Business, Management, Skill, Experiences--แลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปัน ประสบการณ์ บริหาร และอื่น ๆ
Group Blog
 
All blogs
 

"ลี ซุน-กยุน" พระรองจาก "Coffee Prince" สละโสดแล้วจ้า!

"ลี ซุน-กยุน" พระรองจาก "Coffee Prince" สละโสดแล้วจ้า!!


เพื่อนนักแสดงแห่ร่วมงานเพียบ

โดยเซาะเปีย









หากยังจำบทบาทของพระรองสุดเท่ห์ใน "Coffee Prince" หรือ "รักวุ่นวายของเจ้าชายกาแฟ" กันได้ จึงอยากจะรายงานความคืบหน้าของหนุ่มคนนี้ "ลี ซุน-กยุน" ไม่ใช่ผลงาน แต่เป็นข่าวดาราสละโสดต่างหาก !!


ใช่แล้ว... "ลี ซุน-กยุน" ผู้รับบทเป็นโปรดิวเซอร์เพลงหนุ่มมาดนุ่ม ที่เข้ามาทำให้ความรักของนางเอกสาววุ่นวายนั้น เพิ่งจะทำพิธีวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมากับ "จวน เฮย์-จิน" หลังจากคบหาดูใจกันมากว่า 6 ปี ที่ เอดับบลิว คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ห้องแกรนด์ บอลลูม






โดยมีเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงแห่แหนมาร่วมงานกันตามคาด ไม่เว้นแม้แต่ "แช จุง-อาห์น" และ "ยุน อึนเฮย์" เพื่อนนักแสดงจาก "Coffee Prince" แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีข่าวว่า คู่แต่งงานใหม่นี้อาจจะยังไม่สามารถไปฮันนีมูนได้ในช่วงนี้เพราะติดที่เจ้าบ่าวต้องถ่ายละครให้กับช่องเอ็มบีซี แต่ก็ยังมีข่าวดีคือทั้งคู่ก็ประกาศเปิดอู่ พร้อมจะมีลูกทันทีเลย


ที่มา: //www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1243308622&grpid=01&catid=08




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 11:50:32 น.
Counter : 2929 Pageviews.  

เมื่อ “แฟน” เรา ไปเป็น “ผัว” คนอื่น


เมื่อ “แฟน” เรา ไปเป็น “ผัว” คนอื่น






เป็นเรื่องที่ใครเจอกับตัวเป็นต้องอึ้งและเหวอเลยทีเดียว สำหรับประเด็น “เมื่อแฟนเราไปเป็นผัวคนอื่น” โถ ! ฟังแค่ชื่อเรื่องก็แรง...ง...แล้ว ของแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวก็ไม่มีทางรู้ แหม ! แฟนที่คอยหยอกล้อต่อกระซิกกับเราอยู่ทุกวี่วัน จู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็ไปจดทะเบียนสมรสเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคนอื่นซะงั้น ผู้หญิงเราต่อให้จิตใจแข็งแกร่งยังไงก็คงจะรับไม่ไหว วันนี้ “แซสซี่ เกิร์ล” เลยจะไปถามความเห็นจากคุณสาว ๆ ทั้งหลายว่าถ้าพวกเธอเจอเหตุการณ์แบบนี้จะรู้สึกยังไงบ้าง

เริ่มที่ เมย์ เฟื่องอารมย์ เผยว่า “อืม ! เครียดเลยนะ ก็คงช็อก แต่ก็คิดในแง่ดี ถ้าเรารักเขา ถ้าเขาได้สิ่งที่ดี เขาเลือกอะไรที่ถูกแล้ว เราก็ทำใจ ถึงแม้จะต้องช็อกและเสียใจ แต่ก็ตั้งสติและแสดงความยินดีกับเขาดีกว่า ถามว่าคิดจะเคลียร์หรือถามเขามั้ย ถ้าขนาดนั้นคงไม่ต้องเคลียร์อะไรแล้ว ถ้าถึงขั้นจดทะเบียนกับคนอื่น มันคือที่สุดแล้วนะ คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันเป็นการตัดสินใจของเขา เขาอาจจะมีเหตุผลของเขา เราก็ไม่อยากไปต่อว่า ว่าเขาไม่ดี เราก็ไปมองโลกในแง่ดีและทำชีวิตให้ดีขึ้นดีกว่า”

ด้าน เบสท์- อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์กล่าวว่า “โฮ ! ถ้าเจอแบบนั้น ก็คงจะ ช็อกและ ก็อึ้ง ไปเลย ลำพังแค่เขาบอกเราว่าเขาไม่มีใคร แต่จู่ ๆ ไปควงสาวอื่นเราก็เสียใจแย่แล้วนะ แต่นี่ถึงขั้นไปจดทะเบียนเลย เราก็คงเสียใจมากและคงต้องปล่อยให้เขาไปตามทางของเขา แต่ก่อนเลิกกันก็คงจะถามว่าเขาทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อตัวเขาเองก็จะแต่งงานกับคนอื่นอยู่แล้ว เขาเห็นเราเป็นอะไร ก็จะถามไปเลยว่าเขามาคบกับเราทำไมต้องการอะไร ถามให้เคลียร์ไปเลย ดีกว่ามานั่งคาใจกันนะและไม่รู้อะไรเลย ก็จะถามเขาเลยว่าไม่คิดถึงหัวอกเราบ้างเลยเหรอ”

ต่อกันที่ มด-กัลยา จิรชัยศักดิ์เดชาเผยว่า “ก็คงจะเสียใจสุด ๆ รู้สึกเหมือนโดนหลอกและถูกสวมเขา มันเหมือนกับว่าเราก็เป็นเจ้าของ กันและกันแล้ว เราก็คบเขาเป็นแฟน ซึ่งคำว่า “แฟน” มันเหมือนเรามีซึ่งกันและกันแล้ว ไม่ควรจะโกหก ควรจะซื่อสัตย์ต่อกัน ถ้าคบ เราอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ไปแต่ง งานกับคน อื่นมันยิ่ง กว่านอกใจอีกนะ เหมือนถูกตบหน้าเลย ก็คงจะอโหสิกรรมนะ แต่ก็คงไม่มีวันลืม ไม่ต้องไปนั่งเคลียร์อะไร แล้ว เพราะเขาแต่งงานไปแล้ว เรื่องก็จบในตัว แต่ก็ถือซะว่าโชคเรายังดีที่โดนหลอกแค่นี้ ไม่ต้องโดนหลอกตลอดไป”

ฟาก แอริน-สิรีภรณ์ ยุกตะทัตกล่าวว่า “ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้คงต้องวีนกันสักตั้งนะ เราก็คงเสียใจมาก ทั้ง ๆ ที่กำลังคบเราอยู่แท้ ๆ แต่วันหนึ่งโผล่ไปแต่งงานกับคนอื่นเฉยเลย แต่ก็ขอเคลียร์ก่อนนะว่าเพราะอะไรทำไมถึงทำกันแบบนี้ แต่ถ้าคิดในอีกแง่หนึ่งเกิดเราทนฟังคำตอบไม่ได้ก็จะไม่ถามเลย เป็นฝ่ายหนีไปเอง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น เพราะยิ่งฟังจะยิ่งเจ็บเปล่า ๆ ปล่อยให้มันเป็นปริศนาดำมืดต่อไป แต่เราก็คงเกลียดเขาใช้ได้เลย เพราะแอเชื่อว่าฝ่ายชายก็คงไม่มีเหตุผลที่ดีพอจะมาตอบเรา”

ปิดท้ายที่ วิว-วรรณรท สนธิไชย เผยว่า “เจออะไรแบบไม่รู้ตัวแบบนี้ คงงงและผิดหวัง ก็อย่าไปคบคนแบบนี้อีกเลย ถ้าถามวิว วิวเป็นคนพูดน้อยก็คงจะไม่ถามอะไรตัดเขาไปเลยดีกว่าในเมื่อเขาไม่ดีกับเรา เคลียร์ไปมันก็เท่านั้น ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องจบ เพราะเขาเองก็ไปแต่งงานกับคนอื่นแล้ว ถามว่าจะเกลียดคน ๆ นี้ไปเลยมั้ย ไม่เกลียดนะก็ถือว่าเขาไม่ใช่คู่เรา ถ้าเขาทำแบบนี้แสดงว่าเขารักคน ๆ นั้นก็ปล่อยเขาไปดีกว่า”.

แซสซี่ เกิร์ล



ที่มา: //www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=199895&NewsType=1&Template=1




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2552 22:49:10 น.
Counter : 396 Pageviews.  

การเลือกซื้อเสื้อชั้นใน


การเลือกซื้อเสื้อชั้นใน



((( เอามาฝากสาว ๆ โดยเฉพาะ ... 555 อย่าคิดว่าผมจะใช้เองนะครับ )))


ใครที่กำลังจะซื้อเสื้อชั้นในใหม่ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเคล็ดลับในการเลือกซื้อเสื้อชั้นในมาฝาก...

- ลองเสื้อชั้นในก่อนซื้อทุกครั้ง เลือกตัวที่กระชับพอดี และอย่าซื้อเสื้อชั้นในเพียงบอกไซส์ เพราะแต่ละแบบ แต่ละทรง จะออกแบบมาไม่เท่ากัน หรือไม่เหมาะกับทุกคน

- การเลือกซื้อเสื้อชั้นในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน อาจจะได้ขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ

- เสื้อชั้นในที่พอดี ระดับตะขอ (หลัง) ควรอยู่ใต้กระดูกสะบักหลัง ถ้าสูงหรือต่ำลงมาควรเลือกขนาดใหม่

- หากสวมเสื้อชั้นในแล้วไม่สามารถสอดนิ้วเข้าไปในร่องอกได้ แสดงว่าเสื้อตัวนั้นคับเกินไป

- หากมีรอบอกระหว่าง 34-48 นิ้ว ควรเลือกซื้อชนิดที่มีฐานใต้โครงอก และเสื้อชั้นในแบบตะขอหน้า จะทำให้หน้าอกได้รูปสวย

- สุดท้ายเลือกเสื้อชั้นในที่มีเนื้อนุ่ม ยืดหยุ่นสบาย

ครั้งหน้าถ้าจะซื้อเสื้อชั้นใหม่ อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปเลือกซื้อเสื้อชั้นในให้ถูกใจกันได้.





ที่มา: //www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=74100&NewsType=2&Template=1





 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2552 22:41:27 น.
Counter : 334 Pageviews.  

โรคของการเป็นคนดัง

วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11394 มติชนรายวัน


โรคของการเป็นคนดัง





การเป็นคนดังไม่ใช่ได้มาเฉพาะชื่อเสียง เงินทอง หรือคนนับหน้าถือตา อย่างที่เห็นกัน "ชัดๆ" แค่นั้น เพราะในความเป็นจริงพวกเขาต้องได้ของแถมอย่างอื่นมาพร้อมๆ กันด้วย


ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างที่ "เสก โลโซ" หรือ "เสกสรร ศุขภิมาย" ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขาเคยมีอาการ "(ร็อค) สตาร์ซินโดรม" รู้สึกกดดันกับชื่อเสียงและสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาหา ซึ่งกว่าจะเข้าใจ ยอมรับ และกลับมาใช้ชีวิตแบบจิตใจไม่วุ่นวาย กลายเป็นเสกคนเดิมได้ ก็ต้องอาศัยคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


นี่ไม่ใช่เรื่องประหลาดเลย


เพราะในต่างประเทศก็มีปรากฏการณ์ที่คนดังมาก-มากหลายคนเครียดจากชื่อเสียง บางคนไม่สามารถปรับตัวทันกับความเปลี่ยนแปลง บางคนหวาดกลัวทั้งกับการมีชื่อเสียงและการสูญเสียชื่อเสียง จึงมีคำศัพท์เรียกชื่ออาการแบบไม่เป็นทางการว่า "สตาร์ซินโดรม" บางคนเป็นหนักถึงขั้นมีแนวโน้มจะใช้สารเสพติดและดื่มเหล้าเพื่อผ่อนคลายและหลีกหนีแรงกดดันดังกล่าว รายอาการหนักมากๆ ก็มีแนวโน้มจะเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร จากการใช้ยาเกินขนาด หรือไม่ก็จากการฆ่าตัวตาย



ร็อคสตาร์ที่เป็นโรคนี้ก็คือ "เคิร์ท โคเบน" นักร้องนำวง Nirvana มีชื่อเสียงขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืนจากอัลบั้ม "Nevermind" และเพลงฮิตอย่าง "Smell Like Teen Spirit" ซึ่งปลุกกระแสเพลงกรั้นจ์และอัลเทอเนทีฟไปทั่วโลก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกพบว่าเสียชีวิตจากการยิงตัวตายที่บ้านของตัวเอง ในจดหมายลาตายที่ทิ้งไว้บอกว่าเขาไม่มีความสุขกับการมีชื่อเสียงและการที่มีผู้คนชื่นชมเวลาแสดงคอนเสิร์ต เขาไม่อยากเล่นดนตรีอีกต่อไป แต่ก็เลิกไม่ได้ จึงเลือกทางออกสุดท้ายเป็นการฆ่าตัวตายและถูกจดจำไปเมื่อปี พ.ศ.2537


นักร้องเพลงร็อคอีกคนที่เข้าข่ายเดียวกันก็ "ซิด วิเชียส" มือเบสวง Sex Pistol รวมถึง "จิม มอริสสัน" นักร้องนำวง The Door ซึ่งจากไปเพราะการเสพยาเกินขนาด ส่วนพวกที่เข้าข่ายเหมือนกันแต่รอดมาได้ มีทั้ง "เดอะ โรลลิ่ง สโตน" ทั้งวง เจ้าพ่อเพลงร็อคอย่าง "ออสซี่ ออสบอร์น" ก็เป็น "สตีเฟ่น เทเลอร์" กับ "โจ เพรี่" จาก แอโรสมิธ ก็ใช่ รวมไปถึง "เรด ฮอต ชิลลี่ เปบเปอร์" ด้วยเช่นกัน


บางคนซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆ และถูกเม้าธ์ว่าเข้าข่าย ก็อย่าง "บริทนี่ย์ สเปียร์ส" ที่ชอบเที่ยวและมีปาร์ตี้สุดเหวี่ยง โกนหัว รวมถึงเกิดอาการสติแตก "ไมเคิล แจ๊คสัน" ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆ มากมายนั่นก็ด้วย

"ถ้าเรารู้ว่าชื่อเสียงไม่จีรัง ก็อาจจะพอช่วยได้นะ" นี่ "ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ" คนดังของบ้านเราบอก ก่อนจะออกตัวว่าอย่างไรก็ดีชื่อเสียงที่เขามีก็แค่ระดับหนึ่ง ไม่ถึงขั้นระดับ "สตาร์"


อย่างไรก็ตาม เขาว่า สิ่งที่ควรทำสำหรับคนที่เข้ามาวงการนี้ ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงแค่ไหนก็คือ ต้องจำไว้ว่าวันหนึ่งเราดังได้ อีกวันก็อาจจะตกได้เหมือนกัน ฉะนั้นจึงต้องมีสติและพร้อมจะรับมือ


ขณะที่ "มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" บอกว่า คนเป็นผู้กำกับฯหนังอย่างเขา คงยากที่จะเกิดภาวะอย่างนั้น เพราะสภาพที่เป็นอยู่คือแม้ผลงานจะเป็นที่ยอมรับขนาดไหน แต่คนเบื้องหลังคงไม่มีโอกาสโด่งดังชนิดต้องคอยรับมือกับชื่อเสียงมากมายที่เข้ามา แต่ถ้าให้พูดจากประสบการณ์เกี่ยวกับชื่อเสียงที่พอมี เขาก็ว่า


"ถ้าเราคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอ แล้วคิดว่าความสำเร็จที่ได้มา เป็นแค่ตอนนี้เท่านั้น เรายังต้องทำงานต่อไปเรื่อยๆ และอาจจะประสบความสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ก็น่าจะพอช่วยด้วย"



ที่มา: //www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01ent01210552§ionid=0105&day=2009-05-21




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2552 18:21:29 น.
Counter : 450 Pageviews.  

สัญญาณเตือนภัยว่าแฟนมีกิ๊ก

สัญญาณเตือนภัยว่าแฟนมีกิ๊ก



ใช่มะ ว่า "การนอกใจ" เป็นปัญหาสุดฮอตฮิตของคู่เลิฟ ที่ลองเอาไปถาม "คนมีแฟน" เมื่อไหร่ละก็ ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองนอกใจไปมีกิ๊กมีก๊อกทั้งนั้นแหละว้า เพราะขืนรู้ขึ้นมาสิว่า แฟนปันใจไปให้คนอื่นคนไกล (หรือที่จริงใกล้ตัวเค้า) ละก็

นอกจากอีกฝ่ายจะเจ็บกระดองใจจนสุดเฮิร์ตและขาดความมั่นใจชนิดเกือบกู่ไม่กลับแล้ว ดีไม่ดีไอ้เรานี่แหละกลับต้องมานั่งใคร่ครวญเหมือนคนฟุ้งซ่าน ว่าตัวเองไม่ดีตรงไหนฟะ เค้าถึงใจจืดใจดำไปมีคนอื่นได้ลงคอ แถมยังอยากตีตัวออกห่างแฟน (ตัวจริง) เพื่อไปอี๋อ๋อออเซาะกะคนอื่นเป็นงั้นไป

โอ๊ย...คนเจ้าชู้หลายใจก็มักทำให้คู่รักเฮิร์ต (เจ็บปวด) แบบนี้แหละ แทนที่เค้าอยากจะสำเริงสำราญกับแฟนก็ไม่หรอก อยากไปลิงโลดกับกิ๊กคนที่เท่าไหร่ก็ม่ายรุของมันมากฝ่า

คำถามคือ หากใครมีแฟนแล้ว แล้วคุณกล้าบอกแฟนตามตรงรึเปล่าว่านอกใจไปมีคนอื่นน่ะ? เอ้า ลองไปถามตัวแทนของฝ่ายหญิงก่อนละกัน น้องตุ้ม วัย 20 เศษ ยืนยันว่ายังไม่เคยนอกใจแฟนนะ แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวละก็ "เรื่องไรจะบอกเค้าล่ะเพ่ แต่น้องว่านะ ถ้าตัวเองจะนอกใจเค้าละก็ แสดงว่าเค้าต้องทำกะหนูก่อนแหง"....โอ๋ โอ๋ อย่าเพิ่งใจแป้วตูมตามไปก่อนสิจ๊ะ

ส่วนน้องบุ๋ม วัย 31 ปี พูดไว้น่าคิดแฮะว่า เรื่องเจ้าชู้หรือนอกใจน่ะเหรอ ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงไม่ค่อยเป็นกันหรอก "จะทำงั้นทำไมล่ะ ถ้าแฟนเค้าเอาใจใส่เราดีอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว เชื่อดิ่" เออ...น่านน่ะสิ ถ้าแฟนรักเราจริงและยังดีกะเราอยู่ แล้วจะนอกใจไปหาอะไรเนอะ

งั้นให้ฝ่ายชายพูดมั่ง คุณเอ ท่าทางเป็นหนุ่มทันสมัย วัย 26 ยอมรับว่า การนอกใจแฟนน่ะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างนึง ที่ใครๆก็สามารถเผลอใจได้ "แต่ถ้าหากจะให้บอกแฟนตามตรงว่า ผมนอกใจเธอ คงไม่ทำงั้นหรอก ของแบบนี้ใครจะบอกกันตรงฮ่ะ ยกเว้นพวกอยากเลิกกันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยนั่นแหละ ถึงกล้าล่ะ" น่านน่ะสิ ขืนกล้าพูดก็แสดงว่ากล้าเลิกกันแหงๆ

ด้านคุณอาร์ม วัย 30 เศษ ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าผู้ชายนอกใจ ส่วนใหญ่แฟนสาวจะมีเซนส์ (ความรู้สึก) รับรู้ได้เองแหละว่าเค้ากำลังมีคนอื่น "ไม่ต้องให้บอกร้อก รับรองหล่อนรู้แน่ เพียงแต่จะ พูดว่า เธอรู้รึเปล่าเท่านั้น" แหม...เรื่องคอขาดบาดตายหยั่งงี้ถ้าเซนส์และลางสังหรณ์ไม่ดีก็แย่อ่ะดี้

ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงอยากตั้งข้อสังเกตเท่านั้นแหละว่า มีสัญญาณอะไรบ้างน้อที่บอกได้ว่าแฟนคุณกำลังมีกิ๊ก เช่น...

1. เบื่อหน่ายและไม่อยากคุยกับแฟนตัวจริง เป็นสัญญาณ อ.ต.ร.อันตรายอย่างนึงนะถ้าเค้ายังแสดงอากัปอาการว่าสนใจแฟนมากๆละก็ เค้าต้องอยากคุย, อยากใกล้ชิด และอยากหนุงหนิงกะแฟนซี ไม่ใช่เห็นหน้าแฟนแล้วเซ็ง หนำซ้ำยังทำหน้าทำตาคล้ายไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากพูดจาฉอเลาะต่อกระซิกด้วยเหมือนเก่า แล้วหันไปคุยกับเพื่อนอย่างเมามันแทน แถมถ้าทุกเย็น เค้าก็เอาแหละ อ้างว่ามีนัดสังสรรค์กะเพื่อนจึงไม่ค่อยกลับไปทานข้าวที่บ้าน เอ๊ะ...อย่างนี้ก็น่าสงสัยใช่มะ ว่าที่แท้แอบไปดู๋ดี๋จู๋จี๋กะกิ๊กซะละมั้ง

2. นัดกะแฟนแล้วชอบผิดนัดประจำก็คนเค้าไม่อยากสนใจไยดีกันแล้วนี่ แล้วจะให้เค้าจำเรื่องนัดเนิดกะแฟนไปทำมั้ย ฟังแล้วไม่เห็นซู่ซ่าเหมือนนัดกะกิ๊กเลย โห...เวลานัดกะแฟนตัวจริงน่ะทำเป็นอัลไซเมอร์ แต่พอนัดกะกิ๊กแล้ว โอ๊ย...โคตรกระตือรือร้นไปตามนัดเลย แถมยังไปตรงต่อเวลาซะด้วยดิ่

อย่างว่า แฟนมันเก่าเหลาเหย่ แต่กิ๊กยังเอ๊าะแถมหน้าใสไร้ริ้วรอยมาตอแย งี้ยังให้ฟันธงอีกเรอะ ว่าเค้าอยากเจอใครมากกว่ากัน...เชอะ เมื่อไหร่โดนกิ๊กทิ้งแล้วจะรู้สึ้ก!

3. อยู่กะแฟนก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ แล้วอ้างว่างานยุ่งหรืองานเยอะ จึงทำท่าสะดิ้งตีตัวออกห่าง สุดท้ายก็ห่างเหินกัน เค้าไปทาง แฟนก็ไปอีกทาง แต่ทางที่เค้าไปน่ะมีกิ๊กรอออเซาะเค้าอยู่น่ะซี อย่างว่า ในเมื่อเขามีคนอื่นซุกไว้ ใจก็ลอยไปหาทางโน้นแหละ จะให้มาคลุกอยู่กะแฟนได้ไง ในเมื่อใจยังไม่อยากอยู่เล้ย

4. เค้าไม่ยอมรับโทรศัพท์ใกล้ๆแฟนตัวจริงเด็ดขาด เพราะเกรงว่าแฟนจะได้ยินคำสนทนาที่หยอดคำหวาน และหยอดคำอ้อนระหว่างเค้ากับกิ๊กน่ะสิ ตรงข้ามถ้าเผื่อเป็นโทรศัพท์ของที่ทำงานโทร.มาสอบ ถามอะไรเค้าสักอย่างดิ่ นั่นแหละถึงเป็นข้อยกเว้นที่เค้าจะคว้าโทรศัพท์แล้วเดินมาคุยโขมงโฉงเฉงข้างๆแฟนเลยเชียวล่ะ...อ่ะ ทำไมต้องเป็นงี้เรอะ ก็เค้าอยากโชว์แฟนให้รู้ไงว่า เป็นคนมุ่งแต่งาน แหม...พองานเข้าล่ะอยากโชว์ แต่หากกิ๊กโทร.มาเมื่อไหร่ ถ้าอยู่กะแฟนก็จะทำเป็นไม่รับซะงั้น

5. โกหกได้สารพัด เพื่อหลบเลี่ยงไปหากิ๊กบางทีอาการขี้จุ๊ ตอนแรกก็ไม่เนียนหรอก แต่พอทำบ่อยๆ บวกกับแฟนก็ดันใสซื่ออีกต่างหาก จึงคิดไม่ถึงนี่หว่า ว่าเค้าจะโกหกได้หน้าด้านๆ ด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้าหนีไปกกกิ๊กสบายแฮ ดังนั้น พอโกหกแฟนได้ครั้งนึง เชื่อดิ่ เดี๋ยวเค้าจะยิ่งติดใจมุสาวาจาอีกแหงๆ ถ้าตราบใดแฟนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันซะอย่าง ทีนี้ล่ะ วันหยุดนักขัตฤกษ์ก็อย่าหวังว่าเค้าจะอยู่บ้านเป็นแฟมิลี่แมนนะยะ

6. พวกชอบนอกใจอาจหันมาใช้กลยุทธ์หันมาทำดีกะแฟน ก็มีเพื่อให้แฟนตายใจไว้ก่อน ว่าใจเค้าไม่เคยลดเลี้ยวเคี้ยวคด จึงพยายามเอาอกเอาใจแฟนแบบขอไปที แต่ความจริงน่ะอยากไปซบกิ๊กมากกว่ากอดอีแก่ที่บ้านซะอีก เฮ่อ นี่ละฮ้า....พวกไม่ซื่อสัตย์กะแฟนก็เป็นงี้แหละ.

@ @ @

เมอร์ลิน



ที่มา: //www.thairath.co.th/content/life/6405




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 10:50:25 น.
Counter : 390 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

byonya
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




I am not a perfect, but simple!

 
 
Custom Search



 
 

Website น่าสนใจ  
 
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท

เว็บการศึกษา Eduzones.com

Business Web Directory .biz - Business Directory
 


Word of the Day

This Day in History

Quote of the Day

Hangman




Friends' blogs
[Add byonya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.