Group Blog
 
All blogs
 

Review : NIVEA DEO EXTRA WHITE SERUM ROLL ON ครั้งแรกของเซรั่มบำรุงผิวใต้วงแขน!



 ปัญหาใต้วงแขน......ไม่เกิดเป็นผู้หญิงไม่เข้าใจหรอกเนอะว่าปัญหานี้มันใหญ่โตขนาดไหน
ซึ่งปัญหาใหญ่สุดที่ทำให้สาวๆหมดความมั่นใจแน่นอนเลยว่าคือปัญหา "น้องจั๊กดำ"
รองลงมาก็เรื่องสภาวะหนังไก่ ปัญหากลิ่นตัว ซึ่งเรื่องอื่นยังพอเลี่ยงกันได้
เช่นไม่อยากให้หนังไก่ก็ต้องเลือกวิธีกำจัดขนให้เหมาะสม
ปัญหากลิ่นก็รักษาความสะอาดให้ดี แต่ปัญหาใต้วงแขนที่หมองคล้ำนี่สิ....แค่คิดก็ปวดหัว



ปัญหาใต้วงแขนที่มีสีคล้ำก็เกิดจากหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีที่เกิดตลอดวันซี่งเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งใครมีปัญหาน้ำหนักตัวด้วยแล้วการเสียดสีก็ยิ่งมากสีก็ยิ่งคล้ำ
ซึ่งการเสียดสีก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของปัญหากลิ่นตัวด้วย

การถอนบ่อยๆก็เป็นอีกสาเหตุทำให้สภาพผิวใต้วงแขนดูคล้ำโทรม
แต่จะไม่ถอนหรือโกนเลยมันก็มิได้อ่านะ
จะปล่อยปล่ะไว้ขนรักแร้จนรกเป็นป่าอะเมซอนมันก็น่ากลัวเกิ๊น
ยกเว้นบางคนที่เลือกไปทำเลเซอร์เพื่อกำจัดขนออก
แต่อย่างเค้าเป็นคนขนรักแร้น้อยและเส้นบางทำให้เลเซอร์ไม่ติด
จึงต้องอาศัยการถอนต่อไป.....ที่ชอบถอนเพราะมันขึ้นช้ากว่าโกนนี่แล

และอีกหนึ่งสาเหตุที่เราทราบกันดีก็คือการใช้โรลออน
หรือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นกายที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นั่นเอง



วิธีการแก้ปัญหาน้องจั๊กดำก็มีหลากหลายวิธี
หลักๆเลยก็ควรเลี่ยงปัจจัยดังที่กล่าวไปด้านบน
แล้วค่อยมาบำรุงแบบพิเศษเพิ่มเติมกันด้วยวิธีต่างๆ
เช่น การสครัปผิวแบบเบาๆ(ย้ำความเบาเพราะผิวใต้วงแขนบอบบางมาก)
การมาส์กผิวใต้วงแขนด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นมะขามเปียกหรือน้ำมะนาวที่เป็นกรดธรรมชาติ
เพื่อช่วยให้การผลัดเซลล์ผิว แต่ใครเล่าจะขยันทำได้ทุกวันอ่าเนอะ

บล็อคนี้เลยมีนวัตกรรมใหม่แห่งวงการผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนมาฝากกัน
กับโรลออนที่มาในรูปแบบของเซรั่มที่สามารถใช้ง่ายๆได้ทุกวัน
ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวใต้วงแขนให้ขาวเนียนสม่ำเสมอ

เอาว่าผิวหน้าเรามีเซรั่มช่วยบำรุง ตอนนี้ใต้วงแขนก็มีเหมือนกันเอาซี๊ๆ
จะน่าสนใจอย่างไรไปชมกันเลยจ้า Smiley



NIVEA DEO EXTRA WHITE SERUM ROLL ON

นีเวียดีโอ เอ็กซ์ตร้าไวท์ เซรั่ม โรลออน

เซรั่มเพื่อวงแขนให้ดูขาวเนียนเท่าผิวหน้าบำรุงวงแขนคล้ำโทรมจากการถอน
ด้วยอานุภาพวิตามินซีเข้มข้น 10 เท่า สูตรใส ซึมไว บำรุงทันทีที่ทา
สูตร 0% สารเคมีที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว

ขนาด 20 ml ราคา 55 บาท

ขนาด 40 ml ราคา 109 บาท


มีจำหน่ายทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไปค่า



จุดเด่นคือส่วนผสมที่มี
วิตามินซีเข้มข้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับโรลออนสูตรอื่น
อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วเนอะว่าวิตามินซีช่วยให้เรื่องความกระจ่างใส
เหมือนที่เราเอามะขามเปียกหรือมะนาวมาสครัปหรือมาส์กรักแร้
ก็จะได้ประโยชน์จากวิตามินซีเช่นกัน แต่อันนี้ใช้ง่ายกว่าคือมาแบบพร้อมทา
ไม่ต้องล้างออก และเค้าเคลมเรื่องความอ่อนโยนต่อผิวไว้ด้วยว่า....

• ปกป้องยาวนาน 48 ชม.
• ปราศจากแอลกอฮอล์
• อ่อนโยนต่อผิวด้วยนวัตกรรม GENTLE NIVEA® CARE
• ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพแล้วจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
• ไม่มีส่วนผสมของ Isobutylparaben ที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง



รายละเอียดส่วนผสม

ส่วนผสมหลักเต็มไปด้วยสารให้ความชุ่มชื่นอย่างพวก Glycerin

วิตามินซีจะอยู่ในรูปของอนุพันธ์ Sodium Ascorbyl Phosphate
ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีความเสถียรดี

นอกจากนี้ยังมีสารบำรุงจากพืชธรรมชาติด้วย ได้แก่

Persea Gratissima Oil >>> สารสกัดจากอะโวคาโด
ที่มีมีวิตามิน A , B , D , E และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

Hamamelis Virginiana Bark/Leaf Extract >>> สารสกัดจากวิซฮาเซล
ช่วยเรื่องสมานผิว กระชับรูขุมขน ให้ผิวเรียบเนียน

Glycyrrhiza glabra Root Extract >>> สารสกัดจากชะเอมเทศ
ขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้ในการผลิตเมลานิน
จึงช่วยให้ผิวกระจ่างใสและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น และช่วยลดการอักเสบ

**ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ , พาราเบน แต่มีน้ำหอม

***หลังทำการเปิดใช้จะมีอายุ 12 เดือน



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

น้ำโรลออนดูจากในขวดเป็นสีขาวขุ่น
แต่เมื่อทาบนผิวก็ใสๆเหมือนน้ำปกติแต่มีความเข้มข้นกว่า
เวลาทาลงบนผิวจะมีความหนืดเล็กน้อยแต่ทิ้งไว้สักพักก็จะค่อยๆแห้งสนิท

กลิ่นจัดว่าดีงามคือมีกลิ่นน้ำหอมแค่จางๆถ้าไม่ตั้งใจดมใกล้ๆจะไม่ค่อยได้กลิ่น
ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีมากสำหรับคนที่ใช้น้ำหอมเพราะจะไม่ทำให้กลิ่นตีกันจ้า



วิธีการใช้
<<< คงไม่ต้องบอกเนอะก็เหมือนโรลออนทั่วไปหล่ะทาหลังอาบน้ำ
แต่จะพิเศษกว่านิดคือปกติเราใช้โรลออนเฉพาะตอนเช้า
แต่ตัวนี้ส่วนผสมช่วยให้การบำรุงด้วยจึงสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น
หรือทุกครั้งหลังอาบน้ำได้เลยค่า



ความรู้สึกหลังทดลองใช้

ปกติเค้าใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลใต้วงแขนแบบสติ๊ก หรือแบบสเปรย์มาตลอด
เพราะชอบในความรู้สึกแห้งสบาย
นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปีเลยที่กลับมาใช้แบบโรลออน
ช่วงแรกๆยอมรับว่ายังไม่ชินเพราะหลังทาต้องทิ้งไว้สักพักเพื่อรอให้แห้ง
ด้วยความที่ไม่มีแอลกอฮอล์จึงอาจจะแห้งช้านิดนึงก็แลกเอาเนอะ
แค่รอให้แห้งด้วยเวลาเล็กน้อยดีกว่าใช้แบบมีแอลกอฮอล์แล้วดำคล้ำ

ตอนทาจะรู้สึกหนึบๆผิวเล็กน้อยเพราะมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื่นมากอยู่
แต่พอทิ้งไว้สัก 3-5 นาที เมื่อแห้งสนิทจะไม่เหลือความหนึบผิวให้รำคาญใจ
เมื่อแห้งจะกลืนไปกับผิวไม่เหลือคราบขาวเหมือนการใช้สเปรย์บางประเภท

ข้อดีของโรลออนคือควบคุมพื้นที่ในการทาได้ดีกว่าสเปรย์
เอาว่าอยู่ที่ความชอบและความถนัดเนอะ ซึ่งจริงๆสูตรเซรั่มนี้ก็มีแบบสเปรย์ด้วย
แต่ความต่างคือฟิลลิ่งหลังทาการใช้โรลออนจะให้ความรู้สึกถึงความชุ่มชื่นดีกว่าจ้า

เอาว่าถ้าพูดถึงเรื่องความรู้สึกเนื้อสัมผัสจัดว่าดีไม่เหนอะหนะชุ่มผิวดี
ไม่เป็นคราบที่ผิวและส่วนตัวเค้าไม่ก่อให้เกิดปัญหาคราบเหลืองที่เสื้อผ้าฮะ
ที่ชอบอีกอย่างคือกลิ่นที่จัดว่าอ่อนมาก ใช้แล้วไม่เวียนหัวกับกลิ่นดี



เค้าลองใช้ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พกไปทริปต่างประเทศด้วย
ในเรื่องความขาวอันนี้พูดยากเพราะเค้าไม่มีปัญหาเรื่องสีผิวใต้วงแขนเลย
สีใต้วงแขนขาวเป็นปกติโดยที่ไม่เคยบำรุงอะไรเป็นพิเศษแม้แต่น้อย

ส่วนตัวที่รู้สึกคือตามรอยพับรอยยับที่สีเข้มกว่าเล็กน้อย
หลังใช้ต่อเนื่องดูเหมือนสีจะสม่ำเสมอขึ้น
คือเห็นลักษณะของร่องบริเวณรอยพับจางลง
แต่ที่รู้สีกคือความชุ่มชื่นหลังทาโรลออนให้ฟิลที่ดีกว่าแบบสเปรย์
หลังใช้ไม่รู้สึกตึงผิวดีค่า



ช่วยลดเหงื่อและระงับกลิ่นกายได้ดี
อันนี้รู้สึกได้เวลาเล่นกีฬาแล้วเหงื่อออกมากๆ
ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ใดๆ และไม่ได้กลิ่นของโรลออนด้วย
เป็นจุดที่เค้าว่าดีงามเพราะถ้าช่วงเหงื่อออกมากๆ
โรลออนบางตัวที่กลิ่นแรงเวลาผสมกับกลิ่นเหงื่อ
แล้วเกิดปัญหากลิ่นดีกันนะกลิ่นจะรุนแรงกว่าเหงื่ออย่างเดียวหลายเท่าเลย

และที่เค้าชอบสุดๆคือ >>> ล้างออกง่าย
ไม่ติดเป็นปื้นๆบนผิวเหมือนแบบสเปรย์ อาบน้ำถูสบู่ครั้งเดียวจบ

สรุปรวบยอดเลยเนอะ จัดว่าเป็นโรลออนที่ส่วนผสมดีเซฟต่อผิวใต้วงแขน
มีสารบำรุงที่ช่วยเรื่องกระจ่างใสได้จริง รวมถึงยังให้ความชุ่มชื่นด้วย
แต่ในเรื่องผลลัพธ์ขาวมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับผิวแต่ละคนด้วยเน่อต้องทดลองกันเอง
เพราะเค้าไม่ได้มีปัญหาหมองคล้ำจึงเคลมให้ไม่ได้
แต่โดยรวมจัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่นอกจากจะเป็นโรลออนที่ช่วยระงับกลิ่นแล้ว
ยังเป็นการทาเพื่อบำรุงในทุกวันไปในตัว สมคอนเซ็ปต์เซรั่มบำรุงผิวใต้วงแขนจ้า



เมื่อปราศจากปัญหาใต้วงแขน
จะใส่เสื้อผ้าอะไร จะยกแขนสูงแค่ไหนก็ไม่ต้องอายอีกแล้ว เย้! Smiley

***ภาพทั้งหมดมีปรับแค่ความมืดสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ไม่ผ่านการรีทัชปรับแต่งเพื่อความเรียบเนียนแต่อย่างใดฮะ
รักแร้จริงโชว์จริงไม่แสตนด์อิน 5555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

 XOXO

-----------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by NIVEA Thailand
***All opinions are my own
Information : https://www.facebook.com/NIVEAThailand




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2558 19:36:11 น.
Counter : 7429 Pageviews.  

Review : Sabina Viora Collection Manhattan มิกซ์&แมทช์ให้สวยแซ่บไฮโซสไตล์สาว Upper East Side!

  สวัสดีค่าสาวๆ....บล็อคนี้ขอทักแต่สาวๆเพราะจะมารีวิวบราให้ชมกัน ฮี่ๆ
ซึ่งบอกเลยว่าไม่ธรรมดาเพราะเป็นบราที่มีดีไซน์เก๋ๆแซ่บๆ
ทำให้บราไม่จำเป็นต้องซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าอีกต่อไป
เราสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อผ้าได้เลย!


ท๊าดา....เปิดกล่องออกมานั่นก็คือ

Sabina 
Viora Collection Manhattan

เป็นบราคอลเลคชั่นล่าสุดจากซาบีน่าที่เพิ่งเปิดตัวไป
แรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นนี้ตามชื่อเลยก็คือเมืองแมนฮัตตัน
ซึ่งสาวๆในเมืองนี้มีความหลากหลายของไลฟ์สไตล์การแต่งตัว
ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นต่างกันไปในแต่ละย่าน ได้แก่

Midtown : ย่านธุรกิจ ศูนย์รวมแหล่งแฟชั่นช้อปปิ้งที่ไม่เคยหลับไหล

Upper East Side : ย่านสาวแซ่บแนวคุณหนูสุดไฮโซ

Soho : ย่านอาร์ตๆที่รวมแฟชั่นชั้นสูงและสตรีทสไตล์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

Harlem : ย่านที่รวมประวัติศาสตร์และปัจจุบันเข้าด้วยกัน
แหล่งรวมชาว Hipster และ Hip Hop ที่มีสไตล์ชัดเจน

จุดเด่นสุดของคอลเลคชั่นนี้คือดีไซน์ที่เส้นสายด้านหลัง
เพราะเค้าอยากเน้นให้สาวๆสนุกกับการนำมาแมทช์เข้ากับเสื้อผ้า
ซึ่งทำออกมาให้เลือกกันถึง 13 แบบ
มีคัพตั้งแต่ 32-36 A ,32 – 36 B, 32 – 36 C 

ราคาอยู่ระหว่าง 490 ไปจนถึง 1,390 บาท
มีวางจำหน่ายแล้วที่ซาบีน่าช็อป 
และเคาน์เตอร์ซาบีน่าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกสาขา
หรือช้อปออนไลน์ได้ที่ //www.sabina.co.th จ้า


แบบแรกมาแนวสาวคลาสซี่
ด้วยผ้าลูกไม้ดูหรูหราแต่แฝงความเซ็กซี่นิดๆ....หรา!!!
รุ่นนี้มีให้เลือกสีดำสีเดียวฮะ

บรารหัส SBV1030 ราคา 1,390 บาท
กางเกงในรหัส SUV1030 ราคา 590 บาท


เป็นแบบตะขอหน้าสีทอง ด้านหลังดีไซน์เป็นลูกไม้สายไขว้
เสริมฟองน้ำแบบ Modern V ที่ช่วยให้หน้าอกดูชิด
ในภาพของเค้าคือคัพ C ก็จัดว่าเสริมมาหนาเลยหล่ะ
เน้นความตู้มเนอะ เหมาะกับคนที่ชอบให้หน้าอกดูอิ่มๆ
สายด้านหลังปรับไม่ได้แต่สายบ่าปรับให้กระชับขึ้นได้ฮะ


กางเกงในทรงบิกินี่ดีไซน์เข้าเซ็ตกัน
ด้านหลังเป็นผ้าลูกไม้ซีทรู......เซ็กซี่เว่อร์ๆๆๆๆๆ


แบบที่สองดูเรียบเท่แต่งยางยืดที่ทอเป็นลายเส้น
เค้าว่าอันนี้ให้ลุคที่ดูสปอร์ตขึ้น มีให้เลือกสองสีดำกับชมพู

บรารหัส SBV1033 ราคา 1,090 บาท
กางเกงในรหัส SUV1033 ราคา 490 บาท


เป็นตะขอหน้าสีทองเช่นเดียวกัน
ด้านหลังเป็นสายไขว้แนวสปอร์ตเรียบเท่
เสริมฟองน้ำแบบ Modern V อกชิดเต็มตู้ม


ดีไซน์นี้ที่แซ่บเว่อร์คือกางเกงใน....แทบจะซีทรูทั้งตัวแอร๊ย!
ตรงขอบใช้เป็นยางยืดลายไขว้สองเส้นเข้ากับสายที่หลัง
เอาไว้แมทช์กับพวกกางเกง/กระโปรงเอวต่ำได้

-------------------------------------------------------------------------------------------

เห็นความแซ่บของบราไปแล้วทีนี้มาดูกัน
ว่าเค้านำไปมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าจะออกมาเป็นเยี่ยงไร
ซึ่งโจทย์ที่ได้มาคือสาวสไตล์ Upper East Side
ย่านผู้ดีเก่าประมาณลูกคุณหนู๊ คุณหนู แบบสาว Gossip Girl
นี่ก็แอบคิดหนัก....คือชีวิตจริงคุณหนูก็ไม่ใช่ไฮโซก็ไม่ใกล้เคียงเล้ยยย
แต่เอาน่าแฟชั่นการแต่งตัวมันไม่มีกฎตายตัว
ไปชมกันกับลุคคุณหนูสุดแซ่บในสไตล์คุณหมู 555 Smiley

>>> 1st Look <<<

คุณหนูไฮโซววววกับเดรสสีน้ำเงินเปิดทั้งหลัง






--------------------------------------------------------------------

>>> 2nd Look <<<

คุณหนูเปรี้ยวเข็ดฟันในลุคเวิร์คกิ้งวูแมนเล็กๆ
ด้วยเสื้อสูทแขนกุดตัวยาวสีขาว






--------------------------------------------------------------------

>>> 3rd Look <<<

คุณหนูสายเท่ด้วยกระโปรงลายทหารแต่ยังไม่ทิ้งความหวานด้วยดีไซน์พองๆฟูฟ่อง





เรียบร้อยแล้วสาว Upper East Side ในแบบของเค้า
สามลุคสามสไตล์ซึ่งการแมทช์กับบราที่มีดีไซน์
มันช่วยให้ชุดดูมีอะไรมากขึ้นเลยเนอะ
ก็หวังว่าจะเป็นไอเดียเล็กๆน้อยๆให้สาวๆ
ได้ไปลองมิกซ์แอนด์แมทช์กันดูนะคร้าบ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley XOXO Smiley

--------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by SABINA
Information : //www.sabina.co.th




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2558    
Last Update : 20 ตุลาคม 2558 19:36:33 น.
Counter : 7414 Pageviews.  

Preview : PLANTE SYSTEM Precious Intensive Anti-Wrinkle Serum ซีรั่มออร์แกนิคให้ผิวชุ่มชื่น 24hr


หลายปีมานี่กระแสผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงมากเนอะ
เพราะช่วยเซฟทั้งผิวเซฟทั้งโลกด้วยการไม่ใช้สารเคมี
ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกพืชเพื่อนำมาสกัดทำส่วนผสม
รวมถึงยังรักษ์โลกด้วยเพราะบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ต้องย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้
จัดว่าดีงามมมมมสวยตั้งแต่ผิวจนถึงโลกที่เราอยู่ Smiley



บล็อคนี้เลยขอนำเสนอหนึ่งในสกินแคร์ออร์แกนิค
เวชสำอางจากประเทศฝรั่งเศสมาพรีวิวให้ชมกัน
กับแบรนด์ PLANTE SYSTEM
แค่ชื่อก็เห็นแนวทางออร์แกนิคชัดเจนละเนอะ Smiley

โดยตัวที่หยิบยกมาให้ชมเป็นไลน์ที่เหมาะกับผิวเค้ามากที่สุด
นั่นก็คือ Precious Moisturization : กลุ่มเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
ซึ่งเหมาะกับผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื่น ซึ่งขอบอกว่าเกิดได้ทุกสภาพผิว
ไม่ใช่จะเกิดเฉพาะคนผิวแห้ง ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว
เกริ่นมาซะขนาดนี้อยากรู้แล้วไปชมกันเลยจ้า.....



PLANTE SYSTEM
Precious Intensive Anti-Wrinkle Serum

--------------------------------------------------------------
ซีรั่มบำรุงให้ความชุ่มชื่นและลดริ้วรอย
**สำหรับผิวแห้งหรือทุกสภาพผิวที่เป็นผิวขาดน้ำ**


ขนาด 30 ml ราคา 2,090 บาท

มีจำหน่ายที่ All About You ทั้ง 5 สาขา , Booth ,
ร้านยา Tesco, ร้าน Pure Big C สาขาที่ร่วมรายการ

หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้ที่ //www.allaboutyou.co.th 
(ตอนนี้มีโปรลด 50% เหลือขวดละ 1,045 บาทอยู่นะคร้าบ!)



คุณสมบัติตามคำเคลมของแบรนด์


เป็นซีรั่มเนื้อบางเบาสำหรับใช้ก่อนการบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์
ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ยาวนานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
กระตุ้นและเพิ่มการสร้างของคอลลลาเจนและอีลาสติน
ช่วยลดเลือนริ้วรอย ปกป้องและฟื้นฟูผิว
เห็นผลอย่างชัดเจนเมื่อใช้ต่อเนื่อง 15 วัน ช่วยให้ริ้วรอยจางลงถึง 30%
สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวผสมหรือผิวมันที่ขาดน้ำ

ประวัติโดยย่อของแบรนด์

เป็นแบรนด์จากทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ก่อตั้งภายได้บริษัท ARKOPHARMA ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ
ที่มีประวัติยาวนานกว่า 20 ปี ในเรื่องการศึกษาและคิดค้น
ผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากพืชต่างๆกว่าหลายร้อยชนิด

ทำให้เกิดเป็นเวชสำอางขึ้นมาภายใต้แบรนด์  PLANTE SYSTEM
โดยมีห้องวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
คือ PLANTE SYSTEM dermatologic laboratories
ที่ใช้สำหรับพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆและรักษามาตรฐานการผลิตได้เป็นอย่างดี



อย่างที่เค้าเกริ่นไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์แบบออร์แกนิค
ซึ่งถ้าจะเคลมเป็นออร์แกนิกได้จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรูปด้านบน
โดยออร์แกนิกจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

100%Organic - ธรรมชาติ 100%

Organic - ธรรมชาติ 95% ขึ้นไป
ใช้สารสังเคราะห์เพียงเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น
***
PLANTE SYSTEM จัดอยู่ในกลุ่มนี้

 และ Made with Organic Ingredient - ธรรมชาติ 70%ขึ้นไป
ถ้าต่ำกว่านี้ไม่ถือว่าเป็นออแกร์นิคจ้า

โดยจุดประสงค์หลักของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคก็คือ
การเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพดีแบบยั่งยืน
และช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาตินั่นเอง สวยแบบรักษ์โลก Smiley

***ไม่มีการทดลองในสัตว์เป็น Cruelty Free ด้วยเน่อ



บรรจุภัณฑ์ : มาในขวดแก้วขุ่นเนื้อหนามีหัวปั๊ม
ข้อดีคือสะอาดและสะดวกเวลาหยิบใช้
มองเห็นผลิตภัณฑ์ด้านในทำให้สามารถสังเกตได้ว่า
สีของผลิตภัณฑ์ยังปกติดีหรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงของสีไหม
แต่ข้อเสียคือไม่ปกป้องเนื้อผลิตภัณฑ์จากแสงแดดเหมือนขวดสีชา
ดังนั้นจึงควรเก็บในที่ที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรงนะฮะ



ส่วนประกอบสำคัญ : Active Ingredients



--- Edelweiss 
---
สารสกัดจากดอกเอดิลไวซ์ที่ขึ้นอยู่บนเทือกเขาแอลป์ของสวิส
ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีความสามารถสูงในการปรับตัวเพื่ออยู่รอด
โดยการสร้าง Flavonoids และ Tannin มากกว่าพืชปกติ
มีวิตามิน C และ E สูง เมื่อนำมาสกัดจึงประสิทธิภาพในการปรับสมดุลผิว
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิว ต้านการอักเสบและฆ่าแบคทีเรีย
ชื่อในส่วนผสมคือ
Leontopodium Alpinum Flower/Leaf/Stem Extract

Calendula Officinalis Flower Extract
--- Calendula ---
สารสกัดจากดอกเดซี่หรือดาวเรืองยุโรปที่ออกดอกปีละครั้ง
สารสกัดที่ได้จะมี flavonoids, carotenoids, essential oil, sapnosides
และ phytosterols ช่วยซ่อมแซมรักษาผิวให้อ่อนนุ่มขึ้น
ช่วยฟื้นฟูให้ผิวที่อักเสบ เป็นผื่น หรือถลอกเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ชื่อในส่วนผสมคือ
Calendula Officinalis Flower Water
***เป็นส่วนผสมที่ได้จากฟาร์มออร์แกนิค

---
Bitter orange floral water ---
สารสกัดจากส้มเป็น
Skin Conditioning Agent
คือ
ช่วยปรับสภาพผิวให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้น
และเป็นส่วนประกอบของน้ำหอมให้ผิวสดชื่น
ชื่อในส่วนผสมคือ
Citrus Aurantium Amara Flower Water
***เป็นส่วนผสมที่ได้จากฟาร์มออร์แกนิค

--- Antarcticine --- 
สารสกัดจากแบคทีเรียน้ำลึกในมหาสมุทร
ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ ซ่อมแซม
ปกป้อง รักษาเซลล์ เสริมสร้างการผลิตคอลลาเจน
เพิ่มอิลาสติน เพิ่มเติมความชุ่มชื้น
ชื่อในส่วนผสมคือ
Pseudoalteromonas Ferment Extract

--- PES (Pure Extract System) ---
Green Tea, Olive Tree, Sea Buckthorn

ต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมและบำรุงเซลล์ผิว ช่วยกระชับรูขุมขน


--- Hyaluronic Acid --- 
Sodium Hyaluronate สารอุ้มน้ำให้ความชุ่มชื้น
ต่อต้านริ้วรอย รักษาซ่อมแซมผิว

--- Macadamia ---

มีวิตามิน A , B และ E ช่วยลดอาการผิวไหม้จากแดด
มีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง ให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม

***มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แต่มีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับส่วนผสมอื่น
เพราะอยู่ลำดับท้ายๆของส่วนประกอบและมีสารให้ความชุ่มชื่นเยอะมาก
จึงไม่ได้มีผลทำให้ผิวแห้งลง สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวจ้าเค้าผิวแห้งลองแล้วผ่าน!

***แม้ส่วนผสมหลักจะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ
แต่ก็ยังมีส่วนผสมของน้ำหอมด้วย ดังนั้นใครผิวบอบบางแพ้ง่าย
แนะนำให้เทสป้ายที่หลังใบหู 24-48 ชั่วโมงแล้วสังเกตอาการดูก่อน
สารสกัดจากธรรมชาติสำหรับบางคนก็สามารถเกิดอาการแพ้ได้จ้า

***หลังการเปิดใช้แล้วควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เนื้อซีรั่มใสสีออกเหลืองเท็กซ์เจอร์ค่อนเหลวมาก
ใกล้เคียงพวกเอสเซนส์น้ำตบเลย
เนื้อลื่นเกลี่ยบนผิวได้ง่าย กลิ่นออกแนวซิตรัส
เพราะมีสารสกัดจากส้มให้ความรู้สึกเฟรช
ตอนทาจะได้กลิ่นค่อนข้างชัดในระดับนึง
ส่วนหลังทามีกลิ่นหอมติดผิวแค่จางๆค่ะ



ความรู้สึกหลังทดลองใช้

เค้าได้ลองใช้ประมาณอาทิตย์นึงจึงไม่สามารถสรุปผล
เรื่องความเปลี่ยนแปลงชัดๆได้เนอะ จะขอแชร์ในส่วนความรู้สึกนะฮะ

ขั้นตอนการใช้ของเค้าคือหลังล้างหน้าลงพวกเอสเซนส์น้ำตบไปก่อน
จากนั้นตามด้วยซีรั่มตัวนี้เลยเพราะเนื้อค่อนข้างเหลวพอกัน
ตามด้วยออยเนื้อบางๆ แล้วต่อด้วยซีรั่มอื่นตามปัญหาผิวที่เราต้องการ
อย่างช่วงที่ผ่านมาตากแดดบ่อยก็จะตามด้วยพวกไวท์เทนนิ่ง
ปิดท้ายด้วยอายครีม และมอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อเข้มข้น
เค้าผิวแห้งลงหลายเสต็ปแบบนี้เป็นปกติเพราะทาอะไรลงไปผิวก็ซึมได้หมดอ่าน้า

จุดเด่นของซีรั่มตัวนี้ที่เค้าชอบเลย
คือสามารถเอาไปแมทช์กับสกินแคร์อื่นๆได้ง่าย
เพราะเท็กซ์เจอร์บางเบามากกกก ทาแล้วซึมหายวาบเข้าผิวไปเลย
ไม่เหลือความเหนอะหรือให้ความรู้สึกหนึบผิวแต่อย่างใด
แต่หลังทาสัมผัสได้เลยว่าผิวจะมีเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ความชุ่มชื่นก็จัดว่าโอเคหลังทาผิวจะนุ่มขึ้น
แต่ด้วยความที่เนื้อบางเบามากจึงจำเป็นต้องทามอยส์เจอร์ตามนะฮะ
การทาซีรั่มแค่ช่วยเติมความชุ่มชื่นแต่มอยส์เจอร์จะช่วยเก็บล็อค
ให้ความชุ่มชื่นอยู่กับผิวเราได้ตลอดวัน

สรุปคือว่าด้วยเรื่องเท็กซ์เจอร์คือดีงามทาแล้วให้ความรู้สึกที่เบาสบายผิว
จึงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวดูกร้านๆขาดน้ำ
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่ผิวมันด้วยนะเออ!
เนื่องจากร่างกายเราสร้างน้ำมันขึ้นมาเพื่อเคลือบผิวกันความชุ่มชื่นระเหยออก
ยิ่งผิวเราขาดความชุ่มชื่น ร่างกายก็จะยิ่งสร้างน้ำมันมาเคลือบเพิ่มขึ้น
ทีนี้หน้าเลยมันเยิ้มแต่ผิวดูกร้าน ซีรั่มแบบนี้จึงเหมาะมาก
ให้ความชุ่มชื่นดีแต่ไม่เหนอะ แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมทามอยส์เจอร์ตามด้วยนะฮะ
ถ้าคนผิวค่อนข้างมันก็ตามด้วยมอยส์เจอร์แบบเนื้อโลชั่นหรือเนื้อเจลเอาเนอะ
แต่ติดนึดนึงตรงกลิ่นที่ค่อนข้างชัด คือเรื่องกลิ่นเป็นความชอบส่วนบุคคล
ถ้าคนที่ชอบกลิ่นแนวซิตรัสก็จะว่าหอม แต่ถ้าไม่ใช่แนวอาจรู้สึกกลิ่นเปรี้ยวๆนิดนึงจ้า

ก็จัดเป็นซีรั่มอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการเติมความชุ่มชื่น
โดยสามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นได้ โดยไม่ไปเพิ่มความมันให้ผิว
และด้วยความที่เป็นออร์แกนิค ไม่ทดลองในสัตว์
จึงตอบโจทย์หลายๆคนในยุคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจเรื่องโลกของเรามากขึ้น
ไม่ใช่แค่เน้นในเรื่องความสวยงามหรือเน้นการดูแลผิวเท่านั้นค่า

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by PLANTE SYSTEM

***All opinions are my own

Information : www.plantesystemthai.com
www.allaboutyou.co.th




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2558    
Last Update : 15 ตุลาคม 2558 4:14:29 น.
Counter : 4684 Pageviews.  

Review : Kiehl's Daily Reviving Concentrate ออยล์เนื้อบางเบาให้ผิวสดชื่นสดใสหน้าไม่หมองตลอดวัน



พูดถึง "ออยล์บำรุงผิว" หลายคนถึงรีบส่ายหน้าเลย
เพราะเรามีความเชื่อฝังหัวกันมาตลอดๆ
ว่าออยไม่เหมาะกับสภาพผิวและอากาศร้อนๆแบบบ้านเรา
ทำให้คนส่วนใหญ่จะเลือกใช้สกินแคร์อะไรจะมองหาแต่คำว่า Oil-Free

ซึ่งแท้จริงแล้วในมุมกลับกันเจ้าออยล์นี่แหละมีความเริ่ดตรงที่
สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยช่วยทำให้ผิวลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน
เนื่องจากเทคโนโลยีและการวิจัยต่างๆทำให้ออย
ล์ทาผิวในปัจจุบัน
มีโครงสร้างเลียนแบบใกล้เคียงน้ำมันผิวตามธรรมชาติ
โดยน้ำมันผิวมีหน้าที่เคลือบผิวกันไม่ให้ความชุ่มชื่นระเหยออก
เมื่อผิวได้รับการบำรุงจากออย
ล์จึงมีตัวช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื่น
ร่างกายจึงไม่จำเป็นต้องขยันผลิตน้ำมันออกมามากมายเหมือนแต่ก่อน
ทำให้ปัญหาเรื่องหน้ามันเยิ้มลดลง เมื่อต่อมไขมันในรูขุมขนไม่ต้องทำงานหนัก
ขนาดของรูขุมขนก็จะค่อยๆเล็กลง ผิวก็จะเรียบเนียนขึ้นด้วย เริ่ดป่ะล่ะ!

เห็นมะว่าออย
ล์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดเลย
อย่างตัวเค้าเองผิวค่อนข้างแห้งน้ำมันผิวมีน้อยมว๊ากกก
จึงจำเป็นต้องใช้ออย
ล์เป็นตัวช่วย ทำให้เป็นคนที่เสพย์ติดการใช้ออยล์สุดๆ
ซึ่งในปัจจุบันรู้สึกฟินมากเพราะหลายแบรนด์หันมาผลิตออย
ล์ดีๆออกมาสู้กัน
ยิ่งเทคโนโลยีล้ำเท่าไหร่ออย
ล์ก็จะยิ่งบางเบา ซึมไว ไม่ทิ้งความมัน
ทำให้ทุกคนทุกสภาพผิวสามารถหันมาใช้ออย
ล์กันได้
บล็อคนี้เลยขอนำเสนอออย
ล์ที่เค้าใช้อยู่ตอนนี้และรู้สึกว่ามันดีงาม
ตามไปชมรายละเอียดกันเลยจ้า Smiley



Kiehl’s
Daily Reviving Concentrate


---------------------------------------------------------------

ทรีทเม้นท์เนื้อบางเบาสำหรับบำรุงผิวหน้าในตอนกลางวัน

ขนาด 30 มล. ราคา 2,400  บาท

มีวางจำหน่ายที่ร้านคีลส์ทุกสาขา
และช้อปปิ้งออนไลน์ได้ที่ kiehls.co.th



ข้อมูลผลิตภัณฑ์ตามคำเคลมของแบรนด์

ทรีทเมนต์เนื้อบางเบาช่วยเสริมระบบป้องกันตนเองในเวลากลางวันของผิว
เพื่อช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ผิวและลดร่องรอยความอ่อนล้าของผิว
ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษและมีความเข้มข้นสูง
ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่เกิดจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวัน
สูตรผสมซึ่งปราศจากพาราเบน (paraben) และ มิเนอรัลออยล์  (mineral oil)
ไม่ก่อให้เกิดสิวและไม่อุดตันรูขุมขนนี้มีเนื้อบางเบา ซึมซาบไว
ช่วยเสริมความแข็งแรงและปกป้องปราการคุ้มกันผิว
เพื่อผิวแลดูมีสุขภาพดี สดชื่น และเรียบเนียนตลอดวัน

ทำไมถึงควรใช้ออย
ล์ตอนกลางวัน?

เค้าว่าปัจจุบันหลายคนเปิดใจให้กับออย
ล์มากขึ้น
แต่จะเลือกใช้เฉพาะตอนกลางคืนเพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลกับความมัน
แต่ออย
ล์ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อใช้ตอนกลางวันด้วยเหตุที่ว่า
ร่างกายของเราจะมีนาฬิกาอยู่ซึ่งจะรับแสงจากจอประสาทตา
แล้วประมวลผลว่าอยู่ในช่วงกลางวันหรือกลางคืน

ซึ่งการทำงานของร่างกายตอนกลางคืนนั้นจะต่างกับกลางวัน
คือมีระบบที่ทำการซ่อมแซมผิว ดังนั้นกลางวันผิวจึงไม่เกิดการซ่อมแซม
โอ่ย...รู้แล้วหลอนเพราะปกติกลางคืนอิชั้นพักผ่อนน้อยมากกก
ถามว่าผิวจะได้ซ่อมบ้างไหมคะคู้ณณณ Smiley

แต่ๆๆๆ...กลางวันแม้ผิวไม่ซ่อมแซมแต่ก็จะปรับมาสู่โหมดป้องกัน
โดยผิวหนังจะสร้างพวกลิพิด (ไขมัน) ขึ้นมาเพื่อปกป้องผิว
จากมลภาวะต่างๆไม่ว่าจะแสงแดด ฝุ่นละออง สารอนุมูลอิสระฯลฯ
แต่อีกรอบ....เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้นกลไกการปกป้องจะทำงานด้อยประสิทธิภาพลง
ยิ่งเจอสิ่งรุมเร้าจากภายนอกผิวก็จะยิ่งโทรมไว
ที่เรารู้สึกกันหล่ะว่าทำไมระหว่างวันหน้าถึงดูหมองๆดูไม่สดใส
เพราะเจ้ากลไกปกป้องผิวมันทำงานได้ไม่ดีเท่าตอนเอ๊าะๆนั่นเอง

จึงเกิดเป็น
Kiehl’s Daily Reviving Concentrate ตัวนี้ขึ้นมา
เพื่อช่วยเสริมปราการปกป้องผิวในตอนกลางวัน
ทำให้ผิวดูสดชื่น เปล่งปลั่ง หน้าดูไม่หมอง ตลอดวันจ้า



รายละเอียดส่วนผสม

ส่วนผสมหลักเลยแน่นอนว่าคือออย
ล์แต่เป็นออยล์ที่ได้จากธรรมชาติ 100%
ในรูปของสูตรผสมน้ำมันสกัดจากพืชสมุนไพร ที่ได้จากการสกัดเย็น
ทำให้ได้โปรตีน และวิตามินในกลุ่มที่ละลายในน้ำมันอย่างวิตามิน E และ A ในปริมาณสูง
และน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) ที่สกัดจากพืชโดยการกลั่นด้วยไอน้ำ
ซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็ก ละลายในไขมัน ระเหยไวจึงซึมผิวได้ดี
โดยกลิ่นที่ได้มีคุณสมบัติที่ช่วยทั้งเรื่องของร่างกายและจิตใจ
ด้วยการกระตุ้นปลายประสาททำให้สมองเกิดการหลั่งสารที่มีประโยชน์
จึงมีฤทธิ์ในการบำบัดช่วยปรับระบบการทำงานในร่างกายให้อยู่ในภาวะที่สมดุล
หลังการสูดดม/ทาน้ำมันหอมระเหยจึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้นั่นเอง

ไม่มีพาราเบน ไม่มีมินิรัลออย
ล์ และไม่มีน้ำหอม
แต่กลิ่นที่ได้เกิดจากกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยจ้า


หลังทำการเปิดใช้จะมีอายุอยู่ได้ 18 เดือน หรือปีครึ่งเลยทีเดียว!



Credit Ginger : //www.nutritionaloutlook.com/articles/
ginger-root-latest-beauty-ingredient
Credit Sunflower : //www.marksdailyapple.com/is-it-primal-sunflower-oil-
wheat-germ-skyr-and-other-foodsscrutinized/#axzz3oHGdgVbN
Credit tamanu : //www.minimalistbeauty.com/
tamanu-oil-a-phenomenal-beauty-gift/


ส่วนผสมหลักที่เป็นจุดขาย

•    น้ำมันเหง้าขิง [Ginger Root Oil]
ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของลิพิดโดยรังสียูวีเอ
และลดการปล่อยสารส่อปัจจัยกระตุ้นการอักเสบ
ช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนในผิวชั้นในหลายชนิด อย่างพวกคอลลาเจน อีลาสติน

•    น้ำมันเมล็ดทานตะวัน [Sunflower Oil]
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ลดเลือนรอยแดง และปรับปรุงความเรียบเนียนของผิว
และยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบโดยลดการปล่อยสารส่อปัจจัยกระตุ้นการอักเสบ
รวมถึงช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ลิพิดที่ช่วยปกป้องผิวหนังอีกด้วย

•    น้ำมันเมล็ดต้นกระทิง [Tamanu Oil]
ช่วยเสริมความนุ่มชุ่มชื้น โดยมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิว
มีโครงสร้างที่อุดมด้วยลิพิดต่างๆซึ่งสำคัญต่อผิวดูมีสุขภาพดี
และมีคุณสมบัติปกป้องและปลอบประโลมผิว
โดยยับยั้งการปล่อยสารส่อปัจจัยกระตุ้นการอักเสบ



บรรจุภัณฑ์มาในขวดแก้วใสสีเหลืองเนื้อขวดหนา มีฝาแบบดรอปเปอร์
ข้อดีคือลักษณะหัวดรอปเปอร์ที่กะปริมาณการใช้ได้ง่าย
แต่ข้อเสียคือเป็นขวดใสแม้จะเคลือบด้วยสีเหลืองแล้ว
ก็ยังต้องระวังเรื่องแสงแดดอยู่ดี วางในจุดที่ไม่โดนแดดจังๆดีสุดจ้า



ลักษณะเนื้อและกลิ่น


เปิดขวดมาปุ๊บได้กลิ่นขิงลอยเด่นชัดนำขึ้นมาก่อนเลย
ตามด้วยกลิ่นซิตรัสอ่อนๆเพราะมีส่วนผสม
ของ Citrus & Grapefruit Peel Oil
สำหรับเค้าเป็นกลิ่นแนวใหม่ที่แปลกดีไม่เคยใช้สกินแคร์ที่มีกลิ่นขิง
ซึ่งเค้าว่ามันกระตุ้นให้รู้สึกเฟรชดีนะเวลาทาตอนเช้า
แต่เรื่องกลิ่นมันอยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลเค้าชอบทานขิงอยู่แล้ว
เลยชอบกลิ่นขิง ถ้าไงไปลองเทสกลิ่นกันดูก่อนเนอะว่าถูกจริตเปล่า

ลักษณะเนื้อออย
ล์ใสกริ๊ง ไม่มีสีใดๆ
เหลวในระดับเกือบเท่าน้ำเปล่าเลยไม่มีความหนืดข้นในแบบออย
ล์
ทาแล้วซึมผิวไวว่องแบบหายวาบ ไม่เหลือความเหนอะหนะไว้แม้แต่น้อย
ส่วนความมันถ้าใช้ในปริมาณที่เค้าแนะนำข้างกล่องคือ 2-3 หยด
บอกเลยว่าไม่รู้สึกถึงความมันแน่นอน หลังทาลูบแล้วลื่นไปเลย
แต่ขนาดเค้าผิวแห้งใช้เกินปริมาณตลอดๆก็ไม่ทิ้งความมันบนผิว
อาจจะดูขึ้นเงามากว่าผิว(แห้ง)ปกติเล็กน้อยซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่เค้าต้องการ! Smiley



ขั้นตอนการใช้

ลำดับการใช้ตามที่แบรนด์แนะนำเลยก็คือ
ใช้ หลังเซรั่ม ก่อนการทามอยส์เจอร์
โดยทาเป็นประจำได้ทุกวัน

ภาพนี้อยากให้ดูเท็กซ์เจอร์บนผิวแบบชัดๆ
เค้าลงเอสเซนส์สามตัว ตามด้วยเซรั่มสองตัว
แล้วตามด้วยออย
ล์ตัวนี้ซึ่งใช้ประมาณครึ่งดรอปเปอร์ (5-6หยด)
ภาพซ้ายคือป้ายบนผิวให้เห็นออย
ล์ชัดๆก่อนจะเห็นความเงา
แต่พอเกลี่ยปาดเบาๆไปบนผิว แว้บเดียวเท่านั้นค่ะ
เป็นอย่างภาพขวาเลยคือความเงาของออย
ล์หายเกลี้ยง
ไม่เหลือความมันความเหนะบนผิว สามารถทามอยส์เจอร์ทับได้ทันที
ส่วนตัวเค้าโบกมอยส์เจอร์เป็นครีมเนื้อหนัก ครีมก็ซึมได้ดีงามตามปกติ
ปิดท้ายด้วยกันแดดอีกชั้น จัดเต็มขนาดนี้ไม่รู้สึกหนักหน้าแต่อย่างใด
ซึมเกลี้ยงหมดทุกสิ่งอย่าง.....สรุปคือออย
ล์ตัวนี้ไม่ได้มีผลต่อสกินแคร์อื่นใด
สามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นๆที่มีอยู่ได้เลยจ้า

***มิต้องตกใจเค้าโบกเยอะขนาดนี้เป็นปกติ
เพราะผิวเค้าค่อนข้างแห้งมีน้ำมันผิวน้อย
ไม่ว่าจะทาลงไปกี่ชั้นซึมทุกอย่างได้หมดฮะ




วิธีการใช้

อันนี้สำคัญมากการใช้ถูกวิธีจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า
และไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มนะฮะ

1. เริ่มต้นขั้นตอนการบำรุงผิวได้ตามปกติทาจนไปถึงขั้นตอนเซรั่ม

2. หยด Kiehl's Daily Reviving Concentrate 2-3 หยดลงบนฝ่ามือ
อันนี้มากน้อยกะเอาตามชอบ เค้าผิวแห้งใช้ 5-6 หยดรู้สึกชุ่มสบายผิวกว่า

3. ตบฝ่ามือเข้าหากันเบาๆให้เนื้อออย
ล์กระจายทั่วๆ
ไม่ควรถูมือเข้าด้วยกันเพราะความร้อนจะทำให้ออย
ล์ระเหยเกลี้ยง

4. ใช้ฝ่ามือค่อยๆกดไปเบาๆทั่วใบหน้า
โดยเค้าจะเน้นลงที่แก้มซึ่งความความชุ่มชื่นง่ายก่อน
ส่วนที่เหลือค่อยลงที่หน้าผากและคาง

5. ถ้าต้องการให้ซึมยิ่งขึ้นสามารถนวดวนเบาๆได้
จากนั้นก็ทามอยส์เจอร์และกันแดดทับได้ตามปกติจ้า



ในภาพด้านบนที่สอนวิธีการใช้จะเห็นว่าเค้าสาธิตการทาตอนที่แต่งหน้าแล้ว
ซึ่งอันนี้เป็นทริกส่วนตัวใครผิวแห้งเหมือนกันสามารถลอกเลียนได้
คือนอกจากจะทาในขั้นตอนสกินแคร์แล้วเค้าแอบเติมระหว่างวันด้วย

ถ้ารู้สึกว่าอยู่แอร์นานๆผิวเหมือนจะแห้งเค้าจะหยดออย
ล์ 2-3 หยด
ค่อยๆกดไปบนผิวทับเมคอัพเลย คือออย
ล์เนื้อเบามากกกซึมผิวได้หมด
ไม่ทำให้เมคอัพเป็นคราบด้วย ซึ่งลุคที่ได้หลังทาออย
ล์ผิวจะฉ่ำสวยขึ้น
ได้ลุคเกาหลี๊ เกาหลี เป็นความฉ่ำแบบผิวสุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งไฮไลท์

ซึ่งบางครั้งก็แอบทาแบบนี้หลังแต่งหน้าด้วย
เพื่อช่วยให้เมคอัพเซ็ตตัวไวขึ้น หรือจะใช้ผสมในรองพื้นก็ได้ฮะ
ใครผิวแห้งลองดูเน่อเค้าว่าเป็นออย
ล์สารพัดประโยชน์ดี
เพราะเนื้อที่บางเบามากจึงสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายขั้นตอน Smiley



สรุปความรู้สึกหลังใช้ต่อเนื่องมาหนึ่งเดือน

ดูจากปริมาณที่พร่องคงไม่ต้องพูดอะไรคือชอบมากอ้ะไปลองเหอะ
เป็นคนอินกะออย
ล์อยู่แล้วใช้มาหลายยี่ห้อ
สำหรับตัวนี้ยกให้เป็นอีกหนึ่งในลูกรักเลย Smiley

ดีงามตั้งแต่กลิ่นขิงที่ช่วยกระตุ้นให้รู้สึกเฟรชเวลาทา
เท็กซ์เจอร์ที่บางเบาแต่คงความชุ่มชื่นผิวได้ดี
คือหลังลงออย
ล์สัมผัสได้เลยว่าผิวนุ่ม
สามารถใช้ควบคู่กับสกินแคร์เดิมที่มีโดยไม่ทำให้เป็นคราบ

ส่วนผลลัพธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของผิว
โดยรวมอาจไม่ได้ดูเปลี่ยนมากเพราะเค้าบำรุงผิวสม่ำเสมออยู่แล้ว
แต่ที่สัมผัสได้คือแต่งหน้าแล้วเมคอัพเซ็ตตัวได้ไวและติดทนขึ้น
ยิ่งช่วงที่ผ่านมาเค้าเดินทางไปต่างประเทศบ่อยเจออากาศเปลี่ยนตลอดๆ
พกออย
ล์ตัวนี้ไปใช้หน้าไม่มีปัญหาเรื่องแห้งเลยนะ
อยู่ได้ทั้งวันโดยสีเมคอัพไม่ดรอป แม้ร่างจะแหลกแต่ผิวยังได้อยู่555

ดูจากราคาอาจจะเหมือนแพงไปหน่อยแต่อยากให้เทียบปริมาณที่ใช้ดู
เค้าใช้เยอะมากกกก (มีแอบใช้ตอนกลางคืนด้วย)
เดือนนึงยังพร่องไปแค่ไม่ถึงหนึ่งในสามดี
ถ้าใช้ตามปกติครั้งละ 2-3 หยด คาดว่าขวดนึงไม่ต่ำกว่า 5-6 เดือนแน่นอน
เฉลี่ยมาตกเดือนไม่กี่ร้อยบาทเองเน่อจัดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอยู่

ไม่รู้จะสรุปไรละเอาว่าเค้าชอบอยากให้ไปลองเทสกันดู
สามารถเดินเข้าไปที่ร้านคีลส์แล้วขอ Sampling ขนาดทดลองมาใช้ได้เลยฟรีๆ
ไม่ต้องกลัวฮะ KCR ของคีลส์ใจดีทุกคน เป็นนโยบายของแบรนด์อยู่แล้ว
ที่อยากให้ผู้บริโภคได้กลับไปลองใช้จริงที่บ้านก่อนถูกใจค่อยกลับมาสอย

เย้จบแล้วร่ายยาวอีกตามเคยหวังว่าจะได้ประโยชน์กัน
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยนะค้า

Smiley XOXO Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by Kiehl's Thailand

***All opinions are my own
Information :
www.kiehls.co.th 
https://www.facebook.com/KiehlsThailand




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2558    
Last Update : 13 ตุลาคม 2558 2:45:43 น.
Counter : 15174 Pageviews.  

REVIEW : SENA MARINE PLANKTON WATER SERUM CONCENTRATE น้ำตบแพลงก์ตอนสัญชาติเกาหลี

หนึ่งในขั้นตอนการบำรุงผิวสุดฮอตแห่งปีคงไม่พ้นน้ำตบต่างๆ
เป็นสเต็ปที่เราคุ้นตาไปแล้วเนอะกับภาพลักษณ์ว่าตบๆผิวแล้วผิวนุ่มเด้ง 
ขอเรียกว่าเป็นขั้นเตรียมผิวเพราะขั้นนี้จะช่วยให้ผิว
พร้อมเปิดรับการบำรุงในเสต็ปต่อไปได้ดีขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นใครมีน้ำตบจึงควรใช้คู่กับมอยส์เจอร์ไรเซอร์อื่นๆด้วยนะจ๊ะ
ไม่ใช่จบแค่น้ำตบอย่างเดียว!




SENA
MARINE PLANKTON
WATER SERUM CONCENTRATE

---------------------------------------------------------------------

ขนาด150ml. ราคา 1,490 บาท

มีจำหน่ายที่ร้าน Beaturium , Lashes
หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้ที่ www.senaofficialth.com
Lazada.co.th  ,  Konvy.com



รายละเอียดผลิตภัณฑ์

เซรั่มประเภทน้ำเข้มข้นสูงจากเกาหลี
ที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจาก MARINE PLANKTON
คือ เซลล์ต้นกำเนิดใต้ทะเลลึก
และสารสกัดจากสมุนไพรเกาหลีนานาชนิด
ซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื่น ให้ผิวอ่อนเยาว์
และพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้รวดเร็วและล้ำลึกยิ่งขึ้น



รายละเอียดส่วนผสม

ส่วนผสมหลักคือ Plankton Extract มากถึง 8%
ถือว่ามีปริมาณมากสุดในบรรดาน้ำตบแพลงก์ตอนที่มีในท้องตลาด
นอกจากนี้เป็นสารให้ความชุ่มชื่นและสารสกัดจากพืชหลากชนิด

***ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สี มิเนอร์รัลออย
พาราเบน แต่มีส่วนผสมของน้ำหอม
ซึ่งอาการแพ้หรือระคายเคืองเป็นอาการเฉพาะส่วนบุคคล
สำหรับคนที่ผิวระคายเคืองง่ายแนะนำให้ป้ายเทสที่หลังใบหู
แล้วทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมงก่อนแล้วสังเกตอาการก่อนทำการใช้จริงบนใบหน้าค่ะ




ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เนื้อผลิตภัณฑ์ใสกริ๊งเหมือนน้ำแต่มีความข้นหนืดมากกว่าเล็กน้อย
เวลาทาแล้วแห้งไปกับผิวไม่เหนอะแต่ยังรู้สึกว่ามีฟิลม์บางๆเคลือบผิวอยู่
มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆไม่ได้ฉุนหรือชัดมาก หลังทามีกลิ่นติดผิวเล็กน้อย

ขั้นตอนและวิธีการใช้
หลายคนอาจสับสนกับการเรียงลำดับสกินแคร์
ทริกง่ายๆเลยก็คือเรียงตามความเข้มข้น เหลวมากทาก่อนข้นมากทาหลัง
ก็คิดง่ายๆตามหลักการซึมผิวอ่านะถ้าทาข้นก่อนอันอื่นก็ซึมยาก
ดังนั้นเห็นเนื้อน้ำๆแบบนี้จึงใช้เป็นสเต็ปแรกหลังการล้างหน้านั่นเอง
การใช้ก็ตบลงบนผิวเบาๆ ย้ำว่าเบาๆเพราะตบแรงก็ไม่ได้ซึมดีขึ้นนะจ๊ะ
ปริมาณที่ใช้กะเอาตามขนาดใบหน้าและตามสภาพผิว
ส่วนตัวเค้าผิวแห้งหน้าและคอใช้ประมาณ 1 เหรียญสิบนิดๆค่ะ



ความรู้สึกหลังทดลองใช้

เนื้อบางเบาซึมผิวได้ง่ายดีหลังทาไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะนะ
จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวผสม/ผิวมัน
เทคนิคคือควรใช้ทันทีหลังล้างหน้า
ไม่ใช่ล้างเสร็จนั่งเล่นตากแอร์ตากพัดลมจนผิวแห้งแล้วมาทา
อันนี้สกินแคร์ดีแค่ไหนก็จะรู้สึกไม่ซึมผิวเพราะผิวขาดความชุ่มชื่นไปแล้วนะเออ
หลังตบไปเบาๆบนผิวจะรู้สึกถึงความชุ่มชื่นผิวจะนุ่มขึ้น
และเวลาโบกครีมเสต็ปอื่นต่อโดยเฉพาะครีมเนื้อข้นๆจะสังเกตได้ว่าครีมซึมดีขึ้นจ้า



เทคนิคการใช้เพิ่มเติม

งานสวยต้องมางานประหยัดต้องมี.....
เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อน้ำแบบนี้มาใช้เป็นมาส์กหน้าได้ด้วยนะ!
ไม่ต้องเสียเงินซื้อมาส์กแผ่นๆมาลองแล้วต้องลุ้นว่าจะแพ้หรือไม่
ถ้ามีน้ำตบที่ใช้ประจำก็เอามาแช่กับเม็ดหรือแผ่นชีทมาส์กได้เลย
หยดใส่มาส์กให้ชุ่มๆแล้วแปะทิ้งไว้บนหน้า 15-20 นาที
หลังใช้จะสัมผัสได้เลยว่าผิวชุ่มชื่นและอิ่มฟูขึ้น
พวกเม็ดมาส์กเปล่าๆสามารถหาซื้อได้ทั่วไป
ตามร้านขายอุปกรณ์ความสวยความงาม หรือตามห้างก็มีค่ะ



คะแนนความพอใจ Mhunoiii’s Score [5/5]

-    เท็กซ์เจอร์เนื้อผลิตภัณฑ์ 4.5/5 บางเบาซึมไว ไม่เหนอะหนะ
-    กลิ่น 4/5 กลิ่นเบาๆไม่แรงมากแต่มีส่วนผสมของน้ำหอม
-    ความชุ่มชื่น 4/5 สัมผัสความชุ่มชื่นได้ทันทีหลังใช้ ผิวนุ่มขึ้น

------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by SENA
Information : //www.senaofficialth.com
https://www.facebook.com/Senaofficialth




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2558    
Last Update : 11 ตุลาคม 2558 22:30:46 น.
Counter : 6224 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.