'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

วิถีธรรมใน 'กำบ่ะเก่า' (๑)




มี 'กำบ่ะเก่า' อยู่หลายกำตี้สะท้อนถึงผญ๋าหรือภูมิปั๋ญญาของคนบ่ะเก่าตี้ลึกซึ้งคมคาย...
บ่งบอกถึงฮีตฮอยและวิถีชีวิตตี้นับวันจะเลือนลางจ๋างหายไปกับวันเวลา...
ใคร่จะหยิบยกมาบอกเล่า...วันละเล็กละน้อยเผื่อละอ่อนรุ่นหลังจะได้ฮู้จัก
และ(ถ้า)เห็นคุณค่าพอก็จะได้จ้วยกั๋นสืบสานและอนุรักษ์สืบต่อไป...เจ้า






'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น'

คำแปล : หัวใจไพร่ฟ้าประชาชน หัวใจเจ้าคนนายคน แขวนอยู่ที่ต้นเดียวกัน


ขยายความ

คำว่า 'ข้า' หมายถึงผู้รับใช้หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
คำว่า 'เจ้า' หมายถึงเจ้าหน้าที่ หรือเจ้านาย ผู้มีอำนาจเหนือกว่า
โดยตำแหน่ง ข้ากับเจ้าจะอยู่คนละระดับ ซึ่งโดยสมมติ เรายกให้เจ้าอยู่ที่สูง และข้าอยู่ที่ต่ำ

แต่ตามคำโบราณนี้ท่านว่าจะสูงจะต่ำก็ห้อยอยู่ที่ต้นไม้ต้นเดียวกัน
เพียงแต่เจ้าห้อยอยู่กิ่งบน ข้าห้อยอยู่กิ่งล่าง โดยมีแกนหลักคือต้นไม้ต้นเดียวกัน

แกนหรือหลักของชีวิตคือ ขันธ์ แยกเป็นรูปกับนาม
รูปได้แก่กายซึ่งประกอบด้วยธาตุสี่ เป็นที่รองรับนาม
คือจิตใจซึ่งมีหน้าที่รู้สี่อย่าง คือ เวทนา(รู้สึก), สัญญา(รู้จำ), สังขาร (รู้คิด), วิญญาณ (รู้แจ้ง)

โดยทางรูปธรรม คนเราอาจแตกต่างกันที่ สูง ต่ำ ดำ ขาว เพราะมีปัจจัยภายนอกมาปรุงแต่ง
แต่ในทางนามธรรม หรือทางจิตใจทุกคนเกิดมามีจิตเดิมแท้เหมือนกันหมด

หากแต่มาเศร้าหมองในภายหลังด้วยกิเลสที่จรมาเกาะกุม
'เจ้า'อาจจะมีกิเลสมากกว่า'ข้า'
หรือ'ข้า'อาจจะมีกิเลสมากกว่า'เจ้า'
แต่ 'เก๊า' (เค้า)เดิมของจิตยังยิ่งใหญ่ ยืนยงดุจต้นไม้ต้นเดียวกัน
ต่างที่แขนงที่แตกออกไปไม่เท่ากันนั่นเอง

ทั้งเจ้าและข้าต่างมีหน้าที่ทางกายแตกต่างกัน แต่ทางใจมี'เค้า'เท่ากัน

ในทิศธรรมหกประการ มีอยู่ข้อหนึ่งที่ระบุให้เจ้านายปฏิบัติต่อลูกน้องอย่างมีเมตตา
และโดยนัยเดียวกันก็ให้ลูกน้องปฏิบัติต่อนายจ้างอย่างมีเมตตาเช่นกัน

หากในสมัยนี้ไม่มีใครนำเอาทิศธรรมทั้งหกประการนั้นมาปฏิบัติต่อกัน บ้านเมืองจึงเกิดความสับสนวุ่นวายอยู่อย่างทุกวันนี้แล





ทิศทั้งหกได้แก่

๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า หมายถึงบิดามารดา
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา หมายถึงครูบาอาจารย์
๓. ปัจฉิมทิส คือทิศเบื้องหลัง หมายถึงภรรยา (สามี) และบุตร
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย หมายถึง มิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องล่าง บ่าว (ข้ารับใช้ หรือลูกน้อง)
๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน หมายถึงสมณพราหมณ์แลนักบวช






อ้างอิง : ๑.ภูมิปัญญาล้านนาชน อ.มานิต สุทธจิตต์
๒.นวโกวาท กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ







 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2561 12:47:28 น.
Counter : 3950 Pageviews.  

กำบ่ะเก่า...บ่เล่าอาจจะลืม(๑)

คติสอนใจ๋ของคนบ่ะเก่าล้านนามีอะหยังตี้ชวนหื้อฉุกใจ๋คิดอยู่บ่น้อย...
เอามาเล่า มาขยายความ วันละเล็กละน้อยเน้อเจ้า...



"กิ๋นหื้อปอต๊อง หย้องหื้อปอตั๋ว "

คำแปล : กินให้พอดีกับท้อง แต่งตัวให้พอดีกับตัว
ขยายความ : อันนี้ตรงเป๊ะกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่กำลังรณรงค์กันอยู่ทุกวันนี้
มีคำโบราณอีกคำหนึ่งที่สอดคล้องกับคตินี้คือ "ปากกว้างกว่าต๊อง" หมายถึงคนที่มีปากใหญ่กว่าท้อง...ท้องมันร้องว่าพอ พอ...แต่ปากเจ้าของกลับไม่ยอมหยุดกิน คนที่ตายด้วยโรคอาหารเกินจึงมีมากกว่าคนที่เป็นโรคขาดอาหาร...



"กิ๋นนักหื้อเต้าป๋ายก้อย กิ๋นน้อยหื้อเต้าหัวแม่มือ"

คำแปล : กินมากให้เท่าปลายนิ้วก้อย กินน้อยให้เท่าหัวแม่มือ
ขยายความ : พระพุทธองค์ทรงอุปมาไว้ว่า "แม้จะเนรมิตภูเขาทองคำสักสองลูก ก็ยังไม่จุใจคนที่มีตัณหาเพียงคนเดียว" นั่นเพราะคน ๆ นั้นเขา"อยาก"อะไรเท่าหัวแม่มือมากกว่าเท่าปลายนิ้วก้อย...



"เก็บผักหื้อเอาตึงเครือ เก็บบ่าเขือหื้อเอาตึงขวั้น"

คำแปล : เก็บผักให้เอาทั้งเครือ เก็บมะเขือให้เอาทั้งขวั้น
ขยายความ : เครือของผักมีทั้งใบแก่ใบอ่อน ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ทางสารอาหาร และขวั้นของมะเขือนั้นถึงแม้เราจะไม่รับประทานแต่ก็ต้องเก็บออกจากต้น เพราะหากทิ้งไว้คาต้น มันจะเป็นเหตุขัดขวางความเจริญเติบโตของมะเขือ่อนที่กำลังผลิงอกตามหลังมา...
ตรงกับสำนวนที่ว่า...ปัญญาชนมองแต่ต้นถึงปลาย คนงมงายมองแต่ปลายทางเดียว



**อ้างอิง : ภูมิปัญญาล้านนาชน อ.มานิต สุทธจิตต์
**คำค้น : กำบ่ะเก่า, กำบ่าเก่า, กำบะเก่า



เครดิตภาพจากน้องมองฟ้า คนเมืองดอทคอมเจ้า







 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 9 มกราคม 2551 17:01:35 น.
Counter : 2974 Pageviews.  

นิทานพื้นบ้าน เรื่อง "หมาขนคำ"

นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานพื้นบ้านของจังหวัดลำปางเจ้า....

(กาลครั้งหนึ่ง...นานมาก ๆ) มีนายพรานคนหนึ่งได้เลี้ยงหมาตัวเมียไว้หนึ่งตัว ในย่านนั้นไม่มีหมาตัวผู้อยู่เลย วันหนึ่งแม่หมาเกิดตั้งท้องขึ้นมา นายพรานเกรงจะถูกชาวบ้านครหาว่ามีเมียเป็นหมา จึงคิดจะกำจัดแม่หมา บ้านของนายพรานอยู่ในย่านบ้านเหล่าปลดริมป่า คือบ้านเสาสูงแบบเรือนต้นไม้ ราวบันไดปลดเก็บขึ้นไว้บนเรือนเพื่อป้องกันมิให้สัตว์ร้ายขึ้นเรือนไปทำร้ายชีวิตคนบนบ้านได้ เย็นวันหนึ่ง นายพรานปลดบันไดบ้านเก็บไว้บนบ้านโดยทิ้งแม่หมาไว้ข้างล่าง โดยหวังที่จะให้เสือมาคาบแม่หมาเอาไปกิน แม่หมาก็วิ่งหนีไปถึงดอยผาสามเส้าริมดอยวัดม่วงคำ
(เขตอำเภอแม่ทะ) แล้วคลอดลูกแฝดเป็นเด็กสาวน่ารักสองคน แม่หมาก็ไปหาอาหารมาเลี้ยงลูกน้อย และคาบเสื้อผ้าที่ชาวบ้านตากไว้บนราวตากผ้านำไปให้ลูกสาวสวมใส่ ลูกสาวฝาแฝดโตเป็นสาว คนพี่ชื่อ นางเจตะกา คนน้องชื่อนางบัวตอง กิตติศัพท์ความงามของหญิงสาวทั้งสองกระฉ่อนไปถึงในเมือง


เมื่อพระยาเจ้าเมืองทราบข่าว ปรารถนาจะได้ธิดาแฝดไปเป็นมเหสีซ้ายขวา ขบวนวอทองก็ไปรับสองธิดาแฝดที่ดอยผาสามเส้าขณะที่แม่หมาไม่อยู่ ธิดาแฝดบัวตองผู้น้องแสดงความเสียใจร้องไห้คร่ำครวญถึงแม่หมา ส่วนผู้พี่มีทีท่าตื่นเต้นที่มีวาสนาจะได้เข้าไปอยู่ในวัง พระยาเจ้าเมืองได้สร้างปราสาทสองหลังให้นางเจตะกาและนางบัวตองอยู่คนละหลัง

ฝ่ายแม่หมาเมื่อกลับมาถึงผาสามเส้าก็พบว่าลูกสาวหายไป แม่หมาก็เห่าหอนและตะกุยหน้าผาจนเป็นรอยคล้ายเล็บเท้าฝังในเนื้อหินผาที่ชาวบ้านเรียกว่ารอยตีนหมาขนคำร้องไห้หาลูกสาว มาจนทุกวันนี้

พระอินทร์เวทนาแม่หมาจึงเนรมิตให้แม่หมาพูดได้ แม่หมาจึงเดินทางติดตามหาลูกสาวถึงในเมือง แม่หมาได้ถามไถ่ชาวบ้านมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงปราสาทของนางเจตะกา ทหารได้ซักถามแม่หมาว่ารู้จักและเกี่ยวข้องกับนางเจตะกาอย่างไร แม่หมาก็บอกว่านางเจตะกาเคยเป็นนายเก่ามาก่อน ครั้นเมื่อทหารนำความมาแจ้งแก่นางเจตะกา นางเจตะกากลัวว่าจะอับอายที่มีแม่เป็นหมา จึงสั่งให้ทหารทำร้ายแม่หมาจนได้รับบาดเจ็บวิ่งหนีไป


แม่หมาได้รับบาดเจ็บก็วิ่งมาถึงปราสาทนางบัวตอง นางบัวตองรีบวิ่งมารับแม่หมานำเข้าไปในปราสาทเพื่อเยียวยารักษา ให้ข้าวให้น้ำแก่แม่หมา นางบัวตองได้ทูลขอหีบขนาดใหญ่จากสวามีโดยบอกว่าจะเอาไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าภายในกำหนดเวลาเจ็ดวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางบัวตองได้นำหีบไว้เป็นที่ซ่อนของแม่หมาในวัง เมื่อครบเจ็ดวันแล้ว แม่หมาทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็สิ้นใจตาย พระอินทร์ได้เนรมิตร่างแม่หมาให้กลายเป็นแก้วแหวนเงินทอง เมื่อพระยาเจ้าเมืองพบว่ามีแก้วแหวนเงินทองเต็มหีบ พระองค์ก็โปรดปรานนางบัวตองเป็นอันมาก พระองค์ก็ให้นางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าอีกครั้งหนึ่ง นางบัวตองมีความเสียใจที่แม่หมาเสียชีวิต นางจึงคิดจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย บริเวณข้างล่างของหน้าผาเป็นที่อยู่ของยักษ์ซึ่งป่วยเป็นฝีกลัดหนองเจ็บปวดมาก เมื่อนางบัวตองกระโดดลงไปกระทบกับร่างของยักษ์ทำให้ฝีแตก ยักษ์จึงหายปวดเป็นปลิดทิ้ง ยักษ์จึงมอบทรัพย์สมบัติให้นางบัวตองเป็นอันมาก นางบัวตองจึงนำสมบัติกลับวัง


ฝ่ายนางเจตะกา เมื่อทราบข่าวว่านางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า นางก็รู้สึกอิจฉานางบัวตอง นางจึงอาสาพระยาเจ้าเมืองจะไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า เมื่อไปถึงผาสามเส้านางเจตะกาก็กระโดดหน้าผาตามที่นางบัวตองแนะนำ ด้วยความที่นางเจตะกามีบาปหนาฆ่าแม่ของตัวเอง ยักษ์จึงจับนางเจตะกากินเป็นอาหาร แล้วยักษ์ก็ไล่กินขบวนช้างม้าตายเกลื่อนเป็นจำนวนมาก สถานที่แห่งนี้จึงเรียกว่าโทกหัวช้างในปัจจุบัน ( อยู่ในเขตอำเภอเมืองลำปาง )

จบแล้วเจ้า...นิทานเรื่องนี้สอนหื้อฮู้ว่า...โลภนัก...ลาภมักหาย เจ้า








 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2550 14:54:03 น.
Counter : 31272 Pageviews.  

~อาขยานล้านนา~







ภูมิปัญญาล้านนาที่ไม่ปรากฎนามผู้แต่ง...หากเป็นสากลอย่างยิ่ง...

สิบแหลม ซาวแหลม บ่เท่าแหลมใบข้าว
สิบเหล้า ซาวเหล้า บ่เท่าเหล้าเดือนเกี๋ยง
สิบเสียง ซาวเสียง บ่เท่าเสียงแมงว้าง
สิบจ๊าง ซาวจ๊าง บ่เท่าจ๊างเอราวัณ...

อายุสิบปี๋ อาบน้ำบ่หนาว
อายุซาวปี๋ แอ่วสาวบ่ก้าย
สามสิบปี๋ บ่หน่ายสงสาร
สี่สิบปี๋ ยะก๋ารเหมือนฟ้าผ่า...

อายุห้าสิบปี๋ สาวด่าบ่เจ็บใจ๋
หกสิบปี๋ ไอเหมือนฟ้านโขก
เจ็ดสิบปี๋ มะโหกเต็มตัว
แปดสิบปี๋ ใคร่หัวเหมือนไห้...


อายุ เก้าสิบปี๋ ไข้ก็ต๋าย บ่ไข้ก็ต๋าย
จะเอาอันใด ไปบ่ได้สักอย่าง
บ่สัวะบ่วาง บ่หายหม่นเศร้า
กำบ่าเก่า เล่าไว้มาเมิน ....
เลยวาง.........











 

Create Date : 20 ตุลาคม 2550    
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 15:36:37 น.
Counter : 2497 Pageviews.  

กำเมืองวันละกำ - "ม่วน"

กำเมืองวันละกำวันนี้ ขอเสนอกำว่า "ม่วน"

"ม่วน" แปลว่า สนุกสนาน เช่น หนังสือเล่มนี้อ่านม่วน ละครเรื่องนี้ม่วนขนาด...
"ม่วน" แปลว่า สบาย ๆ รู้สึกดี ๆ เช่น วันนี้ม่วนอกม่วนใจ๋แต่เช้า...
"ม่วน" แปลว่า เพราะ หรือ ไพเราะ เช่น น้องบี้ เดอะสตาร์ฮ้องเพลงม่วนดี...

จบกำเมืองวันละกำสำหรับวันนี้เจ้า







 

Create Date : 24 กันยายน 2550    
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 12:25:25 น.
Counter : 12464 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.