Group Blog
 
All blogs
 

5 พ.ค. 51



navigator.mp3






สวัสดีค่ะ..ทริปนี้ชื่อตอน มรดกโลก..ตำนานแห่งพงไพร
การเดินทางของเนวิเกเตอร์ทริปนี้จะพูดถึงผืนป่ามรดกโลก
ผืนป่าภาคตะวันตกของประเทศไทย
ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติอันหลากหลาย
อันเป็นที่รักและหวงแหนของพี่น้องคนไทยทุกๆคน
มรดกโลกตำนานแห่งพงไพร






พี่ติ๊กเดินทางไปที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
พูดคุยกับประธานมูลนิธิ หลังจากที่คุณสืบทำงาน
เสร็จไประดับหนึ่งเสนอเรื่องมรดกโลกไปแล้ว
ได้เขียนพินัยกรรมยกสมบัติส่วนที่มีเช่น
ผลงานวิจัยรูปถ่ายให้ ดร.ฝน ที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ
เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เสียสละชีวิตไป เมื่อวันที่ 1 ก.ย 2533
หลังจากนั้นปีเศษ เดือน ธ.ค 2534 พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ทุ่งใหญ่นเรศวร ห้วยขาแข้ง ประมาณ สี่ล้านไร่
ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกทางธรรมชาติของโลก
การเสียสละของหัวหน้าสืบ จึงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ
จุดประกายในใจของคนไทยทั้งหลายให้หันมามองว่า
ในเรื่องพื้นที่เรื่องธรรมชาติเรื่องชีวิตสัตว์ป่า
คนที่ดีที่สุดคนนึงของคนไทย ยอมเสียสละชีวิต
เป็นเรื่องที่คิดว่าสะเทือนใจคนทั้งหลายอย่างมาก
และทำให้เฉลียวใจว่าเรื่องนี้สำคัญขนาดไหน
สิ่งที่น่าดีใจก็คือว่าเห็นตรงกันว่า
ต้องสืบสานเจตนารมณ์ของคุณสืบ
จึงได้มีการก่อตั้งมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร








พี่ติ๊กได้ทำเรื่องขออนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเพื่อเข้าไปยังผืนป่าภาคตะวันตกของไทย
และจะได้เลียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มขึ้นทั้งในเรื่องธรรมชาติ
และกลุ่มคนที่คอยพิทักษ์ป่า ตำนานอันยิ่งใหญ่
ที่ผลักดันให้มีการสนใจในเรื่องการอนุรักษ์
จนผืนป่าได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลก จากองค์กรยูเนสโก้
หลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์ที่เนวิเกเตอร์พี่ติ๊กจะได้เข้ามาสัมผัสผืนป่า
สัตว์ป่าและตำนานนักอนุรักษ์ของผู้ชายคนนึง
ที่ชื่อ สืบ นาคะเสถียร
ที่นี่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี






เช้าวันใหม่ที่บ้านนักวิจัย ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
พี่ติ๊กจะเดินทางไปคุยข้อมูลกับหัวหน้าสุนทร
ที่บริเวณโรงอาหารของที่นี่ ริมห้วยทับเสลา






ที่อนุสรณ์สถานแห่งนี้ ที่พื้นเป็นแบบนี้
เพราะต้องการสื่อชีวิตของคุณสืบ
ตอนทำงานมีแต่ความยากลำบาก
ที่ต้องการก็คืออยากให้การทำงานมีอะไรที่ดีขึ้น
อยากให้เหมือนกลีบกุหลาบตอนที่คุณสืบอยู่
สิ่งที่เราเห็นอยู่คือสิ่งที่พี่สืบทำให้เราเห็น






ที่บ้านพักสืบ นาคะเสถียร พี่สุนทรเล่าว่า
มาเรียกพี่สืบตอนเช้า ปลุกให้ท่านเซ็นต์ใบรับรอง
ที่จะไปโรงพยาบาลให้ลูกน้อง ก็ไม่ตื่น
มาปลุกครั้งที่สามก็ยังไม่ตื่น
พอเที่ยงๆก็เลยให้แม่บ้านเอากุญแจมาไข
ถึงรู้ว่าคุณสืบเสียชีวิตไปประมาณตีสาม




พี่ติ๊กบอกว่าภายในห้องยังคงอยู่ในสภาพเดิม
ทั้งข้าวของเครื่องใช้ และงานวิจัยต่างๆ
สมัยที่หัวหน้าสืบทำงานที่นี่
ตอนกลางคืนก็จะจุดเทียนนั่งทำงาน
อยู่จนดึกจนกว่างานจะเสร็จ
หัวหน้าสืบเหนื่อยมากกับงานที่ทำ
แต่ก็เพราะมีความตั้งใจจริง
ที่จะรักษาผืนป่าและสัตว์ป่าแห่งนี้ไว้ให้ได้








พี่ติ๊กบอกว่าชอบประโยคนี้ที่สุด



ที่นี่คือจุดชมวิวสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ





ระหว่างเดินทางต่อเจอเก้งและวัวแดงด้วย




พี่ติ๊กจะขึ้นไปนั่งบนห้างเพื่อรอดูสัตว์
อ่านคำบรรยายตามภาพนะคะ
















เวลาประมาณบ่ายสอง แวะพักกันก่อน
ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
คือผืนป่าภาคตะวันตกของไทย
รวมไปถึงผืนป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
เมื่อรวมกันแล้วถือว่าเป็นผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ที่นี่มีลำน้ำที่สำคัญคือลำน้ำห้วยขาแข้ง










ปกติที่นี่จะเจอสัตว์ได้มากกว่าโป่งอื่น
ช่วงนี้จะพบกระทิง วัวแดง เก้ง กวาง






วันที่สาม จะไปเฝ้าสังเกตการณ์สัตว์ป่า
อ่านคำบรรยายตามภาพน๊า
























พี่ติ๊กเตรียมข้าวกล่องมากินด้วย กินง่ายอยู่ง่ายจังอ่ะ





รอนานๆมีแอบหาว ด้วย อิอิ







พี่ติ๊กเก็บของกลับที่พัก พรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่

อนิจจาสัตว์ป่าน่าสงสาร
ถูกล้างผลาญเข่นฆ่าให้อาสัญ
ผิดด้วยหรือจึงถูกล่าต้องจาบรรณ
มนุษย์นั้นจะโหดร้ายเพียงไหนกัน
ธรรมชาตินำสัตว์ป่ามาคู่โลก
สร้างสมดุลพูลโภคให้โลกนั้น
มนุษย์ยังคิดล่าล้างเผ่าพันธุ์
จะรู้สึกสักวันเมื่อบรรลัย
(แต่งโดยหัวหน้าสืบ นาคะเสถียร)









แปะภาพต่อนะคะ..การเดินทางครั้งที่แล้ว ได้เดินทางไปยังพื้นที่มรดกโลก
คือที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี
พี่ติ๊ก : ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผมได้ใช้ชีวิตที่นั่น ผมเห็นเลยว่าที่นี่
คือบ้านของสัตว์ป่าอย่างแท้จริง วัฎจักรวิถีชีวิตซึ่งดำรงอยู่ตามธรรมชาติ
ที่พึ่งพาอาศัยกันอย่างลงตัว ทั้งผืนป่าและสัตว์ป่าให้อยู่กันอย่างมีอิสระเสรี
ผมได้เดินขึ้นเขาหินแดง ที่อยู่ไม่ไกลจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
และผมยังได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่นี่
รู้สึกว่าทุกคนล้วนแต่มีความตั้งใจจริง
ที่จะคอยช่วยกันดูแลผืนป่าและสัตว์ป่าแห่งนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป
และตำนานอันยิ่งใหญ่ ที่ยังอยู่ในความทรงจำของหลายๆคน
อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในปี 2532
หัวหน้า สืบ นาคะเสถียร ที่ได้เสียสละชีวิตตัวเอง
เพื่อเรียกร้องให้เกิดอนุรักษ์กันอย่างจริงจัง
และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครหลายคน
ทำงานเพื่อสืบสานเจตนาของหัวหน้าสืบ นาคะเสถียร ต่อไป










เริ่มต้นตั้งแต่คุณสืบเสียสละชีวิตเมื่อวันที่ 1 ก.ย 2533
ตอนนั้นเพื่อนพ้องมีความเห็นตรงกันว่า
จำเป็นต้องสืบสานเจตนารมณ์ของคุณสืบให้ได้
การที่เสียสละชีวิตครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นการสูญเปล่า
ก็ได้มีการประชุมหารือกัน
18 วันหลังจากนั้นก็มีการตั้งมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
ตอนที่เริ่มก่อตั้งได้รับพราะมหาธิคุณ
จากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ทรงประทานเงินมาสองล้านเศษ เพื่อเป็นทุนของมูลนิธิ




พี่ติ๊กเดินทางไปขอคำปรึกษากับอาเล็ก
เรื่องการเข้าไปพื้นที่ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
อาเล็กบอกว่าทุ่งใหญ่ตะวันตกจริงๆแล้วไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว
เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า การเข้าไปจะเป็นเพื่อกรณีศึกษา
เมื่อประมาณปี 26-27 มีนโยบายว่าจะทำเขื่อนเพื่อกักน้ำอีกชั้นนึง
ก่อนลงเขื่อนศรีนครินทร์ นักอนุรักษ์ต่างๆไม่เห็นด้วย
เพราะตรงนั้นเป็นรอยเลื่อน ถ้าเกิดสร้างเขื่อนตรงนั้นต้องเกิดปัญหาแน่
ตอนนั้นมีแนวร่วมหลายคนรวมทั้งคุณสืบด้วย
น้ำโจนมีความสำคัญยังไงในระบบนิเวศน์








ตลอดเดือนพ.ค เนวิเกเตอร์จะพูดถึงผืนป่ามรดกโลก
คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ความจริงคือผืนป่าเดียวกันเพียงแต่แบ่งเขตกันดูแล
และคราวนี้เนวิเกเตอร์จะไปที่ น้ำโจน แม่น้ำแควใหญ่ตอนบน
ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี
ที่นั่นเคยมีโครงการที่จะสร้างเขื่อนน้ำโจน แต่ตอนนี้ยุติลงแล้ว






แวะตลาดทองผาภูมิซื้อเสบียงก่อนเดินทางเข้าป่า









ตอนนี้ทีมเนวิเกเตอร์ถึงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
พรุ่งนี้เช้าก็จะออกเดินทางต่อไปยังน้ำโจน





เช้าวันใหม่..เตรียมเดินทางต่อขับรถไป 15 ก.ม ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าทิคอ
แล้วแยกออกไปอีก 9 ก.ม จะถึงที่น้ำโจน






พี่ติ๊กเดินทางไปพูดคุยกับพี่ต้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
ภาระกิจหลักของพี่ต้นคือมูลนิธิจะทำงานกับชุมชนและเขต
ในการที่จะกำหนดหมายแนวเขต
เพื่อให้ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ไม่มีปัญหากับทางเขต
โดยมีคุณสืบ เข้ามาเป็นผู้ประสานระหว่างเขตและชาวบ้าน
สมัยก่อนจะมีการก่อสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน
มีการอพยพสัตว์ป่าที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
คุณสืบได้ใช้ข้อมูลตรงนี้มาเป็นข้อต่อสู้
ว่าไม่อยากให้เกิดกรณีแบบนี้อีกที่น้ำโจน








การเดินทางค่อนข้างลำบากเพราะมีฝนตกด้วย
ช่วงบ่ายๆ ทีมเนวิเกเตอร์ก็มาถึงน้ำโจน
ที่น้ำโจนความหมายคือ ปลากำลังกระโจน
คือกระโจนโต้กับสายน้ำในป่าผืนนี้
ซึ่งเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด








ที่น้ำโจน แม่น้ำแควใหญ่ตอนบน มีต้นกำเนิดจากอ.อุ้มผาง จ.ตาก
ห้วยแม่กลอง ห้วยอุ้มผาง และลำห้วยสายเล็กสายน้อย
ไหลมารวมกัน และไหลลงต่อไปยังเขื่อนศรีนครินทร์
เมื่อก่อนที่หัวหน้าสืบ จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเขต
ท่านเคยร่วมต่อต้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน
ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ซึ่งมีผลกระทบอย่างมาก
ต่อป่าและสัตว์ป่า หัวหน้าสืบได้ร่วมกับภาคประชาชน
และนักอนุรักษ์ต่างๆ ที่จะไม่ให้เกิดเขื่อนน้ำโจน
นี่ก็เป็นอีกผลงานชิ้นสำคัญของหัวหน้าสืบ
การต่อต้านในครั้งนั้นเกิดจากบทเรียนที่ได้รับ
จากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี








ในปี 2529 มีโครงการอพยพสัตว์ป่าที่กำลังจะถูกน้ำท่วม
อันเป็นผลจากการก่อสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน
ทำให้ป่าดงดิบผืนใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก
และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จำนวนแสนกว่าไร่ต้องจมน้ำ
ความลึกเกือบร้อยเมตร ภาระกิจของโครงการคืออพยพสัตว์ป่า
ออกมาให้อยู่ในที่ๆปลอดภัย
โดยมีหัวหน้าสืบ เป็นหัวหน้าโครงการในขณะนั้น
และถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย




ภาระกิจในแต่ละวันคือนำเรือออกลาดตระเวน
ไปตามต้นไม้สูงๆ ที่อยู่กลางทะเลสาบที่มีสัตว์ติดอยู่
หรือขึ้นไปบนเกาะกลางน้ำ เพื่อเอาตาข่ายขึงกลางเกาะ
แล้วแบ่งคนเดินหน้ากระดาน
ส่งเสียงไล่ต้อนสัตว์
ให้ตกใจวิ่งมาชนตาข่าย
ทำทุกวิถีทางเพื่อคอยช่วยเหลือสัตว์ป่า
ก่อนที่จะจมน้ำ หรืออดอาหารตาย
รวมพรานที่คอยฉวยโอกาสล่าสัตว์
ทั้งๆที่สัตว์เหล่านั้นไม่มีทางหนี
ทุกคนต่างพยายามช่วยชีวิตสัตว์ป่า
อย่างเต็มความสามารถ
แต่บางทีก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติกับการสูญเสียไปได้
สำหรับโครงการนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ให้ลุล่วงไปในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น
จึงเป็นตัวอย่างและประเด็นสำคัญ ค่อนข้างมาก
ของการต่อต้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน
คือจะเป็นการทำลายป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ทุ่งใหญ่นเรศวร ป่าใหญ่ผืนสุดท้ายที่เหลืออยู่
ทั้งยังเป็นแหล่งของพันธุกรรมพืชที่มีคุณค่า
และสัตว์ป่านานาชนิดที่หายากและใกล้สูญพันธุ์
ถ้ามีเขื่อนน้ำจะท่วมพื้นที่ถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่า
รวมถึงแหล่งอาหารพืชพันธุ์และดินโป่ง
เขื่อนนี้จะทำให้แบ่งพื้นที่ป่าเป็นสองส่วน




สัตว์ขนาดใหญ่เช่น ช้าง กระทิง สมเสร็จ
ซึ่งเคยย้ายถิ่นตามฤดูกาล ก็ไม่สามารถย้ายถิ่นได้อีก
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่เหตุผลบางประการเท่านั้น
แต่เพียงเท่านี้ก็จะดูมากมายมหาศาล
และไม่อาจตีเป็นมูลค่าของผลเสียนี้ได้
เพราะถ้าทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายไป
เราก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้อีก
แล้วเหตุใดล่ะ!!
ที่เราจะมาทำลายมรดกชิ้นสุดท้ายให้สูญสิ้นไป
ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม
ประชาชนเมืองกาญจนบุรี กลุ่มนักอนุรักษ์
หัวหน้าสืบ และเพื่อนพ้องที่ทำงานด้านป่าไม้
จึงต้องคัดค้านกับเขื่อนน้ำโจน
จนในที่สุดวันที่ 25มี.ค 2531
มีคำประกาศให้ระงับเขื่อนน้ำโจนไว้ก่อน
และต่อมาในปี 2534 ได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโก้
ให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรห้วยขาแข้ง
เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลก
นั่นหมายความว่าโครงการสร้างเขื่อนน้ำโจน ต้องยุติโดยสิ้นเชิง




คุณอนันต์ ศรีผุดผ่อง
ถ้ามีการสร้างเขื่อนน้ำโจนจริงๆแล้วเนี่ย
จะทำให้น้ำท่วม บริเวณที่เป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่าที่สำคัญ
บริเวณตัวทุ่ง การเดินทาง การอพยพของสัตว์ป่า
ซึ่งจะต้องเดินทางเวียนหากินจะถูกตัดขาด
ทำให้พฤติกรรมของเสัตวืป่าปลี่ยนแปลงไป
ต้นไม้ป่าไม้ก็จะโดนน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก




คุณภินันท์ โชติรสเศรณี
สมัยนั้นตอนรู้ว่าจะสร้างเขื่อน
เราก็ค่อนข้างดีใจว่าเราจะมีเขื่อนมีแหล่งท่องเที่ยว
และเราได้ถูกสอนให้มีความเข้าใจว่า
รอยเลื่อนแผ่นดินไหวในไทยตายแล้ว เราจะได้ยินมาตั้งแต่เด็ก
แต่ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย 2526
เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองกาญฯ5.8ริคเตอร์
ทำให้เรารู้ว่าหากมีการสร้างเขื่อนน้ำโจน
ผลกระทบจะรุนแรงมากกว่านี้เยอะ
เมื่อรู้เหตุผลอย่างนี้กลุ่มสตรีจึงออกมาร่วมกัน
เนื่องจากว่าเราต้องดูแลรุ่นลูกหลานเราด้วย




เวลาที่ได้ฟังคุณสืบอธิบาย ทำให้เรารู้สึกว่า
คุณสืบเป็นคนที่เป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวจริงเลย
หลังจากที่เราเสียคุณสืบไปเราก็รู้สึกว่าด้านสิ่งแวดล้อม
ในเมืองไทยก็มีคนสนใจมากขึ้น
ผ่านไปยี่สิบปีก็ยังคิดถึงคุณสืบตลอด
คิดถึงผู้ชายตังโย่งๆ ใส่หมวกคลุมหน้า ใส่แว่นหนาๆ
มายืนคอยเป็นกำลังใจข้างเวที








คุณ วีรวัธน์ ธีระประสาธน์
สิ่งที่เค้าทำมาตลอดชีวิต ก็ไม่ได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
แม้จะยากลำบากแต่ผลพวงที่เค้าทำมาเนี่ย
ทำให้สังคมตระหนักมากขึ้น
ในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
คุณสืบได้สร้างสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานของวงราชการไทย
คือว่าในขณะซึ่งวิกฤตศรัทธาต่อระบบราชการน้อยลงไปเรื่อยๆ
แต่คุณสืบได้เห็นแล้วว่า ในระบบราชการ
ก็มีคนที่ตั้งใจทำงานจริงจัง
ที่อยากแก้ปัญหาบ้านเมือง
ผมคิดว่าประเด็นที่คุณสืบได้ตัดสินใจทำไป
คงไม่สูญเปล่า แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องคนรุ่นหลัง
ที่จะนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างแข็งขันด้วย




คุณ ชัชวาลย์ พิศดำขำ
ถึงตรงนี้อยากบอกพี่สืบว่า ไม่น่าต้องห่วงมาก
ถึงจะห่วงบ้าง แต่ก็ไม่ต้องห่วงมาก
เพราะยังมีคนอีกหลายคน
หลังจากผมก็จะมีหัวหน้าคนต่อๆไป
คนที่กรมอุทยานของเราเลือกมาทำหน้าที่ตรงนี้
ส่วนใหญ่ก็จะผ่านการคัดกรองมาเพื่อให้เกิดความสำเร็จ
แต่ก็อย่างที่พี่สืบเคยพูดกับทางผม
และพวกเราว่าปัญหาของป่าไม่มีวันหมด
ปัญหาของป่ามีแต่จะเปลี่ยนรูปเข้ามา
ป่ายังเป็นผู้ที่ถูกกระทำเสมอ เราหยุดการทำงาน
หยุดความตั้งใจ หยุดการเสียสละ หยุดทุ่มเทเมื่อไหร่
ป่าของเราก็จะอยู่ในสภาพวิกฤตเช่นเดิม
ตรงนี้ก็คงต้องบอกพี่สืบว่า
ขอให้สบายใจในระดับที่พวกเราพร้อมที่จะอุทิศ
ทุ่มเทเพื่อการทำงานเหล่านี้ต่อไป




ดร.ธีรภัทร ประยูรสิทธิ์
พี่สืบ ทำงานตั้งแต่เช้าถึงเย็น แดดออก ฝนตก ก็ออกไปทำงาน
เพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ ที่อาจจะตายหลังจากน้ำท่วมขึ้นมา
ก็ปรากฎว่าการช่วยชีวิตสัตว์ป่าที่เขื่อนเชี่ยวหลานครั้งนั้น
ช่วยสัตว์ได้ประมาณพันกว่าชีวิต
พี่สืบครับ..จริงๆผมไม่อยากให้พี่สืบทำอย่างที่พี่สืบทำ
ในวันที่ 1 ก.ย 2533 ซึ่งต้องเรียนพี่สืบถ้าพี่รับทราบคิอ
สิ่งที่พี่สืบได้ทำแม้จะไม่คุ้มที่ต้องสูญเสียคนที่เรารักไป
คนที่เรานับถือไป แต่ผลที่ได้คุ้มค่า เพราะวงการอนุรักษ์ตื่นตัว
ป่าห้วยขาแข้งทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ถูกภัยคุกคามจากทุกสารทิศ
ณ ตอนนี้ลดลง ป่าและสัตว์ป่ากลับฟื้นคืนมา


คุณ สุนทร ฉายวัฒนะ
ที่ผมประทับใจก็คือ ความมุ่งมั่นในการที่จะดูแล
รักษาตรงนี้ และมีความเป็นห่วงและต้องการทำยังไงก็ได้
ที่จะให้พื้นที่ป่าตรงที่พี่สืบดูแลเนี่ย ให้คนมาช่วยกันดูแล
และยอมรับ และอยากบอกว่าหลังจากที่พี่สืบได้เสียชีวิต1 ปีเศษ
ผลงานที่พี่สืบได้เริ่มต้นไว้อะไรต่างๆ ดำเนินการไว้
ทำให้ตรงนี้ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลก


คุณ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
เคยมีคนพูดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วว่า
คุณสืบ นาคะเสถียร อาจจะเป็นวีรบุรุษคนล่าสุด
หรือคนสุดท้ายในสังคมไทย คือ The last Hero
คือคนที่เป็นวีรบุรษเนี่ยจะต้องสร้างผลสะเทือนให้กับสังคม
คุณสืบได้ทำตรงนี้ ในช่วงที่แกเสียชีวิตใหม่ๆต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
ผมคิดว่าคุณสืบได้ทำให้คนในสังคมจำนวนมาก
ได้หันมาสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม
ช่วงเวลานั้นคุณสืบได้ปลุกกระแส
เรื่องการอนุรักษ์ขึ้นมาในเมืองไทย
การฆ่าตัวตายไม่ใช่สิ่งที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
แต่ว่าถ้าเราศึกษาวิถีชีวิตของเค้าเนี่ย
ถ้าเราเป็นอย่างเขาได้สักครึ่งนึงสังคมมันก็น่าจะดีกว่านี้
การที่เค้าเป็นคนที่มุ่งมั่นทำอะไรอย่างจริงจัง
การที่เค้าเป็นคนที่ดูแลลูกน้องมากกว่าตัวเอง
การที่เค้ายอมเสียสละไม่ยอมไปเรียนต่อเมืองนอก
แต่ว่ากลับไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ
เพื่อที่จะปกป้องธรรมชาติแทนคนในประเทศเนี่ย
ผมคิดว่าถ้าเราทำอย่างเค้าได้ซักครึ่งนึง
บ้านเมืองคงดีกว่านี้เยอะ
ถ้าได้ศึกษาชีวิตเค้าแล้วจะรู้ว่า
เค้าเป็นคนที่สนใจที่น่าศึกษา
มีประโยคของคุณสืบที่ดังมากสมัยนั้นพูดว่า
"ผมเชื่อว่าผมได้ทำได้ดีที่สุดแล้ว ผมคิดว่าผมทำดีที่สุดแล้ว"
และผมคิดว่าถ้าผมเจอแกผมก็จะบอกคุณสืบว่า
พี่ก็ทำในสิ่งที่พี่พูดอย่างนั้นจริงๆ
สุดท้ายชีวิตของแต่ละคนเราก็เลือกไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ก็อยากจะให้คนอื่นได้จำในสิ่งที่คุณสืบพูดไว้ว่า
"ทุกคนควรทำอะไรให้ดีที่สุดในชีวิตของตัวเอง"
อะไรก็ได้ ด้านไหนก็ได้ แสดงความเป็นตัวตน
ของเค้ามากที่สุด "ขอให้ทำให้ดีที่สุด"




เจษฎาภรณ์ ผลดี
พวกเราขออาลัยการจากไปของหัวหน้าสืบ นาคะเสถียร
ผู้ที่ไม่เคยทรยศต่อหลักการณ์ และความมุ่งมั่นของตัวเอง
ผู้ที่รักป่าสัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกาย วาจาและใจ


คุณสืบ นาคะเสถียร
ถ้าทุกคนได้มีส่วนร่วม ผมว่าปัญหานี้แก้ไม่ยากเลย
คือถ้าเราพยายามจะไม่กินเนื้อสัตว์ ที่เรารู้ว่าเค้าล่ามาด้วยวิธีการอย่างไร
มันผิดกฎหมายใช่มั้ย หรือว่าลูกสัตว์ที่เล็กๆ ที่น่ารัก
ถ้าเอามาเลี้ยงมันมาจากป่าใช่มั้ย มันผสมได้ในกรงเลี้ยงจริงหรือเปล่า
มีสัตว์ป่าบางชนิดเท่านั้นที่สามารถเลี้ยงแล้วมีลูก ในกรงเลี้ยงอย่างชะนี ค่าง
แทบจะหนึ่งในล้านเปอร์เซนต์เลยที่เลี้ยงในกรงแล้วมีลูก
ฉะนั้นคนที่เอาลูกชะนีมาขายเนี่ย แม่ต้องตายแล้วลูกถูกกระชากจากอกแม่แน่นอนครับ !!


ขอร่วมไว้อาลัยและระลึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร
"ทุกคนควรทำอะไรให้ดีที่สุดในชีวิตของตัวเอง"

ขอบคุณเนวิเกเตอร์ ที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆเพื่อกระตุ้นเตือน
ให้หลายๆท่านหันกลับมามองใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า














 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 20:27:41 น.
Counter : 1836 Pageviews.  

7 เม.ย 2551

navigator.mp3


เริงราตรี.mp3



สวัสดีค่ะ..เนวิเกเตอร์ทริปนี้เสนอตอน
มิตรภาพจากแผ่นดินกลางน้ำ สู่ธรรมชาติแห่งชุมชน เกาะช้างใต้ จ.ตราด
พี่ติ๊กมีบั๊ดดี้ ร่วมเดินทางไปผจญภัยด้วยชื่อ โซดา
สุนัขพันธุ์ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์ เพศผู้อายุ 3 ปี
เป็นทริปที่ชอบจังอ่ะ มีน้องหมาโซดาไปด้วยหน้าตาหล่อเชียว
ก็เลยแปะรูปเยอะเป็นพิเศษ โซดาน่ารักจริง จริ๊ง
พี่ติ๊กเดินทางไปที่ศูนย์เพื่อดูความพร้อมของโซดา








โทรนัดทีมเนวิเกเตอร์เตรียมเดินทางไปที่แหลมงอบ จ.ตราด
เพื่อไปขึ้นเรือข้ามไปเกาะช้าง โดยขึ้นเรือที่ท่าเรือเฟอรี่อ่าวธรรมชาติ




เดินทางถึงท่าเรือรอคิวรถเพื่อขับรถขึ้นเรือ ดูท่าทางโซดาตื่นเต้นเชียว







ดูสิมองโน่นมองนี่ใหญ่เลย





ถึงเกาะช้าง เวลาประมาณ 10.30 น.
พี่ติ๊กกะโซดาจะล่องเรือแจวชมวิวธรรมชาติสวยๆกัน










โซดา : สวยจังเลยฮับเจ้านาย



พี่ติ๊ก : โซดาเห็นมั้ยนี่เค้าเรียกว่าปู
โซดา : โอ้ว..ดีส อีส อะ ปู






โซดาน่ารักจังเนอะ ดูเป็นน้องหมาที่ค่อนข้างเรียบร้อย ไม่งอแง







แวะพักที่ศาลา ให้โซดาว่ายน้ำเล่นด้วย โซดาว่ายน้ำเก่งมาก











พี่ติ๊ก : อืม..อากาศสดชื่นจริงๆเล้ยว่ามะโซดา
โซดา : สดชื่นจริงๆฮะเจ้านาย บรู๊ว..ววว








เวลา 8.30 น. เมื่อคืนพี่ติ๊กกะโซดานอนพักที่บ้านสลักเพชร



ณ บริเวณนี้เป็นป่าโกงกาง มองออกไปด้านโน้นก็คือ อ่าวสลักเพชร



ครั้งนี้มาผจญภัยในโซนของเกาะช้างใต้ จ.ตราด
เดี๋ยวเราจะขับรถไปอีกประมาณ 3 ก.ม จอดรถแล้วเดินขึ้นเขากัน
จะมีจุดหมายปลายทางที่ เขาแหลม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง






พี่ติ๊กเป็นห่วงว่าอากาศร้อน เดี๋ยวโซดาจะเดินไม่ไหว
ก็เลยเอาโซดามาฝากไว้กับพี่จู้






โซดา : ไม่นะ..เจ้านาย..ว้อท แฮ่บ เพ่น ?
โซดาอยากไปด้วย อย่าทิ้งถ่วงโซดาแบบนี้
~หรือว่าตัวถ่วงมันต้องยอมถูกทิ้ง~ บะบรู้ว..โบร๋ว..วว โฮ่งๆ แงๆ






โซดา : ตอนนี้โซดารู้สึกโซแซ้ดมากเลยคุณผู้ชม





พี่ติ๊ก : จริงสิ..เราไม่ควรทิ้งถ่วงโซดาไว้ ไหนๆก็เดินทางมาด้วยกันแล้ว
ยังไงๆก็ต้องไปให้ถึงจุดหมายปลายทางด้วยกันสิเนอะ
เฟี้ยว..ววว !! เสียงพี่ติ๊กเลี้ยวรถกลับไปรับโซดา
mesaya : รู้สึกโซซึ้งมากเลยอ่ะ ที่พี่ติ๊กกลับไปรับโซดา
มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ต้องอย่างนี้สิพี่ติ๊ก




พี่ติ๊ก : โซดา..จะไปเที่ยวด้วยหรอ ไปด้วยก็ได้ โอ๋ๆ






โซดา : ตอนนี้โซดารู้สึกโซลัคกี้แอนด์โซแฮบปี้มากเลยฮับ
ที่เจ้านายกลับมารับไปเที่ยวด้วย




จอดรถที่นี่เพื่อเดินเท้าต่อไปยังเขาแหลมข้างบนนู้น







ฮู้ว..ร้อนจัง พักดื่มกาแฟซักกระป๋องก่อน
จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะเดินขึ้นเขาระหว่างภูเขา2ลูก
เราจะพักที่นั่นเรียกว่าช่วงท้องช้าง
มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 600 เมตร










แวะพักดื่มน้ำ
พี่ติ๊ก : ช่วงที่เราเดินผ่านสวนยางมา ก็จะเป็นทางชันตลอด
เหนื่อยเหมือนกันครับ บวกกับอากาศที่ร้อนแบบนี้
โซดา : ใช่ครับเจ้านายโซฮอทมากๆ






พี่ติ๊ก : บอกแล้วว่าอย่าตามมา โซดา..ดูซิเนี่ย
โซดาหอบเสียงดังมาก
โซดา : ที่นี่เค้าเรียกว่าเนินหมาหอบใช่มั้ยฮับเจ้านาย แฮ่กๆๆๆ




ตอนนี้พี่ติ๊กก็แวะกินข้าว โดยให้โซดานอนพักไปก่อน
เพราะโซดากินอาหารมื้อเย็นมื้อเดียวพอ






เดินทางกันต่อครับ



เจอทางเดินที่ชันมากเดินขึ้นไปค่อนข้างยาก
ต้องช่วยๆโซดาหน่อย โซดาเก่งมากพยายามเต็มที่
สู้ สู้ นะจ๊ะโซดา








พี่ติ๊ก : โซดา มาถึงแล้ว เฮ้ๆ
ในที่สุดผมกับโซดาก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์
ที่เขาแหลม เกาะช้าง จ.ตราด วิวสวยจังเลยเนอะ








พี่ติ๊ก : โซดา ถึงแล้ว เก่งมากๆเลย
โซดา : ขอบคุณฮับเจ้านายที่ชมป๋ม แฮ่กๆ
ที่นี้โซบิวตี้ฟูลจังนะฮับเจ้านาย คุณผู้ชมว่ามั้ยฮับ บรู้ว..ววว






พี่ติ๊ก : ที่เกาะช้างแห่งนี้ถือว่าเป็นเกาะที่มีความใหญ่
และมีพ.ท มากเป็นอันดับ 2 รองจากเกาะภูเก็ตครับ
ในการผจญภัยครั้งนี้ผมก็ได้มีโอกาสพาสุนัขชื่อโซดามาด้วย
เค้าเป็นสุนัขที่ค่อนข้างจะเชื่อฟังอาจจะมีดื้อบ้างบางครั้ง
เพราะเค้ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ก็สามารถมาผจญภัยกับเนวิเกเตอร์ได้แบบ
ในสถานที่อาจจะไม่ยากนักนะครับ เพราะเรามีปัจจัยหลายอย่างในเรื่องสถานที่
อากาศ น้ำ จากที่เดินทางมาเราก็ได้มีโอกาสนั่งเรือแจว
ที่บ้านสลักคอก ชมป่าโกงกาง ทะเลที่เกาะช้างสวยอยู่แล้ว
เราก็เลยขึ้นมาดูอีกมุมคือความสวยงาม อุดมสมบูรณ์ของภูเขา
สภาพป่ายังคงความสมบูรณ์อยู่
การเดินทางของเนวิเกเตอร์คงสิ้นสุดที่นี่นะครับ ที่เขาแหลม เกาะช้าง จ.ตราด








ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณพี่น้องทุกคนที่บ้านสลักเพชร และบ้านสลักคอกครับ
ขอบคุณชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักเพชร สลักคอก ขอบคุณท้องทะเลและภูเขาแห่งนี้
เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์
สำหรับวันนี้ผมและโซดาขอลาไปก่อนครับ
สวัสดีครับ
โซดา : บ๊าย บาย นะฮับคุณผู้ชม






พี่ติ๊ก :โซดา ปลาโลมา เห็นป่าวโน่น 3 ตัวเลย
โซดา : โลมาโซคิ้วท์จังนะฮับเจ้านาย




mesaya : ทริปนี้ดูแล้วโซแฮปปี้จังค่ะ คริคริ
น่ารักที่สุด เห็นความรัก ความผูกพันธ์
การช่วยเหลือกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยง
ดูไปก็คอยลุ้นไปให้พี่ติ๊กกะโซดาเดินทางให้ถึงจุดหมาย
อากาศอาจจะร้อนเกินไปนิด โซดาก็เลยดูแฮ่กๆไปหน่อย
แต่ยังไงโซดาก็เก่งมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้พี่ติ๊กพาโซดาไปผจญภัยกับเนวิเกเตอร์อีกจัง
แต่ก็อย่างที่พี่ติ๊กบอกว่าต้องขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่างด้วย
แล้วเพื่อนๆอย่าลืมดูเนวิเกเตอร์ตอนต่อไปวันที่ 14 เม.ย น๊า บ๊าย บาย

ป.ล.ให้เสียงพากย์โซดาโดยพันธมิตร เอ้ย..มะใช่..mesaya เองฮับ


























 

Create Date : 09 เมษายน 2551    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 20:28:11 น.
Counter : 721 Pageviews.  

21 ก.พ 2551

NAVIGATOR

navigator.mp3



NEW SOUL
Yael Naim - New So...



สวัสดีค่ะ....
เนวิเกเตอร์ทริปนี้ชื่อตอน เขาสามยอด อ้อมกอดในสายหมอก
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
เปิดรายการที่ ฟาร์มโคนมแห่งหนึ่ง จ.นครราชสีมา
พี่ติ๊กกะลังช่วยรีดนมวัว ท่าทางอย่างกับมืออาชีพเลยเชียว







โทรนัดกับสายป่าน ซึ่งเป็นเนวิเกตี้รับเชิญสำหรับทริปนี้




ก่อนที่จะเดินทางออกจากฟาร์มโคนม
พี่ติ๊กก็แวะไปเก็บภาพน้องวัวในฟาร์มเป็นที่ระลึก





พี่ติ๊ก: สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วในช่วงวันหยุดแบบนี้
กับเนวิเกเตอร์ ผมต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่มีหัวใจรักธรรมชาติ
ที่ทำให้การเดินทางของเนวิเกเตอร์ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4
และคราวนี้ผมจะพาทุกๆคน ไปผจญภัยด้วยกันครับ
เราจะไปกันที่ น้ำตกคลองถ้ำเต่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
จะเป็นการโรยตัวลงสู่หน้าผา
และจะออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์
คือที่เขาสามยอด อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
และคราวนี้ก็มีน้องสาวแสนซนไปกับผมด้วยครับ
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปพร้อมกับเนวิเกเตอร์







เดินทางสู่น้ำตกคลองถ้ำเต่า
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ขญ15 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
คราวนี้มีสายป่านเป็นเนวิเกตี้สาวมาร่วมเดินทางด้วย







เส้นทางที่จะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ
คือเราจะเดินทางผ่านอ.องครักษ์ จ.นครนายก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่อ.บ้านนา
จากแยกบ้านนาเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา (หลายเลี้ยวจังวุ้ย)
มาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3222 เพื่อมุ่งหน้ามาทาง อ.แก่งคอย
ตรงบริเวณต.ชะอม จะมีทางเข้าน้ำตกโกรกอีดก แต่ก่อนถึงโกรกอีดก
จะมีป้ายน้ำตกคลองถ้ำเต่า เราจะแวะมาที่นี่เพื่อโรยตัวสู่น้ำตกกันนะคะ







ตอนเดินมีฝนตกลงมาด้วยก็เลยต้องระวังกันหน่อย
พี่ติ๊กพูดคุยกับสายป่านถึงภาวะโลกร้อน
ว่าอาจเป็นสาเหตนึงที่ทำให้ฝนตกไม่ตรงตามฤดู





หลังจากแวะพักกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ




ถึงน้ำตกคลองถ้ำเต่าแล้ว เตรียมพร้อมเพื่อโรยตัวกัน




จะโรยตัวลงสู่น้ำตกที่ความสูงประมาณ 30 เมตร สู้ สู้..น๊า




พอโรยตัวไปประมาณ 10 เมตร พี่ติ๊กก็วอคุยกับป่าน บอกว่าได้สัมผัสกับน้ำเย็นๆ
รู้สึกสดชื่น แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงเหมือนเดิม ก็มันสูงนี่นา









โรยตัวแบบนี้คงต้องใช้สมาธิพอสมควรเลยเนอะ
เห็นพี่ติ๊กมั้ยคะ..นั่นไง..ที่วงไว้ให้ตรงสีเหลืองๆอ่ะ
ในที่สุดพี่ติ๊กก็โรยตัวถึงน้ำตก เฮ้อ..นั่งลุ้นเหนื่อยแทนเลย





ป่านค่อยๆโรยตัวตามพี่ติ๊กลงไป






สำเร็จแว้ว..ววว




พักดื่มกาแฟ พี่ติ๊กคุยกับป่านว่าเป็นยังไงบ้าง
ป่านตอบว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มาโรยตัวแบบนี้ สนุกด้วย
และจากตรงนี้เราจะออกเดินทางต่อไปไปที่เขาสามยอด









ป่านถามพี่ติ๊กว่าไม่ถอดอุปกรณ์โรยตัวออกก่อนเหรอ
พี่ติ๊กบอกว่าไม่ต้องหรอก พี่ชอบ..มันฟังดูกุ๊งกิ๊งดี..เง้อ..





เดินทางต่อไปยังบ้านซับใต้ อ.ปากช่อง นครราชสีมา




จอดรถเพื่อเดินเท้าเข้าสู่เขาสามยอด






เจอต้นมะเดื่อ พี่ติ๊กบอกว่าลูกมะเดื่อกินได้
แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยสุก ผลจะมีรสฝาด





ออกเดินทางต่อ..เจอฝนตกอีกแล้ว
ทางชัน ลื่นอีกตะหาก







ตอนนี้ก็เดินเท้ามา 4 ช.ม แล้วเราจะเดินต่อไปตามสันเขา
ที่จุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์ ก็คือตรงโน้น







พี่ติ๊ก: ณ ตอนนี้ผมกับน้องสายป่านกำลังเดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ
ทางชัน บวกกับความลื่นของดินที่ชุ่มฝน ทำให้ยิ่งเดินลำบากมากขึ้น
บางจังหวะแทบจะมองไม่เห็นกันเลย เนื่องจากไอระเหยของน้ำกลายเป็นหมอก
คอยโอบล้อมตัวเราอยู่ แต่อีกไม่นานครับ เราจะถึงจุดหมายปลายทางของเรา





ในที่สุด ก็มาถึงเขาสามยอดแล้วค่ะ
คืนนี้จะตั้งแคมป์กันที่นี่ด้วย







ป่านบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางขึ้นเขาที่ชันขนาดนี้
พี่ติ๊กถามป่านว่าตอนนี้อ่านหนังสืออะไรบ้าง
ป่านตอบว่าอ่าน เรื่องเจ้านายเล็ก-ยุวกษัตริย์
ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของพระพี่นาง









พี่ติ๊กพูดถึงเขาสามยอดว่าอยู่ในส่วนของหน่วย ขญ 17
ขญ ย่อมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่ในส่วนของจ.นครราชสีมา







เช้าวันใหม่..
พี่ติ๊กบอกว่า ดีใจที่ครั้งนี้มีน้องป่านมาผจญภัยกับเนวิเกเตอร์
แล้วก็พูดสรุปถึงการเดินทางในครั้งนี้ว่า ได้ไปโรยตัวที่คลองถ้ำเต่า
ออกจากน้ำตกคลองถ้ำเต่า เดินทางมาที่บ้านซับใต้
เพื่อมายังจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์
คือ เขาสามยอด











เรียกว่าเขาสามยอดก็คือนับจากจำนวนยอดเขา
ที่เขียนตัวเลขไว้ให้ดูนะคะ





ป่านบอกว่าการเดินทางกับเนวิเกเตอร์ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์
ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ทำให้รู้สึกรักธรรมชาติและอยากอนุรักษ์เอาไว้
พี่ติ๊กอวยพรให้ป่านประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องเรียน และเรื่องงาน





เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์


ติ๊ก: ฝนที่ตกลงมาในช่วงหน้าแล้งแบบนี้ ดูแปลกดี
เราได้รับความสดชื่นมาแทนไอร้อนของแสงแดด
ทุกอย่างดูสงบ โอบล้อมด้วยสายหมอก
จะเป็นเพราะความโชคดี หรือฤดูกาลเปลี่ยนไป
แต่เราก็หวังว่าธรรมชาติ มักจะสร้างสรรค์สิ่งที่สวยงาม
ได้อย่างลงตัวอยู่เสมอ



แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางในครั้งต่อไป









 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 20:28:39 น.
Counter : 2639 Pageviews.  

31 ธ.ค 50-1 ม.ค 51

เนวิเกเตอร์
navigator.mp3



สวัสดีค่ะ..มาอัพบล๊อคช้าอีกแล้ว หวังว่าคงจะชินกันแล้วนะ อิ๊อิ๊
คือเวลาจะอัพเนวิเกเตอร์ในแต่ละตอน เราต้องมาเรียบเรียงข้อความ
บรรยายว่าพี่ติ๊กไปผจญภัยที่ไหนบ้าง ก็เลยทำให้อัพช้าอ่ะค่ะ


เริ่มกันเลยนะ..เนวิเกเตอร์ทริปนี้พาไปผจญภัยแบบเบาๆ
ไปดูทะเลในช่วงหน้าหนาวที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี






เดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
ไปพบกับคุณน้องแอ้นท์ จนท.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำเกาะแสมสาร
เพื่อเยี่ยมชมส่วนต่างๆ ส่วนที่1จะแสดงในเรื่องของตามรอยเท้าพ่อ
สมเด็จพระเทพฯท่านทรงสืบสานงานอนุรักษ์ทรัพยากร
ต่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในปี 2535 สมเด็จพระเทพฯท่านก็ทรงจัดตั้งโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช
ก็คือที่นี่โดยเป็นโครงการที่ได้ร่วมมือกับกองทัพเรือ






ส่วนนี้ก็เป็นการแสดงในเรื่องของนักวิจัยไทย ที่ได้ค้นคว้าวิจัยในเรื่องต่างๆ
เห็นหน้านักวิจัยไทยค้นต่อไปมั้ยค่ะ คริคริ






เดินทางต่อมาอาคารที่2 จะเป็นการจัดการแสดงในเรื่องป่า บ้านหลังใหญ่ของสรรพชีวิต
พี่ติ๊กเลียนแบบเสียงนกกระแตแต้แว้ด ได้เหมือนจังเน้อ






ต่อมาคืออาคารพิทักษ์ศักยภาพทะเลไทย
ซึ่งจัดแสดงในเรื่องของบทบาทและหน้าที่ของกองทัพเรือ
และอีกหนึ่งงานของกองทัพเรือก็คือการอนุรักษ์เต่าทะเล
โดยจะมีการเพาะเลี้ยงและปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ








ที่อ่าวนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ ชลบุรี
เป็นที่ตั้งของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
เป็นหน่วยนึงของกองทัพเรือมีหน้าที่ฝึกอบรมทหารนาวิกโยธินป้องกันประเทศ
ในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินนี้ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และกีฬาทางน้ำ
และที่นี่ยังมีหาดบริเวณก้นอ่าวเป็นหาดทรายสะอาด ค่อยๆลาดลงสู่ทะเล
ริมหาดมีเตยทะเลขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมีชื่อว่า "หาดเตยงาม"






ที่หาดเตยงามแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 เม.ย 2509
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเรือใบประเภทโอเค
ขนาด 13 ฟุต ชื่อ "เวคา" เสด็จจากพระราชวังไกลกังวล
ออกเดินทางตั้งแต่เวลา 04.28 น. ตัดข้ามอ่าวไทยมาถึงที่สัตหีบ
ระยะทางประมาณ 60 ไมล์ทะเล ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียวตามลำพัง
เดินทางมาถึงเวลา 21.25น.ทรงใช้เวลาในการแล่นเรือใบทั้งหมด 17 ช.ม
หลังจากนั้นในหลวงทรงฉลองพระองค์ชุดสนามทหารนาวิกโยธิน
เสด็จนำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้ ณ ก้อนหินใหญ่บนหาดเตยงามแห่งนี้
การทรงเรือใบของพระองค์ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ
ของพระองค์ท่านอย่างยอดเยี่ยม






ช่วงเช้าตอนนี้อยู่ที่หาดม้าน้ำ สัตหีบ
พี่ติ๊กบอกว่ามาเที่ยวทะเลในช่วงหน้าหนาว
ช่วงนี้สีสันของทะเลจะสวยมาก
ประเดี๋ยวเราจะเดินทางกันต่อเพื่อไปเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ไปพร้อมกับเนวิเกเตอร์..เตอร์ๆๆ




ถึงแล้วนะคะศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ
พบกับพี่ทินกร รองผอ.ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ไปดูอควาเรี่ยมเต่าในช่วงวัยต่างๆ






ธรรมชาติของเต่า ช่วงที่ยังเล็กๆหลังออกจากไข่น้องเต่าก็จะจดจำ
ลักษณะชายหาด สนามแม่เหล็กโลก ความเค็ม ความชื้น
เรียกว่าเป็นความทรงจำในแหล่งกำเนิดของลูกเต่า
ซึ่งจะไม่มีการฟอแมตหรือไม่มีการลบเลือน
ไม่เหมือนกับ โน้ตบุค ของ mesaya ฟอแมต บ๊อย บ่อย อิอิ
กรณีน้องเต่าถ้าไม่มีความทรงจำนี้ ก็จะไม่สามารถเดินทางกลับมาวางไข่ได้
พอลูกเต่าคลานบนหาดลงน้ำ น้องเต่าก็จะว่ายน้ำอย่างเดียวเรียกว่าช่วงว่ายน้ำแบบบ้าคลั่ง คือจะว่ายน้ำอย่างเดียวเพื่อให้ออกจากเขตน้ำตื้น เพราะแหล่งน้ำตื้นจะเป็นแหล่งที่มีผู้ล่าอยู่ พอถึงวัยเจริญพันธุ์อายุประมาณ 20 ปี พร้อมวางไข่
น้องเต่าก็จะใช้ความทรงจำในแหล่งกำเนิด เดินทางกลับมายังหาดที่เค้าเกิด
เพื่อจับคู่ผสมพันธุ์และวางไข่




ไปดูบ่ออนุบาลเลี้ยงเต่า จะเลี้ยงที่บ่ออนุบาลจนอายุ 6 เดือน
พอแข็งแรงแล้วก็จะนำไปปล่อยลงสู่ทะเล
บ่อที่พี่ติ๊กยืนดูอยู่นี้คือบ่อที่เตรียมลูกเต่าไว้ 1999 ตัว เพื่อทำพิธีปล่อยเต่า
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ท่าน
ทรงมีพระชนม์พรรษาครบ 80 พรรษา และเนวิเกเตอร์ก็ได้รับอนุญาติให้ร่วมกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านในโอกาสนี้ด้วย








ออกจากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลเพื่อนำน้องเต่ากลับคืนสู่ทะเล



เวลาที่จะนำเต่าลงทะเลเราจะต้องค่อยๆปล่อยให้น้องเค้าเดินต้วมเตี้ยม เตาะแตะลงทะเลเอง เพราะจะทำให้น้องเต่าจดจำลักษณะต่างๆของบริเวณชายหาด
ในอนาคตน้องเต่าจะได้กลับมาวางไข่ ณ จุดที่เป็นแหล่งกำเนิดของเค้าเองได้ถูก
น้องเต่าน่ารักจังเนอะ
บ๊าย บาย นะน้องเต่า พี่ขอให้เดินทางปลอดภัย โตไวไว ดูแลตัวเองด้วยน๊า










พี่ติ๊ก: และตอนนี้ครับเต่าทะเลทุกตัวก็จะได้พบกับบ้านใหม่
ซึ่งเป็นบ้านของพวกเค้าจริงๆ ถ้าเค้าเข้าใจในสิ่งที่พวกเราทำอยู่ เค้าคงจะดีใจและคงภูมิใจกับการได้อาศัยในน่านน้ำบริเวณนี้ และต่อจากนี้ไปพวกเค้าก็ต้องดูแลตัวเอง ดำรงชีวิตและเติบโตในท้องทะเลต่อไป เช่นเดียวกับพ่อและแม่ของพวกเค้า








พี่ติ๊กพูดสรุปถึงการเดินทางในครั้งนี้
การเดินทางของเนวิเกเตอร์ เราเดินทางมาทะเลในช่วงหน้าหนาวที่ สัตหีบ ชลบุรี มาที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย เดินทางต่อไปที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล และตอนนี้พี่ติ๊กก็ยืนอยู่ที่เกาะปลาหมึก เป็นเกาะเล็กๆแต่ก็มีแหล่งดำน้ำใต้ทะเล
พี่ติ๊กพูดถึงบทสรุปของเนวิเกเตอร์ ย้อนเวลาไปดูว่าตลอดปีที่ผ่านมาได้ไปผจญภัยที่ไหนมาบ้าง














เขาตะกรุบ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนย จ.ฉะเชิงเทรา
ทริปนี้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทยแท้
และพี่ติ๊กได้มีโอกาสติดตามคณะจนท.ป่าไม้ ทหารพราน และสัตวแพทย์
เข้าไปรักษาช้างพลายสามพราน เราประทับใจทริปนี้จังค่ะ รู้สึกดีที่ได้เห็นทุกๆคนเข้าไปช่วยรักษาช้าง ไม่รู้ว่าตอนนี้พลายสามพรานจะเป็นไงบ้างเนอะ






เกาะคราม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จ.ชุมพร
โดยมีปอเป็นเนวิเกตี้ติดตามไปด้วย




เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี



คลองตีนช้าง อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว
ทริปนี้มีทีมนักเดินทางคือคุณก้องกับเพื่อนๆ
เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์ไปด้วย เก็บรายละเอียดได้เก่งจัง
ตามรอยเนวิเกเตอร์เด่ะๆเลยค่ะ




เขาล้าน สวนป่าอรัญปิยะวงศ์ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี



เหวสีเสียด อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครนายก



เขาหลวง วนอุทยาน เขาหลวง จ.นครสวรรค์



น้ำตกคลองโป่ง อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จ.กำแพงเพชร



ถ้าจำตอนไหนไม่ได้ก็เข้าไปดูที่ blog ของแต่ละตอนนะคะ
พี่ติ๊ก: เรารู้กันดีว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็จะมีทั้งความลำบาก
ความเหนื่อยล้า แต่ขออย่าให้ท้อแท้นะครับ จงเดินต่อไป
เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของเราที่หวังไว้
และขอฝากด้วยนะครับสำหรับเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ
ร่วมมือร่วมใจกัน สามัคคีกัน รักกันไว้เถิดครับ
เพราะที่นี่ใช่ที่อื่น ที่นี่คือผืนแผ่นดินไทยของเราเองครับ
ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณกองทัพเรือ หน่วยงานทุกๆหน่วยงาน
เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์
แล้วพบกันใหม่กับการผจญภัยในครั้งต่อไป
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน
สวัสดีปีใหม่ครับ
mesaya: ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

















RELAX
Mika - Relax (Take...


อัพ blog คราวนี้มีภาพจากรายการ pause สักพัก มาฝากด้วยนะคะ
เป็นรายการพิเศษออนแอร์ที่ช่อง 9 เมื่อวันที่1 ม.ค 51
ในรายการสัมภาษณ์พี่ติ๊กเกี่ยวกับวันพักผ่อน และความฝันที่อยากจะทำ
และได้ตามพี่ติ๊กไปดูเบื้องหลังการถ่ายทำรายการเนวิเกเตอร์
ในทริปที่ออนแอร์วันที่ 31ธ.ค-1 ม.ค ที่จ.ชลบุรี
เปิดรายการด้วยเพลง relax แล้วพี่ติ๊กก็ถือกระเป๋าขึ้นรถเตรียมตัวเดินทาง




พี่ติ๊ก: วันพักของผมเหรอครับ..
วันพักของผมก็คือวันที่ผมไปถ่ายรายการของผม ใครจะพักแบบไหนก็แล้วแต่ แต่ว่าวันพักของผมก็คือวันเดียวกับการทำงาน
ทำงานแบบไหนเหรอครับ..ตามไปดูกันเลย




พี่ติ๊กบอกว่าเวลาไปไหนคนเดียวก็เหงา แต่ก็ทำให้เกิดสมาธิ พอมีสมาธิได้สัมผัสธรรมชาติ ก็รู้สึกว่าจะคิดงานได้มากขึ้น ทำให้กลับไปทำงานต่อได้อย่างมีพลัง





ในไดอารี่ของพี่ติ๊กจะมีทุกอย่าง มีทั้งประสบการณ์ชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ สิ่งที่ไม่อยากลืมเลยแต่จดไว้ก่อนเดี๋ยวลืม รวมทั้งงานและโปรเจคต่างๆที่คิดว่าอยากจะทำในอนาคต
การเดินทางเท่านั้นที่จะทำให้เราได้เห็นได้เรียนรู้ ได้รู้จักเค้าอย่างเต็มที่






ติ๊ก: วันพักของผมก็คือวันทำงาน คือวันที่ออกมาสำรวจ ไปสถานที่ต่างๆที่เป็นธรรมชาติเพื่อมาทำรายการ



พี่ติ๊กจะไปสำรวจโลเคชั่นก่อน เวลาได้ลงพื้นที่จริงก็จะได้ข้อมูลที่มากขึ้น
ได้พูดคุยกับพี่เจ้าหน้าที่ มีอำด้วยว่าพี่ติ๊ก กลิ่นสี พี่ติ๊กบอกว่า ติ๊ก กลิ่นหอม ครับ
อืม..หอมจริงป่าวพี่ติ๊ก คริคริ






ในการพูดคุยกันครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่า ในหลวงท่านเคยทรงเรือใบจากวังไกลกังวล หัวหิน วิ่งตัดอ่าวไทย มาถึงอ.สัตหีบ มีระยะทางทั้งหมด 60 ไมล์ทะเล แล้วก็เห็นจุดที่พระองค์ท่านปักธง เพื่อเป็นอนุสรณ์ และนี่ก็เป็นกระบวนการต่างๆ
ที่พี่ติ๊กต้องรวบรวมข้อมูลมาใช้ในงาน เวลาได้คุยกับชาวบ้านหรือจนท.
ก็จะได้ข้อมูลมากกว่าอ่านหนังสือ






พี่ติ๊กเดินทางไปดูเรือประเภทโอเค ที่ในหลวงท่านเคยทรงเรือใบมาจากหัวหิน







ลองลงไปแล่นเรือใบกับพี่นักกีฬาทีมชาติ
พร้อมกับพูดคุยเรื่องเทคนิคการบังคับเรือใบ










ในเวลาต่อมาพี่ติ๊กก็ลองแล่นเรือใบคนเดียว
บอกว่าชอบเรือใบเพราะไม่มีมลพิษ ใช้แรงงานตัวเอง
และได้ใช้ความคิดในการคำนวณทิศทางลม





หง่ะ..เรือใบล่มซะแล้ว แต่พี่ติ๊กก็สามารถอยู่ ขึ้นมาได้เน้อ..



พี่ติ๊กบอกว่าเป็นคนชอบธรรมชาติมาก ไปทุกหนทุกแห่ง
และการพักผ่อนก็คือได้ออกไปสู่ธรรมชาติ
ก็เลยไม่แปลกที่การออกไปพบกับธรรมชาติก็คือการที่ได้ออกไปทำงานด้วย
ถ้าทำงานแล้วรู้สึกสบายใจก็คือการพักผ่อนของเรา




ครูที่สอนแล่นเรือใบชมพี่ติ๊กด้วยว่าเก่ง สอนแป๊บเดียวทำได้เลย



มีน้ำใจช่วยลากเรือขึ้นฝั่ง



พี่ติ๊ก: อาหารที่อร่อย ที่สุดของผมคือกินใต้ต้นไม้
กินข้าวกล่องกับทุกๆคน กินอะไรก็ได้
เพราะบางทีกับข้าวข้างๆถนนอร่อยนะ ถูกและสะดวก






ชอบภาพนี้จังค่ะ..พอกินข้าวเสร็จพี่ติ๊กก็นั่งบิดขี้เกียจเล็กๆ
พร้อมกับเปล่งเสียงว่า..เอ้อ..น่ารักจังอ่ะ ดูพี่เค้าผ่อนคลายสบายใจดี




พี่ติ๊กบอกว่าการออกมาได้สัมผัสธรรมชาติ ทำให้รู้สึกหายเหนื่อย
ผ่อนคลายไม่มีอะไรมาเครียด ชีวิตมีความสุข
ดีใจกับพี่ติ๊กด้วยอ่ะ..ที่พี่เค้าค้นพบว่าความสุขของตัวเองคืออะไร
การยึดติดกับอะไรมากจนเกินไป
บางทีมันก็อาจจะเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ความสุขของเราลดน้อยลงนะ




ในเวลาต่อมา..พี่ติ๊กเตรียมตัวออกกิ๊บกิ้ว





วันพักของผมคือวันที่ผมได้ไปทำงาน
วันทำงานคือวันที่ผมได้ไปพักผ่อน






กะลังแบกกล้องไปถ่ายงานใต้น้ำ เป็นเบื้องหลังกองเนวิเกเตอร์ ที่เกาะจระเข้















พี่ติ๊กคุยกับพี่เอ๋ตากล้องใต้น้ำว่า ต้องการให้ภาพออกมาอย่างไร





จาดำล่ะน๊า....





นี่แหละครับ..วันพักผ่อนของผม..แต่เหนื่อยนะ



ท่าโดดลงน้ำเท่ห์ป่าว อิอิ





ตอนนี้พี่ติ๊กจะกลับไปที่เรือลำใหญ่ ไปเช็คเทป
พี่ตากล้องใต้น้ำบอกว่าได้ทำสัญญาณมือบอกให้พี่ติ๊กอย่าลงไปอันตราย
แต่พี่ติ๊กนึกว่าบอกให้ลงไป พี่ติ๊กก็เลยขำๆว่าตัวเองว่า
พี่ติ๊ก: ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ลูกทุ่งตลอดเวลา รู้แต่คำว่าโอเค คริคริ








จะไปกินข้าวกันที่เกาะแสมสาร พี่ติ๊กบอกว่า กินข้าวเสร็จแล้วก็นอน
ชีวิตไม่มีอะไรแล้ว พักผ่อนไงๆ






จะกลับแล้ว พี่ติ๊กเดินแบกกล้องไปเรื่อยๆ
mesaya: เอ่อ..พี่ติ๊กจ๊ะ กางเกงน่ะ..กางเกงจาหลุดแว้ว
หลุดเกือบถึงตาตุ่มแล้วนะนั่น อิ๊ อิ๊




พี่ติ๊ก: เวลาจะเดินทางกลับก็ยังอยากจะอยู่กับโลเคชั่นนั้นๆ
เพราะมันรู้สึกยังไม่อิ่ม กว่าจะเดินมาถึง 2-3วันนะ
ขออยู่ให้มันรู้สึกอิ่มและเบื่อกันไปข้างนึงเลย
ดูสิทุกอย่างสวย ทะเลหน้าหนาวมองแล้วรู้สึกสบายใจ
สิ่งสำคัญที่สุดคือขอให้เราอยู่ที่ไหนแล้วรู้สึกสบายใจดีกว่า
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
แต่ในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ ทุกๆคนมีภารกิจต้องกลับ
อาจมีผมคนเดียวที่ไม่มีภาระกิจต่อ ก็บอกทีมงานว่าให้กลับก่อน
ผมขอแยกไปหาประสบการณ์ต่อเกี่ยวกับธรรมชาติ








นี่แหละ..วันพักผ่อนของผม









พี่ติ๊ก: ผมก็มีความฝันเล็กๆของผมอยู่นิดนึง
จริงๆแล้วอยากมีเรือลำนึงที่จะขับไปจอดซักที่กลางทะเล
แล้วก็ได้รีแลกซ์กับตรงนั้น มีคลื่นหน่อยๆ
แล้วก็ไปไกลๆเลาะไปตามเกาะต่างๆ
เห็นพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกยามเย็น






อย่างผมเวลาที่ไปไหนคนเดียวมันก็เหงา
แต่ว่าเราก็รู้สึกว่ามันทำให้เราเกิดสมาธิ
แล้วคิดอะไรได้เยอะ ทำให้กลับไปทำงานต่อได้อย่างมีพลัง






ตลอดเวลาที่ทุกครั้งที่จบจากการทำงานจะสี่ห้าเจ็ดแปด วันก็ตาม
ทุกครั้งที่เราต้องเดินทางกลับ จะขออยู่ต่ออีกวันนึงเถอะ






ผมว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ทำให้หัวใจชุ่มชื่น ความรู้สึกที่ดีเพิ่มมากขึ้น
ในไดอารี่ที่จดในแต่ละบรรทัดของผม หมายถึงทุกอย่าง
มีทั้งประสบการณ์ชีวิต สิ่งที่เกิดในธรรมชาติ งานต่างๆที่คิดว่าจะทำต่อไปในอนาคต
ถ้าสมมุติว่าเราอยากจะทำอะไรสิ่งต่างๆเหล่านี้จะกลับมาเป็นข้อมูล
ให้เรานึกถึง มันจะทำให้งานที่เราจะทำต่อไปเข้าใจง่ายขึ้น






พี่ติ๊ก: ตอนนี้ยังทำไม่ได้ครับ เพราะว่าอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่
มันต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่ว่าเราจะพยายามทำให้เป็นไปได้
เพราะเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำได้
แต่มันอยู่ที่ว่าจะตอนไหนเท่านั้นเอง




ช่วงปีๆนึงผ่านไปเร็วเหลือเกินครับ ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา
ผมได้มีโอกาสมาพักผ่อนปนกับการทำงาน สบายใจ
แล้วก็หวังว่าวันต่อไปวันข้างหน้า เราจะทำให้ดีกว่านี้
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดอ่ะครับ....

ฮู้ว..ส์ mesaya พิมพ์ซะเมื่อยเลยอ่ะ..
แต่เพื่อคุณผู้ชม mesaya ทนได้อยู่แว้ว อิ๊อิ๊
หวังว่ารูปคงถูกใจนะจ๊ะ บ๊าย บาย











 

Create Date : 05 มกราคม 2551    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 20:29:21 น.
Counter : 2463 Pageviews.  

5-10 ธ.ค 2550


NAVIGATOR
navigator.mp3


สวัสดีค่ะ
มาเจอกันอีกครั้งกับเนวิเกเตอร์ กว่าจะได้ดูตะละเทปนี่รอนานจังเลยเนอะ
คิดถึงจังค่ะ
ทริปนี้ชื่อตอนว่า "เย็นฉ่ำย่ำน้ำป่า หนาวแรกแห่งฤดูกาล"
พี่ติ๊กบื๊นๆมอไซต์มาเปิดรายการซะด้วย บอกว่าจะพาไปผจญภัยที่น้ำตกคลองโป่ง น้ำตกหินชนวนแห่งเดียวในประเทศไทย ที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้ากำแพงเพชร แต่จะไปแวะชมน้ำตกเต่าดำกันก่อนนะคะ








ก่อนออกเดินทางก็พาไปดูกิจกรรมดีๆที่ ททท.จัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจกรรมในโครงการ 80 วันร่วมกันทำความดีถวายแด่พ่อหลวงของเรา ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยปลูกป่าชายเลนที่บางปู







มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ผ่านหมู่บ้านโละโคะ
โอ้โห....พี่ติ๊กต้องขับรถผ่านทางคอนกรีตที่มีแค่ช่วงล้อซ้าย กับล้อขวา เก่งจังอ่า




หลังจากนั้นจะเป็นเส้นทางดิน ทางแคบอีกตะหาก ระหว่างขับไปก็ต้อง ปี๊นๆ เป็นระยะๆ เพราะต้องระวังรถที่จะสวนมา
แล้วต้องเจอสะพานท่อนซุงแคบๆด้วย สู้ๆนะจ๊ะพี่ติ๊กเพื่อจุดหมายปลายทาง
รายการนี้ช่างแอดเวนเจอร์จริงๆเล้ย..ฮู้ว..ววว






พี่ติ๊กไปพบกับพี่ทองใบ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า
ที่หน่วยนี้จะมีหน้าที่ดูแลสถานที่ท่องเที่ยว และดูแลเกี่ยวกับการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าและล่าสัตว์ ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่อาศัยที่นี่จะเป็นชาวไทยภูเขา เช่นชาวปะกากะญอ และชาวม้ง






พักค้างคืนที่หมู่บ้านโละโคะ
ชอบช่วงนี้จังค่ะ ได้เห็นพี่ติ๊กเต้นตามน้องๆน่ารักมากๆ ตอนดูเรายังเต้นตามไปด้วยเลย คริ คริ อ๊ะ..บอกมาซิว่ามีใครเต้นตามบ้างเอ่ย
~ แฮจึกีทอนา อะบ๊าเจ่อแน่ อะล่อเจ่อซัง ~
เพลงมันส์ดีเหมือนกันเนอะ










เช้านี้ พี่ติ๊กจะพาไปเยี่ยมชมรอบๆหมู่บ้านโละโคะ ดูว่าชาวกระเหรี่ยงทำอะไรกันบ้าง





พี่ติ๊กเดินเข้าไปในหมู่บ้านไม่มีใครอยู่เลย..เงียบกริ๊บ
แปลกดีเหมือนกันเนอะที่เค้าทำประตูปิดที่ขั้นบันไดอ่ะ ถ้าประตูปิดอยู่ก็แปลว่าไม่มีใครอยู่บ้าน






พี่ติ๊ก: ยายครับยาย..ยายครับยาย..ยายไม่ได้ยินอ่า..แป่ว..ววว



พี่ติ๊ก: เค้าไปไหนกันหมด..ดดด



อ้อ..ปกติคนในหมู่บ้านจะไม่ค่อยอยู่บ้านกันตอนกลางวัน เพราะต้องออกไปทำไร่ทำสวน พี่ติ๊กได้เดินไปดูการใส่ปุ๋ยให้พริกด้วย





เดินมาอีกจุดนึงเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรในครัวเรือนคือทำไร่ข้าวโพด
พี่ติ๊กคุยไปก็ช่วยแกะข้าวโพดไปด้วย เพลินเชียวน๊า
แล้วในที่สุดพี่ติ๊กก็รู้ว่าชาวบ้านออกมาทำไร่กันอย่างนี้นี่เอง ก็เลยไม่มีใครอยู่ในหมู่บ้าน






เดินทางกันต่อโดยขับรถผ่านหมู่บ้านป่าคา เพื่อไปดูน้ำตกเต่าดำ



แวะพักจิบกาแฟ ชมวิว



ว้า..ค่ำซะแล้วก็เลยต้องย้อนกลับไปพักที่โฮมสเตย์ที่บ้านป่าคาก่อนคืนนี้ เพราะทางไปน้ำตกต้องเดินไปอีก 300 เมตร ทางชันด้วย



เอ๊ก..อี้..เอ้กเอ๊ก..มอร์นิ่งยามเช้าที่หมู่บ้านป่าคา



พร้อมกันแล้วน๊า เดี๋ยวเราจะไปน้ำตกเต่าดำกัน
หง่ะ..พี่ติ๊กมีลูกน้องตัวเล็กๆสวมเสื้อให้ด้วยอ่ะ






อู้ว..ส์ ทางเดินลงไปน้ำตกนี่ชันจังเลยเน้อ





ถึงแล้วๆ....นี่ไงน้ำตกเต่าดำสวยดีเนอะ ดูใหญ๊ใหญ่ น้ำไหลแรงจัง





น้ำตกเต่าดำมีความสูงประมาณ 200 กว่าเมตร และถือว่าเป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตอ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร
แต่เดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบาก ต้องอึดพอสมควรว่ามั้ยคะ กว่าจะถึงอ่ะเนาะ




การเดินทางของเนวิเกเตอร์ยังไม่สิ้นสุดนะคะ
จะเดินทางกันต่อไปยังจุดพิชิตคือที่น้ำตกคลองโป่ง อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า
แล้วพบกันใหม่เทปหน้านะคะ..
ตอนที่ดูเบื้องหลังท้ายรายการ ท่าทางพี่ติ๊กห่วงกล้องจังเลยเนอะ เอี้ยวตัวจนเอวเคล็ดเลยมั้งนั่น
พี่ติ๊กห่วงกล้อง ส่วนคนดูอย่างเราเป็นห่วงพี่ติ๊กกับทีมงานอ่ะ เห็นแล้วอยากส่งยาไปให้ทาถูๆจัง









บัวทำคลิปตอนที่พี่ติ๊กแดนซ์มาฝากด้วยนะคะ
พี่ติ๊กเต้นน่ารักดีอ่า เก่งจังเต้นตามน้องๆทันด้วย คุณคนรักติ๊ก,therapy, richey,gg ถ้าเข้ามาดูแล้วต้องเต้นตามด้วยน๊า อิอิ





ที่พี่โอถามถึงเพลงที่บัวเอาไปประกอบวีดีโอทริปเขาใหญ่ของอาหนุ่ยอ่ะ
ชื่อเพลง love mountain แปะให้ฟังที่นี่ละกันน๊า


D-PH-Alborada - Lo...








เริงราตรี
เริงราตรี.mp3



มาดูตอนที่สองต่อเลยน๊า
อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้ามีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัดคือ กำแพงเพชร และ ตาก
ที่นี่ถือว่าเป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำปิง และยังมีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
เช่นน้ำตกคลองวังเจ้า น้ำตกเสมอกล้วย และน้ำตกเต่าดำ และยังมีน้ำตกคลอง
โป่งซึ่งเป็นน้ำตกหินชนวนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ถูกค้นพบ








ก่อนออกเดินทางพี่ติ๊กก็พูดถึงโครงการของททท.และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวร่วมกันปฏิบัติเพื่อให้เยาวชนร่วมกันป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย



จากจุดนี้เราจะออกเดินทางกันต่อไปยังน้ำตกคลองโป่ง





จอดรถที่นี่แล้วเดินเท้ากันต่อทางเดินช่วงแรกๆจะเป็นทุ่งข้าวโพด ทางเดินเป็นพื้นราบ





เดินไปเรื่อยๆก็จะต้องเดินข้ามคลอง กว่าจะเข้าไปได้ก็ต้องข้ามหลายคลองเลยอ่ะ







ระหว่างทางแวะพักกันแป๊บนึงก่อน นี่ยังเดินไม่ถึงครึ่งทางเลยนะเนี่ย เดินไกลจังเนอะ





ระหว่างทางเจอควายมาเล่นน้ำด้วย



น้ำตกคลองโป่งที่พี่ติ๊กจะไปเป็นน้ำตกหินชนวนแห่งเดียวของไทย
หินชนวนคือหินที่แปรสภาพมาจากหินดินดานและหินอัคนีที่ถูกความกดดันและความร้อน ประโยชน์คือนำมาใช้เป็นการดานชนวน หรือนำมาเป็นพื้นโต๊ะสนุ้กนั่นเอง






เจอป่าต้นตาว พี่ติ๊กบอกว่าลูกตาวก็คือลูกชิดที่กินกะไอศครีม





โอ๊ะ..ในป่ามีพี่ติ๊กเจอโป่งแก๊สธรรมชาติด้วยค่ะ ลักษณะเหมือนบ่อน้ำพุร้อน
แหม..ถ้าพี่ติ๊กเตรียมไข่ไก่ไปด้วยก็แจ่มเลยเน้อ จะได้ทดลองต้มไข่ให้ดู อิอิ
แปลกเหมือนกันเนอะที่ไหนมีบ่อน้ำพุร้อน ที่นั่นจะต้องมีกิจกรรมต้มไข่ เราเคยดูสารคดีแต่จำไม่ได้ว่าของประเทศอะไร รู้สึกจะเป็นเกาะนะ เค้าไม่ได้เอาไข่ไปต้ม แต่เค้าเอากล้วยลงไปต้ม แปลกจังอ่ะ




ออกจากโป่งแก๊สต่อจากนี้ก็ต้องเดินขึ้นเขากันล่ะน๊า
ระหว่างเดินไปน้ำตกคลองโป่งก็เจอหินชนวน สีดำ ลักษณะจะเป็นชั้นๆ




พี่ติ๊กบอกว่าเดินมาได้เกินครึ่งทางแล้ว ท่าทางจะเหนื่อยเนอะ สู้ๆนะคะ





ห้าโมงเย็นแล้ว เดินมาหลายชั่วโมงยังไม่ถึงเลย เดินไกลจัง ถ้าค่ำแล้วจะเดินลำบากอ่ะ





ฮู้ว..เดินมาใช้เวลาประมาณ 6-7 ช.ม กว่าจะถึงหน้าน้ำตกคลองโป่ง ค่ำแล้วก็เลยต้องตั้งแคมป์กันที่นี่





ถึงจุดหมายปลายทางของเนวิเกเตอร์แล้วน๊า น้ำตกคลองโป่ง
ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำซะหน่อย แชะ..








ที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าเป็นที่ๆขึ้นชื่อของนักผจญภัยว่าเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก และมีน้ำตกสวยๆหลายแห่งด้วย
น้ำตกนี้สูงประมาณ 150 เมตร และเป็นหินชนวนลักษณะลวดลายเป็นชั้นๆ
เป็นความยิ่งใหญ่ ความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา พี่ติ๊กยังบอกอีกว่ายังมีความสวยงามของธรรมชาติอีกมากมายที่ยังซ่อนเร้น การเดินทางเท่านั้นจะทำให้เราได้พบ ได้เรียนรู้ ช่วงเวลาที่งดงามนั้นๆ












พี่ติ๊ก:ถึงแม้ว่าในการเเดินทางคราวนี้เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคน้ำเชี่ยวอยู่หลายสาย กว่าจะถึงน้ำตกอันยิ่งใหญ่ ถึงแม้น้ำจะเป็นอุปสรรค แต่ผมกับเต็มใจ เพราะน้ำนั้นทำให้หายเหนื่อย และสดชื่นอยู่เสมอ และน้ำจะคอยหล่อเลี้ยงชีวิตให้กับทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริงเสมอไป
แล้วกลับมาพบกันใหม่กับการผจญภัยในครั้งต่อไป สวัสดีครับ


แล้วเจอกันใหม่น๊า..บ๊าย บาย

เดินตามรอยทางของเรา เดินตามรอยทางของเนวิเกเตอร์







 

Create Date : 08 ธันวาคม 2550    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 20:29:52 น.
Counter : 2354 Pageviews.  

1  2  3  

mesaya
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]












Friends' blogs
[Add mesaya's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.