สนใจเข้าร่วมเป็นผู้รับเหมากับเอดีดี

แนะนำช่างฝีมือดี รับผิดชอบงาน ,รับสมัครช่างเพิ่ม ,ให้มีความมั่นคงในอาชีพ - รับสมัครผู้รับเหมา - เพื่อสร้างผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง-ต่อเติม-รีโนเวทบ้านน้ำดี ที่มีศักยภาพ - เอ ดี ดี เปิดรับผู้สนใจเข้าร่วมธุรกิจ ขยายกิจการอย่างมั่นคง

 

 

 

 

 




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2555 20:45:39 น.   
Counter : 588 Pageviews.  


ลูกค้าต้องได้งานตามหลักวิศวกรรม ต้องได้โครงสร้างที่แข็งแรง

.... ข้อเท็จจริงของภาพรวมสภาพแวดล้อมด้านแรงงานของประเทศเราในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมานั้น แรงงานระดับล่างเริ่มหายาก

ช่างที่ทำงานดี ไว้วางใจได้ มีความรับผิดชอบนั้นปกติก็หายากอยู่แล้ว หากไปอ้างอิงภาพรวม ที่อัตราการว่างงานปัจจุบันอยู่ที่ 1 %

ก็ยิ่งสะท้อนปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่าง โดยเฉพาะสายงานช่างให้ดูจริงจัง และ ปัญหานี้น่าจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น .. แม้มีแรงงานต่างด้าวก็ตาม

การจัดการเรื่องคนไม่ว่าในสาขาอาชีพใดก็ตามโดยปกติก็มิใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นเรื่องคนในสายงานช่างรับเหมาก่อสร้าง-ก็ยิ่งจะทวีความยากขึ้นอีกหลายเท่า


- เอ.ดี.ดี.ตระหนักถึงปัญหานี้ ดังนั้นก่อนจะตกลงเซ็นต์สัญญารับทำงานให้ลูกค้า

เอ.ดี.ดี.จะคำนึงถึงความสามารถของทีมช่างประจำของเรา และ ความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย กับ ลูกค้าเป็นอันดับแรก

การพิจารณาที่จะรับทำงานใดๆให้กับลูกค้าก็ตาม ต้องมีความแน่นอน ว่าจะรับผิดชอบงาน รับผิดชอบความเสี่ยงแทนลูกค้าทั้งหมดได้ตลอดรอดฝั่ง

ต้องสามารถรับผิดชอบให้ได้ผลงานที่ดี มีมาตรฐาน จบงาน และ ส่งงานได้เรียบร้อย ทันเวลาตามสัญญาที่ตกลงกันไว้

ไม่ใช่โลภ มองเพียงตัวเลขราคา โวลุ่ม รายได้ ปริมาณงานมากน้อย หรือ ผลกำไร.. โดยรับงานมากๆแล้วใช้วิธีตัดจ้างเหมาช่วงต่อ


- เพราะกำลังคนของเราไม่มาก บางช่วงเวลาของปีอาจทำให้ท่านต้องรอคิวนาน แต่ถ้าสบายๆ ก็บอกเล่าปรึกษา คุยกันไว้ได้ครับ

ในฐานะตัวแทน เอ.ดี.ดี. ผมยินดีให้ความเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่อง Renovate บ้าน และ ก่อสร้างต่อเติม กับ ทุกท่าน

หากต้องการจะปรึกษาหารือ จะติดต่อเราไปทำงาน หรือ ให้ความเห็นในงานที่ผมทำ e-mail / โทรคุยกัน อย่างเป็นกันเอง


เข้าเว็บไซต์ หน้าแรก thaiadd.net คลิ้ก => //www.pantown.com/group.php?display=content&id=16770&name=content271&area=4

 

 

เว็บไซต์ //www.thaiadd.net ไทย.เอ.ดี.ดี. ดอท.เน็ท ..เราเป็นทีมงานเล็กๆมีกำลังไม่มาก เมื่อเทียบกับสังคมมหานครโตเดี่ยวอย่างกรุงเทพฯและ พื้นที่รอบๆ

ด้วยกำลังช่าง กำลังคนในทีมเท่าที่อยู่ประจำกันมานาน จึงรับงาน และทำให้เสร็จไปทีละหลัง.. - ถ้าตกปากรับคำใครไปแล้วว่ารับงาน นั่นหมายความว่า จะต้องแจ้งผู้ที่ติดต่อมาภายหลัง..ว่าเราไหวแค่ไหน..การเหยียบเรือสองแคม หรือ ใช้วิธีบริหารจัดการ โดยการรับงานไว้ก่อนแล้วสลับช่างวนไปวนมา-โน่นนี่ แน่นอนว่าจะมีรายได้มาเป็นเงินหมุนเวียนได้มาก / แม้ว่าจะพอทำได้แต่ เอ.ดี.ดี.ไม่เลือกวิธีนั้น ที่ไม่เลือกทำก็เพราะเป็นการทำงานโดยประมาท เป็นการทำงานอย่างไม่มีความสุข..ลูกน้องในทีมจะกดดัน และ เครียด งานที่ทำก็จะออกมาแบบรีบๆให้เสร็จๆไป..ไม่มีเวลาเก็บงานให้ลูกค้าอย่างรอบคอบ และ แน่นอนว่าพอสลับหมุนช่างไม่ทันก็จะกระทบกับงานของลูกค้า ทันที ..

ท่ามกลางราคาวัสดุที่แพงขึ้นตามราคาน้ำมัน การตกลงราคากันอย่างเข้าใจ ไม่คาดหวังว่าจะได้ของดี-ราคาถูก ๆ หากงานที่ท่านประสงค์จะให้ทีมช่างของเอ.ดี.ดี.ไปรับทำนั้น - เป็นงานที่ทีมช่างของเรามีความพร้อมที่จะรับทำได้ และ ท่านเข้าใจเรื่องการปรับ การยืดหยุ่นเรื่องเวลาได้บ้าง คิวงานไม่เร่งรีบเกินไป อาจโทรพูดคุยหารือกันไว้ก่อน - พอเรียนให้ทราบตรงไปตรงมาแบบนี้ หลายท่านบ่นว่า , เอ.ดี.ดี. เรื่องมาก,ราคาก็สูงกว่าช่างแถวบ้าน? ขั้นตอนเยอะ,ให้ไปตีราคาหน้างานก็ไม่ไป .. คิวยาว, ตัวเองไม่ว่างขอให้ช่วยแนะนำช่างอื่นก็ไม่ได้ ( อันนี้ต้องขออภัยอย่างสูงครับ-แนะนำให้ไม่ได้จริงๆ) เพราะ เมื่อ เอ.ดี.ดี. ตกลงรับทำงาน ก็จะทำให้ดี โดยเน้นการทำงานจนจบงานให้ลูกค้าเรียบร้อยที่ละหลังๆไป ถ้าไม่แน่ใจเรื่องคิวเรื่องเวลาก็จะแจ้งท่านตรงๆว่า ไม่สามารถรับทำงานให้ท่านได้ - ให้เราทำอย่างนี้ต่อไปเถอะครับ..

ในคนทุกอาชีพความผิดพลาด หลงลืม เกิดขึ้นได้ ตลอดเวลา " ผู้รับเหมาทุกราย ..ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด ไม่มีใครดีเลิศ จนใสสะอาดบริสุทธิ์แบบไร้ข้อตำหนิ, ยิ่งทำงานมามาก-ยิ่งคร่ำหวอดในวงการมานาน-ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มจำนวนความผิดพลาด..บาดแผล ร่องรอย ของการผ่านอารมณ์คน ผ่านอุปสรรคหลากหลายชนิดหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่า - ผู้รับเหมาที่ท่านคัดเลือกมาทำบ้านให้กับท่านนั้น..เขาจัดการกับความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นอย่างไร ? - ทิ้งงานไป หรือ อดทนแก้ไข รับผิดชอบให้กับท่านจนส่งงานได้เรียบร้อย .. งานก่อสร้าง-ต่อเติมบ้าน , รีโนเวทบ้านนั้น ไม่มีทางที่จะทำงานให้ได้ 100% การได้ทีมช่างมารับผิดชอบงานได้ 80-90 % ก็ถือว่าได้งานในระดับที่ดี .. ในฐานะกลุ่มคนทำงาน ทีมงานของ เอ.ดี.ดี. ก็เป็นมนุษย์ธรรมดา ที่มีอารมณ์ และ เหตุผลตามพื้นความรู้ที่มี ไม่ได้ใสสะอาดบริสุทธิ์ดีงามขนาดที่ทนกับอะไรต่ออะไรของลูกค้าได้ทุกอย่าง หรือ มีผลงานยอดเยี่ยมจนไม่เคยผิดพลาดเลย เอ.ดี.ดี. หวังอย่างยิ่งว่า ท่านจะคัดเลือก จนได้พบกับผู้รับเหมา หรือ ช่างรับเหมา ที่เหมาะกับท่าน

 

..สำหรับผู้กำลังหาช่าง หาผู้รับเหมา หากได้เลือกทีมช่างที่ดูแล้วน่าจะผิดพลาดน้อยหน่อย ก็อาจจะต้องเผื่อใจไว้ครึ่งๆ - แรกๆอาจจะรักกันดีอะไรก็ดูสดใสไปหมด , แต่พอทำงานไปสักพัก ทั้งสองฝ่ายก็จะแสดงนิสัย/ตัวตนที่แท้จริงออกมา บางกรณีก็อาจมาจากความเห็นของบุคคลที่สาม ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ประนีประนอม เอาใจเขามาใส่ใจเรา มีน้ำใจต่อกัน ก็อาจจะทะเลาะกัน โกรธกันรุนแรง จนไม่มองหน้ากัน - เพราะ เรื่องกิเลส ความโลภ การยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของคนนั้นมีให้เห็นได้บ่อย สุดท้ายความสัมพันธ์ที่เคยดีๆกันก็พังทลาย

การคัดเลือก สรรหา ช่าง หรือ ผู้รับเหมา เพื่อว่าจ้างมอบหมายให้จัดการงานก่อสร้าง เป็นการทำข้อตกลงจ่ายเงินล่วงหน้าให้เขาไปรับผิดชอบงานทั้งหมดแทน

-วิธีการดูผู้รับเหมาที่รอบคอบนั้น ผู้ว่าจ้างทุกท่านควรตรวจสอบข้อมูลของผู้ที่จะเลือกมาทำงานให้มั่นใจ ควรรู้แบคกราวน์ , ผลงาน ประวัติการทำงาน เพื่อประกอบการตัดสินใจ.. อย่างน้อยการไปดูไซต์งานปัจจุบันที่เขากำลังทำอยู่ ก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ( ช่วงนี้ช่างที่ดีไม่น่าจะ-ว่างพอดี )

..หากท่านสนใจผลงานของ เอ.ดี.ดี. - ลองใช้เวลาดูข้อมูลของพวกเราในเว็บไซต์ให้ทั่ว - ถ้าพอยอมรับได้ ก็โทรคุยเรื่องคิวงานกัน- แม้ว่าในบางช่วงไม่สามารถรับทำงานให้ท่านได้หากท่านจะปรึกษา ถ้าเป็นเรื่องที่เคยรู้ เคยผ่านงานมาบ้างยินดีให้ความเห็น

แต่ ถ้าเป็นเรื่องการประเมินราคา ขออนุญาติไม่ตอบ เพราะต้นทุนค่าดำเนินการของผู้รับเหมา แต่ละราย แต่ละบริษัทฯมีต้นทุนต่างกัน ..

- : - เกี่ยวกับคิวงาน - : -

ไซต์งาน เอ.ดี.ดี ที่เพิ่งแล้วเสร็จ

ไซต์งานรัชดานิเวศน์ คุณสุภาพันธ์ และครอบครัว ท่านเป็นผู้ใหญ่ ที่ให้ความกรุณา เชื่อมั่น,ไว้วางใจว่า ไม่เปลี่ยนช่าง ตั้งแต่ต้นจนจบ
-ไซต์งานล่าสุดรัชดานิเวศน์- งานrenovate //www.pantown.com/board.php?id=16770&area=4&name=board12&topic=74&action=view

- : - เอ.ดี.ดี. เน้นการทำงานที่แน่นอน มีช่าง-มีคนงานประจำ , วิศวกร ช่าง-คนงาน เป็นคนไทย-รู้จักหลักหล่งที่มา,ที่อยู่แน่นอน - ลูกค้าต้องได้งานตามหลักวิศวกรรม ต้องได้โครงสร้างที่แข็งแรงถูกต้อง , มีวิศวกรคำนวน และ ตรวจสอบงาน - เมื่อตกลงรับทำงานแล้ว ลูกค้าของเอ.ดี.ดี.ไม่ต้องเสี่ยงกับความไม่แน่นอนของช่าง,เรื่องงบบานปลาย หรือ เรื่องช่างทิ้งงาน - : - เอ.ดี.ดี.รับผิดชอบงาน และ รับความเสี่ยงทั้งหมดนั้นแทนลูกค้า

-ไซต์ปัจจุบัน มณียารัตนาธิเบศร์ A D D - การช่าง//www.pantown.com/board.php?id=16770&area=4&name=board12&topic=70&action=view

-ไซต์งานรีโนเวท พหลโยธิน A D D - การช่าง//www.pantown.com/board.php?id=16770&area=4&name=board12&topic=77&action=view

- : - เกี่ยวกับคิวงาน - :

หากท่านสนใจผลงานของ เอ.ดี.ดี. อยากให้พูดคุยวางแผนกันล่วงหน้า.. ท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องช่าง


ขอบคุณทุกท่านที่สนใจผลงาน และ เข้ามารู้จักกัน

เอ.ดี.ดี. House สำนักงาน บางนา-สุวรรณภูมิ ..

Tel : (02) 7 6 3 - 7 8 2 8

Fax : (02) 7 6 3 - 7 8 2 9

E-mail : addbox@hotmail.com


คุณหมู - เอ.ดี.ดี. โทร. 087-6023661


ข่าวด้านแรงงาน - //www.thairath.co.th/content/eco/283602


--ที่อยู่-ที่ตั้ง เอ ดี ดี------- >>> //www.pantown.com/group.php?display=content&id=16770&name=content320&area=4

เอ.ดี.ดี. =>> //www.pantown.com/group.php?display=content&id=16770&name=content342&area=4

หาช่างผู้รับเหมา คลิ้ก => //www.pantown.com/group.php?display=content&id=16770&name=content302&area=4


Other Works งานอื่นๆ ของคุณหมู และ ครอบครัว คลิ้ก => //www.pantown.com/group.php?display=content&id=16770&name=content341&area=4




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2555 20:45:58 น.   
Counter : 546 Pageviews.  


การดูแลเอาใจใส่พ่อแม่ซึ่งเป็นพระที่บ้าน

- จะไปทำบุญ ไหว้พระ กราบพระ บำรุงวัด บำรุงพระพุทธศาสนา ที่ใดๆ .. ให้มากมายเพียงใด .. ก็ไม่เท่ากับการดูแลเอาใจใส่พ่อแม่ซึ่งเป็นพระที่บ้าน การไหว้พระที่บ้าน กราบพระที่บ้าน บำรุงพระที่บ้านให้ดี ให้สมบูรณ์ ไม่ให้บกพร่อง เป็นบุญใหญ่ มีอานิสงส์ไพศาล //www.learntripitaka.com/Chadok/Chadok03.html "บุคคลใดเลี้ยงดูปรนนิบัติบิดามารดาด้วยความรักใคร่เอาใจใส่ เทวดาและมนุษย์ย่อมช่วยคุ้มครองบุคคลนั้น นักปราชญ์ย่อม สรรเสริญ แม้เมื่อตายไปแล้ว บุคคลนั้นก็จะได้ไปบังเกิด ในสวรรค์ เสวยผลบุญแห่งความกตัญญูกตเวทีของตน" (- เป็นความเชื่อส่วนบุคคล -)

 

... พื้นเพของผมเป็นคนต่างจังวัด มีพ่อแม่เป็นชาวสวนชาวไร่เป็นคนบ้านนอกไกลกรุงเทพฯ เราถูกสอนเรื่องการดูแลตอบแทนผู้มีพระคุณ ว่ามีความสำคัญไม่ให้ละเลย ยิ่งปัจจุบันแก่ตัวลง ชีวิตผ่านอะไรต่ออะไรมากๆเข้าก็ยิ่งเข้าใจสัจจธรรมข้อนี้มากขึ้น.. ผมมีพ่อที่ชราอายุแปดสิบ-และ-แม่ที่อายุเจ็ดสิบห้าให้ดูแล พ่อกับแม่ของผม เป็นคนแก่ที่ยังแข็งแรง - การได้ทำสิ่งเหล่านี้เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ.. บอกเล่าได้ว่าหากท่านสนใจแสวงหา สาระชีวิตจากคำสอนของศาสนา..ลองเริ่มหาจากในใจเราเอง-หรือ ทำความเข้าใจเรื่องคนรอบตัวให้ลึกซึ้ง แล้วหาจากตรงนี้ดู .. / พออายุเลขสี่ ชีวิตผมก็เริ่มช้าลง และ ผมปล่อยให้มันช้าลงเรื่อยๆจนนิ่งได้เป็นพักๆ ทั้งๆที่อยากสงบนิ่งได้นานกว่านั้น .. ผมพอเข้าใจได้ว่า คงต้องฝึกฝนปฏิบัติอีกมาก เพราะเรายังอยู่ในโลกีย์ ยังประกอบอาชีพ ยังไม่ได้ละโลก จากสิ่งที่ทำมาผมยืนยันได้ว่า-ในที่สุดจะนำพาให้ท่านได้พบและเข้าใจได้ด้วยตัวเอง..

ผมเห็นคนจำนวนไม่น้อยเดินทางแสวงหาสิ่งเหล่านี้ นานแสนนาน และ ไกลแสนไกล คนเรามักแสวงหาความรู้ภายนอกมากมาย แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ดูราวคล้ายกับว่า จะห่างออกไปทุกที ..บางทีกว่าเราจะรู้ว่าทุกอย่างอยู่ในนี้ กว่าการค้นพบตัวเองรู้จักตัวเองจะเกิดขึ้นได้ กว่าจะเป็นมิตร และ หวังดีกับตัวเอง เวลาที่เหลือก็ไม่เพียงพอเสียแล้ว - ผมไม่ใช่คนที่เข้าใจเรื่องนี้แต่ต้น... แต่ทันทีที่ผมพบและเข้าใจ..ผมไม่เคยยอมเสียเวลาและเสียโอกาสอีกเลย ( สิบปีมานี้ - ผมมีวันพ่อ วันแม่ อย่างน้อยที่สุด ทุกสองเดือน ผมต้องไปเยี่ยมท่าน ไปดูแลท่าน )
https://www.youtube.com/watch?v=83bXC123qYI&feature=related

 

ยามมีกิจหวังเจ้าเฝ้ารับใช้
ยามป่วยไข้หวังเจ้าเฝ้ารักษา
เมื่อถึงคราววันตายวายชีวา
หวังลูกยาปิดตาคราสิ้นใจ

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน

จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววานของคืนวัน

ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน

แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป

ขอเถิดถ้าสงสาร อย่างกล่าวขานให้ช้ำใจ

คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน

ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร

ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ

เมื่อยามเจ้าโกรธขึง ให้นึกถึงเมื่อเยาวัย

เมื่อยามเจ้าป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน

เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน

หวังเพียงจะได้ยล เติบโตจนสง่างาม

ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุก ๆ ยาม

ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย

ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้

วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ ให้วังเวง ฯ




- จะไปทำบุญ ไหว้พระ กราบพระ บำรุงวัด บำรุงพระพุทธศาสนา ที่ใดๆ .. ให้มากมายเพียงใด .. ก็ไม่เท่ากับการดูแลเอาใจใส่พระที่บ้านไหว้พระที่บ้าน กราบพระที่บ้าน บำรุงพระที่บ้านให้ดีเสียก่อน //www.lc2u.org/th/detail_dnc.php?CatID=3&ProductID=31 ผมโชคดี ที่ยังมีพ่อแม่ครบให้ดูแลตแบแทนบุญคุณ..เพราะเป็นโอกาสที่เราได้สร้างบุญกุศลใหญ่หลวงให้ตัวเองด้วยการการบูชาพระอรหันต์ในบ้าน ท่านว่า อานิสงส์ไพศาลมาก ..ความเมตตากรุณาต่อมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย และความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา อันเป็นกุศลกรรมสูงสุดที่บุตรพึงกระทำต่อบิดามารดา - หากท่านได้ทำเช่นกัน ผมขออนุโมทนาในบุญนั้น สาธุ ...


ธรรมะในการดูแลพ่อแม่จากพระอินทร์ //www.pantown.com/market.php?id=16770&name=market4&area=4&topic=163&action=view

ประวัติ ท้าวอมรินทร์เทวาธิราช (พระอินทร์)

พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์

พระอินทร์เป็นตำแหน่งของพระราชาแห่งเทพทั้งปวง ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตำแหน่งนี้จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ไปตามผลแห่งบุญกรรมที่ได้กระทำไว้ พระอินทร์องค์ใดสิ้นบุญ ก็จะมีองค์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ กล่าวได้ว่า พระอินทร์นั้นมีหลายองค์ แต่ละองค์ก็มีอายุขัยเป็นไปตามบุญกุศลที่ตนได้กระทำมา

เรื่องราวของพระอินทร์น่าจะเป็นบทเรียนที่ช่วยให้รู้และเข้าใจถึงการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ว่าท่านคิดอะไรถึงได้ทำเช่นนั้น นอกจากนี้การได้เรียนรู้วิธีคิดและการกระทำของพระอินทร์ เป็นสิ่งที่เราสามารถกระทำตามได้ไม่ยาก ไม่ใช่เรื่องห่างไกลและเฟ้อฝันเลย เพราะตัวท่านเองก็ได้ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ในขณะที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงพระอินทร์สมัยพุทธกาลเท่านั้น

อดีตชาติของพระอินทร์

ณ หมู่บ้านมจลคาม แคว้นมคธ มีมาณพคนหนึ่งชื่อว่า มฆมาณพ มีใจใฝ่ให้ทาน รักษาศีลอยู่เสมอ ทั้งยังชอบแผ้วทาง ทำงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น ปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน สร้างศาลา ปลูกต้นไม้ ขุดสระน้ำ ทำถนนหนทาง ทำสะพาน จัดทำจัดหาตุ่มน้ำ และสิ่งทั้งหลายเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม มีปกติชอบความสะอาดเรียบร้อย ต้องการให้ท้องถิ่นดูสะอาดน่ารื่นรมย์

มฆมาณพและสหายบำเพ็ญสาธารณกุศลเช่นนี้ตลอดชีวิต เรียกว่า บำเพ็ญวัตตบท ๗ ประการ ครั้นสิ้นอายุได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

วัตตบท ๗ ประการได้แก่

๑. เลี้ยงมารดาบิดาตลอดชีวิต
๒. ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในตระกูลตลอดชีวิต
๓. มีวาจานุ่มนวลสุภาพตลอดชีวิต
๔. มีวาจาไม่ส่อเสียดตลอดชีวิต
๕. มีใจปราศจากความตระหนี่ ยินดีในการแจกทาน ครองเรือนตลอดชีวิต
๖. มีวาจาสัตย์จริงตลอดชีวิต
๗. ไม่โกรธ แม้ว่าถ้าโกรธก็ระงับได้ทันทีตลอดชีวิต

 

สันโดษ

ช่างซ่อมรองเท้าริมถนนมีความพอใจในงานของตน ตั้งใจทำงานด้วยความขยันขันแข็ง บุคคลเมื่อพอใจในสิ่งใด เขาย่อมก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในสิ่งนั้น ความยินดีในของของตนนี้ จะเป็นเครื่องกำจัดความเกียจคร้านเบื่อหน่าย และ โลภอยาก

ยินดีกับสิ่งที่ได้มา หมายถึง ยินดีกับของส่วนที่ตนได้มา / ผมมีความเชื่อเรื่องการทำงานตามแนวพุทธ " ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ ถ้าคนเราทำชอบทำดี ขยันขันแข็ง ตั้งอกตั้งใจ รู้จักใช้จ่าย รู้จักเก็บหอมรอมริบ รู้จักประมาณตน ฯลฯ แล้วผลจะให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไม่เจริญเติบโต"

สันโดษ คือการรู้จักพอ เป็นคุณธรรมที่มหัศจรรย์ สามารถทำให้คนเลิกเบียดเบียนกัน เลิกฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ทำให้คนอิ่มใจได้แม้มีทรัพย์ มียศ มีตำแหน่งน้อย และทำให้คนรวยเป็นเศรษฐีได้โดยสมบูรณ์ ........


ก า ร ห า เ ลี้ ย ง ชี พ อ ย่ า ง มี สั น โ ด ษ

.....ในการดำรงชีพ พระพุทธศาสนามุ่งให้ทุกคนหาปัจจัย ๔ หล่อเลี้ยงร่างกาย พอเพียงเพื่อ ให้สังขารนี้สามารถดำรงอยู่ได้ตามอัตภาพ จากนั้นก็ใช้ร่างกายนี้สร้างความดีต่างๆ ให้เต็มที่ทุกรูปแบบทุกโอกาส มิได้มุ่งหมายให้คนเราดิ้นรนไขว่คว้าทะเยอทะยานจน เกินเหตุ เพื่อให้มีวัตถุต่างๆ พรั่งพร้อมบริบูรณ์ไว้บำรุงบำเรอตน

เพราะฉะนั้นความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มิใช่วัดด้วยการมีทรัพย์สิน เต็มท้องพระคลังหรือเต็มล้นอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง แต่อยู่ที่ไม่มี คนอดอยากยากไร้และอยู่ที่ คุณภาพชีวิตของประชาชนต่างหาก


ห ลั ก ป ฏิ บั ติ เ กี่ ย ว กั บ ท รั พ ย์ สิ น

๑. การแสวงหา ต้องหามาโดยชอบธรรม ไม่ข่มเหงรังแกใคร ไม่ทำผิดกฎหมาย ผิดประเพณี ผิดศีล ผิดธรรม

๒. การใช้ ไม่เป็นคนตระหนี่และก็ไม่ฟุ่มเฟือย ให้รู้จักใช้ทรัพย์เลี้ยงตนและคนเกี่ยวข้อง ให้เป็นสุข รู้จักทำทาน เผื่อแผ่ แบ่งปัน ใช้ทรัพย์ทำสิ่งที่ดีงาม เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

๓. ทัศนคติเกี่ยวกับทรัพย์สิน ไม่ถือว่าทรัพย์สินเงินทองเป็นพระเจ้า แต่ให้ถือว่าเป็นเพียง อุปกรณ์อย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตเท่านั้น



ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง ค น จ น

คนจนในโลกนี้มีอยู่ ๒ ประเภท ได้แก่

๑. จนเพราะไม่มี คือคนที่ขัดสนทรัพย์ มีทรัพย์น้อย จัดว่าเป็นคน “จนชั่วคราว” ถ้าหาก ทำมาหากินถูกช่องทาง ย่อมมีโอกาสรวยได้

๒. จนเพราะไม่พอ คือคนที่มีทรัพย์มากแต่ไม่รู้จักพอ จัดว่าเป็นคน “จนถาวร” เป็นเศรษฐี อนาถา ต้องจน จนตาย

......สันโดษ คือการรู้จักพอ จึงเป็นคุณธรรมที่มหัศจรรย์ สามารถทำให้คนเลิกเบียดเบียนกัน เลิกฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เลิกสะเพร่า เลิกสงคราม ทำให้คนอิ่มใจได้แม้มีทรัพย์ มียศ มีตำแหน่งน้อย และ ทำให้คนรวยเป็นเศรษฐีได้โดยสมบูรณ์


วิ ธี ฝึ ก ใ ห้ มี สั น โ ด ษ

๑. ให้หมั่นพิจารณาถึงความแก่ ความเจ็บ ความตาย อยู่ตลอดเวลา ว่าเราจะหลีกเลี่ยงจาก สิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ ถึงดิ้นรนหาเงินทองมากเท่าไร ก็นำติดตัวไปไม่ได้ เมื่อพิจารณาบ่อย เข้าความโลภก็จะลดลง แล้วความสันโดษก็จะเกิดขึ้น

๒. ให้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน เป็นการฝึกสันโดษ ขั้นพื้นฐานที่เราต้องปฏิบัติอยู่ทุกวัน

๓. ให้หมั่นให้ทานอยู่เสมอๆ เป็นการฆ่าความตระหนี่ ความโลภในตัวไปทีละน้อยๆ เมื่อทำบ่อยๆ เข้า ความสันโดษก็จะเกิดขึ้น

๔. ให้หมั่นรักษาศีล โดยเฉพาะศีล ๘ ผู้ที่รักษาศีล ๘ จะช่วยให้เกิดความสันโดษในหลายเรื่อง เช่น ศีลข้อ ๓ ทำให้สันโดษในกามคุณ ศีลข้อ ๖ ทำให้สันโดษในเรื่องอาหาร ศีลข้อ ๗ ทำให้สันโดษในเรื่องเครื่องนุ่งห่ม การแต่งเนื้อแต่งตัว และศีลข้อ ๘ ทำให้สันโดษใน เรื่องที่อยู่อาศัยที่หลับนอน

๕. ให้หมั่นทำสมาธิเป็นประจำ เมื่อทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอจิตใจก็จะสงบนุ่มนวลขึ้น ความอยากเด่น อยากดัง หรืออยากได้ในทางที่ไม่ชอบก็จะค่อยๆ หายไป


วิ ธี ฝึ ก สั น โ ด ษ ใ น สั ง ค ม ไ ท ย

.....สังคมไทยตั้งแต่โบราณ มีวิธีฝึกสันโดษได้ผลดีเยี่ยมอย่างหนึ่งก็คือ การบวช แม้จะเป็นการ บวชช่วงสั้นเพียงพรรษาเดียวก็ตาม

เพราะผู้บวชจะมีโอกาสสัมผัสกับความสุขชนิดไม่อิงวัตถุ เป็นความสุขใจที่เกิดจาก ความพอ เกิดจากความสงบภายใน ซึ่งในชีวิตประจำวันหาโอกาส ทำได้ยาก

นอกจากนั้น ผู้บวชเป็นพระภิกษุยังจะได้สัมผัสกับชีวิตที่เรียบง่ายของพระภิกษุ ซึ่งมีเครื่องนุ่งห่มครองกายเพียงผ้า ๓ ผืน มีบาตรเพียง ๑ ใบ บิณฑบาต เลี้ยงชีพ ข้าวของเครื่อง ใช้มีเพียงบริขาร ๘ จะได้สัมผัสความสุขจากการไม่มีห่วง ไม่มีการสะสม ไม่ถูกผูกมัดจากวัตถุ มีอิสระโปร่งเบา เหมือนนกน้อยในอากาศ เมื่อเปรียบเทียบกับความสุขหยาบๆ หลอกๆ ในขณะที่เป็นฆราวาสซึ่งเป็นสุขปนทุกข์ ต้องแสวงหาวัตถุต่างๆ ต้องเป็นห่วงและหวงแหน อยู่ตลอดเวลา วิถีชีวิตแบบพระภิกษุจะช่วยให้บุคคลเข้าใจถึงประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการมีสันโดษ


อ า นิ ส ง ส์ ก า ร มี สั น โ ด ษ

๑. ทำให้ตัดกังวลต่างๆ เสียได้

๒. ทำให้ออกห่างจากอกุศลกรรม

๓. ทำให้มีความสบายกายสบายใจ

๔. ทำให้พ้นจากความผิด พบแต่สิ่งถูกต้อง

๕. ทำให้ศีลธรรมเกิดในใจได้ง่าย

๖. ทำให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง

๗. ทำให้มีกำลังใจสูง เมื่อรู้ว่าสิ่งใดไม่ดีก็ไม่ฝ่าฝืนทำ

๘. นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ตน

๙. ทำให้มีโอกาสกระทำแต่สิ่งดีๆ ยิ่งๆ ขึ้น

๑๐. ได้ชื่อว่านำพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง


อยู่กับอุปสรรคต่างๆได้อย่างเข้าใจ มากขึ้น และ ไม่ทุกข์กับมัน //www.pantown.com/market.php?id=16770&name=market4&area=4&topic=161&action=view

อายะสัมปทา หรือทาน จะมีผลมากอานิสงส์ไพศาล ถ้าประกอบด้วยองค์หก //www.pantown.com/market.php?id=16770&name=market4&area=4&topic=162&action=view


รวมทริบ ทำบุญ-ไหว้พระ //www.pantown.com/group.php?display=board&id=16770&name=board5&area=4

ผมไม่รู้หรอกครับว่า..ใครที่มาพบwebsiteแบบนี้แล้ว จะคิดอย่างไร.. ผมอยากบอกเล่าว่า ผมเชื่อในเรื่องกรรม และ ผลของการปฎิบัติ ..ผมสามารถยืนยันได้ว่า.. วันหนึ่งวันใดที่เราเข้าใจลึกซึ้งถึงธรรมะข้อกตัญญู และ ปฏิบัติบิดา มารดา อย่างสม่ำเสมอ ย่อมทำให้ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลง ( อาจพลิกหน้ามือจากหลังมือ ) การปฏิบัติพ่อแม่นั้น ส่งผลให้มีความสงบสุขได้ทุกวัน.. ถ้าอยากมีความสุข อยากมีฐานะ อยากประสพความสำเร็จ - มาศึกษาศาสนาพุทธ มีความเพียรที่จะทำบุญ รักษาศีล บริจาคทาน อย่างสม่ำเสมอ และ ละเว้นความชั่วทั้งปวง-คู่ขนานไปกับการประกอบอาชีพ - ย่อมได้พบความสงบสุข / สิ่งเหล่านี้ ผมพิสูจน์มาเจ็ดปีแล้ว ..เป็นได้จริง


หนังสือที่มีอิทธิพล ให้ชีวิตผมเปลี่ยน //www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี ( ทาน, ศีล, ภาวนา )

บล็อก ของ ท่านผู้นี้ ก็น่าสนใจดี ครับ //lj5ple.wordpress.com/




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2555 20:46:51 น.   
Counter : 4538 Pageviews.  


สถาบันอนาคตไทยศึกษา"

รายงานพิเศษชิ้นนี้เรียบเรียงจากบทความพิเศษของ " สถาบันอนาคตไทยศึกษา" โดย ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ และ น.ส. สุธาวัลย์ พฤกษ์อำไพ " ข่าวสด" เห็นว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจจึงนำเสนอเพื่อประโยชน์กับสาธารณะต่อไป



นการดำเนินนโยบายทุกนโยบายบนข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องและเพียงพอ ซึ่งในปัจจุบันสังคม รวมถึงผู้กำหนดนโยบายให้ความสำคัญกับตัวเลขระยะสั้นเช่นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรืออัตราการว่างงานกันมาก นโยบายต่างๆ ที่ออกมาจึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น แต่ทำให้รัฐบาลมีรายจ่ายผูกพันที่ไม่สามารถตัดทอนได้ทั้งที่ชัดแจ้งและไม่ชัดแจ้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาทิ งบบุคลากร ภาระหนี้ ภาระเงินโอนให้ท้องถิ่น ตลอดจนถึงกองทุนต่างๆ ที่ตั้งตามนโยบายรัฐบาล เช่น กองทุนสุขภาพแห่งชาติ กองทุนหมู่บ้านและอื่นๆ

ในปี 2012 คาดว่ารายได้ที่จัดเก็บจะต้องหมดไปกับรายจ่ายที่ไม่สามารถตัดทอนได้ราว 76% จะเหลือรายได้เพียง 24% เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ

ฉะนั้นตัวชี้วัด (เคพีไอ) ที่ถูกต้องเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายเพื่ออนาคต การพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนในระยะยาว ประกอบด้วย 1.ภาคประชาชน 2.ภาคสาธารณะ ประกอบด้วยรัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ 3.ภาคเอกชนจะต้องมีความแข็งแรงและอยู่บนรากฐานของข้อที่ 4 คือโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastucture) เพื่ออนาคตที่มีเพียงพอและมีประสิทธิภาพ

ขณะที่เราดูตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แสดงอย่างสวยงาม เราอาจลืมคิดถึงตัวเลขที่สะท้อนถึงอนาคตที่อาจเป็นตัวชี้วัดกลุ่มต่างๆ อาทิ

"ภาคประชาชน" อาจเป็นเพราะตัวเลขการว่างงานของเราอยู่ในระดับต่ำราว 1% เราจึงไม่ค่อยเห็นนโยบายเกี่ยวกับแรงงานเท่าใดนัก แต่ภาคประชาชนจะมีความแข็งแกร่งได้ต้องมีโอกาส โดยเฉพาะโอกาสทางการศึกษาซึ่งเมื่อมีโอกาสแล้วจะต้องดูว่าจะมีโอกาสได้ทำงานหรือไม่ ตรงกับที่เรียนมาหรือไม่ และสุดท้ายมีความเข้าใจในหน้าที่การงานหรือไม่

จะเห็นว่าจากตัวเลข 19.6 ล้านครัวเรือนของคนไทย มีเพียง 7 แสนครัวเรือนที่สามารถส่งลูกเรียนได้ถึงระดับปวช. มี 1.7 ล้านครัวเรือนได้เรียนถึงปวส. และอีก 7.1 ล้านครัวเรือนสามารถส่งเรียนได้ถึงปริญญาตรี แต่ที่เหลือ 10.1 ล้านครัวเรือนไม่มีเงินส่งบุตรหลานเรียนได้ในระดับดังกล่าว

ข้อมูลปี 2010 ในคนว่างงาน 4.3 แสนคน เป็นแรงงานเยาวชนที่ว่างงานถึง 1.9 แสนคน ซึ่งเป็นสัญญาณไม่ดีนักที่พบว่าแรงงานเยาวชนซึ่งขับเคลื่อนประเทศเริ่มมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีโอกาสได้รับการศึกษา แต่มีเพียง 25% ที่มีโอกาสทำงานตรงกับวุฒิที่เรียน ซึ่งการจ้างแรงงานทักษะจำนวน 18.6 ล้านคน เป็นแรงงานที่จบมาตรงสายงานคือจบระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี 2.9 ล้านคนเท่านั้น ที่ขาดอีก 15.7 ล้านคน ถูกเติมเต็มด้วยแรงงานวุฒิมัธยม 14.3 ล้านคน และปริญญาตรีที่จบเกินความต้องการตลาดอีก 0.9 ล้านคน

เมื่อแรงงานส่วนใหญ่ทำงานไม่ตรงกับวุฒิโอกาสก้าวหน้าซึ่งวัดจากเงินเดือนจึงน้อย

"ภาคสาธารณะ" ซึ่งประกอบด้วยรัฐบาล องค์กรปกครองท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ นอกจากความรู้ การบริหารจัดการ กฎระเบียบเป็นตัวฉุดแล้ว "ความต่อเนื่อง" ในการดำเนินงานก็เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะจะเป็นตัวชี้ว่า นโยบายที่จะนำไปพัฒนาประเทศ จะนำไปปฏิบัติได้จริงอย่างรวดเร็วหรือล่าช้าเพียงใด

ตั้งแต่ปี 2006 ถึงรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาลมีอายุเฉลี่ยเพียง 1.3 ปี โดยรัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อายุสั้นที่สุดแค่ 75 วัน ซึ่งไม่เพียงพอให้การดำเนินนโยบายสำคัญๆ ต่อเนื่องได้

ยิ่งกว่านั้นรัฐมนตรีก็มีการเปลี่ยนบ่อยตั้งแต่ปี 2002 ถึงปี 2011 หลังจากมีการเพิ่มกระทรวงเป็น 19 กระทรวง เปลี่ยน "รมว." เฉลี่ยจำนวน 21 ตำแหน่ง ปี 2008 เปลี่ยนมากที่สุดถึง 69 ตำแหน่ง

ตั้งแต่ปี 2000 มีการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดใหญ่ 20 จังหวัดแรกที่มีขนาดเศรษฐ กิจรวมกันมากถึง 66.5% อยู่ในตำแหน่งเฉลี่ย 1.6 ปีเท่านั้น การโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงบ่อยๆ มีผลให้การส่งผ่านนโยบายลงสู่ปฏิบัติจริงอาจไม่มีประสิทธิภาพ

"ภาคเอกชน" หากพิจารณาโครงสร้างทางธุรกิจของไทยซึ่งเป็นฐานรากของอนาคตจะพบว่าในการขับเคลื่อนเศรษฐ กิจไทยขึ้นอยู่กับบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่บริษัท ในขณะที่บริษัทเล็กเป็นรากฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แท้จริงมีการจ้างงานสูง โดยเฉพาะในเขตต่างจังหวัดกลับยังมีความอ่อนแอ

จากจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บได้ในปี 2011 มูลค่า 5.7 แสนล้านบาทนั้น 21% ของเม็ดเงินภาษีที่เก็บได้ทั้งหมดจากบริษัทจดทะเบียนบริษัทหลักทรัพย์ที่จ่ายภาษีสูงสุด 5 อันดับแรก 27% เก็บได้จากบริษัทที่จ่ายภาษีสูงสุด 10 อันดับแรก 30% เก็บได้จากบริษัทที่จ่ายภาษีสูงสุด 15 อันดับแรก และ 35% เก็บได้จาก 50 อันดับแรก

แต่หากพิจารณาจากการจ้างงาน พบว่าแรงงานในภาคเอกชนถึง 78% ทำงานอยู่ในเอสเอ็มอีในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งมีสัดส่วนการจ้างงานในเอสเอ็มอีที่สูงกว่าภาคอื่นอย่างเห็นได้ชัด

"โครงสร้างพื้นฐานในอนาคต" คงไม่ปฏิเสธว่าโครงสร้าง พื้นฐานและนวัตกรรม เป็นพื้นฐานของการพัฒนาในอนาคตเช่นเดียวกับภาคส่วนต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ตัวเลขหรือดัชนีที่ได้รับความสนใจ หรือที่ใช้เป็นตัวชี้วัดจะนำไปสู่การวางนโยบาย หากเราสนใจตัวเลขผิด นโยบายก็ผิดไปด้วย

การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่การวิจัยและพัฒนานั้นต้องอาศัยทั้งเวลาและงบประมาณจำนวนมาก

ข้อมูลกรมทรัพย์สินทางปัญญา ปี 2011 ระบุว่าสัดส่วนจำนวนการจดสิทธิบัตรโดยคนไทยมีเพียงแค่ 1 ใน 3 ของจำนวนการจดสิทธิบัตรทั้งหมด ในจำนวนนั้นเป็นการจดสิทธิบัตรด้านออกแบบ 32% สิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์เพียง 2% จึงไม่น่าแปลกใจที่สิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์จะมีการจดทะเบียนกันไม่มาก เนื่องจากเราลงทุนส่งเสริมการวิจัยเพื่อการพัฒนากันน้อย

แม้ว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่พบว่าในเวียดนามมากกว่าไทย 1.7 เท่า ซึ่งผู้ใช้ในไทยใช้เพื่อบันเทิงมากกว่าหาความรู้ นอกจากนี้ในกรุงเทพฯ อย่างเดียวมีบัญชีเฟซบุ๊กถึง 8.7 ล้านบัญชีมากที่สุดในโลก หากแต่พิจารณาเรื่องคลังความรู้และการศึกษากลับพบว่าบทความวิชาการภาษาไทยใน Wikipedie.com มีเพียง 74,000 บทความ เทียบกับเวียดนามที่มีจำนวน 414,000 บทความ หรือน้อยกว่า 6 เท่า

ในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในปี 2011 ธนาคารโลกได้จัด Logistic Performanc Index ไทยอยู่อันดับ 38 จาก 155 ประเทศ (ปี 2010 อยู่อันดับ 35) ซึ่งไม่เลวนักแต่พบว่าในปี 2009 ไทยใช้พลังงานสูงกว่ากลุ่มประเทศอียูถึง 4 เท่า ซึ่งแนวโน้มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในช่วง 30 ปี สวนทางกับประเทศอื่นๆ ทั้งเกาหลีใต้ สิงคโปร์ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะที่ไทยประสิทธิภาพต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเราใช้ระบบขนส่งทางถนนเป็นหลัก แม้จะรวดเร็วกว่าการขนส่งทางน้ำและทางรางซึ่งต้นทุนต่ำกว่า

ฉะนั้นความสนใจในตัวเลขระยะสั้น อาจจะทำให้นโยบายมุ่งเน้นไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเสียเป็นส่วนใหญ่จนละเลยการกัดกร่อนฐานราก ในอนาคตอาจถึงเวลาเปลี่ยนมุมมองมาสนใจตัวชี้วัดอื่นเพิ่มเติมจากในปัจจุบัน

เพื่อให้ทิศทางของการพัฒนาเป็นทิศทางแห่งอนาคตที่ยั่งยืน




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2555   
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 8:13:05 น.   
Counter : 1483 Pageviews.  


1  2  

PJ-ADD
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ทุกคนทุกฝ่ายมีกรรม ..และ มีชะตากรรมร่วมกัน

ภายใต้วันเวลาที่กรรมตามมาทัน ..จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ... " ไม่เป็นไร หรอกครับ .. ยังไงทุกชีวิตก็ต้องได้พบกับ คำว่า กรรมตามทัน เข้าสักวัน ด้วยกันทุกคน.

" สิ่งที่ถูกต้อง กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เรารู้ในใจที่จริงก็เหมือนกันทุกคนครับ ..ที่จริงทุกคนก็รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แต่ การตัดสินใจเลือกกระทำ อาจจะไม่เหมือนกัน .. ก็เพราะกรรม..ทำให้เขาเลือก..อย่างที่เขาเลือก.. และ เมื่อเขาเลือก..เขาก็ย่อมได้รับ "
ก็เพราะกรรม.. - เราเองก็เช่นกัน ครับ เราเลือกอะไร เราทำอะไร .. แสดงออกไปอย่างไร .. เราก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ

" ธรรมะมีพลังยิ่งใหญ่เสมอ ครับ ..ธรรมะคือธรรมชาติ มันมีอยู่อย่างนั้น และเป็นไปเช่นนั้น.. ขึ้นอยู่กับว่า เราจะตรวจสอบสังเกตุ ดูจิตดูใจเราไม่ให้เกิดความชั่ว ความเศร้าหมองในจิต และ ไม่ทำชั่วด้วยกาย วาจา ใจ.. แม้เนียนๆแม้เพียงเล็กน้อย..ที่บางคนอาจคิดว่า นี่เป็นศิลปะ ในการเลี้ยงชีพ แต่แท้จริงแล้วเราก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าที่เราคิด ที่เราพูด ที่เราทำลงไปนั้นมัน เราต้องการอะไร.. และ มันอยู่ฝ่ายดี หรือ ฝ่ายไม่ค่อยดี

..เรื่องที่ไม่ถูกต้อง .. เรื่องที่ไม่ดี ..เรื่องที่นำเราไปในทางเสื่อม .. อยู่ใกล้ตัวเราเสมอ ..เกือบทุกครั้ง ที่มันคือหนึ่งในทางเลือก เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจแต่ละครั้งของเรา.. และ เราก็ทำมันลงไป .. ซึ่งเมื่อเราทำ ช้าหรือเร็วเรก็ต้องได้รับผล

..ไม่ว่าใครต่อใครในสังคมนี้จะรู้สึกกับช่างก่อสร้าง-กับ-ผู้รับเหมาก่อสร้าง อย่างไร / ตราบใดที่ทุกคนยังต้องการมีบ้านอยู่อาศัย ต้องการตกแต่งบ้าน ต้องการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงอาคารธุรกิจ หรือ ที่อยู่อาศัย..สังคมก็ยังต้องเกี่่ยวข้องกับคนที่ทำอาชีพ ช่างก่อสร้าง อาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง.. ครับ #คุณหมูเอดีดี #เอดีดีเฮ้าส์

วันนี้ขอธรรมะอีกวันนะ ครับ

คุณหมู- เอดีดี
https://www.facebook.com/ADDHomeRenovation
[Add PJ-ADD's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com