|
นิยามหุ้นจากปีเตอร์ ลินช์ (Peter Lynch)
นิยามหุ้นจากปีเตอร์ ลินช์ (Peter Lynch)
หากพูดถึงกองทุนแม็คเจ็ลลัน หลายคนอาจจะคุ้นหู ลินช์เคยเป็นผู้บริหารกองทุนนี้และสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงมากในระดับ 29% แบบทบต้นในระยะเวลา 13 ปีที่เขาบริหารงานอยู่ กลยุทธ์ของลินช์คือการสามารถแบ่งประเภทของหุ้นออกเป็นหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบหรือประเภทก็มีลักษณะเฉพาะตัว (ซึ่งแน่นอนว่าจะสะท้อนออกมาในรูปของราคาซื้อขายด้วย) ดังนี้: 1) หุ้นโตช้า พวกนี้โตไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ จ่ายปันผลเรื่อยๆ เรียกว่าเป็นหุ้นห่านทองคำได้หากว่าการจ่ายปันผลนั้นสม่ำเสมอ ผู้ลงทุนจะต้องทำการตรวจดูว่าประวัติการจ่ายปันผลนั้นเป็นอย่างไร เป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากหรือพันธบัตร (ซึ่งเป็นผลตอบแทนแบบไร้ความเสี่ยงต่อเงินต้น แต่อาจจะไม่ทันอัตราเงินเฟ้อ!) หุ้นพวกนี้มักจะเป็นหุ้นในอุตสาหกรรมอาหาร, เกษตร, ของใช้เครื่องนุ่งห่ม, เสื้อผ้ารองเท้า เป็นต้น 2) หุ้นโตเร็ว ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหุ้นโตเร็ว แต่ที่สำคัญก็คือ นักลงทุนที่เข้าไปสนใจหุ้นประเภทนี้จะต้องรู้ว่าเจ้าหุ้นโตเร็วนี้จะโตไปได้ อีกสักเท่าไร ไม่ใช่ว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่มันจะโต แล้วก็พรวดพราดเข้าไปซื้อ แบบนี้มีโอกาสสูงที่จะเจ็บตัวได้ (ขึ้นกับราคา และผลตอบแทนรวมที่คาดคะเนไว้ขณะที่เข้าซื้อด้วย) ถ้าเราสนใจจะลงทุนในหุ้นประเภทนี้ ก็จะต้องแน่ใจว่ามันยังโตไปได้อีกอย่างน้อยก็ 4-5 ปี ปรมาจารย์ลินช์บอกไว้ว่า หุ้นพวกนี้น่าจะมี PEG ไม่เกิน 1 คือเอาค่าอัตราส่วน P/E หารด้วยอัตราการเจริญเติบโต (เป็นร้อยละ) แล้วไม่เกิน 1 นั่นเองครับ แต่ถ้านักลงทุนบ้านเรา สามารถหาหุ้นเหล่านี้ได้ที่ราคา "ถูก" กว่านี้ก็น่าสนใจ ในเมืองไทย หุ้นเหล่านี้คงอยู่ในหมวดยานยนต์, สื่อสาร ครับ 3) หุ้นประเภทแข็งแรง พวกนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ "อึดทน" ต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจได้ดี เรียกว่าไม่พังครืนลงมาง่ายๆ นักลงทุนที่ไม่อยากหวาดเสียวกับความสามารถในการอยู่รอดของบริษัทที่ตนเอง เป็นเจ้าของ ก็น่าจะมองหุ้นกลุ่มนี้ไว้บ้าง บริษัทพวกนี้อาจจะไม่เติบโตรวดเร็วมากหรือก้าวกระโดดนัก แต่ข้อดีของเขาก็คือความเสี่ยงจะต่ำเนื่องจากไม่ได้เติบโตแตกกิ่งก้านไปใน ทิศทางที่ตนเองอาจจะไม่ถนัดในการทำธุรกิจ (Core Business) ข้อเสียก็คือ มันจะไม่ "โดด" ในเรื่องของผลประกอบการ นั่นก็คือราคาของมันจะไม่ "โดด" ไปด้วยไงล่ะครับ หากซื้อหุ้นพวกนี้มา ดังนั้นหากเล่นเก็งกำไร ถ้าได้กำไรสัก 20% ก็ทะยอยปล่อยของได้แล้วครับ แต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาวๆ ก็สามารถถือไปได้เรื่อยๆ บางทีฝรั่งมังค่าก็เรียกหุ้นประเภทนี้ว่าบลูชิพครับ 4) หุ้นวัฎจักร อันนี้เรียกได้ว่าสนุกสนาน เพราะทั้งยอดขาย กำไร ต่างๆนาๆของบริษัทพวกนี้จะ "วน" เป็นวงจร นั่นคงไม่ได้ขึ้นไปเรื่อยๆ (หรือลงไปเรื่อยๆ) แต่นักลงทุนที่จะเข้าลงทุนหุ้นพวกนี้ จะต้องเป็นผู้ที่รู้จักอุตสาหกรรม, ความต้องการ, อุปสงค์/อุปทาน ของสินค้าชนิดนั้นเป็นอย่งดี จึงจะสามารถทำกำไรได้ วงจรชีวิต (พูดเหมือนของลูกน้ำ ยุง กบเขียดเลย) ของหุ้นเหล่านี้ก็จะขึ้นกับอุตสาหกรรมนั้นๆ อาจจะทุกๆ สองปี สี่ปี หรือห้าหกปี ก็ได้ 5) หุ้นฟื้นตัว อันนี้ก็เหมือนกับ (เกือบ) ตายแล้วเกิดใหม่นั่นเอง เช่นบริษัทอาจจะเกิดปัญหาใดๆ ทำให้ผลการดำเนินงานประสบกับภาวะขาดทุน แต่ไม่ได้มีปัญหากับพื้นฐานของอุตสาหกรรมของตัวเอง ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะสามารถหาวิธีปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มทุน เพื่อทำให้มีเงินสดหมุนเวียนในการทำธุรกิจ ตลอดจนสามารถใช้หนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและหนี้สินที่มีอยู่ให้น้อยลง หรือหมดไป กระทั่งสามารถทำกำไรได้ หุ้นเหล่านี้ก็คือหุ้นฟื้นตัวหรือที่เรียกว่า Turnaround Stock นั่นเอง หากนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นประเภทนี้ จะต้องศึกษาให้ดีว่าการที่บริษัทมีปัญหาแต่แรกนั้น เกิดจากอะไร พื้นฐานของการทำธุรกิจเพื่อให้ได้กำไรนั้นได้เปลียนไปหรือไม่ และหนทางที่จะได้ทุนเพิ่มเติมมาเพื่อทำงานต่อไปนั้นเป็นไปได้เพียงใด ซึ่งถ้านักลงทุนสามารถเข้าไปซื้อหุ้นประเภทนี้ในขณะที่ราคาต่ำเตี้ยเกือบจม แผ่นดินแล้ว ก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้อย่างมหาศาล แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าหุ้นเหล่านี้ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน 6) หุ้นสินทรัพย์ นี่เป็นหุ้นของบริษัทที่มีทรัพย์สินมาก คือมีทรัพย์สินมาก และหนี้สินน้อย (ส่วนต่างของของสองอย่างนี้เยอะ) บางครั้งหุ้นประเภทนี้ไม่รู้จักการนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปทำให้เกิดประโยชน์ มากขึ้น (ซึ่งหากทำได้ ก็จะกลายเป็นหุ้นโตเร็ว หรือหุ้นแข็งแกร่งไปแล้ว) ก็ได้แต่เก็บสะสมเอาไว้ จุดสำคัญอยู่ตรงประเภทของทรัพย์สินว่าสามารถเปลี่ยนเป็นเงิน หรือเป็นสิ่งใดๆ ที่สามารถเป็นผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรมให้กับผู้ถือหุ้น (เช่นเงินสดไง) ได้หรือไม่ หากได้ เมื่อถึงวันหนึ่งก็จะมีคนเห็นว่าบริษัทพวกนี้มีทรัพย์สินเยอะ อาจจะเข้ามาหาวิธีการใดๆ ที่จะนำทรัพย์สินเหล่านั้นมา "คืนกำไร" แก่ผู้ถือหุ้นโดยตรง อย่างไรก็ตาม หุ้นพวกนี้จะต้องมีทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานตามปกติ, สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย และมีหนี้น้อยจริงๆ ครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นประเภทของหุ้นที่ปีเตอร์ ลินช์มองอยู่ พวกเราที่เป็นนักลงทุนก็สามารถที่จะศึกษาดูว่าบริษัทใดในบ้านเรามีลักษณะดัง กล่าวบ้าง และสามารถตัดสินใจเข้าไปลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม การเข้าไปลงทุนนั้นจะต้องประเมินผลตอบแทนให้คุ้มกับความเสี่ยงและเหมาะกับ ตัวเราเองด้วยครับ
มือเก่าหัดขับ
Free TextEditor
Create Date : 24 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 18:30:45 น. |
|
1 comments
|
Counter : 477 Pageviews. |
|
|
|
โดย: radiergummi วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:05:04 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
|
สวัสดีครับ
เพิ่งเริ่มเล่นหุ้น มือใหม่ฝากตัวด้วยครับ กำลังศึกษาเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่
บลอกแห่งนี้มีไว้แปะข้อมูล บทความต่างๆ ที่ผมพบเจอในเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผมเห็นว่า มีประโยชน์ และรวมรวมมาจากที่ต่างๆ มากมาย
บทความทั้งหมด ผมจะพยายามใส่เครดิตที่มาไว้นะครับ บทความไหนถ้ามีลืมใส่ไปก็แจ้งเข้ามาได้นะครับ บางทีรีบแล้วลืมใส่
...
อาจจะมีแปะเรื่องอื่นๆบ้าง แล้วแต่อารมณ์
ยังไงก็เข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ นะครับ รับรองว่าได้ความรู้ติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอน *-*
|
|
|
|
|
|
|
|