ชิวิต...มันก็ยากอย่างนี้แหละน๊า...ชิมิส์

ความจริงใจ...หาได้จากที่ไหน

คนเราทุกคนเกิดมา..บนโลกใบเล็กนี้..
ก็ล้วนปรารถนาที่จะได้..
…ซึ่งความจริงใจ..
…ที่แสดงออกต่อกัน..
…ด้วยความบริสุทธิ์ใจ..
…ไร้ซึ่งความอคติแห่งภาพมายา...
…ที่ต่างฝ่ายต่างแสดงออกต่อกัน...

หากจะเปรียบความจริงใจ..
เหมือนกับธรรมชาติในโลกใบนี้...
ก็จะทำให้เราเห็นภาพแห่งความจริงใจ..ได้เป็นอย่างดี...
กับธรรมชาติที่แฝงไปด้วยข้อคิด..เตือนใจ..

๑. ความจริงใจเปรียบเสมือนกับพระอาทิตย์กับพระจันทร์
…ที่ท่อแสงให้ความสว่างไสวแก่พื้นโลก
…โดยไม่เลือกชนชั้น ไม่เลือกประเทศ
…แต่ได้ทำหน้าที่ให้แสงสว่างตลอดทั้งวัน..ทั้งคืน..
…บ้างก็ให้ความอบอุ่น...
…บ้างก็ให้ความร้อนระอุ...
…แล้วแต่ช่วงฤดูกาลและวันเวลา..
…ของสถานที่ที่แตกต่าง
…แต่ก็ได้ชื่อว่า...ให้แสงสว่างแก่พื้นโลก..

หากแม้ว่า...โลกใบนี้..
ปราศจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์..
…โลกแห่งความมืดมน...
…โลกก็จะถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด..
…การดำเนินชีวิตของมวลมนุษยชาติ...ก็เกิดความยากลำบาก

หากแม้ว่า...โลกนี้..
ปราศจากซึ่งความจริงใจต่อกัน..
…จิตใจของเรา...ก็คงมืดมน..ยากแก่การดำเนินชีวิตได้..
…เพราะมวลมนุษยชาติ..
…ต่างก็พึ่งพาอาศัยกัน...ช่วยเหลือ..แบ่งปันกัน..

๒. ความจริงใจเปรียบเสมือนกับสายน้ำและสายลม..
…ที่ให้ความชุ่มชื่น...ชุ่มเย็น...
…แก่มวลมนุษยชาติที่ไม่เลือกชนชั้น..วรรณะเผ่าพันธุ์..

สายน้ำ...ให้ความชุ่มชื่น...แก่ธรรมชาติ
สายลม...ให้ความชุ่มเย็น..แก่ธรรมชาติ..ฉันใด..

ความจริงใจ..
ก็ทำให้เกิดความชุ่มชื่น...แก่ผู้รับ..
และทำให้หัวใจของผู้กระทำ...เกิดความชื่นเย็น..ฉันนั้น...


๓. ความจริงใจเปรียบเสมือนกับพื้นดินและท้องฟ้า..
…สิ่งที่อยู่สูงที่สุด...ก็คือ...ฟ้า
…สิ่งที่อยู่ต่ำสุด......ก็คือ...ดิน

คนเรา...
ถ้ารู้จักที่จะให้ความจริงใจต่อกัน..
โดยไม่แบ่งชนชั้น..วรรณะเผ่าพันธุ์...ศาสนา..
…หรือต่างเชื้อชาติ...
…และให้ความจริงใจ...
…โดยไม่มีประมาณ..ไม่มีที่สิ้นสุด...

ก็เหมือนกับแผ่นดิน...
ที่ให้ความมั่นคง..หนักแน่น..
เหมือนกับท้องฟ้า...
ที่ให้ความงดงาม..ที่ยิ่งใหญ่...ไพศาล..

หากเราได้ทำจิตใจของเรา..
ปรับใจของเราให้เหมือนกับธรรมชาติได้เช่นนี้แล้ว...
ก็ได้ชื่อว่า...
…เป็นผู้หนึ่งที่พร้อมจะแบ่งปัน...ความจริงใจ...
…หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความบริสุทธิ์ใจ...
…ลงในหัวใจแห่งความปรารถนาดี...
…ที่จะบังเกิดผล..เป็นความจริงใจ..

ถ้าเราทุกคน...
มอบความรัก..ความจริงใจ..
ที่แสดงออกด้วยความบริสุทธิ์ใจ..
เราก็ได้ชื่อว่า...
…เป็นผู้ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น...
…มีมาตรฐานแห่งความงดงามทางจิตใจ...
…ที่เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมขั้นสูง..ต่อไป




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551    
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 12:55:27 น.
Counter : 165 Pageviews.  

หมาเปลี่ยนชะตาคน

บทความนี้.....ทำไมถึงทำให้คน ใจดำ
เปลี่ยนแปลงตัวเอง.....เพราะอะไร ??


เรื่องมีอยู่ว่า ....

พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อย แต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมา
แกกินแหลกครับแต่ แม่แกบอกมันบาปนะลูก (ไม่สนโว้ย)

เมื่อราว 15 ปีก่อน
มีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไป
ครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งครับมันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย
เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่บ่อยๆแต่ กรณีหมาขี้เรื้อนแกบอก 'กูกินไม่ลงว่ะ'

แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า
แต่มันรอดได้ทุกครั้ง (สงสัยมีของ)
มันไปหาของกินทีบางทีก็ได้บางทีก็ไม่ได้

คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไป
พอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุนๆไป แกเดือดทันทีครับวิ่งตามไป
คราวนี้ทันครับเพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก

แกทุบไปทีเดียวหมานั่นล้มลงชักทันที
(แกบอกว่าหากตีตรงจุดแค่ไม้บรรทัดก็ตาย)
แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับแต่จะทำกินตรงนั้น จึงกลับบ้านไปเตรียมของ
(แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน) ให้ผมเฝ้าไว้ (ยังเด็กอายุแค่12)
ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู (ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย) มันไปจริงครับหายวับไป

พี่ชิตแกโกรธมากคงอยากเตะผมเต็มแก่
แต่ลุงผมแกเป็นนักเลงใหญ่และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้
ก็ต้องวิ่งตามอย่างเดียวพร้อมบ่น 'ทำไ มมันไม่ตาย! วะ'

พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่า

แกตามทันทีพอไปถึง ภาพที่เห็น
................................................


หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง 5 ตัวครับ
วัยกำลังหย่านมบางตัวยังกินนมอยู่
บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก (เห็นกับตา) ที่มันยังไม่ยอมตายเพราะต้องกลับไปให้นมลูก
แม้น้ำนมแห้งกรัง เอาอาหารไปให้ลูกมัน

เรียกลูกๆเพื่อให้นม ให้อาหาร
เป็นครั้งสุดท้าย แม่หมาพยายามอย่างดีที่สุด

มันมองผมกับพี่ชิตอย่างขอร้อง
ขอให้มันให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย ( T T )


ไม่อยากเชื่อนั่นคือน้ำตาของหมาขี้เรื้อน
มันแค่ต้องการให้นมลูกก่อนตาย


พี่ชิตไม้หล่นลงกับพื้น
เดินเข้าไปดูแม่หมานั่น ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน
แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูก
แกไม่พูดอะไรทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอสายตาอ่อนโยนลง

ลูกหมาตัวหนึ่งวิ่งไปหาแกกระดิกหางให้
แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า ' ขอโทษ ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย เราช่วยกันฝังแม่หมา

แกรับเลี้ยงหมานั่นไว้ ทั้ง 5 ตัว
ตั้งแต่นั้นแกกลายเป็นคนใจดีไม่ไล่ยิงนกยิงหมายิงแมวอีกแกบอก
' มันอาจมีลูกรออยู่ก็ใด้ '




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2551    
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 9:20:53 น.
Counter : 111 Pageviews.  

การเดินทาง...ของ "แม่" คนหนึ่ง

พบกับเรื่องราวของ ' ผู้เป็นแม่' ที่น่าเศร้าใจเรื่องหนึ่ง ในวันที่สามของการไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

สมมุติว่าแกชื่อว่า... ' ป้าใจ' ก็แล้วกันนะคะ
ฉันได้รู้จักกับแกก็เพราะว่า..
เจ้าหน้าที่ให้ฉันย้ายข้าวของออกจากโรงเรือนที่นอนมาแล้วสองคืน ไปหาที่นอนใหม่
เพราะว่าจะมีคณะของทหาร (ไม่รู้มาจากหน่วยไหน) ประมาณ 300 นาย
ถูกส่งมาฝึกปฏิบัติกรรมฐานในบ่ายวันนั้น
ฉันหอบของเดินมาที่โรงเรือนใกล้ ๆ กัน เปิดประตูเข้าไป มองเห็นที่ว่างอยู่ จึงตรงปรี่ไปที่นั่นทันที
และตรงนั้น มีป้าใจ กำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่

แรก ๆ ฉันออกจะไม่ไว้ใจป้าแกนัก เพราะแกบอกว่า แกเป็นคนร่อนเร่
ร่อนเร่ไปตามวัดต่าง ๆ ไปอาศัยข้าววัดกิน อาศัยที่วัดนอน...
ออกจากวัดนั้น ไปวัดนี้ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดมุ่งหมาย...
ใครบอกที่วัดไหนมีคนไปเยอะ แกก็จะไปวัดนั้น เพราะนั่นหมายความว่า...
แกจะมีข้าวกินพออิ่มรอดไปวัน ๆ แน่นอน
ยามฉันนอน ฉันก็จะระวังตัว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวไป
โทรศัพท์ก็ไม่ได้พกไป จะมีก็แค่สร้อยทองที่คล้องอยู่กับคอ เส้นก็ไม่ใหญ่นัก
สตางค์ที่พกไปพอทำบุญ และใช้หนี้สงฆ์ กับซื้อหนังสือของหลวงพ่อกลับบ้าน

อีกวันถัดมา แกก็มาบอกลา ว่าจะกลับแล้ว จะติดรถไปกับเพื่อนใหม่ ที่แกมารู้จักที่นี่ แกเปลี่ยนจากชุดขาว เป็นชุดธรรมดาเรียบร้อย รอติดรถเพื่อนแกจะไปลงแถว ๆ ลาดพร้าว

คืนวันนั้น ฉันยังเจอแกใส่ชุดขาวอีกครั้ง นอนเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิน
ฉันไม่ได้ถาม หรือซักไซร้ไล่เรียงอะไรแก แต่กลับรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
พลันคิดต่อตัวเองว่าในใจว่า...
ทรัพย์สินของฉันเมีเพียงแค่นี้...ฉันก็ยังทำหวงไปได้ ทำให้จิตใจตัวเองกังวลไปเปล่า ๆ
ดูป้าแกไม่ใช่คนมือไว หรือคน 'ขี้ขอ' เลยสักนิด ฉันไม่เคยเห็นแกขอเงินใครสักคนเลย
รุ่งเช้า หลังจากทำวัตรเช้า และทานอาหารเช้าเสร็จ
ฉันจึงนั่งคุยกับป้าใจอย่างเป็นทางการครั้งแรก
' ป้าเป็นคนที่ไหนเหรอคะ'

' ป้าเป็นคนเพชรบูรณ์จ้ะ'

' ป้าไม่มีลูกบ้างเหรอคะ'

' ป้ามีลูกสามคน สองคนน่ะเป็นผู้ชาย โตกันหมดแล้ว คนเล็กเป็นลูกสาว ป้ายกให้คนขับรถตู้ที่รู้จักกันตั้งแต่แปดขวบ'

' แล้วทำไมป้าไม่ไปอยู่กับลูกชายล่ะคะ ทำไมป้าต้องมาร่อนเร่อย่างนี้ด้วย'
ป้าเงียบไปพักหนึ่ง นั่งชันเข่า แล้วกอดเข่าเอาไว้ เหมือนจะหาหลักยึดร่างกายแกเอาไว้
กันมันสั่นไหวโยกไปตามแรงสะอื้น ที่แกพยายามปกปิดฉัน ด้วยการหันหน้าไปทางอื่น

' ป้าไปหามันแล้ว มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย มันบอกว่าเพิ่งโดนไล่ออกจากยามมา ลูกป้าตนนี้มันทำงานไม่ทนร้อก'

' แปลว่าเค้ากำลังตกงานเหรอคะป้า'

' มันได้งานใหม่แล้ว เป็นยามอยู่แถวรังสิต แต่มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย เพราะมันเพิ่งทำงาน มันบอกมันไม่มีปัญญาเลี้ยงป้าน่ะ'

' ดูป้าก็ไม่ใช่คนกินจุซักหน่อยเนาะ แล้วลูกชายป้าอีกคนล่ะ'

' คนนั้นน่ะ มันทำให้ป้าต้องมาร่อนเร่อยู่อย่างนี้ไงล่ะหนู'

' อ้าว...ทำไมเหรอคะ'

' ก็มันน่ะไปหุ้นกะผู้หญิง แล้วผู้หญิงเค้าโกงไปหมดเลย มันก็เลยกลับมาอยู่บ้าน กลับมาก็ไม่ทำอะไรหรอก หาเรื่องทะเลาะกับญาติคนโน้นคนนี้เค้าไปทั่ว ทะเลาะกันจนเค้าตัดไฟบ้านป้าเลย ป้าขอต่อพ่วงไฟจากบ้านเค้ามาน่ะ'

' ทะเลาะกันรุนแรงเลยสิคะ'

' ฮื่อ พอเค้าตัดไฟ ไอ้ลูกป้าก็หนีหายไปอยู่ที่อื่น พอมันไปแล้ว ญาติ ๆ ก็มายืนด่าป้าปาว ๆ ที่หน้าบ้านทุกวัน ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ป้าก็อับอายเค้า แถมมืดลงก็มองอะไรไม่เห็น เพราะเค้าตัดไฟ ป้าก็เลยต้องออกมาร่อนเร่อย่างนี้แหละหนู มันคงเป็นกรรมเวรของป้าเอง ป้าเลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่เกิด ไปทำงานก่อสร้างที่ไหน ๆ ก็ต้องหอบกระเตงมันไป ป้ากินอย่างอด ๆ อยาก ๆ เพราะต้องหาให้มันกินจนอิ่มก่อน หาเงินส่งเสียให้พวกมันเรียนจนจบม. 3 พอมันโตทำงานกันได้ ป้าก็ยังต้องอด ๆ อยาก ๆ เหมือนเดิม ไม่รู้นะ ว่าป้าทำกรรมทำเวรอะไรมา'

ฟังถึงตรงนี้ กลับเป็นฉันเองที่ต้องแอบเบือนหน้าหนีแก เช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางป้อย ๆ ด้วยความสงสาร
เออหนอ...โลกนี้ช่างขาดความยุติธรรมเสียจริง ๆ ทีกับฉันที่อยากจะเลี้ยงดูพ่อใจแทบขาด
สวรรค์ก็แกล้งเอาลมหายใจพ่อของฉันไปดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น
แต่กับป้าคนนี้ สวรรค์กลับปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่อย่างทุกข์ทน
ทำไมลูก ๆ ของป้าจึงกลับไม่เหลียวแลเลยสักนิด...
ทำไมพวกเค้าไม่ยินดีกับ โอกาส ที่ได้...โอกาสที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนต้องการที่จะได้รับ

ทำไมพวกเค้าปฏิเสธ โชคดี ที่พวกเค้ากำลังได้รับ..โชคดี ที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนก็วาดหวัง

' แล้วป้าจะไปไหนต่อจ๊ะ'

' จริง ๆ ป้าก็อยากทำงาน แต่ไปที่ไหน ๆ เค้าก็ไม่รับ บอกว่าป้าแก่แล้ว

พอดีเพื่อนคนเมื่อวานที่ป้าจะกลับด้วยน่ะ เค้าให้ที่อยู่ไว้ ให้ป้าไปสมัครเป็นแม่บ้านที่ปั๊มน้ำมันเพื่อนเค้าน่ะ'

' ดีจัง แล้วป้าจะไปยังไงล่ะคะ'

' พอดีเมื่อวาน รถเค้าเต็ม วันนี้สาย ๆ ป้าว่าจะออกไปนั่งรถเมล์ไปกรุงเทพน่ะ'

' แล้วป้าไปถูกเหรอคะ'

' ป้าไปมาหมดทั่วประเทศแล้ว ไปไม่ยากร้อก แค่ลาดพร้าว 85 เอง'

' ฮ่ะ ๆ ป้าเก่งกว่าหนูอีกนะเนี่ย หนูยังไปกรุงเทพไม่ค่อยถูกเลย'

ป้าแกส่งเสียงหัวเราะตามฉันพร้อมพูดว่า...
' ถ้าหนูอยากไปไหนบอกป้านะ เดี๋ยวป้าจะพาไป'

ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ จะแปดโมงแล้ว ถึงเวลาปฏิบัติกรรมฐานอีกแล้ว
ฉันจึงขอตัว ก่อนจากกัน ฉันหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนรูดซิบกระเป๋าใบเล็กที่คล้องคออยู่ ที่แสนจะหวงนักหวงหนาเมื่อคืนก่อน ฉันควักเงินออกมาแล้วยัดใส่มือแก พร้อมพูดว่า
' หนูช่วยป้าพอค่าเดินทาง กับค่าอาหารได้แค่สองวันนะจ๊ะ' ป้าใจแกยกมือท่วมหัว ปากก็พร่ำคำขอบคุณคำอวยพรต่าง ๆ นา

ฉันมองเห็นใบหน้าป้าที่เปี่ยมสุข...ก่อนฉันหันหลังเดินจากป้าใจมา พร้อมน้ำตาที่เอ่อท่วมท้น...

เงินเพียงน้อยนิด สร้างสุขให้ป้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ
แล้วป้าเค้าจะได้งานทำหรือเปล่านะ หากไม่ได้งานทำเพราะเหตุผลเดิม ๆ
ป้าใจแกก็ต้องเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิม...
ชีวิตแก จะต้องเดินทางต่อไปอีกยาวไกลแค่ไหนนะ...
ฉันขอภาวนา ให้ลูก ๆ ของป้าสักคน หยุดการเดินทางของ 'แม่' ของเขาด้วยการเลี้ยงดูด้วยเถอะ
แกต้องการแค่ที่นอน และอาหารเพียงสามมื้อที่ไม่ต้องซื้อหามาด้วยราคาแพง ๆ ...แค่นั้นเอง





ยามเด็กแม่อุ้มชู...เลี้ยงดูเจ้า
แม่ต้องเฝ้ายามเจ้าป่วย ร้องไห้จ้า
ต้องแบกหาม จนบ่าทรุดเลี้ยงเจ้ามา
ทั้งการศึกษาให้แก่เจ้า...อย่างลำเค็ญ

แม่เพียงหวังเห็นเจ้าได้เติบใหญ่
พร้อมกับใจรักแม่ ที่ยากเข็น
ไม่เคยขอสิ่งใดเกินจำเป็น
เพียงทำเช่นแม่เคยทำ...กับเจ้ามา

ลูกหลายคนแม่เลี้ยงเจ้ามาได้
แม่คนเดียวไฉน...จึงปล่อยลำบากหนา
ต้องเร่ร่อนนอนวัดพลัดถิ่นมา
กินน้ำตาต่างข้าวไปวัน..วัน

แลกข้าวแม่แต่ละมื้อ..กับบุหรี่ได้ใหมเล่า
ที่เจ้าเฝ้าเผาพ่นเพลินอย่างสุขสันต์
แลกที่ซุกหัวนอนให้แม่..กับน้ำจันท์
ขอแลกมันกับค่าน้ำนมแม่...ได้ใหมเอย

เพียงแค่นี้...ทำไมทำให้แม่ตัวเองไม่ได้นะคะ ( ถึงกับน้ำตาไหลเลย...คิดถึงแม่จังเลยค่ะ )




 

Create Date : 30 กันยายน 2551    
Last Update : 30 กันยายน 2551 10:59:48 น.
Counter : 120 Pageviews.  


maikarut
Location :
นครสวรรค์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชีวิต...มันก็ยากอย่างนี้แหละน๊า...ชิมิส์
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add maikarut's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.