Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

ความรัก..กับการหยิบของบนโต๊ะอาหาร

เรามีแบบทดสอบมาให้คุณได้ลองดูค่ะ ว่ารักของคุณเป็นอย่างไร สำหรับคนโสดลองทำดู ส่วนคนไม่โสดก็ดูได้ว่าตรงมั้ยนะคะ

หากคุณนั่งบนโต๊ะอาหาร สิ่งแรกที่คุณเลือกหยิบคืออะไรคะ ระหว่าง

1. จาน

2. ถ้วยกาแฟ

3. ช้อนส้อม

4. มีด

แล้วลองอ่านเฉลยข้างล่างนะคะ แต่เราไม่บอกหรอกของเราน่ะ อิ อิ อิ




เลือกหยิบจาน - รักภักดี

คุณพร้อมที่จะปรนนิบัติเขา เอาอกเอาใจ และ มอบความรัก ให้เขาจนหมดหัวใจ จงรักภักดี เป็นคนรักที่สุดแสนจะดี รับรอง ว่า เขาจะประทับใจคุณ และเขาคือคนที่โชคดีที่สุด ที่ได้มาคบกับ คุณ เพราะคุณให้ทั้งความสบายกายสบายใจ เต็มเปี่ยม อย่างนี้ เขาหรือ ? จะทิ้งคุณลง

เลือกหยิบถ้วยกาแฟ - รักโรแมนติก

คุณเป็นคนโรแมนติกมากเลยค่ะ คุณเป็นคนที่อ่อนโยนและ อ่อนไหวในเรื่องความรัก ต้องการให้เขารักคุณมากๆ อยากให้เขา แสดงออกมาให้เห็น แต่หากคนที่คุณกำลังคบหาด้วย ไม่ได้ชอบ ความโรแมนติกของคุณสักเท่าไหน อันนี้ก็ลองพิจารณาเอาเองล่ะว่าจะเลือกคบต่อ แต่ลดความโรแมนติกในตัวคุณลง หรือไขว่ขว้า หาคนรักที่รู้ใจและชอบที่คุณเป็นจริงๆ

เลือกหยิบช้อนส้อม - รักปักใจ

คุณรักเขามาก สวีตสุดๆ ต้องการให้แฟนอยู่ใกล้ชิด ตัวติดกัน ตลอดเวลาก็ว่าได้ ไม่ว่าจะไปไหนคุณจะต้องมีเขาคอยอยู่เคียงข้าง เสมอ แต่ระวังนะคะ ถ้าวันนึง คุณกับเขาเกิดทะเลาะกันขึ้นมา ถึง ขั้นเลิกรา เชื่อเถอะว่า คุณจะไม่มีทางคืนดีกับเขาแน่ คุณจะเป็น
ฝ่ายตั้งตัวเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเขาแน่ ยิ่งรักยิ่งแค้นเนอะ

เลือกหยิบมีด - รักพยาบาท

คุณเป็นคนที่รุนแรงในเรื่องความรัก รักของคุณถึงพริกถึงขิง ในเวลารัก ก็รักสุดๆ แต่ถ้าทะเลาะกันวันไหน อาจถึงขั้นลงไม้ลง มือกันเลย หรือถ้ายิ่งคุณจับได้ว่าเขานอกใจ หรือนอกลู่นอกทาง คนรักของคุณคงถึงขั้นเลือดตกยางออกกันบ้าง หากหนักๆ เข้า
อาจถึงกับเสียชีวิตกันเลยก็มี...จะรุนแรงไปมั้ยเนี่ย




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551    
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 8:08:12 น.
Counter : 321 Pageviews.  

5 เหตุผลที่ทำให้คุณต้องหย่ากับเขา

เชื่อว่าทุกๆ คู่รักนั้น กว่าที่จะผ่านมาถึงวันวิวาห์ได้ละก็ คงต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย แต่มันก็สามารถเลิกกันได้ด้วยเหตุผลเหล่านี้

เหตุผลที่ 1 เพราะว่าคุณหรือเขาต่างคาดหวังให้เขาเป็น
ก่อนที่จะแต่งงานกัน (ช่วงที่รักกันใหม่ๆ) คุณและเขาก็อาจจะคาดหวังว่า พอได้แต่งงานกันไป เขา (หรือเธอ) คงจะเป็นแบบนั้น แบบนี้ เช่น เธออาจจะเป็นแม่บ้านที่ดี เป็นแม่ที่ดี หรืออาจจะคาดหวังว่า เขาคงจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี มีความรับผิดชอบ ช่วยเราดูแลครอบครัว และช่วยเราดูแลบ้าน หากสิ่งที่คุณๆ ได้คาดหวังไว้ แต่คุณไม่เคยบอกคู่ของคุณให้รู้มาก่อนเลยละก็ เมื่อคุณได้มาอยู่ร่วมกันแล้วละก็ คุณอาจจะเพิ่งจะรู้ความจริงก็ได้ว่า เขาเองไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคาดหวัง หรืออยากให้เขาเป็น ดังนั้นทางแก้ก็คือ คุณและเขาควรที่จะหันหน้าพูดคุยกันก่อนเลยว่า คุณต้องการอะไร และเขาคาดหวังอะไรจากคุณ เพราะหากแต่งไปแล้วคุณหรือเขาเพิ่งจะมารู้ความจริงละก็ หากเขารับได้ก็โชคดีไป แต่หากรับไม่ได้ จากรักวันหวานก็กลายเป็นรักช้ำในวันนี้ก็ได้

นอกจากต่างฝ่ายต่างก็คาดหวังว่า อีกฝ่ายน่าจะเป็น หรือน่าจะทำแบบนั้นแบบนี้แล้วให้กับตัวเองแล้ว ยังมีเหตุผลที่สำคัญอันดับ 2 ที่มักทำให้คู่รักต้องเลิกลา หย่าร้างกันไป

เหตุผลที่ 2 ค่านิยมพื้นฐานที่แตกต่างกันเกินไป
ค่านิยมพื้นฐาน หมายถึง ความเชื่อ ความชอบ และความเห็นว่าดีและไม่ดี ในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่พื้นฐานของชีวิต การกิน นอน ศาสนา ความเชื่อ ความสำเร็จ ค่านิยมส่วนตัว ฯลฯ เช่น

หากคุณผู้หญิงเป็นคนที่มีมุมมอง แนวคิดที่อยากจะทำงาน อยากใช้ความสามารถของตนเองในการทำงานหรือทำธุรกิจ หากคุณสามีอยากที่จะให้คุณเป็นแม่บ้านที่ดี และเป็นคุณแม่ที่ดีของลูกก็พอละก็ คุณผู้หญิงก็อาจจะทนไม่ได้ที่สามีอยากให้ทนนั่งอยู่บ้าน
หรือหากว่า คุณเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีน้ำใจ แต่สามีหรือคู่ของคุณจะไม่ทำอะไร หากไม่มีผลประโยชน์ร่วม คุณก็อาจจะทนกันไม่ได้

แนวทางการแก้ไขก็คือ คุณควรที่จะนั่งถามตัวเองว่า คุณชอบอะไร คิดเห็นเป็นอย่างไร และลองเปรียบเทียบกับเขาดูว่า ระหว่างที่คุณคบกับเขา (ยังไม่ได้แต่งงาน) นิสัยของเขาเป็นอย่างไร แตกต่างมากน้อยแค่ไหน หากแตกต่างกันมากคุณก็ควรจะคุยกับเขาก่อนแต่เนินๆ ดีกว่าที่จะมารู้ภายหลังหลังแต่งงานนะค่ะ


เชื่อหรือไม่ว่า คำพูดของคุณนั้นทรงพลังมาก คำพูดของคุณสามารถทำให้คู่ของคุณ รักหรือเกลียดได้


เหตุผลที่ 3 ละเลยความสำคัญของคำพูด
สาเหตุของการหย่าร้าง สามารถเกิดจากความไม่พอใจในสิ่งเล็กๆ น้อย ที่สะสมมาเป็นเวลานาน จนเมื่อถึงวันหนึ่งมันก็ระเบิดออกมา กลายเป็นเรื่องราวที่เกินการอดทนของทั้ง 2 ฝ่ายอีกต่อไป นักจิตวิทยาเชื่อว่า การสื่อสารด้วยคำพูดนั้น สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ก็ต้องใช้คำพูดที่ดีด้วย เพราะคำพูดที่ไม่ดีก็อาจจะทำให้ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจเข้าไปอีก


เช่น หากคุณไม่ชอบที่เขามาสายในวันที่เขานัดกับคุณ และไม่ได้โทรมาบอก ปล่อยให้คุณนั่งรอ แทนที่คุณจะต่อว่าเขาเพราะโกรธที่รอนาน แต่คุณควรที่จะพูดแสดงความรู้สึกถึงความถูกต้อง เช่น หากเขาจะมาสายก็ควรจะโทรมาบอก แต่คนส่วนมากมักจะต่อว่า หรือไม่ก็นิ่งเฉย หากคุณต่อว่า เขาก็จะเถียงหรือไม่ก็เงียบ ซึ่งมันก็ไม่ดีทั้ง 2 ฝ่าย แต่การบอกเขา ย่อมทำให้เขารู้ว่าอะไรที่ควรทำ และอะไรที่เขาไม่ควรทำ อย่าคาดหวังว่าเขาจะรู้ว่าคุณต้องการอะไร เพราะผู้ชายไม่มีวันเข้าใจคุณได้ดีเท่าคุณเอง
การที่คุณเอ่ยปากบอกเขา ก็อาจจะต้องทำใจด้วย คุณอาจจะเห็นเขาโกรธ และอาจจะทำให้คุณไม่กล้าที่จะบอกเขาอีกในครั้งต่อไป แต่ถ้ายิ่งไม่พูด คุณเองนั้นเหละที่จะหงุดหงิด และเมื่อถึงวันที่คุณทนไม่ไหว ต่อให้คุณรักเขาแทบตาย ก็อาจจะต้องเลิกรากันไปเช่นกัน



แนวทางการแก้ไขก็คือ คุณและเขาควรที่จะพูดคุยกันในเรื่องของความรู้สึก ว่าเรายังจะต้องปรับอะไรให้เข้าหากัน สื่อสารด้วยคำพูดอย่างจริงใจ แม้ว่าจะต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บบ้าง ก็ควรทำ เพราะมันจะทำให้ทั้งคู่เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันได้ สำคัญก็คือ อย่าใช้คำพูดที่มาจากอารมณ์โกรธ แต่ให้ใช้คำพูดที่มาจากหลักเหตุและผล

ความรู้สึกว่ารัก และการดูแลถนอมหัวใจซึ่งกันและกัน กับความเป็นจริงในวันนี้ ทำไมมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ทำไมเทพบุตรคนเดิมของฉันถึงหายไป???


เหตุผลที่ 4 คุณกำลังหวังว่าเขาจะเหมือนเดิมตลอดไปหรือเปล่า?
คู่รักหลายๆ คู่ ต่างก็อยากให้เขารักเราเหมือนเดิม และมักจะบ่นอยู่เสมอว่า เขาเปลี่ยนไปหลังแต่งงานแล้ว แต่รู้ไหมว่าคนที่พูดแบบนี้คือคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ!!!
เพราะชีวิตของทุกๆ คนต้องเปลี่ยนแปลง ความคิด มุมมอง การกระทำก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน แต่ชีวิตแต่งงานที่ดีก็คือ การที่สามีภรรยาค่อยๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่เติบโตไปพร้อมๆ กัน การที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยน ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งได้

หนทางการแก้ไข คุณต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของมันที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ทั้งจากของตัวคุณเองและของเขาเอง


กุญแจสำคัญที่ทำให้หลายๆ คู่รักต้องเลิกกันก็คือ.....


เหตุผลที่ 5 อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่อง Sex!!!
เชื่อหรือไม่ว่า ผู้ชายหลายคนที่ไปมีเล็ก มีน้อยนอกบ้าน ส่วนมากมักจะเริ่มต้นจากปัญหา Sex!!! เพราะคู่รักส่วนมาก เวลามีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หากเรื่อง Sex ไปกันได้ ก็ยังทำให้เรื่องต่างๆ เบาบางลงไปได้ แต่หากกลับกันละก็ ต่อให้ดีทุกอย่าง หากสอบตกเรื่อง Sex ละก็ จะเป็นสาเหตุให้คุณพ่อบ้าน มีข้ออ้างออกไปหา "ความสุข" นอกบ้านได้ ซึ่งชีวิตคู่ของคุณคงต้องพังทลายเมื่อมี "นังนั่น" หรือ "เจ้านั่น" เข้ามาแทรกแซงชีวิตคู่ของคุณ

แนวทางการแก้ไขก็คือ คุณผู้หญิงต้องเข้าใจว่า เรื่อง Sex เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงอาจจะไม่มี Sex ได้ แต่ผู้ชายจะขาดไม่ได้!!! นี่คือธรรมชาติ ดังนั้นแม้คุณจะรู้สึกเบื่อ หรือรำคาญ ก็ขอให้คุณทำใจ และเข้าใจในธรรมชาติ ของเพศชายด้วย โดยอาจจะลองแบบนี้ก็ได้ค่ะ

ลองวางแผนแบบตั้งใจเลยว่า คุณกับคู่ของคุณจะมี Sex กันในช่วงใด และเมื่อถึงวันเวลานั้นๆ ก็ขอให้ทำตามนั้น ไม่มีข้ออ้างใดๆ
มี Sex แบบไม่ต้องวางแผน แต่ให้เกิดขึ้นเอง วิธีนี้ นอกจากจะช่วยตอบสนองความต้องการได้แล้ว ยังทำให้รู้สึกตื่นเต้น คล้ายๆ เด็กที่ได้ลองของใหม่อยู่ตลอด
ถ้าคุณทำใจได้ รับรองว่า Sex จะช่วยรักษาชีวตสมรสของคุณได้ยืนยาวอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่พูดมาทั้งหมดนั้น ก็เป็นการ "กันไว้ก่อนแก้" จุดสำคัญก็คือ อย่ารอให้ถึงจุดแตกหัก ค่อยมานั่งคุยกัน ควรที่จะพูดคุยและปรับตัว เข้าใจในความเป็นเรา และเขาให้มากที่สุดค่ะ

เป็นไงบ้างค่ะเพื่อนๆ อ่านแล้ว เพื่อนๆ มีความเห็นว่าอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แสดงความคิดเห็นได้นะค่ะ




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551    
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 8:07:38 น.
Counter : 272 Pageviews.  

ความรู้สึก 5 Step...เมื่อคุณอกหัก

มันดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกเลย กับช่วงชีวิตที่ต้องทนทุกข์ใจ เมื่อคนรักของเราต้องจากเราไป แต่เชื่อหรือไม่ว่า ผู้หญิงทุกๆ คนที่อกหัก ต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น หากคุณคือมือใหม่ อกเพิ่งจะหักละก็ นี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคุณ


ขั้นที่ 1 ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เขากลับคืนมา
คุณจะรู้สึกว่า คุณขาดเขาไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ต่อไปในโลกใบนี้โดยปราศจากเขา ใจแทบขาด คุณอาจจะถามตัวเองว่า "ฉันทำอะไรผิด ฉันยอมเธอทุกอย่างถ้าเธอจะกลับมารักฉันเหมือนเดิม...ฯลฯ" หรือผู้หญิงบางคนอาจจะถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ อยากให้เขาสนใจ หรือสงสารเพื่อกลับมารักคุณ หรือแม้กระทั่งทำสเน่ห์!!! ประมาณว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกลละ

สรุปคือ คุณยังยึดเขาแน่น อาจมีโทรตื้อ โทรหา เขียนจดหมายอ้อนวอน นัดเจอกัน หรือทำเป็นว่าบังเอิญมาเจอกัน หรือทำตัวหน้าสงสาร สารพัด 108 ประการ พูดง่ายๆ ก็คือ คุณจะยอมทำทุกๆ อย่างเพื่อให้เขาไม่ทิ้งคุณไป

หลังจากที่คุณทุ่มทุนสร้าง ยอมทำสารพัดอย่างเพื่อให้ได้เขากลับคืนมา แต่เมื่อทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคิด นี่คือสิ่งที่คุณจะต้องเจอะเจอลำดับต่อไป....


ขั้นที่ 2 ได้เวลาโศกาอาดูร....

หลังจากที่คุณเริ่มรู้ตัวว่า ยังไงหัวเด็ดตีนขาด เขาก็ไม่กลับมาหาคุณจริงๆ คุณเสียเขาไปอย่างแน่นอน คุณจะเหมือนตกนรกทั้งเป็น เจ็บปวดรวดร้าว จนแทบจะไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เหมือนดอกไม้ที่ขาดน้ำเลี้ยง กินไม่ได้นอนไม่หลับ นอกจากนั้นยังอาจมีอาการทางกาย เช่น หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก เมื่อเวลาที่คุณนึกถึงเขา คุณจะรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า ถูกทอดทิ้ง
.. ช่างน่าสงสารเหลือเกิน แต่นี่คือสิ่งที่คุณต้องเจอ หากคุณรักเขา และถูกเขาหักอก

พอคุณรู้สึกเจ็บปวด ร้องไห้จนน้ำตาออกแห้งเหือด สิ่งที่คุณจะต้องเจอะเจอก็คือ

ขั้นที่ 3 ช่วงเวลาแห่งความปวดร้าว

เมื่อคุณผ่านการเสียใจมาอย่างหนัก คุณจะเริ่มรู้สึกว่าช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ เพราะคุณแน่ใจเต็มล้านเปอร์เซ็นต์ว่า เขาไม่มีวันกลับมาหาคุณแน่ๆ

ภาวะเช่นนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เพราะว่าเมื่อจิตใจของเราตกต่ำ การรับรู้และการมองโลกของเรานั้นไม่ชัดเจน อาจจะนึกทำอะไรที่ขาดการกลั่นกรอง ที่อาจจะต้องมานั่งเสียใจภายหลัง หากคุณสามารถหาเพื่อนหรือใครสักคน ที่สามารถมาช่วยปรับทุกข์ได้จะดีมากๆ เพราะเพื่อนของคุณจะช่วยดึงคุณขึ้นมาจากมุมมองด้านลบได้

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ คนที่อยู่ในภาวะระยะที่ 3 นี้ จะไม่รู้ตัวว่า ตนเองต้องได้รับการช่วยเหลือ แต่กลับคิดเอาเองว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการอกหัก และปล่อยให้มันเนิ่นนานไป หากปล่อยไว้นานเกิน โดยที่ไม่ได้ระบายออก ความโศกเศร้าที่ลึกๆ ในใจจะเป็นผลเสียกับชีวิตของคุณ

คุณได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดไปแล้วละค่ะ ต่อจากนี้คือกระบวนการปรับจิตใจของคุณเอง

ขั้นที่ 4 ใครกันนะที่ทำให้ฉันเจ็บ

คุณอาจจะรู้สึกโกรธ หรืออาจจะถึงขั้นเคืองแค้นคนรักของคุณ อาจจะไปลงกับคนรักใหม่ของเขา หรือแม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มีผลให้คุณและเขาเลิกกัน แม้กระทั่งพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ฯลฯ

พูดง่ายๆ ก็คือ คุณกำลังจะมองหาแพะรับบาปนั้นเอง บางทีคุณอาจจะต้องการแก้เผ็ดเขา เช่น อาจจะแกล้งให้เขาและคนรักใหม่ไม่สมหวัง (ประมาณว่า ถ้าฉันไม่ได้เขา ก็ไม่มีใครได้เขาไปด้วยเช่นกัน) แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ คุณเองนั้นเหละ จะเป็นผู้ที่ได้เรียนรู้ได้เองว่า ระหว่างที่คุณกำลังโทษคนอื่น หาแพะ หรือแก้แค้น คนที่เจ็บปวด และเหนื่อยที่สุดก็คือ ตัวคุณเอง เพราะคุณได้เสียเวลา เสียพลังงานไปมากมาย แถมบางทีคุณยังอาจจะรู้สึกผิดที่ไปทำให้เขา ต้องทนทุกข์ไปด้วย

ขั้นตอนนี้อาจจะถือได้ว่าเป็นขั้น U Turn ของชีวิตก็ว่าได้ เหมือนเมฆหมอกต่างๆ ได้พัดผ่านไปแล้ว คุณกำลังจะกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง


ขั้นตอนสุดท้าย ... ยอมรับและก้าวเดินต่อไปด้วยความหวัง

ในช่วงนี้ คุณเริ่มที่จะยอมรับในความเป็นจริงได้มากขึ้น ยอมรับว่า คุณและเขาได้จบลงไปจริงๆ และที่สำคัญก็คือ คุณรู้แล้วว่า คุณสามารถอยู่ได้โดยไม่มีเขา คุณผ่านมันได้ และสามารถมีชีวิตต่อไปได้ แน่นอนว่า บางครั้งการที่คุณนั่งนึกย้อนกลับไปอดีต คุณอาจจะได้บทเรียน มุมมองที่แตกต่างจากตอนแรก บางครั้งคุณยังอยากจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ...ที่ทิ้งคุณไป!!!


เพราะว่าเมื่อคุณได้นั่งพิจารณาแล้ว คุณอาจจะมีข้อบกพร่องจริงๆ แม้ว่ามันจะปวดร้าว แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ดีของชีวิตคุณ เพื่อให้คุณเข้มแข็งขึ้น และเข้าใจชีวิตได้ดีกว่าเดิม ทำให้ระมัดระวังมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ คุณผ่านอดีตที่เลวร้าย ผ่านการโทษคนอื่น และสามารถเรียนรู้และยอมรับมัน และ "ปล่อยมันผ่านไปได้"


แน่นอนว่าคุณต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก และคุณได้ให้อภัยเขา อภัยให้กับตัวเอง คุณ "หลุด" ออกมาจากวังวนความทุกข์ แต่เชื่อหรือไม่ว่า กว่าที่เราจะผ่านมาถึงขั้นที่ 5 ได้นั้น ยากมากๆ เพราะบางคนนั้น กว่าจะผ่านขั้นที่ 1 หรือ 2 ก็ใช้ระยะเวลาไปนานหลายเดือน

หลังจากที่คุณเริ่มเข้าใจตัวเอง คุณควรเริ่มถามตัวเองว่า

ทำไมคุณถึงเลือกที่จะรักเขา
อะไรทำให้เราทุ่มเทมากขนาดนี้
จริงหรือที่ชีวิตเราขาดเขาไม่ได้ ถ้าขาดไม่ได้ แล้วก่อนหน้านี้ละ เราอยู่มาได้อย่างไร
คำตอบเหล่านี้จะทำให้คุณเข้าใจ และก้าวเดินต่อไปได้อย่างรวดเร็ว และมั่นคงมากขึ้น .... แต่ถ้าถามว่า แล้วเข็ดไหมที่จะ "รัก" คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วละค่ะ ... จริงไหม




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551    
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 8:05:25 น.
Counter : 351 Pageviews.  

" จูบ " รู้ท่าทาง รู้ภาษาว่ารักหรือหลอก

จูบ ใครคิดว่าไม่สำคัญ วิธีการจูบก้สามารถทำให้เรารู้ได้ว่า เค้ารักจริงหรือหลอกเล่นก็ได้นะ ไม่เชื่อลองดู

ภาษากาย 1 : จับไหล่แล้วจูบ
ถ้าเขาจับไหล่คุณทั้งสองข้างก่อนที่จะเริ่มจูบ เขาก็น่าจะพยายามเก็บคุณเป็นของตาย การจับไหล่คุณโดยห่างตั้งช่วงแขนโดยตั้งใจสร้างช่องว่างระหว่างร่างกาย แสดงว่าเขาเลี่ยงความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกความสัมพันธ์ที่ดีเลยทีเดียว คือแสดงว่าคนรักของคุณไม่จริงจังจะผูกมัดกับคุณเต็มตัว และพร้อมที่จะผลักคุณพ้นทางหากเขาเปลี่ยนใจ" ดังนั้นถ้าคุณไม่สามารถทำให้เขากอดคุณอย่างอ่อนโยน ก็คงจะดีกว่าที่จะทิ้งวายร้ายรายนี้ก่อนที่เขาจะเขี่ยคุณทิ้ง

ภาษากาย 2 : คว้าหมับจับจูบ
คุณคิดว่าคนรักพิศวาสคุณเสียเหลือเกินเมื่อเขากอบหน้าคุณไว้ในมือทั้งสองข้างก่อนที่จะจูบคุณ เราขอให้คิดใหม่อีกครั้ง ดร.วิลสัน เตือนว่า "เมื่อผู้ชายจูบคุณในลักษณะนี้นั่นคือเขาไม่ให้คุณมีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจูบเขา ผลก็คือมันเป็นจูบที่ที่แสดงถึงท่าทีควบคุมบงการ เป็นวิธีการครอบงำอย่างหนึ่งและเขากำลังทำเหมือนคุณเป็นเด็กเล็กๆ" ถ้าคุณต้องการคู่รักที่เป็นช้างเท้าหน้าก็คงไม่มีปัญหา แต่ควรระวังว่าเขาจะไม่ครอบงำความรู้สึกของคุณในด้านอื่นๆ จนเกินไป

ภาษากาย 3 : แตะเอวแล้วจูบ
ถ้าคนรักวางมือโอบเอวคุณขณะจูบ คุณก็สบายใจได้ ดร.วิลสัน บอกว่า "นี่เป็นวิธีการจูบที่โรแมนติกมากที่สุด คือแสดงถึงความสนิทสนมแต่ก็ยังให้อิสระแก่ฝ่ายหญิงที่จะเคลื่อนไหวได้ เป็นวิธีที่เปิดเผยให้เห็นความเต็มใจใส่ไปด้วย"การกระตุ้นที่ริมฝีปากและรอบเอวคือความพยายามของเขาที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของคุณอีกด้วย ดังนั้นถึงเขาจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยและได้รับการทะนุถนอม แต่เขาก็กำลังสรรหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อพาคุณขึ้นเตียง ไชโย!

ภาษากาย 4 : โอบเอว
ถ้าเขาชอบพาดแขนรอบเอวคุณก็ขอบอกว่าคุณคือ ผู้โชคดี ดร.วิลสัน บอกว่า "นี่แสดงให้เห็นความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่และจริงใจที่จะผูกความสัมพันธ์กับคุณ เป็นการกอดที่บ่งบอกความรักอย่างมาก แฝงไว้ด้วยความคุ้นเคยและไว้ใจระหว่างคนสองคน แสดงให้เห็นว่าระหว่างคุณไม่มีช่องว่าง ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ก็เท่าเทียมและปรองดอง" แต่สิ่งหนึ่งที่การกอดลักษณะนี้ไม่แสดงออกคือความรัก อย่างดูดดื่ม มันเป็นภาษากายที่ไม่มีความหมายทางเพศอยู่เลยพ่อและลูกสาวก็อาจกอดกันลักษณะนี้

ภาษากาย 5 : โอบไหล่
เมื่อผู้ชายโอบแขนทั้งสองข้างรอบไหลคุณเวลากอดก็แสดงว่าเขากำลังประกาศว่าคุณเป็นสมบัติของเขา และเขาเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือคุณ คอยคุ้มครองคุณ ถ้าคุณชอบแสดงบทบาทลูกนกบาดเจ็บ คุณก็พบผู้ชายที่เหมาะสมแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการชีวิตคู่ที่เท่าเทียม คุณก็กำลังเจอปัญหา.ลองพาดแขนของคุณโอบไหล่เขาดูบ้างและดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาพยายามพลิกแขนของเขากลับมาอยู่เหนือแขนคุณเหมือนกำลังงัดข้อกันล่ะก็ น่าจะตะเพิดเขาให้ไกลได้

ภาษากาย 6 : โอบไหล่และเอว
ผู้ชายส่วนมากจะโอบแขนข้างหนึ่งที่ไหล่คุณ และใช้อีกข้างกอดเอวคุณขณะเต้นรำในช่วงแรกเริ่มคบกัน คุณอาจมองว่ามันเป็นท่าทางที่เขาให้เกียรติคุณ ดร.วิลสัน เห็นด้วย "ผู้ชายที่โอบคุณในลักษณะนี้กำลังระวังไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามใส่คุณ เขาจะพยายามเก็บไม้เก็บมือให้อยู่ในตำแหน่งที่สุภาพที่สุดโดยเลี่ยงการสัมผัสถูกส่วนที่ไวต่อความรู้สึก" แต่ถ้าเขายังรักษาท่าทางนี้ไว้แม้จะคบคุณนาน 5 ปีแล้ว คงถึงเวลาที่คุณจะแยกย้ายกันได้

ภาษากาย 7 : กุมมือ
การจับมือในแบบฝ่ามือแนบฝ่ามือ คือวิธีที่แม่เคยจับมือคุณเมื่อยังเด็กเพื่อแสดงความรัก ดร.วิลสัน เห็นว่า "มันเป็นท่าที่แสดงการปกป้องแบบพ่อปกป้องลูก ผู้ชายมักจะจับมือผู้หญิงในลักษณะนี้ ถ้าจะข้ามถนนหรือเผชิญกับเหตุการณ์อันตราย" ถ้าคนรักของคุณจับมือคุณแบบนี้ก็แสดงว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น และมักจะเป็นท่าจับมือที่คู่รักใหม่ชอบทำต่อกัน แต่ควรระวังเรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของตัวคุณด้วย ถ้าเขาจับมือคุณแบบนี้ขณะที่เดินเข้างานเลี้ยงด้วยกันอาจหมายถึงเขาอยากแสดงตัวเป็นเจ้าของ

ภาษากาย 8 : ประสานนิ้วมือ
ถ้าคนรักสอดนิ้วของเขาเข้ากับนิ้วมือของคุณ ก็หมายความได้ 2 อย่าง เขาอาจอยากถอดเสื้อผ้าของคุณออกเหลือเกิน หรือเขาเป็นพวกบ้าอำนาจ ดร.วิลสัน อธิบายว่า "การจับมือลักษณะนี้ในแง่หนึ่งก็หมายถึง การหน่วงเหนี่ยวโดยใช้นิ้วของเขาเองเป็นกรงกักขังฝ่ายหญิง จึงอาจแสดงถึงการเกาะติด ความไม่มั่นใจ หรือการแสดงความเป็นเจ้าของ" แต่เขาอาจทำไปเพื่อสัมผัสคุณให้แนบแน่นที่สุดก็ได้ ซึ่งเป็นการจับมือที่ให้ความรู้สึกวาบหวามได้พอๆ กับการจูบทีเดียว

ภาษากาย 9 : จับปลายนิ้ว
ผู้ชายที่จับเฉพาะปลายนิ้วของคุณไม่ใช่คนที่อยากอยู่ร่วมกับคุณตลอดกาล การจับเฉพาะนิ้วมือแสดงว่าต้องการสัมผัสคุณให้น้อยที่สุดหรือต้องการเป็นอิสระในทันทีที่เขารู้สึกตัว แต่ก็ไม่เลวร้ายทุกอย่างเสียทีเดียว ต้องลองสังเกตว่าเขาจับมือคุณลักษณะนี้เมื่อไหร่ ถ้าเป็นเฉพาะในบางสถานการณ์ก็คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมบังคับมากกว่าจะเกี่ยวกับความรู้สึกของเขา บ่อยครั้งที่บางคนจะจับมือคู่รักแบบนี้ เมื่อเขาขัดเขินเพราะไม่ชอบอวดความสัมพันธ์ต่อหน้าสาธารณะ




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551    
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 7:26:42 น.
Counter : 253 Pageviews.  

รักเมียยิ่ง ชีพ

ผมในฐานะผู้ชายไทยคนหนึ่งที่รักภรรยามากๆ อยากจะเล่าเรื่องตัวเองกับภรรยาให้ฟังบ้างครับ ภรรยาผมตั้งแต่คบ มา 12 ปีนั้น ไม่ เคย:

1 ทำงานบ้านใดๆเลย ไม่ชอบและไม่ทำ มีบ้างนานๆครั้ง นับครั้งได้
2 ไม่ทำอาหารให้ทานเลย
3 ไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ในบ้าน ผมรักหมามาก แต่ เมียไม่ให้เลี้ยงก็ไม่เลี้ยง (วุ้ย) เมียกะหมานะ เลือกหมา เอ้ย เมียอยู่ แล้ว
4 ไม่เคยพูดคำหวานหรือ ให้การด์ในวันสำคัญ ผมต่างหาก ชอบ surprise เค้าทุกครั้ง (มีบ้างที่เค้าให้การด์คือ ผมทวง!)
5 รายได้ผม เดือนเป็นแสนๆ เค้าเก็บบริหารในบ้านหมด ผมได้ใช้อาทิตย์ละ 1500 ครับ น้อยกว่าเด็กจบใหม่ อีก
6 ขี้บ่นมากๆๆ บ่นทุกเรื่องที่บ่นได้
7 ไม่ชอบแต่งตัว ไม่เคยแต่งหน้าไปทำงานในชีวิต
8 ไม่ค่อยเปิดมือถือ จนเพื่อนเค้ารำคาญกันไปหมดแล้ว
9 ไม่ชอบเดินห้าง ไม่ชอบของทันสมัย hitech ซึ่งตรงข้ามกับผม

แต่....
ผมรักเธอมากยิ่งกว่าชีวิตผม ผมตายแทนเมียได้ทุกเมื่อ เงินประกันชีวิตเป็นชื่อเธอคนเดียว ทุกข้อที่ยก ตัวอย่าง ส่วนใหญ่ผมรับได้แต่ต้น บางข้อผมอึดอัดในตอนต้นแต่คุยกันแล้ว ผมรับได้ครับและตามใจเธอทุกอย่าง อะไรที่ทำแล้ว แฟนผมมีความสุข ผมทำให้ได้ ทุกอย่าง ทุกวันนี้ ชินและมีความสุขมากๆๆ ถ้าภรรยาผมไปปรับปรุงตัวเองให้เด่นหรือแปลกไป ผมรับไม่ได้ครับ เพื่อนมีล้อว่า กลัวเมียบ้าง ผมเฉยครับและบอกว่า ผมมีความสุขมากๆอยู่แล้ว ไม่แคร์ใครครับ ระวังเพื่อนกับเมีย ผมเลือกเมียครับ เวลาคุณแก่ เวลาคุณป่วย เวลาคุณจะตาย คุณจะกุมมือเพื่อนแล้วร้องไห้หรือป่าว ครับ? ลูกเมียต่างหาก คือ คนที่จะแบ่งปัน ทั้งสุขและทุกข์กับเรา ผมโชคดีที่มีเพื่อนดีๆที่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวผมเยอะมากๆ ชีวิตผม ผมเลือกเอง ครับ ผมรักของผมแบบนี้

สิ่งที่จะบอกทุกคนคือ

1 คุณเลือกแฟนของคุณแบบ นี้เอง ถ้าเค้าไม่ถูกใจจะไปบ่นทำไม

2 No one is perfect. คุณก็ไม่ perfect ผมก็ไม่perfect แต่ ถ้าคนสองคนรักกันมากๆ เราจะมองแต่ข้อดีของกันและกันครับ Positive thinking กับชีวิตครับ แล้ว ชีวิตจะมีความสุข

3 อย่าไปเปรียบเทียบชิวิตคู่เรากับคนอื่น เทียบสูงไม่เท่า เทียบต่ำยังเหลือ เรายังโชคดีกว่าคนหลายล้านในโลกที่มีโอกาส รัก และ ถูกรัก หลายคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะเดิน พูด หรือ ทานข้าวเอง ผมและครอบครัวเพิ่งไปบริจาคเงินและเลี้ยงเด็กพิการปากเกร็ดมา ชีวิตหลายร้อยชีวิตในที่แห่งนั้น ลำบากกว่าเราเป็นร้อยเป็นพันเท่า และใครบางคนมัวแต่วิจารณ์สิ่งที่ไม่ดีของคนข้างตัวที่ เราเป็นคนเลือกเอง นิ้วหนึ่งนิ้วที่ชี้ต่อว่า แฟนคุณนั้น อีกสี่นิ้วชี้หาตัวคุณเองนะครับ ถ้าคุณเบื่อแฟนคุณเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วไปมีคนใหม่ เดี๋ยวคุณก็หาเรื่อง ติ หาเรื่องว่า แฟนคนใหม่คุณได้อีก คุณไม่รักและภูมิใจในแฟนคุณ แล้ว ใครจะรัก ครับ และผมไม่อยากให้ผู้หญิงเอาเรื่องผมไปให้แฟนคุณอ่านเพื่อให้ทำตาม คนไม่ใช่หุ่นยนต์ครับ กรุณาเคารพตัวตนปัจเจกชนของผู้ชายแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ด้วย เพราะผู้หญิงหลายคนหรือคุณเองก็ทำสิ่งดีๆที่แฟนผมทำมากมายให้ผมไม่ได้

ภรรยาของผมมีข้อดีเป็นล้านๆๆข้อ มากกว่าข้อเสียเก้าข้อข้างต้น เช่น เป็นเด็กเรียน ไม่เคยเที่ยวกลางคืนในชีวิต ไม่ดื่มเหล้าเบียร์และเล่นอบายมุข ใดๆ และเป็นคนใจบุญมากๆ ท่องชินบัญชรได้คล่อง ตอนแต่งงาน ท่องบทสวดได้หมด ผมไม่ได้ เลย! อายสุดๆๆ สุดท้ายผมก็พัฒนาเรื่องทางธรรมไปให้ใกล้เธอมากที่สุด พยายามครับ, ภรรยาผมให้นมลูกเองมาสองปีกว่า เหนื่อยมากๆ แต่ เธอไม่บ่นสักคำ ผมซึ้งมากครับ มีกี่คนในประเทศที่เป็นแบบนี้ ผมภูมิใจของผมเองนะ ไม่ได้โอ้อวด, ผมจะถอย รถAccord ป้ายแดงให้ภรรยา เธอยืนยันขอขับรถเล็กคันเก่าสองแสนโลแล้ว ไปเรื่อยๆ รถซื้อมาราคาลดสมชื่อ เก็บเงินให้ลูกดีกว่า เธอว่างั้นครับ เรื่องอื่นๆฟุ่มเฟือยไม่ต้องพูดถึง เธอใช้มือถือรุ่นเก่าสุดครับ ยิ่งไปกว่า นั้น ผมเป็นแฟนคนแรกในชีวิตเธอครับ เดี๋ยวนี้อย่าถามวัยรุ่นสมัยนี้เลยครับเรื่องนี้

อายุสามสิบต้นๆ เราปลดหนี้บ้าน 150 ตารางวาแถวรามคำแหง ราคาตลาดตอน นี้ 8-10 ล้านในเวลาเพียง 6 ปี เรามีรถหลายคัน เรามีทุกอย่างที่เราอยากได้ มีเงินเก็บเป็นล้าน ไปเที่ยวเมืองนอกทุกปี ด้วยการบริหารเงินในบ้านของเธอ เรา คิดว่า ก่อนสี่สิบเราสามารถเกษียณตัวเองได้ ถ้าเราอยากทำ ทั้งที่เราสองคนเริ่มต้นจากศูนย์ทั้งคู่ โหนรถเมล์มาด้วยกัน ทุกอย่างมาจากสอง มือเรา ไม่มีจากที่บ้านเลยเพราะที่บ้านเราทั้งสองรับราชการทั้งคู่

ผมอยาก สรุปสั้นๆว่า ถ้าเรามัวหลงละเลิงกับกิเลสรอบข้างไม่ว่าจะเป็นกิ๊กใหม่ที่ดูสาวกว่าแฟนเรา ดูหนุ่มดูดีกว่าแฟนเรา ปรับตัวเราไปให้ดึงดูดเค้า เราจะไม่มีวันพอใจกับคู่และชีวิตเลยครับ คุณจะเหนื่อยตลอดชีวิตและไม่มีวันพบรักแท้

ลองนึกเล่นๆว่า ถ้าสมัยรุ่นคุณพ่อคุณแม่เราสมัยนั้น เป็นแบบรุ่นเราบางคน สังคมไทยคงวิบัติสุดๆ ครับ เราคงไม่อยากให้รุ่นลูก รุ่นหลานของเรานำด้านไม่ดีของรุ่นเราไปปรับใช้นะครับ เหรียญมีสองด้านครับ อยู่ที่มองด้านไหน คุณอาจจะปรับตัวเองเพื่อหลอกบางคน บางเวลาได้ แต่คุณหลอกทุกคน ทุกเวลาไม่ได้ เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดครับ เค้าจะรักที่ตัวคุณ ไม่ใช่เสื้อผ้า เครื่องประดับหรือเงินคุณ

จงพอใจกับคู่ของคุณเพราะ "คุณเป็นคนเลือกเอง ครับ"

ก่อนมาเขียนก็เกริ่นๆกับภรรยาแล้วแต่เค้าไม่อยากให้มาเล่าเรื่องส่วน ตัว ให้คนอื่นฟังแต่ ผมคิดว่า จำเป็นครับที่อยากให้ทุกท่านโหวตให้ผมครับเพื่ออีกกระทู้ชู้กิ๊กนั้นจะได้ตกไป และ สังคมไทยจะได้มีอีกมุมมองที่แตกต่างกันไปในทางที่ดีครับ




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2551    
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 8:00:51 น.
Counter : 232 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.