All Blog
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 13 (ต่อ)



วริษรานั่งที่โต๊ะทานข้าวบ้านกำนันเรืองเวลากลางคืน
“ทานสินังลิ้นจี่ แล้วนี่เอ็งกับไอ้หมาไปคบกันตอนไหน ทำไมไอ้หมามันไม่เห็นบอกพ่อกับแม่เล” วันทนีย์ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ก็ช่วงที่ฉันอยู่กรุงเทพฯน่ะจ๊ะ พี่รบคอยช่วยเหลือฉันบ่อยๆ เราก็เลยเห็นใจกันและกัน”
กระถินพูดกับอาไท
“สตอเบอรี่ได้อีก”
“พอกับพี่กระถินเลยเนอะ” อาไทหยอก แรกๆเล่นเอากระถินเคลิ้มไปเพราะคิดว่าเป็นคำชม แต่พอนึกได้
เออ... ไอ้อาไท” กระถินหยิกขาอาไทที่ใต้โต๊ะ
“ก็แปลกนะ ถ้าเห็นใจกันขนาดนั้น ทำไมไอ้หมามันถึงบอกข้าว่าจะแต่งงานกับหนูมัทไม่ใช่เอ็ง”
“พี่รบบอกว่าสงสารคุณมัทรีน่ะจ๊ะก็เลยจะขอเลิกกับริษไปแต่งงาน”
“ลิ้นจี่ก็เลยท้องจับพี่รบเหรอจ๊ะ” กระถินโพล่งขึ้นอย่างทนไม่ได้
กำนันเรืองทำเป็นปรามด้วยเสียงต่ำ
“เฮย...เรียกว่าเห็นแก่ตัวไม่มีศีลธรรม ไม่รู้จักคิดจิตอกุศล..จะดีกว่า”
“เหรอ” อาไทกับกระถินพูดขึ้นพร้อมกัน
วริษราทนไม่ไหววางช้อน
“ริษทานไม่ลงค่ะ ขอตัวไปพักก่อนนะคะ”
วริษราไม่รอให้ผู้ใหญ่บนโต๊ะอนุญาตก็ลุกออกไปเลย ทุกคนในโต๊ะมองจนแน่ใจว่าวริษราเข้าห้องไปแล้วก็ตีมือกันอย่างเมามันส์
“เก่งมากจ๊ะพ่อจ๋า”
“ว่าแต่เราจะหลอกด่ายัยลิ้นจี่นี่แล้วถ้าเกิดยัยลิ้นจี่ไม่พอใจล่ะจ๊ะ” กระถินถามขึ้น
“ข้าไม่ได้หวังผลแค่หลอกด่า แต่ถ้าคนมันอึดอัด มันต้องระบายแล้วตอนนั้นล่ะ...”
วริษราเดินไปเดินมาในห้องอย่างหงุดหงิด วริษราหยิบมือถือจะกดออก แต่เสียงมือถือวริษราดังแทรกเข้ามาซะก่อน วริษรามองเบอร์ที่ขึ้นบนเครื่องอย่างไม่คุ้นเคย
“ฮัลโหล..พี่ต้น พี่โทรมาทำไมเนี่ย รู้ได้ไงว่าฉันท้อง นังเปิ้ลล่ะสิ พี่ไม่ต้องมารับผิดชอบ ฉันหาพ่อของลูกได้แล้ว แค่นี้นะ”
วริษรากดวางสายวางมือถือที่หัวเตียง อาไทแอบมองไปที่มือถือที่วางอยู่ที่หัวเตียง

มัทรีเดินออกมาที่ระเบียง ทอดสายตามองไปที่ท้องฟ้าอย่างเศร้าซึมนึกถึงวันชื่นคืนสุขที่มัทรีกับมัทรียิ้มหวานๆ ให้กัน แต่เมื่อนึกถึงภาพที่วริษรากอดขาอ้อนวอนวันรบไม่ให้ตามมัทรีมาก็น้ำตาร่วง … แล้วเอ่ยชื่อของวันรบขึ้น
“พี่รบ”
“ครับ” เสียงตอบจากวันรบดังขึ้น
มัทรีตกใจหันซ้ายหันขวาแล้วมองลงไปข้างล่าง เห็นวันรบคุกเข่าอยู่
“มัทรี ผมรักคุณ”
มัทรีมองวันรบอย่างอึ้งๆ ทำตัวไม่ถูก
“ผมรักคุณคนเดียวนะมัทรี”
วันรบส่งสายตามองมัทรีด้วยสายตาอ้อนวอน ขณะที่รชานนท์กับติรกาแอบมองอย่างลุ้นๆว่า มัทรีจะตัดสินใจอย่างไร
“มัทไม่อยากฟังคำแก้ตัว”
“ผมไม่ได้มาแก้ตัว ผมมาขอโอกาสแก้ไขจากมัท”
“พี่รบกลับไปเถอะค่ะ”
“ผมไม่กลับ ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่ามัทจะยอมเชื่อผม ผมไม่เคยนอกใจมัทจริงๆ”
มัทรีลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องปิดประตูระเบียง วันรบหน้าจ๋อยไปทันที รชานนท์กับติรกาเข้ามาหาวันรบ
“ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก ไอ้น้อง” รชานนท์ตบไหล่เป็นเชิงปลอบใจ
“คืนนี้กลับไปพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน” ติรกาว่า
“ไม่ครับ ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่ามัทจะยอมฟังผม”
“ตรงนี้นะ” รชานนท์ถามย้ำ
“ครับ”
รชานนท์กับติรกามองหน้ากันแล้วหันไปมองวันรบที่สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

คืนนั้น … เมื่อวริษรานอนหลับสนิท อาไทกับกระถินค่อยๆแง้มประตูห้องนอนออก อาไทสวมใส่เสื้อตัวใหญ่ กางเกงขายาวหลวมสำหรับใส่นอนเน่าๆ กระถินหันกลับมาเจอวันทนีย์ที่รออยู่ วันทนีย์พูดเสียงเบา
“เป็นไง”
“หลับแล้วจ๊ะแม่จ๋า”
“เอ็งสองคนรีบเข้าไปเอาโทรศัพท์นังลิ้นจี่ออกมา อย่าให้มันรู้ตัวเด็ดขาดนะ”
“จ๊ะ” กระถินกับอาไทพูดเสียงดังปกติอย่างลืมตัว
วันทนีย์รีบเอามือปิดปากกระถินกับอาไทแล้วจุ๊ปากให้เงียบ กระถินกับอาไทรีบปิดปากตัวเองแล้วหันไปเปิดประตูค่อยๆแฝงตัวเข้าไป อาไทคลานนำกระถินเข้ามาจะตรงไปที่หัวเตียง
วริษราพลิกตัวจนขายื่นเลยเตียงออกมา เท้าข้างที่ยื่นออกมากั้นตรงหน้าอาไท อาไทเบรก เอี๊ยด!จนหน้าทิ่มไปที่เท้าของวริษรา กระถินที่กำลังคลานเพลินๆ ชนเข้ากับก้นของอาไทอย่างจัง
“อุ๊บ!” อาไทตกใจจนไม่กล้าขยับ
กระถินเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็ตกใจกลัววริษราจื่น แต่วริษรายังหลับนิ่ง กระถินถอนใจโล่งอก อาไทหน้าเสียเหลือบมองกระถินเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ช่วยเหรอ” กระถินพูดเสียงเบาแล้วใช้มือจิกผมอาไทดึงออกมาทันที เล่นเอาอาไทหน้าหงายออกมา อาไทรีบเช็ดปากเช็ดหน้า พลางหันไปหากระถินแล้วถาม
“สาบานนะว่าเนี่ยช่วยไม่ได้โกรธอะไรกัน”
“ช่วยจริงๆ”
อาไทยังเช็ดหน้ากับปากไม่เลิก
“แหวะ..นี่ถ้าไม่เห็นแก่พี่รบนะ”
“พูดมากน่าหามือถือเร็วๆ” กระถินบอก
อาไทมองหาที่หัวเตียงแต่ไม่เห็น
“ไม่อยู่แล้วพี่...หายไปไหน”
อาไทกับกระถินช่วยกันมองหาแล้วเห็นว่ามือถืออยู่อีกฝั่งหนึ่งที่ชิดกับผนังซึ่งมีวริษรานอนคั่นกลางอยู่
“โน่นไง..แกปีนข้ามไปหยิบมาเร็ว” กระถินบอก
“อาเหรอ”
“เออ...”
อาไทจำต้องปีนขึ้นเตียงอย่างตัวเบาที่สุด อาไทกำลังจะเอื้อมมือข้ามตัววริษราไปหยิบโทรศัพท์ ทันใดนั้นวริษราเด้งตัวขึ้นมานั่ง พูดละเมอขึ้น
“นังกระถิน แกจะทำอะไร”
อาไทสะดุ้งเด้งหงายหลังลงไปกองกับพื้น กระถินยืนตัวแข็ง เห็นวริษราที่หลับตาชี้มาทางกระถิน อาไทโบกมือตรงหน้าวริษรา วริษราด่าทั้งๆ ที่หลับตา
“นังบ้า นังขี้เหร่ มายุ่งกับฉันอีกแกไม่ตายดี....แน่ “ พูดจบวริษราก็หงายหลังลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม
กระถินยืนมองอย่างแค้นจะเข้าไปตบวริษรา แต่อาไทรีบกันไว้
“อย่าพี่ เดี๋ยวเสียงาน”
“เร็ว ๆ เลยไม่งั้น ฉันจะกระโดดตีศอกใส่หน้ามันเดี๋ยวเนี้ยะ”
อาไทขึ้นไปบนเตียง เอื้อมมือข้ามตัวเพื่อหยิบมือถือทันที อาไทหยิบโทรศัพท์ได้แล้วกำลังจะดึงตัวกลับมา วริษราก็ขยับมือขึ้นมากอดหมอนข้าง มือดันลอดเข้าเสื้อตัวโคร่งของอาไทด้วย อาไทยืนค้างเพราะถ้าขยับตัววริษราตื่นแน่ อาไทถึงกับหน้าเสีย หันคอมาพูดแบบไม่มีเสียงกับกระถิน
“พี่กระถิน ช่วยด้วย”
กระถินมองตามสายตาอาไทแล้วตกใจ
“ทำไงล่ะ”
“เอาออกสิ เอาออก” อาไทพูดแบบไม่มีเสียง
กระถินขยับเข้ามาจะจับมือวริษราออกแต่มือวริษราซุกใกล้หน้าวริษรามาก กระถินไม่กล้า
“เอาออกไม่ได้ มันกอดมือตัวเองไว้”
“แล้วทำไงล่ะพี่”
กระถินคิด ๆแล้วปิ๊งไอเดีย
“เอามันออกไม่ได้ เอาแกออกแทน”
อาไทตกใจคิดไม่ออกว่าจะเอาตัวเองออกอย่างไร กระถินจับปลายเสื้ออาไทด้านบนแล้วถอดเสื้ออาไทออกอย่างทุลักทุเล
“โอ้ย แทบตาย” อาไทบอก
“ได้มาไหม” กระถินถาม
อาไทโชว์มือถือ กระถินดีใจ
“รีบเอาไปให้แม่จ๋าเร็ว”
อาไทพลิกตัวจะลงจากเตียง แต่พอก้าวขาปรากฎว่าติด อาไทพยายามดึงว่าติดอะไร
“อืม..” วริษราเสียงพึมพำ
อาไทหันไปมองปรากฎว่าวริษราพลิกตัวมากอดปลายขากางเกงอาไทไว้อีก
“พี่กระถิน”
กระถินหันมา
“เฮ้ย”
“มันจะละเมออะไรนักหนาวะเนี่ย”
วริษรายิ่งดึงปลายขากางเกงเข้าไปกอดแน่นขึ้น
“อาไท”
อาไทเห็นสายตากระถิน
“อย่าบอกนะว่า.....”
กระถินพยักหน้า อาไทถึงกับหน้าเสียทันทีเพราะต้องถอดกางเกงออกเช่นเดียวกับเสื้อ

จุดนัดพบที่ดงกล้วยในเวลากลางคืน กระถินยื่นมือถือของวริษราให้วันทนีย์
“โทรศัพท์ของยัยลิ้นจี่จ๊ะแม่จ๋า”
วันทนีย์ส่งกระดาษกับปากกาให้กระถิน
“ดีมาก เอ็งรีบจดเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดที่โทรเข้าวันนี้ออกมาเลย ไอ้พ่อเด็กในท้องนังลิ้นจี่ที่ชื่อ..ชื่ออะไรนะอาไท
“พี่ต้นจ๊ะ” อาไทเสียงสั่นด้วยความหนาวเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในเพียงตัวเดียว
“เออ..นั่นแหล่ะ รีบจดเร็ว ๆ เข้า”
“แม่จ๋า ทำไมเราไม่ไปคุยบนบ้านล่ะจ๊ะ” อาไทถาม
“คุยในบ้าน ถ้านังลิ้นจี่มันตื่นมาได้ยินก็แผนแตกสิวะ เอ็งอย่าเรื่องมากได้ไหมเนี่ย”
“ฉันไม่ได้เรื่องมาก แต่ฉันหนาว”
“เร็วสิพี่กระถิน ฉันจะไม่ไหวแล้ว”
“ทนหน่อยน่าอาไท แล้วพี่จะบอกพี่รบให้ว่าอาไททุ่มเทเพื่อช่วยพี่รบ รับรองได้รางวัลใหญ่แน่”
วันทนีย์ส่งแบงค์พันให้อาไท
“อ่ะ หายหนาวไหม”
อาไทตาลุกวาวรีบรับแล้วบอก
“ ร้อนเลยจ๊ะ”
“อ้าว..แม่จ๋า” กระถินยังพูดไม่จบ วันทนีย์รู้ทันส่งแบงค์พันให้กระถิน
“ของเอ็งก็มี”
กระถินรีบรับมาแล้วบอก
“ขอบคุณจ๊ะ”
วันทนีย์มองขึ้นไปบนบ้านด้วยสายตามั่น
“คิดจะจับลูกชายคุณนายวันทนีย์ ไม่มีทางหรอกเว้ย”

ในเวลาเดียวกัน ทางบ้านของติรกา มัทรีเดินออกมาที่ระเบียงอีกครั้ง วันรบยังนั่งอยู่ที่พื้นหญ้าเหมือนเดิม มัทรีปวดใจที่ไม่อาจจะอภัยให้วันรบได้ ในขณะที่วันรบก็พยายามอ้อนวอนให้เห็นความจริงใจ
“พี่รบ..กลับไปเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้”
“ผมไม่กลับจนกว่ามัทจะยอมเชื่อว่าผมพูดความจริง”
มัทรีเหนื่อยที่จะพูดกับวันรบ ทำเป็นเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูกระจก มัทรีหันมองนาฬิกาเป็นเวลาสามทุ่ม เวลาผ่านไปจนถึงตีหนึ่ง มัทรีคอยมาแอบมองวันรบอย่างเป็นห่วง วันรบยังนั่งอดทนรอคอย มือก็ตบยุงไปด้วย มัทรีตัดสินใจปิดไฟ วันรบมองอย่างจ๋อย ๆ แต่ก็ยังฮึดนั่งต่อไป มัทรียืนแอบมองด้วยสายตาเศร้าๆ

อีกมุมหนึ่งของบ้าน เตือนใจกับพุทรายืนมองวันรบอยู่เช่นกัน
“ฉันล่ะอยากจะเอาน้ำไปสาดตารบนัก เอาให้จับไข้ไม่สบายเลยยิ่งดี” เตือนใจพูดขึ้น
พุทรามองเตือนใจแล้วถาม
“นี่คุณยายคิดจะให้คุณรบเรียกร้องความเห็นใจแบบในหนังเหรอคะ”
“แล้วหล่อนว่ามันจะได้ผลไหมคะ”
เตือนใจกับพุทรายิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์
“หึๆๆ”

บริเวณชั้นล่าง ติรกากำลังจะหอบผ้าห่มมาเดินออกไปหาวันรบ แต่รชานนท์เดินเข้ามาดึงติรกาไว้
“กระแต คุณจะไปไหนไ
“อากาศมันเย็นน่ะค่ะ ฉันจะเอาผ้าห่มไปให้”
“ไม่ต้อง..ปล่อยให้ไอ้รบมันตากน้ำค้างไป”
“เดี๋ยววันรบจะไม่สบายน่ะสิคุณ ทั้งยุงทั้งน้ำค้าง”
ยังไม่ทันขาดคำติรกา เสียงน้ำก็สาดโครม!เข้าที่ตัววันรบจนเปียกปอนไปหมด
“เฮ้ย” รชานนท์ร้องขึ้น
รชานนท์กับติรกาวิ่งออกมาดูเห็นเตือนใจทยืนหน้าถมึงทึงอยู่ เตือนใจพูดเสียงดัง
“ทำหลานฉันร้องไห้จะเป็นจะตาย ยังกล้ามาเสนอหน้าอีกเหรอ”
มัทรีได้ยินเสียงก็เปิดประตูออกมาดูอย่างตกใจ
“คุณยายครับ ฟังผมก่อน”
“ฉันไม่ฟังไอ้ผู้ชายหลายใจ ฉันล่ะเกลียดนักออกไปจากบ้านฉัน ไป๊”
“สมบทบาทมากค่ะคุณยาย” พุทราบอก
“ยังไม่ออกไปอีก”
เตือนใจกระซิบกับพุทรา
“ทำไมยัยมัทยังไม่ลงมาอีกนะ เหนื่อย! หล่อนช่วยห้ามด้วยสิยะ”
“ต้องห้ามด้วยเหรอคะ”
“เออสิ”
“โอ้ย ใจเย็น ๆค่ะคุณยายเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป”
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว ขอเอาเลือดหัวออกสักทีเถอะ”
เตือนใจคว้ากระป๋องจะเข้าไปตีวันรบ
มัทรีตกใจเดินออกมาที่ระเบียง แต่เมื่อครั้นจะหันหลังกลับก็ชะงักเพราะรชานนท์กับติรกาวิ่งเข้ามาพอดี
“ใจเย็นครับคุณแม่”
“คุณแม่คะ อย่าถึงขั้นทำร้ายกันเลยนะคะคุณแม่” ติรกาว่า
เตือนใจ ตกใจที่กลายเป็นรชานนท์แต่ต้องเล่นให้สมบทบาทต่อไป
“ฉันจะฆ่ามัน ปล่อยฉัน แม่พุทรา” เตือนใจพูดแล้วทำท่าจะวูบไปซะอย่างนั้น
“อ้าว...ลมจะจับจริงซะงั้น” พุทราบอก แล้วรีบส่งเสียงดัง
“ว้ายคุณยาย คุณนนท์ขา พาคุณยายเข้าไปพักก่อนเถอะค่า”
เตือนใจจะเป็นลม พุทราจับแขนเตือนใจชักใยซะงั้น
“อย่าอาละวาดค่ะ คุณยาย ใจเย็น ๆ ค่ะ”
รชานนท์ ติรกา วันรบมองพุทราที่จับมือเตือนใจเหวี่ยงไปมา เตือนใจขยิบตาให้วันรบ วันรบเก็ททันที
“คุณยายครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้นอกใจมัทจริง ๆนะครับคุณยาย”
“แกไม่ใช่หลานฉัน แบกฉันเข้าไปเร็ว” เตือนใจพูดกับกับพุทรา
“คุณนนท์ คุณติช่วยพุทราหน่อยค่า พาคุณยายไปเร็วค่าก่อนคุณรบจะตาย”
“นั่งอยู่ได้แค่ตรงนั้น ห้ามเข้ามาในบ้านเด็ดขาด ไม่งั้นฉันฆ่าตายแน่”
เตือนใจพูดแล้วชี้ที่วันรบเป็นความหมายว่า ให้นั่งอยู่อย่างนั้นแหล่ะ อย่าไปไหน วันรบมองอย่างเข้าใจขยิบตารับ
“เห็นใจผมเถอะครับคุณยาย ผมจะไม่ไปไหนจนกว่ามัทจะยอมฟังผม”
เตือนใจแอบยกนิ้วโป้งให้วันรบ เพื่อบอกว่าแสดงบทบาทได้ดีมาก รชานนท์เข้าใจทันที ช่วยกันพาเตือนใจเข้าบ้าน ติรกายังงงแต่เดินตามเข้าไปในบ้าน วันรบเงยหน้ามองสบตากับมัทรี มัทรีเป็นห่วงแต่ยังทำเป็นไม่สนเดินเข้าไป
วันรบลงคุกเข่าต่อทั้งที่เนื้อตัวเปียกปอน

ภายในห้องรับแขก ติรกาอึ้งไปกับแผนการของเตือนใจ
“ช่วยวันรบเรียกคะแนนความเห็นใจ”
“ใช่สิ ฉันรอให้ยัยมัทลงมา พวกแกก็ดันมาขัดซะก่อน”
“คุณแม่จัดน้ำใส่วันรบเต็มๆ ขนาดนั้นจะล้มซะก่อนยัยมัทใจอ่อนสิคะ”
“กระแตจ๊ะ คุณแม่จัดตัวช่วยให้ไอ้รบต่างหาก โดนด่าก็ยังทนแถมอาจจะล้มเป็นไข้ไม่สบาย มารยาเรียกความเห็นใจ ผู้หญิงน่ะนะยิ่งรักด้วยแล้วใจแข็งไม่นานหรอกจ๊ะเดี๋ยวก็เปลี้ย วิ่งลงมา”
มัทรีวิ่งลงมาจริง ๆ
“นั่นไงมาจริง ๆ ด้วย” รชานนท์ว่า
“คุณยายขา คุณยายเป็นยังไงบ้าง”
“เป็นอะไร”
“อ้าวก็เมื่อกี้คุณยายจะเป็นลมไม่ใช่เหรอคะ”
เตือนใจนึกขึ้นได้ แล้วทำเป็นวูบทิ้งตัวใส่รชานนท์ทันที
“หะ..อ๋อ..เอิ๊กกก”
“คุณยายโกรธจนความดันขึ้นเลยนะคะเนี่ย อย่าเป็นอะไรนะคะคุณยาย โฮ..คุณยา” พุทราพูดแล้วร้องไห้ราวหนักราวกับเตือนใจจะสิ้นลมไปตรงหน้า
เตือนใจสะกิดกระซิบกับพุทรา
“เยอะไปแล้ว เยอะ”
“เนียนเนียนค่ะ” พุทราตอบเสียงเบา แล้วหันไปทำเสียงดังต่อ
“อย่าเป็นอะไรนะคะคุณยาย”
“คุณแม่ก็ทำเกินไปนะคะ ยัยมัทไม่ออกไปดูตารบหน่อยเหรอลูก” ติรกาทำหยอด
“แบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะ”
“อ้าว” ทุกคนเหวอไป เตือนใจเด้งตัวขึ้นมา
มัทรีหันมาหาเตือนใจ เตือนใจทำเป็นทิ้งตัวลงไปอีก พุทราเข้ามารับแทบไม่ทัน
“พี่รบจะได้รู้ว่าเรื่องระหว่างเขากับมัทมันจบลงแล้ว”
มัทรีมองออกไปทางวันรบด้วยสายตานิ่ง
พุทราพูดเบาๆ กับเตือนใจ
“จะใจแข็งไปไหนเนี่ย”
คนอื่นๆแอบสบตากันอย่างหนักใจ

เช้าวันใหม่ที่บ้านกำนันเรือง วริษราตื่นนอนแล้วเดินออกมาที่ระเบียงอย่างแปลกใจที่เห็นบ้านเงียบ
“ไปไหนกันหมด”
“พี่กำนัน กระถินไปบอกฉันว่านังริษมันมาอยู่ที่นี่...จริง ๆเหรอจ๊ะ” เสียงแม่ของวริษราดังขึ้น
“จริง อยู่บนเรือนแน่ะ”
“ฉันต้องขอโทษนะพี่ที่ลูกฉันมาสร้างความเดือดร้อนให้ ฉันจะลากมันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆพูดกันดีกว่านะ”
“แม่นะแม่ ยุ่งจริงๆ” วริษราว่า
วริษราเห็นท่าไม่ได้การตัดสินใจรีบวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วหนีออกไปอีกทาง

ส่วนทางบ้านติรกา พุทราถือถาดน้ำเต้าหู้ร้อนเข้ามา เตือนใจหยิบส่งให้ติรกา ติรการับไปแล้วเกิดอาการเหม็น แล้ววางถ้วยลงแล้วรีบยกถังขยะมาอ้วก
“เป็นอะไรน่ะกระแต”
“มันคลื่นไส้น่ะค่ะ”
“ก็ไม่ได้นอนทั้งคืนนี่คะ ทานน้ำเต้าหู้ร้อนๆ สิคะ” พุทรายื่นแก้วเข้าไปใกล้ติรกา
“ไม่เอา..มันเหม็น”
เตือนใจ รับแก้วมาดมดู
“เหม็น ก็ไม่นี่ ยัยติประจำเดือนมาหรือยังลูก”
“ยังเลยค่ะ “ ติรกาพูดแล้วก็นึกได้มองหน้าเตือนใจ รชานนท์เข้าใจทันทีรีบเข้าไปกอดติรกา
“นี่หมายความว่า...เยี่ยมมากเลยกระแต”
ติรกาเขิน
“จะใช่เหรอคะแม่”
เตือนใจหันไปพูดกับพุทรา
“แม่พุทรา ฉันจะมีหลานอีกแล้ว”
พุทราดีใจมากบอก
“คุณนนท์สุดยอดเลยค่ะ เปิดปุ๊บติดปั๊บ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ถ้ายัยมัทรู้ต้องดีใจแน่ ๆ อยากได้น้องอยู่แล้วนี่” เตือนใจว่า
“เอ่อ..พุทราว่าเคลียร์ทีละเรื่องไหมคะ ไม่งั้นที่คุณรบนั่งมาทั้งคืนก็เหนื่อยฟรีนะคะ”
“รอให้เราเคลียร์เรื่องวันรบก่อนแล้วค่อยบอกยัยมัทนะคะ”
ทุกคนมองกันอย่างรับรู้

มัทรีนั่งหัวพิงกระจกประตูระเบียงจนหลับแล้วสะดุ้งตื่น มัทรีนึกได้รีบออกมาดูที่ระเบียงเห็นวันรบยังนั่งอยู่ที่เดิม ที่ด้านล่าง เตือนใจ รชานนท์ ติรกายังนั่งเฝ้าอยู่ พุทราค่อยๆ ยื่นหน้าออกมามองเห็นมัทรีชะเง้อมาจากระเบียง
พุทรารีบรายงานเตือนใจ
“คุณมัทออกมาแล้วค่ะ”
เตือนใจรีบเดินไปในมุมที่วันรบเห็น
เตือนใจพูดเสียงเบาๆ
“ตารบ..ตารบ”
วันรบเบลอนิด ๆเพราะยังไม่ได้นอนแถมมีไข้ขึ้นมองไปทางเตือนใจ เตือนใจทำท่าใบ้ชี้ที่วันรบว่าไม่สบายแล้วทำท่าล้มให้เห็นเป็นตัวอย่าง วันรบเพ่งมอง พอเตือนใจทำให้ดูครั้งที่สองก็เข้าใจทันที วันรบทำเป็นเงยหน้าพอเห็นมัทรีก็ทำยิ้มแบบฝืน ๆ แล้วโงนเงนล้มไปกองกับพื้นทันที มัทรีตกใจ
“พี่รบไ
มัทรีรีบวิ่งลงไปทันที

เตือนใจ รชานนท์และติรกาทำเป็นนั่งที่โซฟาเพลียๆ หลับๆ มัทรีวิ่งลงมาร้อง
“พี่รบ”
มัทรีวิ่งออกไปที่สวนเข้าไปประคองวันรบ แล้วเอามือแตะหน้าผาก
“พี่รบ พี่รบ ตัวร้อนจี๋เลย พี่รบคะ”
วันรบทำเป็นเบลอๆ
“เชื่อพี่นะพี่ไม่ได้นอกใจมัท ไม่ได้” วันรบนิ่งหลับไป
“พี่รบคะ พี่รบ” มัทรีพยายามจะหาทางแบกวันรบเข้าบ้านไป
“นั่นไง บอกแล้วว่าได้ผล” เตือนใจว่า
รชานนท์ ติรกาหันไปยกนิ้วให้เตือนใจ
“พ่อคะ แม่คะ ช่วยพี่รบด้วยค่ะ”
“ได้ ๆ” รชานนท์บอก
รชานนท์กับติรกาวิ่งออกไปช่วยมัทรีหิ้วปีกวันรบ เตือนใจจะตาม แต่ชะงัก เพราะมีอาการเบลอแล้ววูบ พุทราเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามารับตัวไว้
“คุณยายขา ไม่ต้องแกล้งเป็นลมแล้วค่ะ”
“ไม่ได้แกล้งย่ะ หน้ามืดจริงๆ”
“อ๋อ...วัยชรา”
เตือนใจดึงแก้มพุทราอย่างแรง
“หยาบคาย ประคองฉันนั่งก่อนสิ”
“ยาดมหน่อยไหมคะ”
“ได้ก็ดี...”
พุทรารีบไปเอายาดมมาให้เตือนใจ เตือนใจดมยาดมแบบเต็มสูบ เสียงมือถือของพุทราดังขึ้น พุทรากดรับ
“ค่ะคุณสมภพ...อะไรนะคะ” น้ำเสียงของพุทราตกใจ
เตือนใจหันไปมองพุทรอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน
พ่อเลี้ยงจรัลบินด่วนกลับจากเมืองจีนและรีบมาดูที่ห้องเก็บเอกสารภายในบ้าน พ่อเลี้ยงจรัลถึงกับอึ้งไปที่เห็นห้องเก็บเอกสารเสียหายจากไฟไหม้ แฟ้มและสัญญาเงินกู้โดนไหม้จนกลายเป็นเศษขี้เถ้าจนหมด กลุ่มสมุนพ่อเลี้ยงมองด้วยสายตาหวาดหวั่น พ่อเลี้ยงจรัลยืนอยู่กลางห้องสีหน้าโกรธจัดแล้วพูดขึ้น
“หมดกัน เงินของฉัน หมดกัน”
พ่อเลี้ยงจรัลหันไปหาพวกสมุนแล้วชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไฟมันไหม้สัญญาพวกนี้ได้ยังไง”
ลูกน้องพ่อเลี้ยงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พ่อเลี้ยงจรัลจ้องมองด้วยแววตาเต็มไปด้วยความแค้น

ธงฉานเดินเข้ามาในบ้าน และตรงไปยังห้องรับแขกเจอกับสมภพที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางจะออกไปอย่างรีบร้อน
“เฮ้ย อาครับอา อาจะลากกระเป๋าไปไหนเนี่ย”
“ไอ้พ่อเลี้ยงจรัลมันกลับมาจากเมืองจีนแล้วน่ะสิ ขืนอยู่มันเอาตายแน่ นี่ฉันให้รุจี พาทรงสุดากับตาต้นไปหลบแล้ว”
“อ้าว ไปกันหมดแล้วผมล่ะอา”
“จะรอมันมาฝากรอยเท้าบนหน้าแกก็อยู่ไป”
“เอ้า..เรื่องอะไรจะอยู่เล่า รอด้วยสิอา”
สมภพเดินออกไปที่ประตู ธงฉานกำลังจะตาม แต่ร่างสมภพถูกถีบกระเด็นกลับเข้ามาในบ้านอีก ธงฉานตกใจเข้าไปหาสมภพ
“อา”
ธงฉานหันมองที่ประตูเห็นพ่อเลี้ยงจรัลค่อยๆลดเท้าลงและยืนหน้าเหี้ยมอยู่
“พ่อเลี้ยงจรัล” พ่อเลี้ยงว่า
“ถั่วต้ม (ถูกต้อง) แกทำฉันแสบมาก”
“ค่อยคุยกันนะครับพ่อเลี้ยง”
“บ้านอั๊วไหม้ขนาดนั้น คุยกันไม่รู้เรื่องหรอกเว้ย แค้นต้องชำแหละ”
“ชำระ” ธงฉานกับสมภพโพล่งขึ้นพร้อมกัน
“อย่างอั๊วมันต้องชำแหละลูกเดียว พาอั๊วไปหาเตียดรากาเดี๋ยวนี้”
“พ่อเลี้ยงมันพูดถึงใครอ่ะอา เตี่ยๆ ใคร”
“เตียดรากา เตียด รากาคนที่ช่วยพวกลื้อบุกไปเผาบ้านอั๊วจนวอดน่ะ พูดภาษาไทยฟังไม่เข้าใจหรือไงวะ”
“ภาษาน่ะใช่ แต่สำเนียงน่ะ..สวดยอดดด”
พ่อเลี้ยง เบิ๊ดกบาลธงฉานทันที
“ล้อเลียนอั๊วเหรอไอ้อ้วน”
“พ่อเลี้ยงจะไปบ้านติรกาทำไมครับ”
พ่อเลี้ยงกำลังจะง้างปาก แต่ลูกสมุนพูดแทรกขึ้นทันที
“คิดจะยิงกราด พังบ้าน บี้มด ตบหมาแก้แค้นให้สะใจใช่ไหม เลวจริงๆ”
พ่อเลี้ยง ฟาดหลังมือเข้าหน้าลูกน้อง ผัวะ!
“ปัญญาอ่อน ระดับอั๊วแล้วไม่ทำ...แค่นั้นหรอกเว้ย อั๊วต้องขยี้หัวใจเตียดรากาให้แหลกราญให้มันรู้ซะบ้างว่าพ่อเลี้ยงจรัลสวดยอดขนาดไหน”
ธงฉานกับสมภพมองพ่อเลี้ยงด้วยสีหน้าสยอง

วันรบอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของมัทรี มัทรีหยิบอ่างน้ำกับผ้าผืนเล็กมาชุบน้ำบิดหมาดแล้วเช็ดหน้ากับคอให้วันรบ วันรบขยับเล็กน้อย
“อืม...มัท”
มัทรีเช็ดซ้ำอย่างเบามือ วันรบจับมือมัทรีไว้ แล้วเอามาแนบหน้าและจูบเบาๆ
“มัท..มัทหายโกรธผมแล้วใช่มั้ยค๊ะ”
รชานนท์มองวันรบแล้วเกิดอาการหวงลูกสาวทันที
“เฮ้ย เกินไป เกินไป เยอะไปแล้วจะอ้วก” รชานนท์พูดแล้วก็เข้าไปดึงมือมัทรีออกจากมือวันรบทันที
“คุณพ่อคะ พี่รบไม่สบายอยู่นะคะ”
“ไอ้รบมัน” รชานนท์เกือบหลุดปากเพราะความฉุน
วันรบแอบลืมตามองหวั่นๆว่าความจะแตก พยายามจะส่งซิกให้รชานนท์แต่รชานนท์ไม่มอง ติรกาเดินเข้ามาแล้วรีบพูดแทรกขึ้นทันที
“นนท์คะ”
รชานนท์ชะงัก ติรการีบเข้ามาข้างมัทรี
“ห่วงตารบว่าอาการจะเยอะไปกว่านี้ใช่ไหมคะ มัทจ๊ะ แม่ว่ามัทไปเอาข้าวต้มกับยามาให้วันรบดีกว่านะลูก”
“ค่ะแม่”
มัทรีมองอย่างสงสัยแต่ก็ยอมออกไป มัทรีปิดประตูไม่สนิทตัดสินใจแอบดูอยู่ด้านนอก รชานนท์เดินไปเบิ๊ดหัววันรบ
“โอ้ย ป๋า ผมกำลังอ้อนมัทอยู่จะทำเสียเรื่องทำไมเนี่ย”
“ก็เกรงใจกันบ้าง เฮ้ย แอ็คติ้งว่าป่วยฉันช่วย แต่เอาเปรียบลูกฉันฉันไม่ยอมเว้ย”
“นนท์คะ จะจุ๊กจิ๊กอะไรตอนนี้เดี๋ยวยัยมัทก็มาได้ยินพอดี”
“นั่นสิครับคุณแม่ ป๋าน่ะงี่เง่า เอ๊ย งอแง หวงลูกน่ะครับ”
“ป่วยให้มันเนียนหน่อยแล้วกัน ยัยมัทจับได้โดนงอนกันหมดแน่”
มัทรีโกรธทันทีที่ได้รู้ความจริง มัทรีกำลังจะเดินออกไปเจอพุทราวิ่งขึ้นมาพอดี
“คุณมัทจะไปไหนคะ”
มัทรีไม่ตอบแต่เดินไปหน้าตาเฉย พุทรามองตามอย่างงงๆ แล้วรีบเดินเข้าไปหาติรกา
“คุณติ คุณนนท์คะ คุณสมภพโทรมาเตือนว่าพ่อเลี้ยงจรัลกำลังจะมาที่นี่ค่ะ”
วันรบ รชานนท์ และติรกาหันมองพุทราด้วยความตกใจ








Create Date : 12 เมษายน 2555
Last Update : 12 เมษายน 2555 15:42:35 น.
Counter : 431 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]