เปลี่ยนขาลิงเป็นขาเนียน Ramilla Tha Jas วังหิน
 สวัสดีค่าฮัลโหลว เทสๆๆ

สำหรับบลอกนี้เมจะมาแชร์ปรปะสบการณ์การ WAX ขน

อร๊ากกกกกก บอกก่อนเลยว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เคย Wax

ตื่นเต้นเพราะกลัวว่ามันจิเจ็บจนทนไม่ได้ 555555

ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการสำหรับการWax ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ

ร้าน Ramillaที่ The Jas วังหินอย่างงาที่มอบแพคเกจสุดท้าทายนี้ให้นุ้งเม




มาถึงแล้วก็ขอชักภาพคู่กับหน้าร้านRamilla หน่อย

ร้านเค้าตกแต่งในสไตล์สีเขียวอ่อนๆพาสเทลมองแล้วสบายตา





ด้านในก็ประดับประดาไปด้วยดอกไม้และโทนสีเย็นๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายคะ


มาดูราคากันเถอะะ...



สำหรับครั้งนี้ที่เมเลือกทำคือWax ขนขาแบบ Full leg

Full leg – ช่วงขาทั้งด้านล่างและบนเข่าคะ Wax กันจนถึงขนนิ้วเท้าเลยทีเดียว



ทางร้านจะมีกางเกงขาสั้นลายน่ารักกุ๊งกิ๊งให้เราเปลี่ยนก่อนที่จะทำการWaxคะ

เพื่อความสะดวกสบายเพราะFull leg นี่เค้าจะwaxมาถึงขาบนแบจะขอบกกน. เลยคริคริ เขินจุง




จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการWax ค่า

ขั้นแรก– ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดผิวลงทั่วขาแล้วเช็ดออกเพื่อทำความสะอาดคะ




จากนั้น– ลWax อุ่น





เมื่อลงWax อุ่นแล้วพนักงานจะใช้ผ้าขาวๆทรงสี่เหลี่ยมสำหรับWaxมาแนบๆกับWaxอุ่น

ที่ขาของเราแล้วดึงออกด้วยความไวแสงคะเร็วแบบเจ็บแค่จิ๊ดดเดียว

ทำแบบนี้จนทั่วทั้งบริเวณขาคะรวมไปถึงขนนิ้วเท้าด้วย





เมื่อเสร็จขั้นตอนการWax แล้วจะมีการทาออยด์เพื่อบำรุงผิวหลังจากการ Wax

เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ผิวไม่แห้งและออยด์ตัวนี้ยังมีหน้าที่ในการช่วยทำความสะอาด Wax

ที่ยังติดที่ผิวของเราให้ออกอย่างอ่อนโยน

จากนั้นขั้นตอนสุดท้านของการWax ที่ Ramilla คือ ทาโลชั่นที่ทำหน้าที่ช่วยใน

การป้องกันการเกิดขนคุดและลดการละคายเคืองของผิว

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่า


ข้อปฏิบัติหลังการWax คือ…




มาดูขาหลังWax กันดีกว่าคะ ..





ซ้ายยังไม่แว๊ก - ขวาแว๊กเรียบร้อยแล้นนน




หูยคือขาเนี๊ยนเนียนอะเธอออตั้งแต่เกิดมายังไม่เคย Wax ซักกะที

เคยแต่โกน(เป็นวิธีที่ไม่แนะนำน้าเพราะขนที่ขึ้นใหม่จะยาวและแข็ง)

บอกตรงๆเลยว่าติดใจมากๆกับการWax ครั้งนี้ ซึ่งทางพี่พนักงานบอกว่า

เราควรจะเว้นระยะเวลาของการWax ครั้งต่อไปประมาณ 1 เดือน แน่นอนต้องมาอีกแน่ๆ

ก่อนจะลาไปขอตอบคำถามยอดฮิตก่อน....

ตั้งแต่ลงรูปในแฟนเพจและไอจีไปว่ามาWax สาวๆถามเป็นคำถามเดียวว่า

เจ็บมั้ย ??!

ตอบตรงๆเลยว่า“เจ็บครัช” แต่เจ็บแบบทนได้ แบบแปปเดียว แค่ตอนดึง ปึ๊ด! เดียวแต่หลายครั้งหน่อย

ฮ่าๆๆๆแต่เอาจริงๆคือเจ็บยังไงเพื่อความสวยผู้หญิงเราทนได้เสมอว่าม๊ะ 55




สำหรับบลอกนี้ไปก่อนละค่าไว้มาอัพเดตกันใหม่บลอกหน้าน้า

xoxo




Create Date : 17 มิถุนายน 2558
Last Update : 18 มิถุนายน 2558 17:05:45 น.
Counter : 2409 Pageviews.

0 comment
Dermawand หน้าใส ตึงกระชับได้ง่ายๆที่บ้าน
 ฮัลโหลวววววฮัลโหลววววววว

บลอกนี้เมมีของเล่นหนุกๆมารีวิวให้เพื่อนที่อยากมีผิวหน้าตึงกระชับไร้ริ้วรอย มีชีวิตชีวา

ให้อ่านกันคะพอดีว่าเมเองได้มีโอกาสลองให้เครื่อง

DERMA WAND ของ iSoftleser แน่นอนว่า หลายๆคนต้องคุ้นๆชื่อ iSoftleser แน่ๆ

เลย 555อยากรู้จักแบรนด์เค้ามากขึ้น Google ช่วยได้ฮะ!

เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องของเราที่จะมารีวิวในบลอกนี้เลยดีกว่าเนอะ

DERMA WAND

เครื่องจะเป็นลักษณะแท่งๆกลม ทรงกระบอกขนาดกะทัดรัด



ภายในกล่องจะบรรจุมา3 อย่าง คือ ตัวเครื่อง เป๋าชมพู(น่าร๊ากก) แล้วก็ซีดีแนะนำวิธีใช้




คำเคลมจากทางแบรนด์กล่าวไว้ว่า ...

เดอร์มาวอนด์ซอฟต์เลเซอร์ ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า V shape ยกหางคิ้ว ร่องแก้ม
ริ้วรอย ตีนกา เหนียง รูปขุมขนกระชับเติมเต็มออกชิเจนให้ชั้นผิว เผยผิวสว่างสดใส

คุณสมบัติDerma Wand คือการชาร์จพลังผิวอย่างเร่งด่วนเพิ่มการไหลเวียนเลือดเติมเต็มออกซิเจนให้ผิว ผิวหน้าหมองคล้ำ จะใสขึ้นโดยจะส่งคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กเข้าสู่ผิวหนังด้วยความเร็วสูงถึง 168,000 รอบต่อวินาที ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการนวดผ่อนคลายซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกและผิวได้รับออกซิเจนและเผยผิวเพื่อรับวิตมินจากเครื่องสำอางค์ที่ลูกค้าใช้ให้ผ่านเข้าซึมสู่ผิวใหม่และลงลึก ได้อย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกเปล่งปลั่ง เครื่องนี้เรื่องริ้วรอยจากสิว จะสังเกตเห็นชัดเจนภายในครั้งแรกทันที

...คือน่าโดน น่าเล่นเป็นที่สุด...

และแล้วDerma Wand ก็มาถึงมือเรา …



“ก่อนจะใช้ต้องล้างหน้าให้สะอาดและซับหน้าให้แห้งก่อนด้วยนะจ๊ะ”

เจ้าเครื่อง Derma Wand จะไม่มีสวิตปิด-เปิด แต่เมื่อเราจะใช้ เพียงแค่เราเสียบปลั๊ก !

เครื่องก็จะติดทันทีคะก่อนเสียบปลั๊กเปิดเครื่องให้หมุนไปทีระดับ 1 ก่อนนะจ๊ะ



พอเสียบปลั๊กปุ๊บ เราก็จะเห็น แสงไฟเลเซอร์สีแดงๆที่หัว CAP ทันทีเลย




ก่อนที่จะบรรเลงเจ้าDerma Wand ลงบนผิวหน้าต้องเทสด้วยการนำมาวนๆที่หลังมือ

เพื่อเช็คว่าเครื่องเปิดติดเรียบร้อยแล้ว(จะมีความรู้สึก จิ๊ดๆ แปร๊บๆ)




พอเทสที่หลังมือเสร็จสรรพเราก็เริ่มบรรเลงได้เลยจ๊ะ !!

โดยก่อนจะนวดบนผิวหน้าเราจะลงครีม เจล หรือมอยซ์เจอไรเซอร์ก่อน

เพื่อให้ครีมมีสิทธิภาพสูงสุดและยังเป็นตัวหล่อลื่นทำให้นวดหนุกหนานและง่ายขึ้น



เพลินมากกๆๆๆสะดุ้งเป็นพักๆ 5555555555 มันจิ๊ดๆๆ แปล๊บๆ สามารถนวด

วนๆลงมาได้ถึงคอเลยนะคะ จริงๆได้ทุกส่วนตามที่ต้องการเลยหละ

สามารเพิ่มความจิ๊ดความซี๊ดได้ 9 ระดับคะ

และสำหรับคนที่ผิวเป็นสิว(แบบเรา) จะบอกเลยว่ามันเริ่ดอ้ะ!! คือนวดๆวนๆที่สิวประมาณ

30วินาที เราทำ เช้า-เย็น เหย ! คือสิวเริ่มยุบ(ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน)

คือสิวเม็ดแบบอักเสบแล้วอะปกติมันจะต้องสุกและหัวสิวหลุดไรงี้ อันนี้สิวฟ่อ ยุบลงไปเลย

..ดีงาม...

สำหรับซีดีแนะนำการใช้เค้ามีทริคแนะนำวิธีนวดลดริ้วรอยจุดต่างๆมาด้วยค่ะ

กราม : เริ่มนวดจากกลางคางลากขึ้นไปที่ติ่งหูและค้างไว้แปปนึงแล้วลากกลับลงมาที่คาง

มุมปาก : เริ่มนวดจากกลางคางลากขึ้นไปที่มุมปากและค้างไว้แปปนึงแล้วลากกลับลงมาที่คาง

ร่องแก้ม : เริ่มนวดจากกลางคางลากขึ้นไปที่จมูกไปตามแนวร่องแก้มแล้วลากกลับลงมาที่คาง

กรามแบบซิกแซก : เริ่มนวดจากติ่งหูโดยลากซิกแซกมาถึงคางและลากซิกแซกกลับไปที่ติ่งหู

โหนกแก้ม : เริ่มนวดจากมุมจมูกลากไปด้านข้างจนถึงหูคะ

รอบตา, คิ้ว : แตะที่บริเวณคิ้วค่อยๆวนมาถึงหางคิ้ว ลงมาที่หางตาและใต้ตาวนมาจนถึงข้างจมูกคะ แต่ละจุดต้องยกค้างไว้สักแปปนึงเน้อ

หน้าผาก : ลากขึ้นจากบริเวณคิ้วไปจนถึงไรผมด้านบนคะทำทั่วหน้าผากเลย




...สรุป...

ข้อดี >สะดวก สนุก รวดเร็ว ไม่ต้องไปคลีนิคเสริมความงามทำทรีตเม้นหน้าบ่อยๆ

ส่วนริ้วรอยด้วยวัยของเมเองยังไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เลยยังตอบไม่ได้คะส่วนสิ่งที่บอกได้คือ

ผิวดีขึ้นแข็งแรงขึ้น(ปกติผิวแพ้ง่ายมาก) สุขภาพผิวดีแก้มแดงดูมีเลือดฝาด รอยสิว

จางลงเร็วกว่าเดิมเนื่องจากDerma Wand จะช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวและช่วยกระตุ้น

การไหลเวียนของโลหิตทำให้ผิวฟื้นฟูได้ดีขึ้นสิวอักเสบยุบเฉยอะ!! อันนี้ชอบเลย

ข้อเสีย> เห็นเครื่องจิ๊ดริ๊ดแบบนี้ราคาเอาเรื่องอยู่นะเธออ ... อยู่ที่6000 – 8000 บาทไทย

น่าจะมีปุ่มเปิด-ปิดให้เราซะหน่อยอะเนอะ แต่เทียบกับประสิทธิภาพต้องยอมนางจริงๆ

สำหรับบลอกนี้เมต้องไปก่อนนะคะ

xoxo

 ติดตามพูดคุยกันได้ที่ : Fanpage

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ..

//isoftlaser.com/




Create Date : 15 มีนาคม 2558
Last Update : 25 มีนาคม 2558 16:47:02 น.
Counter : 2205 Pageviews.

0 comment
แก้จมูกด้วยเทคนิคเสริมกระดูกอ่อนหลังใบหูที่PMED Clinicโดยคุณหมอต้น
  สวัสดีค่ะครั้งนี้เมย์จะรีวิวการแก้จมูกด้วยเทคนิคพิเศษเสริมกระดูอ่อนหลังใบหู

หากใครที่ติดตามกันมานานจะทราบว่าเมื่อ 1 ปีที่แล้วเมย์ทำการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนครั้งแรก

บลอกเสริมจมูกครั้งแรก //www.bloggang.com/mainblog.php?id=mekumiikitty&month=23-04-2013&group=14&gblog=1


แต่เนื่องจากว่าพอเริ่มเข้าที่ปลายจมูกมันดูพุ่งไปหน่อยซึ่งถ้านานเข้ามันอาจะ(แค่อาจะนะคะ)ทะลุได้

แล้วพอดีได้ลองศึกษาดูว่าตอนนี้มันมีนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ Material จากร่างกายเรา

เช่นพวกเนื้อเยื่อหรือกระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมตรงจมูกให้สวยได้

และที่สำคัญคือปลอดภัยกว่าเสริมซิลิโคนมากๆค่ะ 
**แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ 

เท่านั้นแหละความคิดอยากแก้จมูกก็ผุดขึ้นมาเลย

หลังจากทำการปรึกษาคุณหมอ นู้น นี้ นั้น เรียบร้อยก็นัดวันแก้คือ
วันที่ 1 มิ.ย. 2557 เวาล 12.00น.

มาดูรูปก่อนทำกันค่ะ
โครงหน้าเรา ช่วงหน้าผากค่อนข้างโหนก (มากเลยหละ55) จมูกเลยดูไม่ค่อยโด่ง





ถึงวันนัดแล้ว ไปคลีนิคกันคะ Pmed Clinic 
อยู่ที่ตึกโกลเด้นทาวชั้น2 ตรง BTS พญาไทจ๊ะ

(ตึกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามตึกวรรณสรณ์ที่เรียนพิเศษสมันมัธยมเลย 5555 
แต่ต้องเดินย้อนมาทางราชเทวีนิดนึงก็จะเจอคะ)




ไปถึงคลีนิคก็นั้งรอคิวคุณหมอ  พอถึงเวลาก่อนเข้าห้องผ่าตัดจะมีพี่พนักงานเอายาแก้ปวด แก้อักเสบ ลดบวม มาให้กินก่อน 1 ชุดคะ 




เข้าห้องผ่าตัดละน้าาา ...................
ครั้งนี้ใช้เวลาพอสมควรเลยคะประมาณ เกือบๆ 2 ชม.
เพราะต้องพิถีพิถันนิดนึงคะ แล้ก็จะเสียเวลามากๆ
ตรงเอากระดูกหลังใบหูออก  เพราะต้องมีการตกแต่งรูปทรงกระดูกนิดหน่อยคะ

(ของเราคุณหมอบอกว่าเอาเนื้อเยื่อติดออกมานิดนึงคะเพื่อให้ปลายจมูกสวยและไม่บางฮิ๊ ฮิ๊ แอบเอารูปมาให้ดูกันด้วย ใครกลัวเลื่อนข้ามดูรูปต่อไปเลยเน้อ )



 เรานอนดูตลอดการผ่าตัดอีกตามเคย (เหมือนครั้งแรกก็นอนดูตลอดเลย)
เสร็จแล้ววว คุณหมอก็จัดการติดพลาสเตอร์เพื่อล็อกให้จมูกไม่เคลื่อน 
คุณหมอบอกว่าติดไว้ซัก 5 วัน



หลังจากเสร็จเราก็ไปหาข้าวกิน และไปเดินเล่นที่
พารากอนต่อทั้งจมูกเข้าเฝือกงี้แหละ 55




หลังจากเสริม 1 วัน มีอาการบวมนิดหน่อย
แค่ดูเหมือนใต้ตาตุ่ยๆนิดเดียวเองคะ



ข้อควรปฏิบัติคือ 3 วันแรกต้องประคบเย็นนะป้องกันการอักเสบเพิ่มและยังทำให้อาการบวมน้อยลง





หลังจากเสริม 2 วัน  ตื่นเช้ามาก็จัดประคบเย็นเป็นวันที่2




อาการบวมตุ่ยๆลดลงจนแทบสังเกตไม่ได้เลยว่าหน้าบวม


ช่วงเย็นๆของวันที่ 2 แอบดื้อแกะพลาสเตอร์ออกหมดเลย
แล้วเอาพลาสเตอร์การ์ตูนแบ๊วมาติดแทน 

แหะๆๆ คุณหมอรู้โดนว่าแน่เลย Y____Y

หลังจากเสริม 3 วัน ไม่มีการบวมแล้วหละ เป็นปกติดีเลย 
เอ้อ ! ลืมบอกเลยเราไปเรียนทุกวันเลยน้าตั้งแต่ทำไม่ได้หยุดเรียนเลยนะ







หลังจากเสริม 4 วัน วันนี้เอาพลาสเตอร์ออกหมดแล้ว
หน้าเริ่มเข้าที่ละฮับ ^^






หลังจากเสริม 6 วัน วันนี้ที่อัพบลอกเลย 
ในรูจมูกที่โผล่ออกมานั้นไหมนะคะ ไม่ใช่ขี้มูกหรือขนจมูกเด้อออ 








============================================
ข้อควรปฏิบัติหลังเสริมจมูก (บอกเหมือนเดิมเลย)
- นอนหมอนสูง (2ชั้น) แบบพอดีๆ
-ไม่นอนตะแคง
-หลังทำเสร็จถึงวันที่3ประคบเย็น ประมาณวันละ20-30นาที
-วันที่4ประคบอุ่น
-ค่อยๆล้างหน้า ไม่ให้น้ำโดนแผล (จะบอกว่าเราแต่งหน้าทุกวันเลยนะตั้งแต่วันทำวันแรกจนถึงวันนี้ ไม่จำเป็นต้องปล่อยตัวเองโทรมนะ )
-ค่อยๆกินข้าวเพราะมันเคี้ยวรำบากมว๊ากกกก
-ไม่วิ่งกระโดด เพราะเพราะการกระแทกจะทำให้แผลอักเสบขึ้นมาได้
-เช็ดทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำด้วยน้ำเกลือ และทายาฆ่าเชื้อที่แผล
-ที่สำคัญทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด




สำหรับครั้งนี้ต้องไปก่อนแล้วนะ สำหรับเพื่อนๆที่อยากทราบอะไรเพิ่มเติมสอบถามได้เลยน้า

เจอกันบลอกหน้าจ้า 
Xoxo

fanpage : Mekumiikitty

---------------------------------------------------------------------




Create Date : 07 มิถุนายน 2557
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2558 9:15:59 น.
Counter : 18592 Pageviews.

6 comment
: {รีวิว} :: เสริมจมูก @ Amed Clinic โดยคุณหมอต้น นพ.ปิยพล พัฒนครู
สวัสดีค่ะ วันนี้มาแหวกแนวหน่อย55 มีน้องๆเพื่อนๆพี่ถามเยอะเรื่องจมูก มาไขข้อข้องใจกันอิอิ
ปกติทำรีวิวเกี่ยวกับ เครื่องสำอาง สกินแคร์และฮาวทูแต่งหน้ามาก็เยอะคราวนี้ขอมาทำรีวิวเกี่ยวกับการศัลยกรรมกันบ้าง ฮ่าาาๆ

IMG_5268.JPG

ทำไมถึงอยากเสริมจมูก ?
"คือเมย์เป็นคนที่รูปหน้ากลม แล้วจมูกไม่โด่ง(ง่ายๆคือไม่มีดั้ง) คิดอยากจะเสริมตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว แต่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ให้ทำบอกว่าเรียนจบมหาลัยก่อนแล้วค่อยทำ คือตอนนั้นแบบเซงมาก อยากสวยบ้างอะไรบ้างอะเนอะ แต่ไม่ได้วอรี่อะไร พอเข้ามหาลัยเราก็เริ่มโตเป็นสาวแบบเต็มตัว (เอ๊ะ!ยังไง ฮ่าๆ) อยากสวยแบบจริงจัง อยากทำมากกว่าเดิม เริ่มศึกษา ดูรีวิว หาคุณหมอเก่งๆและคลีนิคที่ดูมีมาตรฐาน ก็มาเจอกับ Amed Clinic ได้คุยสอบถามรายละเอียดต่างทำให้เราตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้ได้ เลยลองไปขอพ่อกับแม่ สรุปว่าไม่ให้ทำ หัวใจจะสลาย แต่ด้วยความอยากทำจริงๆเลยลองไปคุยรายละเอียดให้กับพ่อแม่ฟังพูดบ่อยๆว่ามันไม่ได้น่ากลัว มันปลอดภัยจริงๆ และแล้ว...อยากทำก็ไปทำ แล้วดูแลตัวเองให้ดีๆด้วยหละเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่คุ้ม  เย้ !!!! ในที่สุดก็ได้รับคำอนุญาติ"

มาดูรูปก่อนทำกันคะ
418764_497594826933991_1724964547_n.jpg image_1366546847000329.jpg image_1366546862507632.jpg 524762_629610600399079_1661334366_n.jpg

เค้าไม่มีดั้งจริงๆนะ

ความรู้สึกก่อนเสริมจมูก
"กลัวเจ็บ กลัวบวม กลัวช้ำ กลัวแผลติดเชื้อ กลัวจมูกเน่า กลัวยาชาหมดฤทธิ์ก่อนทำเสร็จ กลัวรูปทรงจมูกไม่เข้ากับหน้า กลัวเหมือนกระเทย กลัวๆๆ ทุกๆอย่างเท่าที่จะมีให้กลัว และเมย์เชื้อว่าเพื่อนที่กำลังคิดจะทำก็กลัวแบบนี้เหมือนกันฮ่าๆๆ "

เตรียมตัวเตรียมใจนานมั้ย?
"ต้องบอกว่าแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวค่ะ ฮ่าๆๆ มีเวลาประมาณ10วันก่อนจะผ่าตัด ซึ่ง10วันนี้ต้องใช้ให้คุ้มคะ คุ้มยังไง?? คือศึกษาวิธีการผ่าตัด ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับคลีนิค และคุณหมอ ศึกษาการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด และศึกษาการปฎิบัติตัวหลังผ่าตัดคะ"

ถึงวันคุณหมอนัดแล้วใจเต้นตึ๊กตั๊ก
วันที่17เมษายน 2556 ... วันนี้แล้วซินะไปถึงคลินิค1ทุ่มใจเต้นตึ๊กตั๊ก เพราะกลัวว มากกก และแล้วก็ถึงเวลา ........
       เข้ามาในห้องแอร์เย็นสบาย นอนไปกลัวไป555
-ขั้นตอนแรกคุณหมอจะคลีนหน้าเราก่อนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหลาย
-จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดยาชาซึ่งจากที่อ่านรีวิวของหลายๆคนบอกว่าฉีดยาชาเจ็บที่สุดแย้วว เรากลัวมากเลยคำนี้มันหลอนอยู่ในหัวฮ่าๆ แต่พอเข็มจิ้มเท่านั้นแหละ ห๊ะ!ฉีดแล้วหรอ .. ไม่เจ็บอย่างที่คิดเลยค่ะ ใครจะไปทำขอบอกไม่ต้องกลัวเลย^^
-หลังจากฉีดเสร็จคุณหมอก็ไปนั้งเหลาซิลิโคนเหลาไปคุยไป คุณหมอถามว่า ..เอาโด่งมากมั้ยครับ.. เราตอบ .. เอาธรรมชาติๆคะไม่โด่งมากเดี๋ยวเหมือนกระเทย .. 555555 คุณหมอเป็นกันเองมากๆคะ รู้สึกสบายใจสุดๆเลย
-ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการเปิดแผลใส่ซิลิโคนแล้วคะ จะบอกว่าเรานอนดูตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนเสร็จเลย สนุกดี ^^
-และแล้วก็เสร็จ  เฮ้!!! คุณหมอติดพลาสเตอร์ให้กันดั้งเบี้ยวและกันบวมหมอต้นบอกว่าติดไว้3วัน และทางคลีนิคก็จ่ายยามาให้

**นอนดูไปคุยไปกะคุณหมอตลอดจนทำเสร็จเลย
IMG_5050.JPG


สิ่งที่กลัวตอนนี้คือ..กลัวยาชาหมดฤทธิ์มันจะเจ็บมั้ยอ่าาาา???

หมอบอกว่าอิกประมาณ1ชม.ยาจะหมดฤทธิ์ เอิ่มมม ... ไม่อยากให้หมดเลย ณ ตอนนั้นกลัวเจ็บมากอะ 55
ผ่านไปครึ่งชม.เริ่มปวดตุ๊บๆตั๊บๆ แต่ไม่มากคือปวดแบบทนได้ คล้ายปวดฟันธรรมดา และแล้วยาชาก็ก็หมด .. ปวดๆเสียวที่จมูกนิดหน่อยเฮ่อ!ไม่เจ็บอย่างที่คิดอิกแล้วแหะ


มาดูผลงานกันดีกว่าค่าาา
หลังจากทำได้ 1 วัน
IMG_5052.JPG IMG_5064.JPG IMG_5063.JPG IMG_5062.JPG
ปวดน้อยกว่าตอนทำเสร็จใหม่ๆนิดหน่อย ตึงๆ ไม่บวม ไม่ช้ำ เก๋ไก๋มากๆเลยฮ่าๆทีแรกเรากลัวหน้าบวมมากๆ

ออกนอกบ้านได้สบายบรื๊อ! นั่งBTSน่าจะปลอดภัยกว่ารถเมลล์

IMG_5061.JPG

มื่้อเย็นกินชาบูชิซัดกุ้งไปเต็มๆ กินเยอะซะด้วย เค้าว่ากันว่าเป็นเป็นอาหารแสลงเอาแล้วไง!!!!
IMG_5068.JPG


วันที่2หลังซัดกุ้งที่ชาบูชิ

IMG_5074.JPG IMG_5075.JPG
เอาละซิ !!เริ่มตุ่ยๆแล้วที่ข้างแก้ม บวมนิดๆตึงๆ แอบแกะพลาสเตอร์ออกไป1ชั้น อิอิ เพราะอึดอัดๆฝุดๆ


มื้อเที่ยงวันนี้กินอาหารญี่ปุ่น กินรำบากมาก2-3วันแรกเพราะอ้าปากได้จิ๊ดเดียว ต้องกินคำเล็กๆแบบผู้ดี 555
IMG_5078.JPG
กินเสร็จเดินเที่ยวต่อTerminal21 ชิวมากก(555ไม่เคยพักผ่อนเลย เค้าบอกว่าทำจมูกมาให้พักผ่อนเต็มที่2-3วัน)


วันที่3แล้วน้าา
อาการบวมไม่เพิ่มขึ้นลดลงจนแทบจะปกติแล้วค่ะ ปวดๆอยู่นิดๆ ตึงอยู่หน่อยๆ
วันนี้ต้องเดินทางไกลซะด้วยคือจังหวัดพะเยา เมย์มาเรียนที่มหาวิทยาลัยพะเยาหนะคะ(ไกลบ้านฝุดๆ) ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงเรียนซัมเมอร์ที่เมย์ลงเรียนเอาไว้
นั้งรถจากกรุงเทพประมาณ 10 ชม. บร๊ะเจ้า !!!! พึ่งวันที่3ก็ต้องออกเดินทางไกลแบบนี้ (ปกติเธอก็เที่ยวทุกวันไม่เคยพักผ่อนอยู่แล้วนะ 55)
IMG_5096.JPG

วันนี้แกะพลาสเตอร์ออกจนเหลือเท่านี้แล้วอึดอัดๆ ^^
นั่งรถนานมากกก เกือบถึงพะเยาแล้วไม่ไหวแล้วแกะพลาสเตอร์ออกหมดซะเลย
IMG_5128.JPG
ว้าวๆๆ เป็นครั้งแรกที่เห็นดั้งของตัวเองเเบบเต็มตาเช่นนี้ ^^

ถึงแล้วมหาลัยของชั้น ถ่ายรูปเห่อดั้งอิกสักนิด แชะๆ
IMG_5136.JPG IMG_5137.JPG


วันที่4แล้วต้องไปเรียนด้วยหละ!!!!
วันที่ 4 แล้วอาการยังปกติ ไม่บวมขึ้น ปวดลดลง
IMG_5142.JPG IMG_5143.JPG IMG_5171.JPG


วันที่4ตอนเย็นหลังจากอาบน้ำเสร็จก็พบว่า  ตรงหัวตามีรอยเขียว !!!! นิดหน่อย
จึงจัดการประคบอุ่นเลย
IMG_5213.JPG IMG_5214.JPG IMG_5215.JPG


วันที่5รอยเขียวเมื่อคืนหายไป^==^
วันที่ 5 ของการทำจมูกแล้ว (วันนี้ที่เขียนรีวิวเลย 22เมษายน2556) รอยเขียวๆเมื่อคืนจางลงไปแล้วหวังว่าคงไม่เป็นไรแล้วน้า
IMG_5268.JPG IMG_5269.JPG IMG_5265.JPG IMG_5266.JPG
รอ รอ รอ น้องดั้งเข้าที่และแข็งแรงกว่านี้สัก 3 เดือนจะมาอวดให้ดูกันอิกรอบนะคะ


การปฎิบัติตัว(ของเราเอง)หลังจากการผ่าตัด
- นอนหมอนสูง (2ชั้น) แบบพอดีๆ
-ไม่นอนตะแคง
-หลังทำเสร็จถึงวันที่3ประคบเย็น ประมาณวันละ20-30นาที
-วันที่4(ที่มีรอยเขียวช้ำ)ประคบอุ่น
-ค่อยๆล้างหน้า ไม่ให้น้ำโดนแผล (จะบอกว่าเราแต่งหน้าทุกวันเลยนะตั้งแต่วันทำวันแรกจนถึงวันนี้ ไม่จำเป็นต้องปล่อยตัวเองโทรมนะ )
-ค่อยๆกินข้าวเพราะมันเคี้ยวรำบากมว๊ากกกก
-ไม่วิ่งกระโดด เพราะเพราะการกระแทกจะทำให้แผลอักเสบขึ้นมาได้
-เช็ดทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำด้วยน้ำเกลือ และทายาฆ่าเชื้อที่แผล
-ที่สำคัญทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

**ตอนนี้ยังไม่ได้ไปตัดไหมเลยคุณหมอนัดวันที่ 27 แล้วตอนนี้ที่กลัวคือกลัวเจ็บตอนตัดไหม 5555 แต่ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาแล้วมันไม่น่ากลัวเลย ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย ไม่เจ็บเลยสบายๆ

เพื่อนๆที่เคยมีประสบการณ์แล้วมาแชร์ให้ฟังบ้างนะคะว่าเหมือนกันรึป่าว แล้วอิกอย่างที่อยากรู้คือ "ตัดไหมเจ็บป่าวอ่าา??" เก๊ากลัว

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Amed Clinic และคุณหมอต้น มากๆเลยค่าา
IMG_5267.JPG
ไว้มีอะไรจะมาอัพเดตกันใหม่น้าคะ ครั้งไปก่อนแล้วค่าา บ๊ายย บาย





AMED Clinic
//www.amedclinic.com/
https://www.facebook.com/amedcenter

คุณหมอต้น
//www.drpiyapol.com/
https://www.facebook.com/dr.piyapol








Create Date : 23 เมษายน 2556
Last Update : 23 เมษายน 2556 7:29:01 น.
Counter : 28997 Pageviews.

5 comment
1  2  

Mekumii kitty
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]