กระบือบาล ตอนที่ 10 (ต่อ)




ปลดพันธนาการได้ทั้งเรื่องโชคชัย และเรื่องณวัต เย็นวันนั้นสรนุชเดินลั้นลายิ้มอย่างสบายใจมาตามทางในสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์ ระหว่างนั้นใจเด็ดเพิ่งเดินกลับมาจากคอกควายมาทางนั้นพอดี ทั้งคู่เห็นกัน ใจเด็ดเห็นสรนุชยิ้มร่าก็ยิ่งปวดใจ จึงทำเป็นจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง สรนุชเห็นก็รีบเรียกเอาไว้

“นี่...” สรนุชรีบวิ่งเข้ามาขวางใจเด็ด
“เป็นไรของนาย...ทำไมเห็นหน้าฉันแล้วต้องเดินหนีด้วย”
ใจเด็ดพูดงอนๆ “เปล่า...ผมจะไปทางลัด”
“ไม่ต้องเลย...ก็เห็นๆ อยู่...ทำไม...นายโกรธฉันเรื่องอะไร”
“ผมจะไปมีสิทธิโกรธคุณได้ยังไง”
“นายพูดอย่างนี้แสดงว่าโกรธฉันแน่นอน”
ใจเด็ดไม่ยอมตอบแต่ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป สรนุชไม่ยอมขยับตัวขวางไว้ ใจเด็ดขยับไปอีกทาง สรนุชก็ขยับขวางทางอีก
“วันนี้คุณไปทำอะไรกับนายกมา” ใจเด็ดตัดสินใจถาม
“อ๋อ...นึกว่าเรื่องอะไร...แล้วทำไมนายถึงอยากรู้ละ”
ใจเด็ดถอนหายใจเซ็งก่อนจะทำท่าจะเดินออกไป สรนุชรีบเอ่ยขึ้น
“คุณโชคชัยเขาบอกว่าชอบฉัน”
ใจเด็ดชะงักก่อนจะหันกลับมามองสรนุช หัวใจของใจเด็ดเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
“มิน่า...คุณถึงได้ดูสบายใจ”
“ใช่” ได้ฟังใจเด็ดยิ่งเศร้าลงถนัด สรนุชพูดต่อ “แต่ที่ฉันสบายใจ...เพราะฉันบอกเขาไปว่า...ฉันไม่ได้ชอบเขา”
ใจเด็ดอึ้ง รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงเพราะอยากรู้ “แต่นายกก็เป็นคนดี”
“คนดีกับคนรักมันไม่เหมือนกันซักหน่อย...ถ้าเป็นนาย...นายจะบังคับความรู้สึกตัวเองให้ชอบคนที่ไม่ได้ชอบได้หรือเปล่าละ”
ใจเด็ดได้ยินอย่างนั้นก็เผลอตัวยิ้มออกมาด้วยความดีใจ สรนุชเห็นรอยยิ้มของใจเด็ดก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกันว่าใจเด็ดคงจะหึง
ใจเด็ดเห็นสรนุชมองมาก็หุบยิ้ม
“แล้วอีกอย่าง...ฉันคิดว่าถ้าฉันจะมีความรักอีกครั้ง...ฉันก็อยากเจอผู้ชายที่เป็นเหมือนควาย”
“เหมือนควาย..?” ใจเด็ดฉงน
“ก็สามารถรักฉันโดยไม่มีเงื่อนไขไงละ”
ใจเด็ดถึงกับนิ่งงันไป ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าสรนุชหมายถึงเขา
“ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้วใช่มั้ย...ฉันจะได้กลับเรือนรับรอง”
“เอ่อ...อืม”
สรนุชหันหลังเดินออกไป ใจเด็ดมองตามพลางอมยิ้ม จังหวะนั้นจู่ๆ สรนุชก็หยุดกึก ใจเด็ดเห็นก็รีบหลังกลับ สรนุชหันมาทางใจเด็ดก่อนจะพูดขึ้นอีก
“แล้วถ้านายเจอผู้ชายที่เหมือนควาย...ช่วยบอกฉันด้วยนะ”
พูดจบสรนุชพูดก็เดินออกไป โดยไม่รู้เลยว่าใจเด็ดนั้นกำลังยิ้มหน้าบานอยู่

ค่ำคืนนั้นสรนุชเอาแต่นั่งมองใบบัวบกในมือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ระหว่างนั้นสรนุชได้ยินเสียงหินก้อนเล็กๆ มาโดนกระจกหน้าต่าง กิ๊ก !
สรนุชหันไปมองอย่างไม่แน่ใจ จึงเดินไปที่หน้าต่างเปิดออก ก่อนจะเห็นหินอีกก้อนห่อกระดาษหล่นเข้ามาในห้อง
สรนุชหยิบมาอ่าน “พบกันที่หน้าสถานี”
สรนุชอมยิ้มอย่างเขินๆ “นายเจอผู้ชายคนนั้นแล้วเหรอ”
สรนุชหัวใจพองขึ้นมาทันที

ด้านเจนจิราเดินออกมาจากบ้านพัก เพราะนอนไม่หลับ ลงมานั่งที่บันไดหน้าบ้าน ระหว่างนั้นเจนจิรามองเห็นแสงไฟห่างออกไปไม่ไกล และเห็นว่าแสงไฟนั่นค่อยๆ เคลื่อนเดินเข้ามา เจนจิราเขม้นมองด้วยความสงสัยก่อนจะเห็นว่าเจ้าของไฟฉายนั้นเป็นสรนุชนั่นเอง
“ดึกขนาดนี้จะไปไหนอีก”
เจนจิราครุ่นคิด ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินตามสรนุชไป

สรนุชเดินเข้ามายังบริเวณที่นัดเอาไว้ตามกระดาษโน้ต
“นายอยู่ไหน...ฉันมาแล้ว”
ระหว่างนั้นสรนุชได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากทางด้านหลัง สรนุชอมยิ้มก่อนจะปั้นหน้านิ่งแล้วหันไปด้วยหัวใจที่พองโต
แต่แล้วสรนุชก็ต้องอึ้งไป เพราะคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ใจเด็ด แต่เป็นชิดชัย
“แก”
“จะตกใจทำไม...ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นฉันไม่ใช่เหรอ”
ในอีกมุมหนึ่ง เจนจิราเองก็อึ้งไป เมื่อเห็นว่าคนที่สรนุชแอบมาพบคือชิดชัย
“พวกคาบาตี้...ทำไมสองคนนั่นถึงได้”
เจนจิราคิดไปคิดมา ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆ ย่องออกไป

เจนจิราเคาะประตูใจเด็ดเสียงดัง “พี่เด็ด...พี่เด็ด”
เสียงของเกริกไกรขานรับมาจากข้างใน
“มาแล้ว...มาแล้ว”
เกริกไกรเปิดประตูออกก่อนจะมองเจนจิราอย่างแปลกใจ
“มีอะไรกัน...ควายที่ไหนเจ็บท้องหรือไง”
ใจเด็ดเดินตามออกมา “มีเรื่องอะไรเจน”
“คุณสรนุชเป็นสายลับให้พวกคาบาตี้ค่ะ” เจนจิราบอกอย่างมั่นใจในสิ่งที่เห็น
ใจเด็ดฟังแล้วอึ้งไป “เจน...พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะ”
“เจนไม่ได้กล่าวหาคุณสรนุชลอยๆ นะคะ...ถ้าพี่เด็ดอยากรู้ความจริงก็รีบไปกับเจนตอนนี้...เพราะคุณสรนุชกำลังคุยอยู่กับผู้จัดการของคาบาตี้”
ใจเด็ดสีหน้าเครียดลงทันที

เวลาดียวกันสรนุชกำลังคุยกับชิดชัย สีหน้าเครียด
“ฉันคุยกับสมพลเรียบร้อยแล้ว...ทำไมฉันต้องโทร.ไปหาอีก”
“โธ่...ถ้าเรียบร้อยจริง...ทำไมคุณสมพลต้องให้โทร.กลับอีกเล่า” ชิดชัยเยาะ
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้...แต่แกกลับไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ...จนกว่าเธอจะโทร.หาคุณสมพล”
“ฉันไม่โทร....จะไปมั้ย”
“ไม่”
สรนุชหันไปมองรอบตัวก่อนจะหยิบกิ่งไม้ขนาดเหมาะมือขึ้นมา
“ไป๊”
“คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง...ถ้าเธอไม่ยอมโทร.หาคุณสมพล...ฉันก็ต้องเอาตัวเธอไป”
ว่าแล้วชิดชัยก็ขยับเข้ามาประชิดตัวสรนุชทันที สรนุชฟาดไม้ในมือใส่ แต่ชิดชัยคว้าไว้ได้ ก่อนที่ชิดชัยจะเหวี่ยงสรนุชล้มลง แล้วโยนไม้ที่แย่งมาได้ทิ้ง
“ก็แค่นี้”
ชิดชัยโผจะเข้าไปจับสรนุช แต่ทันใดนั้นใจเด็ดก็กระโดดเข้ามาแล้วถีบยอดอกชิดชัยจนเซล้มหงายหลัง
“แกจะทำอะไร”
“ไอ้พวกกระบือบาล” ชิดชัยตกใจมาก
ใจเด็ดเดินเข้ามา เกริกไกรก้มลงหยิบไม้กระชับในมือ ชิดชัยเห็นท่าไม่ดี เลยหันหลังแล้ววิ่งออกไปทันที
พอชิดชัยไปใจเด็ดก็รีบเข้ามาหาสรนุชทันที “เป็นไรมั้ยคุณ”
ใจเด็ดประคองสรนุชลุกขึ้น บาดตาเจนจิรานัก ทันใดนั้นเจนจิราก็เข้ามาทันที เสียงขุ่นเขียว
“เธอคุยอะไรกับพวกมัน”
“เอ่อ...”
“เจน...คุณนุชโดนมันทำร้าย...เธอไม่เห็นหรือไง” ใจเด็ดหันมาเอ็ดเจนจิราที่ไม่รู้กาลเทศะ
“พี่เด็ดอาจจะมาเห็นตอนนั้นพอดี...แต่ก่อนหน้านี่พี่เด็ดไม่เห็นนี่คะ...” เจนจิราพูดพลางเดินเข้าไปหาสรนุช “บอกมาว่าเธอคุยอะไร” เจอคาดคั้นแบบนี้สรนุชถึงอึ้งๆ “เธอเป็นพวกเดียวกับมันใช่มั้ย” เจนจิราเขย่าตัวสรนุชอย่างเคืองแค้น “ใช่มั้ย...ใช่มั้ย”
ใจเด็ดเห็นอย่างนั้นก็รีบเข้าไปขวางเจนจิราทันที “พอได้แล้วเจน”
“พี่เด็ด...พี่เด็ดไม่เชื่อเจนเหรอคะ” เจนจิราโวยวาย
“พี่เชื่อในสิ่งที่พี่เห็น” ใจเด็ดตัดบท “หมอ...ฉันฝากพาเจนกลับไปที่บ้านด้วย” หันมาพูดกับสรนุช “เดี๋ยวผมไปส่ง”
ใจเด็ดดึงสรนุชออกไป เจนจิรามองตามด้วยความเจ็บใจที่ตัวเองกลายเป็นคนโกหกไปซะงั้น

ครู่ต่อมาใจเด็ดเดินนำสรนุชมาตามทาง สรนุชเดินครุ่นคิดตามมาข้างหลัง
“นายไม่น่าว่าเจนเขาอย่างนั้น”
ใจเด็ดหยุดเดินทันที “ทำไม...หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นพวกคาบาตี้อย่างที่เจนว่างั้นเหรอ”
สรนุชนิ่งไปคิดในใจว่าจะเอายังไง ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับใจเด็ด
สรนุชกำลังจะอ้าปากบอก ใจเด็ดสวนออกมาทันที “ผมไม่เชื่อ”
สรนุชชะงักอ้าปากค้าง
“ผมไม่มีทางเชื่อว่าคุณจะเป็นพวกเดียวกับคาบาตี้...ผมรู้ว่าที่เจนพูดออกมาอย่างนั้น เพราะเขาไม่ค่อยชอบคุณ”
“แต่...แต่นายยังไม่รู้จักฉันดีเลยนะ” สรนุชท้วง
“แต่ก็ดีพอที่จะรู้ว่าคุณยอมเสี่ยงชีวิตช่วยผม” ใจเด็ดบอก
ทั้งคู่เดินเดินมาจนถึงเรือนรับรอง สรนุชทำท่าจะเดินขึ้นเรือนรับรอง ก่อนจะตัดสินใจหันมาบอกกับใจเด็ดที่ยืนรออยู่
“เอ่อ...ฉันมีเรื่องจะบอกนาย”
“ผมเองก็มีเรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน...พรุ่งนี้คุณไปพบผมที่ลำธารที่เราเคยไปได้มั้ย”
“ทำไมต้องไปที่นั่นด้วย” สรนุชงง
“พรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง”
สรนุชมองตามใจเด็ดด้วยความสงสัย

เวลาผ่านไปจนดึกดื่น...สามคนสามหัวใจอยู่ในอาการแตกต่างกัน
สรนุชนอนไม่หลับ นั่งครุ่นคิดสงสัยไปมาว่าใจเด็ดจะบอกอะไรเธอ ส่วนที่บ้านพักของใจเด็ด...ใจเด็ดหยิบเสื้อที่เคยคิดจะมอบให้สรนุชขึ้นมาดู ใจเด็ดมองมันแล้วยิ้มเป็นสุข แตกต่างจากเจนจิราที่กำลังนอนร้องไห้ด้วยความชอกช้ำใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น สรนุชตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสวยกำลังส่องกระจกด้วยสีหน้าสุขใจ
ระหว่างนั้นเสียงคนงานดังขึ้นที่หน้าเรือนรับรอง
“คุณนุชคะ คุณนุช”
สรนุชหันมองไปทางเสียง พอเดินออกมาจากห้องก่อนจะเห็นคนงานยืนอยู่
“คะ”
“หัวหน้าใจเด็ดฝากเสื้อนี่มาให้คุณค่ะ”
สรนุชรับมาด้วยความแปลกใจ “ขอบคุณคะ”
คนงานเดินจากไป สรนุชคลี่เสื้อออกดูพร้อมกับเห็นกระดาษโน้ตร่วงออกจากเสื้อ
สรนุชหยิบมันขึ้นมาอ่าน “ที่ลำธารอากาศเย็น ผมอยากให้คุณใส่เสื้อตัวไป”
สรนุชยิ้มอย่างมีความสุข ระหว่างนั้นเสียงสุบินดังขึ้น
“ไหน...ใครเอาอะไรมาให้หรือไง”
สรนุชหันไปเห็นสุบินเดินคอตั้งใส่เฝือกคอ ออกมา
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรได้ไง...ก็นั่นไง...เสื้อใคร”
สุบินพยายามจะเดินเข้ามาดูเสื้อในมือสรนุช ระหว่างนั้นอรอนงค์วิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นขึ้นมาบนบ้าน
“นุช...นุช”
“อะไร”
“พ่อเธอโทร.มา”
สรนุชนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด

สรนุชรีบมารับสายภายในสำนักงาน
“สวัสดีค่ะ..” นิ่งฟัง “คะพ่อ” สีหน้าแปลกใจเปลี่ยนเป็นช็อก “อะไรนะคะ”
อรอนงค์กับสุบินก็พลอยตกใจไปกับอาการของสรนุชด้วย

ไม่นานหลังจากนั้นรถของสรนุชขับมาตามทางด้วยความเร็วสูง ภายในรถ...เห็นว่าอรอนงค์เป็นคนขับ สุบินนั่งอยู่ข้างหลัง สรนุชนั่งอยู่ข้างๆ ร้อนใจ
“ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรออร”
“นี่ก็เร็วแล้วนะนุช...เอาน่า...แม่เธอต้องไม่เป็นไร”
อรอนงค์กุมมือสรนุชให้กำลังใจ เช่นเดียวกับสุบินที่ตบไหล่ให้กำลังใจสรนุชที่ดูกระวนกระวายเช่นกัน

ตอนสายวันนั้นใจเด็ดยืนอยู่ริมลำธาร รอคอยสรนุชอย่างเป็นสุข

บ่ายวันเดียวกันนั้นรถของสถานีแล่นเข้ามาจอดก่อนที่จะเห็นเกริกไกร เจนจิรา ภิรมย์ สมหญิงและคนงานทยอยลงจากรถ
“ดีนะที่พวกเราไปถึงทันเวลา...ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ตายคาท่อแน่” เกริกไกรเอ่ยขึ้น
“ทำไมควายมันถึงได้ตกท่อคะหมอ” สมหญิงงงไม่หาย
“เอ...ถามแปลกๆ...ควายมันรู้จักท่อมั้ยละ...ถ้ามันรู้จักมันก็คงไม่ตกหรอก” ภิรมย์หยัน
เกริกไกรหันไปหยิบของฝากออกมาจากท้ายรถกระบะ
“โห...ไหนว่าช่วยควายไม่หวังผลตอบแทนไงหมอ”
“ฉันไม่ได้เอามากินเองซะหน่อย...ฉันเอามาให้คุณอร...ฉันฝากเก็บเครื่องมือด้วยนะ”
เกริกไกรรีบถือของฝากเดินออกไปทางเรือนรับรองทันที เจนจิรามีสีหน้าไม่พอใจ

เกริกไกรถือวิสาสะเดินขึ้นมาบนเรือนรับรอง “คุณอรครับ...คุณอร”
เกริกไกรทำหน้าแปลกใจเมื่อไม่พบใครจึงตะโกนเรียกอีก “ไปไหนกันหมด...คุณนุช...คุณสุบิน”
จังหวะนั้นเกริกไกรผลักประตูเข้าไปในห้องนอนของอรอนงค์ แล้วเกริกไกรก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าในตู้หายไป
เกริกไกรกำลังจะเดินออกพ้นประตูห้อง แล้วเกริกไกรก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นกระดาษโน้ตติดอยู่ที่ประตู
เกริกไกรดึงกระดาษโน้ตมาอ่านก่อนจะมีสีหน้าตกใจ

ตั้งแต่สาย เวลาบ่ายคล้อย จนเวลานี้เย็นย่ำ วันนั้นทั้งวันใจเด็ดรอการมาของสรนุชอย่างกระวนกระวาย
“ทำไมช้าจัง...หรือว่าจะหลง”
ใจเด็ดมองไปทางราวป่าด้วยความเป็นห่วง
เวลาผ่านไป...พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ แสงรายรอบตัวใจเด็ดเริ่มมืดลง แต่ใจเด็ดยังคงนั่งรออยู่บนโขดหินที่เดิม
ค่ำคืนนั้นชาวกระบือบาลทุกคนนั่งรวมกลุ่มต่างคนต่างอารมณ์ เกริกไกรดูยังช็อกไม่หาย ภิรมย์กับสมหญิงหน้าเศร้าๆ ขณะที่เจนจิราดูไม่รู้สึกรู้สมอะไร
ระหว่างนั้นใจเด็ดเดินกลับเข้ามา เอ่ยถามขึ้น “ทุกคนมานั่งทำอะไรกันตรงนี้”
ทุกคนได้ยินเสียงใจเด็ดต่างก็กรูกันเข้ามา
“มีอะไร...หรือว่ามีควายล้ม”
“ไม่ใช่เรื่องควายหรอกไอ้เด็ด”
เกริกไกรพูดแล้วก็นิ่งไปเหมือนจุกที่ลำคอ เจนจิราพูดต่อทันที
“คุณสรนุชกลับกรุงเทพฯไปแล้วค่ะ”
“ว่าไงนะ...ไม่จริง...เจน...เลิกเล่นได้แล้ว”
“เจนไม่ได้เล่นค่ะ...ถ้าพี่เด็ดไม่เชื่อก็ไปดูเองได้”
ใจเด็ดหุนหันจะวิ่งออกไป แต่เกริกไกรเรียกเอาไว้ “แกไม่ต้องไปหรอก”
ใจเด็ดชะงัก แล้วหันกลับมาจึงเห็นเกริกไกรเดินเข้ามาพร้อมกับส่งกระดาษโน้ตให้
ใจเด็ดรับมาอ่าน “ฉันมีธุระด่วนต้องกรุงเทพเดี๋ยวนี้ ขอโทษทุกๆ คนด้วย...สรนุช”
ใจเด็ดถึงกับอึ้งไป

กลางดึกคืนนั้น รถของสรนุชแล่นปราดเข้ามาจอดที่ด้านหน้า สรนุชรีบเปิดประตูแล้ววิ่งพรวดลงจากรถไป สุบินกับอรอนงค์ ตามลงมา
ภายในบ้านเวลานั้น...พลเอกสรยุทธนั่งหัวเราะอยู่กับคุณหญิงเลิศหล้า โดยมีสมพล และณวัตร่วมวงอยู่ด้วย คุณหญิงเลิศหล้าไม่มีทีท่าของคนเจ็บป่วยแต่อย่างใด
สรยุทธมองไวน์ในมืออย่างชื่นชม
“ไวน์ทุกขวดมันก็มีเรื่องราวของตัวมันเอง...ประหลาดนะคุณสมพล...ถ้าเรารู้เรื่องราวของมันก่อนที่ดื่ม...มันจะทำให้รสชาติของมันดีขึ้นอีกเยอะเลย”
“ขอบคุณครับท่าน...ผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้นี่เอง...และหวังว่าเรื่องราวของไวน์ขวดนี้จะทำให้ท่านไม่ผิดหวัง” สมพลปะเหลาะ
ระหว่างนั้นสรนุชวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องรับแขก “แม่”
ทุกคนหันไปก็ตกใจ เมื่อเห็นสรนุชยืนอยู่ สรนุชเองก็อึ้งไปเพราะคุณหญิงเลิศหล้าดูสบายดี
“ยัยนุช” สรยุทธอุทาน
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรเหรอคะ”
ทุกคนทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้จะพูดยังไง โดยเฉพาะณวัตที่หลบตาไม่กล้าสู้ สรนุชเห็นทุกอย่างก็เดาออกได้ทันที
“ทุกคนรวมหัวกันหลอกนุชใช่มั้ยคะ”
สรนุชนิ่งไป ด้วยความโกรธ

ระหว่างนั้นสุบินกับอรอนงค์วิ่งเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้า..”สุบินหันไปมองรอบห้อง “อุ้ย...!”
แล้วสุบินกับอรอนงค์ก็ถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อรอนงค์รีบเข้าไปหาคุณหญิงเลิศหล้า
“เป็นไงบ้างคะคุณแม่...ไปโรงพยาบาลมั้ยคะ”
“อร...สุบิน...แกสองคนไปรอข้างนอกก่อนไป” สรนุชสั่ง
“อ้าว...ทำไมละ...แกไม่พาแม่ไปส่งโรงพยาบาลก่อนเหรอ”
“แม่ฉันไม่ได้เป็นไร...ไปรอข้างนอกก่อนไป”
สุบินรู้ทางลมจึงเข้ามาดึงอรอนงค์ให้เดินออกไป ทั้งคู่ยกมือไหว้เลิศหล้ากับสรยุทธ ไม่ยอมไหว้ สมพล ก่อนจะเดินออกไป
สมพลเมื่อเห็นสรนุชโกรธจัด ก็ลุกขึ้นมาจะอธิบาย
“ลูกนุชฟังพ่อก่อนนะ”
“ทุกคนอยากให้หนูกลับมาก็บอกกันตรงๆ ก็ได้...ทำไมต้องมาแช่งให้แม่ไม่สบายด้วย” สรนุชเสียงแข็ง
สมพลรีบปฏิเสธทันที “ใครบอก...พวกเราไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลย”
“รู้มั้ยว่าหนูรีบขับมาเท่าไหร่...ดีที่หนูไม่ตายเพราะรถคว่ำก่อน”
แต่ยังไม่ทันที่สมพลจะเข้ามาพูดกับสรนุช สรยุทธผู้เป็นพ่อก็สวนขึ้น
“พอได้แล้ว...มันจะอะไรนักหนา...คุณสมพลเขาเป็นผู้ใหญ่...ลูกพูดกับคุณสมพลอย่างนั้นได้ยังไง”
“ผู้ใหญ่ก็ควรทำตัวให้น่านับถือแบบผู้ใหญ่ซิคะ” สรนุชตอกกลับอย่างไม่ยี่หระ
สมพลถึงกับสะดุ้งหันมองหน้ากับณวัตกันเลิ่กลั่ก
“พ่อเป็นคนคิดเรื่องทุกอย่างขึ้นมาเอง...ถ้าพ่อไม่ทำอย่างนี้แล้วแกจะยอมกลับมามั้ย” สรยุทธบอก
“แม่คิดถึงลูกนะ...ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ค่อยแข็งแรง...สามวันดีสี่วันไข้...จะเป็นอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก” คุณหญิงผสมโรง
สรนุชมองเลิศหล้าด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน
สมพลรีบสอดขึ้นเมื่อเห็นสรนุชอ่อนลง “ไม่ต้องห่วงที่สุรินทร์นะลูกนุช...พ่อกำลังหาคนไปทำหน้าที่แทนลูกอยู่...ตอนนี้ลูกนุชจะได้กลับมาดูแลคุณหญิง...แล้วอีกอย่างจะได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับงานหมั้นด้วยไง”
“หมั้น..? !!” สรนุชฉงนภายในใจ
สมพลเห็นสรนุชทำหน้าประหลาดใจ ก็รีบเหยียบเท้าส่งซิกให้กับณวัต
ณวัตร้องลั่น “โอ้ย” พอหันไปเห็นสมพลส่งซิกให้ณวัตพูดอย่างที่เตี๊ยมกันมา “ใช่จ้ะ...นุช...คุณก็รู้ว่าผมอยากจะแต่งงานกับคุณ...แต่ถ้าคุณไปอยู่สุรินทร์อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันละครับ”
สรนุชงง อึ้งกับสิ่งที่ณวัตพูด “แต่งงานอะไร...ก็ในเมื่อคุณกับฉัน”
ณวัตรีบสอดขึ้นเพราะกลัวสรนุชพูดออกมาเรื่องที่ตัวเองบอกเลิก และไปอาละวาดที่สุรินทร์มา
“ผมเองก็ไม่ได้อยากเร่งเร้าอะไรนุชหรอก...แต่คุณแม่คุณซิ...บอกว่าอยากอุ้มหลานเร็วๆ”
เลิศหล้ารีบเสริมทันที “ใช่จ้ะ...แม่คุยกับคุณสมพลแล้ว...ว่าให้หาตำแหน่งอะไรที่มันสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก...นะ...ทำเพื่อแม่สักครั้งนะลูก”
สรนุชนิ่งไปไม่อยากพูดอะไรเพราะกลัวทำให้เลิศหล้าไม่สบายใจ ก่อนจะมองไปที่ณวัตด้วยแววตารังเกียจ

ทางด้านสุบินกับอรอนงค์นั่งรอสรนุชอยู่ที่สนาม
“นี่ฉันงงไปหมดแล้ว...ตกลงแม่นุชสบายหรือไม่สบายกันแน่”
“แค่นี้แกดูไม่ออกหรือไง...ร้อยเอาบาท...ฉันว่ามันต้องเป็นแผนของไอ้ณวัตแน่นอน”
ระหว่างนั้นสรนุชเดินเข้ามา
“นุช...” อรอนงค์เดินเข้าไปหา “ทั้งหมดเป็นแผนของณวัตเหรอ”
“พวกแกกลับไปก่อน...แล้วฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
สุบินกับอรอนงค์เห็นสรนุชสีหน้าเครียดก็ชักจะเป็นห่วง ระหว่างนั้นเสียงณวัตดังขึ้น
“นุช”
ณวัตเดินออกมาแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสรนุชอยู่กับสุบินและอรอนงค์ สุบินพอเห็นณวัตก็ของขึ้นทันที
“หนอย...ขอเอาคืนหน่อยเถอะวะ”
สุบินปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องณวัต สรนุชกับอรอนงค์รีบห้าม
“อย่า...เดี๋ยวก็ได้หนักกว่าเก่าหรอก” อรอนงค์บอก
“ไม่สนเว้ย...ฉันไม่ยอมให้มันทำฉันฝ่ายเดียวหรอก”
ณวัตเดินเข้ามาแล้วทำหน้าท้าทาย
“ก็ดี...คราวที่แล้วฉันเบามือไปหน่อย...คราวนี้แกอยากให้ตรงไหนหักละ”
“ดั้งแกไง...หน้าตัวเมียอย่างแกถ้าไม่เล่นทีเผลอไม่มีทางชนะฉันหรอกเว้ย”
“แกว่าใครหน้าตัวเมีย”
“ก็ใครที่มันตบหน้ายัยนุชละ”
สรนุชเสียงดังขึ้นห้าม “สุบิน...!” สุบินยอมหยุด “ฉันขอร้อง...กลับไปก่อนนะ”
สุบินมองหน้าสรนุชที่ดูขึงขังจริงจัง จึงต้องยอมอ่อนลง
“ไปอร”
สุบินเดินฮึดฮัดออกไป อรอนงค์หันมาบอกสรนุชด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรรีบโทรหาพวกฉันนะ” สรนุชพยักหน้าให้อรอนงค์ “ฉันไปก่อนนะ”
อรอนงค์รีบวิ่งตามสุบินออกไป ณวัตเดินเข้ามาหาสรนุช
“วัตนึกว่านุชจะเข้าข้างไอ้พวกนั้นมากกว่าวัตซะอีก” ณวัตยิ้มเดินเข้ามาหาสรนุช
“คุณอย่าเข้าใจผิด...ฉันไม่อยากให้มีเรื่องมีราวในบ้านฉัน”
สรนุชจะเดินหนี ณวัตดึงแขนสรนุชเอาไว้
“นุชยังโกรธวัตอยู่อีกเหรอ”
“ปล่อย” สรนุชเสียงกร้าว
“ไม่...นุช...ผมขอโทษ...ผมรู้ว่าผมทำรุนแรงไปหน่อย...แต่ที่ผมทำลงไปก็เพราะว่าผมหึงคุณนะ...นุช...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ...คุณไม่เสียดายผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างผมหรือไง”
สรนุชแค่นยิ้มออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “คุณนี่ชอบทำอะไรที่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ”
“วัตรู้ว่านุชชอบเซอร์ไพรส์ไง” ณวัตยังไม้รู้ตัว
“ใช่...คุณทำเซอร์ไพรส์ฉันหลายๆ อย่าง...ทั้งด่า...ทั้งตบ...แล้วก็บอกเลิก...แถมตอนนี้...คุณยังมาขอคืนดี...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน...ฉันถามจริงๆ เถอะ...คุณทำได้ยังไง”
ณวัตชะงักหน้าเจื่อนรู้ว่าถูกสรนุชกัด แต่ณวัตก็ทำเป็นแกล้งโง่
“ก็เพราะว่าวัตรักนุชไง”
สรนุชสะบัดมือของณวัตออก “คุณมันน่าขยะแขยงที่สุด”
สรนุชพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านทันที ณวัตพยายามเรียกเอาไว้
“นุช...นุช”
เพียงชั่วพริบตาแล้วณวัตก็เปลี่ยนสีหน้าแววตาเป็นร้ายกาจขึ้นมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอ...คิดว่าฉันจะสนผู้หญิงอย่างเธอหรือไง...หึ!”

เวลาเดียวกันนั้นใจเด็ดมาสุมไฟไล่ยุงให้ควายที่คอกควายในสถานี แล้วนั่งคิดถึงสรนุช ด้วยความไม่เข้าใจหลายอย่าง

ขณะเดียวกัน ข้าวของต่างๆ ที่สรนุชรื้อออกมาจากกระเป๋า วางเกลื่อนพื้นห้อง แต่แล้วสรนุชก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นเสื้อที่ใจเด็ดมอบให้เธอ สรนุชค่อยๆหยิบมันขึ้นมา คิดไปถึงใจเด็ด
“ฉันขอโทษ...ฉันไม่มีโอกาสพูดกับความจริงกับคุณ แต่รอฉันนะ...ฉันจะกลับไป...ไปสารภาพทุกอย่างกับคุณ”
สรนุชมองเสื้อที่ใจเด็ดมอบให้ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งคิดถึง รู้สึกผิด สับสนไปหมด
เป็นเวลาเดียวกับที่ใจเด็ดยังนั่งเหม่อที่คอกควาย ใจเด็ดถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น แต่แล้วทันใดนั้นใจเด็ดก็รู้สึกปวดหนึบขึ้นมาที่แผล
ใจเด็ดกุมแผลที่ศรีษะแล้วเซไปพักที่คอกควาย ใจเด็ดกัดฟันทนความเจ็บ ระหว่างนั้นควายเข้ามาดุนๆ ที่หลังใจเด็ดด้วยความเป็นห่วง ใจเด็ดหันมองไปที่ควายแล้วยกมือขึ้นลูบหัว
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”

ใจเด็ดตบหัวควายเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่ศีรษะเริ่มทุเลาลงแล้ว
ตอนเช้าวันต่อมา สมพลกำลังคุยโทรศัพท์กับผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง ภายในห้องทำงานที่คาบาตี้สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

“ใช่ครับ...พลเอกสรยุทธ...เลิศพิทักษ์...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด...ผมคงจะเชิญท่านมารับตำแหน่งสำคัญที่นี่...แล้วคิดดูซิครับว่าถ้าเป็นอย่างนั้น...บริษัทรถไถอื่นๆ ที่คิดจะแข่งกับเราก็คงต้องคิดหนักเหมือนกัน..” สมพลเงียบฟัง “แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน...ผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องให้ผมมีอำนาจเต็มในการจัดการทุกอย่างที่นี่เหมือนเดิม”
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นสรนุชเดินเข้ามาภายในห้อง สมพลพอเห็นสรนุชก็ตกใจแต่เก็บอาการได้
“ยังไง...เดี๋ยวผมจะโทรไปฟังคำตอบอีกทีนะครับ”
สมพลรีบวางสายไปเพราะกลัวสรนุชจะได้ยินอะไร ก่อนจะหันมายิ้มให้กับสรนุช
“สวัสดีลูกนุช...พ่อนึกว่าลูกจะพักให้หายเหนื่อยก่อนซะอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...หนูไม่ได้เหนื่อยอะไร”
“เออ...มาก็ดีแล้ว...เมื่อกี้พ่อคุยกับผู้ถือหุ้น...เขาบอกว่าเขาได้อ่านรายละเอียดของยุทธศาสตร์ดาวเปื้อนดินแล้ว...เขาชอบมากที่ลูกหาข้อมูลได้ลึกขนาดนั้น...แล้วลูกมานี่มีอะไรหรือเปล่า...หรือว่าไอ้วัตมันก่อเรื่องอะไรอีก”
สรนุชนิ่งไปก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น “หนูมาลาออกค่ะ”
สมพลได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้งไป
“เอ่อ...อะไรนะ...เมื่อกี้พ่อได้ยินไม่ชัด...ลูกมาลาพักใช่มั้ย”
สรนุชย้ำชัด “ลาออกค่ะ”
“พ่อรู้ว่าลูกเพิ่งกลับมาอาจจะยังเหนื่อย...เอาอย่างนี้...พ่ออนุญาตให้ลาพักไม่มีกำหนด...แล้วถ้าจะชวนอรอนงค์ไปด้วยก็ได้...พ่อไม่ว่าอะไรเลย”
“แต่ว่า...”
“ไม่พอเหรอ...เอาไอ้วัตไปด้วยอีกคนมั้ย...พ่ออนุญาตให้เราใช้งานมันได้เต็มที่”
สมพลพูดพร้อมกับจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาลูกชายแสบ แต่สรนุชพูดขัดขึ้น
“หนูตั้งใจไว้แล้วค่ะ...ที่หนูมาบอกคุณพ่อวันนี้เพราะอยากจะแจ้งให้ทราบก่อน...ส่วนหนังสือลาออก...หนูจะทำมาให้อย่างเป็นทางการอีกที...หนูไม่รบกวนเวลาของคุณพ่อแล้วค่ะ”
สรนุชยกมือไหว้สมพลก่อนจะลุกเดินออกไป สมพลถึงกับชะงัก อ้าปากค้าง
“หนูนุช...หนูนุช ! โธ่เว้ย...อะไรนักหนาวะ”
สมพลทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิดขณะที่เริ่มคิดทันทีว่าจะทำยังไงต่อไป

เวลาเดียวกันนั้นเกริกไกรกำลังกดโทรศัพท์สำนักงานโทรออกก่อนจะรอสาย เกริกไกรกดวางสายแล้วกดใหม่อีกครั้ง แต่ก็ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม
ใจเด็ดแอบมองเกริกไกรเผลอลุ้นไปในตัว ขณะที่เจนจิราเองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเกริกไกรกดโทรศัพท์ก็สุดจะทน
“พอได้แล้วหมอ...ก็เห็นอยู่ว่าพวกเขาปิดเครื่อง”
“หรือไม่ก็...ตอนนี้คุณอรอาจจะอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณก็ได้”
เกริกไกรกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่แล้วเจนจิราก็กดที่พักหูเพื่อตัดสาย
“แล้วหมอแน่ใจได้ยังไงว่าเบอร์ที่พวกเขาให้มาจะเป็นเบอร์ที่ติดต่อพวกเขาได้จริง” เจนจิราเยาะ
“หมายความว่าไง”
“ไม่รู้ซิ...บางทีพวกเขาอาจจะไม่ให้พวกเราโทร.ไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”
“ไม่...คุณอรไม่ใช่คนอย่างนั้น...ไอ้เด็ด...แกไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง” เกริกไกรหันมาทางใจเด็ด
“สิ่งที่ฉันทำได้...แกก็กำลังทำอยู่นั่นไง...ไม่ต้องห่วงน่าหมอ...เดี๋ยวพวกเขาต้องติดต่อมาเอง”
“แต่ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นซิวะ”
คำพูดของเกริกไกรทำให้ใจเด็ดเองก็นิ่งไปเช่นกัน
“นี่หมอกับพี่เด็ดเป็นอะไร...ทำไมถึงได้เป็นเดือนเป็นร้อนนักหนา...แต่ก่อนตอนที่พวกนั้นยังไม่มา...เจนก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร”
“เจน...เธอไม่เข้าใจหรอกว่าความรักมันเป็นยังไง...มันทรมานแค่ไหนที่เราไม่ได้หน้าคนที่เรารัก” เกริกไกรเริ่มเพ้ออีก
“แต่สำหรับเจน...การได้เห็นหน้าคนที่เราแอบรักทุกวัน...แต่รู้ว่าเขาไม่รักเรามันเจ็บกว่าค่ะ”
เจนจิราตั้งใจจะพูดเพื่อกระทบกระเทียบให้ใจเด็ดได้รู้ แต่ใจเด็ดเองกลับไม่ได้คิดอะไร
“หมายความว่าไง”
เจนจิรารีบเสพูดไปเป็นเรื่องของเกริกไกร “ก็หมายความว่า...เจนไม่อยากให้หมอรออย่างไม่มีความหวัง...พวกเขาก็มีชีวิตของพวกเขา...บางทีหมออาจจะไม่รู้ว่าคุณอรอาจจะมีแฟนอยู่ที่กรุงเทพฯเหมือนคุณสรนุชก็ได้”
คำพูดของเจนจิราทำให้ทั้งใจเด็ดและเกริกไกรต่างก็นิ่งไปด้วยความเศร้า

เวลาต่อมาใจเด็ดเดินออกมาที่หน้าสำนักงาน ก่อนจะหยุดคิดถึงคำพูดของเจนจิรา
“ก็หมายความว่า...เจนไม่อยากให้หมอรออย่างไม่มีความหวัง...พวกเขาก็มีชีวิตของพวกเขา...บางทีหมออาจจะไม่รู้ว่าคุณอรอาจจะมีแฟนอยู่ที่กรุงเทพเหมือนคุณสรนุชก็ได้”
ใจเด็ดพยายามสลัดความคิดออกแล้วเดินต่อ แต่ใจเด็ดก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นโชคชัยเดินเข้ามาพอดี
“ใจเด็ด”
“นายกมาทำอะไรครับ” ใจเด็ดเอ่ยทัก
โชคชัยเดินเข้ามาประจันหน้ากับใจเด็ด
“นายติดต่อคุณนุชได้หรือยัง”
ใจเด็ดชะงักไปด้วยความหึง “ยังครับ...”
โชคชัยสีหน้าเครียดลง ใจเด็ดเห็นอย่างนั้นก็พูดขึ้นเหมือนต้องการจะบอกบางอย่างกับโชคชัย
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับนายก...ยังไงคุณนุชก็ต้องกลับมา...เธอยังมีเรื่องที่ไม่ได้ทำ”
“เรื่องที่ยังไม่ได้ทำ..? หมายความว่าไง” โชคชัยงง
“เอ่อ...ก็คงเป็นสารคดีที่เธอยังถ่ายไม่จบ”
โชคชัยนิ่งไปก่อนจะพูดขึ้นตามความรู้สึกของตนเอง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี...ถ้าคุณนุชกลับมาที่นี่...ฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปอีก”
ใจเด็ดชะงักไปเพราะไม่รู้ว่าโชคชัยหมายความว่าไง แต่เขาเองก็รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวด้วยความหึงขึ้นมาทันที

บ่ายวันเดียวกันนั้นเสียงกริ่งดังลอดเข้ามาในห้องที่คอนโดสุบิน
สุบินเปิดประตูห้องออกมา แล้วสุบินก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสรนุชกับอรอนงค์ยืนอยู่
“เฮ้ย!”
สรนุชกับอรอนงค์สงสัยกับอาการของสุบิน
“เป็นไร...ทำไมต้องตกใจอย่างนั้นด้วย”
“เปล่า...แล้วแกสองคนมาทำอะไร”
“ก็มาหาแกไง” แล้วยกข้าวของที่ซื้อมาฝากให้ดู “นี่...”
สุบินเหล่มองเข้าไปในห้องอย่างมีพิรุธ
“เอ่อ...ฉันว่าเอาไว้วันหลังก็ได้...พอดีวันนี้ฉันไม่ค่อยว่าง”
“ไม่ว่าง...” อรอนงค์เห็นอาการของสุบินก็ยิ่งสงสัย “ทำไม...มีใครอยู่ในห้องหรือไง”
อรอนงค์ทำท่าจะเดินเข้าไป สุบินรีบเอาตัวมาขวางทันที
“เฮ้ย...ไม่มีอะไร”
แต่แล้วอรอนงค์กับสรนุชก็รวมพลังกันดึงสุบินออก ก่อนที่ทั้งสองจะรีบเข้าไปในห้อง
“เฮ้ย ! แย่แล้ว..” สุบินรีบตามเข้าไปทันที

สรนุชกับอรอนงค์พากันสำรวจทุกซอกมุมภายในห้องของสุบิน สุบินเดินตามเข้ามา
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร...ไม่เชื่อหรือไง”
“เอ้า...ไม่มีอะไรแล้วทำไมไม่อยากให้พวกฉันเข้าห้องละ”
ระหว่างนั้นสรนุชเหลือบไปเห็นกระดาษปากกาที่สุบินเขียนเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน สรนุชเดินเข้าไปหยิบดูด้วยความสงสัย
“ทำอะไรน่ะ”
สุบินเห็นสรนุชเดินไปหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านก็ตกใจ จะเข้าไปแย่ง
“เฮ้ย ! อย่าอ่านนะเว้ย...ยัยนุช”
สรนุชยื้อแย่งกับสุบิน ก่อนจะอ่านออกเสียงให้กับอรอนงค์ฟัง
“กระบือบาล..! ตัวละครสำคัญ...หัวหน้าใจเด็ด...นี่มันอะไร”
สรนุชหันมองสุบิน
สุบินดึงคืนพลางบอกออกมา “เรื่องย่อละครใหม่...ฉันกำลังจะเอาไปเสนอผู้จัด”
อรอนงค์ สงสัยไม่หาย “แล้วทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย”
“นี่แกสองคนไม่โกรธเหรอ” สุบินฉงนในใจ
“ทำไมต้องโกรธด้วย”
“อ้าว...แกสองคนลืมไปแล้วหรือไงว่าแกทำงานที่คาบาตี้...”
สรนุชนิ่งไปก่อนจะพูดขึ้น “แต่ฉันเพิ่งไปลาออกวันนี้”
สุบินกับอรอนงค์ประสานเสียง “ลาออก”
สรนุชพยักหน้าให้สองเพื่อนซี้
“เยส...เยส ! มันต้องอย่างนี้ซิเพื่อนฉัน” สุบินระรื่น ชอบใจ
“ดีใจอะไร...หมายความว่าไงนุช...นี่แกจะทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวหรือไง” อรอนงค์หน้าง้ำเริ่มนอยด์
“ไม่รู้ซิ...ฉันรู้สึกเบื่อๆ ยังไงไม่รู้” สรนุชบอก
“ฉันรู้ว่าไอ้ความรู้สึกเบื่อๆ ของแกมันคืออะไร” สุบินพูด สรนุชค่อยๆ หันมองสุบินเหมือนอยากรู้เช่นกัน “แกรู้สึกผิดกับเรื่องที่หนองระบือไง”
สรนุชถึงกับนิ่งไปเมื่อสุบินยิงเข้ากลางแสกหน้า
“แกรู้สึกผิดกับชาวบ้าน...รู้สึกผิดกับควาย...แล้วที่สำคัญ...แกรู้สึกผิดกับคุณใจเด็ด! ...นุช...ไหนๆแกก็ลาออกจากคาบาตี้แล้ว...แกไม่คิดจะกลับไปบอกความจริงกับพวกเขาหน่อยเหรอวะ”
สรนุชนิ่งไปนาน จนสุบินและอรอนงค์ไม่รู้ว่าสรนุชคิดอะไรอยู่

ขณะนั้น ภิรมย์ และสมหญิงกำลังช่วยกันต้อนควายให้ขึ้นตาชั่ง โดยมีเจนจิราคอยจดบันทึกน้ำหนัก เจนจิรามองตาชั่งแล้วสีหน้าเครียดลง ใจเด็ดที่คอยจับควายบนตาชั่งเห็นท่าทางของเจนจิราก็สงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่าเจน”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
เจนจิราพูดแล้วพยายามหันไปทำงานต่อ ใจเด็ดสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจึงเข้าไปดู
“ขอพี่ดูสมุดหน่อย”
“พี่เด็ดอย่าดูเลยคะ...ลายมือเจนพี่เด็ดคงอ่านไม่ออก”
ใจเด็ดแบมือนิ่งไม่พูดอะไร จึงทำให้เจนจิราค่อยๆ ยื่นสมุดให้ใจเด็ด ใจเด็ดรับสมุดมาเปิดๆๆดู
“ทำไม...ควายน้ำหนักลงทุกตัวอย่างนี้”
เจนจิรา สมหญิง และภิรมย์ต่างสบตากันไม่มีใครบอกใจเด็ด
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ใจเด็ดคาดคั้น
เกริกไกรเห็นทุกคนไม่กล้าจึงพูดขึ้น
“เพราะตอนนี้เราไม่มีเงินซื้ออาหารเสริมให้มันไง”
“ว่าไงนะ...เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมไม่มีใครบอกฉัน”
“เพราะพวกเราไม่อยากให้พี่เหนื่อยไง” ใจเด็ดชะงักไป เจนจิราพูดต่อ “พวกเรารู้ว่าตอนนี้พี่ไม่มีเงิน...พวกเราก็ทำเท่าที่จะทำได้” เข้าไปจับมือสมหญิงให้ดู “พี่เด็ดเห็นมั้ยว่านี่อะไร...สมหญิงกับภิรมย์ต้องตัดหญ้าเพิ่มจนมือแตกอย่างนี้ก็เพราะว่าทุกคนเขาอยากช่วยพี่”
ใจเด็ดสีหน้าเครียดลงก่อนจะเดินออกไป เจนจิราทำท่าจะเดินตาม แต่เกริกไกรจับไหล่เจนจิราเอาไว้
“เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
เกริกไกรหันมองหน้าทุกคนเป็นเชิงบอกให้สบายใจก่อนจะเดินตามใจเด็ดออกไป

ใจเด็ดเปิดประตูเข้ามาในบ้านพัก ตรงมาเปิดลิ้นชักหยิบสมุดบัญชีขึ้นดู ใจเด็ดต้องอึ้งไปเพราะเงินในสมุดบัญชีเหลือเพียงแค่หมื่นกว่าบาทเท่านั้น ทันใดนั้นอาการปวดหัวของใจเด็ดก็กำเริบขึ้น
“โอ๊ย”
ใจเด็ดถึงกับต้องปล่อยสมุดบัญชีลง มือไขว่คว้าหาที่ยึดสะเปะสะปะไปชนข้าวของหล่นกระจัดกระจาย ระหว่างนั้นเกริกไกรตามขึ้นมาบนบ้านพอดี
“ไอ้เด็ด! เป็นไร”
ใจเด็ดเอาแต่ร้องโอดโอยปวดหัวด้วยความทรมาน
“แกรอนี่นะ...เดี๋ยวฉันจะให้ภิรมย์มันเอารถออก”
เกริกไกรทำท่าจะวิ่งออกไป แต่แล้วมือของใจเด็ดก็คว้าแขนเกริกไกรเอาไว้
“ไม่...ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรอะไร...แกปวดหัวขนาดนี้...ฉันว่าไปให้หมอเขาตรวจดีกว่า”
ใจเด็ดดึงรั้งเอาไว้ “อย่า...ฉันไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องนี้”
ใจเด็ดที่สายตาพร่ามัวหันมองไปที่สมุดบัญชีที่หล่นอยู่ ใจเด็ดค่อยๆ เอามือไปควานจนหยิบมันขึ้นมาได้
“ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของฉัน”
ใจเด็ดพยายามฝืนทนอาการปวดหัวเอาไว้ เกริกไกรมองใจเด็ดด้วยความเป็นห่วง

เหตุการณ์ที่คอนโดณวัตในกรุงเทพฯ ณวัตเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ทันทีที่ณวัตเปิดไฟ เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสมพลนั่งอยู่ที่โซฟา
“พ่อ”
สมพลค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาณวัต
“พ่อมาทำอะไรในห้องผม...แล้วทำไมไม่เปิดไฟละพ่อ”
สมพลเขกหัวเข้าให้ “นี่...ถ้าฉันเปิดไฟแกก็รู้ซิว่าฉันอยู่ในห้อง...ไอ้นี่...แล้วทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน...ห๊ะ”
ณวัตพูดดักคอ “ผมรู้ว่าพ่อคงไม่ได้มาหาผมเพราะเรื่องแค่นี้หรอก”
“ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำ...แกง้อหนูนุชภาษาอะไร...ทำไมวันนี้หนูนุชถึงได้มาขอลาออกกับฉัน”
“ลาออก..?” ณวัตตกใจ
“เออซิวะ...แล้วคราวนี้จะทำยังไง...แกก็รู้ว่าถ้าไม่มีหนูนุช...ฉันโดนไอ้พวกผู้ถือหุ้นนั่นมันปลดไปนานแล้ว”
“โธ่พ่อ...ถ้ามันลำบากมากนัก...ทำไมพ่อไม่แต่งกับพลเอกสุรยุทธไปเลยละ” ณวัตประชดส่ง
“ไอ้...ไอ้ลูกเวร...ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก...แกต้องง้อหนูนุชให้รีบแต่งงานกับแกให้เร็วที่สุด...ไม่อย่างนั้น...ฉันจะเอาทุกอย่างไปจากแก”
สมพลชี้หน้าคาดโทษก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความหงุดหงิด ณวัตสีหน้าเครียดอย่างเป็นกังวล

ใจเด็ดนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในสถานี ดูควายทั้งฝูงกำลังกินหญ้าอยู่ในทุ่ง ระหว่างนั้นมีควายตัวหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ใจเด็ด ใจเด็ดเห็นก็อดนึกถึงสรนุชไม่ได้
“ผู้ชายที่เป็นเหมือนควายเหรอ”
ระหว่างนั้นภิรมย์วิ่งเข้ามา “หัวหน้าครับหัวหน้า”
ใจเด็ดหันไปก็เห็นภิรมย์วิ่งเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือ
“มีจดหมายมาถึงหัวหน้าน่ะครับ”
ใจเด็ดรีบดึงมาดูทันที ภิรมย์แอบเหล่สังเกตอาการ
“จดหมายจากคุณสรนุชหรือเปล่าครับ”
ใจเด็ดเปิดจดหมายขึ้นอ่านก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของใจเด็ดเปลี่ยนไป

สรนุชอยู่ในห้องนอนที่บ้าน กำลังดูรูปที่เธอแอบถ่ายใจเด็ดเพื่อเก็บเป็นข้อมูล แต่ยิ่งดูสรนุชก็ยิ่งรู้สึกคิดถึงใจเด็ดมากยิ่งขึ้น ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น สรนุชรีบคลิกเพื่อปิดภาพทันที
“คะ”
“อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะคุณนุช” เด็กรับใช้บอก
“ได้...เดี๋ยวฉันลงไป”
สรนุชพูดจบก็นั่งทบทวนความรู้สึกตัวเอง ก่อนที่เธอจะลุกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อที่ใจเด็ดมอบให้เธอเอามาใส่
สรนุชเดินมาหน้ากระจกแล้วสัญญากับตัวเอง
“รอฉันนะ...ฉันจะใส่เสื้อตัวนี้ไปบอกความจริงกับนาย”

ที่สถานีเวลาเดียวกัน เกริกไกรอ่านจดหมายเสร็จพอดี
“กรมเขาเรียกฉันไปอบรมเรื่องการป้องกันเชื้อวัวบ้าสายพันธุ์ใหม่ที่กรุงเทพฯน่ะ”
เกริกไกรพูดแล้วสังเกตกริยาใจเด็ดที่เอาแต่นิ่งเฉยไม่พูดไม่จา
“นี่แกไม่รู้สึกอะไรหรือไง”
“รู้สึกอะไร...ก็กรมเขาเรียกแกไม่ได้เรียกฉัน”
“แต่นี่มันเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เข้ากรุงเทพฯ นะเว้ย...พวกเราจะได้ไปตามหาคุณอรไง”
“ฉันไม่ทิ้งที่นี่ไปเพราะเรื่องแค่นั้นหรอก” ใจเด็ดว่า
“โอเคๆ...ฉันพูดผิด...ที่จริงแล้ว...ฉันอยากให้แกไปตรวจไอ้หัวของแกที่อยู่ๆมันก็ปวดขึ้นมาต่างหาก...ที่กรุงเทพฯ มีเครื่องไม้เครื่องมือ...ฉันว่าเขาต้องรู้ว่าแกเป็นอะไร”
ใจเด็ดนิ่งไปอย่างครุ่นคิด เกริกไกรเข้ามาตบไหล่
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว...เดี๋ยวฉันไปเก็บเสื้อผ้าก่อน...แกก็เหมือนกัน”
เกริกไกรเดินออกไป ใจเด็ดหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดูแล้วคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง

ทางด้านสรนุชกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ฉันไม่ได้โทร.มาชวน...ฉันแค่โทร.มาบอกว่าฉันจะไปหนองระบือพรุ่งนี้”
คนที่สรนุชโทร.คุยคืออรอนงค์ที่กำลังตกใจมากมายอยู่ตอนนี้
“พรุ่งนี้” พนักงานคนอื่นหันมองจนทำให้อรอนงค์ต้องลดเสียงเบาลง “นี่แกจะบ้าเหรอยัยนุช...กลับมาก้นยังไม่ทันหายร้อนเลย...แกจะกลับไปอีกแล้วเหรอ”
สรนุชเองก็มีสีหน้าเครียดลง “ฉันว่าฉันอาจจะรู้สึกผิดอย่างที่สุบินมันว่าจริงๆ”
“แล้วไง...แกไปคนเดียว...พอบอกความจริงเสร็จ...แกไม่โดนประชาทัณฑ์หรือไง”
“แต่มันก็ยังดีกว่าที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้...ฉันไม่อยากโกหกอีกต่อไปแล้ว”
สายตาของสรนุชเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

เจนจิราอุทานออกมาเมื่อรู้เรื่อง “จะเข้ากรุงเทพฯเหรอคะ”
“ใช่...พี่จะไปกับหมอซักสามสี่วัน...แต่ถ้าพี่ไปนานกว่านั้น...ยังไงพี่ฝากดูที่นี่ด้วย”
เจนจิราได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย จึงโพล่งออกมา น้ำเสียงไม่พอใจ
“พี่จะไปตามหาคุณสรนุชทำไม...แค่นี้พี่ยังเจ็บไม่พออีกเหรอ”
ใจเด็ดอึ้งไปที่เจนจิราพูดออกมาอย่างนั้น
“เจน...ฟังพี่ก่อน”
“พี่รู้มั้ยว่าพี่เปลี่ยนไปตั้งแต่พวกนั้นมาที่นี่...เจนรู้ว่าพี่คิดยังไงกับคุณสรนุช...แต่พี่หยุดได้มั้ย...หยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ได้มั้ย” เจนจิราใส่เป็นชุด
ใจเด็ดพยายามพูดปรามเพื่อห้าม “เจน...” แต่ไม่ได้ผล
“ถ้าพี่เป็นห่วงสถานีเหมือนที่เป็นห่วงคุณสรนุชซักครึ่งนึง...ที่นี่คงไม่ต้องเจอกับปัญหาอย่างนี้”
“เจน...พี่รู้ว่าเจนเป็นห่วงพี่...แต่พี่ไม่ได้จะเข้าไปตามหาคุณสรนุชอย่างที่เจนคิด”
เจนจิราได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ “อะไรนะคะ...เอ่อ...แล้ว...”
“พี่จะเข้าไปขายที่...เพื่อเอาเงินมาทำให้สถานีนี่อยู่ต่อไปได้”
เจนจิราได้ยินอย่างนั้นก็พูดไม่ออก

คืนนั้นสมพล กับณวัต นัด สุรยุทธ คุณหญิงเลิศหล้า ที่ร้านอาหารหรู เป็นภัตตาคารจีนมีระดับ อาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะ สมพล ณวัต นั่งอีกฝั่ง ขณะที่สุรยุทธและเลิศหล้านั่งตรงกันข้าม
“อาหารจีนที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะครับ” สมพลรีบปะเหลาะ
“นี่...ทีหลังไม่ต้องเปลืองเงินเปลืองกินอาหารแพงๆ อย่างนี้หรอก...ถ้ามีอะไรก็ไปหาผมที่กองพันก็ได้” สรยุทธยิ้มให้
“นั่นซิ...เลี้ยงพวกเราบ่อยๆ...ระวังจะเคยตัวนะคะ”
สมพลกับณวัตหัวเราะ ก่อนที่ทั้งวงจะพากันหัวเราะเช่นกัน
“คุณสมพลนัดพวกเรามาวันนี้...คงไม่ได้จะมาคุยเรื่องงานหมั้นของยัยหนูหรอกนะคะ” เลิศหล้ากระเซ้า
“แหม...เรื่องนั้นคงต้องให้เจ้าวัตกับหนูนุชคุยกันเอง...แต่ที่ผมนัดท่านกับคุณหญิงมาในวันนี้...เพราะมีเรื่องสำคัญที่จะรบกวนท่านครับ” สมพลว่า
“ไม่มีปัญหา...เรามันคนกันเองอยู่แล้ว...เรื่องอะไรละ” สรยุทธบอก
สมพลกับณวัตแอบยิ้มให้กันที่สุรยุทธเปิดทางสะดวก
“แต่ก่อนที่เราจะคุยเรื่องสำคัญ...ผมอยากขอให้ท่านกับคุณหญิงช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ...โดยเฉพาะนุช...ผมไม่อยากให้เธอรู้เรื่องนี้ครับ”
สุรยุทธกับเลิศหล้าแปลกใจ ขณะที่ณวัตยิ้มเย็นเยือก

สรนุชนั่งรอสุรยุทธกับคุณหญิงเลิศหล้าที่ห้องรับแขก สรนุชมองนาฬิกาแล้วแปลกใจ
“วันนี้ไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไร...แล้วทำไมกลับดึกอย่างนี้นี่”
ทันใดนั้นเสียงรถของสุรยุทธก็ขับเข้ามาพอดี สรนุชรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างก่อนจะกระแอมเตรียมพร้อม
“โอเค...พร้อม”
ระหว่างนั้นสุรยุทธกับเลิศหล้าเดินเข้ามาในห้องรับแขก พอเห็นสรนุชก็แปลกใจ
“อ้าว...ยังไม่นอนอีกเหรอลูก”
“ค่ะ...พ่อกับแม่ไปไหนมาคะ”
“เอ่อ...” เลิศหล้าอึกอัก เหล่มองสุรยุทธว่าจะเอายังไง
“ก็...ไปกินเลี้ยงนิดหน่อย...เออ...เจอเราก็ดีแล้ว...พ่อว่ามีเรื่องจะคุยกับเราเหมือนกัน”
“หนูก็มีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่เหมือนกันค่ะ”
“ฮือ...เรื่องอะไร” คุณหญิงถาม
สรนุชสะอึก รู้สึกกลัวพ่อกับแม่จะเสียใจนิดๆ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ...พ่อบอกเรื่องของพ่อก่อนก็ได้คะ”
“ไม่มีอะไร...พอดีมีบริษัทเอกชน...เขาเชิญพ่อไปเป็นที่ปรึกษาที่นั่น...แล้วพรุ่งนี้เพื่อนพ่อเขาจะเลี้ยงรับตำแหน่งใหม่ให้...พ่อก็อยากให้เราไปงานด้วย”
“นะ...ไปเป็นเพื่อนแม่นะลูก” เลิศหล้าคะยั้นคะยอ
“แต่หนูไม่ค่อยชอบงานพวกนี้น่ะค่ะ” สรนุชบ่ายเบี่ยง
“แล้วหนูจะให้แม่นั่งคนเดียวหรือไง...ลูกก็รู้เวลาพ่อเราพาแม่ไปงานอย่างนี้ทีไรก็ทิ้งแม่ไปคุยกับเพื่อนเป็นนานสองนานทุกที...นะ...ไปกับแม่นะลูก”
สรนุชได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้าหนักใจ ก่อนจะตัดสินใจเมื่อเห็นเลิศหล้าเว้าวอน
“ได้ค่ะ...เอ่อ...ดึกแล้ว...พ่อกับแม่ไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
สุรยุทธกับเลิศหล้าพากันเดินออกไป สรนุชมองตามหน้าเศร้า พึมพำถึงใจเด็ด
“รอฉันอีกวันเดียวนะ...นายใจเด็ด”
เช้าวันต่อมา ใจเด็ดถือกระเป๋าเดินออกมาจากบ้านพัก ขณะกำลังจะเดินออกไป เจนจิราก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้
“เจน...”
เจนจิราไม่พูดอะไร เดินเข้ามาหาใจเด็ดเงียบๆ
“เจนขอโทษคะที่เข้าใจพี่เด็ดผิดไป”
“ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจว่าเจนห่วงพี่...” พอเห็นเจนจิราสีหน้าเครียดใจเด็ดจึงสงสัย “เป็นไร...จะไม่ยิ้มให้พี่ก่อนที่พี่จะไปหรือไง”
ใจเด็ดเอามือไปลูบหัวเจนจิรา
“จะให้เจนยิ้มออกได้ยังไงคะ...ก็ในเมื่อพี่เด็ดทำทุกอย่างจนตัวเองเหนื่อยขนาดนี้”
“นั่นแหละ...เราถึงต้องยิ้มไง...เพราะแค่พี่เห็นรอยยิ้มของเรา...ก็ทำให้พี่หายเหนื่อยแล้ว”
จู่ๆ เจนจิราก็โผเข้ากอดใจเด็ด ใจเด็ดชะงักทันที
“พี่เด็ดดูแลเจนมาตลอด...ต่อไปนี้...ให้เจนดูแลพี่เด็ดได้มั้ยคะ”
ใจเด็ดอึ้ง “เจน..”
“ที่เจนไม่อยากให้พี่ไปกรุงเทพ...เพราะเจนกลัวว่าพี่จะเจอกับคุณนุช...เจนไม่อยากให้พี่ต้องเสียใจ...สัญญานะคะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...พี่ต้องกลับมาหาเจน...แล้วเจนจะไม่ทำให้พี่ต้องเสียใจเหมือนผู้หญิงคนนั้น”
เจนจิราคลายวงแขนแล้วสบตาใจเด็ด ใจเด็ดถึงกับอึ้งไปเมื่อรู้ว่าเจนจิรารู้สึกยังไงกับเขา
“เจน...เอ่อ...คือพี่”
ยังไม่ทันที่ใจเด็ดจะอธิบาย เสียงของเกริกไกรก็ดังขึ้น
“ไอ้เด็ด...ไอ้เด็ด”
ใจเด็ดกับเจนจิราต่างผละออกจากกัน
“เอ้า...สั่งลากันเสร็จหรือยัง...เดี๋ยวก็ไปถึงค่ำพอดี”
ใจเด็ดชำเลืองมองเจนจิราที่มองมาที่เขาอย่างอาวรณ์ แล้วรีบทำหน้าปกติเหมือนไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะรีบเดินตามเกริกไกรออกไป
เจนจิรามองตามด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ได้บอกความรู้สึกของตนที่เก็บมานาน

ภิรมย์ สมหญิงกำลังยืนอยู่กับหลวงพ่อ เกริกไกรกับใจเด็ดเดินเข้ามา
ใจเด็ดยกมือขึ้นไหว้ “นมัสการครับหลวงพ่อ...เอ่อ...หลวงพ่อมีกิจอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก...ก็โยมเกริกไกรเขามานิมนต์อาตมาให้มาอวยพรก่อนที่จะเดินทาง...อาตมาเห็นว่ามันเป็นเรื่องดี...ก็เท่านั้นแหละ”
ระหว่างนั้นเห็นเจนจิราเดินมาหลบมุมหลังต้นไม้ สายตาจับจ้องที่ใจเด็ดตลอดเวลา
“เขาเรียกว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง...อย่าเสียเวลาเลยครับหลวงพ่อ...เริ่มเลยครับ”
ว่าแล้วก็เห็นภิรมย์ถือบาตรน้ำมนต์มาใกล้ๆ หลวงพ่อ หลวงพ่อเริ่มพรมน้ำมนต์
“เอ้า...ไปดีมาดี...คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา...ขอจงปลอดภัยในทุกที่ทุกสถาน...พุทธังแคล้วคลาด...ธัมมังแคล้วคลาด...สังฆังแคล้วคลาด”
ทุกคนยกมือขึ้นจบอิ่มบุญกันถ้วนหน้า ใจเด็ดลุกขึ้น หลวงพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษให้กับใจเด็ด
“เอ่อ...คาถาคุ้มครองเหรอครับ”
“หือ...รายการของที่อาตมาฝากซื้อน่ะ”
ใจเด็ดมีสีหน้าเจื่อน ขณะที่คนอื่นๆ ถึงกับเซกันเป็นแถว
“ไป...เดี๋ยวจะมืดแล้วจะขับรถลำบาก” เกริกไกรบอก
“ฉันฝากด้วยนะทุกคน” ใจเด็ดว่า
“ขอให้เจอคุณนุชนะคะหัวหน้า” สมหญิงพูดพาซื่อ
ใจเด็ดสะอึกเพราะเห็นสมหญิงทำหน้ากรุ่มกริ่ม ระหว่างนั้นใจเด็ดก็เหลือบไปเห็นเจนจิราอยู่มุมหนึ่ง
ใจเด็ดมองสบตาเจนจิราที่ส่งสายตาสื่อความนัยมาให้ ใจเด็ดทำหน้านิ่งก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป

ถนนสายนั้นรถราวิ่งกันน้อยคัน สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้า ระหว่างนั้นใจเด็ดยืนรออยู่ข้างรถ พลางดูนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนใจ ไม่นานนัก เกริกไกรเดินรูดซิปขึ้นมาจากริมถนน
“เฮ้ย ! แวะยิงกระต่ายแป๊ปเดียวมันไม่เสียเวลามากนักหรอกน่า”
“ฉันกลัวว่าจะไปไม่ทันนัด”
ใจเด็ดหันหลังกลับจะเดินไปขึ้นรถ เกริกไกรเดินเข้าไปขวาง
“ถึงแกจะไปทัน...แกแน่ใจเหรอว่าเขาจะซื้อที่แก...แล้วถ้าเขาซื้อ...แกจะมีปัญญาเอาโฉนดมาจากพ่อแกได้ยังไง”

สีหน้าของใจเด็ดเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด











Create Date : 12 เมษายน 2555
Last Update : 12 เมษายน 2555 16:30:55 น.
Counter : 364 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]