะ”
“จะไปหาป่ะ เดี๋ยวฉันไปด้วย ตอนนี้พวกทำความสะอาดคงยังไม่เสร็จหรอก ลองไปถามดูเผื่อเจอ” วิไลชวน
“ไม่เป็นไร เธอสองคนกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันเดินไปดูเอง”
สาวๆพากันเดินออกไปจากห้องแต่งตัวแล้วปิดไฟ
ทองดีเดินมาหาพวกทำความสะอาดที่กำลังเก็บเครื่องมือ
“พี่ๆใครทำเวทีอ่ะ เห็นตุ้มหูหนูไหม”
เหล่าพนักงานมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“ขอบใจจ้ะ”
ทองดีเดินไปหาแถวเวที พนักงานทำความสะอาดเดินออกไป ทองดีเดินดูแถวๆที่เต้นแล้วเอามือควานใต้เวที แล้วก็เจอเธอดีใจมาก
“แหม...นึกว่าจะไม่เจอแล้ว”
ทองดีจะเดินกลับไปแล้วมองไปที่เวทีตรงเครื่องดนตรีก็ชะงัก ก่อนจะเดินไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเธอจึงเดินไปจับไมค์แล้วยิ้มเขิน
“สวัสดีค่ะทองประกาย พบกันทุกวันศุกร์ห้าทุ่มถึงห้าทุ่มสี่สิบห้านะคะ ตอนนี้เรามาฟังเพลงกัน รับรองเพลงนี้ต้องถูกใจทุกท่านแน่ค่ะ”
ทองดีเก๊กเหมือนนักร้อง แล้วเริ่มต้นร้องเพลง โดยไม่มีดนตรีและผู้ชม ทองดีร้องอย่างอินมาก ออกลีลาอย่างเต็มที่ มนตราเดินเข้ามาจากมุมหนึ่งแล้วมาหยุดยืนฟังเธอร้องเพลงจนจบ ก่อนจะปรบมือให้ ทองดีชะงักหันขวับไปมอง
ทองประกายแสด ตอนที่ 11.1

มนตราที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ทองดีอายมาก
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ตอนนี้คลับปิดแล้วนะคะ”
“ครับผมทราบ แต่พอดีเดินผ่านมาได้ยินเสียงเพราะๆก็เลยต้องเข้ามาฟัง”
“คุณมาแอบฟังฉันร้องเพลงเหรอ”
“ผมไม่ได้แอบ คุณไม่เห็นผมเองต่างหาก คุณนี่เต้นเก่งนะ ร้องเพลงก็เพราะพอใช้ได้”
“ฉันเหรอ ร้องเพลงเพราะ”
มนตราพยักหน้ารับ
“เป็นนักร้องที่นี่เหรอ”
ทองดีถอนใจเฮือก
“ถ้าใช่ฉันจะมาร้องให้โต๊ะเก้าอี้ฟังเหรอ เอ๊ะ...ถ้าคุณเป็นแขกที่นี่ทำไมไม่รู้ล่ะว่าฉันไม่ใช่นักร้อง คนทำความสะอาดก็กลับไปหมดแล้ว หรือว่าคุณเป็นโจร”
มนตราหัวเราะ
“ถ้าใช่ผมจะรับไหมล่ะ ผมนัดคุณนรินทร์ไว้”
ทองดีนึกได้
“หรือว่า ...คุณ..เป็น..วงดนตรีที่นัดมา”
“ใช่ผมเป็นหัวหน้าวงดนตรี”
“...ไม่จริงมั้ง....วงดนตรีอะไรมีแค่คนเดียว”
“ผมเป็นหัวหน้าวง เวลารับงาน ก็มาแค่คนเดียวแบบนี้แหละ จะให้ขนมาทั้งวงกันเลยหรือไง”
“เหรอ”
วิไลเดินตามเข้ามา
“ทอง เจอต่างหูไม๊ หานานจัง อ้าว..ใครล่ะเนี่ย หล่อเชียว”
“หัวหน้าวงดนตรีใหม่ มาหาคุณนรินทร์น่ะ”
วิไลหันไปยิ้มให้มนตรา
“เอ่อ...เชิญทางนี้ค่ะ ฉันจะพาคุณไปหาคุณนรินทร์เอง”
นรินทร์เดินตามวิไลไป ทองดีมองตามอย่างครุ่นคิด อยากเป็นนักร้องขึ้นมา

วิไลนำมนตราเข้ามาหน้าห้อง นรินทร์ออกมาพอดี
“อ้าว.. คุณมนตรามาแล้ว เชิญข้างในเลยครับ ขอบใจมากวิไล”
นรินทร์เดินนำเข้าไป วิไลรีบถาม
“มีแฟนรึยังคะ”
มนตราหันมายิ้มให้ แล้วเดินตามนรินทร์เข้าห้องไป
“แหม ถ้าได้แบบนี้สักคนนะ ฉันจะเลิกอาชีพนี้เลย”
วิไลมองตามมนตราตาเป็นมัน

คืนวันต่อมา มนตราเล่นดนตรีด้วยมาดเท่ สาวๆพากันสนใจ หลังจากเล่นดนตรีเสร็จ มนตราเดินป่านพนักงานสาวๆ ก็ถูกแซวทันที
“โอ๊ย คนอะไรไม่รู้ เงียบๆเรียบร้อย น่ารักซะไม่มี”
“ใช่ ชวนคุยก็ยิ้มลูกเดียว ไม่ค่อยจะพูดเลย”
วิไลรำคาญ
“วี๊ดว๊ายกันอยู่ได้ นังพวกนี้ หนวกหูจริง”
“เจ๊ไม่ชอบ เจ๊ก็ไม่สนน่ะสิ”
“ใครว่ากูไม่ชอบ น่ารักซะ”
ทุกคนครื้นเครงขำขันกันรวมทั้งวิไล

หลายคืนต่อมา...ทองดีรอขึ้นเวที มานั่งดูมนตราเล่นดนตรี และเมื่อเธอขึ้นเวที มนตรามองอย่างสนใจ จนเพื่อนๆแซว
“สวยเซ็กซี่นะ ทองประกายเนี่ย เต้นเก่งด้วย”
อีกคนว่า...
“เฮ้ย มนตรา สนใจเหรอ ปกติไม่เคยเห็นสนใจใครเลย”
มนตราหันหาเพื่อน ยิ้มๆ
“แต่ผู้หญิงทำงานอย่างเงี้ย น่ากลัวว่ะ เด็กเสี่ยรึเปล่าก็ไม่รู้”
มนตราหันมองทองดีจนเต้นจบ เห็นเธอเดินทักทายแขกอย่างร่าเริง

คืนต่อมา...มนตราเล่นดนตรี โดยมีทองนั่งมองอยู่ตลอด เล่นเสร็จเพื่อนๆแซวอีก
“สงสัยแม่สาวทองประกายจะปลื้มคุณมนตราซะแล้ว นั่งมองตาไม่กระพริบเชียว”
อีกคนเสริม
“จริงด้วยว่ะ นายก็สนใจอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ลองจีบดูล่ะ”
มนตราส่ายหน้า
“กลัวเขามีแฟนแล้วน่ะสิ”
“เฮ้ย สนจริงเหรอวะ อะไรวะ แล้วจะจีบเป็นมั้ยเนี่ย ปกติเห็นแต่ถูกหญิงจีบ เอางี๊ เดี๋ยวจัดให้”
อีกคนร้องบอก
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องจัดแล้วว่ะ มาโน่นแล้ว”
ทองดีเดินเข้ามายืนมองมนตราใกล้ๆ มนตรางงๆ เขินๆ เพื่อนแซวหัวเราะกัน มนตราเลยเดินลงเวทีไปหา
“ไปคุยกันตรงนั้นหน่อยได้มั้ย” ทองดีเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
มนตรามอง งงๆ ขำๆว่าเธอจะมาจีบรึไง ทองดีเดินนำมนตราออกไปที่มุมหนึ่ง แล้วหันมาพูดอย่างลังเล...
“นี่คุณ ช่วยฉันหน่อยได้มั๊ยคะ”
“พูดเพราะเชียวนะ จะให้ช่วยอะไรครับคุณผู้หญิง”
“เอ่อ...ช่วยบอกคุณนรินทร์ทีสิ ฉันอยากเป็นนักร้อง”
มนตรามองหน้าทองดีแล้วยิ้มไม่พูดอะไร ทองดีอ้อนวอน
“น่านะ...ให้ฉันเป็นนักร้องในวงคุณก็ได้ ตอนเจอกันครั้งแรกคุณยังบอกเลยว่า ฉันร้องเพลงเพราะ เสียงก็ดี แถมยังสวยด้วย นะ...นะ ช่วยฉันหน่อย”
“ผมชมคุณสวยด้วยเหรอ” มนตรางงว่าชมตอนไหน
“ฮื่อ” ทองดีพยักหน้ามั่วนิ่ม
“เป็นนักร้องในวงผมเหรอ เรายังไม่รู้จักกันดีเลยนะ”
“ฉันชื่อ ทองประกาย”
“ผมทราบ”
“แล้ว เอ่อ...คุณ…”
มนตราหัวเราะ
“ผมชื่อ มนตรา”
“นั่นไง คุณมนตรา ทีนี้เราก็รู้จักกันแล้ว คุณจะช่วยฉันได้หรือยัง”
“ยัง”
ทองดีหน้าหงิก มนตรายิ้มแล้วส่ายหน้าขำในความใจร้อนของเธอ ทองดีค้อน
“แค่นี้เอง ช่วยหน่อยก็ไม่ได้...คนใจจืด”
ทองดีโกรธ มนตราขำๆ เดินกลับไป
“โห...ใจดำได้ถ้วยจริงๆ คนไม่มีน้ำใจ” ทองดีเซ็งสุดๆ
มนตราเดินกลับไปที่วง เพื่อนถามเขากระซิบบอกเพื่อนขำกร๊าก มนตราขำตามหน้าแตก นึกว่าสาวมาจีบ เขายิ้มเอ็นดูทองดี
ทองดีเดินหน้างอมาถึงห้องแต่งตัว เริ่มแกะเครื่องประดับแล้วหันกลับไปมอง
“ไอ้คนใจจืด นิดหน่อยก็ไม่ยอมช่วย”
ทองดีมองตัวเองในกระจกพิจารณาตัวเองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่...ถ้าเราลองง้ออีกหน่อย เพราะนายนั่นก็น่าจะสนใจเรานะ พรุ่งนี้ก่อนนะ”
ทองดีบอกตัวเองอย่างมาดมั่น

ค่ำนั้นก่อนเริ่มงาน ทองดีมาแอบรอเมื่อเห็นมนตรามากับเพื่อน เธอมองตามก่อนจะเดินตามไป แล้วหยุดคิด ดึงไหล่เสื้อให้กว้างออกมา จัดผมให้สวยแล้วตามต่อ...มนตรากระซิบเพื่อนแล้วเดินแยกไปที่ห้องนรินทร์ ทองดีมองตามงงๆ แล้วเรียกไม่ทัน เลยไปแอบรอหน้าห้อง
มนตรานั่งคุยกับนรินทร์ในห้องทำงาน นรินทร์ดีใจมาก
“ขอบคุณมากคุณมนตรา ผมดีใจจริงๆที่เราจะได้ร่วมงานกัน”
“เช่นกันครับ แต่...ผมมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณนรินทร์ พอจะช่วยผมได้หรือเปล่า”
นรินทร์ปาดเหงื่อ
“คุณมนตราต้องการอะไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมยินดีครับ เอ่อ...หวังว่า คงไม่ใช่ค่าเหนื่อย 3 เท่าหรอกนะครับ”
มนตรายิ้มขำ
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ”
นรินทร์ยิ้มกว้างทันที...ทองดีอยากรู้มากเลยแอบแง้มประตูว่าเขาคุยอะไรกัน
“ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินละก็ คุณมนตราต้องการอะไรว่ามาเลย”
“ผมอยากได้...ทองประกาย มาเป็นเป็นนักร้องในวงผม”
ทองดีตาโตไม่เชื่อหูตัวเองเอามือแยงหู
“ฉันได้เป็นนักร้อง”
ทองดีเผลอกรี๊ดออกมา แต่พอนึกได้รีบอุดปากตัวเอง ฟังต่อ นรินทร์กับมนตราสะดุ้งหันไปมองหน้าห้อง นรินทร์ลังเล
“คุณแน่ใจหรือ ว่าทองประกายจะทำได้”
“ก็ต้องลองดูครับ”
ทองดียืนแอบฟังที่หน้าประตู นรินทร์กับมนตราเปิดประตูออกมา เธอไม่ได้ตั้งตัวก็ลุกพรวดจะหนี แล้วไปผิดทาง ต้องหันกลับมา เลยจ๊ะเอ๋กันพอดี ทองดีเลยทำเนียนๆ
“ฉันจะไปห้องน้ำ”
นรินทร์มองหน้า
“นี่มันทางมาห้องผม ไม่ใช่ห้องน้ำ”
ทองดียิ้มแหยๆ นรินทร์ถอนหายใจเฮือกหันไปมองหน้ามนตราแล้วส่ายหน้า มนตรายิ้ม
“แบบนี้คงไม่ต้องเสียเวลาทาบทามแล้วล่ะครับ”
ทองดีหลบตาพูดเสียงอ่อย
“ฉันไม่ได้จะมาแอบฟังนะ แค่...ตามมาเฉยๆ”
มนตราอมยิ้มขำ นรินทร์มองทองดีด้วยสายตาเป็นกังวล
“จะไหวแน่เหรอครับ”
ทองดีงงๆ
“อ้าว...นี่ฉันยังไม่เป็นนักร้องอีกเหรอ”
มนตราจ้องหน้าขำๆ
“ไหนว่าไม่ได้แอบฟังไง”
ทองดีหน้าเสียเจื่อนไป มนตรายิ้ม
“คุณนรินทร์เขาอยากดูว่าเธอจะร้องเพลงได้ดีจริงหรือเปล่า”
ทองดีหน้าเหวอมองมนตรากับนรินทร์งงๆว่าจะต้องทำไง

ทองดียืนอยู่บนเวที กำลังร้องเพลง โดยมีมนตรากำลังเล่นกีต้าร์อยู่ด้านข้าง นรินทร์นั่งฟังอยู่หน้าเวที สองคนร้องเพลงเข้าขากันมานรินทร์นั่งฟังอย่างชื่นชม จบเพลงนรินทร์ลุกขึ้นปรบมือให้ทองดี
“ผมขอโทษนะ ทองประกาย ผมมองข้ามไปได้ยังไง”
ทองดีกรี๊ดอย่างยินดี โผเข้าไปกอดมนตราจากด้านหลังอย่างดีใจสุดขีด
“ฉันได้เป็นนักร้องแล้ว ได้เป็นนักร้องแล้ว เย้...”
ทองดีกระโดดโลดเต้น พอนึกได้ รีบปล่อยมือจากมนตราอย่างเขินๆ
“ขอโทษนะคะ ฉันดีใจเกินไปหน่อย”
“ใครบอกว่าได้เป็นแล้ว ถ้าจะเป็นนักร้อง คุณต้องฝึกอีกเยอะ ผมจะยอมเสียเวลาฝึกให้คุณเองก็ได้ เฮ้ย...ว่าแต่ตอนนี้ ตอนนี้ผมช่วยคุณแล้ว จะไม่เลี้ยงข้าวตอบแทนผมหน่อยเหรอ”
ทองดีค้อน
“ได้สิ...จะไปไหนล่ะ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ไปชุดนี้คงไม่ดี”
นรินทร์มองมนตราและทองดี อย่างหวงก้างรีบขึ้นเวทีมาแทรกกลาง
“ผมไปด้วยคนสิ ตั้งใจว่าจะพาทองประกายเขาไปฉลองพอดี...คุณมนตรากับผมนี่ใจตรงกันเลย”
ปากพูดดีแต่ตาชักไม่ค่อยพอใจ มนตรารู้แกว
“ผมว่าไม่ค่อยสะดวกหรอกครับ เพราะรถผมเล็กนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะครับ”
นรินทร์หน้าแตกโดนมนตรากีดกันซึ่งหน้า ทองดีตัดบท
“งั้นคุณไปรอฉันที่ลานจอดรถนะ”
มนตราพยักหน้ารับ หันมายิ้มให้นรินทร์ก่อนจะแยกย้ายกับทองดีไปคนละทาง นรินทร์มองตามมนตราด้วยความเซ็ง
“ไอ้นี่ทั้งหล่อทั้งไวเลยเว้ย เฮ้ย...ไอ้เราก็ช้าตลอด ขี้อายอีกกู เปลี่ยนอาชีพดีมั้ยเนี่ย”
นรินทร์หงุดหงิดเตะโต๊ะด้วยความเจ็บใจแล้วต้องร้องจ๊าก ยกขาเซไปมาโต๊ะล้มระเนระนาด
“โอ๊ย...ซวยมันเข้าไป”

รถมินิคูเปอร์ของมนตราจอดอยู่ เขาเดินรอไปมาอยู่ที่รถ สักครู่ทองดีเดินออกมาพอเห็นรถของมนตราก็หน้าเบ้ทันที
“เฮ้อ...นี่แสดงว่าคุณต้องรวยละสิ แล้วยังจะมาให้ฉันเลี้ยงคุณอีก”
“ทำไมคิดงั้นล่ะ”
“ดูรถคุณก็รู้ คันเล็กกระจิ๋วแค่เนี๊ยะ ฉันไม่เข้าใจ คนรวยทำไมชอบทำ อะไรแปลกๆ มีเงินเยอะแยะจะซื้อรถคนใหญ่ๆก็ไม่ได้ มาทนใช้รถคันเล็กจะปีนเข้าออกก็ลำบากลำบน”
มนตราหัวเราะ
“เธอนี้ขำจริงๆ จะไปมั๊ยเนี่ย...”
“ก็จริงไม่ล่ะ”
“เอาเป็นว่ารวยหรือจนไม่รู้ รู้แต่ว่าชีวิตฉันมีความสุขก็โอเค”
มนตราเดินไปเปิดประตู้ให้ทองดีขึ้น พอปิดประตูก็แอบอมยิ้มก่อนเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป

ทองดีกับมนตรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เธอมองรอบๆตัวอย่างไม่เข้าใจ
“ตกลงนี่คุณรวย หรือจนกันแน่ฉันชักสับสนแล้วนะเนี่ย”
“ทำไมจนหรือรวย มันสำคัญอะไรนักหนา”
“ฉัน...ก็แค่สงสัยเท่านั้นน่ะ”
“พามาหาที่กินแบบนี้ รวยหรือจนล่ะ”
“ไม่รู้สิ รวยมั้ง...แล้วตกลง คุณจะจีบฉันหรือเปล่าเนี่ยถ้าจะจีบคุณก็จ่ายนะ ไม่ใช่ให้ฉันมาเลี้ยงคุณ”
มนตราชะงักหยุดกินทันที ทองดียิ้มหวานให้
“เฮ้ย...ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เห็นฉันเป็นคนแบบไหน”
“ก็ผู้ชายส่วนใหญ่เวลาเจอฉันเขาก็จะจีบ แล้วก็ชวนไปกินอาหารแพงน่ะสิ”
“งั้น...ฉันคงเป็นแบบไม่ปกติ”
มนตราทำเป็นก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจ ทองดีหยักไหล่ไม่แคร์
“ดีแล้วแหละ ถ้าคุณไม่จีบฉันเราจะได้ทำงานด้วยกันสะดวก เพราะฉันเบื่อแล้วล่ะ ไอ้พวกร่วมงานกัน แล้วอยากจะร่วมเตียงกันกับฉันอ่ะ”
มนตราสำลักก๋วยเตี๋ยวหยุดกินทันที ทองดีรีบส่งน้ำให้
“เธอนี่พูดตรงดีนะ แต่เป็นผู้หญิงน่ะไม่ต้องตรงมากก็ได้”
มนตรามองหน้าแล้วหัวเราะอย่างเอ็นดู ทองดีงง ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด

วันใหม่...ในห้องวิไล ส้มตำและอาหารอื่นๆวางเต็มพื้นห้อง ทองดี จูน วิไล นั่งชนแก้วน้ำอัดลมกัน วิไลยิ้มให้เพื่อน
“ยินดีด้วยนะ ทอง ที่จะได้เป็นนักร้อง เธอนี่โชคดีจริงๆ”
“ฉันละอิจฉาแกจริงๆเลยทอง...” จูนถอนใจ “เฮ้อ...ไม่รู้เมื่อไหร่ จะถึงตาฉันมั่ง”
ทองดีมองหน้าเพื่อน
“แล้วเธอฝันอะไรล่ะจูน”
จูนนึกๆ
“ไม่รู้สิ...ตอนแรกก็อยากได้คุณมิตรเป็นผัว...ตอนนี้ก็นึกไม่ออกแฮะ...อยู่ไปวันๆ”
วิไลมองเพื่อนเซ็งๆ
“เจริญละแก...แล้วจะไปทางไหนล่ะเนี่ย”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วหัวเราะขำ ทองดีหันไปถามวิไล
“แล้วพี่วิไลล่ะ ทำไมมาทำอาชีพนี้ล่ะ”
“พี่น่ะเหรอ ก็มันเริ่มจากไม่มีจะกินไง นี่พี่ก็เก็บเงินอยู่ พี่จะทำงานเก็บเงินอีกซักพัก ไปซื้อที่ซื้อทางแถวบ้านไว้แล้ว อีกซัก สี่ห้าปี พี่ก็ว่าจะกลับไปปลูกบ้านที่ต่างจังหวัด ไปค้าขาย พี่อยากค้าขาย”
ทองดีหน้าสลดลง
“ชีวิตคนเราก็แปลกนะ เหมือนมีใครคอยขีดเส้นไว้แล้วว่าเราจะต้องเดินไปทางไหน ต้องเจอกับอะไร ตอนที่เสียคุณมิตรไป ฉันรู้สึกเหมือนว่า โลกนี้คงพังทลาย แต่แล้ว ฉันก็เจอเพื่อนดีๆ เจอสิ่งดีๆ นี่ตกลงฉันควรจะขอบคุณคุณมิตรใช่ไหม”
จูนมองหน้า
“ควรขอบคุณตัวเองต่างหาก ที่ผ่านมันมาได้”
วิไลเห็นด้วย
“ใช่...เพราะมันคือประสบการณ์ชีวิตให้เราเข้มแข็งขึ้น”
จูนยิ้มกว้าง
“จริงจ๊ะ...เพราะแกน่ะ...สวยเลือกได้”
ทุกคนหัวเราะขำ ยกแก้วชนกัน วิไลนึกขึ้นได้
“แล้วนี่ อีตาหัวหน้าวงที่รับเธอน่ะ ไม่ใช่รับเพราะอยากฟันนะ”
ทองดีชะงักนิดนึง
“คงไม่หรอก ดูท่าทางเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เอาแล้ว เข้าโหมดซื่ออีกแล้ว...คนเราน่ะ ดูแต่หน้าไม่ได้หรอก” จูนเตือน
วิไลคิดๆ
“เอ๊ะ...หรือว่าไอ้คุณมนตรานี่มันจะหล่อ เพื่อนเราเลยซื่อซะงั้น”
ทุกคนหันไปกิ๊วก้าวหัวเราะเบิกบานกัน ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น วิไลรีบวิ่งไปเปิดคุยกันแป๊บนึงก็วิ่งกลับเข้ามาอมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ทองประกาย
“หวานมันบอกว่ามีคนมาหาเธออ่ะ”
“ใครอ่ะ”
“ชื่อมนตรา”
จูนสำลัก
“ไหนแกว่า เขาไม่จีบแกไง นี่มาหาแต่เช้าเลยโว้ย มันชักยังไงยังไงซะแล้ว”
ทองดีเขิน
“บ้า...เขาคงมีธุระมากกว่า”
ทองดีรีบเดินออกไปจากห้อง
มนตรายืนรออยู่ที่รถ สักครู่ทองดีเดินมาหาหน้าตางงๆ จูนกับวิไลแอบมาดูอยู่มุมตึก
“แหม...ไหนบอกว่าไม่จีบฉันไง มาแต่เช้าเลย”
มนตราส่ายหน้าขำๆ
“ขอโทษนะ ฉันมาตามเธอไปซ้อมร้องเพลง เป็นนักร้องจะไม่ซ้อมร้องหน่อยเหรอ”
แป่ว...ทองดีหน้าเจื่อนไปเลย
“งั้น...ฉันขอเวลา แต่ตัวแป๊บนึง คือฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
มนตราทำเสียงเข้ม
“อย่านาน...ฉันชอบทำงานกับคนตรงเวลา...ไปสิ”
“ไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ ดุชิบเลย”
ทองดีจะวิ่งไปแล้วนึกได้
“แล้วเราจะซ้อมร้องที่ไหนล่ะ”
“ไปเจอที่เวที”
ทองดีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับเข้าไป มนตรามองตามยิ้มเอ็นดู

ทองดีใส่ชุดใหม่ออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวอย่างรีบร้อน จูนกับวิไลยืนมองงงๆสงสัย
“ยังไงฉันก็ว่าเขาจีบเธอชัวร์” วิไลบอกอย่างมั่นใจ
“ชัวร์อะไร ก็บอกแล้วไง คนอะไรยังไม่เริ่มงานเลย ดุแล้ว”
จูนคิดๆ
“ฉันว่านายนี่แกล้งว่ะ ไม่เคยพบเคยเห็น หัวหน้าวงอะไร ต้องมารับนักร้องไปซ้อมเพลง”
วิไลมองยิ้มๆ
“เอ...มันคงไม่ซ้อมเพลงเฉยๆละม๊าง...ซ้อมไปซ้อมมา ระวังกลายเป็นชวนซ้อมอย่างอื่นด้วยล่ะสิ”
จูนกับวิไลหัวเราะชอบใจ
“โอ๊ย...ไม่มีเวลาคุยไร้สาระแล้ว ไปล่ะ”
ทองดีรีบวิ่งออกไป

มนตราสอน ทองดีร้องเพลงอยู่บนเวทีจนจบเพลง โดยมีนรินทร์ ยืนมองอยู่ด้านล่างเวที
“ผมว่าสอนคุณที่นี่ไม่ค่อยสะดวกแล้วล่ะ คงต้องหาที่ซ้อมใหม่แล้ว”
ทองดีมองเหล่มนตราแบบ จะมาหลอกฉันไปขึ้นเตียงรึไง
“หาที่ซ้อมใหม่เหรอ”
“เฮ้ย...ทำไมมองแบบนั้นล่ะ คิดเยอะไปรึเปล่าคร๊าบ...คืนนี้ลองดูนะ เริ่มต้นยังไม่ต้องร้องจริง ลิปซิ้งค์ให้ได้ก่อน เพราะคุณยังต้องฝึกอีกเยอะ”
มนตราขำๆ








Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:16:54 น.
Counter : 716 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]