Group Blog
 
All blogs
 
The Host อสูรนรกกลายพันธุ์ - 'คน' หรือ 'ใคร' กันแน่ที่เป็นอสูร?

ถ้าให้จินตนาการภาพถึงหนังอภิมหาสัตว์ประหลาดทำลายโลกจากฝั่งฮอลลีวูด คุณจะนึกถึงอะไร? สัตว์ร้ายที่เกิดจากการกลายพันธุ์ตัวใหญ่และดุร้ายที่ลุกขึ้นมาไล่ทำร้ายมนุษย์อย่างไม่ปราณีปราศรัย แต่ท้ายที่สุดก็มีพวกทหารและนักวิทยาศาสตร์เข้ามาร่วมปกป้องประชาชนตาดำๆที่ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ประหลาดนั้นใช่ไหม?


แล้วคุณหวังว่าจะได้ดูอะไรจากหนังพวกนี้ล่ะ? CGเจ๋งๆ ฉากทำลายล้างโค-ตะ-ระ มันส์สะใจ ฉากคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตกเป็นเหยื่อแบบน่าสมเพช ฉากไล่ล่าสัตว์ประหลาดโดยทีมทหารติดอาวุธครบมือ และต้องมีฮีโร่สักคนสองคนที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อเข้าไปจุดระเบิดอะไรสักอย่างเพื่อฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น (และฮีโร่คนนั้นต้องเป็นคนอเมริกันเสียด้วย) ......ถ้าคุณหวังว่าจะดูสิ่งเหล่านี้ จขบ. ขอบอกได้เลยว่า คุณจะไม่ได้เห็นใน The Host (괴물) หรือในชื่อไทยว่า อสูรนรกกลายพันธุ์ หนังสัตว์ประหลาดสัญชาติเกาหลีที่จะนำมาฉายทางบิ๊กซีเนม่าวันเสาร์นี้ (17 พย.)






แม้ว่า ขึ้นเครดิตว่าเป็นหนังที่มีผู้ชมในเกาหลีมากถึงกว่า 12 ล้านคน และเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของเกาหลี แต่จขบ. เชื่อว่าต้องมีคนไทยหลายคนไม่ปลื้มกับหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้อยู่พอสมควรแน่ เพราะเรามักคุ้นชินกับหนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์จากโลกฮอลลีวูดซะมากกว่า เช่นเรื่อง Godzilla, Deep Blue Sea หรือ Lake Placid ที่คนดูจะได้มันส์กับการที่สัตว์กลายพันธุ์ออกทำลายล้างมนุษย์ แต่ใน The Host กลับกลายเป็นหนังดราม่า ที่มีสัตว์ประหลาดออกมาเป็นตัวประกอบเท่านั้น


หลังเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดเมื่อ 11 กันยายน 2001 ถือเป็นชนวนสำคัญที่จุดประกายให้ประชาชนมีความตื่นตัวทางสังคม เพราะเหตุการณ์ ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่เพียงในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคมโลกซึ่งมีผลพวงมาเป็นลูกโซ่เช่น เหตุระเบิดที่บาหลี เหตุการณ์วางระเบิดรถไฟที่ลอนดอน หรือความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนเเรงมากขึ้นทุกวันๆ และผลสะท้อนที่ส่งมาถึงยุคหลัง 9/11 นี่เองทำให้ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติที่ตนเองมีต่ออเมริกาเสียใหม่ แม้กระทั่งวงการภาพยนตร์เองที่มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ เช่นงานกำกับของไมเคิล มัวร์ ที่วิพากษ์อเมริกาอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใน Bowling for Columbine และ Fahrenheit 9/11


และหนัง The Host ของผู้กำกับ บอง จุนโฮ ก็เป็นหนังที่กล้าตบหน้าอเมริกาฉาดใหญ่ ที่แม้หน้าหนังจะเป็นหนังสัตว์ประหลาด แต่ที่จริงแล้วเป็นหนังวิพากการเมืองและสังคมชั้นดีที่แสดงทัศนคติต่ออเมริกาอย่างโจ่งแจ้ง ตัวหนังอิงจากเหตุการณ์จริงที่เกิดในเกาหลีใต้ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกามาโดยตลอดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังเช่นความเป็นจริงที่มีการปล่อยสาร formaldehyde (หรือ ฟอร์มาลีน ที่ใช้ในการดองศพ) จากทหารอเมริกาลงแม่น้ำของเกาหลีในปี 2000 และจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่สามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ เพราะกองทัพสหรัฐไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความเคืองแค้นให้กับชาวเกาหลีเป็นยิ่งนัก


หนังเปิดฉากด้วยความเงียบสงบด้วยภาพผู้คนใช้ชีวิตประจำวันอย่างสบายใจอยู่ริมแม่น้ำฮาน แต่จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดโผล่ออกมาจากแม่น้ำแล้วออกไล่จับชาวบ้านมากิน แต่แทนที่รัฐบาลจะหาทางกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ กลับยินยอมให้กองทัพจากสหรัฐอเมริกาเข้ามากักบริเวณผู้ที่สัมผัสตัวเจ้าสัตว์ตัวนี้เพราะอเมริกาต้องการได้หน้าจากการวิจัยเจ้าสัตว์ประหลาด


สุดท้ายคนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้คือประชาชนตาดำๆที่ไร้ทางสู้ ดังเช่นครอบครัวของพระเอกที่ตัดสินใจหนีออกจากสถานกักกันโรคเพื่อออกไปช่วยลูกสาวกันเอง โดยในมือมีเพียงอาวุธจิ๊บจ้อยที่ดูแล้วไม่น่าจะสะกิดผิวของเจ้าสัตว์ประหลาดได้เลย


สังเกตว่าทั้งเรื่องก็มีแต่ประชาชนตาดำๆที่ต้องต่อกรกับสัตว์ประหลาดตามยถากรรม แล้วไอ้เจ้า ผู้มีอำนาจในรัฐบาลเกาหลี มันหดหัวอยู่ที่ไหน คนดูก็เห็นแต่เจ้าหน้าที่อเมริกัน องค์กรอเมริกัน และกำลังทหารอเมริกันที่เข้ามาเป็น watch dog คอยจัดการเจ้าตัวร้าย เช่นฉากช่วงแรกของหนังที่แดกดันพฤติกรรมแบบฮีโร่ของอเมริกาโดยให้นายทหารอเมริกันคนนึงเข้าไปสู้กับสัตว์ประหลาดแบบถวายชีวิต ทั้งๆที่คนอื่นวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ทำให้นึกไปถึงสงครามอิรักที่ชอบโปรโมททหารอเมริกาเข้าไปอุ้มเด็กชาวอิรักอย่างรักใคร่โดยไม่นึกถึงความเป็นจริงว่าใครล่ะที่เป็นผู้ร้ายทำให้เด็กน้อยพวกนี้เป็นกำพร้า หรือตัวหนังที่ทางการอเมริกันอ้างว่าเจ้าสัตว์ประหลาดอาจจะมีไวรัสร้ายแรง ทำให้ผู้ที่สัมผัสถูกเจ้าสัตว์ร้ายกลายเป็นเหยื่อให้ถูกล่า และกักกัน ซึ่งเป็นการจิกกัดอเมริกันที่บุกเข้าไปอิรักด้วยข้ออ้างที่ว่าอิรักอาจมีอาวุธชีวภาพร้ายแรง แต่สุดท้ายก็ไม่พบอาวุธร้ายตามที่อ้าง สิ่งที่นโยบายอเมริกาทำร้ายคนเกาหลีในหนังไม่ต่างกับสัญญา FTA ที่อเมริกาใช้บีบเกาหลีในตอนนี้ หรือการที่ฐานทัพอเมริกาไม่ยอมย้ายออกไปจากเกาหลี รัฐบาลเกาหลีเองก็ทำอะไรไม่ได้สุดท้ายก็ต้องเป็นประชาชนตัวเล็กๆที่ต้องลุกขึ้นมาประท้วง หนังเรื่องนี้มันเป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกที่ประชาชนลุกขึ้นมาต่อกรกับผู้มีอำนาจ เช่นการที่ประชาชนเกาหลีใต้รวมกันประท้วง FTA หรือ หรือแม้ในปี 2549 ที่คนในบ้านเราลุกขึ้นมาต่อต้านผู้นำของเราหลังจากที่ปล่อยให้เขาตักตวงผลประโยชน์ไปหลายปี


อีกฉากที่แดกดันได้อย่างเจ็บปวดคือฉาก ‘ควันเหลือง’ ที่อเมริกาเอามาปล่อยเพื่อฆ่าเชื้อสัตว์ประหลาด แต่สุดท้ายมันก็ฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง อันนี้ผู้กำกับต้องการให้เป็น paradox ถึง ‘ฝนเหลือง’ (Agent Orange) ที่อเมริกาใช้ในสงครามเวียดนามด้วยหรือเปล่า? จขบ. ก็มิอาจทราบได้ แต่การปล่อยฝนเหลืองเพื่อทำลายยุทธวิธีกองโจรของเวียดนามนั้นไม่ได้ทำลายเพียงทหารเท่านั้น เพราะมีประชาชนตาดำๆอีกหลายคนพัน หลายหมื่นที่ได้รับผลกระทบจนถึงวันนี้ แถมไอ้เจ้าอเมริกันที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลกนี่แหละที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมสัมมนาเรื่องผลกระทบของฝนเหลืองที่กรุงฮานอยในปี 2549 ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุ หนังสื่อให้เห็นว่าการปล่อยให้อเมริกาเข้ามามีบทบาทประเทศ โดยที่รัฐบาลนิ่งเฉยดูดาย หรือการทำงานของรัฐบาลที่เน้นการสร้างสถานการณ์ โดยที่ประชาชนผู้เดือดร้อนไม่อาจหวังพึ่งพิงได้เลย มันทำร้ายประชาชนตาดำๆมากขนาดไหน


และในท้ายที่สุด ในหนังมีการออกแถลงการณ์ของผู้มีอำนาจออกทางสื่อโทรทัศน์ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นแค่ผลจากความผิดพลาดด้านการสื่อสาร นั่นเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องตอบคำถามใดๆ หรือเปล่า หรือแท้จริงแล้วเป็นการปกปิดความเลวร้ายของตน?


นักแสดงแต่ละคนแสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งพระเอกที่เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีความน่าเชื่อว่าจะเป็นพ่อที่ดีเลยสักนิด (ถ้าไม่นับจากการที่เขาพยายามเข้าไปช่วยลูกตัวเองแล้วล่ะก็ ข้อดีที่สุดของเขาคือการที่เขาพยายามเก็บตังค์ชื้อมือถือให้ลูกสาว) พ่อของพระเอกที่เป็นคนแก่ที่มีปรัชญาดำเนินชีวิตของตนเอง (แม้จะขโมยหนวดปลาหมึกเส้นเดียวก็ไม่ได้) พี่ชาย(หรือน้องชายของพระเอกนี่แหละ) ที่เป็นปัญญาชนเสรีแบบสมัยสงครามเวียดนาม ที่มีอิสระ ไม่ทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา แต่ต่อต้านสังคม (Anti-social) และน้องสาวเป็นคนที่เก่งจัดชอบแข่งขัน แต่กลับแพ้ไม่เป็น (ซึ่งสะท้อนการแข่งขันกันของคนในสังคมปัจจุบัน) และลูกสาวของพระเอกที่เป็นตัวแทนของเด็กยุคใหม่ที่คอยแต่พึ่งพาพ่อแม่ ไม่เอาไหน ขี้เกียจ และอยากได้อยากมีในวัตถุอย่างเช่นมือถือเครื่องใหม่รุ่นใหม่ เป็นต้น


และอย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นๆแล้วว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่ามากกว่าที่จะเป็นหนังแอ็กชั่นสัตว์ประหลาด ถ้าหวังดูภาพทำลายตึก พังบ้าน ระเบิดตูมตาม ยิงเลือดกระจาย หรือหวังดูหนังสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่มีความสมเหตุสมผลว่ามันกลายพันธุ์ได้อย่างไรแบบหนังวิทยาศาสตร์ คุณอาจจะผิดหวัง แต่ถ้าจะดูดราม่าดีๆสักเรื่อง เรื่องนี้น่าจะทำให้คุณไม่ผิดหวังเท่าไรนัก


ทิ้งท้ายด้วยคำพูดสุดแสนคลาสสิคจากหนังโปรดของ จขบ. เรื่อง V for Vendetta……


People should not be afraid of their governments,
governments should be afraid of their people.



ลิงค์เรื่อง FTA เกาหลี

ftawatch



Create Date : 16 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 26 กรกฎาคม 2553 23:59:10 น. 11 comments
Counter : 5327 Pageviews.

 
มาแอบดูสัตว์ประหลาด

เราชอบหนังเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะนักแสดง แสดงดีมากๆ


แต่แอบลุ้นเด็กผู้หญิงน่ะ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ไม่น่าเลย


โดย: 3ttt วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:44:29 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้มากๆเลยครับ เป็นหนังที่ด่าอเมริกาได้ดีทีเดียว โฮะๆๆๆ คุณ michiru ก็เขียนได้ดีทีเดียวครับ ขอชมๆ

อีกเรื่องที่วิพากษ์อเมริกาไว้และน่าหามาชมคือ Welcome to Dongmakgol ครับ (ไม่ทราบได้ดูหรือยังหนอ) หนังพูดถึงยุคสงครามเกาหลีที่อเมริกาเข้ามาบัญชาการรบบนคาบสมุทรเกาหลี ฉากหนึ่งที่จี๊ดใจมากคือตอนที่กองบัญชาการตัดสินใจทิ้งระเบิดลงหมู่บ้าน คนที่ตัดสินใจนั้นล้วนแต่เป็นคนอเมริกัน ไม่ใช่คนเกาหลีเจ้าของแผ่นดิน


โดย: nanoguy วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:42:53 น.  

 
แป๊ะๆๆๆ เจ๋งอะ

จับสัตว์ปะหลาด มาผสมกะ FTA และ ปรากฎการ ทางธรรมชาติ ได้อย่างเนียนเนียน

นับถืออ่า


โดย: Bernadette วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:25:07 น.  

 
แป๊ะๆๆๆ เจ๋งอะ

จับสัตว์ปะหลาด มาผสมกะ FTA และ ปรากฎการ ทางธรรมชาติ ได้อย่างเนียนเนียน

นับถืออ่า



โดย: Bernadette วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:25:07 น.


คืนนี้เรื่องนี้จะฉายทางบิ๊กซีเนม่าด้วยล่ะ


โดย: Michiru วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:30:23 น.  

 
เดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะยาวมากอิอิอิ


โดย: mai (maistyle ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:31:38 น.  

 
แป๊ะๆๆๆ เจ๋งอะ

จับสัตว์ปะหลาด มาผสมกะ FTA และ ปรากฎการ ทางธรรมชาติ ได้อย่างเนียนเนียน

นับถืออ่า



โดย: Bernadette วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:25:07 น.


คืนนี้เรื่องนี้จะฉายทางบิ๊กซีเนม่าด้วยล่ะ



โดย: Michiru วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:30:23 น.


ตอบ อือๆๆๆเดี๊ยวจาดูอ่า

ฟามเห็นส่วนตัววววววว อ่า เรามองว่า ฐานทัพเมกา ออกจากเกาหลีใต้ตอนนี้ยากอ่า

เพราะเกาหลีเหนือ กะผีเข้าผีออก นอกจากเกาหลีเหนือไม่ไหวจริงๆๆ กะการปกครองประเทศ เกาหลีเหนือยังขาย อาวุธนิวเคลียร์ได้อยู่อ่า

เราอิจฉาเกาหลีใต้น๊ะ เพื่อนๆๆเราที่เป็ฯเกาหลีใต้ เข้าเมกา แคนนาดาได้สะบายอ่า และทำมาค้าขายกะสะดวกอ่า
เมกา ได้ต่อรอง เรื่องค้าอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีได้การค้าขาย

ตราบใดที่เอื้อกานอยู่ อีกนานอ่า


เวียดนาม ใครใครบอกว่านำไทย เราไม่เคยเชื่อเลย มานานแล้ว ผลิตผลทางเกษตรใช้ปีนี้เค้าส่งออกนำหน้าเรา

เราว่าอัศจรรย์น๊ะ ผลิตผล เกษตรเค้าสู้ไทยไม่ได้ กะกลับมาคู่ค้ากะกลับมาซื้อไทยเหมือนเดิม

บ้านเค้าภูมิอากาศ กะคือ storm ไต้ฝุ่นแทบจะทั้งปี ยากอ่า

กะตอนนี้เวียดนามกะได้พวก นำอุปกรณ์อิเลกโทรนิกไปผลิตที่บ้านเค้า อันนี้มะมีฟามรู้อ่า ตกลงกันมะได้กะเรื่องเดิมๆๆ ย้านฐานการผลิตอีก


โดย: Bernadette วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:13:28 น.  

 
ตะเอง หน้าศิลปะ เค้าเขียนเรื่องของ POLLOCK จิตกรอเมริกา อ่า เอามาทำเป็นหนังด้วยย จิตกรที่เรียกว่า

“กัมมันตจิตรกรรม” (Action Painting) หรือ “เอ็กเพรสชันนิสม์เชิงนามธรรม” (Abstract Expressionist) ซึ่งเป็นการทำงานศิลปะโดยการหยด สาด หรือเทสีลงบนผ้าใบ โดยไม่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบศิลป์ หรือแบบแผนใด ๆ แต่ปล่อยให้จิตสำนึกเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นนั้น แต่พอลล็อกยืนยันว่าผลงานศิลปะของเขาไม่ได้เกิดจาก “เหตุบังเอิญ” แต่เขาสามารถควบคุมมันได้


กะมาชวนตะเองไปวิจารณ์งะ


โดย: Bernadette วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:13:28 น.  

 
ตะเอง หน้าศิลปะ เค้าเขียนเรื่องของ POLLOCK จิตกรอเมริกา อ่า เอามาทำเป็นหนังด้วยย จิตกรที่เรียกว่า

“กัมมันตจิตรกรรม” (Action Painting) หรือ “เอ็กเพรสชันนิสม์เชิงนามธรรม” (Abstract Expressionist) ซึ่งเป็นการทำงานศิลปะโดยการหยด สาด หรือเทสีลงบนผ้าใบ โดยไม่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบศิลป์ หรือแบบแผนใด ๆ แต่ปล่อยให้จิตสำนึกเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นนั้น แต่พอลล็อกยืนยันว่าผลงานศิลปะของเขาไม่ได้เกิดจาก “เหตุบังเอิญ” แต่เขาสามารถควบคุมมันได้
กะมาชวนตะเองไปวิจารณ์งะ

โดย: Bernadette วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:13:28 น.




ได้เลย ตามไปอ่านจ้า


โดย: Michiru วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:35:22 น.  

 
เป็นหนังที่ตอนเข้าโรง โปรโมตกันเยอะพอสมควร ผมเองที่ไม่ค่อยชอบหนังเอเขีย แนวๆ นี้ซักเท่าไร่ ยังอยากจะดูเลยอ่าครับ ....... เห็นเจ้าตัวประหลาดๆ หน้าตาแปลก ๆ ทำให้เราจินตนาการไปทั่ว ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ ...อ่อ.ที่จริงก็ยังไม่ได้ดูอยู่ดีฮะ .

ถึงวันนี้ก็ยังรังเลอยู่ดีน่ะเเหละ ว่าจะดูดีมั้ย .. เพราะแค่หนังเรื่องที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่มีปัญญานั่งดูเลยอ่า .. หือๆๆ เศร้า.. อ่านดูน่าสนใจดีไม่น้อยเลยนะเนียะ ...


โดย: haro_haro วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:50:06 น.  

 
มาบอกว่า อัพบล๊อคแหละ หนังแนวอะ


โดย: Bernadette วันที่: 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:59:25 น.  

 
อายุเท่าไรกันเนี่ย วิจารณ์ได้ดีเชียว อย่างนี้เค้าเรียกรู้จริง


โดย: butbbj วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:08:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Michiru
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






I am a Thai girl living in Bangkok, the colorful City of Thailand. I am in my early thirties.

My profession is as a teacher but my passion is in the arts, writing, singing, drawing, travel, and paper dolls.

I am a born-again dreamer that now believes anything is possible and that maybe in addition to changing my life for the better; I can enhance the lives of those around me and maybe even make the world a better place someday.



Friends' blogs
[Add Michiru's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.