Group Blog
 
All Blogs
 
ส่งลูกเรียนออสฯ...ความจริงที่ควรรู้

ยุคสมัยนี้ การเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ สำหรับครอบครัวชนชั้นกลาง จนถึงบรรดาครอบครัวไฮโซฯ ธนทรัพย์มากมีทั้งหลายแหล่

บางคนต้องการให้ลูกหลานได้วิชาความรู้เพิ่มเติม ด้วยความคิดว่าเมืองไทยเรายังอ่อนด้อยด้านวิชาการอันทันสมัย

บางคนต้องการฝึกฝนลูกหลานให้สามารถยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของตนเอง มากกว่าจะอาศัยแต่ความช่วยเหลือของพ่อแม่

บางคนต้องการให้ลูกหลานหลุดพ้นจากอบายมุขที่รายล้อมวงจรชีวิต ทั้งยาเสพติด บ่อนพนันเถื่อน ฯลฯ

ครับ ไม่ว่าคุณๆจะต้องการให้ลูกๆหลานๆมาชุบตัว หรือมาดัดนิสัยที่เมืองนอก มันมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่คุณๆควรรับรู้ และควรเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีก่อนช่วยแพ็กกระเป๋า ส่งพวกเขา-พวกเธอขึ้นเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเล ห่างไกลสายตาของคุณ

ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ข้อเท็จจริงที่จะเล่าในวันนี้ ไม่ใช่ว่าผู้ที่มาศึกษาต่อเมืองนอกโดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลียที่กระผมอยู่ จะเป็นเช่นนี้หมดทุกคน

หากแต่ว่าคนที่มีพฤติกรรมเช่นที่กระผมจะเล่าต่อไปนี้ มันมีจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะเปิดเผยตัวหรือไม่เท่านั้น

พฤติกรรมแรกคือ “การอยู่กินกับคนรักฉันท์สามีภรรยา”

อันที่จริง การอยู่กินร่วมห้อง ร่วมเตียงนอนเดียวกันของหนุ่มสาวสมัยนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้จนชินตา โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนต่อในเมืองหลวง ซึ่งนิยมเช่าหอพักอยู่ร่วมกับกิ๊ก หรืออยู่ร่วมกับคนรัก

การส่งลูกหลานมาเรียนต่อเมืองนอกก็เช่นกัน คุณๆ คงต้องทำใจก่อนเหมือนกันนะครับว่า โอกาสที่ลูกหลานของคุณจะอยู่ร่วมกับคนรักของเขานั้นมีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูง

และไม่ใช่เพียงแค่คนรักที่ติดตามกันมาเรียนต่อจากเมืองไทยเท่านั้นนะครับ

นักศึกษาไทยจำนวนไม่น้อยพบรักใหม่ในต่างแดน

และหลายรายทีเดียวเป็น คนต่างชาติ

ส่วนหนึ่ง เพราะความเหงา และแรงผลักธรรมชาติภายในกายของหนุ่มสาว ดึงดูดพวกเขาเข้าหากัน

อีกทั้งยังห่างไกลสายตาของพ่อแม่ ผู้ปกครอง

ยิ่งทำให้พฤติกรรมอยู่กินกับแฟนในต่างแดนเป็นเรื่องธรรมดา


ลูกหลานของคุณอาจจะบอกแค่ว่า เช่าห้องแชร์ร่วมกับเพื่อนๆ โดยยูนิตที่พักมีหลายห้องนอน แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่บอกรายละเอียด หรือบอกข้อเท็จจริงว่า เพื่อนที่นอนอยู่ร่วมเตียงนอนคือใคร

คุณอาจจะบอกว่า ลูกหลานฉันไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอก เพราะตอนบินไปเยี่ยมก็อยู่คนเดียวในห้อง หรืออยู่กับเพื่อนเพศเดียวกัน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

แต่ช้าก่อนครับ ความจริงคือ เพื่อนฝูงของผมจำนวนไม่น้อย ต้องย้ายห้องนอน จัดห้องใหม่กันจ้าละหวั่น เพื่อต้อนรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังมาเยี่ยม

เรียกว่า จัดฉากต้อนรับกันเลยทีเดียว

สำหรับคุณๆ ที่มีบุตรหลานเป็นชาย คงไม่ต้องวิตกกังวลมากนัก แต่หากบุตรหลานเป็นหญิง อาจจะต้องคิดให้หนักสักหน่อย ว่าจะไว้ใจปล่อยให้เธออยู่กินกับหนุ่มคู่รักดีหรือไม่

อันนี้แล้วแต่ทัศนคติส่วนบุคคลแล้วกันนะครับ

การอยู่กินร่วมกันแบบนี้ หากรู้จักป้องกัน คุมกำเนิด ปัญหาคงจะมีไม่มากนัก

แต่ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หญิงสาวบางคนต้องเจอคู่รัก รีดไถ ทุบตี ทำร้ายร่างกาย และจิตใจ

เคยมีตัวอย่างที่โด่งดังเกรียวกราว เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อนครับ กรณีหนุ่มนักศึกษาไทยหึงหวงคู่รักนักศึกษาสาวไทยที่อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนเดียวกัน ใช้มีดแทงฝ่ายหญิงถึงแก่ความตาย หลังจากนั้นจึงใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเอง

แต่แทงตัวเองมันเจ็บนี่ครับ ไม่เหมือนแทงคนอื่น นักศึกษาหนุ่มรายนี้เลยรีบโทรแจ้งรถฉุกเฉินมารับตัวเองไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าฝ่ายชายรอดตายคนเดียว แต่ในที่สุดต้องไปรับกรรมในคุกออสซี่

เมื่อรับทราบข่าว พ่อแม่ฝ่ายหญิงถึงกับช็อกเลยครับ เพราะไม่เคยรู้ระแคะระคายมาก่อนว่าลูกรักจะมาอยู่กินกับหนุ่มฉันท์สามีภรรยา จนเป็นเหตุหึงหวงถึงกับฆ่าแกงกัน

เอาละครับ เดี๋ยวจะว่า นินจา ราตรี เอาแต่กรณีตัวอย่างไม่ดีมาเปิดเผย ตัวอย่างที่ดีก็มีเหมือนกันครับ คู่รักหลายคู่ที่อยู่ร่วมกันในต่างแดนฉันท์สามีภรรยา ช่วยเหลือจุนเจือ ผลักดัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนเรียนจบกลับเมืองไทยแต่งงาน มีลูกตัวน้อยวิ่งซนไปมา อย่างนี้ก็มีอยู่เยอะครับ

พฤติกรรมที่พ่อแม่ควรตระหนักอีกอย่างคือ “การติดพนัน”

คุณๆ ที่มีลูกหลานลุ่มหลงกับอบายมุข ประเภทการพนันทั้งหลายในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นบ่อนไพ่ โต๊ะบอล ฯลฯ แล้วคิดจะส่งพวกเขามาปรับเปลี่ยนนิสัยที่เมืองนอก ขอให้คิดดีๆ ก่อนนะครับ

เดี๋ยวจะกลายเป็นส่งเสือเข้าป่า เทปลาลงน้ำ

เพราะที่เมืองนอก โดยเฉพาะในออสเตรเลีย บ่อนการพนันมีอยู่มากมาย ทั้งประเภทบ่อนกาสิโนใหญ่โต หรือประเภทร้าน TAB ซึ่งเปิดรับแทงพนันผลกีฬา ตั้งแต่ฟุตบอล ยัน ม้าแข่ง หมาแข่ง ฯลฯ หรือแม้แต่ พวกตู้ Pokie ตามคลับ ตามผับ ซึ่งเปิดอยู่แทบทุกสี่แยก

โอกาสผีพนันจะสิงพวกเขาจนวอดวายมีให้เห็นตัวอย่างมากมาย

แล้วอย่าคิดนะครับว่า คนที่ไม่เคยเล่นการพนันในเมืองไทยจะไม่ติดพนันที่นี่

เพราะมีไม่น้อยที่มาหัดเล่นพนัน และติดพนันที่นี่

พฤติกรรมอีกอย่างที่พึงระวังคือ “การติดเหล้า”

ด้วยเหตุที่ผับ บาร์ที่นี่มีอยู่มากมาย แม้แต่ในมหาวิทยาลัยยังมีบาร์ขายเบียร์ให้นักศึกษาอย่างถูกต้อง หากลูกหลานของคุณปล่อยใจ อาจมีโอกาสเป็นโรคติดเหล้า ติดเบียร์ หรืออาจเกิดเหตุเกี่ยวเนื่องจากการเมาสุรา

โดยเฉพาะ การทะเลาะวิวาท

เพราะแหล่งที่นักศึกษาไทยชอบไปสังสรรค์ เฮฮา หลายแห่งมักกลายเป็นสนามรบ เกิดเหตุทะเลาะวิวาท ทุบตี ชกต่อย ทำร้ายร่างกายอยู่เนืองๆ

นี่ยังไม่นับบรรดาหญิงสาวที่เหล้าเบียร์เข้าปากแล้ว มีพฤติกรรมที่พ่อแม่ชวนตะลึงอีกมากมายนะครับ

พฤติกรรมอีกอย่างที่ควรคำนึงคือ “การติดยา”

แม้ว่าที่นี่จะมีตัวเลขของผู้ติดยาเสพติดน้อยกว่าเมืองไทยเรามาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มียาเสพติดเสียทีเดียวนะครับ

อันที่จริง การซื้อหายาเสพติดที่ออสเตรเลียก็ไม่ได้ยากเย็นแสนเข็นอะไรนัก หลายครั้งที่ผมเห็นนักศึกษาไทยเราซื้อขายยาเสพติดชนิดยื่นหมูยื่นหมากันข้างถนน หรือในผับ ในบาร์ ในปาร์ตี้หลายแห่งก็มียาเสพติดให้คนอัพยามึนเมากันทั่ว

พฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ผมเอามาบอกเล่าวันนี้ อาจจะมีทางป้องกันได้

หากคุณๆ ที่เป็นพ่อแม่ถักทอสร้างเสริมความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นในครอบครัว ก่อนปล่อยลูกรักให้บินข้ามฟ้ามาเรียนรู้โลกกว้าง

ข้อสำคัญคือ คุณเริ่มหรือยังครับ


........................................................................................................

บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยใช้นามปากกา "นินจา ราตรี" ลงในเวบไซด์ //www.manager.co.th ส่วนของ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2547







Create Date : 20 มกราคม 2551
Last Update : 20 มกราคม 2551 10:34:12 น. 2 comments
Counter : 756 Pageviews.

 
โดน... ประโยคสุดท้ายอีกละ
เดี๋ยวทำงานหาเงินที่เมืองไทยอีกปีสองปี พอได้ตั๋วเครื่องบิน แล้วเจอกันนนนน


โดย: friendlymitt IP: 58.147.56.116 วันที่: 25 มกราคม 2551 เวลา:14:28:24 น.  

 
เราก็อยู่ออสเตรเลียค่ะ พ่อส่งมาตั้งแต่เด็กๆ 12-13ขวบ ไปอยู่โรงเรียนประจำ แต่เรารู้สึกตลอดว่าพ่อไม่ใด้ทิ้งเรา แต่อยากให้เราเรียนหนังสือในที่ดีๆ พ่อบินมาขับรถไปรับที่โรงเรียนช่วงปิดเทอมประมาณ 3-4 ชั่วโมงจาก Sydney แล้วบางทีก็รอไปส่งตอนเปิดเทอม บางครั้งเรากับน้องร้องไห้ในระหว่างพ่อขับรถกลับ Sydney บางครั้งพ่อขับรถใกล้ถึงSydneyแล้ว แต่พ่อทนเรากับน้องร้องไห้ไม่ไหว ต้องกลับมารับแล้ววันรุ่งขึ้นค่อยไปส่งใหม่ แล้วพ่ออยู่ที่เมืองไทยก็ตื่นตั้งแต่ ตี3 หรือ ตี4 เพื่อโทรมาหาเราก่อนไปโรงเรียน

ตอนนี้เราสามารถทำอะไรเองใด้หลายอย่าง มีความคิดเป็นของตัวเอง และทำอะไรเราคิดถึงพ่อตลอด เพราะความรักที่พ่อให้ จนเราไม่กล้าทำเรื่องไม่ดี ตอนนี้เราก็ใกล้จบปริญญาตรีแล้ว ระหว่างที่เราเรียน เราไม่เคยต้องทำงานลำบากเหมือนคนที่มาที่ Sydney บ้านที่เราอยู่ก็อยู่อย่างดี มีรถขับซึ่งเราก็ไม่ค่อยขับแต่พ่อกลัวลำบากถ้าไม่มีรถ แต่เราตั้งใจเรียนตลอดค่ะ

ความรักพ่อแม่สำคัญกว่าเงินทองที่พ่อให้ลูกค่ะ ถ้าให้ลูกรู้ถึงความรัก หรือคอยบอกรักลูกเหมือนพ่อเรา ลูกๆก็จะรู้สึกถึงความรัก แล้วไม่กล้าทำอะไรให้พ่อแม่ผิดหวังเองค่ะ


โดย: zata IP: 58.107.82.93 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:02:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.