Review : No7 Protect&Perfect ADVANCED Serum ปรับสูตรใหม่เซรั่มลดเลือนริ้วรอยที่ขายดีที่สุดของบู๊ทส์
ริ้วรอย.............คำสั้นๆที่ทำร้ายจิตใจได้อย่างรุนแรง ไม่ว่าเพศไหนอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครอยากมีริ้วรอยแน่ๆหล่ะเนอะ บล็อคนี้เลยจะมารีวิวเซรั่มสูตรลดเลือนริ้วรอยโดยเฉพาะ เป็นไอเท็มที่ขายดีที่สุดของบูทส์ในประเทศอังกฤษ เพราะผลลัพธ์ของความเปลี่ยนแปลงที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่ายอดขายถล่มทลายและเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเลย ซึ่งในปีนี้เค้าได้มีการปรับสูตรใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมนั่นก็คือ
No7 Protect & Perfect ADVANCED Serum
เป็นเซรั่มที่มีมาแล้วกว่า 7 ปี ซึ่งมีการปรับสูตรใหม่ในปีนี้ โดยได้รับการพิสูจน์ทางคลินิคว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการลดริ้วรอยแรกเริ่มและริ้วรอยร่องลึก มีด้วยกัน 2 สูตร ได้แก่
------------------------------------------------------------------------ No7 Protect & Perfect ADVANCED Serum สีเขียวอมฟ้าอ่อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25-35 ปี ที่มีปัญหาริ้วรอยตื้นๆ
ขนาด 30 ml ราคา 1,100 บาท
------------------------------------------------------------------------ No7 Protect & Perfect Intense ADVANCED Serum สีเขียวอมฟ้าเข้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาริ้วรอยลึกและรอยย่นบนใบหน้า
ขนาด 30 ml ราคา 1,350 บาท
------------------------------------------------------------------------
No7 เป็นแบรนด์ภายใต้บริษัท Boots จึงสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Boots ทุกสาขา ค่า ราคาจะมีช่วงลดช่วงโปรโมชั่นบ่อยมากกก แนะนำให้ติดตามรอสอยช่วงโปรฯจะคุ้มเวอร์ (ช่วงโปร2แถม1หรือชิ้นที่สองลด 50% คือเลิฟสุดๆ ) เช็คโปรโมชั่นหรือดูข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า
ส่วนผสมหลักของเซรั่มสองสูตรที่ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยในเรื่องลดเลือนริ้วรอยคือ
- Matrixyl 3000 Plus (เมทริซิล 3000 พลัส) จากเดิมเมทริซิล 3000 คือ ส่วนผสมของเปปไทด์สองชนิด ( Palmitoyl Oligopeptide และ Palmitoyl Tetrapeptide-7 ) ที่จะช่วยในการซ่อมแซมความเสียหายในผิว ด้วยการฟื้นฟูโปรตีนหลัก เช่น ไฟบริลลิน ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความยืดหยุ่นของผิว แต่ต่อมามีการพัฒนาให้เป็นเมทริซิล 3000 พลัส ด้วยการผสมอะซิทิล-ได-เปปไดท์ (Acetyl dipeptide-1 cetyl ester) ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยได้มากขึ้น โดยอยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ Sederma
- สารแอนตี้ออกซิแดนท์ สารกลุ่มต้านอนุมูลอิสระที่ใส่มาคือ วิตามินซี (Sodium Ascorbyl Phosphate : SAP) ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียรสูง ซึ่งวิตามินซีจะช่วยปกป้องผิว จากการทำลายของรังสี UV ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวกระจ่างใส แต่ด้วยปริมาณที่ใส่มาถือว่าอยู่อันดับต้นๆแต่มิใช่ตัวชูโรง จึงน่าจะเน้นประสิทธิภาพในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆได้แก่ สารสกัดจากมัลเบอร์รี่ (Morus Alba Leaf Extract) และสารสกัดจากโสม (Panax Ginseng Root Extract ) ค่ะ
- เปปไทด์จากข้าวและสารประกอบอัลฟาฟ่า (Hydrolyzed Rice Protein และ Medicago sativa (Alfalfa) Extract) ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Matrix Metalloproteinases : MMPs ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำทลายโปรตีนโครงสร้าง พวกคอลลาเจนและไฟบริลลินในผิว
----------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนผสมอื่นๆเป็นสารในกลุ่มให้ความชุ่มชื่นอย่าง Glycerin , Glycol มีส่วนผสมของซิลิโคนโมเลกุลเบาอย่าง Dimethicone ซึ่งทาแล้วจะรู้สึกถึงความเรียบลื่นทันที โดยซิลิโคนสามารถช่วยพรางริ้วรอยเล็กๆได้ ส่วนใครกังวลเรื่องซิลิโคนอยากบอกว่า ในสกินแคร์แทบทุกชนิดมีเจ้าสาร Dimethicone นี้อยู่นะจ๊ะ แต่จากผลการวิจัยแล้ว ค่าความอุดตันของซิลิโคนตัวนี้จัดว่าน้อยมากกก ส่วนใหญ่มักจะเกิดการอุดตัน จากพวกเมคอัพมากกว่า อย่างไรก็ตามปัญหาอุดตันเป็นเรื่องเฉพาะคนที่ไม่มีใครตอบให้ได้ ว่าตัวไหนเราใช้แล้วจะอุดตันหรือไม่ดังนั้นจึงต้องลองเทสดูเองเท่านั้นค่า
อ้อในเซรั่มตัวนี้มีส่วนผสมของ Retinyl Palmitate (Retinol + Palmitic acid ) ก็คือ อนุพันธุ์ของกรด Vitamin A ประเภทหนึ่งช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย แตกต่างจาก Retin A ที่ใช้รักษาสิวนะคะเพราะอยู่ในรูปที่ต้องนำมาย่อยก่อน ทำให้ได้ผลลัพธ์อาจจะช้ากว่าแต่ว่าจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวน้อยกว่าเช่นกัน สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะโดนสั่งห้ามใช้ Retin A โดยเฉพาะยาทาน เพราะจะมีผลต่อเด็ก แต่ถ้าเป็นส่วนผสมในรูปแบบสกินแคร์ที่ไม่ใช่ Retin A เข้มข้นโดยตรง คุณหมอหลายท่านก็บอกว่าสามารถใช้ได้ แต่ยังไงก็สอบถามคุณหมอเพื่อความสบายใจดูอีกทีเน้อ
มีส่วนผสมของสารกันเสียกลุ่มพาราเบน ซึ่งเอาจริงๆไม่ต้องกังวลมากไป เพราะยังจัดเป็นสารที่สามารถใส่สกินแคร์ได้ผ่านมาตรฐานหลายๆประเทศทั่วโลกจึงไม่น่ากลัวใดๆ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แต่มีสารให้ความชุ่มชื่นมาแบบจัดเต็มจึงไม่ต้องกังวลว่า แอลกอฮอล์ที่ใส่มาจะส่งผลให้ผิวแห้งค่ะ ยิ่งใช้คู่กับสกินแคร์อื่นๆยิ่งไม่มีผลต่อชีวิต ส่วนข้อดีมากๆคือไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม โดยรวมจึงจัดเป็น Hypo-allergenic ที่สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวค่ะ แต่ถ้าใครกังวลว่าผิวระคายเคืองง่ายมาก แนะนำให้เทสก่อนใช้ด้วยการป้ายหลังใบหูทิ้งไว้ 24-48 ชม.แล้วสังเกตอาการดูค่า
----------------------------------------------------------------------------------------
จากข้างต้นจะเห็นว่าส่วนผสมหลักของทั้งสองสูตรบอกเลยว่า "เหมือนกันเป๊ะ!" มีต่างกันแค่ตัวเดียวคือในสูตร ADVANCED Serum จะมี Salicylic Acid หรือกรดซาลิไซลิกที่เป็นกรดเบตา-ไฮดรอกซีที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป เผยผิวใหม่ที่ใสขึ้น ทำให้เซรั่มแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น และมีความสามารถ ในการทำความสะอาดรูขุมขนที่อุดตัน ทำให้แบคทีเรียในรูขุมขนเป็นกลาง จึงช่วยลดปัญหาในคนที่มีสิวอุดตัน อย่างที่ทราบๆกันเนอะว่ามักพบสารนี้ ในสกินแคร์ที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิว แต่ไม่ต้องห่วงไม่มีสิวก็ใช้เซรั่มนี้ได้ เพราะสารหลักๆของเค้ายังคงเน้นเรื่องริ้วรอยแค่เติมกรดซาลิไซลิก มาเพิ่มในปริมาณไม่ได้มากนักเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของการลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่มค่า
ส่วนใน Intense ADVANCED Serum จะเป็น Hyaluronic Acid แทน ซึ่งตัวนี้คุ้นหูกันมากในช่วงหลายปีนี้เนอะ เป็นสารที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิว เพราะตัวมันเองมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักโมเลกุล เมื่อผิวเต่งตึงชุ่มชื่นก็จะทำให้ผิวกระชับขึ้นซึ่งมีความจำเป็นมากเมื่อเราอายุมากขึ้น เพราะผิวจะแห้งลงไปตามไป เมื่อว่าชุ่มชื่นน้อยลงริ้วรอยจึงเกิดง่ายขึ้นเป็นร่องชัดขึ้นจ้า
เค้าชอบบรรจุภัณฑ์มากที่มาในหลอดพลาสติกทึบแสง เนื่องจากพกพาสะดวก ใช้งานง่าย บีบกะปริมาณได้ง่าย สะอาดดีไม่ต้องกังวลเหมือนครีมแบบกระปุกที่ต้องเปิดฝาป้าย ที่สำคัญหลอดแบบนี้สามารถตัดหลอดและควักใช้ได้จนหยดสุดท้ายนี่แหละ555 แต่หน้าตาสองสูตรอาจจะคล้ายกันไปนิดต่างกันที่ชื่อที่เติมคำว่า Intense เข้าไป และสีที่ฝา สูตร Intense สีจะเข้มกว่าสูตรปกติค่ะ
ลักษณะเนื้อและกลิ่น
จัดว่าเป็นเซรั่มที่เนื้อค่อนข้างเข้มข้นคล้ายครีม แต่พอเกลี่ยแล้วจะพบว่าเนื้อเบามากกกก เป็นเนื้อแบบซิลิโคน ที่ทาแล้วลื่นปรื้ดไปบนผิว เคลือบผิวเป็นฟิลม์บางๆแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนักหน้า ผิวหลังทาจะเรียบลื่นขึ้นทันที เค้าว่าให้เอฟเฟ็กต์คล้ายๆการทาไพร์เมอร์เลยหล่ะ แต่ไม่หนักหน้าเท่า ซึ่งสามารถใช้เซรั่มตัวนี้ในการลงบำรุงและให้ผลลัพธ์ในเชิงเมคอัพได้นะ สองสูตรเนื้อคล้ายกันมากจนแยกไม่ออก แต่ถ้าสังเกตดีๆ เหมือนสูตร Intense จะเนื้อใสกว่านิดนึงจ้า แต่ทาแล้วเค้าว่าไม่ต่างกัน ส่วนกลิ่นทั้งสองสูตรไม่มีกลิ่นนะคะเพราะ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ทั้งคู่จ้า
***ค่าความชุ่มชื่นของผิวบริเวณแก้มที่มีความชุ่มชื่นดี ควรมีค่าประมาณ 40% ขึ้นไป
เค้าลองเทสเรื่องความชุ่มชื่นระหว่างสูตร ADVANCED Serum กับ Intense ADVANCED Serum ก่อนและหลังทาจะพบว่า สูตร Intense จะเพิ่มความชุ่มชื่นได้มากกว่า เพราะมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแบ่งใช้ตามอายุ สามารถเลือกใช้ตามสภาพผิวได้ อย่างเค้าผิวแห้งจึงเลือกใช้สูตร Intense เพราะเน้นเรื่องให้ความชุ่มชื่นมากกว่า ไม่ได้แปลว่าอิชั้นแก่แล้วหรือมีริ้วรอยร่องลึกแต่อย่างใดนะฮร้า!!! แต่ถ้าใครผิวค่อนไปทางผิวธรรมดาหรือผิวมันก็จะเหมาะกับสูตรธรรมดามากกว่าจ้า
ขอบอกว่าเซรั่มตัวนี้คุ้มค่ามากตรงที่ส่วนผสมเค้าค่อนข้างอ่อนโยน จึงสามารถใช้ทาบริเวณรอบดวงตาได้ด้วย โดยเฉพาะสูตร Intense เพราะให้ความชุ่มชื่นดี เนื้อลื่นเกลี่ยง่าย คุณสมบัติตรงประเต็นคือช่วยลดเลือนริ้วรอย ซึ่งรอบดวงตานี่แหละเป็นจุดที่เกิดริ้วรอยได้มากที่สุด! ที่ดีงามคือลงทุนซื้อเซรั่มได้ปริมาณที่คุ้มค่ากว่าการไปซื้ออายครีมอีก เพราะเอาจริงๆการบำรุงรอบดวงตาสิ่งที่สำคัญสุดและทำให้เกิดริ้วรอยช้าสุด คือการบำรุงให้ชุ่มชื่นไว้เท่านั้นเอง ที่เหลือก็คือต้องพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้นจ้า
เค้าเองลองเทส No7 Protect & Perfect Intense ADVANCED Serum เป็นเวลาหนึ่งเดือน ย้ำอีกทีนะอายุยังไม่ถึงแต่เลือกใช้สูตรนี้เพราะผิวแห้ง ซึ่งสูตรนี้มันชุ่มชื่นกว่าโปรดอย่าเข้าใจอิชั้นผิด!!!
ใช้หลังลงเอสเซนส์ก่อนลงครีมบำรุง ใช้ทารอบดวงตาไปด้วยเลยเพราะขี้เกียจ555 ส่วนตัวประทับใจในเรื่องของเนื้อเซรั่มที่ทาแล้วรู้สึกสบายผิว สามารถโบกครีมอื่นๆตามได้ไม่ทำให้หนักหน้า และแม้ว่าจะเป็นเนื้อแบบซิลิโคน แต่เค้าทาทับด้วยอย่างอื่นอีกหลายชั้น ทั้งครีม กันแดด รองพื้น เมคอัพ ฯลฯ ยังไม่เคยประสบปัญหาว่าทำให้เกิดขุยบนหน้าเลยนะ คือดีงาม ซึ่งเนื้อซิลิโคนส่วนใหญ่มักจะเจอกับกันแดดแล้วขึ้นขุยๆอ่านะ ตัวนี้ลองแมทช์กับกันแดด 5-6 ยี่ห้อ เนื้อต่างๆกันด้วยคือโอเคหมด แต่จะเคลมว่าไม่เกิดขุยเลยอันนี้ก็พูดไม่ได้ต้องไปลองกันเองเนอะ เพราะเราผิวต่างกันใช้กันแดดต่างกันปริมาณที่ทาก็ต่างกันผลย่อมต่างกันเน่อ ส่วนเรื่องผลลัพธ์เค้าเองบำรุงผิวจัดเต็มตลอดจึงยังไม่มีริ้วรอย ก็เลยไม่รู้จะเคลมให้ว่าดีแค่ไหน แต่ริ้วรอยแนะนำให้บำรุงตั้งแต่ยังไม่มีไม่ใช่รอให้เป็นปัญหาแล้วค่อยมาบำรุงจ้า
แถมท้ายอีกหนึ่งอย่างตอนไปงานเปิดตัวเซรั่มตัวนี้เค้าท้ามา ให้เราลองเปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายๆสักหนึ่งเรื่อง เป็นแคมเปญที่ดีงามมากชื่อว่า #PowerOfChange ซึ่งเป็นไอเดียตามคอนเซปต์ของเซรั่มตัวนี้ที่อยากให้เราได้เห็นถึง "พลังของการเปลี่ยนแปลง" เค้าเองรับคำท้าด้วยการทำสิ่งที่เคยตั้งใจจะทำนานละแต่ไม่ได้ตั้งใจมากคือทำได้บ้างไม่ได้บ้าง นั่นก็คือ"การทานน้ำเปล่าหนึ่งแก้วใหญ่ทันทีที่ตื่นนอน" ดูเป็นเรื่องง๊ายง่ายแต่เอาจริงตื่นมาละลืมทุกทีแหะๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ และส่งผลได้ชัดเจนเลยนะ ส่วนตัวเค้าเป็นคนค่อนข้างธาตุหนักถ่ายยาก แต่พอแค่ลองทำต่อเนื่องเฮ้ยแค่อาทิตย์เดียวเห็นผลเลย ทุกวันนี้อุ๊จแทบทุกเช้า มันเป็นความรู้สึกที่ฟินมากกับการถ่ายได้ทุกวัน เพราะน้ำแก้วใหญ่ๆจะทำให้ลำไส้เราบีบรัดตัว จึงอุ๊จออกมาได้แบบสบายๆ เป็นวิธีง่ายเว่อร์ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย.......เค้าขอท้าให้ลอง!
อยากให้ทุกคนลองตั้งเป้าหมายเล็กๆที่จะเปลี่ยนตัวเองดู เช่น นอนไวขึ้น(อันนี้เค้าทำไม่ได้555) ออกกำลังกายมากขึ้น ทานผักผลไม้มากขึ้น ทานกาแฟน้อยลง ฯลฯ เหมือนดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าทำได้ทุกวันบอกเลยว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นผลลัพธ์ที่ถาวร ดูแลตัวเองจากภายนอกยังไม่ก็ไม่เท่าดูแลควบคู่จากภายในด้วย สำคัญที่สุดได้สุขภาพกายแล้วอย่าลืมสุขภาพใจด้วยนะจ๊ะ จุ๊บๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่า
---------------------------------------------------------------------------------------
Disclaimer: Sponsored Content by Boots No7
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2557 0:29:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3623 Pageviews. |
|
|