Mekumii ' นุ้งเมเอง '
|
||||
เปลี่ยนขาลิงเป็นขาเนียน Ramilla Tha Jas วังหิน
สวัสดีค่าฮัลโหลว เทสๆๆ สำหรับบลอกนี้เมจะมาแชร์ปรปะสบการณ์การ WAX ขน อร๊ากกกกกก บอกก่อนเลยว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เคย Wax ตื่นเต้นเพราะกลัวว่ามันจิเจ็บจนทนไม่ได้ 555555 ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการสำหรับการWax ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ ร้าน Ramillaที่ The Jas วังหินอย่างงามที่มอบแพคเกจสุดท้าทายนี้ให้นุ้งเม มาถึงแล้วก็ขอชักภาพคู่กับหน้าร้านRamilla หน่อย ร้านเค้าตกแต่งในสไตล์สีเขียวอ่อนๆพาสเทลมองแล้วสบายตา ด้านในก็ประดับประดาไปด้วยดอกไม้และโทนสีเย็นๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายคะ มาดูราคากันเถอะะ... สำหรับครั้งนี้ที่เมเลือกทำคือWax ขนขาแบบ Full leg Full leg ช่วงขาทั้งด้านล่างและบนเข่าคะ Wax กันจนถึงขนนิ้วเท้าเลยทีเดียว ทางร้านจะมีกางเกงขาสั้นลายน่ารักกุ๊งกิ๊งให้เราเปลี่ยนก่อนที่จะทำการWaxคะ เพื่อความสะดวกสบายเพราะFull leg นี่เค้าจะwaxมาถึงขาบนแทบจะขอบกกน. เลยคริคริ เขินจุง จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการWax ค่า ขั้นแรก ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดผิวลงทั่วขาแล้วเช็ดออกเพื่อทำความสะอาดคะ จากนั้น ลง Wax อุ่น เมื่อลงWax อุ่นแล้วพนักงานจะใช้ผ้าขาวๆทรงสี่เหลี่ยมสำหรับWaxมาแนบๆกับWaxอุ่น ที่ขาของเราแล้วดึงออกด้วยความไวแสงคะเร็วแบบเจ็บแค่จิ๊ดดเดียว ทำแบบนี้จนทั่วทั้งบริเวณขาคะรวมไปถึงขนนิ้วเท้าด้วย เมื่อเสร็จขั้นตอนการWax แล้วจะมีการทาออยด์เพื่อบำรุงผิวหลังจากการ Wax เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ผิวไม่แห้งและออยด์ตัวนี้ยังมีหน้าที่ในการช่วยทำความสะอาด Wax ที่ยังติดที่ผิวของเราให้ออกอย่างอ่อนโยน จากนั้นขั้นตอนสุดท้านของการWax ที่ Ramilla คือ ทาโลชั่นที่ทำหน้าที่ช่วยใน การป้องกันการเกิดขนคุดและลดการละคายเคืองของผิว เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่า ข้อปฏิบัติหลังการWax คือ มาดูขาหลังWax กันดีกว่าคะ .. ซ้ายยังไม่แว๊ก - ขวาแว๊กเรียบร้อยแล้นนน หูยคือขาเนี๊ยนเนียนอะเธอออตั้งแต่เกิดมายังไม่เคย Wax ซักกะที เคยแต่โกน(เป็นวิธีที่ไม่แนะนำน้าเพราะขนที่ขึ้นใหม่จะยาวและแข็ง) บอกตรงๆเลยว่าติดใจมากๆกับการWax ครั้งนี้ ซึ่งทางพี่พนักงานบอกว่า เราควรจะเว้นระยะเวลาของการWax ครั้งต่อไปประมาณ 1 เดือน แน่นอนต้องมาอีกแน่ๆ ก่อนจะลาไปขอตอบคำถามยอดฮิตก่อน.... ตั้งแต่ลงรูปในแฟนเพจและไอจีไปว่ามาWax สาวๆถามเป็นคำถามเดียวว่า เจ็บมั้ย ??!
ตอบตรงๆเลยว่าเจ็บครัช แต่เจ็บแบบทนได้ แบบแปปเดียว แค่ตอนดึง ปึ๊ด! เดียวแต่หลายครั้งหน่อย ฮ่าๆๆๆแต่เอาจริงๆคือเจ็บยังไงเพื่อความสวยผู้หญิงเราทนได้เสมอว่าม๊ะ 55 สำหรับบลอกนี้ไปก่อนละค่าไว้มาอัพเดตกันใหม่บลอกหน้าน้า xoxo
Dermawand หน้าใส ตึงกระชับได้ง่ายๆที่บ้าน
ฮัลโหลวววววฮัลโหลววววววว บลอกนี้เมมีของเล่นหนุกๆมารีวิวให้เพื่อนที่อยากมีผิวหน้าตึงกระชับไร้ริ้วรอย มีชีวิตชีวา ให้อ่านกันคะพอดีว่าเมเองได้มีโอกาสลองให้เครื่อง DERMA WAND ของ iSoftleser แน่นอนว่า หลายๆคนต้องคุ้นๆชื่อ iSoftleser แน่ๆ เลย 555อยากรู้จักแบรนด์เค้ามากขึ้น Google ช่วยได้ฮะ! เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องของเราที่จะมารีวิวในบลอกนี้เลยดีกว่าเนอะ
DERMA WAND
เครื่องจะเป็นลักษณะแท่งๆกลม ทรงกระบอกขนาดกะทัดรัด
ภายในกล่องจะบรรจุมา3 อย่าง คือ ตัวเครื่อง เป๋าชมพู(น่าร๊ากก) แล้วก็ซีดีแนะนำวิธีใช้ คำเคลมจากทางแบรนด์กล่าวไว้ว่า ... เดอร์มาวอนด์ซอฟต์เลเซอร์ ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า V shape ยกหางคิ้ว ร่องแก้ม
คุณสมบัติDerma Wand คือการชาร์จพลังผิวอย่างเร่งด่วนเพิ่มการไหลเวียนเลือดเติมเต็มออกซิเจนให้ผิว ผิวหน้าหมองคล้ำ จะใสขึ้นโดยจะส่งคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กเข้าสู่ผิวหนังด้วยความเร็วสูงถึง 168,000 รอบต่อวินาที ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการนวดผ่อนคลายซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกและผิวได้รับออกซิเจนและเผยผิวเพื่อรับวิตมินจากเครื่องสำอางค์ที่ลูกค้าใช้ให้ผ่านเข้าซึมสู่ผิวใหม่และลงลึก ได้อย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกเปล่งปลั่ง เครื่องนี้เรื่องริ้วรอยจากสิว จะสังเกตเห็นชัดเจนภายในครั้งแรกทันที ...คือน่าโดน น่าเล่นเป็นที่สุด...
และแล้วDerma Wand ก็มาถึงมือเรา ก่อนจะใช้ต้องล้างหน้าให้สะอาดและซับหน้าให้แห้งก่อนด้วยนะจ๊ะ เจ้าเครื่อง Derma Wand จะไม่มีสวิตปิด-เปิด แต่เมื่อเราจะใช้ เพียงแค่เราเสียบปลั๊ก !
เครื่องก็จะติดทันทีคะก่อนเสียบปลั๊กเปิดเครื่องให้หมุนไปทีระดับ 1 ก่อนนะจ๊ะ
พอเสียบปลั๊กปุ๊บ เราก็จะเห็น แสงไฟเลเซอร์สีแดงๆที่หัว CAP ทันทีเลย ก่อนที่จะบรรเลงเจ้าDerma Wand ลงบนผิวหน้าต้องเทสด้วยการนำมาวนๆที่หลังมือ
เพื่อเช็คว่าเครื่องเปิดติดเรียบร้อยแล้ว(จะมีความรู้สึก จิ๊ดๆ แปร๊บๆ) พอเทสที่หลังมือเสร็จสรรพเราก็เริ่มบรรเลงได้เลยจ๊ะ !! โดยก่อนจะนวดบนผิวหน้าเราจะลงครีม เจล หรือมอยซ์เจอไรเซอร์ก่อน
เพื่อให้ครีมมีสิทธิภาพสูงสุดและยังเป็นตัวหล่อลื่นทำให้นวดหนุกหนานและง่ายขึ้น เพลินมากกๆๆๆสะดุ้งเป็นพักๆ 5555555555 มันจิ๊ดๆๆ แปล๊บๆ สามารถนวด วนๆลงมาได้ถึงคอเลยนะคะ จริงๆได้ทุกส่วนตามที่ต้องการเลยหละ สามารเพิ่มความจิ๊ดความซี๊ดได้ 9 ระดับคะ และสำหรับคนที่ผิวเป็นสิว(แบบเรา) จะบอกเลยว่ามันเริ่ดอ้ะ!! คือนวดๆวนๆที่สิวประมาณ 30วินาที เราทำ เช้า-เย็น เหย ! คือสิวเริ่มยุบ(ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน) คือสิวเม็ดแบบอักเสบแล้วอะปกติมันจะต้องสุกและหัวสิวหลุดไรงี้ อันนี้สิวฟ่อ ยุบลงไปเลย
..ดีงาม...
สำหรับซีดีแนะนำการใช้เค้ามีทริคแนะนำวิธีนวดลดริ้วรอยจุดต่างๆมาด้วยค่ะ กราม : เริ่มนวดจากกลางคางลากขึ้นไปที่ติ่งหูและค้างไว้แปปนึงแล้วลากกลับลงมาที่คาง มุมปาก : เริ่มนวดจากกลางคางลากขึ้นไปที่มุมปากและค้างไว้แปปนึงแล้วลากกลับลงมาที่คาง ร่องแก้ม : เริ่มนวดจากกลางคางลากขึ้นไปที่จมูกไปตามแนวร่องแก้มแล้วลากกลับลงมาที่คาง กรามแบบซิกแซก : เริ่มนวดจากติ่งหูโดยลากซิกแซกมาถึงคางและลากซิกแซกกลับไปที่ติ่งหู โหนกแก้ม : เริ่มนวดจากมุมจมูกลากไปด้านข้างจนถึงหูคะ รอบตา, คิ้ว : แตะที่บริเวณคิ้วค่อยๆวนมาถึงหางคิ้ว ลงมาที่หางตาและใต้ตาวนมาจนถึงข้างจมูกคะ แต่ละจุดต้องยกค้างไว้สักแปปนึงเน้อ หน้าผาก : ลากขึ้นจากบริเวณคิ้วไปจนถึงไรผมด้านบนคะทำทั่วหน้าผากเลย
...สรุป... ข้อดี >สะดวก สนุก รวดเร็ว ไม่ต้องไปคลีนิคเสริมความงามทำทรีตเม้นหน้าบ่อยๆ ส่วนริ้วรอยด้วยวัยของเมเองยังไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เลยยังตอบไม่ได้คะส่วนสิ่งที่บอกได้คือ ผิวดีขึ้นแข็งแรงขึ้น(ปกติผิวแพ้ง่ายมาก) สุขภาพผิวดีแก้มแดงดูมีเลือดฝาด รอยสิว จางลงเร็วกว่าเดิมเนื่องจากDerma Wand จะช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวและช่วยกระตุ้น การไหลเวียนของโลหิตทำให้ผิวฟื้นฟูได้ดีขึ้นสิวอักเสบยุบเฉยอะ!! อันนี้ชอบเลย ข้อเสีย> เห็นเครื่องจิ๊ดริ๊ดแบบนี้ราคาเอาเรื่องอยู่นะเธออ ... อยู่ที่6000 8000 บาทไทย น่าจะมีปุ่มเปิด-ปิดให้เราซะหน่อยอะเนอะ แต่เทียบกับประสิทธิภาพต้องยอมนางจริงๆ สำหรับบลอกนี้เมต้องไปก่อนนะคะ xoxo
แก้จมูกด้วยเทคนิคเสริมกระดูกอ่อนหลังใบหูที่PMED Clinicโดยคุณหมอต้น
สวัสดีค่ะครั้งนี้เมย์จะรีวิวการแก้จมูกด้วยเทคนิคพิเศษเสริมกระดูอ่อนหลังใบหู หากใครที่ติดตามกันมานานจะทราบว่าเมื่อ 1 ปีที่แล้วเมย์ทำการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนครั้งแรก บลอกเสริมจมูกครั้งแรก //www.bloggang.com/mainblog.php?id=mekumiikitty&month=23-04-2013&group=14&gblog=1 แต่เนื่องจากว่าพอเริ่มเข้าที่ปลายจมูกมันดูพุ่งไปหน่อยซึ่งถ้านานเข้ามันอาจะ(แค่อาจะนะคะ)ทะลุได้ แล้วพอดีได้ลองศึกษาดูว่าตอนนี้มันมีนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ Material จากร่างกายเรา เช่นพวกเนื้อเยื่อหรือกระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมตรงจมูกให้สวยได้ และที่สำคัญคือปลอดภัยกว่าเสริมซิลิโคนมากๆค่ะ **แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ เท่านั้นแหละความคิดอยากแก้จมูกก็ผุดขึ้นมาเลย หลังจากทำการปรึกษาคุณหมอ นู้น นี้ นั้น เรียบร้อยก็นัดวันแก้คือ วันที่ 1 มิ.ย. 2557 เวาล 12.00น. มาดูรูปก่อนทำกันค่ะ โครงหน้าเรา ช่วงหน้าผากค่อนข้างโหนก (มากเลยหละ55) จมูกเลยดูไม่ค่อยโด่ง ถึงวันนัดแล้ว ไปคลีนิคกันคะ Pmed Clinic อยู่ที่ตึกโกลเด้นทาวชั้น2 ตรง BTS พญาไทจ๊ะ (ตึกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามตึกวรรณสรณ์ที่เรียนพิเศษสมันมัธยมเลย 5555 แต่ต้องเดินย้อนมาทางราชเทวีนิดนึงก็จะเจอคะ) ไปถึงคลีนิคก็นั้งรอคิวคุณหมอ พอถึงเวลาก่อนเข้าห้องผ่าตัดจะมีพี่พนักงานเอายาแก้ปวด แก้อักเสบ ลดบวม มาให้กินก่อน 1 ชุดคะ เข้าห้องผ่าตัดละน้าาา ................... ครั้งนี้ใช้เวลาพอสมควรเลยคะประมาณ เกือบๆ 2 ชม. เพราะต้องพิถีพิถันนิดนึงคะ แล้ก็จะเสียเวลามากๆ ตรงเอากระดูกหลังใบหูออก เพราะต้องมีการตกแต่งรูปทรงกระดูกนิดหน่อยคะ (ของเราคุณหมอบอกว่าเอาเนื้อเยื่อติดออกมานิดนึงคะเพื่อให้ปลายจมูกสวยและไม่บางฮิ๊ ฮิ๊ แอบเอารูปมาให้ดูกันด้วย ใครกลัวเลื่อนข้ามดูรูปต่อไปเลยเน้อ ) เรานอนดูตลอดการผ่าตัดอีกตามเคย (เหมือนครั้งแรกก็นอนดูตลอดเลย) เสร็จแล้ววว คุณหมอก็จัดการติดพลาสเตอร์เพื่อล็อกให้จมูกไม่เคลื่อน คุณหมอบอกว่าติดไว้ซัก 5 วัน หลังจากเสร็จเราก็ไปหาข้าวกิน และไปเดินเล่นที่ พารากอนต่อทั้งจมูกเข้าเฝือกงี้แหละ 55 หลังจากเสริม 1 วัน มีอาการบวมนิดหน่อย แค่ดูเหมือนใต้ตาตุ่ยๆนิดเดียวเองคะ ข้อควรปฏิบัติคือ 3 วันแรกต้องประคบเย็นนะป้องกันการอักเสบเพิ่มและยังทำให้อาการบวมน้อยลง หลังจากเสริม 2 วัน ตื่นเช้ามาก็จัดประคบเย็นเป็นวันที่2 อาการบวมตุ่ยๆลดลงจนแทบสังเกตไม่ได้เลยว่าหน้าบวม ช่วงเย็นๆของวันที่ 2 แอบดื้อแกะพลาสเตอร์ออกหมดเลย แล้วเอาพลาสเตอร์การ์ตูนแบ๊วมาติดแทน แหะๆๆ คุณหมอรู้โดนว่าแน่เลย Y____Y หลังจากเสริม 3 วัน ไม่มีการบวมแล้วหละ เป็นปกติดีเลย เอ้อ ! ลืมบอกเลยเราไปเรียนทุกวันเลยน้าตั้งแต่ทำไม่ได้หยุดเรียนเลยนะ หลังจากเสริม 4 วัน วันนี้เอาพลาสเตอร์ออกหมดแล้ว หน้าเริ่มเข้าที่ละฮับ ^^ หลังจากเสริม 6 วัน วันนี้ที่อัพบลอกเลย ในรูจมูกที่โผล่ออกมานั้นไหมนะคะ ไม่ใช่ขี้มูกหรือขนจมูกเด้อออ ============================================ ข้อควรปฏิบัติหลังเสริมจมูก (บอกเหมือนเดิมเลย) - นอนหมอนสูง (2ชั้น) แบบพอดีๆ -ไม่นอนตะแคง -หลังทำเสร็จถึงวันที่3ประคบเย็น ประมาณวันละ20-30นาที -วันที่4ประคบอุ่น -ค่อยๆล้างหน้า ไม่ให้น้ำโดนแผล (จะบอกว่าเราแต่งหน้าทุกวันเลยนะตั้งแต่วันทำวันแรกจนถึงวันนี้ ไม่จำเป็นต้องปล่อยตัวเองโทรมนะ ) -ค่อยๆกินข้าวเพราะมันเคี้ยวรำบากมว๊ากกกก -ไม่วิ่งกระโดด เพราะเพราะการกระแทกจะทำให้แผลอักเสบขึ้นมาได้ -เช็ดทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำด้วยน้ำเกลือ และทายาฆ่าเชื้อที่แผล -ที่สำคัญทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด สำหรับครั้งนี้ต้องไปก่อนแล้วนะ สำหรับเพื่อนๆที่อยากทราบอะไรเพิ่มเติมสอบถามได้เลยน้า เจอกันบลอกหน้าจ้า Xoxo fanpage : Mekumiikitty --------------------------------------------------------------------- : {รีวิว} :: เสริมจมูก @ Amed Clinic โดยคุณหมอต้น นพ.ปิยพล พัฒนครู
สวัสดีค่ะ วันนี้มาแหวกแนวหน่อย55 มีน้องๆเพื่อนๆพี่ถามเยอะเรื่องจมูก มาไขข้อข้องใจกันอิอิ
ปกติทำรีวิวเกี่ยวกับ เครื่องสำอาง สกินแคร์และฮาวทูแต่งหน้ามาก็เยอะคราวนี้ขอมาทำรีวิวเกี่ยวกับการศัลยกรรมกันบ้าง ฮ่าาาๆ ทำไมถึงอยากเสริมจมูก ? "คือเมย์เป็นคนที่รูปหน้ากลม แล้วจมูกไม่โด่ง(ง่ายๆคือไม่มีดั้ง) คิดอยากจะเสริมตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว แต่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ให้ทำบอกว่าเรียนจบมหาลัยก่อนแล้วค่อยทำ คือตอนนั้นแบบเซงมาก อยากสวยบ้างอะไรบ้างอะเนอะ แต่ไม่ได้วอรี่อะไร พอเข้ามหาลัยเราก็เริ่มโตเป็นสาวแบบเต็มตัว (เอ๊ะ!ยังไง ฮ่าๆ) อยากสวยแบบจริงจัง อยากทำมากกว่าเดิม เริ่มศึกษา ดูรีวิว หาคุณหมอเก่งๆและคลีนิคที่ดูมีมาตรฐาน ก็มาเจอกับ Amed Clinic ได้คุยสอบถามรายละเอียดต่างทำให้เราตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้ได้ เลยลองไปขอพ่อกับแม่ สรุปว่าไม่ให้ทำ หัวใจจะสลาย แต่ด้วยความอยากทำจริงๆเลยลองไปคุยรายละเอียดให้กับพ่อแม่ฟังพูดบ่อยๆว่ามันไม่ได้น่ากลัว มันปลอดภัยจริงๆ และแล้ว...อยากทำก็ไปทำ แล้วดูแลตัวเองให้ดีๆด้วยหละเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่คุ้ม เย้ !!!! ในที่สุดก็ได้รับคำอนุญาติ" มาดูรูปก่อนทำกันคะ เค้าไม่มีดั้งจริงๆนะ ความรู้สึกก่อนเสริมจมูก "กลัวเจ็บ กลัวบวม กลัวช้ำ กลัวแผลติดเชื้อ กลัวจมูกเน่า กลัวยาชาหมดฤทธิ์ก่อนทำเสร็จ กลัวรูปทรงจมูกไม่เข้ากับหน้า กลัวเหมือนกระเทย กลัวๆๆ ทุกๆอย่างเท่าที่จะมีให้กลัว และเมย์เชื้อว่าเพื่อนที่กำลังคิดจะทำก็กลัวแบบนี้เหมือนกันฮ่าๆๆ " เตรียมตัวเตรียมใจนานมั้ย? "ต้องบอกว่าแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวค่ะ ฮ่าๆๆ มีเวลาประมาณ10วันก่อนจะผ่าตัด ซึ่ง10วันนี้ต้องใช้ให้คุ้มคะ คุ้มยังไง?? คือศึกษาวิธีการผ่าตัด ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับคลีนิค และคุณหมอ ศึกษาการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด และศึกษาการปฎิบัติตัวหลังผ่าตัดคะ" ถึงวันคุณหมอนัดแล้วใจเต้นตึ๊กตั๊ก วันที่17เมษายน 2556 ... วันนี้แล้วซินะไปถึงคลินิค1ทุ่มใจเต้นตึ๊กตั๊ก เพราะกลัวว มากกก และแล้วก็ถึงเวลา ........ เข้ามาในห้องแอร์เย็นสบาย นอนไปกลัวไป555 -ขั้นตอนแรกคุณหมอจะคลีนหน้าเราก่อนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหลาย -จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดยาชาซึ่งจากที่อ่านรีวิวของหลายๆคนบอกว่าฉีดยาชาเจ็บที่สุดแย้วว เรากลัวมากเลยคำนี้มันหลอนอยู่ในหัวฮ่าๆ แต่พอเข็มจิ้มเท่านั้นแหละ ห๊ะ!ฉีดแล้วหรอ .. ไม่เจ็บอย่างที่คิดเลยค่ะ ใครจะไปทำขอบอกไม่ต้องกลัวเลย^^ -หลังจากฉีดเสร็จคุณหมอก็ไปนั้งเหลาซิลิโคนเหลาไปคุยไป คุณหมอถามว่า ..เอาโด่งมากมั้ยครับ.. เราตอบ .. เอาธรรมชาติๆคะไม่โด่งมากเดี๋ยวเหมือนกระเทย .. 555555 คุณหมอเป็นกันเองมากๆคะ รู้สึกสบายใจสุดๆเลย -ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการเปิดแผลใส่ซิลิโคนแล้วคะ จะบอกว่าเรานอนดูตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนเสร็จเลย สนุกดี ^^ -และแล้วก็เสร็จ เฮ้!!! คุณหมอติดพลาสเตอร์ให้กันดั้งเบี้ยวและกันบวมหมอต้นบอกว่าติดไว้3วัน และทางคลีนิคก็จ่ายยามาให้ **นอนดูไปคุยไปกะคุณหมอตลอดจนทำเสร็จเลย สิ่งที่กลัวตอนนี้คือ..กลัวยาชาหมดฤทธิ์มันจะเจ็บมั้ยอ่าาาา??? หมอบอกว่าอิกประมาณ1ชม.ยาจะหมดฤทธิ์ เอิ่มมม ... ไม่อยากให้หมดเลย ณ ตอนนั้นกลัวเจ็บมากอะ 55 ผ่านไปครึ่งชม.เริ่มปวดตุ๊บๆตั๊บๆ แต่ไม่มากคือปวดแบบทนได้ คล้ายปวดฟันธรรมดา และแล้วยาชาก็ก็หมด .. ปวดๆเสียวที่จมูกนิดหน่อยเฮ่อ!ไม่เจ็บอย่างที่คิดอิกแล้วแหะ มาดูผลงานกันดีกว่าค่าาา หลังจากทำได้ 1 วัน ปวดน้อยกว่าตอนทำเสร็จใหม่ๆนิดหน่อย ตึงๆ ไม่บวม ไม่ช้ำ เก๋ไก๋มากๆเลยฮ่าๆทีแรกเรากลัวหน้าบวมมากๆ ออกนอกบ้านได้สบายบรื๊อ! นั่งBTSน่าจะปลอดภัยกว่ารถเมลล์ มื่้อเย็นกินชาบูชิซัดกุ้งไปเต็มๆ กินเยอะซะด้วย เค้าว่ากันว่าเป็นเป็นอาหารแสลงเอาแล้วไง!!!! วันที่2หลังซัดกุ้งที่ชาบูชิ เอาละซิ !!เริ่มตุ่ยๆแล้วที่ข้างแก้ม บวมนิดๆตึงๆ แอบแกะพลาสเตอร์ออกไป1ชั้น อิอิ เพราะอึดอัดๆฝุดๆ มื้อเที่ยงวันนี้กินอาหารญี่ปุ่น กินรำบากมาก2-3วันแรกเพราะอ้าปากได้จิ๊ดเดียว ต้องกินคำเล็กๆแบบผู้ดี 555 กินเสร็จเดินเที่ยวต่อTerminal21 ชิวมากก(555ไม่เคยพักผ่อนเลย เค้าบอกว่าทำจมูกมาให้พักผ่อนเต็มที่2-3วัน) วันที่3แล้วน้าา อาการบวมไม่เพิ่มขึ้นลดลงจนแทบจะปกติแล้วค่ะ ปวดๆอยู่นิดๆ ตึงอยู่หน่อยๆ วันนี้ต้องเดินทางไกลซะด้วยคือจังหวัดพะเยา เมย์มาเรียนที่มหาวิทยาลัยพะเยาหนะคะ(ไกลบ้านฝุดๆ) ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงเรียนซัมเมอร์ที่เมย์ลงเรียนเอาไว้ นั้งรถจากกรุงเทพประมาณ 10 ชม. บร๊ะเจ้า !!!! พึ่งวันที่3ก็ต้องออกเดินทางไกลแบบนี้ (ปกติเธอก็เที่ยวทุกวันไม่เคยพักผ่อนอยู่แล้วนะ 55) วันนี้แกะพลาสเตอร์ออกจนเหลือเท่านี้แล้วอึดอัดๆ ^^ นั่งรถนานมากกก เกือบถึงพะเยาแล้วไม่ไหวแล้วแกะพลาสเตอร์ออกหมดซะเลย ว้าวๆๆ เป็นครั้งแรกที่เห็นดั้งของตัวเองเเบบเต็มตาเช่นนี้ ^^ ถึงแล้วมหาลัยของชั้น ถ่ายรูปเห่อดั้งอิกสักนิด แชะๆ วันที่4แล้วต้องไปเรียนด้วยหละ!!!! วันที่ 4 แล้วอาการยังปกติ ไม่บวมขึ้น ปวดลดลง วันที่4ตอนเย็นหลังจากอาบน้ำเสร็จก็พบว่า ตรงหัวตามีรอยเขียว !!!! นิดหน่อย จึงจัดการประคบอุ่นเลย วันที่5รอยเขียวเมื่อคืนหายไป^==^ วันที่ 5 ของการทำจมูกแล้ว (วันนี้ที่เขียนรีวิวเลย 22เมษายน2556) รอยเขียวๆเมื่อคืนจางลงไปแล้วหวังว่าคงไม่เป็นไรแล้วน้า รอ รอ รอ น้องดั้งเข้าที่และแข็งแรงกว่านี้สัก 3 เดือนจะมาอวดให้ดูกันอิกรอบนะคะ การปฎิบัติตัว(ของเราเอง)หลังจากการผ่าตัด - นอนหมอนสูง (2ชั้น) แบบพอดีๆ -ไม่นอนตะแคง -หลังทำเสร็จถึงวันที่3ประคบเย็น ประมาณวันละ20-30นาที -วันที่4(ที่มีรอยเขียวช้ำ)ประคบอุ่น -ค่อยๆล้างหน้า ไม่ให้น้ำโดนแผล (จะบอกว่าเราแต่งหน้าทุกวันเลยนะตั้งแต่วันทำวันแรกจนถึงวันนี้ ไม่จำเป็นต้องปล่อยตัวเองโทรมนะ ) -ค่อยๆกินข้าวเพราะมันเคี้ยวรำบากมว๊ากกกก -ไม่วิ่งกระโดด เพราะเพราะการกระแทกจะทำให้แผลอักเสบขึ้นมาได้ -เช็ดทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำด้วยน้ำเกลือ และทายาฆ่าเชื้อที่แผล -ที่สำคัญทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด **ตอนนี้ยังไม่ได้ไปตัดไหมเลยคุณหมอนัดวันที่ 27 แล้วตอนนี้ที่กลัวคือกลัวเจ็บตอนตัดไหม 5555 แต่ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาแล้วมันไม่น่ากลัวเลย ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย ไม่เจ็บเลยสบายๆ เพื่อนๆที่เคยมีประสบการณ์แล้วมาแชร์ให้ฟังบ้างนะคะว่าเหมือนกันรึป่าว แล้วอิกอย่างที่อยากรู้คือ "ตัดไหมเจ็บป่าวอ่าา??" เก๊ากลัว สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Amed Clinic และคุณหมอต้น มากๆเลยค่าา ไว้มีอะไรจะมาอัพเดตกันใหม่น้าคะ ครั้งไปก่อนแล้วค่าา บ๊ายย บาย AMED Clinic //www.amedclinic.com/ https://www.facebook.com/amedcenter คุณหมอต้น //www.drpiyapol.com/ https://www.facebook.com/dr.piyapol
|
Mekumii kitty
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |