Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

กลิ่นหอมกับความรู้สึกที่แตกต่าง

นอกจากน้ำมันหอมระเหยแล้ว กลิ่นธรรมชาติแต่ละกลิ่น เช่น กลิ่นดอกไม้ต่างๆ มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างไรบ้าง



--------------------------------------------------------------------------------



1. กลิ่นโรแมนติคหอมหวาน มักเป็นกลิ่นดอกไม้ หอมเรียบง่าย งดงามชื่นใจ เช่น กลิ่นดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้ ดอกมูเกต์ ดอกกุหลาบ

2. กลิ่นหอมเร่าร้อน-หยิ่ง-ทะนง-กล้าหาย ได้จากกลิ่นหอมตระกูลเครื่องเทศผสมกับดอกไม้ที่มีกลิ่นไม่แรงนัก ให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า รู้สึกถึงความมีอิสระ ความกล้า หยิ่ง ทะนงในตัวเอง เช่น กลิ่นดอกพีโอนี ดอกซาตินวู้ด ดอกแซนดัลวู้ด ไม้แทงก้า

3. กลิ่นแห่งความลึกลับ ค้นหา คล้ายๆ กับกลิ่นหยิ่ง ทะนงแต่ร้อนแรงกว่า มักได้มาจากกลิ่นดอกไม้แรงๆ เช่น ไฮยาซินท์ ราตรี นางกวัก ไม้กระวาน กระดังงา ไลแล็ก มิโมซา โบตั๋นขาว ผกากรองหอมและเครื่องเทศแรงๆ บางชนิด จะทำให้เกิดความรู้สึกเร่งเร้า เข้มข้น รุนแรง และลึกลับ น่าค้นหา

4. กลิ่นหอมเย็นของดอกไม้-พรรณพฤกษา บอกถึงพลังอิสระ เช่นกลิ่นหอมซาบซ่านของ มะนาว มะกรูด มะกรูดอิตาเลี่ยน มินต์ บัวส์เดอโรส น้ำมันพริกไทยดำ ส้มซ่า เฟิร์นหอม เพราะเป็นกลิ่นหอมของสีเขียว จึงให้กลิ่นที่หอมเย็น ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา สดชื่น มักเป็นกลิ่นของผู้ชาย และผู้หญิงแกร่งเก่งและกล้า

5. กลิ่นของความเสน่หา เป็นกลิ่นที่มีความหอมฉุน อบอวลให้ความรู้สึกที่ลึกล้ำ หอมชวนคลั่งไคล้ร้อนแรง มักได้จากกลิ่นหอมที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ เช่น ขมิ้น กำยาน ยางสน หรือกลิ่นอำพัน กลิ่นชะมด เพราะเป็นกลิ่นที่เร้าใจ เรียกร้องให้ไขว่คว้า




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 8:35:47 น.
Counter : 580 Pageviews.  

8 วิธีทางเลือกกับ Aroma Therapy

Aromatherapy ที่หลายๆ คนรุ้จักก็แค่การนวดน้ำมันหอมระเหยใช่มั้ยคะ คราวนี้เราพาคุณได้มารู้จักกับ Aromatherapy แบบอื่นๆ ด้วยค่ะ



--------------------------------------------------------------------------------



1. การนวด (Message) เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะด้วยสรรพคุณของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด จะสามารถช่วยบำบัดรักษาโรคได้ ตัวยาจะซึมผ่านผิวหนังด้วยการนวด ส่วนกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้ประสาทสัมผัสรับกลิ่น ปรับอารมณ์ให้รู้สึกสบายขึ้นไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นการใช้น้ำมันหอมระเหย ที่มีคุณภาพดี และเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการในการบำบัด จะทำให้การนวดมีประสิทธิภาพขึ้น

2. การอาบ (Baths) เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำเองได้ คือ ผสมน้ำอุ่นในอ่างน้ำสำหรับลงแช่ได้ แล้วหยดน้ำมันหอมระเหย ประมาณ 6-8 หยด ลงในอ่างน้ำ แล้วลงแช่ทั้งตัวสักประมาณ 20 นาที ไอระเหยจากอ่างน้ำอุ่นและการซึมทางผิวหนังด้วยการแช่ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น

3. การประคบ (Compresses) ใช้ผ้าขนหนูสะอาดๆ ชุบน้ำที่ผสมน้ำมันหอมระเหยแล้วประคบตามบริเวณที่ต้องการ (ห้ามประคบบริเวณดวงตา) ส่วนผสมใช้น้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดต่อน้ำอุ่น 100 มล. การประคบนี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเฉพาะที่

4. การสูดดม (Inhalations) เป็นการใช้กลิ่นหอม จากน้ำมันหอมระเหยอย่างเดียวไม่มีการสัมผัสทางผิวหนัง การสูดดมกลิ่นหอมทำได้ 2 วิธีคือ ใส่น้ำมันหอมระเหย 2-3 หยด ในชามที่เตรียมน้ำอุ่นไว้แล้วก้มลงสูดดมสัก 2-3 นาที หยด น้ำมันหอมระเหย 1-2 หยด ในผ้าเช็ดหน้าแล้วสูดดม (ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำมันหอมระเหยโดยตรง)

5. การสูดไอน้ำ (Vaporisation) น้ำมันระเหยบางชนิด เป็นแอนตี้เซปติก (Antiseptic) ฆ่าเชื้อโรคได้ เมื่อสูดดมไอน้ำจากน้ำมันหอมระเหยชนิดนี้เข้าไป จะช่วยกำจัดเชื้อโรคในระบบทางเดินหานใจได้
วิธีทำ หยดน้ำมันหอมระเหย 2-4 หยด ลงในชามใหญ่ ซึ่งผสมน้ำร้อนไว้แล้ว ใช้ผ้าคลุมและก้มหน้าลงเข้าไปอังไอน้ำ สูดไอน้ำร้อนผสมน้ำมันหอมระเหย พักเป็นระยะๆ วิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวบาง และไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นหอบหืด

6.การเผา-อบห้อง เป็นการอบห้องให้หอม หลักการอบห้องเพื่อฆ่าเชื้อโรค ในโรงพยาบาลก็ใช้หลักการนี้เช่นกัน เพราะน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจะถูกอบอวล ในห้องที่ปิดมิดชิดสามารถฆ่าเชื้อโรคได้
ในกรณีที่ต้องการให้ห้องหอมตามกลิ่นที่ต้องการ ก็สามารถทำได้โดย หยดน้ำมันหอมระเหย 3-4 หยด ในน้ำที่เตรียมใส่ในจานสำหรับเผา (Aroma Jar) แล้วจุดเทียนไว้ในห้อง ความร้อน จากเทียนจะทำให้กลิ่นหอม จากน้ำผสมน้ำมันหอมระเหยส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วห้อง ควรเผา-อบไม่นานกว่า 10 นาที ต่อครั้ง

7. ใช้ผสมกับเครื่องหอม และน้ำหอม ส่วนมากเครื่องหอม เช่น บุหงา และน้ำหอมจะมีส่วนผสมจากกลิ่นไม้หอม หรือกลิ่นจากดอกไม้นานพันธุ์ผสมอยู่ การใช้เครื่องหอมและน้ำหอม ส่วนมากจะมีจุดประสงค์ให้เกิดความสบายใจ สะอาด สดชื่น และเป็นที่เร้าใจตราตรึงใจจากผู้คนที่อยู่ใกล้

8. ใช้ผสมกับเครื่องสำอางค์ ครีม โลชั่น ความหลากหลายของคุณสมบัติเฉพาะ จากน้ำมันหอมระเหย สามารถช่วยให้เครื่องสำอางค์ ครีมและโลชั่นต่างๆ กลายเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ผิวหน้า เส้นผม และสารสกัดบางชนิดยังช่วยในการทำความสะอาดผิวหนัง สร้างความสมดุลให้ผิวอีกด้วย แต่การเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด ต้องพิถีพิถัน และศึกษาให้รู้จริงว่า สารชนิดใด มีคุณสมบัติเช่นใด จึงจะก่อประโยชน์สูงสุด


ความคิดเห็น




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 8:35:17 น.
Counter : 519 Pageviews.  

คุณค่าของน้ำมันหอมระเหย

คราวนี้ทางเราได้รวบรวมเอากลิ่นของน้ำมันหอมระเหยและสรรพคุณต่างๆ ของแต่ละกลิ่นมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ จะได้เลือกซื้อถูกนะคะว่าตอนไหนจะเลือกใช้กลิ่นไหนดี



--------------------------------------------------------------------------------



1. น้ำมันหอมระเหย-โรสแมรี่ ช่วยขจัดแบคทีเรีย-ขับเชื้อโรค ทำให้สดชื่นแจ่มใสช่วยให้มีสมาธิและมีกำลังใจ ถ้าใช้ในการนวดจะให้ความอบอุ่นกระตุ้นและปรับตัว เหมาะสำหรับผิวมัน
2. น้ำมันหอมระเหย-ลาเวนเดอร์ ช่วยกำจัดแบคทีเรีย และช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับเชื้อโรคออกไป ทำให้สงบ และผ่อนคลาย ช่วยให้อารมณ์ เกิดความสมดุล ถ้าใช้ในการนวด จะช่วยให้นอนหลับสบายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำงานหนัก ถ้าใช้ผสมกับครีม-โลชั่นจะช่วยบำรุงผิวและลดความมันบนใบหน้า และยังช่วยสมานแผลได้อีกด้วย
3. น้ำมันหอมระเหยคาโมมายล์ ช่วยทำให้ผิวสะอาด ช่วยให้จิตใจแจ่มใส มีสมาธิแน่วแน่ ถ้าใช้นวดจะช่วยให้รู้สบาย และสงบเหมาะกับผิวแห้งและธรรมดาช่วยให้ผิวหนังรู้สึกผ่อนคลาย
4. น้ำมันหอมระเหย-ยูคาลิปตัส ช่วยให้หายใจโล่ง ช่วยให้มีความกระจ่าง ปลอดโปร่งและมีสมาธิ มีคุณสมบัติ ในการขจัดแบคทีเรียอีกด้วย ถ้าใช้นวด จะช่วยให้สดชื่น และฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายเหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวมัน
5. น้ำมันหอมระเหย-เป๊ปเปอร์มินต์ ช่วยกำจัดแบคทีเรีย ช่วยให้จิตใจแจ่มใส ปลอดโปร่ง ช่วยให้สดชื่นและมีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับผิวมัน ไม่ควรใช้กับผิวที่แพ้ง่าย
6. น้ำมันหอมระเหย-มะนาว (เลมอน) ช่วยให้สดชื่น แจ่มใส มีสมาธิ ถ้าใช้นวดจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น จะช่วยให้รู้สึกร่าเริงและกระตือรือร้น
7. น้ำมันหอมระเหย-เบอร์กาม็อท ช่วยดับกลิ่นและให้ความสดชื่น และเสริมสร้างอารมณ์ให้มีทัศนะในทางบวกมากขึ้น เหมาะสำหรับผิวมัน
8. น้ำมันหอมระเหย-กระดังงา (อีแลงอีแลง) ช่วยให้มั่นใจ และจิตใจสบาย ให้ความรู้สึกคลาสสิก ให้ความอบอุ่นและอารมณ์ รัญจวน ถ้าผสมกับครีม-โลชั่นจะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ เหมาะสำหรับผิวทุกประเภท
9. น้ำมันหอมระเหย-มะลิ (จัสมิน) ช่วยให้เกิดความมั่นใจ มองโลกในแง่ดี ช่วยผ่อนคลายและเกิดอารมณ์รักใช้ได้กับทุกประเภทผิว และดีมากสำหรับผิวแห้ง
10. สารสกัดจากการบูร ใช้รักษาหนังศีรษะ
11. น้ำมันหอมระเหยจากต้นชา (Tea tree) ช่วยทำความสะอาดผิวได้
12. น้ำมันหอมระเหย-ไม้ซีดาร์ ช่วยให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
13. น้ำมันหอมระเหย-จากส้ม ช่วยให้การเผาผลาญพลังงาน เป็นไปตามปกติ ช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลายความตึงเครียด จากการทำงานหนักมาทั้งวัน และยังให้ความรู้สึกเย้ายวน
14. น้ำมันหอมระเหยจาก-องุ่น ช่วยให้อารมณ์แจ่มใส สดชื่น
15. น้ำมันหอมระเหย-เลมอนกราสส์ ช่วยทำความสะอาดผิวได้ดี 16. น้ำมันหอมระเหย-มินต์ ช่วยลดอาการบวมน้ำ และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี
17. สารสกัดจากกำมะถัน ช่วยให้การเผาผลาญพลังงาน ให้เป็นไปตามปกติ
18. น้ำมันหอมระเหย-ดอกบัว (Lotus oil) ใช้บำรุงผิว
19. น้ำมันจากผลอะโวคาโด ใช้ผสมครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกาย
20. น้ำมันจากจมูกข้าวสาลี ใช้ผสมครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกาย




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 8:34:46 น.
Counter : 375 Pageviews.  

ยกทรงให้สวยด้วยบราเซีย

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงชาตใดในโลกเมื่อถึงวัยอันควรก็ต้องหาเสื้อตัวเล็กที่อยู่ชั้นในสุดหรือบราเซียมาสวมใส่กันจนกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทางเราจึงได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับเสื้อตัวเล็กๆ นี้มาฝากกันค่ะ




--------------------------------------------------------------------------------



โดยทั่วไปแล้วดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบเสื้อยกทรงจะแบ่งประเภทของเสื้อยกทรงเป็นตามลักษณะคัพ (cup) และจะแบ่งเป็นอีก 3 แบบคือ แบบครึ่งเต้า แบบ 3/4 เต้า และแบบเต็มเต้า ซึ่งแบบเต็มเต้ามักจะนิยมใช้กับเสื้อผ้าที่เป้นชุดราตรีเปิดไหล่ หรือราตรีเกาะอกที่มักจะอวดเนินอกกัน ส่วนแบบ 3/4 เต้าก็จะใช้กับเสื้อคอตื้นขึ้นมาหน่อย และแบบเต็มเต้าเหมาะกับสาวที่มีหน้าอกเล็กและต้องมีการเสริมแผ่นฟองน้ำเพื่อให้ดูมีหน้าอกมากขึ้น หรือจแบ่งตามชนิดของการใช้งานก็จะแบ่งได้ตามนี้
1. Moulded จะมีแผ่ยฟองน้ำซึ่งปั๊มเป็นรูป cup เสริมทั้งเต้า เหมาะสำหรับสาวหน้าอกน้อยที่ต้องการให้ดูมีมาก
2. Padded จะมีแผ่นฟองน้ำสอดช่วยเสริมหรือดันให้เต้าดูอวบอิ่มขึ้น
3. Multiway เป้นแบบถอดสายได้สามารถดัดแปลงใส่ได้หลายแบบคือทั้งแบบมีสาย ไม่มีสาย คล้องสายเดียว หรือไขว้หลัง ซึ่งเหมาะกับชุดราตรีเปลือยไหล่ หรือเกาะอก
4. Underwired เป็นแบบที่มีโครงเสริมใต้อก ช่วยกวาดเก็บทรงให้กระชับและได้รูปทรงดีขึ้น
5. Non underwired เป็นแบบไม่มีโครงเสริมใต้อก ใส่แล้วจะรู้สึกสบาย เป็นธรรมชาติ
6. Seamless เป็นแบบไร้ตะเข็บ เหมาะกับเวลาใส่เสื้อทีเชิ้ต หรือเสื้อออกกำลังกาย
7. แบบตะขอหลัง ถือเป็นดีไซน์เก่าแก่ดั้งเดิม และยกทรงทั่วไปก็เป็นตะขอหลัง
8. แบบตะขอหน้า เป็นดีไซน์ใหม่ อกแบบเพื่อใส่กับเสื้อคอลึก ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่สามารถถอดตะขอได้ง่ายและสะดวกขึ้น

วิธีการเลือกยกทรง
การเลือกซื้อยกทรงมีจุดสำคัญ 2 อย่างคือ เลือกตามทรงหรือคัพของผู้ใส่ แลเลือกตามประเภทของเสื้อผ้าที่ต้องสวมใหส่ ผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนขนาดคัพของเสื้อยกทรงไปตามวัยและสถานการณ์ และอย่างน้อยผู้หญิงคนหนึ่งควรเปลี่ยนขนาดยกทรง 3 ครั้ง เช่นถ้าเป็นสาวแรกรุ่น (อายุ 9-12) ซึ่งกำลังเริ่มที่จะมีหน้าอก ก็ควรใส่แบบ first bra ที่ออกแบบมาเพื่อใส่บังทรง หลังจากนั้น เมื่อเป็นวัยสาวก็ต้องเปลี่ยนมาเป็ฯขนาดที่เหมาะสมกับจนาดของตัวเอง จากนั้นถ้าเป็นวัยท้องก็จะเปลี่ยนขนาดอีกครั้งเพราะผู้หญิงที่ตั้งท้องหน้าอกจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และหลังจากนั้นเมื่อถึงวัยสาวใหญที่หน้าอกหย่อนคล้อยก็ควรเลือกยกทรงที่ออกแบบมาสำหรับวัยนี้ ส่วนใครจะคัพอะไรนั้นต้องไป fitting กับพนักงานขายที่เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเลือกไซส์ให้กับลูกค้าอย่างถูกต้อง หลายคนอาจจะชอบเลือกด้วยการเอาเสื้อมาลองวัดรอบใต้อกอ่างลวกๆ พอวัดได้พอดีก็ซื้อตัวนั้น ควรเปลี่ยนพฤติกรรมได้แล้วค่ะ และถ้าหากใส่ชั้นในที่เล็กกว่าหรือใหญ่กว่าขนาดที่แท้จริงจะทำให้ใส่ไม่สบายตัว สายบ่าอาจฟิตไปหรือหลวมไป ต้องคอยดึง ทำให้เสียบุคลิกภาพ

เมื่อเลือกแบบที่เหมาะกับตัวเองแล้วสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดก็คือควรสำรวจว่าตัวเองสวมใส่ถูกต้องหรือยัง นั่นคือคุณสวมใส่แล้วส่วนต่างๆ ของยกทรงจะต้องแนบเนื้ออย่างสบาย ไม่หย่อนหรือรัดกดเนื้อจนเกินไป เต้าทรงต้องเก็บเนื้อได้พอดี ไม่มีเนื้อจากขอบด้านใดล้นออกมา ขอบใต้เต้าทรงด้านหน้าและด้านหลังจะต้องตรงกันเสมอ ยอดหน้าอกจะต้องอยู่กึ่งกลางของแขนท่อนบนพอดี จำไว้ว่ายกทรงที่สวมใส่พอดีต้องไม่มีร่องรอยย่นหรือนูนในส่วนต่างๆ

วิธีดูแลรักษาเสื้อยกทรง
เนื่องจากยกทรงเป็นเสื้อทีทำด้วยวัสดุที่ค่อนข้างบอบบาง การดูแลจึงไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแต่ใช้น้ำยาซักผ้าอ่อนๆ ใช้มือขยี้เบาๆ หรือแค่ขยำเอาก็พอ ถ้าซักด้วยเครื่องควรใส่ถุงตาข่ายให้เครื่องหมุช้าๆ ห้ามใช้เครื่องปั่นแห้ง ไม่ควรตากในที่ร้อนจัด เพราะชุดชั้นในมีส่วนผสมของสแปนเด็กซ์หรืออีลาสเทนจะยืดยานเร็วกว่าปกติ แถมสีจะซีดจางด้วย และจะเก็บพับก็ต่อเมื่อแห้งสนิทจริงๆ เท่านั้น ไม่งั้นจะมีกลิ่นอับชื้นแถมอาจจะขึ้นราอีกด้วย




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 8:32:56 น.
Counter : 465 Pageviews.  

8 วิธียกกระชับผิวหน้า

เมื่อสาวๆ ย่างเข้าวัยกลางคน ผิวหน้าหรือผิวกายเต่งตึงก็เริ่มหย่อนยานลงตามแรงดึงดูดของโลก จึงมีวิธีการหลากหลายที่จะจัดการกับเจ้าร่องรอยเหล่านี้ให้หมดไป เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ The Lift Forever ที่เอาใจสาวๆ โดยแนะวิธีกระชับและลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า



--------------------------------------------------------------------------------






1. เริ่มต้นจาก การล้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่จำเป็นอย่างยิ่งในการขจัดสิ่งสกปรกที่เราเจอะเจอมาทั้งวัน ด้วย Cleansing Gel (สำหรับหญิงสาวที่แต่งหน้าบางๆ) ลูบไล้เบาๆในขณะที่ผิวหน้าแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือ Cleansing Cream (สำหรับผู้ที่แต่งหน้ามาก) ที่ใช้ลูบไล้บนใบหน้าแล้วคลึงเพียงเบา และเช็ดออกเบาๆด้วยกระดาษทิชชู

2. หลังจากนั้นทำความสะอาดผิวหน้าด้วย สบู่ Crystal Soap เพื่อขจัดคราบและสิ่งสกปรกทั้งหมด แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง

3.ปลุกผิวที่อ่อนล้าให้ตื่น พร้อมกระชับรูขุมขน ด้วย Pore Mist คล้ายโทนิกที่ให้ความสดชื่น แก่ใบหน้า เพียงฉีดพรมบนใบหน้าให้ทั่ว แล้วลูบไล้เบาๆ

4. ดวงตาและผิวรอบดวงตาก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะริ้วรอย ผิวคล้ำ และถุงใต้ตา ที่เป็นปัญหาหนักใจของสาวๆ ทั้งหลาย ใช้ Eye Lift ลูบไล้เฉพาะใต้ตาจากหัวตาจรดหางตา เพื่อป้องกันสาเหตุดังกล่าว

5.หลังจากนั้นบำรุงผิวหน้าด้วย Forever Radiant โลชั่นเนื้อบางเบาที่ปรับผิวให้สว่างใส แก้ปัญหาฝ้า ด้วยการลูบไล้เนื้อครีมเบาๆ ทั่วผิวหน้าตั้งแต่คางขึ้นไปจรดหน้าผาก เช้า-เย็น

6. ลบเลือนริ้วรอยด้วย Forever Young หลังจากบำรุงผิวหน้าแล้ว ก็ต้องยกกระชับและลบเลือนริ้วรอยด้วยครีมบำรุง ไม่ว่าจะรอยย่นบนหน้าผาก ตีนกา รองแก้ม ด้วยลิขสิทธิ์สูตร B.NU. – M Complex ที่ช่วยลบเลือนริ้วรอยได้ถึง 70%

7. ต่อจากนั้น ปกป้องแสงแดดด้วย Forever Shield ครีมสูตรพิเศษที่ปกป้องผิวด้วยแร่ไททาเนียมไดอ๊อกไซด์ และซิงค์ออกไซด์ จากธรรมชาติ 100% เพราะแสงแดดที่จัดจ้า ทำให้ผิวหน้าเสื่อมเร็วและก่อปัญหาฝ้า แล้วเติมแป้งแต่งหน้าได้ตามต้องการ

8. ปิดท้ายด้วย Lifting Mist สเปรย์ยกกระชับผิวหน้า ที่มีส่วนผสมของเมล็ดแอบเปิ้ล และเมล็ดลูกพลัม กับสารสกัดจากเห็ด Kombuska ใช้ฉีกพรมทั่วหน้าหลังจากแต่งหน้าเสร็จ โดยไม่ต้องเติมแป้งทับ

เห็นขั้นตอนที่หลากหลายกว่าจะได้มาซึ่งผิวหน้าที่กระชับ ไร้ริ้วรอยอย่างนี้ก็ต้องใช้ความอดทน และหมั่นสนใจรักษาดวงหน้าของตัวเองกันหน่อย แต่สุดท้ายผิวหน้าจะสวยใสได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่ที่นิสัยการกินของเราด้วยเช่นกันค่ะ ว่าเราทานผัก ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์ด้วยหรือเปล่า




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 8:30:54 น.
Counter : 480 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.