Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

" คอนแท็คท์เลนส์ตาโต" เสี่ยงตาบอด





ไม่ว่าจะเป็นสาวยุคไหนก็ให้ความสำคัญกันการเสริมเติมแต่งดวงตาให้สวยงามโดดเด่นกันทั้งนั้น ว่าไหมค่ะ มายุคนี้ แฟชั่นต่อขนตาให้ยาวงอนจนเกือบปิดลูกตากำลังมาแรง แต่ที่ทำให้คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เป็นห่วงสาวๆ รุ่นนี้ เห็นจะเป็นการใส่เจ้า " บิ๊กอายส์ " หรือคอนแท็คท์เลนส์ตาโต (ใส่แล้วตากลมแบ๊วเหมือนดาราญี่ปุ่น-เกาหลีอย่างที่กำลังนิยมกัน)





เรื่องที่น่าเป็นห่วงมาจากการใช้คอนแท็คท์เลนส์ตาโตที่ไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เพราะส่วนใหญ่ซื้อมาใช้เอง โดยไม่ได้ปรึกษาจักษุแพทย์ และที่สำคัญ เดี๋ยวนี้สามารถซื้อคอนแท็คท์เลนส์ตาโตได้ง่ายมากเพราะมีขายผ่านทางเว็บไซต์ รวมถึงตามแหล่งแฟชั่นซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่วัยรุ่น นอกจากคอนแท็คท์เลนส์ตาโตจะทำให้ตาโตขึ้นแล้ว ยังเปลี่ยนสีตาได้ สนนราคาก็มีตั้งแต่คู่ละ 800-3,000 บาท สุดแท้แต่จะเลือกว่าจะให้แบบที่ทนทานนานแค่ 2 เดือนหรือเป็นปี ( ยิ่งใช้ได้นาน ราคาจะแพง )

นายแพทย์นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงมีมาตรการกำกับดูแลคอนแท็คท์เลนส์ทุกประเภทให้เข้มงวดขึ้น โดยจะจัดทำร่างประกาศกำหนดใช้คอนแท็คท์เลนส์ทุกประเภทเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งรายละเอียดต่อ อย.ก่อนผลิตหรือนำเข้าอีกทั้งได้กำหนดให้ฉลากผลิตภัณฑ์ต้องมีคำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังบนฉลากอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการใช้คอนแท็คท์เลนส์ทุกชนิด รวมทั้งไม่ควรซื้อมาใช้เองหรือซื้อมาจากร้านแผงลอย และหากมีภาวะผิดปกติ เช่น เป็นต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาใวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง หรือกระพริบตาไม่เต็มที่ ก็ไม่ควรใช้คอนแท็คท์เลนส์

ทั้งนี้ สำหรับผู้ใช้คอนแท็คท์เลนส์ตาโต หากใช้ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ ทางที่ดีที่สุดก่อนใช้ ควรให้จักษุแพทย์ตรวจดวงตาเสียก่อนและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
ทราอย่างนี้แล้ว ก่อนจะนึกถึงเรื่องความสวยความงวมเพียงอย่างเดียว ลองคิดถึงวิธีการถนอมดวงตาให้อยู่กับเราไปนานๆ ด้วยก็ดีนะคะ




ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 13:23:48 น.
Counter : 461 Pageviews.  

ปัญหาผิวพรรณของสาวออฟฟิศ





ท่ามกลางความสะดวกสบายในสำนักงาน สาวออฟฟิศหลายคนอาจมองข้ามปัญหาผิวพรรณที่มากับอุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร หลอดไฟ ซึ่งมีผลกระทบต่อผิวพรรณความสวยความงามได้เหมือนกัน โดยทั่วไปเครื่องใช้ในสำนักงานจะได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดีเครื่องใช้บางชนิดสามารถปลดปล่อยรังสี UVA ออกมาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดกระ-ฝ้าที่เราคาดไม่ถึง เราจึงควรป้องกันตัวเองและใช้งานเครื่องใช้เหล่านี้อย่างระมัดระวัง



รังสีจากเครื่องถ่ายเอกสาร
พนักงานที่ทำงานใกล้ชิดกับเครื่องถ่ายเอกสารตลอดทั้งวัน อาจได้รับแสงยูวีที่ปล่อยออกมาจากหลอดไฟพลังงานสูงผนวกกับความร้อนจากเครื่องถ่ายเอกสาร เสี่ยงต่อการเกิดกระฝ้าได้ รวมทั้งแสงวาบที่เข้าตาก็อาจทำให้ปวดตาและปวดศีรษะได้ ดังนั้นจึงควรปิดฝาครอบเครื่องถ่ายเอกสารให้สนิททุกครั้งที่ถ่ายเอกสาร นอกจากนี้ไอน้ำหมึกที่ระเหยออกมาก็ทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในที่ๆ ไม่มีอากาศถ่ายเท วิธีแก้ไขคือควรแยกห้องเฉพาะซึ่งมีการระบายอากาศที่เหมาะสม หรือติดตั้งพัดลมดูดอากาศ



แสงจากหลอดไฟอ่านหนังสือ
หลอดไส้ (หลอดทังสเตน) เป็นหลอดไฟที่ปลอดภัยจากรังสียูวี แต่จะให้ความร้อนสูงพอควร เราไม่ควรอยู่ใกล้หลอดไฟเกินไปเวลาใช้งาน เพราะหลอดไฟทำให้เกิดความร้อนกับหน้าได้มาก ต้นเหตุของความร้อนคือรังสีอินฟราเรดซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเมลานินและอาจทำให้หน้าเกิดกระ ได้
หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ก็ถือว่าเป็นหลอดไฟที่ปลอดภัย เพราะปลดปล่อยรังสียูวีเอซึ่งเป็นสาเหตุของกระฝ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย แต่ไม่ควรเข้าไปใกล้มากกว่า 100 ซม. และไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีหลอดไฟเหล่านี้หลายๆ หลอดเป็นเวลานาน อย่างเช่นบริเวณหน้าตู้โฆษณา ตู้โชว์สินค้า โต๊ะเขียนแบบ
วิธีการใช้หลอดไฟเพื่อให้ความสว่างอย่างปลอดภัยในการอ่านหนังสือหรือทำงานดึกคือ ให้ส่องไฟไปที่ผนังสีขาว แล้วให้แสงไฟสะท้อนกลับมาเป็นแสงทุติยภูมิ แสงจะนวลตาและช่วยถนอมสายตา รวมถึงลดความร้อนจากการสัมผัสผิวหน้า ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระได้ นอกจากนี้ควรปรับความเข้มแสงให้เหมาะสมกับงาน เช่น งานเขียนหนังสือควรติดตั้งให้แสงมีความสว่างประมาณ 100-200 ลักซ์ สำนักงานควรมีความสว่างประมาณ 500-1000 ลักซ์



แสงจากหลอดไฟเมทัลเฮไลด์ (Metal Halide Lamp)
หลอดไฟส่องสินค้า ไฟประดับ ไฟเวที รวมไปถึงหลอดไฟในอุปกรณ์ไฮเทค อย่างเช่น เครื่องฉายแผ่นใส เครื่องฉายแอลซีดี ส่วนใหญ่ทำมาจากหลอดไฟฮาโลเจนหรือหลอดไฟ Metal Halide สำหรับหลอดฮาโลเจน การปลดปล่อยรังสียูวีจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่สำหรับหลอดแบบเมทัลเฮไลด์ การปล่อยรังสียูวีเอจะค่อนข้างเข้มข้น การทำงานที่อยู่ในแนวของแสงที่มาจากหลอดไฟชนิดนี้เป็นเวลานานมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระฝ้าได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวอุปกรณ์ต่างๆ ใช้หลอดไฟแบบไหน กฎง่ายๆ คือสาวออฟฟิศควรหลีกเลี่ยงการทำงานใกล้กับแหล่งกำเนิดแสงที่มีความสว่างมากๆ เป็นเวลานาน



การแผ่รังสีจากคอมพิวเตอร์
โดยทั่วไปผู้ผลิตสินค้าจะควบคุมคุณภาพสินค้าให้มีการปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทางด้านข้างและด้านหลังจอคอมพิวเตอร์จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามากกว่าทางด้านหน้าจอ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานทางด้านข้างและด้านหลังจอภาพคอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปในร่างกายซึ่งเป็นที่ถกเถียงในวงการวิชาการและการแพทย์ว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ โดยทั่วไปสาวออฟฟิศควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว และห่างด้านข้างและด้านหลังจอมากกว่า 24 นิ้ว หรือไม่ก็บอกให้เจ้านายเปลี่ยนมาใช้จอแบนแบบแอลซีดีหรือโน๊ตบุคแทน



ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
สาวๆ ที่ต้องอยู่ในสำนักงานเย็นฉ่ำเป็นประจำอาจประสบปัญหาผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นได้ สำหรับคนที่ผิวแห้งอยู่แล้วเพราะไขมันใต้ผิวหนังมีน้อย จะยิ่งสูญเสียน้ำออกไปมากกว่าคนผิวมันที่มีไขมันใต้ผิวหนังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ ในภาวะผิวแห้งจะปรากฏลักษณะเป็นเส้นเล็กบนผิวชั้นบนสุดจากการขาดน้ำ เป็นริ้วรอยชนิดรอยย่นแบบตื้น มักปรากฏบริเวณผิวอ่อนรอบดวงตาหรือข้างแก้ม ดังนั้นควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หรือดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ และควรระวังเชื้อราที่จะเกิดขึ้นและฟุ้งกระจายอยู่ในห้องจากเครื่องปรับอากาศ (ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดหรือไม่มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม) ด้วย




อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health & Beauty นิตยสาร Health & Cuisine
ปีที่ : 6 ฉบับที่ : 63 เดือน : เมษายน 2549




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 13:21:07 น.
Counter : 416 Pageviews.  

มา "โนบรา" กันเถอะ

มา "โนบรา" กันเถอะ


เราเคยเชื่อกันว่า มะเร็งเต้านมมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่มีผลเสียต่อสุขภาพ หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังหายใช่ไหมคะ แต่เมื่อไม่นานมานี้ที่ สหรัฐอเมริกามีการศึกษาถึงเรื่องชุดชั้นในกับการเกิดมะเร็งเต้านม (Bra and Breast Cancer Study) พบว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่มักมีประวัติการใส่ชุดชั้นในที่ค่อนข้างคับหรือรัดหน้าอกมากเกินไป และมักจะใส่ชุดชั้นในตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลานอน





ทราบไหมคะว่า ชุดชั้นในที่พวกเราสวมใส่กันอยู่ทุกวันนี้สร้างแรงกดทับให้กับหน้าอกมาก โดยเฉพาะกับระบบน้ำเหลือง ซึ่งจะมีท่อเล้กๆ เชื่อมกับเนื้อเยื่อของหน้าอก และเจ้าท่อที่ว่านี้จะทำหน้าที่ลำเลียงสารพิษ ของเสีย เซลล์ มะเร็ง ไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งต่างๆ ออกไป





เพราะฉะนั้นการที่เราใส่ชุดชั้นในก็เหมือนกับว่าเราต้องบังคับหน้าอกให้เป็นทรง และปิดทางเดินของน้ำเหลือง จากบริเวณหน้าอกให้มากระจุกตัวเป็นก้อนของเหลวก็จะเกิดการคั่งค้าง บวมและรวมตัวกันเป็นถุงหรือกระเปาะเล็กๆขึ้นมา สารพิษที่ต้องไหลผ่านไปก็มาอัดตัวตามน้ำเหลืองที่ถูกขัดขวางการไหลเวียนจากชุดชั้นในที่คับติ้วนี่เอง





นอกจากนี้ชุดชั้นในยังทำให้หน้าอกของเราอ่อนแอ ลงด้วยนะคะ เพราะการพึ่งพาชุดชั้นในมากเกินไปทำให้หน้าอกไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีโอกาสได้ปรับสภาพให้เหมาะสมกับตัวเองสักเท่าไร สุดแต่ชั้นในจะพาไป แต่ถ้าไม่ให้ใส่ชุดชั้นในเลยก็คงจะเกินไปหน่อย ตามหลักทางสายกลาง ความลงตัวของเรื่องก็คงอยู่ที่ว่า ใส่ชุดชั้นในตามปกติก็ได้ แต่เลือกแบบที่ไม่คับมาก สวมใส่พอสบาย ไม่อึดอัด ดีที่สุดค่ะ




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 11:34:54 น.
Counter : 605 Pageviews.  

รีดหุ่นสวยด้วยนมสด

สาวๆ ทราบหรือเปล่าคะว่า การที่คุณมีนมหรือโยเกิร์ตติดตู้เย็นไว้ที่บ้านเป็นประจําเนี่ย มันสามารถทําให้น้ำหนักตัวคุณลดลงได้ด้วยนะ อ๊ะๆ ไม่เชื่อละสิ ถ้างั้นก็ต้องรีบมาอ่านข้างล่างนี้ดูกันแล้วละค่ะ



แคลเซียมในนมช่วยลดน้ำหนัก



จากการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มนมในกลุ่มของคนอ้วนที่กําลังลดน้ำหนักพบว่า กลุ่มที่ดื่มนมเป็นประจําในปริมาณที่สูงจะสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ค่อยจะดื่มนมเลยหรือดื่มในปริมาณที่น้อยกว่าโดยที่ทั้งสองกลุ่มรับแคลอรีเข้าไปเท่ากัน ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะแคลเซียมในนมจะมีผลไปขัดขวางการสร้างหรือสะสมไขมัน เมื่อมีการสร้างและสะสมไขมันลดลงแล้ว ร่างกายก็จะเกิดการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ทําให้น้ำหนักตัวลดลงค่ะ และยิ่งไปกว่านั้น หากคุณดื่มนมให้ได้วันละ 3-4 กล่องต่อวันแล้วจะยิ่งช่วยให้น้ำหนักตัวลดลง มากกว่าการกินอาหารเสริมจําพวกแคลเซียมหรืออาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบด้วยซะอีกค่ะ



นมกับการไดเอ็ท



สําหรับสาวๆ ที่กําลังคิดจะให้นมเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักนั้น อย่าลืมคํานึงถึงปริมาณของแคลเซียมและโปรตีนในนมด้วยนะคะ ซึ่งคุณควรเลือกชนิดที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง แต่ให้พลังงานต่ำ อย่างพวกนมพร่องไขมัน นมขาดไขมัน หรือโยเกิร์ตพร่องไขมันนี่แหละ ใช่เลย และก็ควรเลือกแบบรสธรรมชาติหรือรสจืดมากกว่ารสอื่นๆ ด้วยนะคะ เพราะการปรุงแต่งรสนั้นย่อมหมายถึงการเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไป จะทําให้เราได้รับพลังงานจากน้ำตาลเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นกระบุงด้วยค่ะ


นอกจากนี้ ในนมยังมีแร่ธาตุต่างๆ อย่างฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมซึ่งจะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคลเซียมในการขัดขวางการสะสมไขมันในเซลล์ด้วยนะ แถมยังมีโปรตีนในนมที่ช่วยรักษากล้ามเนื้อและเพิ่มอัตรา เมตาบอลิซึ่มให้ดีขึ้นอีกด้วยละ เอ้า เห็นข้อดีของการดื่มนมอย่างนี้แล้ว เห็นทีสาวๆ รักสุขภาพอย่างเรา จะต้องรีบหันมาดื่มนมให้ได้วันละ 3 แก้วกันแล้วละค่ะ





Make a Choice! สาวๆ รู้มั้ยคะว่า นมและผลิตภัณฑ์จากนมประเภทต่างๆ มีปริมาณแคลอรีและแคลเซียมอยู่กันเท่าไหร่

* นมขาดไขมัน รสจืด 110 แคลอรีแคลเซียม 373 มิลลิกรัม

* นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ 70 แคลอรี แคลเซียม 54 มิลลิกรัม

* นมเปรี้ยวพร่องมันเนย 140 แคลอรี แคลเซียม 114 มิลลิกรัม

* โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 120 แคลอรี แคลเซียม 189 มิลลิกรัม





ขอบคุณบทความดีๆจาก

Woman plus Vol.7 No.362 (10 – 16 November 2006)




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 11:33:57 น.
Counter : 542 Pageviews.  

สบู่เหลวที่ใช้ปลอดภัยจริงหรือ

สบู่เหลวที่ใช้ปลอดภัยจริงหรือ


เดี๋ยวนี้สบู่เหลวได้รับความนิยมยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลของความสะดวกสบายเป็นสำคัญ แต่คุณรู้ไหมว่า สบู่เหลวที่เราใช้กันอยู่นั้นไม่ใช่สบู่ แต่เป็นสารเคมีล้วนๆ!



สบู่เหลวที่ดีจริงๆจะต้องมีส่วนผสมของเนื้อสบู่อย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วที่เหลือเป็นน้ำ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีสบู่เหลวแบบนี้วางขายอยู่เลย เพราะผลิตภัณฑ์เกือบทุกชนิดที่วางขายอยู่นั้น เป็นแค่ใช้สารซักฟอกหรือดีเทอเจนผสมกับสารเคมีสังเคราะห์อื่นๆแล้วทำให้อยู่ในรูปของเหลว



ซึ่งสารซักฟอกหรือดีเทอเจน ก็คือสารเคมีหลักที่ใช้ในการผลิตแชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้น หรือแม้แต่น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำนั่นเอง จะผิดกันก็แต่ว่าความเข้มข้นของสารซักฟอกที่ใช้ทำสบู่เหลวมีความเจือจางกว่าเท่านั้น



ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สบู่เหลวคงไม่เกิดขึ้นในฉับพลันทันที แต่จะสะสมเป็นปัญหาในระยะยาวได้ เพราะสารเคมีเหล่านี้จะแทรกซึมลงไปในผิวหนัง อวัยวะภายใน และกระแสเลือดได้ทุกครั้งที่เราอาบน้ำ SLS หรือ โซเดียมลอริลซัลเฟต เป็นตัวอย่างหนึ่งของสารเคมีหลักที่มักใช้ในสบู่ (คุณลองไปพลิกพวกผลิตภัณฑ์ซักล้างทุกอย่างดูจะเห็นส่วนผสมนี้จริงๆ บางทีใช้ชื่อว่าลอริล) และเป็นสารเคมีอันตราย หลายประเทศในยุโรปและอเมริกามีกฏหมายห้ามใช้แล้ว และบางประเทศก็จำกัดให้มีการใช้น้อยลง



แต่ในบ้านเรากลับใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งๆที่SLS เป็นสารเคมีที่ดูดซึมผ่านผิวหนังได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถสะสมอยู่ในดวงตา สมอง หัวใจ ตับ และก่อปัญหาในระยะยาว หากยิ่งมีการใช้ร่วมกับสารประกอบตระกูลอามีน ก็จะกลายเป็นสารก่อมะเร็งในที่สุด



เพราะฉะนั้น เราอาจต้องถามตัวเองดูใหม่ ว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องใช้สบู่เหลว (ซึ่งจริงๆแล้วคือสารเคมีล้วนๆ) แต่ถ้ายังคงต้องการที่จะใช้ การใช้สบู่เหลวสำหรับเด็กก็จะดีกว่า (ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย เพียงแต่มีสารเคมีเจือจางกว่าเท่านั้น)



แต่ถ้าจะให้ดี การกลับไปใช้สบู่ก้อนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 11:33:27 น.
Counter : 393 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.