ชีวิตคนโรงแรม
ทุกเช้าเวลาแต่งหน้าก่อนออกมาทำงานจะนั่งดู เรื่องเล่าเช้านี้ของเฮียสอ และ คุณกุ๊กไปด้วย หลาย ๆ ข่าวทำให้เครียดแต่เช้า บางวันรู้สึกว่า ชีวิตจะเครียดไปไหน เปิดเพลงฟังเลิกดูข่าว สงบสุขไปได้ 1 วัน จนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ข่าวของพนักงงานต้อนรับโดนฆ่าที่ป้ายรถเมลล์ทำให้หดหู่ใจจริง ๆ เราทำงานโรงแรมแผนกต้อนรับส่วนหน้ามาก่อนเรารู้ว่าข้อจำกัดและเวลาการทำงานของคนโรงแรมต่างจากคนทั่วไปเยอะ เริ่มจากเข้างานเป็นกะ เพราะมีแขกเข้ามา Check in และ check out กับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไหนจะทำ Report ส่งยอดเรื่องรายได้และงานเอกสารอีกมากมาย โรงแรมโดยส่วนใหญ่มี 5 กะด้วยกัน กะเช้า เข้างาน 7.00 น. (ต้องแต่งหน้า ทำตัวสวย อ่าน Logbook และ check Arrival guest ของแต่ละวัน เรียบร้อยแล้ว) คนทำงานกะเช้าจะต้องตื่นกัน 04.30 - 05.00 เป็นอย่างต่ำ ออกจากบ้านต้องแต่ฟ้ายังมืด เงินที่เราเอาติดตัวไปไม่เยอะหรอกค่ะ 200-300บาท อย่างเก่ง ก็ 800-900 บาท เพราะเรามีข้าวทานที่โรงแรม จ่ายอย่างมากก็ค่าเดินทางมาทำงานเท่านั้น กะบ่ายเข้า 14.00 น. เลิกงาน 23.00 น. รถสาธารณะก็ไม่ค่อยมีแล้ว ถึงมีก็รอค่อนข้างนาน เพื่อนร่วมทางก็มีไม่มาก แถมหิวโซมาตั้งแต่ 22.00 น. เพราะอาหารมื้อเย็นย่อยหมดท้องไปนานมากแล้ว บางครั้งเราเลิกงานกะบ่าย ก็มีฝรั่งมาถามอีกว่า ยูจะไปกะไอมั้ย เด็กแผนกต้อนรับต้องภาษาแข็งแรง ตอบไปอย่างไม่เกรงกลัวว่า " No, please walk to another block, i'm not a Prostitude!!" กะดึกเข้า 22.30 เลิกงาน 07.30 น. กะ Cover ที่จะคอยช่วยเก็บงานของตอนเช้ากับตอนบ่ายเข้า 11.00 น. - 20.00 น. และ Split shift เป็นฝันร้ายของพนักงานสุด ๆ เพราะทำงานเป็นช่วง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแผนกอาหารและเครื่องดื่ม ตอนที่เราพยายามหางานใหม่ ๆ เราถามลูกค้าคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่างานจัดการประชุมยากมั้ยคะ กำลังสนใจอยู่ พี่ใจดีบอกว่า "น้องอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว อย่ามาทำเหมือนพี่เลย ได้แต่งหน้าแต่งตัวสวย ๆ ยิ้มทั้งวันดีแล้ว อย่ามาวิ่งไปวิ่งมาเหมือนพี่เลย" เรายิ้ม ๆ และขอบคุณเค้า สิ่งที่คิดในใจคือ "ถูกค่ะพี่ แต่งตัวแต่งหน้าสวย ๆ ยิ้มไป ยิ้มมาทุกวัน มันก็ดูดี จริง ๆ แล้วเข้าข่ายเก็บกดมากกว่า เพราะ 1. ต้องแต่งหน้าทุกวัน Standard Grooming นายจะมาตรวจทุกวัน ปากซีดหน่อยนายจะไล่เข้ามาใน Office เพื่อแต่งเติมให้ดูดี ชุด Uniform ต้องเนี๊ยบดูดี กิฟท์ติดได้แต่กิฟท์ดำ เพชรทั้งหลายเอาออกจากหัวให้หมดแถมบางโรงแรมยังต้องใส่ Netเพื่อให้ดูเรียบร้อยและเพิ่มอายุเข้าไปอีก รองเท้าคัชชูสีดำสูงอย่างน้อย 1 นิ้วไม่เกิน 2 นิ้ว ทำงานเดินไปเดินมา 8-9 ชั่วโมงต่อวันบนคัชชูมันเป็นอะไรที่เกินบรรยายจริง ๆ กลับมาบ้านต้องเอาขาพาดกำแพงเพื่อให้เลือดกลับขึ้นมาแถมหลับเป็นตาย 2. เราต้องยิ้มตลอดเวลาจริง ๆ ไม่ว่าวันนี้แขกจะด่าเรามาแล้วสัก 10 คน เราก็ยังต้องยิ้ม เพราะแขกท่านอื่น ๆ มาพบและเจอเราเป็นครั้งแรก First impression ต้องดีที่สุด แขกจะด่าก็ต้องฟังและพยักหน้าน้อย ๆ ห้ามยิ้ม เพราะแขกจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นไปได้ 3. สังคมของเราเล็กลงในทันที เข้ากะเช้าก็ออกจากบ้านไปก่อนคนที่บ้าน กะบ่ายกว่าจะถึงบ้านก็เที่ยงคืนเค้าหลับกันหมดแล้ว กะดึกเรานอนเค้าก็ตื่น พอเราตื่นเค้าก็นอน ชีวิตของเราจะมีแค่เพื่อนร่วมงานและที่บ้านเท่านั้น ทำงาน 5 วัน วันละ 9 ชั่วโมง 45 นาทีหยุด 2 วัน (สองวันที่หยุดก็หลับเพื่อ charge bat เพื่อกลับมาสู้ ๆ ๆ กับงานต่อไป) เพื่อนกลุ่มอื่นเค้าหยุดเสาร์อาทิตย์กัน เราหยุดวันธรรมดาบ้าง เสาร์บ้าง อาทิตย์บ้าง และไม่ได้หยุดวันเดิม ๆ ทุกเดือน 4. สวย ใสแต่ห้ามไร้สติเด็ดขาด บางครั้งเราต้องทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน กำลัง check in โทรศัพท์ดัง (ต้องรับภายใน 3 กริ๊งตามมาตรฐาน) แถมพี่ไกด์เดินมาฝากข้อความถึงแขก มีอยู่วันหนึ่งยุ่งตลอดทั้งบ่าย พี่ไกด์โทรมาฝากข้อความถึงแขก เราจดใส่กระดาษไว้ เก็บใส่กระเป๋า เพื่อส่งข้อความให้แขกเมื่อว่าง วันนั้น กรุ๊ปเข้าตอน 22.00 กำลังจะออกกะในอีกไม่กี่ชั่วโมง เข้ามาปิดงานการเงิน ถอดชุดจับกระเป๋าเสื้อ สวรรค์ช่วยด้วย ลืมส่งข้อความให้แขก วิ่งกลับเข้ามา Office ในชุดไปรเวทและรีบพิมพ์ส่ง ดีที่คิดได้ทัน พี่Manager บางคนเก็นเงินสด Deposit ไว้ในกระเป๋าสูท จะกลับบ้านก็ลืมส่งมอบให้เพื่อนคนที่เข้ากะต่อ เอาสูทใส่ locker ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเพื่อนโทรมาถาม เฮ้ย Deposit อยู่ที่แกไม๊แขกมา check out แล้วว่ะ เค้าจะเอาเงินคืนเดี๋ยวนี้ พี่คนนั้นบึ่งรถกลับโรงแรม วิ่งสู้ฟัดสุดชีวิต 5. ถ้าจะอ้วนกรุณาปรึกษาเจ้านายก่อน ชุด Uniform ของเรามีการวัดตัวตัดออกมาอย่างดี จะปรับเข้าเพราะผอมลงนั้นได้ไม่มีปัญหา จะขยายออก เพราอ้วนต้องขอนายก่อนเพราะนายไม่อยากให้อ้วนดูน่าเกลียด ก็แขกบางคนน่ารักมากไปเที่ยวไหนก็ซื้อขนมมาฝากเราเป็นถุง ๆ ช็อคโกแลตตั้งหลายบาร์ ไม่ทานก็กลัวแขกเสียใจ ทำงานเดินไปเดินมาตลอดเวลา หิวเป็นปอบลงก่อนเลิกงานเกือบทุกวัน แม้ว่าจะไม่ต้องมีการออกเอกสารแจ้งนาย แต่นายก็จะ "ช่วงนี้อวบขึ้นมั้ย ระวังด้วยนะชุดไทยจะปริเอาได้" กลายเป็นเรื่องขำ ๆ ไป 6. ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ไม่งั้นเจอ Security แขกผู้ชายบางท่านเห็นเราแต่งตัวดูดีก็เดินมาโอบไหล่ โอบเอวเราบ้าง จะวีนแตกเสียตรงนั้นก็ทำไม่ได้เด็ดขาด เราต้องเบี่ยงตัวออกช้า ๆ อย่างมีมารยาทและพูดกับแขกอย่างสุภาพ แขกบางท่านถึงขั้นจับของสงวน เราสามารถเรียก Security มาคุยกับแขกได้ทันที ให้ออกห่างจากเรา และสามารถแจ้งตำรวจเพราะแขกลวมลามได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานย่อมเหนื่อยและเจอเรื่องที่ไมถูกใจเราเป็นธรรมดา ไม่มีใครจ้างเรามาเพื่อให้เราสบาย การได้ทำงานในสิ่งที่เรารักและมีความสุขในทุก ๆ วัน ที่มาทำงาน นับว่าเป็นของขวัญที่มีค่ามาก นายมักจะบอกเสมอว่า "เข้างานก่อนหยิบ Uniform มาใส่ คิดให้ได้ว่าวันนี้เราจะต้อวงทำอะไรบ้าง หลังจากทำงานแล้ว เปลี่ยน Uniform ช่วยถามตัวเองด้วยว่าสิ่งที่ตั้งใจทำนั้น เราได้ทำหรือไม่ ถ้าทำแล้วทำได้ดีหรือไม่ เวลาแขวนชุดก็แขวนความไม่สบายใจต่าง ๆ ที่แขกด่า ที่เราทะเลาะกับแผนกใกล้เคียง ที่เราเถียงกับคนอื่นไว้ (ก่อนกลับต้องเคลียร์กันให้เรียบร้อยด้วย ไม่งั้นอาจจะมีตบกันหลังโรงแรม)" ทุกวันนี้กลับมานั่งใน Officeช่วยนายแล้ว เวลาที่เดินออกไปหน้า Lobby แล้วแขกมาถามเส้นทาง ถามข้อมูล ถามทางไปห้าง เรื่องท่องเที่ยว เราจะมีความสุขมากที่ได้คุยและช่วยเหลือแขก เราจะอธิบายอย่างละเอียด บางครั้งพาแขกเดินไปให้ถึงที่หมายด้วยซ้ำ เพราะบ้านของเรา เรารู้จักดีที่สุด ถ้าเราไม่ช่วยเค้า แล้วใครจะช่วย
Free TextEditor
Create Date : 03 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 3 ตุลาคม 2552 11:01:03 น. |
|
6 comments
|
Counter : 5181 Pageviews. |
|
|