All Blog
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 1 (ต่อ)




เช้าวันใหม่ภายในห้องทำงานของติรกา พุทรากำลังวุ่นวายกับการรื้อตู้เก็บของเพื่อหาเอกสารที่ติรกาต้องการ เสียงนาฬิกาจับเวลาดังตลอดเวลา

“เอกสารสั่งซื้อจากกรุงเทพฯ อยู่ไหนว้า” พุทราบ่นพลางค้นหาอย่างร้อนรน
บนมือของติรกามีนาฬิกาจับเวลาที่กำลังนับถอยหลังจะหมดเวลา
“เจ็ด...หก..ห้า..สี่” ติรกาเริ่มนับ
พุทรายิ่งร้อนรน รีบค้นหาอย่างหน้าตาตื่น
“ใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้ว”
“สาม..สอง..หมดเวลา” ติรกากดหยุดนาฬิกาจับเวลา
พุทราเป่านกหวีดปรี๊ด!แล้วบอก
“เจอแล้วค่ะ”
พุทราส่งเอกสารให้ ติรการับมาแล้วมองหน้าพุทรา
“ช้าไปหนึ่งวินาที ตัดสองร้อย”
พุทราตาโต เป่านกหวีดปรี๊ดๆๆ
“ขอค้านค่ะ พุทราหาเจอทันเวลา”
ติรกาพูดหน้านิ่ง
“ช้าไปหนึ่งวินาที”
พุทราโอดครวญทันที
“คุณติคะ เดือนนี้พุทราโดนไปเกือบพันแล้วนะคะ”
“สามพันต่างหาก เงินเดือนหมื่นแปด บวกโอทีสองพัน แต่เธอทำงานช้า พลาด จากนี้จนถึงสิ้นเดือนก็คงจะพลาดอีกสัก สามพันสิ้นเดือนนี้ก็คงจะเหลือหมื่นสี่ หักภาษีห้าเปอร์เซ็นต์ ก็เหลือหนึ่งหมื่นสามพันสามร้อยบาทถ้วน”
พุทราเป่านกหวีดถี่ยิบประท้วงด้วยความตกใจ ติรกายกมือขึ้นชี้เตือน
“สองร้อย! และถ้ายังไม่หยุดเป่าจะโดนอีกปรี๊ดละร้อย”
พุทราหน้าจ๋อยลงทันที แต่ไม่วายลืมตัวตอบรับด้วยนกหวีด ปรี๊ด!!
“อีกหนึ่งร้อย จัดการเก็บเอกสารที่เธอรื้อออกมาให้เรียบร้อย”
พุทราจะรับคำด้วยการเป่านกหวีดอีกตามความเคยชิน ติรกาชี้ ส่งสายตาเตือน พุทรารีบเอานกหวีดออกจากปาก แล้วหันไปเก็บเอกสาร พุทราชะงักเมื่อเห็นอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่กองอยู่บนพื้น พุทราเผลอหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่ตั้งใจ
"ว้าว ... อัลบั้มรูปงานแต่งของคุณติรกานี่คะ"
“แล้วไง" ติรกาถามเสียงเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ
"คุณติรกาใส่ชุดไทยสวยมากค่ะ แต่หน้าเจ้าสาวเศร้าไปหน่อยนะคะ"
พุทราโชว์รูปคู่ของติรกากับเจ้าบ่าวขณะรอรดน้ำสังข์ให้ติรกาดู ติรกามองรูปนั้น ราวกับตกอยู่ในภวังค์ เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง

บรรยากาศงานแต่งงานแบบไทย ๆ เรียบง่ายจัดขึ้นภายในบ้าน มีแขกเหรื่อมาร่วมงานพอสมควร พ่อแม่ของหมอนพ รดน้ำสังข์และอวยพรให้ติรกากับหมอนพผู้เป็นเจ้าบ่าว
"ขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันตลอดไป" พ่อหมอนพกล่าวอวยพร
"ขอบคุณครับพ่อ"
หมอนพก้มกราบขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสุดๆแสนจะชื่นมื่น ติรกาก้มกราบพ่อแม่สามี แอบสะอื้นน้ำตาคลอ เหมือนชอกช้ำจำใจต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และแค้นรชานนท์ที่ทอดทิ้งเธอกับลูกในท้อง หมอนพเอื้อมมือมากุมติรกา ยิ้มด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจ
"ผมอยู่เคียงข้างคุณเสมอนะ... ติรกา"
ติรกามองตอบหมอนพด้วยสายตาเศร้าและรู้สึกผิด
ติรกาหลบมาร้องไห้อยู่มุมหนึ่งซึ่งลับสายตาแขกในงาน เพราะไม่สามารถฝืนความรู้สึกอัดอั้นไว้ได้อีกต่อไป
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้...ทำไม"
เตือนใจ เดินเข้ามาเห็นพอดี จึงปลอบใจลูกสาวด้วยการร้องเพลงและวางท่วงท่าลีลาศเต้นไปรอบ ๆ โจ๊ะ ๆ
"สุขกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม อย่ามัวอาลัย คิดร้อนใจไปเปล่า...เกิดมาเป็นคน อดทนเถอะเรา อย่ามัวซมเซา ทุกคนเราทนมัน"
ขณะเตือนใจร้องเพลง เตือนใจจ้องติรกาตลอดเวลา เตือนใจต้องการทำทุกอย่างให้ติรกาลุกจากความทุกข์ ทำใจกับเรื่องราวต่างๆให้ได้ เตือนใจหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าจะเข้าไปซับน้ำตาให้ลูก ติรกาดึงผ้าเช็ดหน้าไปจากมือแม่ ด้วยความไม่พอใจ
"ไม่ใช่เวลาตลกนะแม่"
“มันก็ไม่ใช่เวลาร้องไห้ในงานมงคลเหมือนกัน"
"หนูสงสารพี่หมอ หนูไม่สมควรแต่งงานกับเค้า"
เตือนใจ พูดเสียงจริงจัง
“อดีตมันจบไปแล้ว วันนี้มีชีวิตใหม่อยู่ในตัวลูก ทำให้ดีที่สุดเพื่อเค้าสิ"
เตือนใจพูดพลางชำเลืองสายตาไปที่ท้องติรกา ติรกาได้แต่ลูบท้องตัวเอง เศร้า และเจ็บปวดใจมาก

ติรกาปาดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาขณะมองรูปในงานแต่งงานของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พุทราร้องไห้กระซิก ๆ และสั่งน้ำมูกใส่ผ้าเช็ดหน้าดังปื้ด
“แง๊!!” พุทราแหกปากร้องลั่น
ติรกาหันขวับไปถาม
“ร้องไห้ทำไม"
"เห็นคุณติร้อง พุทราก็อดร้องด้วยไม่ได้"
"รู้เหรอว่าเรื่องอะไร"
"ดราม่าไว้ก่อน แม่สอนไว้ค่ะ"
พุทราสั่งน้ำมูกอีกหลายปื้ดใหญ่ จนติรกาเอือมระอา
“อะไรดลใจนะ”
“ดลใจให้คุณติแต่งงานเหรอคะ”
“ดลใจให้รับเธอเข้าทำงานต่างหาก ปวดหัว!”
ทันใดนั้น เสียงสตาร์ทรถตามด้วยเสียงปัง! ดังขึ้นพอดี ติรกากับพุทราตกใจและรีบวิ่งออกไปทันที

บริเวณหน้าบ้านติรกา เตือนใจพยายามขับรถเต่าคันเก่ามากออกไปหน้าประตูบ้าน แต่รถกลับกระตุกอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงปังๆๆ ราวกับรถจะพัง เตือนใจยังเหยียบคันเร่งจะตรงไปที่ประตู แต่พอรถกระตุก เตือนใจก็ตกใจหักพวงมาลัย ทั้งที่ยังเหยียบคันเร่ง รถเต่าคันแก่กำลังจะพุ่งเข้าหาเสาประตูรั้ว
ติรกากับพุทราออกมาเห็นพอดี พุทราคว้านกหวีดขึ้นเป่าหวังให้หยุด เสียงดังปิ๊ด ปิ๊ด ปรี๊ดด!!
ติรกาตกใจตะโกน
“เหยียบเบรก แม่! เบรก!”
เตือนใจเหยียบเบรกสุดตัว รถเบรกเอี๊ยดหยุดห่างจากเสาประตูรั้วไม่เกินสองนิ้ว ติรกากับพุทรารีบวิ่งไปหาเตือนใจทันที ติรกาพยายามเปิดประตูรถ แต่ติดล็อค
“แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า แม่!”
เตือนใจ เปิดประตูลงมาท่าทางยังตกใจแต่ยังยิ้มร้องเพลงซะอย่างนั้น
“ไม่เป็นไร..บอกเลยไม่เป็นไร”
ติรกาจ้องเตือนใจเขม็ง
“ติไม่ขำด้วยนะคะแม่”
เตือนใจถึงกับหน้าจ๋อยทันที
“คือ..แม่ว่าจะไปตลาดจะไปซื้อขิงมาทำน้ำขิงให้ติน่ะ”
“ก็ให้คนขับรถพาไปสิคะ ทำไมแม่ต้องขับไอ้เศษเหล็กนี่ออกไปเอง”
“แม่ยังแข็งแรงอยู่นะติ”
เผื่อคุณท่านจะลืม ล่าสุดความดันร้อยแปดสิบ เบาหวานน้ำตาลขึ้นเกือบสองร้อยนะคะ”
พุทราเตือนติดตลก
“แม่พุทรา!”
เตือนใจทำตาเขียวใส่พุทราที่สะดุ้งหลบหลังติรกา
“แม่อายุเยอะแล้วนะคะ เกิดเป็นลมไปไม่มีใครช่วยทันจะทำยังไง” ติรกาบอก
“แม่อยากทำน้ำขิงให้แก”
“ขิงมันยังไม่สูญพันธุ์หรอกค่ะแม่ จะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แม่น่ะมีคนเดียวในโลก ติหาไม่ได้อีกแล้วนะคะ แม่คิดถึงใจติบ้างไหม ว่าติจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีแม่”
“ติ..แม่ขอโทษ”
“พุทรา..เอาไอ้เศษเหล็กนี่ไปขายซะ”
“ไม่นะติ..นี่มันรถที่แม่เก็บเงินซื้อเองคันแรกในชีวิตแม่นะ”
“แต่ถ้าเอามันไว้แม่ก็ต้องแอบขับอีกอยู่ดี”
ติรกาพูดยังไม่ทันจบ เห็นเตือนใจหน้าเศร้าก็ใจอ่อนบอก
“ก็ได้ค่ะ แม่อยากจะขับอยากจะทำอะไรเองก็ได้ แต่ถ้าแม่จะขับต้องมีคนไปด้วยตลอด ติถึงจะยอม ตกลงไหมคะ”
“ยอม..ฉันยอมเจ็บปวด ยอม..ร้าวรวดอุรา” เตือนใจฮัมเพลงอีก
“แม่คะ ติ..”
เตือนใจรู้ทันชิงบอก
“ติไม่ขำ....ก็ได้ ๆ แม่จะไม่ไปไหนมาไหนคนเดียว พอใจหรือยังจ๊ะลูกสาวบังเกิดเกล้า”
ติรกาเห็นเตือนใจเริ่มงอนจึงยิ้มเข้ากอด
“แม่ติน่ารักที่สุดในโลกเลย”
“แต่ติเป็นลูกสาวเผด็จการที่สุดในโลกเลย”
“เพื่อแม่...ติยอม”
“ยอมแม่ได้ ยอมหลานบ้างดีไหม”
“เพื่อลูกนี่ล่ะคะ ติถึงไม่ยอม”
เตือนใจกับพุทรามองติรกาด้วยความหนักใจว่า ศึกระหว่างแม่ลูกคู่นี้คงไม่สงบลงง่าย ๆ เป็นแน่

รชานนท์ลุกขึ้นโวยใส่วันรบในห้องทำงาน
“ไม่ๆๆ ฉันไม่ยอมตกไหน้ำปลาปีศาจแน่ ๆ” รชานนท์บอก
“ป๋าก็เห็นตัวจริงว่าที่แม่ยายผมแล้วป๋าจะตะลึง” วันรบบอก
“เหี่ยวจนตะลึง ย้วย หย่อน ยาน บรื๋อออ ฉันไม่ยอมไปจีบแม่ยายแกเด็ดขาด เกิดจับแล้วเนื้อหลุดติดมือมา โอ้ย ไม่เอา ไม่เอา!”
“ป๋า เราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันนะ ป๋าต้องช่วยน้องสิ”
“งั้นฉันเจี๋ยนแกทิ้งจากชีวิตฉันตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“ป๋า...”
“หยุดเลย ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน” รชานนท์พูดโวยตัดบท
จังหวะนั้น เสียงพชรดังเข้ามาพอดี
“เฮฮาอะไรกัน เสียงดังไปทั้งบริษัทเลยวะ”
พชรเดินจิบกาแฟเข้ามาพร้อมกับกาแฟอีกแก้ววางตรงหน้ารชานนท์
“ไอ้รบมันกวนใจผมน่ะพี่ระ แล้วแม่บ้านไปไหน ทำไมพี่ระต้องบริการผมเองขนาดนี้” รชานนท์มองแก้วกาแฟที่พชรยื่นให้
“ล้างส้วมอยู่ แต่ถ้าอยากกินฝีมือแม่บ้านพี่จะไปตามให้”
“งั้นก็ไม่ต้องหรอกครับพี่ ผมยอมกินกาแฟของพี่ระดีกว่า”
รชานนท์ยกกาแฟขึ้นดื่ม วันรบสบตากับพชร พชรยิ้ม วันรบมองสงสัยว่ายิ้มอะไร รชานนท์ดิ่มกาแฟจนหมดแก้ว
“พี่ระ ผมออกแบบโปรเจ็คท์ของคุณ...เอ๊ะ!”
รชานนท์จะลุกขึ้นแต่แค่ก้าวเดียวก็มึนเห็นบรรยากาศรอบๆเบลอไปหมด รชานนท์ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ตัวเดิมหลับผลอยไปเลย
“ป๋า” วันรบร้องเรียก
พชรมองนาฬิกาแล้วพูดขึ้น
“หลับตามเวลาเป๊ะ”
“พี่ระ..ทำไม”
พชรยิ้มใส่วันรบ
“ตอนนี้ถึงมันไม่อยากไปมันก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว”
วันรบยิ้มเข้าใจทันที
“ขอบคุณมากครับพี่ระ”
จับคู่เสร็จแล้วแกก็เลิกบ้า รีบกลับมาจัดการโปรเจ็กท์คุณแก้วให้เรียบร้อยด้วย ก่อนฉันจะเจ๊ง” พชรบอก
“นึกว่าทำเพื่อน้องที่แท้ก็ห่วงงาน” วันรบบอก
พชรเหล่วันรบแล้วเขย่ารชานนท์
“ไอ้นนท์ ตื่น”
อย่าครับพี่ รบมันปากเสีย รบผิดไปแล้ว อย่าปลุกป๋านะพี่ระ” วันรบบอก
วันรบรีบเข้าไปประคองรชานนท์ก่อนที่พชรจะเปลี่ยนใจ
“ไอ้รบ..เพื่อความปลอดภัย”
พชรยิ้มเจ้าเล่ห์ ชูเชือกขึ้นตรงหน้า วันรบยิ้มรับอย่างเข้าใจ

มัทรีคุยโทรศัพท์กับวันรบผ่านสมอล์ทอล์ค ขณะที่กำลังจะขับรถแล่นเข้ามาบนถนนที่จะเข้าบ้าน
"มัทใกล้ถึงแล้วค่ะ รบแน่ใจหรือว่าจะพาป๋านนท์มาเจอมัทกับแม่ที่นี่"
"แน่ยิ่งกว่าแช่ไวน์ในไหน้ำปลาของว่าที่แม่ยายอีกครับ"
วันรบขับรถอีกคันหนึ่ง โดยมีรชานนท์นอนหลับอยู่
“อีกสักห้านาทีผมก็ถึงหน้าบ้านแล้วจ๊ะ”
รชานนท์เริ่มขยับรู้สึกตัว แต่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นป้ายบนทางหลวง “ขอต้อนรับสู่จังหวัดราชบุร” ครั้นรชานนท์จะขยับตัวกลับพบว่า ตัวเองถูกมัดเอามือไพล่หลัง ทั้งถูกมัดปากอยู่ด้วย รชานนท์หันไปทางคนขับเห็นว่า วันรบกำลังขับรถ รชานนท์ดิ้นขยับ
“ตื่นแล้วเหรอป๋า แป๊บเดียวก็จะได้เจอเนื้อคู่แล้ว...รับรองป๋าเห็นแม่ยายผมแล้วจะต้องจู้ฮุกกรู้!”
รชานนท์ยิ่งดิ้นขลุกขลักจะยกเท้ามายันวันรบ วันรบต้องจับรชานนท์ไปด้วย มือก็ขับรถไปด้วย วุ่นวายมากเพราะรชานนท์ดิ้นไม่หยุด มัทรีที่ยังไม่ได้วางสายไป ฟังเสียงที่ลอดผ่านเข้ามาทางสายอย่างสงสัย
“รบคะ”
วันรบตวาดราชนนท์
"อยู่เฉย ๆ"
“มัทยังไม่ได้ขยับตัวเลยค่ะ" มัทรีพูดอย่างงงๆ
"เอ่อ ผมไม่ได้หมายถึงมัท" วันรบบอกมัทรีและตวาดรชานนท์อีก
"อย่าดิ้น!”
"อะไรกันคะรบ มัทงงไปหมดแล้ว"
"เอาเป็นว่า อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันครับทูนหัว" วันรบด่วนสรุปและวางสายไปดื้อๆ
"เดี๋ยวสิคะรบ"
มัทรีขับรถมาจอดหน้าบ้าน และเริ่มวิตกกังวล

-รชานนท์ยังคงดิ้นและพยายามจะพูดผ่านผ้ามัดปาก
“อ่อย...ไอ้อ๊บ” รชานนท์ดิ้นรุนแรงหนักขึ้น
วันรบจำใจดึงผ้าที่ปิดปากรชานนท์ลง ยังไม่ทันถามอะไร รชานนท์ก็โวยวายทันที
"ไอ้น้องตัวแสบ แกมัดมือชกฉันเลยเหรอวะ”
“เอาน่า เดี๋ยวจะพาไปดูนมสาวดีมะ”
"ไม่เอา! ฉันไม่อยากดูนมสาวเหลือน้อยของว่าที่แม่ยายแก"
รชานนท์ดิ้นรนขัดขืน ทั้งศอก ทั้งเตะประตูรถ จนวันรบเริ่มไม่มีสมาธิขับรถ
"อยู่นิ่ง ๆ สิป๋า"
"ฉัน - จะ - กลับ - บ้าน" รชานนท์ย้ำ
รชานนท์เตะประตูรถตึงๆๆ สุดป่วนจนวันรบตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าไปจอดรถข้างทาง เบรคจนหัวทิ่มไปทั้งคู่
"หยุดนะ! ไม่งั้นผมเอานมอัดหน้าพี่แน่”
"นมเหี่ยวๆ แม่ยายแกฉันไม่กลัวหรอกเว้ย”
“ผมหมายถึงนมนี่ต่างหาก”
วันรบคว้าแกลลอนใส่นมสดขึ้นมาขู่รชานนท์ รชานนท์ชะงัก ตาเหลือกไปทันที
"อย่าเล่นบ้า ๆ นะไอ้รบ แกก็รู้ว่าฉันแพ้นมวัว ถึงตายนะเว้ย”
"ถ้าป๋าไม่นิ่ง ผมเอาจริงแน่"
รชานนท์เริ่มหวาดหวั่น เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของวันรบ

ภายในบ้าน มัทรีลงนั่งโซฟาโดยมีเตือนใจนั่งอยู่ด้วย เตือนใจหันไปสั่งเด็กรับใช้
“จัน...เอาช็อกโกแลตเย็นมาให้คุณมัทเร็วยายมัท ทำไมกลับมาบ้านไม่โทรบอกยายก่อน”
เด็กรับใช้วิ่งเอาช็อคโกแลตเย็นมาวางให้
มัทรีหยิบมาดื่ม
“วันนี้อารมณ์แม่เป็นไงบ้างจ๊ะยาย"
"ก็จุกจิกตามประสาเค้านั่นแหละ"
มัทรีถอนหายใจเฮือก เริ่มวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"มีอะไรหรือยายมัท ท่าทางล่อกแล่กชอบกล"
มัทรีเริ่มคันตามเนื้อตัว เกาทั้งคอ ทั้งแขน
“ก็... ทำไมมันคันนะ”
เตือนใจมองมัทรีที่เริ่มมีผื่นแดงแล้วตกใจ เตือนใจตะโกนเรียกเด็กรับใช้
“จัน! ยัยจัน”
จันวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน
“ขา คุณท่าน”
“ช็อคโกแลตนี่แกใส่นมหรือเปล่า”
“ใส่สิคะ ก็..” จันบอก
“นังบ้า คุณมัทเขาแพ้นม”
“ตายแล้ว จันลืมค่ะ”
มัทรียิ่งเกาคัน
“ยาแก้แพ้ล่ะยัยมัท ยาอยู่ไหน”
“ในกระเป๋าค่ะ”
เตือนใจโวยคนรับใช้ด้วยความห่วงหลาน
“ไปเอาน้ำมาให้คุณมัทเร็วสิ!”
จันลนลานวิ่งออกไป เตือนใจหยิบกระเป๋ามาให้มัทรีหยิบยา

วันรบเอาขวดพลาสติกใส่ใหญ่ ตัดกลางเป็นแก้วใส่นมไว้เกือบเต็ม แล้วเจาะรูห้อยเชือกโยงมาจากที่จับด้านบนข้างในประตูรถ ปากแก้วมีเชือกมัดเป็นห่วงคล้องไว้แล้วโยงมาที่ตัวของรชานนท์ รชานนท์มองแก้วนมที่ห้อยอยู่อย่างสยอง ๆ วันรบจะออกไป
"แกจะทิ้งฉันไว้อย่างนี้น่ะเหรอไอ้รบ"
"รอแป๊บเดียว เดี๋ยวผมมารับ"
"แก้มัดฉันก่อนสิวะ"
“ผมไม่ปล่อยให้ว่าที่พ่อตาผมลอยนวลหรอกป๋า..เลิกหวังได้เลย”
"โธ่... ไอ้" รชานนท์ทำท่าจะลุก
“อ๊ะ ๆ ถ้าป๋าขยับ มันเทโครมลงมา ผมไม่รู้ด้วยนะ เนี่ยนมจากเต้านมโคสดแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์” วันรบขู่
รชานนท์ถึงกับชะงัก แค้นวันรบเต็มที่
"ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ตัวแสบ"
"ฝากได้ แต่ไม่ให้เอาคืน เตรียมเป็นพ่อตาผมได้เลย..ป๋า..ฮ่ๆๆ”
วันรบหัวเราะเยาะเย้ย แล้วรีบผละไป
"เดี๋ยวไอ้รบ กลับมาก่อน ! โธ่เว้ย!” รชานนท์ร้องตาม
รชานนท์หัวเสีย ขณะกวาดสายตามองรอบตัวอย่างไม่ยอมแพ้
"ฉันยอมตาย แต่ไม่ยอมเอาแม่ยายแกเป็นเมียแน่"
รชานนท์พยายามจะแก้มัดข้อมือตัวเองอย่างระมัดระวังที่สุดแต่ก็เผลอกระชากสุดแรง จนเชือกที่คล้องปากแก้วนมเอียงแล้วเทลงหน้ารชานนท์
“เฮ้ยๆๆ” รชานนท์ร้องขึ้น
รชานนท์กัดกรามแน่นด้วยความแค้น
“ไอ้รบ! แกเละแน่!”

ติรกาโยนดินเหลวลงกับพื้นของโรงงานโอ่งติรกาด้วยความโมโห พุทรายืนอยู่ข้าง ๆ
"ผสมดินเละเป็นโจ๊กแบบนี้ โอ่งแม่เตือนก็ไม่ได้มาตรฐาน เอาดินชุดนี้ไปเข้าเครื่องนวดผสมใหม่ทั้งหมด"
พุทราเป่านกหวีดชี้สั่งการ คนงานสองคน กุลีกุจอทำตามคำสั่งทันที
ติรกาหันไปมองบรรยากาศภายในโรงงานโอ่งที่กว้างขวางและใหญ่โต แบ่งเป็นโซนใหญ่ในการทำงานปั้นโอ่ง ที่เก็บและพักดินสำหรับการปั้น แผนกลงสี และแผนกเตาเผางาน ก่อนย้ำคนงานทุกคน
"ขอให้ทุกคนรักษาคุณภาพงานทุกชิ้นให้ดีที่สุด โอ่งของเราจะต้องแข็งแรง ทนทานใช้ได้นานหลายชั่วอายุคน ภายใต้คอนเซ็ปท์...”
"โอ่งแม่เตือน...กว้างไกล เก็บน้ำ..ทั่วโลก" พุทราต่อประโยคของติรกาด้วยเสียงดังฟังชัด
พุทราเป่านกหวีดรับกและนำตบมือ คนงานต่างปรบมือภาคภูมิใจในสโลแกนของโอ่งแม่เตือน

รชานนท์เดินหลงเข้ามาในโรงงานโอ่ง ใบหน้ารชานนท์เต็มไปด้วยผื่นแดง และเกายุกยิกด้วยความคัน
"ฮึ่ม... ไอ้น้องบังเกิดเกล้าตัวแสบ แค้นนี้ต้องเอาคืน"
รชานนท์สังเกตเห็นโอ่งขนาดน้อยใหญ่หลากหลายรูปแบบ รู้สึกชื่นชม และเดินดูเพลินไปเรื่อย ๆ

ติรกาปรี่เข้าไปบ่นคนงานปั้นโอ่งขนาดเล็กบนแป้นหมุน ตรงโซนปั้นทันที
"กดดินบนแป้นให้บานออก หนาประมาณข้อนิ้วก็พอ ประคองดินด้านข้างให้ขึ้นสูงอีกหน่อย แล้วค่อยแต่งให้เรียบ"
คนงานคนหนึ่งปั้นโอ่งอย่างเงอะงะเหมือนยังไม่คล่อง ติรกาจึงแทรกตัวเข้าไปปั้นดินบนแป้นหมุนให้ดู ด้วยความคล่องแคล่ว ชำนาญมาก
"กดดินเส้นให้บรรจบกับผนังโอ่งแบบนี้ เห็นมั้ย... แล้วค่อย ๆ รีดด้วยสันมือ กับผ้าชุบน้ำ"
พุทราเห็นแล้วทึ่งในตัวติรกาทันที
“คุณติรกาเก่งสมเป็นเจ้าแม่วงการโอ่งไทยจริง ๆ"
คนงานพยายามปั้นตาม แต่ไม่สำเร็จ สายตาของติรกาเริ่มฉุนเฉียวขึ้น พุทรารู้สึกได้ถึงสายตาอำมหิตของเจ้านาย รีบหันไปเป่านกหวีดเรียกคนงานอย่างรู้งานทันที
“เธอเป็นคนงานใหม่ใช่มั้ย ไปฝึกปั้นดินอีกรอบดีกว่า ตามฉันมาทางนี้"
พุทรากวักมือกระซิบบอกคนงานคนอื่นด้วย พุทราขยิบตาส่งสัญญาณอันตราย คนงานคนอื่นๆ รีบเลี่ยงตามพุทราไปทันที ติรกาพยายามสงบอารมณ์สักพัก แล้วค่อยๆนั่งลงบรรจงปั้นโอ่งบนแป้นหมุนอย่างมีสมาธิ รชานนท์เดินเข้ามาในบริเวณด้านข้างติรกา ทันทีที่เห็นหน้าติรกาได้อย่างชัดเจนถึงกับอึ้งไปในทันที
“พุทราเอาฟองน้ำเปียกมาสิ"
ติรกาออกปากสั่งโดยไม่หันมามอง คิดว่ารชานนท์คือพุทรา รชานนท์เดินเข้าไปหยิบฟองน้ำเปียกส่งให้ติรกา เหมือนคนเพ้อ ๆ ที่ตกอยู่ในภวังค์ที่ได้เห็นหน้าคนรักเก่าอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด อารมณ์ของรชานนท์ตอนนี้เหมือนกับคนที่เพิ่งจะเจอรักแรกพบ ติรการับฟองน้ำไปรีดดินปั้น โดยไม่หันไปใส่ใจรชานนท์

วันรบรีบเข้ามาบอกมัทรีและเตือนใจที่หน้าโรงงานด้วยความแปลกใจ
"ป๋านนท์ไม่ได้อยู่ที่รถ หรือจะหนีกลับไปแล้ว"
"ก็ดีค่ะ จะได้ไม่มีปัญหา"
"โธ่มัท ผมอุตส่าห์หลอกล่อป๋ามาถึงราชบุรี ถ้าปล่อยให้กลับไปง่าย ๆ ก็ผิดแผนหมดสิ"
"แผนจีบว่าที่แม่ยายให้พี่ชายคนละฝาของคุณ อาจทำให้แม่ฉันสติแตกมากกว่าเดิมนะคะ...รบ"
“แต่ผมเชื่อมั่นนะ...สายตาปิ๊งรักของป๋านนท์ ต้องหักเหลี่ยมแม่ยายผมได้”
"ท่าทางป๋านนท์คงจะมีอะไรดีบ้างล่ะ พ่อรบถึงได้สนับสนุนเต็มที่ขนาดนี้" เตือนใจบอก
"มีดี...สมสโลแกน รักนิรันดร์ฟันแล้วทิ้ง!”
เตือนใจกับมัทรีหันขวับมามองวันรบ วันรบสะดุ้งรู้ว่าตัวเองหลุดไปจึงรีบแก้ตัว
“แหะๆๆ ไม่ใช่ ผมพูดผิด รักนิรันดร์ ฟันเรียงกันสวย" วันรบยิ้มกว้างโชว์ฟัน
มัทรีค้อนตามองวันรบ รู้ทัน แต่ไม่อยากชวนทะเลาะ
“ป๋านนท์คนนี้ชื่อเต็ม ๆ ชื่ออะไรนะ” เตือนใจถาม
“รชานนท์ครับ”
“รชานนท์...ชื่อคุ้นๆ นะ”
พุทราเดินผ่านมา หันรีหันขวางเหมือนมองหาใครบางคน
"มองหาใครหรือแม่พุทราเชื่อม" เตือนใจถาม
"มีคนงานเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในโรงงานเราค่ะ แต่ไม่รู้หายไปไหนแล้ว" พุทราบอก
มัทรีกับวันรบหันขวับมองกัน และพูดพร้อมกัน
"ป๋านนท์ ”
พุทรายืนด้วยอาการงง อย่างไม่เข้าใจ

รชานนท์ยังคงเฝ้ามองติรกานั่งปั้นโอ่ง ด้วยใบหน้าเปี่ยมความสุข รชานนท์มองติรกาใช้เหล็กแหลม กรีดลวดลายบนผนังโอ่ง อย่างอ่อนช้อย งดงาม จนยิ้มเพ้อและเริ่มจินตนาการกับภาพที่เห็นตรงหน้า
...ติรกานั่งปั้นโอ่งอยู่เริ่มรู้สึกว่ามีคนมานั่งซ้อน ติรกาหันมายิ้มให้รชานนท์ รชานนท์เลื่อนมือไปตามแขนติรกาช่วยกันปั้นโอ่ง นัวเนียสอดนิ้วกันสุดชีวิต...
รชานนท์กำลังยืนยิ้มเคลิ้มคนเดียว

"ลายบนหน้าใช้เหล็กกรีดไม่ได้ ต้องใช้หวีหัก" ติรกาพึมพำกับตัวเอง
ติรกาหันมาบอกพุทราเพื่อขออุปกรณ์ แต่กลับเจอรชานนท์ ติรกาตะลึง เธอตกใจจนหยุดแป้นหมุนกะทันหัน ทำให้โอ่งปั้นกลิ้งตกลงพื้น ดังตุ้บ !
ติรกาลุกขึ้นมามองอย่างอึ้งคิดไม่ถึง
“คุณ...”
"สวัสดีครับ...”
“คุณ..” ติรกาเหมือนเคลิ้มในความหล่อของรชานนท์
สองคนต่างเหมือนมีแรงดึงดูดเข้าหากัน ติรกาวิ่งเข้าไปหารชานนท์ รชานนท์อ้าแขนเตรียมกอด ติรกาโผเข้าเหวี่ยงหมัดชกเข้าหน้ารชานนท์ผัวะ! รชานนท์ผงะไปและรีบตั้งสติแล้วพูดออกไป
“กระแต คุณจำผมไม่ได้เหรอ”
“ผู้ชายสารเลวอย่างคุณ ฉันจำไม่มีวันลืม”
รชานนท์แสดงความดีใจเข้าไปจับมือ “กระแต”
ติรกาสะบัดมือแล้วเดินหนีไป

“กระแต เดี๋ยวสิครับ กระแต!”
รชานนท์วิ่งตามติรกาออกมาเจอวันรบ มัทรี พุทรา และเตือนใจเข้าพอดี

"ป๋าไปไหนมา ผมตามหาตั้งนาน" วันรบถาม
รชานนท์หันไปไหว้เตือนใจ พร้อมกับยิ้มให้มัทรี แล้วหันขวับมาถามวันรบอย่างร้อนรน
"เห็นกระแตมั้ย"
"กระแตไหน?” วันรบถามอย่างงงๆ
"เอากระรอกแทนได้มั้ย สวนแถวนี้มีเยอะ" เตือนใจบอก
"ผมหมายถึงกระแตจริง ๆ ครับ"
ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นนัดหนึ่ง วันรบ มัทรี รชานนท์ เตือนใจ พุทราต่างผวาด้วยความตกใจ
"ว้าย... เกิดอะไรขึ้นคะ" มัทรีร้องขึ้น
"ใครจุดประทัดเช็งเม้งรึเปล่า" พุทราถาม
เตือนใจพูดประชดทันที
"พลุลอยกระทงมั้ง"
ขณะที่ทุกคนมองกันเลิ่กลั่กเพื่อหาที่มาของเสียงปืน ติรกาก็ก้าวออกมาพร้อมปืนยาวในมือ
"ตายเสียเถอะ ไอ้สารเลว!”
ทุกคนหันมองมามองหน้ากัน เพราะไม่รู้ว่า คนที่ติรกาด่าเป็นใครกันแน่ ติรกาจ่อปืนเล็งไปที่รชานนท์ เตรียมเหนี่ยวไก
"เฮ้ย...!!” รชานนท์ร้องขึ้น
มัทรีตกใจ
"อย่าค่ะแม่!”
ช้าไปแล้ว ติรกายิงปืนเปรี้ยง! รชานนท์กระโดดหนีไปหาวันรบ ติรกายิงอีกเปรี้ยง! วันรบโผล้มไปอีกทาง รชานนท์ตามมาทับ
“โอ้ย ป๋าโดดตามมาทำไมเนี่ย แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“แกทำฉันซวยแล้วไอ้รบ พาฉันมาโดนยิงด้วย”
เปรี้ยง! เสียงปืนดังขึ้นอีก วันรบกับรชานนท์กระโดดแยกกันออกไป ติรกายกเล็งไปทางรชานนท์ วันรบมองตาม
“แม่เขาจะยิงป๋าไม่ใช่ผม!”
เปรี้ยง! รชานนท์เห็นว่าตัวเองเป็นเป้าแน่ก็ออกวิ่งทันที
“ไอ้รบ จับตัวมันไว้!” ติรกาสั่ง
วันรบบ้าจี้วิ่งตาม รีบตะครุบตัวรชานนท์ทันควัน
"ไอ้รบปล่อย!” รชานนท์บอก
วันรบปล่อยตามคำสั่งรชานนท์
"ฉันบอกให้จับ"
"ป๋าบอกให้ปล่อย"
"จับมัน!” ติรกายืนยัน
"ปล่อยฉัน!” รชานนท์บอก
วันรบหมดความอดทนและเริ่มโวย
"โว้ย... จะเอายังไงกันครับ"
ติรกากับรชานนท์ ยังคงยืนยันในคำพูดของตัวเอง ทั้งจับและปล่อย
มัทรีตะโกนขึ้นทันที
“รีบหนีทั้งคู่เลยค่ะ เดี๋ยวแม่ก็ยิงม้ามทะลุหรอก"
ติรกาเหนี่ยวไกปืนยิงอีกเปรี้ยง... คราวนี้กระสุนพุ่งผ่านตัวรชานนท์ไปอย่างเฉียดฉิว รชานนท์กับวันรบวิ่งกระเจิงหนีไปด้วยกัน

วันรบ รชานนท์วิ่งหนีมาทางข้างบ้านที่มีโอ่งใบใหญ่ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งสองวิ่งหาทางรอดให้ควั่ก ติรกาวิ่งตามมา จ่อปืนตามยิงรชานนท์
รชานนท์กับวันรบกระโดดหนีลงโอ่งใบใหญ่ไปด้วยกัน ติรกาตามเอาปืนไปจ่อในโอ่งไปที่รชานนท์กับวันรบกระโดดลงไป ชะงัก เมื่อไม่เจอใคร
วันรบกับรชานนท์โผล่หัวขึ้นมาจากโอ่งคนละใบ ข้าง ๆ กัน ยิ้มเย้ย...หุหุ ติรกาตามไปยิงก็ไม่เจออีก
วันรบกับรชานนท์ผลุบ ๆ โผล่ ๆ จากโอ่งใบใหญ่บริเวณใกล้เคียง ติรกาวิ่งตามจนเวียนหัว ก่อนเปลี่ยนมานั่งเฉย ๆ ปล่อยให้วันรบกับรชานนท์ผลุบโผล่กันเองสองคน โดยไม่รู้ตัวว่าติรกาเข้ามาข้างโอ่งที่วันรบโผล่ขึ้นมา ติรกายกปืนขู่วันรบชะงัก
“มัน อยู่ไหน!” ติรกาถาม
วันรบเหลือบมองโอ่งข้างๆ เห็นรชานนท์กำลังจะโผล่แล้วก็ชะงัก รชานนท์ส่งซิกให้วันรบว่าอย่าบอก อย่าบอก!
“ไอ้วันรบ”
วันรบจนหนทางเอามือหนึ่งขึ้นปิดตาแล้วชี้ไปที่โอ่งรชานนท์
“ไอ้น้องทรยศ!”
รชานนท์ลุกขึ้นจะปีนออกแต่ไม่ทัน ติรกาหันมายกปืนขู่รชานนท์
วันรบ มัทรี เตือนใจ พุทรามองเหตุการณ์ลุ้นระทึก
“กระแตจ๋า..นนท์ว่าเราค่อยพูดค่อยจา”
ติรกายังจ้องอยู่ รชานนท์ค่อยๆก้าวยืนขึ้นจากโอ่งกลืนน้ำลายมองติรกา รชานนท์หลับตาแล้วลืมตายิ้ม ปิ๊ง!
“มาแล้ว..ยิ้มพิฆาตของป๋า”
ติรกาเหมือนโดนออร่าเข้าตาไปชั่วขณะ สะบัดหน้าพยายามองรชานนท์ รชานนท์ยิ้มอ้อนน่าดู
“กระแตคุณไม่ยิงผมหรอก...ใช่ไหม ส่งปืนให้ผมนะ”
รชานนท์ยื่นมือมาจะรับปืน พุทรากับเตือนใจดูจะเคลิ้มในรอยยิ้มพิฆาตของรชานนท์ยิ่งกว่า
“ยิ้มเค้าแน่จริง ๆ” วันรบพูดเบาๆกับตัวเอง
“ส่งปืนให้ผมนะ...คนดี” รชานนท์กล่อม
ติรกาทำท่าเคลิ้มเหมือนจะส่งปืนให้
“ได้สิ...แต่เป็นลูกปืนนะที่ส่งให้”
ติรกาเตรียมขึ้นลำกล้องดัง ครึ่กๆ รชานนท์ตัดสินใจชั่วเสี้ยววินาทีพุ่งออกจากโอ่ง เสียงเปรี้ยง! ดังสนั่น รชานนท์กลิ้งตัวไปตั้งหลัก วันรบรีบเข้ามาดึงรชานนท์ให้ลุก
"นิมนต์หลวงพ่อโกย วัดหน้าตั้งเลยป๋า" วันรบบอก
“รบ ระวัง!” มัทรีร้องเตือน
รชานนท์กับวันรบหันไปเห็นติรกากำลังยกปืนเล็ง
“พวกแกตาย!”
"เหวอ...” วันรบกับรชานนท์ร้องขึ้นพร้อมกัน
ติรกายิงเปรี้ยงๆๆ วันรบและรชานนท์วิ่งแจ้นเตลิดเปิดเปิง ล้มลุกคลุกคลาน จนต้องฉุดกันหนีออกไป
มัทรี เตือนใจ พุทรามองตาม ลุ้นระทึก
ติรกายังคงวิ่งไล่ยิงวันรบกับรชานนท์ ทั้งวันรบและรชานนท์วิ่งหนีออกมาด้วยความโกลาหล รชานนท์วิ่งไปขึ้นด้านคนขับ วันรบขึ้นด้านที่นั่งข้างคนขับแล้วนึกได้
“ขึ้นผิดข้างเว้ย!” รชานนท์บอก
วันรบกับรชานนท์ลงจากรถสลับกันมาขึ้นที่นั่งตัวเอง วันรบรีบสตาร์ทเครื่องออกไปทันที ติรกายังไล่ยิงตามหลังมาด้วยสีหน้าเคียดแค้นรชานนท์เป็นอย่างยิ่ง

ภายในบ้านพชร รชานนท์เดินดุ่มๆ เข้าบ้าน แล้วตรงไปยังห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว วันรบเดินตามไปถามรชานนท์อย่างไม่ยอมแพ้
"ป๋ายังไม่บอกผมว่ารู้จักแม่ของมัทได้ยังไง"
รชานนท์น้ำเสียงนิ่ง เครียด
"ฉันเหนื่อย อยากพัก"
"อ้าปากก็เห็นลิ้นจระเข้ อย่ามาเฉเปลี่ยนเรื่อง"วันรบบอก
รชานนท์ไม่ตอบ รีบเดินไปห้องอย่างรวดเร็ว แต่สวนกับพชรเข้าพอดี จึงเดินตามทั้งสองไปด้วยความอยากรู้
"เป็นไง แผนกิ๊กว่าที่แม่ยายราบรื่นดีมั้ย"พชรถาม
"วิ่งป่าราบน่ะสิพี่ระ อาราธนาหลวงพ่อโกยกันแทบไม่ทัน"
"ห๊า ว่าที่แม่ยายไอ้รบขี้เหร่เนะจนทนไม่ได้เลยหรือวะไอ้นนท์"
วันรบพูดย้ำกับพชร
"มัทสวยเหมือนแม่ บอกแล้วไม่เคยจำ"
"ถ้างั้นคงเจอสวยสยองทุกสองนาทีเข้าละสิ ฮ่าๆๆ ขำว่ะ"
"แทนที่จะห่วงน้อง" วันรบพูดด้วยความเซ็ง
"กะล่อนท่อนฮุกอย่างพวกแกเอาตัวรอดสบายมาก แม่ยายโอ่งน้ำปลาน่าห่วงกว่า สมควรจัดบุรุษไปหยอด เรื่อย ๆ ฟันเฟืองจะได้ไม่ฝืด" พชรบอก
วันรบกับพชรหัวเราะกันอย่างสนุกปาก
"และบุรุษโสด ฟ้อ หล่อ เฟี้ยว เพียงหนึ่งเดียวคนนั้นคือไอ้นนท์"
“ไหน้ำปลาปีศาจกับปลาไหลตัวพ่อ...อื้อหือ..คงไม่จืด”
รชานนท์ฉุนกึกขึ้นมาทันที เหมือนมีอะไรบางอย่างเสียดแทงหัวใจ ทำให้ต้องหันไประเบิดอารมณ์ใส่ทั้งคู่
"สนุกกันพอรึยัง!”
ทั้งวันรบ พชร ชะงัก อ้าปากค้างไปตามกันเพราะไม่เคยเห็นอารมณ์ของขึ้นของรชานนท์มาก่อน
"เอ่อ ... ก็"
"ฉันอยากอยู่คนเดียว ขอตัว!”
รชานนท์รีบเข้าห้อง ก่อนปิดประตูใส่หน้าวันรบกับพชรที่ยังยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่หน้าห้อง
"มันไปกินนมบูดที่ไหนมาวะ" พชรถาม
วันรบส่ายหน้า ไม่รู้ว่ารชานนท์เป็นอะไรกันแน่

ภายในห้องนอน ชานนท์ทิ้งตัวนอนบนเตียงด้วยความเครียด พยายามข่มตาหลับ สุดท้ายก็ต้องพลิกตัวขึ้นมาครุ่นคิดด้วยความสับสน
"กระแต ... กระแตเป็นแม่แฟนไอ้รบ ฟ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับฉัน"
รชานนท์ทอดถอนใจ คิดถึงเรื่องในอดีต

สวนสาธารณะในวันนั้น รชานนท์ยิ้มให้ติรกา เช่นเดียวกับที่ติรกายิ้มตอบรชานนท์ ใบหน้าทั้งสองคนเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อกัน
"กระแต"
รชานนท์ดึงตัวติรกามาจุมพิตที่หน้าผาก ติรกาหลับตาพริ้ม มีความสุข
"คุณเป็นแฟนที่น่ารักของผมเสมอ"
"คุณก็เป็นคนที่ฉันรักที่สุดค่ะนนท์"
รชานนท์โอบประคองติรกาเข้ามาสวมกอดด้วยความรัก ติรกาซบหน้าลงบนอกอุ่นของรชานนท์ และเลื่อนมือไปกุมมือชายหนุ่มไว้ความเสน่หา

ติรกากระแทกปืนลงกับพื้นภายในบ้านเสียงดัง ปึง ! ด้วยความเจ็บใจ
"ฉันอยากจะฆ่ามัน!”
ติรกาหันไปหามัทรี สองแม่ลูกจะอ้าปากพูดพร้อมกัน แต่ติรกาไวกว่าชิงพูดก่อน
"แกต้องเลิกคบกับไอ้วันรบ"
"รบเคยทำอะไรให้แม่เกลียดนักหนา ถึงได้ไล่ยิงเค้าแบบนั้น"
"มันคบคนเลวเป็นเพื่อน นิสัยมันก็ต้องเลวเหมือนกัน"
"แม่รู้จักป๋านนท์มาก่อนหรือคะ"
"ไม่อยากรู้จัก และแกก็ห้ามเจอพวกมันอีก"
"มัทโตพอที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้วนะคะ"
"ชีวิตที่เดินหลงผิด รักคนผิด เพราะไม่เชื่อฟังแม่"
พุทราสะกิดเตือนใจให้เข้าไปห้ามทัพรบของคู่แม่ลูก ทว่าเตือนใจยังนิ่งดูท่าที
"มัทกับรบรักกัน เราสองคนจะแต่งงานกันค่ะแม่"
"ไม่มีทาง! ตราบใดที่ฉันยังเป็นแม่ แกจะไม่มีวันได้แต่งงานกับไอ้รบ ฉันจะให้แกย้ายกลับมาอยู่ที่ราชบุรีนี่ จะได้อยู่ในสายตาฉันทุกฝีก้าว"
มัทรีทำท่าจะค้าน แต่ติรกาชิงพูดตัดหน้าขึ้นอีก
"พรุ่งนี้ฉันจะพาไปเก็บของออกจากคอนโด และถ้าแกยึกยักไม่ยอมกลับฉันจะจับแกแต่งงานกับธงฉาน"
"อะไรนะคะ"
เตือนใจกับพุทราสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าติรกาจะให้มัทรีแต่งงานกับธงฉาน ติรกาจ้องมัทรี ด้วยสีหน้าเอาจริง มัทรีโกรธ ผลุนผลันออกจากห้องไปทันที
"ยายมัท" เตือนใจร้องเรียก
"คุณติรกาไม่ชอบให้ผู้ชายคนไหนยุ่งกับคุณมัท แล้วทำไมยอมให้คุณมัทแต่งงานกับนายธงฉานคะ" พุทราถามติรกา
"ขู่ไปอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้มันจะยอมเลิกกันเหรอ"
เตือนใจมองติรกาด้วยความหนักใจ

คืนนั้นมัทรีนอนค้างที่บ้านราชบุรีและโทรศัพท์ไปคุยกับวันรบที่คอนโดฯ วันรบพูดปลอบมัทรีทางโทรศัพท์ไอโฟนผ่านเฟซไทม์
"แม่คุณพูดแบบนั้น คงเป็นเพราะกำลังโกรธ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับมัท"
มัทรีปาดน้ำตาเสียใจที่ถูกแม่บังคับ
"แม่เผด็จการ คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์บังคับชีวิตใครก็ได้"
วันรบพยายามอธิบายให้มัทรีเข้าใจแม่
"อย่าว่าแม่แบบนี้สิครับทูนหัว แม่คุณทำเพราะรักและเป็นห่วงคุณมากเท่านั้น"
"แม่ทำเพราะรัก แต่ไม่เคยถามมัทสักคำว่าต้องการรักแบบนี้มั้ย"
วันรบนิ่งครุ่นคิด ก่อนออกความเห็น
"ผมคิดว่ามัทควรจะย้ายกลับไปอยู่บ้านอย่างที่แม่ต้องการ ทำให้ท่านสบายใจแล้วเราค่อยหาทางออกกันอีกที"
มัทรีไม่พอใจ เริ่มหาเรื่องวันรบ
"อยู่ใกล้กันยังทำอะไรไม่ได้ แล้วไกลกันขนาดนี้จะมีวิธีเอาชนะใจแม่ได้ยังไงรบไม่เข้าใจ"
“อยากผลักไสให้มัทแต่งงานกับคนอื่น รบเบื่อที่จะต่อสู้เพื่อความรักของเราแล้วใช่มั้ย"
"ไม่ใช่นะมัท คิดมากไปใหญ่แล้ว"
"ใช่ค่ะมัทคิดมาก เรื่องมาก ไม่มีอะไรดีสักอย่าง งั้นแค่นี้นะคะ"
มัทรีงอนและวางสายไปดื้อๆ ทันที
"อ้าว งอนไปซะแล้ว"
วันรบถอนหายใจ คิดไม่ตกกับเรื่องของเขากับมัทรีเช่นกัน

ภายในบ้าน เตือนใจนั่งดูโทรทัศน์และลุ้นและส่งเสียงเชียร์อย่างใส่อารมณ์ ราวกับกำลังดูมวยคู่สำคัญ
"รุกเข้าไป! เอส... อย่างนั้น เข้าไปอีก! อีกนิดเดียว...เยส !! มันต้องอย่างนี้สิวะ"
ที่แท้หาใช่มวยคู่เอก ทว่าเตือนใจกำลังดูละครเกาหลีในฉากที่พระเอกนางเอกกำลังจูบกัน เตือนใจจ้องฉากเลิฟซีนตาค้าง ขณะเอื้อมมือไปหยิบข้าวเกรียบเข้าปากเคี้ยวกร๊วบ ๆ
"รักจริงต้องจูบจริง ไม่ใช้สลิงและตัวแสดงแทนเว้ย"
มัทรีเดินหน้างอเข้ามาหาเตือนใจ ก่อนนั่งลงข้าง ๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิด เตือนใจชำเลืองมองสีหน้ามัทรีก็พอเดาออกว่าเรื่องอะไร
"งอนพ่อรบมาอีกละสิไ
"ก็เค้าหาเรื่องมัทก่อน"
"ยามศึกเราช่วยกันรบ ยามสงบทำไมรบกันเองล่ะลูก มาดูซีรี่ส์เกาหลีกับยายให้สบายใจดีกว่า กำลังถึงฉากพระเอกจะวางยานางเอกแล้ว"
มัทรีจำใจหันไปดูละครเกาหลีที่ยายแนะนำอย่างเสียไม่ได้
“วางยา”
บนจอโทรทัศน์ พระเอกในละครแอบใส่ยานอนหลับในแก้วน้ำของนางเอก ก่อนเอาแก้วน้ำนั้นมาให้นางเอกดื่ม ฉากนั้น พระเอกพูดว่า”Bon sro lahn oon --บอง สรัล โอล" ซึ่งแปลว่า ผมรักคุณ
"มันเป็นละครเกาหลีจริงเหรอยาย ภาษาคุ้น ๆ เหมือนคนบ้านใกล้เรือนเคียง" มัทรีถาม เพราะมัทรีเห็นว่าละครพูดภาษาเขมีและมีซับไตเติ้งภาษาไทยอยู่ข้างล่าง
"เทปผีซีดีเถื่อนยังมีเกลื่อนเมือง ละครเกาหลีเค้าก็ก๊อปกันได้"
เตือนใจพูดทั้งที่ตายังจดจ้องอยู่กับฉากสำคัญในละคร
"น่าเห็นใจพระเอกนางเอกคู่นี้ ถูกพ่อตากีดกันไม่ให้แต่งงาน พระเอกเลยวางยาปล้ำนางเอก เพื่อให้พ่อตายอมรับ"
มัทรีเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วเริ่มเก็บรายละเอียดจากทุกช็อตอย่างตั้งใจ

ภายในบ้านของติรกาวันรุ่งขึ้น ติรกาไม่พอใจเมื่อรู้เรื่องจากพุทราว่า มัทรีกลับกรุงเทพฯไปตั้แต่เมื่อเช้ามืด
"ฉันบอกไว้แล้วว่าธงฉานจะมารับไปขนของที่คอนโด แล้วยายมัทจะรีบเข้ากรุงเทพไปก่อนทำไม"
"คงรีบไปเก็บของรอ ไม่ให้แกเสียเวลามั้ง" เตือนใจแกล้งพูดประชดแบบขำๆ
"มีคนมาให้ใช้จะไปเองทำไมให้เหนื่อย"
ติรกาหันมาเจอธงฉานที่ยืนยิ้มโง่ ๆ อยู่
"ผมยินดีทำทุกอย่าง...เพื่อน้องมัทสุดที่รักของพี่ธงฉาน"
ติรกาตาขวางทันที
“ของใคร”
ธงฉานชะงักไปทันที เมื่อเห็นสายตาดุของติรกาจึงรีบแก้ตัวพัลวัน
“เอ่อ หมายถึงน้องมัทสุดที่รักของคุณน้าติรกาน่ะครับ ใกล้ไกลแค่ไหนธงฉานพร้อมรับใช้เสมอ"
"รู้เค้าหลอก แต่เต็มใจให้หลอกเนอะ" พุทราพึมพำธงฉานได้ยินแว่ว ๆ หันกลับไปมองมองพุทราที่ทำหน้าเป็น ไม่รู้ไม่ชี้ ติรกาหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกมัทรีขัดใจ

ภายในโถงคอนโดในเวลาต่อมา มัทรีกับวันรบนั่งทานอาหารเลี้ยงอำลาร่วมกันที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองนั่งนิ่ง เขี่ยอาหารในจาน ต่างคนต่างทานไม่ลง วันรบและมัทรีถอนใจยาวพร้อมกัน ทั้งสองชะงักมองกัน เหมือนมีเรื่องในใจจะพูด
มัทรีกับวันรบพร้อมกัน
"ฉัน / ผม"
มัทรีและวันรบต่างชะงักอีกครั้ง วันรบเอ่ยปากก่อน
"ผมขอโทษ.. ที่ทำให้มัทไม่พอใจเมื่อวาน"
"ไม่ต้องขอโทษค่ะ มัทผิดเองที่คิดเล็กคิดน้อย ทำให้เราไม่เข้าใจกัน ฉันรักคุณมากค่ะรบ รักจนทนไม่ได้ถ้าแม่บังคับให้ฉันแต่งงานกับธงฉาน"
"ผมไม่มีวันยอมให้คุณแต่งงานกับคนอื่นหรอกมัท แต่ตอนนี้คุณต้องกลับไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญู ทำให้แม่คุณสบายใจก่อน แล้วผมจะหาทางพิสูจน์ตัวเองให้แม่คุณยอมรับผมให้ได้"
"ขอบคุณนะคะรบ ขอบคุณที่เป็นแฟนที่แสนดีของฉันเสมอ"
"สำหรับนางฟ้าคนเดียวของผม มากกว่านี้ผมก็ทำให้ได้ครับ"
มัทรียิ้มเศร้า วันรบใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วของมัทรีอย่างเอาใจ
"ไม่เครียดนะครับนางฟ้า เดี๋ยวคุณกาบินมาประทับตรานะ”
"ถ้าฉันแก่ คุณยังจะรักฉันมั้ย"
"ผมไม่ได้รักคุณแค่หน้าตานะมัท แต่ผมรักคุณที่ตรงนี้"
วันรบจับมือมัทรีมาแตะหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
"ผมรักคุณด้วยหัวใจ ... เราจะได้แต่งงานกัน และแก่เฒ่าไปด้วยกันครับ"
มัทรีซาบซึ้งในตัววันรบ
"ฉันเลือกรักคนไม่ผิดจริงๆ"
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความรัก

ทางด้านตริกาก็ให้ธงฉานขับรถพาเธฮและพุทรามาที่คอนโดฯของมัทรี ระหว่างทางรถแวะที่ปั๊มน้ำมัน ติรกาบ่นกับธงฉานที่ข้างรถด้วยอารมณ์แสนจะหงุดหงิด
"อีกนิดเดียวก็จะถึงคอนโดยายมัทแล้ว เรื่องมากจริง ๆ เลยยายคนนี้"
"ใจร่ม ๆ ครับคุณน้า เรื่องปวดชิ้งฉ่องมันอั้นกันไม่ได้"
พุทราแอบมองติรกาจากในห้องน้ำ แล้วรีบกดโทรศัพท์หามัทรีทันที แต่โทรไม่ติดเพราะไม่มีสัญญาณ
"เอ๊า...แกไร้สัญญาณตอนนี้เดี๋ยวฉันก็ไร้ชีวิตกันพอดี มาสิคลื่นเอ๋ยจงมา” พุทราบ่นอุบ
พุทรารีบเอามือถือโบกไปมา เพื่อหาสัญญาณอย่างเร่งรีบ ก่อนสะดุ้งตกใจ เมื่อหันมาเจอติรกายืนจ้องเขม็งอยู่ข้างหลัง พุทราจึงทำทีเป็นตบยุงกลบเกลื่อน
"ห้องน้ำในปั๊มเนี่ย ยุงเยอะนะคะ"
"ฉันให้มาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ให้มาไล่ตบยุงในนี้" ติรกาพูดพลางยกเครื่องจับเวลาขึ้นมากดต่อหน้าพุทรา
“อย่าเพิ่งจับเวลาสิคะ คุณติ...คุณติ๊!”
ติรกาเดินสะบัดไปอย่างหงุดหงิด
“ถ้าแกไม่รีบมีสัญญาณ ฉันปลดระวางแกแน่”
เสียงมือถือดังขึ้น เตือนว่าโทรศัพท์มีสัญญาณแล้ว พุทราดีใจจนออกนอกหน้า
“ให้มันได้อย่างนี้ลูกแม่..”
พุทรารีบกดโทรหามัทรีทันที

ภายในคอนโดฯ มัทรีกำลังชนแก้วน้ำหวานกับวันรบ ขณะที่ทั้งสองกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่ม มือถือของมัทรีสั่นจนมัทรีสะดุ้ง ชำเลืองมองโทรศัพท์ที่วางข้างตัว วันรบเงยหน้ามองท่าทางมัทรีด้วยความแปลกใจ มัทรีรีบออกตัวก่อนวันรบจะทันถาม
"มัทเพิ่งนึกได้ว่าลืมปิดเครื่องทำน้ำอุ่น รบเข้าไปปิดให้มัททีสิคะ"
"โก๊ะขี้ลืมเหมือนเดิมนะคุณ"
วันรบลุกจากเก้าอี้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มัทรีรีบกดรับสายพุทราทันที
"ว่าไงคะพี่พุทรา ใกล้ถึงแล้วเหรอคะ ค่ะ ๆ ขอบคุณที่โทรมาบอก"
"ใครโทรมาครับ"
มัทรีตกใจ
"อุ๊ย... รบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"ก็ตั้งแต่ทักคุณนั่นแหละ"
วันรบกำลังจะถามเรื่องโทรศัพท์เมื่อกี้ต่อ แต่มัทรีชิงตัดบท
"เดี๋ยวคุณแม่จะมารับแล้ว รีบดื่มให้กับวันอำลาของเราเถอะค่ะ"
มัทรียกแก้วน้ำส่งให้วันรบรับไป ทั้งสองชูแก้วให้กัน ต่างคนต่างจิบน้ำหวานในแก้วตัวเอง
"น้ำหวานแก้วนี้ยังหวานไม่ได้ครึ่งความรักของเรา เอ๊ะ!” วันรบบอก
วันรบวางแก้วน้ำหวานสักพัก ก็เริ่มมีอาการมึน งง
"เป็นอะไรคะ"
"แปลก... จู่ ๆ ก็มึนหัว"
"เครียดเพราะจะไม่ค่อยได้เจอมัทรึเปล่า"
"สงสัยจะใช่"
ร่างวันรบเริ่มโอนเอน จู่ ๆ วันรบก็หน้าวูบฟุบสลบคาโต๊ะอาหาร มัทรียกแก้วน้ำหวานของวันรบมาดู ยิ้มเข้าแผน
"ยานอนหลับรุ่นนี้ออกฤทธิ์เร็วดีแฮะ ขออนุญาต จัดฉากหลอกคุณแม่.. เพื่อความรักของเราหน่อยนะคะรบ”
มัทรีพยายามดึงตัววันรบออกจากโต๊ะอาหาร แต่ไม่สำเร็จ จึงออกแรงกระชากตัววันรบสุดแรงจนจาน ชามบนโต๊ะ ถูกมือวันรบปัดตรงลงมากระจัดกระจาย ราดบนตัววันรบที่นอนสลบไม่สติอยู่กับพื้น มัทรีเห็นสภาพวันรบ ยิ้มเจื่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ติรกานั่งอยู่เบาะหลังดูนาฬิกาจับเวลา พุทราเดินมาขึ้นที่นั่งข้างคนขับจำเป็นอย่างธงฉาน
"สาม..สอง..หมดเวลา..ช้าไปหนึ่งวิหักสองร้อย เงินเดือนเหลือหนึ่งหมื่นสามพันแปดร้อย หักภาษีเหลือหนึ่งหมื่นสามพันหนึ่งร้อยสิบบาท”
“คุณติ”
“นี่เมตตาแล้วนะ ถ้าเป็นนัดลูกค้านะสองพัน ฐานทำให้กิจการฉันเสียชื่อ"
"ขอโทษค่ะ ไปเก็บโอทีจากคุณมัทก็ได้” พุทราบ่นเบาๆ
“พี่พุทราเห่า...เอ้ย..บ่นอะไรน้องมัทครับ” ธงฉานถาม
“พี่..พี่คิดถึงน้องมัทน่ะค่ะ คุณธงฉานขับให้มันเร็วๆ นะคะ” พุทราเฉไฉทันที
“ผมก็คิดถึงน้องมัทของผมเหมือนกัน”
ธงฉานหันไปปรับกระจกก่อนออกรถ ไม่ทันขาดคำ มีมีดพกปลิวมาเสียบที่ขอบกระจกมองหลัง ฉึก! เฉียดนิ้วธงฉานไปนิดเดียว ธงฉานหันขวับไปด้านหลัง ติรกามองตาขวางอยู่
“น้องมัทของใครนะ”
“น้องมัทของคุณน้าไงครับ ของคุณน้า”
“ออกรถได้แล้ว” ติรกาสั่ง
พุทราแอบเหล่มองติรกาแล้วแอบกดมือถือส่งข้อความไปหามัทรี

ห้องข้างๆของมัทรีที่ได้ยินเสียงดังโครมครามข้าวของตก จานแตก ดังมาจากในห้องก็เปิดประตูออกมามองไปยังห้องมัทรีด้วยความสงสัย ภายในห้อง มัทรีพยายามลากตัววันรบไปตามพื้นอย่างทุลักทุเล เห็นข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้นทั่วห้อง
"ตัวหนักชะมัด ว้าย...”มัทรีบ่นอุบ
มือถือของมัทรีสั่นอีกครั้ง จนมัทรีสะดุ้ง ปล่อยมือจากวันรบจนหัวโขกกับพื้นดังโป๊ก! วันรบก็ยังคงสลบไม่รู้เรื่อง
"เอ่อ... รบ มัทขอโทษ"
มัทรีหันมาอ่านข้อความมือถือก็ตกใจอีกครั้ง
"แม่มาถึงแล้ว แย่แล้ว!”
มัทรีเลิ่กลั่กลากตัววันรบไปที่ห้องรูมเมทสีชมพู โดยไม่เวลาสนใจว่าตัววันรบจะถูไถ กวาดข้าวของบนพื้นจนเสียงดังโครมครามยังไง
ติรกา ธงฉาน พุทราเดินมาหยุดหน้าลิฟต์ ใต้ตึกคอนโดฯ ธงฉานทำจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นหอมบางอย่าง หันขวับ เมื่อเห็นสองสาวสวยเดินมารอลิฟต์ด้วยกัน
"หอมกลิ่นสาว ว้าว... สเป๊ก!”
ทั้งติรกาและพุทราและสองสาวหันขวับมองธงฉานพร้อมกัน ธงฉานสะดุ้งเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดดังไป รีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการถลาไปเกาะเสาต้นหนึ่งในคอนโด ลูบไล้ด้วยความชื่นชม
"ช่างเป็นเสาที่ได้มาตรฐาน ตรงตามสเปคของวิศวกรมืออาชีพอย่างผม เห็นแล้วอดชื่นชมไม่ได้จริงๆ"
ธงฉานกอดเสา เอาแก้มลูบไล้เสาอย่างหลงใหล
"ยังอยากได้ตานี่เป็นว่าที่ลูกเขยมั้ยคะ"
พุทราถามขึ้น ติรกาเมินหน้าหนีไม่ใส่ใจ เพราะร้อนใจอยากขึ้นไปเจอมัทรีมากกว่า

ภายในห้อง มัทรีพยายามลากตัววันรบมาถึงบนเตียง แขนวันรบปัดไปโดนไม้ช็อตยุง ร่างวันรบกระตุกสั่นเหมือนถูกไฟช็อต จนทำให้มัทรีสั่นไปด้วย
"อ๊าย...”
มัทรีสะบัดแขนหลุดจากวันรบ มีอาการกระตุกค้างสักพัก ไม่นานนัก ร่างวันรบก็กระเด้งตัวฟื้นขึ้นมาด้วยความงุนงง
"ผมมานอนอยู่ในห้องได้ยังไงครับ"
"ว้าย ฟื้นขึ้นมาทำไม"
มัทรีตกใจ คว้าโคมไฟคิตตี้ฟาดหัววันรบ จนวันรบสลบไปอีก
"ขอโทษนะรบ มัทจำเป็นต้องทำ"

มัทรีรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วันรบอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำคิตตี้สีชมพู คว้าเสื้อเชิ้ตมาใส่แทน แล้วยืนหยุดหอบแฮ่กด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"โอย... อ่อนเพลียไม่อยากจะเซ้ด"
มัทรีเริ่มรู้สึกคอแห้ง จึงวิ่งออกไปจากห้อง แล้วกลับเข้ามานั่งข้างวันรบที่ยังคงสลบอยู่บนเตียง ในมือมัทรีถือแก้วน้ำหวานติดมาด้วย
"หวังว่าแม่จะเข้าใจความรักของเรานะคะรบ"
มัทรีดื่มน้ำหวานจนหมดแก้ว แล้วชะงัก ยกแก้วที่ว่างเปล่ามาดูอีกครั้ง
"เฮ้ย... นี่มันแก้วน้ำของรบ"

ไม่ทันขาดคำ มัทรีก็หน้าคว่ำทับไปบนตัววันรบ สลบไปด้วยกัน







Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 1:35:04 น.
Counter : 683 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]