All Blog
ทองประกายแสด ตอนที่ 11




ละเอียดกำลังยืนคุยโทรศัพท์ กับแม่ของมนตรา
“ค่ะ คงวันสองวันนี้แหละค่ะ ส่วนเรื่องเซอร์ไพร์ส อะไรนั่น เอียดไม่ทราบจริง...จริ๊ง...แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง”
มนตราถือกระเป๋าเดินทางลงมาพร้อมกับ ทองดี
“อุ๊ย จะไปวันนี้เลยหรือคะ แหม...คุณผู้หญิงคงดีใจพิลึก ถ้าเห็นคุณมนตราเย็นวันนี้ นี่พี่เอียดไม่ได้บอกอะไรเลยนะคะ รอให้คุณมนบอกคุณแม่ด้วยตัวเอง”
“คงไม่ใช่เย็นนี้หรอกครับ ผมจะพาทองประกายไปเที่ยวชะอำก่อน แล้วค่อยขึ้นเชียงใหม่”
“อ้าว...ทำไมไปปุบปับแบบนี้ล่ะ คุณผู้หญิงคะ โบราณเค๊าถือนะ แหม...คนจะแต่งงานเค๊าไม่ให้เดินทางไกลนะคะ มันไม่ดี”
ละเอียดมองทองดีอย่างสังเกต ทองดียิ้มเฉย
“ผมเป็นต้นคิดเองแหละ ไม่เกี่ยวกับทองประกายหรอกน่า ผมไปละนะ”
มนตรารีบดึงมือทองดีเดินออกไปทันที ละเอียดมองตามไปอย่างไม่สบายใจ

รถของมนตราขับมาจอดที่หน้ารีสอร์ท ทั้งสองควงแขนกันเดินเข้าไปในห้องพัก มนตราล้มตัวลงนอนแบบสบายอารมณ์ ทองดีนั่งลงข้างๆเขา
“เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตของเราสองคนอีกครั้งนะคะ”
“คุณนี่คิดมากเหมือนกันนะ โอเค...เรามาเริ่มต้นกันใหม่ งั้นเริ่มจากตรงนี้เลยแล้วกัน”
มนตราคว้าทองดีมากอด เธอทำท่าขัดเขินเล็กน้อย แล้วค่อยๆอ่อนตาม

เย็นนั้น ทั้งสองเดินเล่นริมทะเล มนตราหยิบปูขึ้นมายื่นให้ พอทองดีหันมาเห็นเข้าก็ตกใจ วิ่งไล่ทุบเขาอย่างสนุกสนาน...ทองดีวักน้ำทะเลสาดใส่ มนตราจับเธออุ้มขึ้นแล้วลุยลงไปในน้ำทะเล ทั้งคู่ยืนกอดกันกลางทะเล...ทั้งสองเดินจูงมือกันไปตามชายหาด พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะตกลงไปในทะเล

ค่ำนั้น ทั้งสองนั่งทานอาหารที่โต๊ะอาหารอย่างแสนโรแมนติค ทองดีดูแลปรนนิบัติตักอาหารให้ มนตรามองเธออย่างทึ่งๆ
“คุณเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
ทองดีตักอาหารให้
“เปลี่ยนยังไงคะ ดีหรือไม่ดี”
“ดีสิ คุณปรนนิบัติผมแบบนี้ ผมชอบจังเลย”
“หรือคะ จริงๆฉันรู้สึกว่า ควรทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
มนตราเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้
“พอแล้วละ คุณทานบ้างเถอะ ไม่ต้องห่วงผมหรอก”
“ไม่ได้สิคะ ฉันเป็นภรรยาของคุณ ต่อไปนี้ ฉันจะทำแบบนี้ทุกวันตลอดไป คุณจะได้กลมกลิ้ง ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจอีก”
“ดีสิ...ผมก็จะได้อยู่กับคุณคนเดียวตลอดไป”
ทองดีสบตากับมนตราอย่างหวานซึ้ง

ทองดียืนอยู่ริมระเบียง มนตราเดินเข้ามากอดไว้
“ทำไมไม่ไปนอน ผมคิดถึงรู้มั๊ย”
“ฉันอยู่ห่างคุณนิดเดียวเอง มองก็เห็น”
“ก็มันคิดถึงนี่นา ไปนอนด้วยกันเถอะ”
“มานั่งคุยกันก่อน” ทองดีไปนั่งที่เก้าอี้ “คุณจำได้มั๊ย คุณจะรอให้ฉัน ถ้าฉันพร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะเล่าให้คุณฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา”
“แล้วคุณพร้อมหรือยัง”
“ฉันพร้อมแล้ว”
ทองดีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าเศร้าสลด มนตรานั่งเงียบฟังมองเธออย่างสงสาร
“ฉันโดนแม่เอามาทิ้งไว้ ให้อยู่กับป้า ต้องทำงานเหมือนคนใช้ ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่เคยได้ค่าแรงเลยซักบาท...”
มนตราเอื้อมมือมาปิดปากเธอไว้
“หยุดเถอะ พอแล้ว...ผมไม่อยากฟัง”
มนตราดึงตัวเธอมากอดไว้
“จำไว้นะ ผมขอสัญญาด้วยชีวิตของผม ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจอยู่ คุณไม่มีวันเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกเป็นอันขาด ทองประกาย”
“อย่าพูดอย่างนั้นค่ะ ฉันกลัว”

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ริมทะเล ทองดีแพ็คกระเป๋าเรียบร้อยหันไปมอง มนตราที่ยืนคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่ เธอหน้าจ๋อยๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมกลับถึงเชียงใหม่พรุ่งนี้แน่นอน แล้วค่อยคุยกันนะครับ”
มนตรากดปิดโทรศัพท์ หันไปมองทองดีที่หน้าเจื่อนๆ เขาเดินมากอดปลอบใจเธอ
“เอาอย่างนี้ กลับไปกรุงเทพฯ เราไปจดทะเบียนสมรสกันก่อน แล้วค่อยขึ้นไปเชียงใหม่”
ทองดีนิ่งอึ้ง
“คุณจะได้สบายใจ ไม่ว่าพ่อกับแม่ผมจะว่ายังไง ผมก็จะอยู่กับคุณ ทองประกาย”
“ไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“จำเป็นสิ อะไรก็ตามที่ทำให้คุณสบายใจ ผมจะทำเต็มที่ ไป เข้ากรุงเทพฯกันเถอะ”
มนตราฉุดมือทองดีขึ้นมายืนเคียงคู่
“ยิ้มหน่อยสิ คนดีของผม”
ทองดียิ้มอย่างสดชื่น หน้ามีความหวังเต็มเปี่ยม

ทั้งสองนั่งกุมมือกันในรถ มนตราขับรถออกไปจากรีสอร์ทมุ่งสู่กรุงเทพ...มนตราหันไปมองหน้าทองดีแล้วยิ้ม เขาจับมือเธอขึ้นมาจูบ ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถมนตราอย่างกระทันหัน ทองดีหันไปมองตรงหน้าแล้วร้องกรี๊ด เสียงรถชนเบรก ตามด้วยเสียงรถชนกันดังสนั่น

ร่างของทองดีถูกเข็นมาตามทางไปห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
“มนตรา...มนตรา...คุณอยู่ที่ไหน”
“อยู่ใกล้ๆนี่แหละค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถึงมือหมอแล้ว” พยาบาลบอก
ทองดีเอียงหน้าไปมองเห็นมนตรานอนอยู่บนเตียงด้านข้างๆ เลือดออกเต็มหน้า
“มนตรา คุณไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย...พูดกับฉันสิ”
ทองดีค่อยๆหลับตาหมดสติไป
วิไลซึ่งท้องได้หลายเดือนแล้ว นอนฟุบอยู่ข้างเตียงทองดี หลังจากที่เฝ้ามาตลอดคืน ทองดีนอนอยู่บนเตียงคนป่วย เมื่อรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นและพยายามลุก แต่รู้สึกเจ็บ เธอเห็นวิไลจึงสะกิดเรียก...

“พี่วิไล...พี่วิไล พี่มาได้ยังไงเนี่ย”
วิไลรู้สึกตัว เห็นทองดีได้สติ วิไลโผกอดทันที
“ฟื้นแล้วหรือทอง...ฉันกลัวแทบแย่...พอโรงพยาบาลโทรไป ฉันก็รีบมาทันที...”
ทองดีเห็นท้องวิไล
”...นี่พี่ท้องแล้วหรือ กี่เดือนแล้ว”
“...ห้าเดือนกว่าแล้ว ตั้งแต่เจอกับนิคนั่นแหละ ตอนที่โรงพยาบาลเค้าเอาโทรศัพท์แกโทรไปน่ะ ฉันตกใจแทบแย่ โชคดีนะ ฉันเพิ่งกลับมาเมืองไทย ไม่งั้นก็คงไม่รู้เรื่องหรอก เดชะบุญนะที่แกแค่เจ็บ....”
ทองดีมองดูที่แขนตัวเองเห็นสายน้ำเกลือติดอยู่ เธอชะงัก นิ่งคิดถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุ
“คุณมนตรา..แล้วคุณมนตราล่ะพี่ แล้วเค้าเป็นยังไงบ้าง เค้าอยู่ห้องไหน ฉันอยากไปหาเค้า”
วิไลอ้ำอึ้ง
“...เอ่อ...รอให้หายดีก่อนมั๊ย ดูสิน้ำเกลือยังเต็มขวดอยู่เลย”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากเห็นหน้าเค้า เค้าอยู่ไหน”
วิไลมองหน้าทองดีแล้วเบือนหน้าหนี
“พี่ร้องไห้ทำไม”
“....เปล่า ฉันสงสารแกว่ะทอง”
“สงสารฉันหรือ ทำไมล่ะ....หรือว่า...”
ทองดีลุกลงจากเตียง ดึงสายน้ำเกลือออก ลุกแล้วเซ แต่ทองดีแข็งใจเดินไปที่หน้าประตู แต่ไม่ไหวล้มลงกองที่พื้น วิไลรีบเข้าไปประคอง
“ทองเอ๊ย...ทำใจซะเถอะนะ คุณมนตราเค้าไปดีแล้ว”
“ไม่จริง....
ทองดีกรีดร้องเสียใจอย่างรุนแรงอยู่ในอ้อมแขนของวิไล

ทองดีนอนร้องไห้หนักอยู่บนเตียง ไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องรอบตัว โดยมีวิไลเฝ้าอยู่ตลอดเวลา วิไลมองด้วยความสงสารเอามือลูบหัว พูดปลอบใจ
วิไลป้อนข้าวให้ ทองดีที่เซื่องซึมทานข้าวไป น้ำตาร่วงไป จนวิไลป้อนต่อไม่ได้ ทองดีร้องไห้ต่ออยู่บนเตียง
หลายวันต่อมา...
ทองดีในรถเข็นริมหน้าต่างโรงพยาบาล เธอหมดอาลัยตายอยาก สายตาเลื่อนลอย มีวิไล ที่กำลังเก็บข้าวของให้อยู่
“เดี๋ยวเราไปรับยา แล้วก็กลับบ้านกันแล้วนะ แต่พี่ว่า แกอย่าพึ่งอยู่คนเดียวเลย เอางี้ ไปนอนบ้านพี่ก่อน นิคเค้าไปคุมแท่นเจาะที่ต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับหรอก นอนคุยกันให้สบายใจซัก 2-3 วัน แล้วค่อยกลับเนอะ”
ทองดีหันมองหน้าวิไล ไม่พูดอะไร แล้วเบือนหน้าออกต่อไป
“แม่ผัวแกก็ดีนะ จ่ายค่า โรงพยาบาลให้แกจนหมดแล้ว ไหน มาดูหน้าหน่อยสิ นี่ อีกไม่กี่วันแกก็หาย แล้วก็กลับมาสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องห่วง อยากแต่งหน้าซักหน่อยมั๊ย เดี๋ยวพี่แต่งให้แกเอง”
วิไลทำร่าเริง ทองดีมองหน้าวิไล และพยายามพูดด้วยความลำบาก
“ขอบใจมากนะ พี่วิไล ขอบใจพี่มาก”
ทองดีร้องไห้ขึ้นมาอีก
“ทองเอ๊ย แกอย่าเป็นอย่างนี้เลย สู้สิวะทอง เดี๋ยวแกก็จะผ่านมันไปได้”
“ชีวิตฉัน ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ ทำไมผู้ชายทุกคนต้องตายจากฉันไปแบบนี้ ฉันทำให้คุณมนตราตายใช่มั๊ยพี่วิไล เพราะฉันใช่มั้ย”
“คิดอะไรแบบนั้นวะทอง คุณมนตราเค้าหมดกรรมแล้ว แกอย่าโทษตัวเองเลย มันไม่เกี่ยวกันหรอก”
ทองดีส่ายหน้า
“คุณมนตราคือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ชีวิตที่เหลือจากนี้ ฉันคงไม่เจอใครอย่างเค้า พี่วิไล ฉันรักเค้า ฉันรักเค้ามาก ทำไม...ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้...ทำไมเค้าต้องทิ้งฉันไป...”

วิไลพาทองดีมาที่ห้องพักในคอนโดนิค เธอประคองให้ทองดีนั่ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พักผ่อนตามสบายเลย”
“...ขอบใจจ๊ะพี่ ฉันเกรงใจพี่จริงๆ พี่ท้องโตเบ้อเร่อแล้ว ยังต้องมาคอยดูแลฉันอีก”
“เฮ้ย ไม่ต้องคิดอะไรมาก รักษาตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวไปต้มข้าวต้มให้ จะได้กินยา”
ทองดีส่ายหน้า
“ฉันกินไม่ลง”
วิไลมองดุๆ
“...ไม่ได้...ต้องกิน คนเราต้องรักตัวเอง ถ้าเราไม่รักตัวเรา แล้วใครจะมารักเราล่ะ รอแป๊บนึงนะ”
วิไลเดินลับตัวไป ทองดีนั่งซึมเหม่อ

ค่ำคืนนั้น ทองดีนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เธอฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วร้องกรี๊ด ตกใจตื่นขึ้นทันที
“มนตรา...ไม่นะ”
วิไลสะดุ้งลุกขึ้นมาเปิดไฟทันที
“ทองแกฝันร้ายอีกแล้วหรือ”
“ฉันเห็นมนตราเลือดท่วมตัว...ฉันกลัว...”
วิไลกอดทองดีไว้
“...ขวัญเอ๊ยขวัญมา ลืมมันซะนะ เรื่องร้ายๆมันผ่านไปแล้ว นอนซะเถอะ...”
วิไลประคองให้ทองดีล้มตัวลงนอนหันหลัง ร้องไห้ วิไลนั่งลูบหลังให้อย่างสงสาร

รถแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านมนตรา ทองดีลงมาจากรถ หน้าตาช้ำเพราะบาดแผล วิไลเดินลงมาพร้อมกันกดกริ่งหน้าบ้านย้ำๆ
“รอประเดี๋ยวนะทอง ไหวหรือเปล่า หน้าเธอซีดจังเลย”
“ไหวสิ ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่”
ทองดีแข็งใจยืนทั้งที่อ่อนแรงเต็มทน ละเอียดเดินมาที่หน้ารั้วพอเห็นทองดี ละเอียดทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน ทองดีรีบเรียกไว้
“เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ พี่เอียด”
“คงไม่ได้หรอก เจ้าของบ้านไม่อยู่”
วิไลไม่พอใจ
“อ้าว ก็เมียเจ้าของบ้าน มันก็เหมือนกันแหละน่า เปิดเร็วๆเข้า คนป่วยไม่เห็นหรือ”
“อย่ามาทำออกคำสั่ง หรือว่าหล่อนเป็นเมียคุณมนอีกคน”
ละเอียดมองหัวจรดเท้า วิไลฉุน
“...แก่แล้วยังปากปลาร้า เป็นขี้ข้าอย่ามาทำปากเก่งนะ เปิดประตูให้น้องฉันเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า ประเดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก”
“ไม่เปิด ใครจะทำไม” ละเอียดหันไปมองทองดี “เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนี้แล้ว ถ้าจะเข้า ต้องรอเจ้าของอนุญาตก่อน”
ทองดีโกรธมาก
“เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้น ฉันจะพังเข้าไปจะเปิดหรือไม่เปิด”
ทองดีพูดน้ำเสียงเย็นมาก ละเอียดกลัวๆ จะเปิดประตูให้ รถหรูของแม่มนตราวิ่งเข้ามาจอด ลดกระจกด้านหลังลงมองแล้วรถเคลื่อนเข้าไปในบ้าน
“นั่นใช่เจ้าของบ้านหรือเปล่าเนี่ย ทองแกรู้จักหรือเปล่า”
ทองดีส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้จักหรอก ฉันไม่เคยเห็นหน้าพ่อกับแม่เค้า”
“ตายละแก มานอนกับลูกเค้าตั้งนานสองนาน ไม่รู้จักพ่อกับแม่เค้าหรอกหรือ ทำไมแกมันได้บื้อแบบนี้วะ”
ทองดีหน้าจ๋อย วิไลมองอย่างเห็นใจ ขณะเดียวกันละเอียดเดินมาเปิดประตูเล็กให้ทั้งสองคน
“คุณผู้หญิงเรียกให้หล่อนเข้าไปพบ...เชิญ”
ทองดีมองหน้าวิไล แล้วเดินเข้าไปในบ้าน วิไลหันมาเบ้ปากใส่ละเอียด แล้วรีบเดินไป ละเอียดมองตามไปอย่างเหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ...ไม่รู้จะกลับมาทำไม”

แม่ของมนตรานั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขก วิไลเดินพยุงทองดีเดินเข้ามาในบ้าน แม่มนตรามองจ้องทองดีอย่างสำรวจ เลยไปถึงวิไลด้วย
“เธอใช่มั๊ย ทองดี”
ทองดีรีบยกมือไหว้ แม่มนตรามองนิ่ง ไม่แม้แต่จะรับไหว้
“ใช่ค่ะ หนู...หนูเป็นเมียคุณมนตราค่ะ”
“เธอน่ะหรือ เป็นเมียของมนตรา” แม่มนตรามองทองดีหัวจรดเท้า “...ขอโทษเถอะนะไปเข้าพิธีกันเมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องเลย”
“เอ่อ...คุณมนตรากำลังจะพาหนูขึ้นไปพบคุณแม่ที่เชียงใหม่ แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน”
“...เกิดเรื่องซะก่อน เธอพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กๆ ลูกชายฉันตายทั้งคน ลูกชายคนเดียวของฉันต้องตายเพราะเธอแล้วเธอยังกล้ามาอีกเหรอ ค่ารักษาพยาบาลฉันก็ออกให้เธอ ยังไม่พอใจอีกเหรอ เธอต้องการอะไรอีก คิดว่าฉันยังเสียใจไม่พอรึไง”
ทองดีนั่งน้ำตาร่วง
“ฉันไม่อยากจะโทษเธอหรอกนะ แต่ไม่โทษก็คงจะไม่ได้ กลับไปซะ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก”
“หนูเป็นเมีย หนูก็ควรจะมีสิทธิ์อยู่ที่บ้านนี้ต่อไป”
“เมีย ไหนล่ะทะเบียนสมรส”
ทองดีผงะ
“...ทะเบียนสมรส คุณมนตราจะพาหนูไปจดทะเบียน หลังจากกลับมากรุงเทพ แต่...”
“แสดงว่าไม่มีใช่มั๊ย งั้นหล่อนก็ไปได้แล้ว”
วิไลแย้ง
“แต่ทองควรจะมีสิทธิ์...”
แม่มนตราปรายตามองเหยียดๆ
“....สิทธิ์หรือ...ยังมีหน้ามาพูดอีก ฉันเป็นฝ่ายต้องเสียลูกชายไปทั้งคน เธอจะมาเรียกร้องอะไรอีกล่ะ พวกเธอมันก็แค่ผู้หญิงบาร์ต่ำๆที่มาเกาะลูกชายฉัน”
“แต่หนูเป็นเมียของคุณมนตราจริงๆนะคะ พี่เอียดก็รับรู้”
ละเอียดรีบบอก
“เอียดไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ”
“พอได้แล้ว เพื่อเห็นแก่มนตรา ฉันจะให้เงินเธอไปตั้งตัวซักก้อน ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดกันแค่นี้ เอียด เอาข้าวของมาให้เค้าด้วย”
“คุณมนตราอยู่วัดไหน หนูอยากไปงานศพคุณมนตรา”
“ถือว่าเห็นแก่ฉัน ถ้าเธอรักลูกชายฉัน อย่าไปงานศพลูกฉัน ฉันขอให้เราเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
ทองดีอึ้งเงียบไป ละเอียดหยิบกระเป๋าเดินทางมาส่งให้
“...อ่ะนี่เสื้อผ้าของเธอ”
ละเอียดวางกระเป๋าเสื้อผ้าของทองดีลงที่พื้นตรงหน้า พร้อมส่งซองให้ทองดี เธอมองข้าวของตัวเองนิ่งทรุดตัวลงนั่งที่พื้นแล้วร้องไห้ ละเอียดทนไม่ได้ รีบวางซองไว้ตรงหน้าแล้วเดินหนีไป
“ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ ต่อไปนี้หวังว่า เราคงไม่ต้องพบหน้ากันอีก”
แม่มนตราพูดจบก็เดินไป ละเอียดมองทองดีอย่างสงสาร ได้แต่เมินหน้าหนี
“ไม่ต้องไปง้อมันทอง มันดูถูกพวกเรานัก เออ..ให้มันรู้ไปว่า เราจะอยู่ไม่ได้” วิไลบอก
ทองดีหันไปหาละเอียด
“พี่เอียดฉันขอร้อง ฉันขอเข้าไปในห้องคุณมนตราหน่อยนะ”
ละเอียดมองลังเล
“ฉันขอร้องนะ พี่เอียด”
ละเอียดพยักหน้าแล้วเมินไป

ในห้องมนตรา...ทองดีมองทุกอย่างในห้องที่ยังอยู่เหมือนเดิม มองไปมุมไหน ก็เห็นแต่มนตรายิ้มให้เธอ คุยเล่นกับเธอ
ทองดีเดินไปหยิบรูปถ่ายของมนตราที่ถ่ายคู่กับตัว มากอดไว้แนบอก แล้วเดินลงไปนั่งที่เตียง เอามือลูบที่นอน หมอน ที่ๆมนตราเคยนอน เธอรู้สึกอบอุ่น เหมือนมีมนตราอยู่ข้างๆ แล้วความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ทองดีเศร้าใจทันที...

วิไล ประคองทองดีเดินออกจากบ้านมนตราอย่างเศร้าๆ ทองดีหันกลับไปมองบ้านมนตราอย่างอาลัย
“อย่าหันกลับไปมอง มันเป็นอดีตไปแล้ว เดินหน้าต่อไปสิ”
ทองดีแข็งใจเดินออกจากบ้านไป พอพ้นรั้ว เธอทรุดลงเป็นลมไปในอ้อมกอดของวิไล

หลายวันต่อมา... ทองดีนั่งซึมเหม่อ ไม่พูดไม่จา วิไลนั่งถักเสื้อเด็กเริ่มจากตัวเล็กๆ วิไลเปิดแบบดู แล้วนั่งถัก ทองดีมองวิไลแล้วเหม่อ
ทองดีนั่งซึมอยู่เป็นเดือน วิไลนั่งถักเสื้อเด็ก ยกขึ้นอวด เสื้อเกือบเสร็จแล้ว ทองดียิ้มรับแบบเนือยๆ
วิไลที่ท้องโตมากแล้ว หยิบเสื้อเด็กที่ถักเสร็จเรียบร้อยขึ้นมาอวด
“เสร็จซะที...สวยมั๊ยทอง”
ทองดีนั่งเหม่อ วิไลมองแล้วส่ายหน้า
“ทองเอ๊ย...ทอง นี่แกได้ยินฉันพูดมั๊ยเนี่ย”
ทองดีสะดุ้งเฮือก วิไลส่ายหน้า เก็บเสื้อเด็กใส่ถุง แล้วลุกขึ้น
“แหมขวัญอ่อนจริงๆนะแก จะเอาอะไรมั๊ย ฉันจะไปซื้อของข้างล่างหน่อย” วิไลลูบท้องตัวเอง “ไอ้หนูมันอยากกินส้มตำ”
ทองดีส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอกพี่”
“ไปด้วยกันมั๊ยล่ะ มัวแต่อุดอู้ในห้อง เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีมั๊ย”
“ไม่หรอก ฉันอยากอยู่เงียบๆ”
“ตามใจ ฉันไปแป๊บเดียว อยู่ได้นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ เดินระวังๆหน่อยนะ”
วิไลเดินออกไป แต่ยังอดหันกลับมามองทองดี อย่างเป็นห่วงไม่ได้
“อยู่ได้แน่นะแก เฮ้อ...ทองเอ๊ย...ตัดอดตัดใจซะเถอะ ยังไงมนตราเค๊าก็ไม่ฟื้นกลับมาหาแกอีกแน่นอน เออ...หรือแกขอให้เค้ากลับมาเกิดเป็นลูกพี่สิ แล้วแกก็มาช่วยเลี้ยงลูกพี่ ดีมั้ย”
วิไลพยายามพูดให้ขำ ทองดีเงียบ วิไลจ๋อยไป ได้แต่เดินออกจากห้องไปอย่างไม่สบายใจ ทองดีหยิบผ้าเช็ดหน้าของมนตราขึ้นมาดู นึกถึงวันที่ พบมนตราเป็นครั้งแรก นึกถึงวันที่ไปดูดาวด้วยกัน...วันที่เขาให้ผ้าเช็ดหน้า...
“ผมรู้ แต่ถ้าคุณกลัว คุณก็จะไม่เจอกับความสุข ความรักมันไม่น่ากลัวเสมอไปนะ...”
คำพูดของมนตรายังติดตรงอยู่ในความทรงจำ
ทองดีฟุบหน้าลงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“มนตราคะ ฉันขอโทษ คุณกลับมาหาฉันได้มั๊ย...ฉันรักคุณ คุณมนตรา คุณกลับมาเถอะนะ”
ทองดีเงยหน้าขึ้น มีถาดผลไม้และมีดปอกผลไม้ วางอยู่ด้วย เธอชะงักหยิบมีดขึ้นมามองนิ่ง

วิไลยืนอยู่หน้าลิฟต์ ล้วงหากระเป๋าสตางค์วุ่นวาย
“อะไรวะเนี่ย...ลืมกระเป๋าสตางค์ แล้วจะซื้ออะไรได้ล่ะเนี่ย”
วิไลเดินกลับไปที่ห้อง ขณะเดียวกันในห้อง ทองดีมองมีดอย่างใช้ความคิด
“ไม่มีคุณฉันจะอยู่ได้ยังไง คุณรอฉันด้วย”
วิไลเดินกลับเข้ามาในห้อง พอเห็นทองดีกำลังจะกรีดมีดลงที่ข้อมือ วิไลกรี๊ด วิ่งไปแย่งมีดที่มือ
“แกจะบ้าหรือ ทอง ทำอย่างนี้ทำไม”
“ปล่อยฉันพี่วิไล ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ไม่มีคุณมนตรา ฉันก็ไม่เหลือใคร”
“แกจะบ้าหรือไง แกยังมีฉันไง ฉันยังอยู่ทั้งคน”
“พี่อย่าห้ามฉันเลย ปล่อยฉันไป ฉันอยู่ไม่ไหวจริงๆ มันไม่ไหวจริงๆ”
“ไม่ได้...ถ้าแกอยากตาย...งั้นก็มาตายพร้อมกัน”
วิไลแย่งมีดจากมือทองดีได้ จะกรีดแขนตัวเอง ทองดีได้สติคว้ามือวิไลไว้
“อย่านะ!...พี่ยังมีอนาคต มีนิคกับลูก แต่ฉันไม่มีใครอีกแล้ว”
“ไหนแกบอกว่าแกเป็นน้องของฉันไง แกรักฉันเหมือนพี่ แล้วฉันจะทิ้งน้องให้ตายไปคนเดียวได้ยังไง ถ้าแกอยากตายนัก เรามาตายพร้อมกันเลย”
วิไลจ้องหน้า ทองดีทรุดลงกองกับพื้นแล้วร้องไห้ วิไลขว้างมีดทิ้งแล้วสองสาวกอดกันร้องไห้
“ทองเอ๊ย...ผ่านไปตั้งหลายเดือนแล้ว นี่แกยังทำใจไม่ได้อีกหรือ แกเป็นแบบนี้คิดว่า คุณมนตราเค้าจะดีใจหรือไง โง่จริงๆเลย”
“ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีกแล้ว”
ทองดีโผเข้ากอด วิไลได้แต่ลูบหลังลูบหัว แล้วส่ายหัวอ่อนใจ

หลายวันต่อมา...ทองดีนั่งกินข้าวกับวิไล
“แล้วนี่แกคิดจะทำยังไงต่อไป” วิไลถาม
“คงต้องหางานทำ”
“อย่าบอกนะว่าจะกลับไปทำงานกับนายนรินทร์อีก มีหวังโดนโขกตาย”
“นั่นสิ ฉันขอคิดก่อน”
“เออ...คิดให้ดีๆแล้วกัน ฉันว่า ถ้ารักไม่สมหวัง แกอาจจะรุ่งเรื่องงานก็ได้นะ ทอง แกลองนึกซิ แกฝันอยากเป็นอะไร ลองทำความฝันของแกให้เป็นจริงซิ”
ทองดีนิ่งนึก เสียงกริ่งประตูดังขึ้น วิไลรีบเดินไปเปิดประตู นิคเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ วิไลดีใจรีบโผเข้ากอดนิค”
“คิดถึงคุณจังเลยวิไล ไหนมาดูซิ ลูกพ่อโตแค่ไหนแล้ว”
นิคก้มลงทักทายลูกที่ท้อง วิไลเขิน
“ไม่เอาน่า อายทองเค๊า”
“อ้าว...คุณทองประกาย”
ทองดียิ้มให้
“สวัสดีค่ะ คุณนิค”
“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องคุณมนตรา คุณล่ะ หายดีหรือยัง”
“ดีแล้วค่ะ ได้พี่วิไลช่วยดูแล ไม่งั้นฉันคงแย่”
นิคยิ้ม
“วิไลเค้าน่ารัก ชอบเทคแคร์คน”
“แหม...ปากหวานจังเลย...ก็คุณไม่ค่อยกลับบ้านน่ะสิ วิไลเหงาแทบแย่แน่ะทองเค้ามาอยู่เป็นเพื่อนวิไล”
“งานทางโน้นยุ่งมาก ผมเลยต้องอยู่คุม แว๊บได้ก็รีบมาหาคุณทันทีเลยนะ” นิคหันไปหาทองดี “...ตามสบายนะครับ พรุ่งนี้ผมต้องบินไปดูงานที่บริษัทแม่อีก คงอีกนานกว่าจะได้กลับมาเมืองไทย”
วิไลตกใจ
“อ้าว...ทำไมเร็วจังคะ ไหนบอกว่าจะไปต้นปีหน้า”
“มันจำเป็น ผมขัดไม่ได้ เอางี้ เราแต่งงานกันพรุ่งนี้เลยดีมั๊ย”
วิไลตีแขนนิคเป็นเชิงเขิน นิคยิ้มหยอกล้อกันแบบรักใคร่ นิคประคองวิไลเข้าห้องไป ทองดีมองตามทั้งคู่ไปแล้วยิ้มอย่างอิจฉาเล็กน้อย

วันต่อมา...นิคแต่งตัวโดยวิไลยืนช่วย กระเป๋าเดินทางวางอยู่บนเตียง
“ผมไม่อยากทิ้งคุณไปเลย ไปพร้อมกันเลยดีมั๊ย บินไปแต่งงานที่โน่นเลยก็ได้”
วิไลส่ายหน้า
“อย่าดีกว่าค่ะ เรื่องแต่งงานก็ไม่สำคัญสำหรับฉันหรอก แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว”
“แต่เรื่องแต่งงานสำคัญสำหรับผมนะ สำหรับลูกของเราด้วย”
“ไว้กลับมาค่อยแต่งก็ได้นะคะ คุณตั้งใจทำงานเถอะ”
นิคทำท่าอิดออด
“...ก็ได้ ก็ได้ พอผมกลับมา คุณต้องแต่งงานกับผมนะ”
“แน่นอนค่ะ ให้ลูกถือดอกไม้ก็ได้...เหมือนในหนังดี”
นิคกอดวิไลอย่างแสนรัก วิไลหันไปหยิบตัวเครื่องบินส่งให้ นิคเดินโอบเอววิไลเดินออกจากห้องไป

วิไลยืนส่งนิคที่หน้าประตู นิคทั้งกอดทั้งจูบวิไลเป็นการล่ำลา
“ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
“ใจหายจัง ฉันคิดถึงคุณนะคะ”
นิคหันบอกทองดี
“ผมฝากครอบครัวผมด้วยนะ คุณทองประกาย”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่วิไลก็เหมือนพี่สาวของฉัน โชคดีนะคะ”
“ส่งแค่นี้พอ ผมให้คนมารอรับแล้ว ดูแลตัวเองกับลูกให้ดีนะ วิไล”
นิคจูบวิไลเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกจากห้องไป วิไลมองตามเศร้าๆ
“นิคเค้ารักพี่จังเลยเนอะ ฉันอิจฉาพี่จริงๆพี่วิไล”
“อย่าอิจฉาเลย ชีวิตแบบนี้มันก็ดีอย่างเสียอย่าง”
ทองดีมองอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ออกไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่รอเค้าคนเดียว แต่อย่างเธอยังไปโลดแล่นทำอะไรตามความฝันได้อีกตั้งมากมาย แต่สำหรับฉันคงหมดแค่นี้แหละ”
“ทำตามความฝันหรือ...”
ทองดีนิ่ง คิดถึงบุญเทียมขึ้นมา

ที่ห้องประชุมงาน...บุญเทียมกำลังอ้อนเสี่ยสี่ เจ้าของหนังสือปลุกใจเสือป่าให้เลือกเด็กของตัว
“เฮียขา...เอาน้องยอดหญ้าดีกว่า..รับรองใครเห็นต้องซี๊ด... อย่างบึ้มเลย”
คู่แข่งที่นั่งอยู่ด้วยขัด
“อ๋อ...ไอ้บึ้มเนี่ย เพราะว่ากำลังท้องหรือเปล่าเจ๊ แบบว่าต้องเตรียมให้นมลูกไงล่ะ
บุญเทียมค้อน
“อีปากหนอน...ท้องเทิ้งอะไรยะ ข่าวลือ...”
“เฮียก็ได้ยินมาเหมือนกัน...” เฮียสี่หันไปถามคู่แข่ง “...แล้วของหนูล่ะเป็นไง”
“...เอาเด็กของหนูดีกว่าค่ะเฮีย...ลูกครึ่ง...สดใหม่ ใสกว่า แต่ว่าไม่ท้องแน่นอน”
บุญเทียมแอบเบ้ปาก เพราะรู้ว่าทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำ แอบบ่น
“เอาไงดีเนี่ย...อีนังยอดหญ้า...ก็เสือกท้องจริงซะด้วย...เฮ้อ...คิดสิ คิดสิ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บุญเทียมกดรับอย่างเซ็งๆ เสียงทองดีดังขึ้นทันที
“พี่บีบีใช่มั๊ยคะ หนูทองประกายนะพี่”
“ชะนีที่ไหนล่ะยะ มีอะไร...” แล้วบุญเทียมก็นึกออก “อ๊ายยย เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ”
บุญเทียมปลื้มมาก หันกลับมาพูดกับเฮียสี่
“เฮียคะ...เอางี้...พรุ่งนี้ฉันจะพานางแบบคนใหม่มาให้เฮียดูตัว รับรองกล้าถ่ายกล้าถอด ไม่มีเหนียม ไม่มีอาย ไม่มียาง...รับรองคนนี้ Best of the Best ถ้าเฮียไม่เอา เฮียจะเสียใจ....”
เฮียสี่ลังเล คู่แข่งมองบุญเทียมอย่างอารมณ์เสีย บุญเทียมยิ้มแบบมีทีเด็ด










Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 22:47:08 น.
Counter : 372 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]