แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

มีทติ้งเล็กๆ...ที่ดีเกินคาด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่กับหนูมีมีทติ้งเล็กๆกันที่บ้านน้าเจี๊ยบ เป็นมีทติ้งที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน พอดีน้าเจี๊ยบโทรมาสักประมาณ 10 โมงกว่าเห็นจะได้ ว่าได้ฤกษ์เปิดบ้านแสนสวยให้เราไปเยี่ยมชม หลังจากที่ต้องเคร่งเครียด ต่อสู้กับสารพันปัญหาในการสร้างและต่อเติมบ้านมาพักใหญ่ๆ แม่รีบบอกว่าว่างพอดี แม่ไม่อยากพลาดโอกาสไปเจอเพื่อนๆอีก หลังจากที่เมื่อ 2-3 วันก่อน เค้ามีมีทติ้งบำบัดกัน(ไว้มีโอกาสแม่จะมาบอกให้ฟังว่ามีทติ้งบำบัดมีไว้ทำอะไร) แม่อดไปทุกทีเลยเพราะช่วงจันทร์-ศุกร์ไม่ว่างตลอด ครั้งนี้ได้เจอกันถึงจะเป็นแค่ 2-3 คนแม่ก็ว่าช่วยบำบัดแม่ได้แล้วเหมือนกัน

บ้านน้าเจี๊ยบอยู่แถวรามอินทราถึงจะไกลจากบ้านเรามากแต่ดีที่มีทางด่วน (ซึ่งมันจะด่วนเฉพาะวันอาทิตย์) ทำให้เราไปถึงบ้านน้าเจี๊ยบโดยใช้เวลาไม่นานนัก ระหว่างที่เราเดินทางอยู่ แม่จะต้องย้ำกับหนูว่า วันนี้เราจะไปเที่ยวบ้านเพื่อน จะพาหนูไปเล่นกับพี่ หนูต้องทำตัวดีๆนะ เช่นอะไรบ้าง หนูตอบเสียงเจื้อยแจ้วว่า หนูจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน จะแบ่งของเล่นไม่แย่งกัน ทุกครั้งที่ถามก็มักจะตอบแบบนี้แต่ว่าพอไปถึงที่หมายแล้วน่ะสิ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย แม่คิดในใจว่าเด๋วไปถึงก็รู้ว่าจะเป็นเด็กดีจริงหรือป่าว ระหว่างนั้นหนูก็หลับพักเอาแรงไปเสียก่อน

เมื่อไปถึงบ้านน้าเจี๊ยบ ปรากฎว่าลุงต่อป้านุชและน้องเปรมมาถึงก่อนแล้ว พออุ้มหนูลงมาจากรถก็ตื่นพอดีแต่อาจจะยังงงๆ อยู่ เลยนั่งลงพับเพียบเรียบร้อยเล่นรถไฟเฉยเลย ส่วนแม่ก็รีบตั้งวงหม่ำข้าวกัน ครอบครัวน้าเจี๊ยบประกอบด้วยตัวน้าเจี๊ยบน้าโต้งและน้องปู้ ส่วนบ้านเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นประมาณ 50 ตรว แต่หน้ากว้างสัก 8 เมตรได้กระมั้ง ตัวบ้านก็ลึกใช้ได้เชียวหล่ะ แถมด้านหลังลมเข้าเย็นสบายมากๆ แทบจะไม่ต้องใช้พัดลมหรือเปิดไฟเลย มีสนามหน้าบ้านแล้วก็หลังบ้านด้วย จะนั่งตรงไหนก็ได้บรรยากาศสบายๆเหมือนกัน เรียกว่าพอเหมาะสำหรับครอบครัวเดี่ยวที่อยู่กันแค่ 3-4 คน แม่ไปถึงบ้านน้าเจี๊ยบสักเที่ยงครึ่งและจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่อยู่ห่างจากโต๊ะกินข้าวและห้องครัวเลย 555 หลังจากแม่ๆกินกันอิ่มไปยกแรก ซึ่งประกอบไปด้วย แกงกะหรี่ไก่+มักกะโรนีไก่อบซอสฝีมือน้าเจี๊ยบ และเป็ดย่างที่แม่เอามาเพิ่ม ก็เริ่มปรึกษาหารือกันถึงพฤติกรรมของลูกๆแต่ละคน

น้องปู้ซึ่งโตสุดสักประมาณ 3 ขวบ 9 เดือน ตอนนี้รู้เรื่องมากขึ้นเป็นพี่ๆที่น่ารักของน้องๆอีก 2 คนเชียวหล่ะ ไม่ค่อยหวงของหล่ะแบ่งๆกันเล่น รองลงมาก็เป็นน้องเปรมสุดหล่อ 3 ขวบ 6 เดือน โตขึ้นมากเหมือนกันพูดเก่ง แต่จะออกอาการขี้งอนบ้างเป็นช่วงๆ สุดท้ายก็เป็นตัวหนู 3 ขวบ 5 เดือน ที่วันนี้ค่อนข้างเรียบร้อยดี ไม่วิ่งวุ่นเหมือนอย่างที่แล้วมา ใครๆมักจะแทบไม่เคยได้ยินเสียงของหนูเลย เพราะจะอาศัยวิ่งเอาอย่างเดียว แต่มาวันนี้หนูเดินมาเรียกแม่ให้ไปดูโน่นดูนี่บ่อยครั้ง ปัญหาของเด็กวัยนี้ส่วนใหญ่จะมาจากพฤติกรรมในการไปโรงเรียน เกี่ยวกับเพื่อนและครู ทำเอาต้องหน้าดำคร่ำเครียดช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหากันยกใหญ่ สรุปว่าต้องอดทนและรอดูอีกสักพักว่าปํญหาที่มีจะขยายวงกว้างกว่านี้หรือจะค่อยๆหายไปเอง แต่อย่างไรคงต้องติดตามพฤติกรรมโดยใกล้ชิดตลอด

หลังจากปรึกษาเรื่องลูกไปแล้วก็เริ่มหิวกันใหม่ ได้น้าโต้งเจ้าบ้านผู้ใจดีไปซื้อส้มตำมาทานกันอีกรอบ ส่วนแม่ๆก็เข้าไปในครัวทำคุ้กกี้ช็อคโกแล็ตชิพให้เด็กๆทาน โดยน้าเจี๊ยบได้เตรียมได้เรียบร้อยแล้ว รอแต่ตักใส่ถาดยกเข้าเตาอบแค่นั้นเอง นอกจากนี้ยังมีพายบลูเบอร์รี่ที่น้าเจี๊ยบทำเก็บไว้ในตู้เย็นก็โดนยกออกมารับประทานกันเรียบ แม่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการทำขนมเค้กหรือเบเกอร์รี่เลย มาได้น้าเจี๊ยบช่วยอธิบายวิธีการทำ และบอกให้รู้จักเครื่องมือต่างๆ จนแม่อดทึ่งในความพยายามของน้าเจี๊ยบไม่ได้ เพราะน้าเจี๊ยบไม่ได้ไปเรียนที่ไหนเลย อาศัยดูและอ่านเอาจากอินเตอร์เน็ตแล้วมาลองทำดู ผิดบ้าง ถูกบ้าง อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง และพลอยทำให้แม่ชื่นชมน้าโต้งกับน้องปู้ด้วยที่เป็นกำลังใจสำคัญให้น้าเจี๊ยบไม่ท้อ เพราะทำมาแล้วต้องมีคนชิม ทุกครั้งน้าโต้งและน้องปู้ไม่เคยปฎิเสธหรือเบื่อหน่าย ทำให้น้าเจี๊ยบมีกำลังใจฝึกฝนฝีมือต่อไป แม่คิดเสมอว่าครอบครัวคือกำลังใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้ คนในครอบครัวประสบความสำเร็จได้

ระหว่างที่กำลังทำคุ๊กกี้ช็อคโกแล็ตนั้น น้าเจี๊ยบก็ทำเค้กหน้าสัปปะรดเพิ่มได้ด้วย คุ๊กกี้ใช้เวลาอบแค่ 10 นาทีเอง พอเสร็จแล้วกลิ่นหอมยวนใจมากๆ หนูวิ่งมาด้อมๆมองๆคนแรกแล้วก็หยิบกินเลย เสร็จแล้วก็วิ่งมาหยิบใหม่ กลายเป็นว่ากินเยอะที่สุดในบรรดาเด็กๆทั้ง 3 คน แถมได้เอากลับไปกินที่บ้านอีกคนละถุง ทำเอาน้าเจี๊ยบปลื้มใจที่ของขายดี ถ้าลาออกจากงานแล้วมาเปิดร้านขายดีอย่างนี้ก็คงจะดีเชียว 555

ระหว่างรออบเค้กหน้าสัปปะรดอยู่ แม่ๆก็กินกันอีกรอบ ส่วนเด็กๆจากที่วิ่งเล่นในบ้าน ตอนนี้เริ่มวิ่งขึ้นข้างบน วิ่งไปรอบๆบ้านแล้ว วิ่งตามๆกันเป็นขบวน น่ารักดี(ตอนที่ไม่ทะเลาะกัน) สุดท้ายน้องปู้ชวนน้องไปเล่นน้ำ แค่แม่ถามว่าเล่นกันที่ไหนเหรอ หันกลับมาอีกทีหนูถอดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเลย ไม่ให้เล่นคงไม่ได้ ก็เลยได้เห็นอ่างอาบน้ำวนอันเบ่อเร่อเหิมของน้าเจี๊ยบ ประมาณเด็ก 3 คนเล่นกันได้ เด็กๆสนุกกันใหญ่ ส่วนแม่ๆก็เริ่มเดินเก็บข้าวของ สัมภาระกันบ้างล่ะ ส่วนน้าเจี๊ยบก็ล้างจานเป็นรอบที่ 3 เตรียมมาไว้กินเค้กสัปปะรดปิดท้าย แล้วเราก็จบรายการกันอย่างสนุกสนาน อิ่มอก อิ่มใจ และอิ่มท้อง หลังจากร่ำลากันเรียบร้อย ขึ้นรถปั๊บขับไปได้ไม่เท่าไหร่ หนูก็หลับเสียแล้ว สรุปว่ามีทติ้งครั้งนี้หนูสอบผ่าน เพราะสามารถทำตามที่บอกได้ทุกข้อ แม่เลยสัญญาว่าครั้งหน้าจะพาหนูไปสวนรถไฟ ไปเรียนรู้กฎจราจรกัน…..




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2549    
Last Update : 18 ธันวาคม 2549 20:16:53 น.
Counter : 562 Pageviews.  

เรื่องขำๆของเด็ก 3 ขวบ

วันนี้แม่มานั่งนึกถึงเรื่องขำๆที่เกิดจากความไร้เดียงสาของหนู แม่เขียนเก็บไว้ให้หนูอ่านแล้วกันนะ บางครั้งแม่ก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนสอนหนูให้ตอบแบบนี้ หรือหนูไปจำใครเค้าเอามาพูด

ครู : เด็กค่ะ วันนี้มีคำถามมาถามเด็กๆ ขอให้ตอบทีละคนนะค่ะ
เด็กๆ : ค่ะ ครับ
ครู : ถ้าหนูต้องการซื้อขนม หนูจะไปซื้อที่ไหนค่ะ
เด็กๆ : โลตัส คาร์ฟู เซ็นทรัล บิ๊กซี
หนู : ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ครู : เด็กๆรู้ไหนค่ะว่า นกมันบินไปที่ไหน
เด็กๆ : โลตัส คาร์ฟู เซ็นทรัล บิ๊กซี
หนู : สวนสาธารณะ
ครู : ใกล้วันหยุดแล้ว เด็กๆจะไปเที่ยวที่ไหนกันค่ะ
เด็กๆ : โลตัส คาร์ฟู เซ็นทรัล บิ๊กซี
หนู : จะนั่งเครื่องบินไปสิงคโปร
ครู : หนูจะไปสิงคโปรทำไมค่ะ
หนู : อืม............ ไปซื้อปีโป้ครับ
ครู : 55555555555555




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2549    
Last Update : 16 ธันวาคม 2549 16:17:19 น.
Counter : 528 Pageviews.  

แม่ครับ...ผมปวดฉี่ครับแม่

ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แม่เพิ่งจะมารู้สึกกับเค้าว่า ถึงเวลาที่หนูควรจะเลิกใส่แพมเพิร์สได้แล้ว ขณะที่ใครๆเค้าเลิกใส่กันประมาณ 2 ขวบกว่า แต่ลูกแม่ปาเข้าไป 3 ขวบ ครึ่งแล้วยังใส่อยู่เลย อิอิ ประมาณเอาง่ายเข้าว่า ไปข้างนอกไม่ต้องกังวลว่า เด๋วหนูจะฉี่จะอึ อันนี้เป็นความผิดของแม่เองที่ไม่ฝึกหนูตอนที่เล็กกว่านี้ และคนที่มากระตุ้นให้แม่ต้องมาฝึกหนูก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ตัวหนูเองนั่นหล่ะ เพราะช่วงหลังๆเวลาแม่ให้หนูใส่เพิร์ส หนูมักจะถอดออก ยิ่งเวลาตอนกลางคืนด้วยแล้ว หนูชอบลุกขึ้นมาถอดเพิร์สเอากลางดึก โดยไม่มีสาเหตุแล้วก็ไปนอนต่อ แต่หนูดันไม่ใส่กางเกงเข้าไปตามเดิมด้วยนี่สิคือปัญหา แถมด้วยการฉี่รดที่นอนอีก ตอนเช้าแม่ไปปลุกหนูแล้วก็ต้องตกกะจายทุกที เมื่อหนูกลายร่างเป็นชีเปลือยไปเสียแล้ว กลัวจะปอดบวมไปเสียก่อน แม่เลยต้องปฏิวัติเวลาของตัวเองเสียใหม่ หลังจากที่หนูกินนมมื้อสุดท้ายก่อนนอนเสร็จ แม่จะพาหนูไปฉี่ 1 ครั้ง หลังจากนั้นประมาณเที่ยงคืนก็ไปปลุกหนูมาฉี่อีกครั้ง และสุดท้ายประมาณตี 4 พาไปฉี่อีกรอบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ลองทำอยู่อย่างนี้สัก 1-2 อาทิตย์ หนูเองก็คงจะเริ่มชิน เพราะมาช่วง2-3 วันนี้แม่ไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ปลุกหนูไปฉี่ตอนตี 4 ก็กลายเป็นว่าหนูมาปลุกแม่ให้พาไปฉี่แทน อันนี้แม่ไม่ได้ถือว่าเป็นความสำเร็จของแม่ แต่คิดว่าเป็นความสำเร็จของหนู ที่ตัวหนูเองก็พยายามและรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอย่างไร แม่อยากจะบอกหนูว่า แม่ยินดีที่ได้ฟังเสียงหนูเรียกแม่กลางดึกว่า “ แม่ครับ หนูปวดฉี่ครับแม่”




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2549    
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 15:43:18 น.
Counter : 1295 Pageviews.  

พ่อครับอย่าตีมัน...

ลูกจ๊ะ ช่วงนี้หนูทำให้แม่ปลื้มใจหลายๆอย่าง ด้วยหลายๆคำพูดและวิธีการปฏิบัติของหนู หนูรู้ไหมตั้งแต่เกิดมา แม่ออกจะหมั่นใส้หนูและพ่อหนูมากๆ เพราะหนูเหมือนกับพ่อหนูยังกับแกะ ไม่ว่าจะรอยยิ้ม ท่าทางต่างๆ ทำให้แม่เสียใจอยู่ลึกๆว่าทำไมหนูไม่เหมือนแม่เสียบ้างเลย ยิ่งนานวันหนูโตขึ้น บางครั้งหนูจะติดนิสัยหลายๆอย่างของพ่อมา เช่น เป็นเด็กรักความสะอาด เป็นเด็กขี้รำคาญ เป็นเด็กหวงของมาก และบ่อยๆที่หนูชอบตีมดหรือยุงที่เพียงแค่ผ่านมา พอแม่เห็นแม่จะรีบบอกหนูว่า อย่าไปตีมันเลย มันยังไม่ได้ทำอะไรให้หนู แค่ไล่มันไปก็พอ หนูกลับบอกว่าไม่ได้ เห็นแล้วต้องตีให้ตายพ่อบอก ไม่อย่างนั้นมันจะมากัดหนู ทำเอาแม่หงุดหงิดใจมากเลย หนูยังเล็กแค่นี้ก็รู้จักฆ่าสัตว์เสียแล้ว ต่อไปโตขึ้นกว่านี้มิทำร้ายสัตว์ที่ใหญ่กว่าแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปหรือ แม่เลยต้องมานั่งสั่งสอนหนูเสียใหม่
แม่ : ปันปันครับ ปันปันรักพ่อกับแม่ไหม
ลูก : รักครับ
แม่ : แล้วปันปันคิดว่า มดเนี้ยมันจะมีพ่อแม่ด้วยหรือเปล่า
ลูก : มันมีพ่อแม่ด้วย
แม่ : ถ้าหนูตีมันตายไป มันก็จะกลับไปหาพ่อกับแม่ไม่ได้ พ่อกับแม่เค้าต้องเสียใจมากเลยที่รอแล้วลูกไม่กลับมา
ลูก : เหรอครับ (แต่ยังทำหน้าไม่ค่อยเข้าใจ)
แม่ : เอาอย่างนี้ ถ้ามีคนมาจับหนูไป ไม่ให้หนูกลับมาหาพ่อกับแม่ หนูจะเสียใจไหม จะคิดถึงพ่อกับแม่ไหม
ลูก : เสียใจครับ
แม่ : นั่นหล่ะลูก ถ้าหนูเสียใจ มดมันก็ต้องเสียใจเหมือนกัน เค้าคงต้องคิดถึงลูกเค้ามากๆแน่เลย
ลูก : ครับ ต่อไปจะไม่ตีมดแล้วครับ

ผ่านจากวันที่สอนหนูไปหลายสัปดาห์ เมื่อ2-3 วันก่อน แม่ได้ยินหนูพูดกับพ่อ ระหว่างที่พ่อกำลังถือไม้ตียุงไล่ตียุงอยู่

ลูก : พ่อ หยุดเลย ห้ามตีมัน เด๋วมันตาย
พ่อ : ตายก็ดีแล้ว จะได้ไม่มากัดปันปัน
ลูก : เอ๊ย ไม่ได้เด๋วพ่อแม่เค้าจะเสียใจน้า
พ่อ : อ้าวเหรอ (พ่อเป็นหน้า เอ๋อๆ แต่ยังไล่ตีต่อ)
ลูก : บอกให้หยุดไงพ่อ เด๋วเค้าเสียใจไม่รู้เหรอไง โธ่ เอ๊ย งั้นไปตีไกลๆหนูเลย
แล้วหนูก็วิ่งมาฟ้องแม่ ว่าพ่อไม่ยอมหยุดตียุง แม่เลยได้แต่บอกไปว่า ลูกจ๋า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่มันดัดยากจริงๆ…….

ปล.แม่ดีใจที่หนูเริ่มมีใจเมตตาบ้างแล้ว แต่ด่านที่สำคัญตอนนี้คือเรื่องการหวงของ หวงไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของเล่น ขนาดกับแม่ยังไม่เว้น เฮ้อ ขอแม่ไปคิดหาวิธีแก้ก่อนแล้วจะมาเขียนเก็บไว้ให้หนูอ่าน เผื่อไว้ใช้กับหลานย่า




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2549    
Last Update : 12 ธันวาคม 2549 14:02:12 น.
Counter : 476 Pageviews.  

ปันปันไดอารี่และแรงบันดาลใจ

แม่อยากเขียนขอบคุณใครหลายๆคนที่ทำให้เกิด ไดอารี่ของหนูขึ้นมา แม่อยากจะบอกว่าตั้งแต่แรกๆที่หนูเกิดแม่เคยตั้งใจจะเขียนไดอารี่เก็บไว้ให้หนูอ่าน แต่ด้วยความขี้เกียจรวมกับการหลงลืม ทำให้วันเวลาผ่านมาจน 3 ปีกว่า ไดอารี่ของหนูถึงเกิดขึ้น ช่วงตั้งท้องจนถึง 3 ปีแรก แม่บอกได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ควาทุกข์ ดีใจ เสียใจ ตื่นเต้น แปลกใจ กลัว เครียด หลากหลายอารมณ์ปะปนกัน นอกจากหนูจะต้องปรับตัวและมีพัฒนาการไปตามวัยของหนูแล้ว ตัวแม่เองก็ต้องปรับและเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเหมือนกัน คุณยายหนูจะบ่นว่าแม่เสมอตั้งแต่แม่มีหนูจนถึงทุกวันนี้ว่า แม่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะดูแลหนู แม่ยังชอบไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ชอบนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ ชอบไปดูหนัง และชอบที่จะทิ้งหนูไว้กับทีวีหรือไม่ก็ฝากไว้กับคุณยาย เวลาแม่ฟังคุณยายบ่น แม่มักจะหัวเราะเสมอ แล้วบอกคุณยายไปว่า ถึงจะมีลูกแม่ก็ต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง ไม่อย่างนั้นแม่คงจะสติแตกเสียก่อนจะเลี้ยงหนูโต ตอนนี้หนูอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อวันหนึ่งที่หนูมีลูก หรือหนูจะต้องรับผิดชอบอะไรบางอย่างตลอดชีวิต หนูจะเข้าใจสิ่งที่แม่พูดได้เป็นอย่างดี แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้แม่เขียนไดอารี่ถึงหนู เริ่มจากเพื่อนแม่หลายคน เริ่มเขียนไดอารี่ให้ลูกกัน ตอนแรกแม่ก็ไปนั่งอ่าน หัวเราะบ้าง ยิ้มบ้าง ร้องไห้บ้าง แถมมีรูปสวยๆประกอบไปด้วย ยิ่งทำให้อ่านแล้วสนุกมากยิ่งขึ้น ส่วนลีลาการเขียนก็ดุ เด็ด เผ็ด มันส์แตกต่างกันไป ช่วงนี้เลยกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตในกลุ่มเพื่อนๆว่าจะต้องเขียนไดอารี่กัน แต่เรื่องแรกที่แม่เขียนให้หนูคือเรื่อง เครียดจัง…ย้ายโรงเรียนให้ลูก ซึ่ง ณ ตอนนั้นแม่เครียดมากและไม่รู้ว่าจะพูดคุยกับใครให้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้ แม่เลยลงมือนั่งเขียนทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะเขียนให้สั้น กระชับที่สุด กลับกลายเป็นว่าเขียนไปเสียหลายตอน และเมื่อได้เขียนแล้วรู้สึกสบายใจ มีความสุข เลยทำให้แม่เขียนต่อเนื่องมาเรื่อยๆ แม่อยากจะบอกหนูว่า แม่มีความฝันที่ถูกทิ้งไว้ในความทรงจำ แต่ไดอารี่ของเพื่อนๆแม่คือแรงบันดาลใจให้แม่รื้อฟื้นความทรงจำนั้นกลับมา และหนูคือคนที่ทำให้ฝันของแม่เป็นจริง…..

ขอขอบคุณไดอารี่เหล่านี้ที่เป็นเหมือนเช่นแรงบังดาลใจให้เกิด ปันปันไดอารี่
//nont.diaryclub.com ไดอารี่แม่ปอของน้องนนท์ แม่ลูกคู่ซี้ แก่น เซี๊ยว กับภาพถ่ายน่ารักๆ
//nacky.diaryclub.com ไดอารี่คุณแม่มีนาที่ยังสาวและสวยของน้องแน็ค กัดจิกและเจ็บไม่แพ้แฉแต่เช้า แถมมีภาพบรรยากาศสวยๆมาให้ดูอยู่เสมอ
//hannajustin.diaryclub.com ไดอารี่คุณแม่หนิงลูกสองที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาพร้อมคุณสามีที่แสนน่ารัก มักมีเรื่องเล่าที่อ่านแล้วจะต้องอึ้ง ทึ่ง เสียวมาเสมอๆ
และสุดท้ายไดอารี่ของพ่อลูกคู่หนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความรักเมื่อได้อ่านแล้ว คุณจะต้องกลับมาอ่านอีก //www.dawisa.com




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2549    
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 14:55:35 น.
Counter : 529 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.