Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Review: La Roche Posay Toleriane Ultra Light
สวัสดีค่าสาวๆ วันนี้มาอัพเดทสกินแคร์ที่ใช้ในเดือนที่ผ่านมาให้ดูกันจ้า

บอกเลยว่าสาวๆที่มีผิวแพ้ง่ายต้องสนใจกันแน่ๆ เพราะตัวนี้เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่ายมากๆ

อ๊ะๆ เรามาแวะที่คำว่า “ผิวแพ้ง่าย”กันสักครู่นะคะ

บางคนก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าผิวตัวเองแพ้ง่ายหรือไม่  งั้นมาเช็คกันค่ะ

-เส้นเลือดฝอยบนใบหน้าได้ค่อนข้างชัดหรือไม่ ?

- เกิดอาการคัน หรือแดงเป็นจ้ำๆหลังสัมผัสสิ่งแวดล้อม หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ

- ใบหน้าแดงระเรื่อกว่าคนทั่วไป

-ผิวจะกลายเป็นสีแดงหลังจากสัมผัสความร้อน และแสงแดดโดยตรง

หากพบลักษณะดังกล่าว นั่นแสดว่า “คุณมีสภาพผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย”

อย่างเมเองที่พบตามข้อสังเกตด้านบนคือ มีเส้นเลือดบนใบหน้าชัด 

และใบหน้าแดงระเรื่อ หรือบางครั้งโดนแดดแล้วแดงง่าย 

เข้าข่ายผิวแพ้ง่ายนะ แต่เมเองยังไม่เคยแพ้ครีมหรือเครื่องสำอางใดๆเลย 

อาจจะเพราะเราระมัดระวังในการเลือกใช้ตั้งแต่เริ่มแรกอยู่แล้วด้วย

ถ้าผิวใครแพ้ง่าย ก็ไม่ต้องตกใจไปนะฮัปสภาพผิวที่บอบบางสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว และทุกเพศ ทุกวัยจ้า

คนที่ผิวแพ้ง่ายคงเข้าใจปัญหาการตามหาสกินแคร์บำรุงผิวดี  ว่ากว่าจะหาที่โดน ตรงใจผิวนี่ ยากซะเหลือเกิน

วันนี้เมเอาสกินแคร์ตัวนึงที่ได้เริ่มลองใช้เมื่อช่วงเดือนก่อนมาให้ดูกันค่ะ

ตัวนี้เหมาะกับผิวแพ้ง่ายแน่นอนเพราะเจ้าตัวนี้ ถูกแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลยฮัป ว่าผิวแพ้ง่ายใช้ได้แน่นอนฟันธง!


La Roche Posay Toleriane UltraLight

ปริมาณสุทธิ 40 มล.

ราคา 960 บาท

ตัวนี้คือ ครีมบำรุงผิวเนื้อบางเบาสำหรับผิวหน้าและผิวรอบดวงตา

ปราศจากสารกันเสียแอลกอฮอล์และน้ำหอม

รู้ๆกันอยู่แล้ว ว่าเมจะถูกใจกับสกินแคร์ที่ไม่ใส่สารกันเสีย แอลกอฮอล์และน้ำหอม มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

เพราะมันใช้แล้วสบายใจดี ไม่ต้องกังวลเรื่องแพ้เรื่องการระคายเคือง


Toleriane Ultra Light นี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ในกลุ่มของ Toleriane

ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของลาโรช-โพเซย์ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนที่สุด

เหมาะกับผิวบอบบางระคายเคืองง่ายโดยเฉพาะ

ตัว Toleriane Ultra Light เค้าบอกว่าเป็นฟลูอิดเนื้อบางเบาที่ใช้ทาหน้าและรอบดวงตา

ผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนที่สุดสำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่ายไม่ระคายเคืองแม้ผิวรอบดวงตา

(อ่อนโยนกับรอบดวงตาด้วยอ่ะ ดีๆจะได้ไม่เปลืองอายครีมเพิ่มเนอะ555)

ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและทดสอบการระคายเคืองแล้วฮัปสบายใจได้

ทดสอบภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณภายใต้มาตรฐานยุโรป (European Standards Series) จ้า


มาดูแพคเกจกันก่อนหลายคนเห็นว่าเป็นขวดปั๊ม อาจมองหาฝาปิดอยู่

บอกเลย ตัวนี้ไม่มีฝาปิดน้า แพจเกจเป็นอย่างที่เห็นรูปแรกเลยฮัป


คราวนี้มาดูนวัตกรรมการของแพคเกจนี้กัน

เค้าว่าเป็น บรรจุภัณฑ์ Ultra-hermetic ที่จะคงความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ไว้

เมทำความเข้าใจง่ายๆว่า มันเป็นเหมือนระบบสุญญากาศอ่ะ

เพราะพอกดใช้มันจะดันจากด้านล่างและด้านข้างค่อยๆขึ้นมา อย่างที่เห็นในรูปด้านบนจ้ะ


สังเกตรูปซ้าย(พึ่งได้มาใหม่ๆ)กับรูปขวา(เริ่มใช้ไปได้สักพัก) นะ จะเห็นว่าหลอดโล่งไปเกือบๆครึ่งละ

<<< >>>

โอเคพูดถึงเรื่องจิปาถะของผลิตภัณฑ์ไปแล้ว มาดูเรื่องคุณภาพกัน


เมเริ่มจากเนื้อผลิตภัณฑ์ก่อนน้าเป็นเนื้อฟลูอิด คือ เหมือนๆเนื้อครีมและแต่เหลวกว่า

ฉะนั้นพอเกลี่ยก็จะซึมไวกว่า สบายผิวดีฮัป

และเนื่องจากเนื้อบางเบา จึงสามารถทาซ้ำได้ตลอดวัน

เพื่อบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่บอบบางระคายเคืองง่ายจ้า

จริงๆตัวนี้เค้าบอกว่า เหมาะสำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่ายเป็นพิเศษและผู้มีปัญหาสิวและผิวมัน

เมเอง ผิวแห้งนะใช้แล้วก็รู้สึกชุ่มชื้นดีค่ะ ไม่ได้แห้งมาก

แต่แค่อาจจะไม่เท่าไลน์สำหรับผิวแห้งอ่ะ  เอารวมๆคือ ทาง่าย ซึมไว สบายผิวจ้า

และก็อย่างที่บอก ไม่ใส่สารกันเสียแอลกอฮอล์และน้ำหอม ฮัป ข้ามเรื่องกลิ่นไปแล้วกันนะ


เมลองใช้มาได้เดือนกว่านะใช้อยู่ตัวเดียวเลย เพราะเมไม่ชอบใช้ครีมซ้อนกันเยอะ

แล้วตัวนี้ก็ใช้ง่ายดีเลยใช้ยาวเลย  ขวดใสๆแบบนี้ก็ดีนะ เห็นข้างในเลยว่าใช้ผลิตภัณฑ์ไปถึงไหนละ

ที่สำคัญคือ ขวดสุญญากาศแบบนี้มั่นใจได้เลยว่าใช้หมดจด ไม่มีตกค้างให้เสียดายในขวดแน่ๆ


ในเรื่องของการบำรุงผิวนั้นอันดับหนึ่งเลยที่รู้สึกได้คือ สบายผิวจริงๆ เพราะมันซึมเร็ว

คือก็มันช่วยคงความชุ่มชื้นในผิวและก็ช่วยลดการระคายเคืองผิวด้วย

แต่จริงๆ ผิวเมก็ไม่ได้มีปัญหาระคายเคืองอะไรก่อนหน้า

ในเรื่องความชุ่มชื้น ก็ชุ่มชื้นดีแต่ไม่ได้มากเท่าไหร่

คนผิวแห้งมากอาจต้องใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์อื่นๆตามนะจ๊ะ

อ้อ.. และเมก็ไม่แพ้ไม่มีการระคายเคืองใดใดนะฮ๊า... ก็เลยยังใช้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ^^

เอาว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยนะ สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆและกำลังมองหาสกินแคร์บำรุงผิวอยู่

ก่อนจะไป เมเอา “วิธีการดูแลผิวบอบบางแพ้ง่าย”มาฝากกันด้วยนะ จะได้ดูแลผิวตัวเองกันถูกค่า

1.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม และแอลกอฮอล์ (Alcohol Free และ PerfumeFree) 

หรือสารกันเสียรวมถึงอาจพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีสารก่อให้เกิดการแพ้ต่ำ สังเกตที่ฉลากจะมีคำว่า “Clinically tested,Dermatology tested และ “Hypoallergenic”

      2. หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมไฮดรอกซีแอซิด, วิตามินอีและซี,ลาโนลิน, โพรพิลีน ไกลคอลและยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์

3.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทขัดถูหน้าพวกโฟม สครับ

4. ควรใช้สารกันแดด โดยเป็นประเภท Physical sunscreen เช่นประกอบด้วยซิงค์ ออกไซด์หรือ ไทเทเนียม ไดออกไซด์ หลีกเลี่ยงสารกันแดดที่มีส่วนประกอบของ PABA

ขอบคุณข้อมูลจาก... Purecare

สาวๆที่ผิวแพ้ง่ายทราบวิธีดูแลผิวตัวเองกันแล้ว อย่าลืมดูแลผิวดีๆนะคะ

วันนี้เมไปแล้วน้า.. สวัสดีค่า




Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2557 16:36:23 น.
Counter : 42041 Pageviews.

1 comment
Review: กันแดด Sunplay Skin Aqua
สวัสดีค่า อากาศยังหนาวกันอยู่รึเปล่าเอ่ย
ตอนนี้ที่บ้านเมอากาศยังหนาวอยู่เลย
ตอนกลางวัน แดดออกสดใส แต่ตอนกลางคืนนี่ หนาวยะเยือกเลย

พูดถึงแดด จะอากาศแบบไหน บ้านเราก็ยังมีแดดอยู่ตลอดเลยเนอะ
วันนี้เมเลยหยิบครีมกันแดดมารีวิวให้ดูกัน

ตัวนี้หลายๆคนคงคุ้นหน้ากันมากแล้ว เพราะมีขายตามห้างทั่วไป
และเป็นกันแดดอีกหนึ่งตัวที่เมแนะนำอยู่บ่อยๆ จะเพราะอะไรนั้น ไปดูกันโลดค่าาา


กันแดดสองตัวนี้คือ  SunplaySkin Aqua ค่ะ

มาเริ่มดูที่ตัวแรกกันเลย


Sunplay Skin Aqua

UV Whitening Moisture Milk SPF50 PA+++

ขนาด 42 กรัมราคา 279 บาท

เป็นโลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนมอย่างที่เห็นนะคะเนื้อน้ำนมเป็นสีขาว

เกลี่ยซักพักก็ซึมเข้าผิวหายเข้าไปในผิว


กันแดดของ Sunplayเป็นสูตร Solarex-3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการปกป้องแสงแดดทั้งUVAและUVB

นอกจากช่วยปกป้องแสงแดดแล้วยังช่วยต่อต้านริ้วรอยและจุดด่างดำด้วย Rano care Ectoinและ Antileukine6

พร้อมทั้งให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นด้วย Hyaluronic,VitaminC และ B5

มาดูเนื้อกันแดดเมื่อทาลงผิวหน้ากันค่ะจะเห็นได้ว่า แบบน้ำนมจะมีความเหลว

เกลี่ยง่ายเมใช้นิ้วมือเกลี่ยวนสักพัก กันแดดก็ซึมลงผิวแล้วค่ะ

ตัวนี้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นด้วยดังนั้นหลังจากทา จะยังคงมีความมันทิ้งไว้ที่ผิวเล็กน้อย

ใครที่หน้าแห้งมากๆเมแนะนำตัวนี้เลยค่ะ

ตัวนี้มี SPF50 PA+++ ค่ากันแดดถือว่า กำลังพอดีในแดดบ้านเรา

สิ่งนึงที่เมชอบในกันแดดตัวนี้คือไม่มีส่วนผสมของสี น้ำหอม และแอลกอฮอล์

จึงอ่อนโยนมากและสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวค่า

<<<<>>>>

ตัวต่อมา

Sunplay Skin Aqua

UV Whitening MoistureGel SPF25 PA++

ขนาด 80 กรัมราคา 279 บาท


ตัวนี้เป็นโลชั่นกันแดดสูตรเจลปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส

ลดเลือนริ้วรอบหมองคล้ำ จุดด่างดำด้วยสารสกัดพืชธรรมชาติ Arbutin

จากที่เห็นคือเนื้อเจลจะดูมีความเข้นกว่าแบบเนื้อน้ำนม

แต่จริงๆพอเกลี่ยแล้วกันแดดซึมเร็วมาก ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทิ้งคราบขาวไว้ที่ผิว

กันแดดตัวนี้เป็นสูตร Solarex-3 เหมือนตัวด้านบนค่ะ

ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่นด้วยHyaluronic Acid, MPC Moisturizing Agent และ CarrotRoot Extract

มาดูตอนทาลงผิวกันฮัปตัวนี้เมว่าเกลี่ยง่าย ซึมเร็ว คงจะเพราะเป็นแบบเจลแหละ

เพราะเนื้อเจลมันจะซึมสู่ผิวได้เร็วและไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิวดีค่ะ

ตัวนี้ค่า SPF25PA++ เหมาะสำหรับวันที่ไม่ได้ออกแดดจัดๆ หรือออกไปที่กลางแจ้งนานๆ

เมว่าใช้วันสบายๆที่อยู่บ้านอ่ะค่ะจะเหมาะมาก เพราะมันสบายผิวจริงๆ

ที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของสี น้ำหอม และแอลกอฮอล์ ที่จะทำให้ระคายเคืองผิวอีกด้วยค่ะ


และด้วยความที่มันทาแล้วสบายผิว เมเลยเอามาทาคอและตัวได้สบายๆ

 (เมทาแค่ที่คอนะ ที่ตัวเดี๋ยวเปลือง555)


เอาจริงๆที่เมชอบที่สุดในกันแดดสองตัวนี้ก็คือ 

 มันไม่มีส่วนผสมของสี น้ำหอม และแอลกอฮอล์ ที่จะทำให้ระคายเคืองผิวค่ะ

บางครั้งทาครีมกันแดดไปแล้วได้กลิ่นแอลกฮอล์แรงๆนี่ ก็ทำให้จิตตกไปนิดนึงอยู่เหมือนกัน

ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำร้ายผิวเรามาก แต่ก็..นะ ใช้แบบไม่มีกลิ่นรู้สึก safe กว่า

อ้อ เกือบลืมบอก สามารถหาซื้อได้ที่Watson, Boots, Tops, Eve&Boy นะฮะ

อย่าลืมปกป้องผิวจากแสงแดดในทุกๆวันของเรานะคะ

สวัสดีค่า




Create Date : 25 มกราคม 2557
Last Update : 25 มกราคม 2557 11:54:43 น.
Counter : 30308 Pageviews.

1 comment
Review: พิสูจน์กันแดดบิโอเร
เหมือนว่าสาวไทยคงต้องเกิดมาคู่กับกันแดดแล้วจริงๆ เพราะแดดเมืองไทยช่างร้อนแรง แผดเผา

ถึงไม่กลัวดำ ก็ต้องระวังรอยเหี่ยวย่นและมะเร็งผิวหนังนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเรามาใส่ใจกับการใช้ครีมกันแดดดีกว่า

วันนี้กันแดดที่เมเอามารีวิว เป็นยี่ห้อที่หลายคนๆคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วเนอะ

นั่นก็คือ Biore นั่นเองค่า ..เห็นกันบ่อยๆตามห้างสรรพสินค้า,วัตสัน,บูทส์

ทางแบรนด์ส่งมาให้เมได้ลองใช้เพียบเลย (จริงๆ ก่อนหน้าก็เคยใช้อยู่แล้วแหละแต่ไม่ครบทุกตัว)


เท่าที่เห็นเมคิดว่าน่าจะครบทุกสูตรทุกรุ่นของBiore ที่มีขายในไทยนะคะ

เอาจริงๆเลยเวลาไปยืนเลือกซื้อเมก็งงเหมือนกันนะ แบบว่า มันเยอะจนตาลาย

ครั้งนี้แบรนด์ส่งมาให้ครบถือเป็นโอกาสอันดีในการเอามาแยกจัดหมวดให้ทุกคนได้ดูกัน

จะได้เลือกซื้อกันง่ายมากขึ้นค่ะ

 <<< >>>

กันแดดของ Bioreแบ่งออกง่ายๆเป็น3 สูตรค่ะ

เริ่มที่แบบแรกเป็น กันแดดสูตรน้ำ (Biore UV Aqua WaterySeries)


เป็นกันแดด สูตรน้ำ ที่เนื้อครีมจะบางเบาและเปลี่ยนเป็นน้ำทันทีที่ทา

ให้ความรู้สึกสบายผิวแห้งสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ มาดูกันค่ะว่าแต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

สูตรนี้เป็นสูตรโปรดของสาวๆหลายๆคน รวมทั้งเมด้วยเพราะทาแล้วสบายผิวจริงๆ

ลืมความรู้สึกที่ว่า กันแดด SPF สูงๆ จะต้องเนื้อเหนียวเหนอะหนะไปได้เลยนะเนี่ย

พอเกลี่ยลงผิว ผิวจะสว่างขึ้นมานิดนึง

ต่อมา กันแดดสูตรน้ำนม (Biore UV Milk Series)


ตัวนี้เป็นโลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนมปกป้องผิวจากแสงแดด และให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ


กันแดดเป็นแบบเนื้อเหลวสีขาวขุ่นแบบน้ำนมเลยตัวนี้เมก็คิดว่าซึมง่ายดี สบายผิว

แต่กลิ่นแอลกอฮอล์แอบแรงอยู่เหมือนกันนะเมชอบสองตัวหลังที่ใช้ทาตัว เพราะว่าทาแล้วมันซึมหายไปเลย

มีให้เลือกทั้ง SPF30 และ SPF 50ลองเลือกดูให้เหมาะกับผิวและความต้องการนะจ๊ะ

และสุดท้าย กันแดดสูตรน้ำนมแบบมีสี (Biore UV Tint Milk Series)


เป็นโลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนมที่ทั้งปกป้องผิวจากแสงแดดและเป็นเมคอัพเบส แบบบางเบา มีสี

มี 3 สีให้เลือกใช้ให้เหมาะกับสีผิวของแต่ละคน

ตัวนี้เหมือนตัวด้านบนเลยเพียงแต่กันแดดเป็นแบบสีเนื้อ ไม่ใช่สีขาวแบบน้ำนม

ส่วนตัวเมเองแล้วเม่วาใช้แล้วก็ไม่ค่อยเกิดความแตกต่างเท่าไหร่ หมายถึงในด้านการเป็นเมคอัพเบสนะ

เพราะมันไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลยเน้นไปที่ทางกันแดดล้วนๆฮะ

อาจจะมีช่วยปรับผิวให้สม่ำเสมอขึ้นบ้างนิดหน่อยเท่านั้นเอง

<< >>

คราวนี้บิโอเร เค้าท้าให้เมพิสูจน์ประสิทธิภาพกันแดดของเค้ามา

เมก็เลยลุยกิจกรรมกลางแจ้งท้าแดดซะเลย

ด้วยการมาตีแบดมินตันในช่วงบ่ายของวัน โอ้วแม่เจ้า มาตีอะไรตอนนี้เนี่ย 5555

แน่นอนว่ามาเล่นกีฬา เมจะเลือกตัวที่เน้นความสบายของผิวเป็นหลักนะ

โดยเมหยิบตัว Biore Aqua Rich Water Essence SPF50+ PA+++ มาใช้ค่ะ

กันแดดเป็นเนื้อเอสเซ้นส์บางเบา  มีสีเหลืองนวลๆ และผสมยูวี อะควา เจลลี่ แคปซูลเล็กๆ

ซึ่งเค้าบอกว่า เป็นแคปซูลที่ภายในมี SPF50+ PA+++ บรรจุอยู่ เพื่อปกป้องผิวของเรา

ดังนั้นที่เห็นเนื้อกันแดดเป็นสีเหลืองนวลๆนั้น เป็นปกตินะคะ กันแดดไม่ได้เสียแต่อย่างใดจ้า

ตัวนี้มี SPF50+ ช่วยป้องกันรังสี UVB(ทำร้ายผิวชั้นนอกทำให้ผิวหมองคล้ำ)

และPA+++ ที่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดผ้ากระ จุดด่างดำและริ้วรอยก่อนวัย

รู้กันอยู่แล้วเนอะว่าตัวนี้มันทาทับเมคอัพได้สบายเลย

เมเลยลงที่หน้าก่อนเล่นกีฬาก่อนครั้งนึงค่ะ ลงทับพวกแป้งและเมคอัพที่แต่งมาเมื่อเช้าเลยนะ

เพราะตอนบ่ายที่เมจะเล่น แดดจ้ามากๆ

กันแดดตัวนี้เป็นแบบน้ำนะคะคือมันเป็นเนื้อเอสเซ้นส์ พอทาแล้วมันจะแตกตัวออกเป็นน้ำและซึมเข้าผิวฮัป

ตัวนี้เบาสบายดีค่ะไม่ทิ้งความมันไว้ที่หน้าด้วย

..เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ลงไปลุยกันโลดค่า

ตีไปก็คิดไปว่า เออ..มาตีแบทตอนบ่ายทำไมเนี่ย?? ร้อนนะร้อน!!

ควรใส่แว่นกันแดดตีนะคือ...แสบตาไปม๊ายยยย 5555

<<<>>>

โอเคลุยแดดมาได้ 30 นาทีกว่า (แบบแอบพักบ่อยมาก555) เมก็แวะมาเติมกันแดดอีกฮัป

ปกติแล้วถ้าต้องอยู่กลางแดดนานๆ ก็ควรทากันแดดซ้ำระหว่างวันนะคะ

เพื่อการปกป้องผิวจากรังสีUVA และ UVB ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เวลาเติมเนี่ยวิธีของเมคือ ลงกันแดดและถูให้ทั่วฝ่ามือ แล้วค่อยๆโปะลงที่หน้าค่ะ

ซับเหงื่อก่อนลงด้วยนะเดี๋ยวจะกลายเป็น เอิ่ม....

(ก่อนลงล้างมือให้สะอาดด้วยนะค้าบ)

เรียบร้อยฮัปลุยต่อโลด


ตีไปตีมาก็สนุกดีนะ แดดเริ่มน้อยลงก็เริ่มเล่นจริงจัง ใส่อารมณ์เต็มที่ 5555

<<<>>>

ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพกันแดดที่หน้ากันไป ใช้เวลาสิริรวมชั่วโมงกว่าๆ (แอบไปนั่งพักบ่อยๆ555)

จากที่สังเกตผลคือ หน้าเมก็ไม่ได้มีรอยไหม้แดด หรือผิวคล้ำลงนะคะ

เมเลยลองเอามาพิสูจน์ชัดๆกันที่ต้นขา เทียบกับกันแดดยี่ห้อทั่วไปที่ spf เท่ากันนะ

ว่าประสิทธิภาพจะโอเครึเปล่า

เมเอาแลคซีนสีดำมาพันทั่วขาเหลือไว้ 2 ช่องแบบนี้นะ


แบ่งทากันแดดทั้งสองยี่ห้อ แล้วยื่นขาตากแดด 30-50 นาที

ขั้นตอนนี้ร้อนมากกกกจะเป็นลม คือต้องนั่งตากแดดเฉยๆอ่า TT

ยังดีที่ช่วงตัวมีคนกางร่มและใส่เสื้อคลุมนะไม่งั้น ..อาจจะละลายและไหม้เกรียมทั้งตัวไปแล้วก็ได้


โอเคเสร็จแล้วมาดูผลกัน

จะเห็นว่าด้านบนที่ใช้กันแดดยี่ห้อทั่วไป เริ่มมีการไหม้แดดเป็นสีแดงๆ

ส่วนด้านล่างที่ใช้บิโอเรสีผิวเข้มขึ้นนิดนึง แต่ไม่มีการไหม้แดดแต่อย่างใด

สรุปว่าประสิทธิภาพกันแดดของบิโอเร ผ่าน คร้าบ

<<<>>>

มาพิสูจน์ต่อในด้านความมันของกันแดด


เมใช้กระดาษซับมันพิสูจน์เลย พบว่ากันแดดทั่วไปมีส่วนผสมของOilอยู่ในปริมาณสูง

ทำให้เวลาทาครีมกันแดดจะรู้สึกเหนียวและหน้ามันได้ ซึ่งกันแดดแบบนี้น่าจะเหมาะกับคนหน้าแห้งนะ

ส่วนของบิโอเรอะควาริชไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำให้สบายผิวจ้า

<<< >>>

เรียบร้อยแล้วฮัปสำหรับการพิสูจน์คุณสมบัติของกันแดดบิโอเร


ยังไงก็หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนในการเลือกซื้อกันแดดนะคะ

สวัสดีค่ะ




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2556 16:26:54 น.
Counter : 57258 Pageviews.

0 comment
Review: เจลทารอบดวงตา Yves Rocher Hydra Vegetal Fresh Gel
ตาบวม,ใต้ตาแห้ง/คล้ำใครเจอปัญหาเหล่านี้อยู่บ้าง

หลายคนถามหา eye cream กับเมบ่อยๆว่าตัวไหนช่วยได้บ้าง

เอาจริงๆแต่เดิมเมไม่ค่อยใช้พวก eye cream นะเพราะขี้เกียจทา 555

สมควรแล้วที่แพนด้ารอบดวงตาจะคงอยู่ต่อไป..

เอาล่ะๆ วันนี้ไม่ขี้เกียจละเพราะได้ EyeGel จาก Yves Rocher มาลอง

ใช้มาได้สักพักแล้วแหละ ทาบ้างลืมบ้าง ..(ใต้ตาอย่างอลเค้านะ) 

แต่จะพยายามใช้ให้ได้ตลอดจนหมดหลอดเลยนะฮัป

เอ้า!! บ่นมาซะนาน มาเข้าเรื่องกันวันนี้เมเอา eye gel มารีวิวให้ดูกันค่า


ตัวนี้คือ Yves Rocher Hydra Vegetal FreshGel under eye Bags

(15 ml. ราคา 480 บาท)

เป็นเจลสำหรับบำรุงรอบดวงตา ที่แบรนด์เค้าเคลมมาหลักๆเลยว่าจะช่วย

1. ลดถุงบวมใต้ตา

2. เติมความชุ่มชื่นและทำให้ผิวรอบดวงตาสดชื่นขึ้น

3. เพิ่มความกระจ่างใส


ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วเนอะว่ามันเป็นHydra คงต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับความชุ่มชื่นแน่ๆ


มาดูลักษณะของผลิตภัณฑ์กันก่อนเลยดีกว่า

ผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อเจลใสสีมิ้นท์อ่อนๆ ไม่มีกลิ่นเลยฮัป ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

รอบดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางมากๆเพราะฉะนั้นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและอ่อนโยนด้วยนะจ๊ะ


เนื้อเจลเกลี่ยง่ายและซึมไวมาก หลังจากซึมแล้วไม่ทิ้งความมันหรือความเหนียวเหนอะไว้ที่ผิวเลย


ตัวนี้เค้าบอกว่า มีสารสกัดจากพืชออแกนิคบลูอกาเว่และเมเปิ้ลแซพ ที่จะเป็นตัวช่วยเติมความชุ่มชื่น

และช่วยล็อคความชุ่มชื่นไว้ในส่วนลึกของผิวค่ะ นอกจากนี้ ยังช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีอีกด้วย


วิธีใช้ก็ใช้ทารอบดวงตาหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้ว เช้า/เย็น

หรือจริงๆจะทาช่วงระหว่างวันก็ได้ 

เวลาทำงานนานๆ จ้องคอมเยอะๆ รู้สึกตาล้าๆ เมก็จะใช้ปริมาณเล็กน้อย

แตะเบาๆใต้ตา ทาทับเมคอัพเลย เพราะตัวนี้เป็นเนื้อเจล ซึมเข้าผิวเร็วค่ะ

มาลองทาใต้ตากัน ..แต้มเลยฮัปเมทาเยอะหน่อยเพราะเมผิวแห้งและอยากบำรุงใต้ตาเยอะๆ

โดยรวมเมว่า เนื้อเจลซึมไวดีค่ะและทาแล้วก็รู้สึกผิวมันเฟรชดี ชุ่มชื่นขึ้น

ในเรื่องของลดถุงบวมใต้ตาคือเมก็ไม่รู้จะสังเกตยังไงนะ เพราะตาเมมันไม่ได้บวมอยู่แล้วอ่ะ

คงต้องรอคนที่ถุงใต้ตาเยอะๆและบวมมารายงานผลแล้วฮ้าฟฟ

และในเรื่องของความกระจ่างใสเมว่าผิวรอบดวงตามันดูสดใสขึ้น เต่งตึงขึ้น เลยทำให้ดูไบรท์ๆ

เพราะว่าจริงๆคือ มันมีส่วนผสมของคาเฟอีนช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดใต้ผิวรอบดวงตาทำงานได้ดีขึ้น

พอเลือดหมุนเวียนดีรอยคล้ำเลยลดลง ผิวดูกระจ่างใส ไบรท์ขึ้น

แต่ที่เป็นรอยคล้ำแพนด้าหนักๆนี่ไม่ได้หายไปไหนนะคะ ยังอยู่ๆ 5555


เป็น Eye gel อีกตัวที่โอเคเลยนะสำหรับใครที่กำลังมองหาอะไรบำรุงรอบดวงตา

ใครสนใจลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่

Yvesrocher thailand

<<<<  >>>>

เอาล่ะ ดูตัวช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาแล้ว อย่าลืมปรับพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของรอยคล้ำรอบดวงตากันด้วยนะ

วันนี้ เมเอาวิธีการดูแลดวงตาให้กลับมาสดใสง่ายๆมาให้อ่านกันด้วยค่ะ

1. ลดปริมาณการดื่มกาแฟและลด/ละ/เลิก การสูบบุหรี่

การรับประทานอาหารเผ็ดอาหารเค็มและการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า จะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สมบูรณ์

จากที่เรารู้ว่ารอยคล้ำใต้ตานั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพของโลหิตที่ไหลอยู่ใต้ผิวใต้ตา

การไหลเวียนของโลหิตที่ไม่ดีจะทำให้เกิดรอยคล้ำได้ง่าย

2. พยายามอย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ

ความเครียดและการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวมีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นทำให้ผิวใต้ดวงตามีรอยคล้ำได้เช่นกัน

3. ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ6-8 แก้ว หรือ 2 ลิตร

จะช่วยป้องกันรอยคล้ำใต้ตาได้หรือถ้าไม่สะดวกเราก็ใช้วิธีพกขวดน้ำติดตัวไว้ก็ได้ค่ะ

แล้วก็จิบดื่มมันบ่อยๆเท่าที่จะทำได้ช่วยได้มากจริงๆนะ เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 80%

4. หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือขยี้ตา

เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาตลอดจนอาจเกิดการอักเสบอันเนื่องมาจากเชื้อโรคที่ติดอยู่บนมือทั้งสองข้าง

ถ้ารู้สึกคันหรือระคายเคืองตาให้ใช้น้ำยาล้างตาหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดซับเบาๆ พอให้หายคัน

<<< >>>

ปัญหารอบดวงตาที่คล้ำเป็นปัญหาที่สาวๆหลายๆคนปรึกษาเมบ่อยมากๆ

เมอยากจะบอกว่าหากจะหาแต่ครีมมาทาให้รอยดำหายไปนั้น มันคงไม่หายถาวรหรอกค่ะ

ทุกคนรู้อยู่แก่ใจดีว่าสาเหตุส่วนใหญ่มันมาจากอะไร

“นอนดึกและพักผ่อนน้อย” เป็นสาเหตุใหญ่ๆที่หลายๆคนเป็นกันแบบไม่รู้ตัวเลยนะคะ

(นอกเหนือจากคนที่เป็นภูมิแพ้,ขาดสารอาหาร,สูบบุหรี่,ดื่มชากาแฟ และเป็นจากกรรมพันธุ์แล้ว)

กลับไปแก้ที่ต้นเหตุด้วยจะดีกว่าค่ะเมเองก็เจอมากับตัว ช่วงไหนนอนดึกมากๆ แพนด้ามาเยือนเลย

แต่ช่วงไหนปรับนิสัยให้นอนเร็วได้สักพักแพนด้าก็หายไปค่ะ ง่ายๆแค่นี้เอง (แต่ทำกันไม่ค่อยได้ใช่ม๊า)

อย่าลืมนะคะ ว่าผิวรอบดวงบอบบางมากจะใช้อะไรต้องเลือกและระวังให้มากๆนะจ๊ะ

วันนี้เมไปแล้วนะจ๊ะ.. สวัสดีค่า




Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 18:50:09 น.
Counter : 26923 Pageviews.

0 comment
Review: Stiefel Physiogel Hypoallergenic Cream
สวัสดีค่า วันนี้เมหยิบเอาฮีโร่ตัวช่วยกอบกู้ผิวแห้งมาให้ดูกันฮัป

ต้องบอกก่อนว่าช่วงหลายอาทิตย์ก่อนStiefel เค้าส่งเซ็ทสกินแคร์มาให้ลองใช้ดู

Stiefel เป็นเวชสำอางที่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นสิว สาวๆที่รักษาสิวอยู่คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันไม่น้อย


หนึ่งในเซ็ทนี้ที่เมเคยใช้ประจำเมื่อช่วงก่อนคือAcne-Aid Liquid Cleanser ที่ใช้สำหรับล้างหน้า

หลายๆคนคงรู้จักตัวนี้กันพอสมควรแล้วเมเองก็เคยรีวิวไว้ใน Skincare review ส่วนตัวของเมไว้แล้วด้วย

วันนี้เมเลยจะมาพูดถึงตัวใหม่ที่เมได้ลองค่ะคือ Physiogel Cream นั่นเอง


Stiefel PhysiogelHypoallergenic Cream

ขนาด75 Ml ราคา 590 บาท (ซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป/วัตสัน/บูทส์)

ตัวนี้เป็นครีมบำรุงที่มีความเข้มข้นสูงเหมาะกับผิวที่ไวต่อการกระตุ้น ผิวที่แพ้ง่าย หรือผู้มีปัญหาสิว

เป็นครีมที่ปราศจากน้ำหอมแอลกอฮอล์ และสารแต่งสี


หน้าหลอดเค้าบอกไว้ว่า

เป็นครีมบำรุงผิวที่มีส่วนโครงสร้างและส่วนประกอบคล้ายคลึงกับเกราะป้องกันผิวหนังตามธรรมชาติ

สามารถซ่อมแซมและชดเชยPhysiological Lipids ของผิวหนัง ฟื้นฟูสภาพผิวและซ่อมแซมเกราะผิวหนังตามธรรมชาติ

ไม่มีส่วนผสมของสารแต่งสี น้ำหอม และสารกันเสียที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย

ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย

<<<  >>>

มาดูลักษณะของครีมกันค่ะ


ครีมเป็นสีขาวข้นเนื้อครีมเข้มข้นมากๆ แต่ก็ไม่ได้เกลี่ยยากเท่าไหร่ และครีมมีความมันพอสมควรเลยค่ะ

ครีมไม่มีกลิ่นไม่มีสีฮะ ใช้ได้อย่างสบายใจ

หลังจากทาที่หลังมือแล้วจะเห็นว่ามีความมันเคลือบผิวไว้ด้วยนะ

มาลองทาที่หน้าดูกันมั่ง

เมหน้าแห้งโดยเฉพาะบริเวณ U-Zone (แก้มและคาง) เลยใช้ตัวนี้ได้อย่างแฮปปี้

พอทาแล้วรู้สึกหน้าชุ่มชื้นมากๆอย่างที่บอก ว่ามันเหมือนมีความมันมาเคลือบที่ผิวไว้

สังเกตดูจะเห็นว่าผิวดูเงาและชุ่มมากหลังจากที่ทาครีมค่ะ

แต่ไม่ต้องกังวลว่าถ้ามันมากแล้วจะอุดตันนะคะ

เพราะเค้าบอกว่าตัวนี้เป็นสูตร Hypoallergenic, Non Comedogenic จึงอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดสิวคร้าบ

ตัวนี้สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานถึง72 ชม.เลยทีเดียว

ถ้าใครใช้ยารักษาสิวแล้วหน้าแห้งหรือลอกหนักๆตัวนี้เอาอยู่ฮะ

<<<< >>>>


เมว่าเหมาะสำหรับใช้ช่วงกลางคืนนะเพราะตื่นมาหน้าจะอิ่มดีมากๆ ไม่แห้งเลย

แต่ถ้าใช้ตอนกลางวันเมว่ามันยังมันไปหน่อย

ถ้าใครหน้าแห้งจริงๆแล้วจะใช้ตอนกลางวันอาจใช้ทิชชู่ซับความมันออกก่อนนิดหน่อย ค่อยเริ่มแต่งหน้าขั้นตอนถัดไป

ส่วนตัวเมเองตอนกลางวันจะลดปริมาณการใช้ลงมา และใช้เฉพาะส่วนที่แห้งจริงๆคือ U-Zone (แก้มและคาง)

บริเวณT-Zone (จมูกและหน้าผาก)ตอนกลางวันยังมีความมันบ้างอยู่ เลยเว้นไว้ค่ะ

ที่เมได้มาเป็นแบบเนื้อ Cream ซึ่งเหมาะสำหรับคนผิวแห้ง

แต่จริงๆเค้ามีเนื้อLotion ที่เหมาะสำหรับคนผิวมันค่ะ

ใครผิวมันแต่ขาดความชุ่มชื้นหรือผิวขาดสมดุลลองหาแบบ Lotion มาใช้ดูก็ได้จ้า

<<< >>>


ต้องขอบคุณStiefel ที่ส่งสกินแคร์มาให้เมลองใช้ค่ะมาถูกช่วงหน้าหนาวพอดีเลย คิคิ

วันนี้เมไปแล้วน้า

สวัสดีค่า




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2556 13:43:02 น.
Counter : 25564 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  

~May R
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2010 คน [?]




>>>>> <<<<<
jcaFkJ.png [280x100px] ฝากรูป QLImjM.png [300x150px] ฝากรูป yfz5xH.png [300x135px] ฝากรูป
New Comments