All Blog
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 5


ดำจังมึงเดินกลับออกมาหารชานนท์ พชร วันรบ มัทรี กระถิน วันทนีย์ กำนันเรือง และอาไท

“เรียบร้อย รู้ผลไม่เกินเช้าพรุ่งนี้” ดำจังมึงบอก
“งั้นโผมขอตัวก่อนนะครับ” รชานนท์บอก
“เดี๋ยวสิ ไอ้ที่ว่ามีของน่ะ ของที่ว่ามันคืออะไร” วันทนีย์ถามขึ้น
พชรอึกอักแล้วบอก
“เอ่อ...ต้องรอให้ผมเช็คให้แน่ใจก่อนครับ”
“บอกมาก่อนเถอะ ล่อให้อยากแล้วจากไปมันไม่ดีนะลุง” อาไทพูดขึ้น
“พี่ไม่ใช่ลุง” รชานนท์,พชรพูดขึ้นพร้อมกัน
อาไทสะดุ้งทันที
“พี่ก็พี่...พี่สุดหล่อบอกน้องหน่อยเถอะน่าว่าของที่ว่าน่ะมันอะไร”
“นั่นสิ ข้าก็อยากรู้” กำนันเรืองพูดขึ้น
รชานนท์กับพชรโดนต้อนจนเริ่มมองหน้ากันแล้วหันไปทางวันรบให้ช่วยที
“พ่อ แม่ เขาบอกว่าตอนเช้าค่อยรู้ก็ตอนเช้าเถอะน่า”
“ไม่” กำนันเรืองยืนยัน
อาไทแทรกเสียงดัง
“ไม่ได้ แถวนี้ถิ่นใครให้มันรู้ซะมั่ง ใช่ไหมพ่อกำนัน ไม่กล้าบอกแบบนี้ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ จริงไหมจ๊ะพ่อกำนัน” อาไทว่า
ดำจังมึง ทนไม่ไหวพูดขึ้น
“อยากรู้มากใช่ไหม”
“ใช่” อาไทยืนยัน
ดำจังมึงดีดนิ้ว บอดี้การ์ดนักกล้ามสองคนเดินมาขนาบข้าง เปิดเสื้อสูท เบ่งกล้าม
“นึกว่าฉันจะกลัวเหรอ ก็แค่ล่ำ กล้ามใหญ่”
ดำจังมึงส่งไม้หน้าสาม ให้ บอดี้การ์ดหักไม้หน้าสามแถมคำรามจนอาไทสะดุ้ง
“กลัวล่ะสิ ไอ้อ้วน” ดำจังมึงถาม
“ระดับอาไทไม่มีกลัวอยู่แล้ว แค่ตัวใหญ่จะสู้ปืนลูกซองได้ยังไง จริงไหมพ่อกำนัน”
“ปืนลูกซอง..จะลองกับปืนสั้น”
ดำจังมึงพูดขึ้น บอดี้การ์ดที่เหลือชักปืนออกมาอาไทกับกลุ่มกำนันถึงกับสะดุ้ง อาไทรีบปิดตาชี้ไปที่กำนันเรืองกับวันทนีย์ทันที
“น้องไม่ได้อยากรู้ค๊าบ คนอยากรู้อยู่โน่น”
ดำจังมึงหันปืนไปกำนันเรือง
“ไอ้อาไท” กำนันเรืองกับวันทนีย์ร้องขึ้นพร้อมกัน
“รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี พ่อกำนันบอกฉันเองนะจ๊ะ” อาไทบอก
“พี่รบ..มัทว่าจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ” มัทรีพูดขึ้น
“เอ่อ..ใจเย็นๆ นะครับ” วันรบบอก
ดำจังมึง เสริมทันที
“พวกกำนันใช่มะ”
พชรกับวันรบหันไปทางดำจังมึง
“แกนั่นแหล่ะ”
ดำจังมึง โวยวาย
“อ้าว..นี่ฉันช่วยนะเนี่ย ไม่งั้นก็ถามอยู่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวแผนก็..อุ๊บ”
รชานนท์กระโดดปิดปากดำจังมึง
“เมื่อกี้ตาหนำเลี๊ยบมันพูดแผน ๆ อะไรนะพ่อ” อาไทถามขึ้น
วันทนีย์เห็นทุกคนอึ้งไป
“ว่าไงล่ะ พวกคุณมีแผนอะไรกัน”
รชานนท์ พชร วันรบแอบสบตากัน มัทรีลุ้นๆ ขณะที่กำนันเรือง วันทนีย์ กระถิน อาไทมองอย่างสงสัย

ภายในบ้านของเตือนใจ ติรกาเดินเข้ามา โดยพุทราถือหม้อแกงส้มตามเข้ามา ขณะนั้นเตือนใจกำลังร้องคาราโอเกะเพลงเทพธิดาดอยอย่างเมามันส์คนเดียว
“..มวลเถาวัลย์ป่าใบเขียว คดลดเลี้ยวพันเกี่ยวคบไม้ใหญ่ ฝูงมัจฉาว่ายแหวกน้ำใส เวียนวนไปภายในสายวารี"
พุทราอดรนทนไม่ได้รีบวางหม้อเข้าไปร่วมแจมทันที
“มวลบุปผชาติ ดาษเนินเขางาม แลสะพรั่งแทรกตาม หินทุกก้อนมี สาวแม้วแฉล้ม แก้มสดสีกายใจพลีให้ชายเชื้อชาติไทย"
ติรกามองหามัทรี
“แม่คะ ยัยมัทล่ะค่ะ”
เตือนใจได้ยินติรกาถามก็ร้อนตัวร้องเพลงเสียงดังขึ้นทำเป็นไม่ได้ยิน

“แม่คะ ทานข้าวพร้อมหน้ากันนะคะ” ติรกาเสียงดังขึ้น
เตือนใจพยายามจะทำเป็นไม่ได้ยินอีก ติรกาทนไม่ไหวลุกขึ้นไปหยิบรีโมทกด pause
“โหย...คุณติกดหยุดทำไมอ่ะคะ กำลังมันส์เลย” พุทราบอก
ติรกามองมาที่ติรกาด้วยสายตาพิฆาต พุทรารีบปิดปากตัวเอง
“อุ้ย”
“ยัยติ..แม่กำลังสนุกอยู่นะ เอารีโมทมานี่” เตือนใจพูดแล้วจะดึงรีโมทจากติรกา
“หนูเอาแกงส้มของโปรดยัยมัทมา จะได้ทานข้าวเย็นด้วยกัน ยัยมัทอยู่ไหนคะ”
เตือนใจทำเนียนบอก
“ก็อยู่บนห้องนะสิ”
“งั้นพุทราจะไปตามนะคะ”
“ไม่ต้อง,ไม่ต้อง” ติรกากับเตือนใจ พูดขึ้นพร้อมกัน
ทั้งติรกากับพุทราต่างชะงักมองหน้ากัน
“คือ..ไม่ต้องไปตามหรอก เดี๋ยวหิวก็ลงมาเอง” เตือนใจบอก
“พุทราจัดโต๊ะ..” ติรกาสั่ง เตือนใจโล่งใจ
“เดี๋ยวฉันไปตามยัยมัทเอง”
เตือนใจรีบคว้ามือติรกาไว้
“ ไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะแม่”
“ก็..ยัยมัทเครียดเรื่องตาวันรบอยู่ อย่าไปกวนลูกเลย”
ติรกามองเตือนใจอย่างวิเคราะห์
“แม่...ปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า”
“เปล๊า....ติอย่าเพิ่งไปกวนหลานเลยนะเชื่อแม่” เตือนใจพูดด้วยเสียงสูงมาก
ติรกาจ้องเตือนใจอย่างคาดคั้นจนเตือนใจเหงื่อแตก แล้วติรกาก็ … ยิ้ม
“ก็ได้ค่ะแม่ งั้นเดี๋ยวหนูจัดโต๊ะแล้วเราทานข้าวกันนะ”
“จ๊ะ ๆ” เตือนใจกดรีโมทร้องคาราโอเกะกลบเกลื่อนต่อ
ติรกาเดินไปที่โต๊ะอาหารซึ่งพุทราจัดโต๊ะอยู่ แล้วมองไปทางเตือนใจอย่างสงสัย เตือนใจร้องเพลงแต่เมื่อหันมาเจอกับสายตาติรกาก็เบือนหน้าไปร้องทางอื่น ติรกานั่งมองเตือนใจด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“พุทรา”
พุทราเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่ติรกามองเตือนใจ
“ขา... ถ้าพุทราเดาไม่ผิด คุณติมีแผนร้ายให้พุทราทำใช่ไหมคะ”
“หึๆๆ”

ในเวลาเดียวกัน บ้านวันรบที่สุพรรณบุรี รชานนท์ พชร วันรบยังสบตากันไปมา
“พูดมาสิว่าแผนอะไร” กำนันเรืองเริ่มจับปืนสองมือเตรียมพร้อม
“ตายแน่ไอ้นนท์ ฝั่งเราน่ะปืนปลอมแต่ทางโน้นลูกซองของจริงนะเว้ย ศพไม่สวยแน่” พชรพูดกับรชานนท์
วันรบเห็นท่าไม่ดีพยายามแก้สถาการณ์ทันที
“แผน! แผนสำรวจที่ดินพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ” วันรบพยักเพยิดกับรชานนท์ให้รับมุกสุดฤทธิ์
“ใช่ เราต้องรีบกลับไปปรึกษาวางแผนอย่างละเอียดใช่ไหมดำจังมึง” รชานนท์รับลูกจากวันรบทันที
พชรศอกใส่ลำตัวจนดำจังมึงตัวงอ
“ช่าย ๆ เรารีบกลับกันเถอะ” พชร บอก
รชานนท์ลากดำจังมึงไปที่รถ พชรจะตาม วันทนีย์หันมาหาวันรบ
“งั้น..ตารบคืนนี้ค้างที่บ้านนะลูก”
รชานนท์ได้ยินตกใจรีบหันมา พชรทำเป็นพูดเสียงดังกับดำจังมึงแต่สายตามองไปที่วันรบ
“ไม่ได้! เราต้องรีบไปวางแผนงานกัน เถลไถลไม่ได้คุณเข้าใจไหม”
“รีบกลับไปเจอกันที่โรงแรม ไป”
พวกรชานนนท์รีบขึ้นรถตู้และขับออกไป
“ขึ้นบ้านกันเถอะตารบ” วันทนีย์บอก
“แม่ครับ คืนนี้ผมต้องไปพักที่โรงแรม”
“ปกติกลับมาก็นอนบ้าน ทำไมต้องไปพักโรงแรมด้วย”
“เอ่อ...”
มัทรีรีบช่วยแก้สถานการณ์ทันที
“คือมัทไม่ได้เตรียมตัวมาต้องไปหาซื้อของใช้ด้วยค่ะ เข้าเมืองแล้วพักโรงแรม พี่รบจะได้ไม่ต้องขับรถไปๆ มาๆ ไงคะ”
“ใช่ครับ! พรุ่งนี้ผมค่อยมานะครับแม่”
วันทนีย์ไม่พอใจขึ้นทันที
“นี่ขนาดไม่แต่งยังจูงจมูกขนาดนี้”
“แม่บอกว่าพี่รบเป็นกระต่ายเหรอคะ”
“ควายต่างหาก” อาไทแทรกขึ้นทันที
กำนันเรือง,วันทนีย์,วันรบ มองหน้าอาไท
“อยู่ดี ๆ ก็ง่วง อาไปนอนก่อนนะ”
อาไทหาวใส่แล้วทำเนียนเดินออกไป

“งั้นเราไปเถอะครับมัท”
วันรบรีบพามัทรีไปขึ้นรถทันที
“ตารบ..เดี๋ยวก่อนไ วันทนีย์เรียกขึ้น
“พี่รบ” กระถินเรียกสำทับ
วันรบรีบขับรถออกไปทันที กระถินกับวันทนีย์มองหน้ากันอย่างหงุดหงิด กำนันเรืองส่ายหน้าระอา

ทุกคนกลับมาพักกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี มัทรียืนเครียด วันรบเข้ามาทางด้านหลังมัทรี
“มัท..ผมขอโทษนะที่ทำให้แม่เข้าใจมัทผิด”
“ก็มันจำเป็นนี่คะ อย่าคิดมากเลยค่ะพี่รบ คุณแม่ไม่ชอบมัทอยู่แล้ว เข้าใจผิดเพิ่มนิดหน่อย มัทไม่เป็นไร เพื่อพี่รบ มัทจะต้านจนสุดแรง เพื่อความรักมัทจะสู้จนตัวตาย”
“เอ่อ..มัทจ๊ะ แม่ผมไม่ใช่ทัพข้าศึกประชิดเมือง ไม่ต้องฮึกเหิมขนาดนั้นก็ได้”
มัทรียิ้มขำ
“มัทอุตส่าห์ปลุกใจ พี่รบขัดคอซะนี่ มัทไม่เป็นไรหรอกค่ะไม่ต้องห่วงนะ”
วันรบใช้นิ้วโป้งคลึงหัวคิ้วมัทรี
“ถ้าไม่เป็นไรจริงๆ ก็อย่าทำคิ้วย่นสิครับ ผมไม่อยากเห็นมัทเครียดอยากให้มัทยิ้มแบบนี้”
วันรบใช้มือดึงแก้มมัทรีให้ยิ้ม
“โอ้ย! พี่รบแกล้งมัทนี่” มัทรีตีวันรบแบบหยอกๆ
รชานนท์เข้ามาเห็นวันรบกำลังรวบมือมัทรีพอดี
“เฮ้ยๆๆ ไอ้รบ! จับมือถือแขนน้องมัทได้ไงวะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะป๋า ก็ผมกับมัทเป็นแฟนกัน จริงไหมจ๊ะ” วันรบโอบโชว์รชานนท์
รชานนท์ไม่พอใจตะหงิด ๆ เดินเข้าไปล็อคคอวันรบออกมา
“เฮ้ย..อะไรวะป๋า”
“พี่ระให้มาตามไปประชุม ไป”
รชานนท์ไม่ฟังคำตอบลากวันรบไปทันที มัทรีมองตามอย่างงง ๆ แล้วรีบเดินตามไป

ภายในห้องพักของพชร รชานนท์ลากวันรบเข้ามา มัทรีตามเข้ามา พชรกับดำจังมึงสีหน้าจริงจังมาก
“มากันครบทุกคนแล้วนะ ตอนนี้แผนปั่นพ่อหลอกแม่ของเราก็สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว” พชรพูดขึ้น
"ทุกอย่างผ่านได้ด้วยดี นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดีจริงๆ” รชานนท์บอก
วันรบนับเงินส่งให้ดำจังมึง
“คิวงานหกชั่วโมงสามพันนะ ของนายกับเพื่อน ๆ นี่ค่าเหนื่อยของวันนี้”
ดำจังมึง รับเงินมา
“พูดตรงๆ นะ แผนนี้สุดยอดมากๆ ช่างเป็นแผนที่แย่ โฉด ชั่วได้ใจจริงๆ”
วันรบสะดุ้งเป็นระยะที่โดนกระแทกเสียงใส่
“สร้างเรื่องหลอกกระทั่งพ่อแม่ตัวเองได้ เลวที่สุด”
“เอ่อ..ด่าคนคิดแผนใช่ไหม” วันรบถาม
“ด่ามึงเนี่ยแหล่ะ”
วันรบทำท่าจะดึงเงินกลับจากมือดำจังมึง
“งั้นอย่าเอาเลยเงินน่ะ”
ดำจังมึง ได้สติแสดงท่าทางนบนอบทันที
“แต่พี่คงทำเพราะความจำเป็นใช่ไหม ผมเข้าใจได้ คนไทยด้วยกันเห็นใจกันอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องพูด ผมเห็นใจพี่จริงๆ”
วันรบมองดำจังมึงแบบนึกว่าจะแน่ !! พชรพูดขึ้นกับรชานนท์
“แล้วไอ้ของที่แกบอกว่าเรามาตามหานี่อะไรวะ ฉันเกือบรับมุขไม่ทันเลยนะ”
รชานนท์ยิ้มอย่างมีแผนทุกคนมองอย่างรอฟังรชานนท์ลงนั่ง

หลังมื้ออาหารเย็น เตือนใจนั่งกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้พักผ่อน พุทราจับเตือนใจให้เอนตัวลงนอน
“มาส์กหน้าสักหน่อยนะคะ พุทรารับรองค่ะว่าเต่งตึงแน่นอน” พุทรา ว่า
พุทรามองไปทางมุมหนึ่งเห็นติรกายื่นหน้ามาอย่างรอจังหวะ พุทราจะวางแผ่นมาส์กบนหน้าเตือนใจ ติรกากำลังจะก้าว เตือนใจขืนตัวจะลุกขึ้น
“ฉันว่าไม่ดีกว่า”
ติรกาที่ถอยหลังแทบไม่ทัน
“ฉันแก่แล้วจะมาเสริมสวยอะไรกันตอนนี้ ฉันว่า..”
พุทราจับเตือนใจเอาไว้ พุทรากำลังจะวางแผ่นมาสก์ที่ใบหน้าของเตือนใจและ รีบขยิบตาให้ติรกา “ทำเถอะค่า คุณเตือนจะได้สดชื่นไงคะ”
ติรการีบย่องอย่างรวดเร็วจะขึ้นบันได
“แต่ฉันว่า” เตือนใจจะลุกขึ้นอีก
ติรกาหลบไม่ทันหยิบแจกันดอกไม้มาบังหน้า หลับตาปี๋ มาส์กจะหลุดจากใบหน้าของเตือนใจ พุทราคว้าตัวเตือนใจ ให้ลงนอนอย่างเฉียดฉิว
“แม่พุทรา ทำอะไรเนี่ย”
พุทราจับแผ่นมาส์กหน้าให้เข้าที่ เอาแตงกวามาวางอย่างรวดเร็ว
“พุทราทำเพื่อคุณเตือนนะคะ นอนนิ่งๆ นะคะคุณเตือน ขยับตอนนี้หน้าจะแก่เป็นร้อยเท่า”
“แม่พุทรา”
“ยิ่งพูดเยอะปากจะยิ่งยับย่นนะคะคุณเตือน”
พุทรารีบโบกมือให้ติรการีบๆขึ้นไป ติรกาวางแจกันลงแต่มือดันปัดแจกันตกแตก เตือนใจทำท่าจะลุก
“เสียงอะไร”
“เอ่อ..แจกันมันหล่นน่ะค่ะไ
“มันหล่นได้ยังไง” เตือนใจพูดพลางจะหยิบแตงกวาออก พุทรากับเตือนใจมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วติรกาก็...
“เมี้ยว....”
“แมวนี่เอง” เตือนใจชะงัก
“ค่ะ แมวมันซนน่ะค่ะ” พุทราว่า
พุทราส่งซิกให้ติรกาขึ้นไปเร็ว ๆ ติรการีบก้าวขึ้นไปตามบันได
เตือนใจ นึกได้ทันที
“เอ๊ะ..บ้านฉันไม่มีแมวนี่”
เตือนใจพูดแล้วหยิบมาส์กหน้าออก เห็นหลังติรกาเลี้ยวหายไปตรงบันไดพอดี
“ยัยติ” เตือนใจเรียกติรกาและส่งสายตามามองพุทราอย่างอาฆาต
“พุทรา”
“อุ้ย! ...หนูโดนบังคับน่ะค่ะ”
เตือนใจ รีบวิ่งตามติรกาขึ้นบันไดไป พุทรารีบตาม
“ยัยติ”

ติรกาวิ่งมาที่หน้าห้องมัทรี เตือนใจวิ่งตามมาติด ๆ
“ยัยติ อย่า”
เตือนใจจะเข้ามาคว้าแขนติรกา แต่ติรกาไวกว่ารีบคว้าลูกบิดเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที ภายในห้อง ติรกายืนมองเห็นแต่ห้องว่างเปล่า
“ยัยมัท”
เตือนใจเข้ามาในห้อง ติรกาหันมามองเตือนใจอย่างคาดคั้น
“ยัยมัทไปไหนคะแม่”
เตือนใจสะดุ้งแล้วทำตกใจยิ่งกว่า
ยัยมัทหายเหรอ อ้าว เมื่อเย็นยังเห็นอยู่เลย ไปไหนเนี่ย”
เตือนใจทำเป็นเดินไปดูที่ห้องน้ำ
“ยัยมัท..ยัยมัท ไปไหนเนี่ย..”
“แม่ไม่รู้เหรอคะว่ายัยมัทไปไหน”
“ไม่รู้...มืดค่ำป่านนี้ไปไหนนะ หลานคนนี้น่าตีจริงๆ”
เตือนใจทำบ่น ๆ แล้วเดินเนียนออกไป ติรกามองตามอย่างมั่นใจว่าเตือนใจต้องรู้แน่
“คุณติขา...พุทราว่าคุณเตือน...”
“พุทรา”
“ขา”
“ตาวิเศษยังทำงานอยู่ไหม”
“ตลอดเวลาค่ะ”
“ไปเอามาให้ฉันดูซิ”
“จัดให้ด่วนเลยค่ะ ตาวิเศษ..ตาวิเศษ เห็นนะ อ๊ะๆ สอดรู้งานหลัก” พุทราหันมาชี้ไปที่ติรกา
“เพื่อนเล่นเหรอ”
พุทราหันนิ้ววกมาชี้ตัวเอง
“ตาวิเศษเห็นนะ คิดลามปามให้ดูที่ดูทาง”
พุทรารีบลั้นลาออกไป
“ไอ้รบต้องมีแผนอะไรแน่” ติรกา

ภายในห้องพักของโรงแรมที่สุพรรณบุรี พชรลุกขึ้นอย่างตกใจแล้วพูดขึ้น
“หลอกว่าที่ดินของไอ้รบเนี่ยนะมีบ่อน้ำมัน”
รชานนท์ ใช่ ตอนนี้แม่ไอ้รบเข้าใจว่าเราซื้อที่ดินมาแล้ว เราต้องสร้างมูลค่าที่ดินล่อให้แม่ไอ้รบซื้อที่
คืนไป
พชร บ่อน้ำมันเนี่ยนะ ทำไมตอนแกวางแผนแกไม่บอกให้หมดก่อนวะ
วันรบ มาบอกตอนนี้จะไปสรรหาบ่อน้ำมันที่ไหนมาโชว์ให้แม่ผมดูได้ล่ะเนี่ย
รชานนท์ ไม่ต้องมีบ่อน้ำมันหรอก แต่เราต้องมีคนยืนยันว่าบ่อน้ำมันมีจริง และคนนั้นคือ ...
รชานนท์หันมองไปที่ดำจังมึง ทุกคนค่อยๆมองไปทางดำจังมึงเป็นตาเดียว

เช้าวันใหม่ เตือนใจกำลังเช็ดถูสกายแล็ป ติรกาเดินหน้าตึงเข้ามา
“แม่บอกหนูมานะว่ายายมัทหายไปไหน”
“ไม่รู้ แม่ไม่ได้นั่งเฝ้ายัยมัทไว้นี่”
“หนูไม่เชื่อ”
ติรกาเดินมาจ้องหน้าเตือนใจนิ่ง
“ยายมัทไปไหน”
เตือนใจเปลี่ยนด้านเช็ดเบาะรถหันหลังให้กับติรกา
“แกจะมาคาดคั้นแม่ทำไม มีหลักฐานมั้ยว่าแม่รู้ว่ายายมัทไปไหน”
“พุทรา” ติรการ้องเรียก พุทราวิ่งเข้ามาจากห้องนอนพร้อมไอแพดแล้วเปิดคลิปวีดีโอให้เตือนใจดู
“เดี๋ยว ถอยไป”
พุทราถอยออกไป
“ไปอีก”
พุทราถอยออกไปจนห่างมาก
อีก..หยุด..ไหน ให้แม่ดูอะไร”
กล้องวงจรปิด เห็นมัทรีปีนหน้าต่างห้องนอนเตือนใจลงมา เตือนใจชะโงกหน้ามาโบกมือบ๊ายบายกับมัทรี
“ตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่น ๆ คุณติรกาให้พุทราตั้งกล้องวงจรปิดรอบโรงงาน อันนี้ถ่ายไว้ได้ตอนกลางวันเมื่อวานค่ะ”
เตือนใจนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“จะบอกได้รึยังคะว่ายายมัทหนีไปไหน”
สีหน้าของเตือนใจดื้อดึงไม่แพ้กัน
“แม่บอกว่า แม่ไม่รู้ก็คือไม่รู้”
เตือนใจเดินหนีเข้าไปในบ้าน
“แม่”
“ถ้ามาแนวนี้ คงจะไม่ยอมบอกง่าย ๆ แน่ค่ะ” พุทราบอก
ติรกาเดือดขึ้นทันที
“ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่ายัยมัทหายไปไหน”

วันทนีย์ กำนันเรือง อาไทนั่งรออยู่ กระถินยกหม้อข้าวต้มหมูออกมาวาง วันรบพามัทรีขึ้นมาบนบ้านพอดี
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ”
กำนันเรืองจะรับไหว้แต่วันทนีย์ดึงมือไว้
“ฉันมีลูกแค่คนเดียวคือตารบ”
มัทรีชะงักเห็นกระถินยักคิ้วยิ้มเย้ยอย่างสะใจ มัทรีหน้าตึงแต่เก็บอาการสุดชีวิต
“คุณแม่มีลูกสองคนนะคะ ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้อีกคน คนนั้นก็คือ...”
“พี่มัทรีขอบคุณน้องกระถินนะคะที่สนับสนุนให้พี่เป็นลูกของคุณแม่อีกคน”
“อย่ามาขี้ตู่ ฉันจะบอกว่าลูกสะใภ้คนนั้นคือ..”
มัทรีโผเข้ากอดกระถิน
“ขอบคุณนะจ๊ะ ขอบคุณ พี่ซาบซึ้งจริง ๆ”
พูดจบมัทรีก็ผละออกแล้วกุลีกุจอตักข้าวต้มให้ทุกคน
“ข้าวต้มค่ะ คุณแม่ คุณพ่อ นี่ของน้องกระถินกับอาไทนะคะ”
อาไทรับชามข้าวต้ม มือรวบมือมัทรีที่จับชามข้าวต้มอยู่แล้วบอก
“ต้องเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ”
“เฮ้ย” วันรบกระแอมกัดฟันพูดตบไหล่อาไทลงน้ำหนักอย่างแรง
“อาไท ปล่อย”
อาไทรีบปล่อยมือ แต่เอามือขึ้นมาดมชื่นใจ วันรบแอบมะเหงกเขกหัวอาไท
“ตารบ แล้วนี่รู้หรือยังว่าพวกกิมจิมันหาอะไรกันอยู่”
“โอเค” วันรบเสียงดัง
“เฮ้ย! โอเคอะไรไอ้หมา ตกใจหมด” กำนันเรืองพูดขึ้น
“โอเคว่าเราลองไปถามเขาดีไหมว่าเขาหาอะไรน่ะพ่อ” วันรบเสียงยิ่งดังใหญ่
“ดี งั้นเอ็งไปกับข้า”
“แม่ไปด้วย”
“ไม่ต้อง” วันรบกับกำนันเรืองพูดขึ้นพร้อมกัน
วันรบหันไปมองกำนันเรืองอย่างแปลกใจ
วันทนีย์ชะงักแล้วถามขึ้น
“ทำไมล่ะพ่อจ๋า”
“เรื่องสืบกับเจรจาให้พ่อจ๋ากับไอ้หมาก็พอ แม่รอฟังข่าวที่นี่เถอะ มากคนก็มากความนะ”
“แม่กับกระถินอยู่นี่เถอะครับ ให้ผมกับพ่อไปสืบดีกว่า”
วันรบหันไปสบตากับมัทรี มัทรีเห็นสายตาวันทนีย์มองมพอดี
“ไปเถอะค่ะพี่รบ มัทจะอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแม่กับน้องกระถินค่ะ ไปเถอะค่ะ”
“ไปสิ ไอ้หมา”
กำนันเรืองลุกเดินนำไป วันรบชักตะหงิด ๆ กับท่าทีของกำนันเรืองจึงรีบเดินตามไป วันทนีย์เห็นอาไทยังนั่งอยู่ จึงพูดขึ้น
“ไม่ตามไปล่ะ ตัวติดพ่อจ๋าตลอดไม่ใช่เหรอแก”
“อยากไปจ๊ะแม่ แต่..หัวใจมันสั่งว่าให้นั่งอยู่ตรงนี้”

มัทรียิ้มกับอาไทแต่หันมาเจอวันทนีย์กับกระถินมองมาเหมือนมีแผนร้าย มัทรียิ้มสู้
วันรบดึงกำนันเรืองลงมาบริเวณหน้าบ้าน รชานนท์กับพชรทำเป็นสุมหัวดูไอแพด ด้านหลังมีบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งยืนคุ้มกันอยู่ด้วย วันรบเดินตามกำนันเรืองลงมาจากบนบ้าน

“เฮลโล่” วันรบทักทายอาคันตุกะชาวเกาหลี
รชานนท์,พชรหันมาแล้วพูดขึ้น
“อันยองฮาเซโย”
กำนันเรืองยิ้ม
“ สวัสดี เจอของที่คุณหากันหรือยัง”
“ใกล้แล้ว จากการคำนวนเวลาของเรา ไม่น่าจะเกินภายในครึ่งชั่วโมงนี้” รชานนท์บอก
“เอๆ ดีๆ ว่าแต่เป็นสถาปนิกมันไม่พอกินเหรอ ถึงผันตัวเองเป็นนักธุรกิจ สัญชาติเกาหลีซะด้วย”
รชานนท์ พชร วันรบชะงักหันมองหน้ากันอัตโนมัติ
วันรบรีบทำเนียน
“สถาปนิกอะไรกัน พ่อรู้จักคุณคันจึงเกากับเบนยางเอือมด้วยเหรอ”
“นั่นสิ ฮ่าๆ ๆ ” รชานนท์,พชรหัวเราะกลบเกลื่อน
“ก็ชื่อไทยเขาน่ะ ชื่อ...รชานนท์กับพชรใช่ไหมล่ะ”
รชานนท์,พชรเผลอรับทันที
“ครับ”
“เฮ้ย” วันรบ,รชานนท์,พชรร้องขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“พ่อ” วันรบตกใจ
ดำจังมึงวิ่งเข้ามา
“เฮ้ บอส วี ฟาวด์ ออย"
ทุกคนหันไปเห็นดำจังมึงวิ่งตัวเปียกมาเชียว ดำจังมึงวิ่งมาถึงเห็นทุกคนยืนอึ้งอยู่
“เฮ้! บอสวี ฟาวด์ ออย บอส เฮ้ย! เจอน้ำมันแล้วไง ยืนงงอะไรกันเนี่ย”
“สองคนนี้รุ่นพี่ แล้วไอ้หนำเลี๊ยบนี่เป็นใคร เพื่อนที่ทำงานแกด้วยเหรอไงไอ้หมา” กำนันเรืองถามขึ้น
“พูดแบบนี้ อึ้งแบบนี้ แสดงว่า”
ดำจังมึงรีบทำแต๋วใส่แล้วพูด
“สวยแล้ว”
“ซวย” รชานนท์กับพชรพูดขึ้นพร้อมกัน
"ว่าไงไอ้หมา จะบอกพ่อดีๆ หรือจะบอกทั้งน้ำตา”
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กเอาไงวะ แล้วหันมามองวันรบที่ต้องตัดสินใจ กำนันเรืองมองอย่างกดดันเพื่อรอคำตอบ
“พวกเราเล่นไม่เนียนเหรอครับคุณพ่อ” พชรบอก
“เนียน... ข้าไม่ได้ตำแหน่งกำนันมาเพราะจับสลากนะเว้ย ความเก่งล้วนๆ คนเป็นพ่อถ้าดูลูกไม่ออกก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพ่อแล้ว”
“แล้วคุณพ่อบอกคุณแม่หรือเปล่าครับ” รชานนท์ถาม
“เปล่า ข้าอยากรู้ว่าเอ็งจะโกหกแม่เอ็งนานแค่ไหน”
วันรบรู้สึกผิด ตัดสินใจไหว้กำนันเรือง
“ผมขอโทษครับพ่อ แต่ผมจำเป็นจริงๆ ผมต้องหาสินสอดไปขอมัทพ่อพูดกับแม่ให้ช่วยผมเรื่องสินสอดได้ไหม”
“โอ้ย..แม่เอ็งน่ะ เสียทองเท่าหัวเสียผัวดีกว่า แล้วยิ่งค้านเรื่องหนูมัทหัวชนฝา ไม่มีทางยอมให้หรอก เงินทุกบาทแม่ไอ้หมามันเก็บหมด ข้าไม่เคยได้เห็นหรอก”
“พ่อ..”
กำนันเรืองมองแบ้วตัดสินใจ
“แผนแกเป็นยังไงว่ามาสิ”
วันรบมองกำนันเรืองอย่างมีความหวัง

มัทรีนั่งทานข้าวต้มเงียบ ๆ อยู่บนบ้านวันรบ วันทนีย์กับกระถินซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลไม่ตักข้าวกินแต่กลับมองมัทรีด้วยสายตาเหมือนจะเตรียมเชือด อาไทมองท่าทีของแม่ตัวเองกับกระถิน และเหลือบมองมัทรี จู่ๆ วันทนีย์ก็วางช้อนอย่างแรง
“นี่เธอ..” วันทนีย์เรียก
มัทรีเงยหน้าขึ้นยิ้มสู้ “มัทรีค่ะ เรียกมัทก็ได้ค่ะคุณแม่”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักสนิทสนมกับเธอ ฉันจะบอกเธอว่าเลิกกับตารบซะ”
มัทรีพยายามยิ้ม “ไม่เลิกค่ะ”
“เอ๊ะ! นี่คิดจะท้าทายฉันเหรอ” วันทนีย์ฉุนกึก
“คิดว่าพี่รบรักมากเลยไม่เห็นหัวแม่จ๋าล่ะสิ” กระถินเสริม
“มัทไม่ได้คิดจะท้าทายคุณแม่ค่ะ มัทขอถามคุณแม่ว่าถ้ามีคนสั่งให้คุณแม่เลิกกับคุณพ่อ คุณแม่จะเลิกไหมคะ”
“ไม่!” วันทนีย์ตอบเด็ดขาด
“ทำไมล่ะคะ” มัทรีถามต่อ
“ก็ฉันรักของฉัน !” วันทนีย์บอก
“มัทถึงบอกว่าไม่เลิกไงคะ เพราะมัทรักพี่รบมาก มัทอยากใช้ชีวิตอยู่กับพี่รบตลอดไป”
“นั่นไง สวยแล้วยังมั่นคง นางฟ้าของอาไท” อาไทพูดยิ้มๆ
“แต่เธอไม่เหมาะสมกับตารบ กระถินของฉันเหมาะสมกับตารบมากกว่าเธอ” วันทนีย์บอก
“มัทจบปริญญาตรี เป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน เงินเดือนสองหมื่นขึ้น ที่บ้านมีโรงงานโอ่ง ที่บ้านหนึ่งหลัง ที่ดินอีกสิบไร่” มัทรีร่ายยาว
“พี่กระถินสู้เลย” อาไทยุ
กระถินเหลือบเห็นวันทนีย์ส่งสายตาให้เธอสู้ “กระถินไม่จบอะไร ทำงานบ้านขัดดอกให้คุณแม่ คุณแม่ให้เงินเดือน ๆ ละห้าพัน บ้านไม่มีโรงงาน แต่ถ้าหนี้ล่ะบานเลย”
วันทนีย์อึ้งเพราะสาวที่เธอเชียร์ต่างจากสาวคนรักของลูกชายอย่างเทียบไม่ได้
“พี่สาวคนสวยชนะขาด” อาไทสรุป
กระถินขอความเห็นใจ “คุณแม่”
“คนที่เหมาะกับตารบไม่จำเป็นต้องร่ำรวยแต่ต้องดูแลตารบได้ไม่ขาดตกบกพร่อง” วันทนีย์บอก
กระถินได้ฟังก็ยืดทันที “ทำงานบ้านสะอาดเอี่ยมตั้งแต่หัวบันไดยันหลังคา ทำกับข้าวชนะการประกวดระดับอำเภอ” กระถินหันไปทางมัทรีคล้ายจะท้าให้สู้กับเธอ
“ทำงานบ้านได้บ้างค่ะ” มัทรีบอก “ทำกับข้าวเรื่องสารพัดไข่มัทไม่เป็นรองใครค่ะ”
“นั่นไง คุณสมบัติแม่บ้านแม่เรือนไม่มีสักนิด เป็นผู้หญิงแต่ไม่มีเสน่ห์ปลายจวัก ก็อย่าคิดจะมีสามีกับใครเขาเลย” วันทนีย์ตัดบท
“โหย..แรงอ่ะแม่ พี่คนสวยต้องทำงานนอกบ้าน จะมีเวลาทำงานบ้านตอนไหน” อาไทช่วยพูด
“ตารบก็ทำงาน ผัวทำงาน เมียทำงานแล้วใครจะดูแลบ้าน ดูพ่อจ๋าสิแสนจะสบายไปทำงานกลับมาก็บ้านสะอาด ข้าวปลาสมบูรณ์ เพราะมีเมียดี” วันทนีย์พูดเข้าตัว
“แต่ที่อาเห็นน่ะ แม่ใช้พี่กระถินทำนะ” อาไทแย้ง
“อาไท!” วันทนีย์ดุ อาไทรีบปิดปากตัวเองทันที “รู้ตัวว่าไม่เหมาะสมก็ถอยไปซะ ฉันจะไม่ยอมรับสะใภ้หยิบโหย่งอย่างเธอหรอก”
มัทรีรู้สึกหนักใจ อาไทมองมัทรีอย่างเห็นใจ
“แม่จ๋า! แม่จ๋า!” เสียงกำนันเรืองดังเข้ามา
“เสียงพ่อจ๋านี่”
พูดจบวันทนีย์ก็รีบเดินออกไป โดยมีกระถิน อาไท มัทรีเดินตามไปด้วย

ดำจังมึงยืนอยู่กลางวงล้อมของคนที่บ้านวันรบ โดยมีบอดี้การ์ดยืนอยู่รอบนอก รชานนท์กับพชรตีมือกันด้วยท่าทางดีใจ สักพักวันทนีย์ กระถิน อาไท และมัทรีก็เข้ามาสมทบ
“แม่จ๋าพวกนี้ขุดเจอน้ำมัน” กำนันเรืองบอก
“หลังบ้านเราเนี่ยนะมีน้ำมัน! รู้ได้ไง” วันทนีย์ข้องใจ
“มิสเตอร์ดำจังมึงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขุดหาน้ำมัน หลักฐานคือน้ำมันบนตัวเขา” วันรบบอก
กระถินเข้ามาดม “มันคือน้ำมันจริงเหรอแม่”
วันทนีย์ดมบ้าง “กลิ่นเหมือนที่ได้กลิ่นตามปั๊มเลยนะพ่อจ๋า”
“อยากรู้ว่าใช่หรือเปล่าก็ไม่ยากนี่พ่อกำนัน”
อาไทพูดจบก็ล้วงไฟแช็กออกจากกระเป๋ากำนันเรืองแล้วเดินมาที่ดำจังมึงก่อนจะจุดไฟแช็กพรึ่บ!
ดำจังมึง รชานนท์และพชรร้องด้วยความตกใจ “เฮ้ย!”
บอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลคว้าถังน้ำสาดใส่ดำจังมึงทันทีก่อนจะหยิบผ้ามาฟาดใส่หลายครั้งแล้วก็กระทืบเพื่อดับไฟ
ดำจังมึง ถีบพวกบอดี้การ์ดออกไป “เว้ย ! ไฟมันดับตั้งนานแล้ว” ดำจังมึงค่อยๆ ลุกขึ้น “เชื่อแล้วใช่ไหมว่าเป็นน้ำมัน”
กระถินจิ้มแขนดำจังมึง “นี่มันถ่านหรือคนเนี่ย”
“พี่กระถินอย่าเข้าไปใกล้เดี๋ยวสีตกใส่” อาไทแซว
ดำจังมึงเริ่มหมั่นไส้ “ตบเด็ก เตะหญิงสักทีท่าจะดี”
รชานนท์กับพชรกระโดดล็อคคอดำจังมึงแล้วดึงออกมาทันที
“ช่างเถอะ เราเจอน้ำมันก็โอเคแล้วนะ ต่อไปนี้เราจะรวยเป็นร้อยล้าน” รชานนท์พูดกับดำจังมึง
“หมื่นล้านต่างหาก” พชรรีบแย้ง
“ข้าอยากเห็นกับตาว่าเรามีบ่อน้ำมันจริง ๆ ไปพ่อจ๋าไปดูกัน”
พูดจบวันทนีย์ก็จะลากกำนันเรืองไป แต่กำนันเรืองรีบขยิบตาให้รชานนท์
รชานนท์ร้องบอกทันที “เข้าไม่ได้!”
พวกบอดี้การ์ดเข้ามายืนขวางทันที ดำจังมึงกระเผลกมาขวางพร้อมกับเอามือจับปืนปลอมที่อยู่ตรงเอว
“ตอนนี้ที่เป็นของเราแล้วห้ามใครบุกรุก ไม่งั้น..” พชรขู่
แล้วทุกคนก็ชักปืนออกมา กำนันเรือง วันทนีย์ อาไท และกระถินลากวันรบถอยกรูดออกมาทันที
“ถ้าเป็นผมกับพ่อเข้าไปได้ไหม” วันรบถาม
พชรมองรชานนท์ รชานนท์เห็นสายตาของพี่เขยก็พูดออกมา
“โอเค คุณเข้าไปได้ มิสเตอร์ดำจังมึงนำไปที”
ดำจังมึงเดินนำวันรบกับกำนันเรืองเข้าไป

วันรบกับกำนันเรืองเดินมาที่หลังต้นไม้ใหญ่ พอเห็นว่าพ้นสายตาวันทนีย์แล้วทั้งสองก็ตีมือกัน
“สุดยอดเลยพ่อ แม่ดูจะเชื่อสนิทเลย” วันรบดีใจ
“เอ้า ๆ นี่กำนันเรือง ตำแหน่งสุดยอดกำนันแหนบทองแห่งสุพรรณ” กำนันเรืองคุย
“ไม่อยากจะขัดจังหวะ แต่ผมอยากรู้ว่า” ดำจังมึงแทรกแล้วพูดเน้น “พ่อ..ลูกจะชื่นชมกันอีกนานไหมครับ”
“อื้อหือ..เต็มๆ” กำนันเรืองจ๋อย
“โอเค งั้นแผนต่อไปมาเลย” วันรบบอก
ดำจังมึงรีบหยิบถังแกลลอนใส่น้ำมันส่งให้วันรบทันที

รชานนท์กับพชรยืนคุยอยู่ใกล้ๆ กับวันทนีย์ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“เรามีบ่อที่เมืองไทย บ่อที่คูเวต” รชานนท์บิ๊วท์ “จากรวยร้อยล้านจะรวยเป็นพันล้าน!”
“หมื่นล้านต่างหาก!” พชรแย้ง
แล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน “ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
วันทนีย์มองอย่างไม่สบอารมณ์ สักพักวันรบกับกำนันเรืองก็เดินกลับมาพร้อมแกลลอนน้ำมัน ทุกคนเข้าไปรุมล้อมด้วยความอยากรู้
วันรบยกแกลลอนน้ำมันให้ทุกคนดู “น้ำมันจริงๆ ครับ พวกนี้สูบออกมาหลายถังแล้วแม่”
“พ่อเห็นกับตา” กำนันเรืองเสริม
“ตารบ,พ่อจ๋า ประชุมด่วน!” วันทนีย์เรียก
พูดจบวันทนีย์ก็เดินฉีกออกไป กำนันเรือง กระถิน และอาไทรีบเดินตามไป วันรบหันมาขยิบตาให้รชานนท์กับพชรว่าเป็นไปตามแผน

มัทรียืนมองด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะค่อยๆ ขยับมากระซิบถามรชานนท์
“ป๋าคะ มันจะได้ผลเหรอคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก” รชานนท์เห็นมัทรียังมองด้วยความสงสัย “เอ่อ...คือไอ้รบมันเป็นลูกย่อมรู้ว่าพ่อแม่นิสัยยังไง มันจัดการได้ น้องมัทไม่ต้องห่วงนะ”
วันทนีย์ กระถิน อาไทและกำนันเรืองกำลังประชุมอย่างเคร่งเครียดอยู่กับวันรบ
“ที่จริงนี่มันที่ดินของลูกเรา จะให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไปได้ยังไง” วันทนีย์ไม่ยอม
“แต่ผมเซ็นสัญญาซื้อขายไปแล้วนี่ครับ” วันรบบอก
“แต่มันยังไม่โอนเงินให้เรา ก็ถือเป็นโมฆะ” กำนันเรืองพูด
“โอนแล้วครับ ผมไปเช็คมาแล้วเมื่อเช้านี้” วันรบรีบบอก
กำนันเรืองเห็นวันทนีย์เริ่มร้อนใจจึงรีบแย้ง “ขายได้เราก็ซื้อคืนได้นี่”
“เออ จริง แต่ไอ้สองคนนั้นจะขายเหรอพ่อ?” วันทนีย์ถามกลับ
วันรบแอบส่งซิกบอกทุกคนที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ว่าโอเค

รชานนท์เห็นสัญญาณจากวันรบก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาคุย
“ขาย ! ถึงยังไงโผมก็ต้องกลับเกาหลี อยู่ประจำที่เมืองไทยไม่ได้หรอก ทางคุณจะให้ราคาเท่าไหร่” รชานนท์ทำเป็นนิ่งฟัง “โน ๆ ๆราคานั้นผมรับไม่ได้จริงๆ อย่าต่อเลย แค่นี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”
“มันพูดเหมือนพ่อค้าที่แม่ไปซื้อหมูที่ตลาดนัดเลยนะเนี่ย แต่ถ้ามันคิดจะขาย” วันทนีย์ได้ยินก็โพล่งออกมา
วันทนีย์รีบเดินมาพูดกับพชรและรชานนท์ทันที
“ขายให้ข้าก็ได้ ข้ายินดีซื้อที่เอ็งสองคน”
รชานนท์แกล้งพูดไม่ชัดใส่ “เวรี่กู้ด... แต่เราขายราคาเดิมไม่ได้ ขุดเจอน้ำมันแบบนี้ ที่แพงขึ้น”
วันทนีย์ชะงักด้วยความไม่พอใจ
“แหมๆๆ ได้ทีขึ้นราคาเลยนะไอ้หน้ากิมจิ ว่ามาจะขายเท่าไหร่” วันทนีย์ฉุน
“ร้อยล้าน!” รชานนท์กับพชรตอบพร้อมกัน
ทุกคนอึ้งเมื่อได้ยินราคาจากปากรชานนท์
วันทนีย์ตกใจ “จะบ้าเหรอ!! ร้อยล้านใครจะไปซื้อ”
รชานนท์แกล้งพูดไม่ชัดต่อ “ลงทุนร้อยล้าน แต่ยูจะได้กำไรเป็นพันล้านหมื่นล้าน”
กำนันเรืองกับวันรบรีบดึงตัววันทนีย์ออกไปคุย
“ซื้อเถอะแม่!” สองพ่อลูกเจรจา
“ซื้อ..แต่ลดราคาให้อีกหน่อยได้มะ” วันทนีย์หันมาถาม
“ได้” พชรตอบสั้นๆ
“เฮ้ย!” กำนันเรืองกับวันรบร้องอย่างตกใจ
วันรบเดินเข้าไปใกล้พชร “เล่นตัวหน่อยสิพี่ ลดเร็วแบบนี้เดี๋ยวแม่สงสัย”
“อ้อ” พชรเริ่มเข้าใจ “งั้นเราขอเวลาไปคิดสักหนึ่งคืนว่าจะลดให้เท่าไหร่ดี” พชรพูดเบาๆ กับวันรบ “แบบนี้โอเคมะ”
“โอเค” วันรบตอบ
วันทนีย์พยักหน้าว่าเข้าใจ สักพักวันทนีย์ก็นึกอะไรบางอย่างได้
“ถ้าคุยต่อพรุ่งนี้ คืนนี้เอ็งก็ต้องค้างที่นี่” วันทนีย์บอก
วันรบมองมัทรีแล้วตัดสินใจ “ครับ”
กระถินเฮลั่นด้วยความดีใจที่วันรบกลับมานอนบ้าน “ดีจังเลยกระถินจะได้ดูแลพี่รบ”
“นี่บ้านพี่ ไม่ต้องดูแลพี่หรอก กระถินดูแลมัทรีดีกว่า” วันรบบอก
กระถินและวันทนีย์ชะงักไปเพราะนึกขึ้นได้ว่ามัทรีอยู่ที่นี่ด้วย วันรบเดินไปหามัทรี มัทรียิ้มให้วันทนีย์กับกระถินแล้วพูด
“รบกวนด้วยนะคะ”
อาไทเห็นมัทรีก็เขินในความสวยของเธอ “ได้ครับพี่สาวคนสวย”
“อาไท!” วันทนีย์กับกระถินเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
วันทนีย์กับกระถินรู้สึกขัดใจจนอยากจะกรี๊ดออกมา
วันทนีย์มองมัทนีอย่างมีแผนทันที “จะค้างที่นี่ จะมานั่งกินนอนกินคงไม่ได้หรอกนะ”
วันรบมองมัทรีด้วยความรู้สึกอยากจะเปลี่ยนใจ แต่มัทรีชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณแม่อยากให้มัททำอะไรมัทก็ยินดีค่ะ”
วันทนีย์หันมายิ้มร้ายให้กระถิน กระถินมองออกจึงยิ้มรับอย่างพอใจ

เวลาผ่านไป ดำจังมึงเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้ามาทวงเงินพวกพชรเมื่อทั้งหมดกลับมาอยู่ที่ห้องพักของพชรแล้ว
“ค่าจ้างวันนี้ล่ะ” ดำจังมึงแบมือ
“นี่” รชานนท์ส่งซองเงินให้ “ขอบใจมาก”
ดำจังมึงรับไปนับ “จะได้กลับรัชซะที”
“โอ้โห นี่จะกลับสหรัฐเลยเหรอ” พชรถาม
“รัชดาเนี่ยแหล่ะ รับงานวันล่ะไม่กี่พัน จะเอาที่ไหนไปสหรัฐ ถามโง่ ๆ นะเนี่ย” ดำจังมึงสวน
รชานนท์กับพชรยกหมัดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ว่ายังไงนะ!”
ดำจังมึง เห็นทั้งคู่เงื้อหมัดก็สะดุ้ง “ผมก็แค่ล้อเล่นน่ะพี่ เสร็จงานแล้ว ผมกลับก่อนนะพี่ สวัสดีคร๊าบ”
ดำจังมึงรีบเดินออกไปทันที รชานนท์กับพชรมองตามอย่างหน่ายๆ
“วันหลังจะจ้างใครเอาที่มันกวนรองเท้าน้อยกว่านี้หน่อยนะ” พชรบอก
“มันก็ไม่เลวหรอกพี่ แผนก็สำเร็จเกินครึ่งแล้ว” รชานนท์พูด
“แล้วทำไมแกหน้าเครียดนักวะ” พชรถาม
“ผมห่วงน้องมัทน่ะ ไปค้างบ้านไอ้รบจะเจอฤทธิ์แม่ไอ้รบขนาดไหนก็ไม่รู้”
“จริง..ดงเสือหวงลูกชัดๆ” พชรเห็นด้วย
รชานนท์สีหน้าไม่สบายใจ

มัทรีพยายามเป่าลมเพื่อจุดไฟที่เตาถ่านอยู่ในครัวบ้านวันรบ
“ทำไมจุดยากแบบนี้เนี่ย !”
มัทรีถอนหายใจด้วยความเครียด
“ไม่ได้มัทรี ท้อไม่ได้ !”
วันทนีย์กับกระถินแอบมองมัทรีอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน
“อีกเดี๋ยวต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่แม่จ๋า” กระถินพูดอย่างมั่นใจ
“ข้าจะเล่นให้มันเข็ดวิ่งหนีกลับราชบุรีไม่ทันเลย”
สักพักวันรบก็เดินเข้ามาทางด้านหลังของวันทนีย์กับกระถิน
“แอบดูอะไรกันครับ”
“ก็รอดูยัยมัทรีร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะทำกับข้าวไม่ได้ ใช่ไหมจ๊ะแม่จ๋า” กระถินตอบ
“ใช่จ๊ะ” วันทนีย์ตอบแล้วก็นึกได้จึงหันไป “ตารบ!”
มัทรีหันไปตามเสียงของวันทนีย์ เธอเห็นวันทนีย์กับกระถินยืนอึ้งๆ อยู่กับวันรบที่หันมายิ้มให้ แล้ววันรบก็เดินเข้ามาในครัว
“ผู้ช่วยมาแล้วครับมัท ผมช่วยนะ”
“ไม่ได้นะตารบ นี่เป็นหน้าที่ของแฟนแก” วันทนีย์รีบห้าม
“คุณแม่ เรียกมัทรีว่าแฟน กระถินเสียใจ” กระถินซับน้ำตา
“คุณแม่ยอมรับว่ามัทเป็นแฟนผม ผมก็ช่วยแฟนผมได้ใช่ไหมครับ” วันรบหันไปพูดกับมัทรี “ผมติดเตาให้นะ”
มัทรีไม่ยอม “ไม่เป็นไรค่ะ มัททำได้ มัทอยากทำกับข้าวให้คุณแม่ทานค่ะ” มัทรีหันมายิ้ม “มัทจะพยายามนะคะคุณแม่”
วันทนีย์เห็นมัทรียิ้มให้ก็อึ้งไป “ให้มันได้เรื่องจริงเหอะ จะคอยดู”
มัทรียิ้ม “ค่ะ คุณแม่”
“ไม่คิดจะเถียงหรือสลดสักหน่อยหรือไง” วันทนีย์ถาม
“พี่รบรักคุณแม่ มัทก็รักคุณแม่ด้วยเหมือนกัน เราไม่ทำไม่ดีกับคนที่เรารักหรอกค่ะ ที่มัทไม่สลด เพราะมัทรู้ว่าคุณแม่ห่วงพี่รบอยากให้มัทดูแลพี่รบได้ถึงคอยบอกให้มัทรู้ข้อบกพร่องของตัวเอง คุณแม่เอ็นดูมัทขนาดนี้ มัทต้องยินดีจริงไหมคะ” มัทรีพูดพร้อมกับยิ้มให้
วันทนีย์ได้ยินก็ยิ่งอึ้ง
“ในครัวมันร้อนจริง ๆ ไปรอข้างนอกดีกว่า” วันทนีย์พูดจบก็เดินออกไปทันที
“คุณแม่...รอกระถินด้วย” กระถินวิ่งตามไป
วันรบบีบจมูกมัทรีเบาๆ “อ้อนเก่งเหมือนกันนะ”
“มัทไม่ได้อ้อนนะคะ มัทพูดความจริง” มัทรีมองตาแป๋ว
วันรบขยับจะเข้าไปหอมแก้มแต่แล้วก็นึกได้จึงรีบผละออกห่าง “ผมว่าทำกับข้าวเถอะเนอะไหนมัทจะทำอะไรบ้าง”
“ก็ไข่เจียวชะอม ผัดผักแล้วก็น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอดค่ะ แต่พี่รบเป็นลูกมือมัทก็พอนะคะ เพราะมัทอยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชิมฝีมือของมัท”
วันรบตะเบ๊ะ “ครับผม!”

วันรบกับมัทรีช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัว มัทรีพยายามเป่าให้ประกายไฟจากเศษไม้ติดอีกครั้ง แต่เธอเป่าแรงเกินไปจนขี้เถ้ากระจายใส่หน้า มัทรีไอค่อกแค่ก วันรบหันมาเห็นหน้ามัทรีมีขี้เถ้าตืดอยู่เต็ม มัทรีพยายามปัดออกแต่มือที่เปื้อนถ่านของเธอกลับป้ายหน้าตัวเองจนเป็นรอยดำเต็มหน้า วันรบเห็นก็ยิ้มขำ
วันรบเด็ดพริก มัทรีปอกกระเทียมอย่างตั้งใจ วันรบลืมตัวเอามือไปคลึงที่คิ้วของแฟนสาว มัทรีแสบตาจึงร้องลั่น วันรบรีบเอาน้ำมาให้มัทรีล้างตาทันที
วันทนีย์เดินมาแอบดูแล้วมองอย่างสนใจ เธอเห็นมัทรีตำน้ำพริกกะปิ วันรบหันมาทำมือบอกรักใส่มัทรี มัทรียิ้มชอบใจยิ่งตำเร็วขึ้น วันรบหยิบถ้วยกับช้อนมาจะตักน้ำพริกจากครกแต่เขากลับเห็นว่าในครกไม่มีน้ำพริกเลย เพราะน้ำพริกกระจายออกนอกครกและเลอะบริเวณพื้นเต็มไปหมด มัทรีมองวันรบหน้าเสีย วันรบยิ้มให้
วันทนีย์แอบมองอยู่แล้วก็รู้สึกเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัว เธอเห็นน้ำมันในกะทะร้อนจนควันขึ้น มัทรีตีไข่ที่อยู่ในชาม เธอหันมามองวันรบ วันรบพยักหน้าให้ มัทรีจึงเทไข่ลงในกระทะ

จานไข่เจียวชะอมทั้งไหม้ทั้งแข็งถูกวางลงตรงหน้าวันทนีย์ โดยที่กระถิน กำนันเรือง อาไท และวันรบนั่งล้อมวงอยู่
“ไอ้ก้อนดำ ๆ นี่มันอะไรเนี่ย” วันทนีย์ถามด้วยสีหน้ารังเกียจ
“อาว่าสเต็กหมูแน่ๆ แต่แบบเกรียมๆหน่อยใช่ไหม” อาไทเดา
“ไข่เจียวชะอมค่ะ” มัทรีตอบ
ทุกคนตกใจ “ไข่เจียว!”
“ไข่เจียว..อาว่า” อาไทลองเอาช้อนเคาะจนเกิดเสียงดังปึ้กๆ
“มันอาจจะแก่ไฟไปหน่อย” วันรบพูดแล้วตักมาใส่ปากเคี้ยวดังกรึบ ๆ “แต่อร่อยนะครับ”
มัทรีตักให้วันทนีย์ กำนันเรือง และอาไท “ลองชิมดูสิคะ”
วันทนีย์ อาไท และกำนันเรืองสบตากันแล้วก็ตัดสินใจกิน
“เป็นไงค่ะคุณพ่อ” มัทรีถาม
“กรอบดีจ๊ะ” กำนันเรืองตอบ
วันทนีย์กับอาไทเคี้ยวไข่เจียวเสียงดังด้วยสีหน้ากล้ำกลืนมาก กระถินมองอย่างสยอง
“งั้นลองอันนี้ไหมคะ น้ำพริกกะปิค่ะ” มัทรีเสนอแล้วใช้ช้อนกลางตักใส่ช้อนวันทนีย์ กระถิน และกำนันเรือง
วันทนีย์ กระถิน และกำนันเรืองชิมแล้วก็รู้สึกว่าเผ็ดมาก
“เผ็ด ๆ ๆ” วันทนีย์ซี๊ดปาก
“น้ำ ๆ ๆ” กระถินร้องหาน้ำ
วันรบกับอาไทรีบส่งน้ำให้วันทนีย์กับกระถิน กำนันเรืองยื่นมือมาแย่งน้ำไปดื่ม
“โอ้ย น้ำพริกอะไรไม่มีรสอื่นเลยนอกจากรสเผ็ด” วันทนีย์บ่น
“ก็พี่รบบอกว่าคุณแม่ชอบทานรสจัด มัทก็เลยใส่พริกไปทั้งถุงเลยค่ะ” มัทรีบอก
“ตอนทำไม่ได้ชิมเหรอ” วันทนีย์ถาม
“มัทไม่ทานเผ็ดน่ะค่ะ เลยไม่ได้ชิม”
“ตาย ๆ ๆ ทำกับข้าวไม่รู้จักชั่งวัดตวงให้รสชาติมันพอดีหรือไง เนี่ยนะจะมาเป็นลูกสะใภ้ฉันไม่ได้เรื่อง!”
“วันนี้มัททำได้เท่านี้จริง ๆค่ะ แต่มัทจะพยายามนะคะคุณแม่ ขอให้คุณแม่ให้โอกาสมัท สอนมัท มัทจะตั้งใจเรียนรู้เพื่อเป็นคนที่เหมาะสมกับพี่รบให้ได้ค่ะ” มัทรีพูดอย่างหนักแน่น
วันทนีย์อึ้งที่เห็นสายตามุ่งมั่นของมัทรี
อาไทหันมาพูดกับกำนันเรือง “โดน...แม่จ๋ายิ่งแพ้ทางคนขยันด้วย ถ้าพี่สาวคนสวยตั้งใจนะชนะโลด”
“ทานข้าวต่อเถอะครับ ผมหิว” วันรบตัดบท
วันรบรีบตักกับข้าวกินต่อทันที
ทุกคนจำใจกินกับข้าวฝีมือมัทรีไปอย่างหงุดหงิด กระถินพยายามบิ๊วท์วันทนีย์ด้วยการกระซิบบอก
“อย่าเพิ่งท้อค่ะแม่ ยังเหลือด่านสุดท้าย ทนไม่ได้แน่ๆค่ะ”
กำนันเรืองได้ยินก็รีบขัดขึ้น “นึกว่าตัวอิจฉามีแต่ในละครซะอีก”
“จริงด้วยจ๊ะพ่อกำนัน” อาไทเห็นด้วย “วัน ๆ คิดแต่จะแยกคนรักกัน ไร้สาระจริงๆ “ อาไทหันมาทางกระถินกับวันทนีย์ “เนอะ..เอิ้ก”
“พ่อจ๋า” วันทนีย์เสียงเข้ม “อาไท” กระถินเสียงเข้มด้วย
กำนันเรืองกับอาไทรีบก้มหน้าก้มตากินต่อ
มัทรีมองวันรบ วันรบยิ้มให้กำลังใจแฟนสาว มัทรีมองเลยไปเห็นกระถินมองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ มัทรีจึงยักคิ้วให้ กระถินมองอย่างแค้นๆ แล้วตักข้าวเคี้ยวอย่างเจ็บใจ

สบู่ก้อนกับแปรงสีฟันอยู่ในขันสังกะสีเก่าๆใบหนึ่งที่วันทนีย์ยื่นส่งให้มัทรี
“ของสำหรับอาบน้ำ”
กระถินส่งผ้าถุงผืนหนึ่งให้มัทรี
“ส่วนนี้ผ้าผลัดอาบน้ำ”
มัทรีมองของในมืออย่างอึ้งๆ แล้วก็จะเดินไปห้องน้ำ
“เอ็งจะไปไหน” วันทนีย์เอ่ยถาม
“ไปห้องน้ำค่ะ” มัทรีตอบ
“ห้ามใช้ห้องน้ำบนบ้าน! ของเอ็งต้องไปอาบรวมกันคนงานข้างหลังโน่น!” วันทนีย์พูดแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปทันที
กระถินจ้องหน้ามัทรีอย่างท้าทาย “พี่รบเป็นของฉัน..เธอไม่มีสิทธิ์”
“อย่าใช้น้ำเสียงจิกกันแบบนั้นสิคะ เพราะถ้าพี่จิกบ้าง” มัทรีกำมือตรงหน้ากระถิน “พี่อาจไม่ใช้แค่เสียงนะจ๊ะ” มัทรียิ้มร้ายใส่
“แก!” กระถินแค้น
มัทรีกำหมัดแน่นแล้วพูดนิ่มๆ “หรือจะลอง”
กระถินเสียงอ่อนลงทันที “ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้ว กระถินขอตัวนะจ๊ะ”

พูดจบกระถินก็รีบเผ่นอ้าวไปทันที มัทรีมองของในมืออย่างเหนื่อยใจ








Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 13:56:18 น.
Counter : 390 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]