ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเพชร
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเพชร Diamond
เพชรสังเคราะห์ หมายถึง เพชรที่มนุษย์ทำขึ้นมาตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยมีส่วนประกอบทางเคมี สมบัติทางกายภาพ ทางแสง เหมือนกับเพชรแท้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การตรวจพิสูจน์ไม่สามารถทำได้ง่ายด้วยตาเปล่าหรือวิธีธรรมดา ต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และความรู้ความชำนาญ ประสบการณ์มาก
เพชรเลียนแบบ หรือ เพชรเทียม คือ เพชรที่ทำเลียนแบบเพชรธรรมชาติ จงใจให้ดูคล้ายเพชร แต่คุณสมบัติต่างๆ ไม่ใช่เพชร รวมถึงส่วนประกอบทางเคมีด้วย สำหรับการตรวจสอบเพชรเลียนแบบนั้น มีหลายวิธีแล้วแต่คุณลักษณะที่เป็นจุดเด่นของเพชรเลียนแบบชนิดนั้น ๆ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เพชรเลียนแบบในท้องตลาดทั่วไปมีอยู่หลายชนิด อาทิเช่น Synthetic Cubic Zirconia (CZ) หรือที่รู้จักกันนามของ เพชรรัสเซีย, Synthetic Moissanite (SiC) ฯลฯ
ถามกันมาบ่อยเหลือเกินว่าเพชรรัสเซียเป็นเพชรแท้ใช่หรือไม่? หมอพลอยก็ตอบแล้วตอบอีกว่าไม่ใช่แต่หลายคนยังข้องใจว่าถ้าไม่ใช่เพชรแล้วเป็นอะไร แล้วทำมั้ยทำไมจึงเรียกว่า เพชรรัสเซีย บางคนถึงกับจัดอันดับเข้ากับกลุ่มเพชรแท้ไปเลย ลูกค้า(ที่ไม่รู้เรื่อง) บางคนชอบถามว่านี่เป็นเพชรเกสรหรือเพชรรัสเซียหรือว่าเพชรเบลเยี่ยมละ? ฟังดูสับสนยังไงไม่รู้ คนตอบเลยไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะเพชรเกษรก็หมายถึงเพชรที่เจีย 57 เหลี่ยมส่วนเพชรรัสเซียก็หมายถึง คิวบิคเซอร์โคเนียซึ่งเป็นของไม่จริง ส่วนเพรชเบลเยี่ยม หมายถึงเพรชที่มาจากเบลเยี่ยม ศัพท์นี้พวกพ่อค้าเพชรอาจหมายถึง เพรชที่เจียระไนคุณภาพเป็นรองจากเพชรรัสเซี่ยนคัทซึ่งก็ไม่ใช่ เพชรรัสเซีย เพราะเพชรรัสเซียนคัทเป็นเพชรแท้เหลี่ยมเกสรที่มีการเจียระไนเป็นเลิศสมบูรณ์แบบและราคาแพงที่สุด เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรสับสนกับเพชรรัสเซีย ซึ่งเป็นของไม่จริงที่ราคาถูกมากทีเดียว
เพชรรัสเซีย หรือหลายคน เรียกว่า เพชรเสี้ยว ความจริงแล้วคือ คิวบิคเซอร์โคเนีย ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจากผงเซอร์โคเนีย (Zirconia) โดยวิธีการที่เรียนกว่า Skull Metting ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกโดยกลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าเพชรรัสเซีย พลอยสังเคราะห์ชนิดนี้ มีประกายและการประจายแสงดีเกือบเท่าเพชร ดูคล้ายเพชรมากที่สุดในหมู่พลอยเลียนแบบเพชรด้วยกัน ซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น Syn Kutile, zircon, Y.A.G.,G.G.G.,Strontium Titauate มีการใช้คิวบิคเซอร์โคเนีย แทนพลอยเลียนแบบเพชรชนิดอื่น ๆ มาตั้งแต่ปี 1976 คิวบิคเซอร์โคเนีย มีหลายสี เช่น สีใสไม่มีสี, สีส้ม, สีเหลือง, สีชมพู ฯลฯ ทำได้โดยการใช้ธาตุผ่าน ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดสีต่าง ๆ กัน เติมลงไปในส่วนประกอบทางเคมี เช่น เติมซีเรียม (Cerium) จะให้สีส้มถึงแดง, เติมโครเมียม (Chromium) จะให้สีเขียว, เติมนิเกิล (Nicketl) ให้สีน้ำตาล เติมโคบอลต์ (Cobaslt) หรือนีโอดีเนียม (Neodynium) จะให้มีสีม่วงลาเวนเดอร์ เป็นต้น
คิวบิคเซอร์โคเนียเป็นพลอยหักเหเดี่ยว มีค่าดัชนีหักเหประมาณ 2.15-2.18 ค่าความถ่วงจำเพาะ 5.40-5.95 ความแข็ง 8-8.5 แยกออกจากเพชรได้โดยดูรอยตำหนิจะพบฟองอากาศ และจดเร็วมากในน้ำยา 3.32 ในขณะที่เพชรจะจมช้า ๆ ทั้งนี้เนื่องจากค่าความถ่วงจำเพาะต่างกันมาก
การผลิตคิวบิคเซอร์โคเนียเพื่อใช้เป็นพลอยเลียนแบบเพชร มีการผลิตขึ้นในประเทศรัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ผงเซอร์โคเนีย 1 กิโลกรัม สามารถผลิตเป็นคิวบิคเซอร์โคเนียได้ ประมาณ 500 กรัม (2500 กะรัต)
ชื่อทางการค้าของคิวบิคเซอร์โคเนีย มีอยู่หลายชื่อ เช่น CZ, Cubic Z, Cubic Zirconium, D8iamond Z, Diamonair ll, Djevalite, Fianite, Zirconia, C-OX เป็นต้น ส่วนชื่อการค้าในเมืองไทยก็มีเหมือนกัน เช่น เพชรพม่า, เพชรลพบุรี, เพชรเขาพระงาม เป็นต้น ซึ่งก็สุดแท้แต่พ่อค้าว่าอยากจะให้เป็นเพชรที่ไหน ก็ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ความจริงที่ว่าที่แท้ เป็นคิวบิคเซอร์โคเนีย ไม่ใช่เพชรแท้นะจะบอกให้
ปัจจัยในตัวเพชรสามารถแบ่งเพชรออกเป็น4 กลุ่ม หรือเรียกอีกอย่างว่า 4c' Basic คือ
| | | น้ำหนักของเพชรจะวัดเป็นกะรัต หนึ่งกะรัตแบ่งออกเป็น 100 สตางค์ดังนั้นเพชรขนาด 0.75 กะรัตจึงมีน้ำหนักเท่ากับ 75 สตางค์ ขนาดกะรัตเป็นตัวตัดสินมูลค่าของเพชรที่เด่นชัดที่สุด แต่สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอก็คือเพชรสองเม็ดที่มีขนาดกะรัตเท่ากันอาจมีมูลค่าแตกต่างกันอย่างมากก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจียระไน สีและความสะอาด |
| 0.50ct 5.2mm | 0.75ct 5.8mm | 1.00ct 6.5mm | 1.50ct 7.4mm | 2.00ct 8.2mm |
| เพชรจะมีสีธรรมชาติหลากหลายเฉดมีตั้งแต่ขาวใสไร้สีซึ่งหายากและมีค่าที่สุดไปถึงสีเหลืองจางๆ โดยมีเฉด สีอ่อนแก่ระหว่างกลางมากมายเพชรยิ่งมีสีน้อยเท่าไรยิ่งอำนวยให้แสงสีขาวสามารถ วิ่งผ่านเนื้อภายในได้สะดวกและจะสะท้อนประกายไฟสีรุ้งบนผิวหน้าเพชรได้สวยงามมากขึ้นเท่านั้น
ฉะนั้นการแยกสีเพชรสีขาวกับเพชรที่ติดเหลืองเล็กน้อยซึ่งมีผลกระทบต่อราคา ทางสถาบัน GIA จึงได้กำหนดมาตรฐานการเทียบสีเพชรไว้ ซึ่งการเทียบสีเพชรโดยสายตามนุษย์ไม่สามารถแยกความละเอียดสีขาวและสีขาวติดเหลืองเล็กน้อยออกมากได้ จึงต้องเทียบสีกับ Master Stone โดยนักอัญมณีศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น |
| จาก Scale จะพบว่าสีจะเรียบลำดับจากสี D ไปจนถึง Z โดยแบ่งเฉดสีตามช่วงดังนี้ | | D-F Colorless (ขาวบริสุทธิ์) | | G-J Near Colorless (ขาวติดเหลืองจางมากๆ) | | K-M Faint Yellow (ขาวติดเหลืองจางๆ) |
| | มีหลายคนเข้าใจสับสน ระหว่างการเจียระไนกับรูปทรงของเพชรอันที่จริงการเจียระไน เพชรจะหมายถึงการจัดวางหน้าเหลี่ยมต่างๆของเพชร ดังนั้นเมื่อกล่าวว่าเพชรเจียระไนดี ไม่ว่าจะเป็นรูปใดจะหมายถึงฝีมือการเจียระไนเหลี่ยม ที่ถูกต้องได้สัดส่วนของช่างเจียระไนฝีมือเอก ทั้งนี้เพราะเพชรที่เจียระไนดีจะมีการเล่นแสงได้อย่างแพรวพราวระยิบระยับจับตาและทวีค่ายิ่งขึ้น และทำให้ผู้พบเห็นเกิดความประทับใจ ฉะนั้นการเจียระไนเพชรที่ได้สัดส่วนที่ดีจึงมีความสำคัญมาก
การเจียระไนเพชรมีรูปแบบต่างๆกัน แต่โดยทั่วไปเพชรจะนิยมเจียระไนเป็นรูปทรงกลม เพชรทรงกลมมักนิยมเจียระไนเป็นเหลี่ยม Round Brilliant Cut หรือเหลี่ยมเกสร เนื่องจากเพชรที่เจียระไนแบบนี้จะมีการกระจายแสงที่สมบูรณ์แบบมาก โดยมีเหลี่ยมมากถึง 58 เหลี่ยมต่อเพชรหนึ่งเม็ด |
ในการพิจารณาว่าเพชรเม็ดนั้นเจียระไนดีหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบ | | 1. ขนาดเทเบิล(Table Size) ที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจะมีผลต่อการกระจายแสงของเพชร | | 2. มุมคราวน์(Crown Height) ที่มีความสูงไม่สมดุลกับมุมสะท้อนแสงจะมีส่วนทำให้การกระจายแสงลดน้อย | | 3. ความลึกพาวิเลี่ยน(Pavilion Dept) ที่มีการเจียระไนที่ดี แสงจะสะท้อนขึ้นทุกมุม ทำให้การ กระจายแสงดีแต่ถ้า เจียระไนบางเกินไปแสงจะทะลุออกด้านล่างหรือถ้าหนาเกินไปจะทำให้ไม่มีแสงสะท้อนทำให้เพชรจะดูมืด (Nail Head) | | ซึ่งค่าทั้งหมดจะถูกตรวจสอบโดยนักอัญมณีศาสตร์และบันทึกผลที่ได้ลงใน Certificates ซึ่งผลที่ได้ทั้งหมดจะนำมาสรุปเพื่อให้เข้าใจง่ายต่อบุคคลทั่วไป โดยจะเรียงลำดับจาก เจียระไนดีมาก (Very Good), เจียระไนดี(Good), เจียระไนพอใช้(Fair) |
| | เพชรส่วนมากจะมีริ้วรอยตำหนิเล็กน้อย จึงเปรียบเสมือนลายนิ้วมือธรรมชาติสรรสร้างเอกลักษณ์ของเพชรแต่ละเม็ด กระนั้นก็มิได้ทำให้เพชรด้อยความงาม หรือลดความแข็งแกร่งลงแต่อย่างใด แต่ทว่ายิ่งมีริ้วรอยน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำให้แสงผ่านมากขึ้น ทำให้เพชรทอประกายเจิดจ้าระยิบระยับขึ้น เพชรจึงเหนือกว่าอัญมณีอื่นใดเพราะสามารถทอประกายแสงได้สุกใสงดงามที่สุด วิธีพิจารณาความสะอาดของเนื้อเพชร ต้องใช้กล้องขยาย 10 เท่าและตรวจสอบโดยนักอัญมณีศาสตร์เท่านั้น |
GIA | Image | Description | IF (Internally Flawless) | | หมายถึงเพชรที่สะอาดที่สุด คือ ไม่มีรอยตำหนิใดๆ | VVS1-VVS2 (Very Very Slightly Inclusions) | | หมายถึงเพชรที่มีตำหนิน้อยมากๆ ซึ่งยากมากๆ แก่การมองเห็นภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า | VS1-Vs2 (Very Slightly Inclusions) | | หมายถึงเพชรที่มีตำหนิน้อย ซึ่งยากแก่การมองเห็นภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า | SI1-SI2 (Slightly Inclusion | | หมายถึงเพชรที่มีตำหนิ ซึ่งจะเห็นตำหนิได้ง่ายภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า และอาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าในบางเม็ด | พลอยธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายกับเพชรมี 2 ชนิด ได้แก่ 1. เพทาย (Zircon) เป็นพลอยธรรมชาติที่ใช้เลียนแบบเพชรมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตามปกติเพทายมีได้หลายสี รวมทั้งเม็ดที่ใส ไม่มีสี ที่มีประกายคล้ายเพชร ข้อสังเกตุ ขณะที่เม็ดเท่า ๆ กัน เพทายจะมีน้ำหนักมากกว่า (เพราะค่าความถ่วงจำเพาะมากกว่า) มีตำหนิในเนื้อแตกต่างจากเพชร คือมีเส้นคู่ชัดเจน เพราะเพทายเป็นพลอยหักเหคู่ ในขณะที่เพชรตกผลึกในระบบคิวบิกซึ่งมีการหักเหเดี่ยว วิธีดูเส้นคู่ต้องดูด้วยกล้องขยาย มองลงไปตรงก้นพลอยจะเห็นเป็นเส้นคู่เหมือนภาพเบลอ ๆ 2. ซัฟไฟร์สีใส (White Sapphire) เป็นพลอยธรรมชาติ วิธีแยกจากเพชร คือดูจากการเล่นไฟ ลองขยับพลอยไปมา แสงที่สะท้อนจากเพชรจะเกิดสีรุ้ง คือสะท้อนเป็น 7 สี ในขณะที่ซัฟไฟร์สีใส จะสะท้อนสีรุ้งได้น้อยมาก
พลอยสังเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายเพชร
เพชรรัสเซีย (Synthetic Cubic Zirconia) เป็นพลอยสังเคราะห์ที่นิยมมากที่สุด ในการเลียนแบบเพชรแท้ วิธีแยกพลอยชนิดนี้ออกจากเพชรคือใช้เครื่องจี้เพชรจี้ดู เนื่องจากพลอยชนิดนี้ไม่มีคุณสมบัติในการนำความร้อนเหมือนกับเพชร ในการแยกแยะเพชรว่าเป็นเพชรหรือเพชรเลียนแบบนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความชำนาญ ประสบการณ์และการดูเป็นประจำ หากท่านไม่แน่ใจ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีและแน่นอนกว่า ขอขอบคุณที่มา : หมอพลอย @ //www.taradploi.com/Default.aspx
Free TextEditor
Create Date : 30 สิงหาคม 2552 | | |
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 18:54:44 น. |
Counter : 829 Pageviews. |
| |
|
|
|