'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

เด็กหญิงสายรุ้ง & รอวันนั้น






เด็กหญิงสายรุ้ง แปลจาก ' The Rainbow Kid '
เขียนโดย : จีนน์ เบทันคอร์ต
แปลและเรียบเรียงโดย "อัปสรา"
จัดพิมพ์โดย สนพ.ดอกหญ้า / มกราคม ๒๕๓๘




เรื่องย่อ :
เอวีว่า แกรงเกอร์ เด็กหญิงชั้นประถม ๖ ต้องกลายเป็นเด็กที่มีสองบ้าน เมื่อพ่อกับแม่ของเธอตัดสินใจแยกทางกัน

เธอขึ้นต้นบันทึกของเธอว่า...

'ตั้งแต่นี้ไป พ่อกับแม่จะผลัดกันรับฉันไปอยู่ด้วย...หมายถึงพ่อและแม่ต้องแบ่งฉันออกเป็นสองส่วน ส่วนละเท่า ๆ กัน
ฉันจะอยู่กับแม่อาทิตย์หนึ่ง และอยู่กับพ่ออาทิตย์หนึ่ง สลับกันไปมาอย่างนี้เรื่อยไป
แม่บอกฉันว่าฉันจะเป็นเด็กที่มีสองบ้าน
แต่ฉันบอกว่า ฉันเป็นเด็กไม่มีบ้าน
ฉันมีแม่หนึ่งคน - - ครึ่งเวลา
ฉันมีพ่อหนึ่งคน - - ครึ่งเวลา
แต่ไม่มีบ้าน
สิ่งหนึ่งที่ฉันมีตั้งสองคือห้องนอน
เด็กหญิงเอวิวา แกรงเกอร์ เป็นเด็กไม่มีบ้าน แต่มีสองห้องนอน - -'





"เด็กหญิงสายรุ้ง" เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่สะท้อนความสำคัญของครอบครัว - -

ครอบครัวที่เป็นแหล่งรวมความรักและความอบอุ่นอันเป็นที่ปรารถนาของคนทุกคน

มีเรื่องราวที่ซ้ำ ๆ คล้าย ๆ กันกับวรรณกรรมเยาวชนแนวครอบครัวหลายเรื่องคือ เมื่อพ่อกับแม่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป
ผลกระทบอันใหญ่หลวงจะต้องตกอยู่กับผู้เป็นลูก...

ความแตกต่างอาจจะอยู่ที่วิธีปฏิบัติต่อปัญหานั้น ๆ ของคนเป็นผู้ใหญ่
และความพยายามที่จะทำความเข้าใจของเด็ก ๆ ซึ่งดูเหมือนว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน

เพราะเมื่อหัวใจดวงน้อย ๆ ต้องถูกแบ่งครึ่ง...

เธอจึงต้องสร้างสายใยเพื่อมาเชื่อมโยงหัวใจทั้งสองข้างของเธอให้เดินทางไปพร้อม ๆ กัน











รอวันนั้น /Are You There God? It's Me, Margaret
Judy Blume /เขียน
กันยรัตน์ ปฐมกุลมัย/แปล
สนพ.กันยา /พิมพ์ (ครั้งที่๔ มิ.ย. ๒๕๓๓)



เรื่องย่อ :

เป็นบทบันทึกของสาวน้อยวัยสิบเอ็ด...(ใกล้จะสิบสอง) ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต...
เธอถูกปลูกฝังให้เชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าเสมอมา...
หลายครั้งหลายครา เมื่อเกิดปัญหาและรู้สึกสับสน (สำหรับเด็กหญิงวัยแค่นี้ ปัญหาทุกปัญหาเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสมอ)
เธอจะเพรียกหาพระผู้เป็นเจ้า พร่ำภาวนาให้ท่านอวยพรให้แก่เธอ
ซึ่งดูเหมือนว่า...เมื่อเธอทำเช่นนั้น ปัญหาของเธอจะได้รับการแก้ไขให้คลี่คลายหรือไม่ก็เบาบางลงไปได้ในระดับหนึ่ง...

หากก็ไม่ใช่ทุกครั้ง...
บางสิ่งบางอย่างที่เธอรอคอยและวาดหวัง กลับไม่เป็นดังใจ...
ปัญหาบางปัญหาดูเหมือนว่ายิ่งแก้ยิ่งพาสับสน..

และนั่นจะทำให้ความเชื่อมั่น ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าของเธอสั่นคลอนหรือไม่ อย่างไร...?





เล่มนี้จำได้ว่าอ่านฉบับภาษาอังกฤษเมื่อนานมากแล้ว
ในไดอารี่เล่มเก่าที่คอมเมนต์หนังสือเล่มนี้ไว้บอกว่า Silly touch!
มาเจอฉบับแปลในกระบะหนังสือเก่าเมื่อไม่นานมานี้ก็คว้าหมับทันที
อ่านอีกรอบก็ยังคงคอมเมนต์เหมือนเดิม...

ปกติจะชอบงานเขียนของจูดี้ บลูมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ส่วนตัวคิดว่าอ่านของเธอเกือบครบทุกเล่มนะ นับตั้งแต่เรื่องของเด็กเล็ก ๆ อย่างปีต้าร์กับฟัดจี้ใน Fourth Grade Nothing . ..
ดีนี่...สาวน้อยผู้ไม่อยากเป็นนางแบบ...
คาเรน ใน It's Not the End of the World
ฯลฯ

เรื่องราวของเด็ก ๆ วัยก่อนรุ่นของนักเขียนคนนี้ ประทับใจนักอ่านหนังสือเด็กอย่างเราเสมอมา...

ทั้ง ๆ ที่บริบททางสังคมของบ้านเขาบ้านเราจะค่อนข้างแตกต่างกันก็ตามทีเถอะ...
แต่รู้สึกว่าคนเขียนเขาช่างเอาหัวใจไปใส่ไว้ในใจเด็ก ๆ ได้อย่างลึกซึ้งและแนบเนียนนัก

แต่ค่อนข้างผิดหวังนิด ๆ กับงานเขียนสำหรับวัยรุ่นของเธอ...อย่าง Forever กับ Summer Sisters
และนิยายสำหรับคนโต ๆ แล้วอย่าง Wifey,Smart Woman etc.,
รู้สึกเธอจะเน้นในรายละเอียดของกิจกรรมทางเพศมากไปหน่อย
ถึงแม้จะออกแนววิเคราะห์ทางจิตวิทยาก็เถอะ

มันรู้สึกเฟ้อ ๆ เฝือ ๆ ล้น ๆ ยังไงชอบกล
นึกว่าจะได้อ่านนิยายว่าด้วยความสัมพันธ์อันซาบซึ้งประทับใจ
กลับกลายเป็นอ่านอีโรติกโรแมนซ์ไปซะนี่...

แหะ ๆ รีวิวหนังสือเด็ก แต่ไพล่ไปบ่นเรื่องอะไรก็ไม่รู้

เอาเป็นว่าวันนี้ของเล่าถึงสองเล่มนี้ก่อนแล้วกันค่ะ
ไว้ว่าง ๆ จะเอาเล่มอื่นมาบอกต่อต่อไป






**เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ค่ะ








 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 12:30:04 น.
Counter : 2794 Pageviews.  

"เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน" แปลจาก The Pinballs (By Betsy Byars)







เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน แปลจาก The Pinballs
By Betsy Byars
"กันยรัตน" /แปล
สนพ.กันยา /มิถุนายน ๒๕๓๔


เรื่องราวของ "เด็กจรจัด" ๓ คนกับความหมายของคำว่า "บ้าน"
วรรณกรรมเยาวชน ๘ รางวัลยอดเยี่ยม






เรื่องย่อ :

ฤดูร้อนนั้น เด็กชายสองคนกับเด็กหญิงหนึ่งคนได้เข้าไปอยู่ร่วมกันใน "บ้านอุปถัมภ์" แห่งหนึ่ง

ฮาร์วี - -ถูกพ่อขับรถทับขาหักทั้งสองข้าง ศาลต้องแยกเขาจากพ่อ...
"จนกว่าผู้เป็นพ่อจะสามารถควบคุมการดื่มสุราของตนเองและมีบ้านที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก"

ฮาร์วีต้องนั่งรถเข็น แต่เมื่อใดที่เขาพูดว่า "ฉันไม่ไหว..." นั่นเขาหมายถึงที่ "ใจ" ไม่ใช่ที่ "ขา"

โทมัส เจ. - - เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกใคร ตอนอายุสองขวบมีคนทิ้งเขาไว้ที่โรงนา ราวกับเขาเป็นลูกหมาตัวหนึ่ง หญิงชราฝาแฝดตระกูลเบนสันนำเขาไปเลี้ยง
แต่แล้ววันหนึ่งฝาแฝดทั้งคู่ก็ประสบอุบัติเหตุตะโพกหักพร้อมกันตอนอายุ ๘๘ ปี โทมัส เจ.จึงถูกทางการค้นพบเป็นครั้งแรก
เขาถูกส่งไปบ้านอุปถัมภ์...
"จนกว่าจะสามารถสืบรู้ความจริงว่าเขาเป็นใคร หรือไม่ก็จัดหาพ่อแม่บุญธรรมถาวรได้..."

โทมัส เจ.ไม่สามารถเขียนจดหมายที่มีข้อความเกินหนึ่งประโยค...และไม่อาจพูดคำว่า "รัก"

คาร์ลี - - เด็กหญิงเจ้าอารมณ์ โมโหร้าย สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือการดูทีวี เธอต้องมาอยู่บ้านอุปถัมภ์เพราะเธอเข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่
"จนกว่า...สถานการณ์ในบ้านจะมั่นคง" นั่นเท่ากับว่า..."หนูคงต้องอยู่ไปจนเข้าบ้านพักคนชรานั่นแหละ..."
คาร์ลีเป็นเด็กที่หวาดระแวงและไม่ยอมไว้ใจใครง่าย ๆ เธอยืนยันว่า...เธอจำได้ว่าหมอที่ทำคลอดเธอทำเธอหล่นพื้น...
"..'ไม่มีใครทำหนูตก' แม่ของเธอบอก ' ถ้ายังงั้น ทำไมหน้าหนูถึงได้แบนแต๊ดแต๋อย่างนี้ล่ะ รึว่าหนูโดนเตารีดทับ? ' ..."

พวกเขาคือเด็ก ๆ ที่ไม่ได้อยู่"บ้าน" และอาจจะไม่ได้กลับไปอีกเลย แต่ "บ้าน"ที่แท้จริงมันคืออะไรกันเล่า...?

บางทีพวกเขาอาจจะค้นพบคำตอบ...ด้วยกัน







ความเห็นส่วนตัว (นิดนึง)
ในฉบับภาษาไทย ผู้แปลตั้งชื่อหนังสือว่า "เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน" เพราะเธอเน้นในเรื่องของโครงเรื่องและเนื้อหา

แต่ส่วนตัวคิดว่าผู้แต่งไม่ได้เน้นตรงจุดนี้
ในฉบับภาษาอังกฤษ เรื่องนี้ชื่อ "The Pinballs" ซึ่งน่าตรงตามแก่นของเรื่อง(Theme) มากกว่า ...

ในเรื่อง...เด็กสามคน ต่างเพศ ต่างวัย ต่างพื้นฐาน ต่างลักษณะนิสัย ต้องมาอยู่ร่วมกัน
เมื่อถูกขอให้ช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะฮาร์วี ซึ่งขาหักทั้งสองข้าง...

คาร์ลีปฏิเสธและบอกว่า พวกเขาทั้งสามคน...
"มันก็เหมือนกับลูกกลม ๆ ในตู้ป๊อก พอคนหยอดเหรียญแลัวกดปุ่ม พวกเราก็โดนดีดออกมา จะพร้อมหรือไม่ก็ช่าง
แล้วก็กลับมากองอยู่ในรางเดียวกันอีก...
ทีนี้ คุณคงไม่เคยเห็นลูกป๊อกช่วยเหลือกัน จริงมั๊ย...?
...หนูช่วยฮาร์วีไม่ได้ และช่วยตัวเองไม่ได้ด้วย...
ลองสังเกตดูตู้ป๊อกให้ดีสิ...คุณอาจจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับชีวิต..."


แต่...ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่นานนักของการอยู่ร่วมกัน ความรู้สึกผูกพัน และความเข้าใจในกันและกัน
ก็ค่อย ๆ ซึมซาบเข้าสู่จิตใจของเธอ...
และแล้วคาร์ลีก็ได้เรียนรู้ว่า...ที่ผ่านมาเธอเข้าใจผิด...
จริงอยู่ที่ว่าลูกป๊อกมันช่วยตัวเองไม่ได้ แต่พวกเธอสามารถเลือกได้ที่จะไม่ทำตัวเป็นลูกป๊อกนี่นา...
เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นและไว้ใจผู้อื่น...ยอมรับการช่วยเหลือและพร้อมจะช่วยผู้อื่นหากทำได้...

"อย่าให้ใครมาเรียกเธอว่าลูกป๊อกเด็ดขาดนะ...แล้วก็ตราบใดที่เราพยายาม...เราก็ไม่ใช่ลูกป๊อก..."

ในขณะเดียวกัน ฮาร์วีก็เรียนรู้ที่จะไม่โกหกเพื่อนและเปิดใจมากขึ้น
ส่วนโทมัส เจ.ก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเพื่อนในวัยใกล้เคียง และไม่เฉยเมยต่อความรักความอาทรที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้...


วรรณกรรมเยาวชนรุ่นเก่า ที่นำมาอ่านใหม่ อ่านทีไรก็ยังคงความประทับใจไม่รู้ลืม...

ผู้เขียน ( Betsy Byars) บอกว่า ...
"หนังสือของฉัน มักจะเริ่มจากอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นจริง ๆ "




**เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ค่ะ








 

Create Date : 26 ธันวาคม 2551    
Last Update : 6 มิถุนายน 2552 9:31:07 น.
Counter : 1298 Pageviews.  

เด็กสาวจากดาวใส ~ Stargirl By Jerry Spinelli (แปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา)





เด็กสาวจากดาวใส (Stargirl)
ผู้เขียน :Jerry Spinelli
ผู้แปล: จิระนันท์ พิตรปรีชา
ผู้พิมพ์ :สำนักพิมพ์แจ่มใส
พิมพ์ครั้งแรก ๒๕๔๗







โปรยปกหลัง (เรื่องย่อ)

นับแต่ก้าวแรกที่เธอย่างเหยียบเข้ามาในโรงเรียนมัธยมไมคา
บรรยากาศอันซบเซาก็ถูกแทนที่ด้วยสีสันเปี่ยมชีวิตชีวา
เสียงเรียกชื่อเธอดังกระหึ่มไม่ขาดสาย “สตาร์เกิร์ล...สตาร์เกิร์ล!”

เธอคว้าหัวใจของลีโอ บอร์ล็อคไปครองด้วยยิ้มแรกพบ
เธอปลุกระดมสปิริตใหม่ในโรงเรียนด้วยลีลาเชียร์ลีดเดอร์ที่ทุกคนต้องตะลึง
เธอสะกดเพื่อนนักเรียนทุกคนด้วยมนต์เสน่ห์ลึกลับ...ในตอนแรก

แล้วทุกคนก็เริ่มต่อต้านเธอ สตาร์เกิร์ลถูกตั้งข้อรังเกียจเพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมือนใคร
คนที่เดือดร้อนจึงกลายเป็นลีโอซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงรัก
แต่ก็หวั่นไหวไปกับกระแสสังคมในรั้วโรงเรียน
เขาพยายามชักนำให้เธอทำตัวเป็นสิ่งที่เธอเป็นไม่ได้...
เป็นคนธรรมดา

เจอร์รี่ สปินเนลลิ นักเขียนมือรางวัลนิวเบอร์รี่ แสดงฝีมืออีกครั้ง
ด้วยการเรียบเรียงถ้อยคำเปี่ยมจินตนาการมาเล่าเรื่องราวประทับใจของสตาร์เกิร์ล
ไม่ว่าจะเป็นหายนะภัยที่มากับความดัง
หรือรักแรกของวัยรุ่นที่จุดแรงบันดาลใจไม่รู้จบ







ชวนคุยค่ะ...
เพิ่งได้หนังสือเล่มนี้มาค่ะ หลังจากที่เห็นผ่านตามาจากหลายที่เต็มทีแล้ว
อ่านจบภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะชอบมากกกกก........
ไม่รู้เหมือนกันว่าพลาดวรรณกรรมดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง...
ตอนแรกดูจากปก อ่านคำโปรยปกสั้น ๆ คิดเอาเองว่า...ก็คงเป็นชิกลิทแหวว ๆ ธรรมดา ๆ อีกเล่มที่เขียนถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของเด็กในวัยมัธยม...
ไอ้เรารึก็พ้นวัยนั้นมาเนิ่นนานแล้วคงไม่เก็ทแน่...ก็เลยมองข้ามเสีย...

แต่มาอ่านเจอรีวิวจากบล็อกใครสักคนหนึ่ง (ขอโทษค่ะที่อาจจะจำไม่ได้ว่าจากบล็อกของใคร...)
รู้สึกสะดุดแล้วก็ปักหมุดไว้ว่า...ต้องหามาอ่าน

เมื่อได้เริ่มต้นอ่านก็ต้องอ่านอย่างต่อเนื่อง...พร้อมกับตามลุ้นวีรกรรมของสาวน้อยสตาร์เกิร์ลอย่างใจจดใจจ่อไปจนตลอดเรื่องเลยทีเดียว...
จนจบก็สรุปในใจว่า...นี่ไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนธรรมดา ๆ เสียแล้ว
หากแต่เป็นวรรณกรรมแนวปรัชญาแห่งการมองชีวิตด้านในอีกเล่มหนึ่งทีเดียว

เรื่องราวของสตาร์เกิร์ล - -สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้บอกเล่าผ่านมุมมองและความรู้สึกของลีโอ บอร์ล็อค
เด็กหนุ่มขี้อายวัยสิบหก

ซึ่งดูเหมือนว่าเขาได้พยายามแล้วที่จะสลัดทั้งอคติและฉันทาคติส่วนตัวเพื่อให้ผู้อ่านได้มองเห็นและรู้จักสตาร์เกิร์ลในแบบที่เธอเป็นอย่างแท้จริง...อย่างตรงไปตรงมา...

สิ่งที่เธอคิด สิ่งที่เธอทำอาจจะดูแปลกและสวนกระแส แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะปฏิเสธได้ว่าความคิดและการกระทำของเธอไม่ได้เข้าไปปลุกเร้าสัญชาตญาณหรือจิตสำนึกบางอย่างอันพึงจะมีในความเป็นมนุษย์ของเรา
นั่นคือสภาวะความเป็นกลาง - -ไม่ซัดส่ายเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งระหว่าง ถูก - ผิด , ดี -ชั่ว ซึ่งล้วนแต่เป็นสมมติบัญญัติที่มนุษย์บัญญัติกันขึ้นมาเอง

สิ่งที่เธอคิดและทำนั้นมันพวยพุ่งออกมาจากภายในตัวตนของเธอล้วน ๆ โดยไม่ได้อิงอาศัยประสบการณ์ทางโลกหรือผ่านการกลั่นกรองจากธรรมเนียมประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาในสังคมรอบตัว

อ่า...พูดมากไปจะพาออกทะเลไปไกลเกินกู่เสียแล้ว
เอาเป็นว่าขอ quote คำบรรยายถึง "ตัวตน" ตลอดถึงวิธีคิด วิธีพูดของสตาร์เกิร์ลจากในหนังสือมาถ่ายทอดต่อสักสั้น ๆ แล้วกันค่ะ






เริ่มตั้งแต่ชื่อที่ฟังดูแปลก ๆ ของเธอ...

'...เธอเปลี่ยนชื่อทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าชื่อเก่าไม่เหมาะสมกับเธออีกต่อไป
เธอเคยเป็นซูซาน - - หนูกระเป๋า - - ขนมผิง ฮัลลี่กัลลี่ แล้วก็...สตาร์เกิร์ล - -
"เพราะตัวฉันไม่ใช่ชื่อของฉัน ชื่อเป็นเพียงสิ่งที่ฉันสวมใส่
เหมือนกับเสื้อผ้า ถ้ามันเก่าหรือคับไป ฉันก็เปลี่ยนใหม่..."'

'...เธอเป็นสิ่งลี้ลับประจำวันนี้และพรุ่งนี้
เธอคือกลิ่นอ่อน ๆ ของดอกกระบองเพชรที่แทบสัมผัสไม่ได้
เธอคือเงาปีกยามขยับบินของนกเค้าแมวจิ๋ว...'

'...เธอหัวเราะโดยไม่มีเรื่องขำ เธอเต้นระบำโดยไม่มีเสียงดนตรี
เธอไม่มีเพื่อน แต่เธอก็ทำตัวเป็นเพื่อนจี๋จ๋ากับทุกคนในโรงเรียน...'

เธอบอกว่า...

"ไม่มีใครมีเวลา เวลาไม่มีเจ้าของซักหน่อย เวลาเป็นของฟรีสำหรับทุกๆคน..."

และ "มันยากที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ทำอะไรทั้งนั้น
กระทั่งในยามที่นั่งอยู่ตรงนี้ ในร่างกายของเราก็ยังมีความเคลื่อนไหว
จิตใจเราก็ยังฟุ้งซ่าน อะไร ๆ ในตัวเราปั่นป่วนปรวนแปรตลอดเวลา" *

"ส่วนใหญ่มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่บางครั้งมันกั้นขวางเรา เวลาที่โลกพูดกับเรา เราไม่ได้ยิน
เพราะระบบประสาทเรามัวไปรับอย่างอื่นอยู่ บางทีเราก็ต้องรู้จักลบมันบ้าง... ลบสัมผัสพวกนั้น แล้ว...
แล้วโลกก็อาจจะเข้าถึงเรา เราจะได้ยินเสียงจักรวาลพูด เสียงดวงดาวกระซิบ...
.........

สิ่งสุดท้ายที่จะลบออก... นั่นคือสมองที่เก็บความจำ สร้างความคิดออกคำสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่
ตรงนี้แหละยากที่สุด - - - การลบความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง"
**


จากข้อความที่ยกมาข้างบนนั่น น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คุณ ๆ อยากรู้จักสตาร์เกิร์ล - เด็กสาวจากดาวใสให้มากกว่านี้แล้วกระมัง...?

แต่ส่วนตัว แม้จะอ่านจนจบแล้วก็ยังรู้สึกว่า...ยังไม่สามารถเข้าใจและเข้าถึง"ตัวตน" ที่แท้ของเธอได้เลย...
(ตอนนี้เลยบอกเพื่อนให้หาหนังสือของนักเขียนคนนี้ (เจอร์รี่ สปินเนลลี่) อีกหลาย ๆ เล่มมาให้แล้วล่ะ คาดว่าน่าจะได้มาก่อนสิ้นปีนี้ อิอิ)

ชอบวรรณกรรมที่...
ต่อให้อ่านจนจบแล้วยังคงทิ้งอะไรหน่วง ๆ (ไม่ถึงกับหนัก...) อึ้ง ๆ คา ๆ ค้าง ๆ อยู่ในใจ...แบบนี้แหละค่ะ






* ตรงนี้ค่อนข้างสอดคล้องกับหลักปฏิบัติตามแนวคำสอนของหลวงพ่อเทียนที่จขบ.ยึดเป็นหลักชัยในการปฏิบัติ นั่นคือ...ในเมื่อธรรมชาติของมนุษย์มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทั้งภายนอกและภายใน เราจึงอาศัยการเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวปลุกเร้าและเจริญ "สติ" ให้รู้และตื่นอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการปฏิบัติธรรมกับธรรมชาตินั่นเอง


** บังเอิญที่เมื่อสองสามวันก่อนเพิ่งอัพบล็อกเรื่องไซอิ๋วถึงตอนที่กล่าวถึง "คุณธรรมแบบเต่า" ที่พระถังยกย่องให้เป็นคุณธรรมแห่งมนุษย์ที่แท้...ที่หาไม่ได้ในพระคัมภีร์ใด ๆ คุณธรรมนั้นมีลักษณะดังนี้...คือ..."ซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ไร้มายาสาไถยคือมนุษยธรรมแท้ ที่คนฉลาดเฉโกในโลกหาว่าเป็นคนโง่เง่า ไม่ยอมรับแล้วยังหมิ่นเหยียดหยามนานา..."

อ่านสตาร์เกิร์ลแล้วนึกถึงเต่าขาวในไซอิ๋วขึ้นมาทันที...








 

Create Date : 10 ธันวาคม 2551    
Last Update : 21 มกราคม 2553 13:09:41 น.
Counter : 5703 Pageviews.  

โลกในร้านตัดผม - รวมเรื่องสั้นแปลนานาชาติ แปลโดย " ฤดูร้อน"





โลกในร้านตัดผม
รวมเรื่องสั้นแปลนานาชาติ
แปลโดย " ฤดูร้อน"
สนพ.ธัญญา พับบลิเคชั่น / พิมพ์ พ.ค. ๒๕๓๖






บางส่วนจากคำนำ
โดย นิรันดร์ศักดิ์ บุญจันทร์


...ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลใบนี้ มีเรื่องราวของผู้คนเกิดขึ้นมาอย่างมากมายทุกวี่วัน และถ้าใครคนหนึ่งต้องการเดินทางไปรู้เห็นด้วยตัวเอง ต่อให้ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ก็ยากนักที่จะมีโอกาสได้เห็นทั่วทั้งหมด ดังนั้น...หนทางหนึ่งที่จะทำให้ได้รู้เห็นอย่างทั่วถึง ก็คือการผ่านตัวนักแปล ซึ่งเขาสามารถจะย่อโลกให้เล็กลงได้ พร้อมทั้งย่นระยะทางและเวลาได้เป็นอย่างดี

และแน่นอนที่สุด นักแปลที่มีความสามารถย่อโลกได้อย่างมีคุณภาพคนหนึ่งในปัจจุบันนี้ ก็เห็นจะได้แก่ "ฤดูร้อน" ซึ่งเธอได้พานักอ่านเดินทางไปสัมผสชีวิตและเรื่องราวของประเทศต่าง ๆ ด้วยการผ่านเรื่องสั้นชั้นดีมากมายหลายเรื่องดังที่ได้รวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว


.............



เรื่องสั้นที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด ๑๙ เรื่อง จากนักเขียนชื่อดัง ๑๗ คน

นับตั้งแต่เรื่องที่ ๑ "โลกในร้านตัดผม" - The Barber's Uncle ของ วิลเลียม ซาโรยัน (William Saroyan) นักเขียนชาวอเมริกัน-อารเมเนี่ยน ผู้เขียน Human Comady, Papa , You're Crazy...และอื่น ๆ อีกหลายเล่ม

"ชายแปลกหน้า" - The Visitor ของ เอช ออร์แลนโด แพตเตอร์สัน (H.Orlando Patterson)

"ความฝันบนหลังช้าง" - To Ride the Elephant ของ แบบส์ เอช ดีล (Babbs H.Deal)

"ขี้เมาแห่งลำน้ำ" - Drunkard of the River ของ ไมเคิล แอนโทนี (Michael Anthony)

"รังเป็ดป่า" - The Wild Duck's Nest ของ ไมเคิล แมคลาเวอร์ตี (Michael Maclaverty)

" คนไข้ดื้อ" -The Use of Force ของ วิลเลียม คาร์ลอส วิลเลียมส์ (William Carlos Williams)

"โรงเรียนแสนสนุก" - The Fun They Had ของไอแซค อาสิมอฟ (Isaak Asimov)

"ต้นแอ้ปเปิ้ลของพ่อ" The Apple Tree ของแคทเธอรีน แมนส์ฟิลด์ (Catherine Mansfield)

"นักสืบในมุมมืด" I Spy ของแกรมห์ กรีน (Graham Green)

"คนถือร่ม" The Umbrella Man ของ โรอัลด์ ดาห์ล (Roald Dahl)

ฯลฯ

เป็นหนังสือเก่าที่คุ้มค่าน่าอ่านมาก
จำได้ว่าได้หนังสือเล่มนี้จากงานหนังสือเมื่อหลายปีก่อน ด้วยราคาประมาณ ๒๐ บาท
เรื่องสั้นแต่ละเรื่องในเล่มจะสะท้อนภาพสังคม
และสภาพแวดล้อมในชีวิตวัยเยาว์ของนักเรียนแต่ละท่านเป็นอย่างดี

อย่างเรื่องแรก ที่มีชื่อเดียวกับหนังสือ - - "โลกในร้านตัดผม"
เป็นเรื่องเล่าของเด็กชายช่างฝันคนหนึ่ง ที่จู่ ๆ ก็มีนกมาทำรังอยู่บนหัวของเขา ทำให้เขาตัดสินใจไปตัดผม

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ใคร ๆ ต่างก็รบเร้าให้เขาไปตัดผม นับตั้งแต่แม่ พี่ชาย ครูแกมมา ...สรุปได้ว่าโลกทั้งใบต้องการให้เขาตัดผมนั่นเอง แต่เขาก็ไม่นำพา...

จนกระทั่งมีนกมาทำรังบนหัว ขณะที่เขากำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ และครุ่นคิดถึงโลกและชีวิต...

เขาไปที่ร้านตัดผมของชายชาวอาร์มาเนียนผู้หนึ่ง ชายคนนั้นได้เล่าเรื่องลุงของเขาให้เด็กน้อยฟัง...

"เขาตัดผมได้ห่วยที่สุด แต่เขาเล่าเรื่องลุงมิซาคที่น่าสงสารกับเสือในโรงละครให้ผมฟัง ผมออกจากร้านของเขาด้วยทรงผมที่แย่มาก แต่ผมไม่สนหรอก เพราะว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้เป็นช่างตัดผม เขาเพียงแต่แสร้งทำเป็นช่างตัดผมเท่านั้น เพื่อให้โลกพอใจ ทั้งหมดที่เขาต้องการทำจริง ๆ คือ อ่านหนังสือ ได้คุยกับคนดี ๆ ...

สิ่งเดียวที่ยังติดใจผมอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์ก็คือ เรื่องของลุงมิซาคที่น่าสงสารของช่างตัดผม ผู้ถูกเสือในคณะละครสัตว์ขบจนหัวขาด และผมก็เฝ้ารอวันที่จัต้องไปตัดผมอีกครั้ง เพื่อที่ผมจะได้ไปฟังเรื่องราวของมนุษย์บนโลกผู้หลงทาง ผู้โดดเดี่ยว และมักตกอยู่ในห้วงอันตรายเสมออย่างเรื่องราวอันแสนเศร้าของลุงมิซาค - - เรื่องอันแสนเศร้าของมนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่..."



.....................


หลายเรื่องบอกเล่าถึงชีวิตวัยเยาว์ที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา สดใส และอบอุ่นเจือเสียงหัวเราะรื่นรมย์ บางเรื่องก็แทรกเจือการเสียดเย้ยสังคมอยู่อย่างมิดเม้น สัมผัสได้ประปราย แต่อีกหลายเรื่องก็บอกเล่าถึงความโดดเดี่ยว ความเศร้าและขมขื่นของชีวิตวัยเด็ก...ที่แม้จะต่างชาติต่างภาษา แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน" บนโลกกลม ๆ ใบเดียวกันนี้

หยิบหนังสือเล่มนี้มาบอกเล่ากล่าวขาน ก่อนที่จะส่งต่อให้เด็ก ๆ ค่ะ











 

Create Date : 31 ตุลาคม 2551    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 12:57:22 น.
Counter : 3486 Pageviews.  

เกาะโลมาสีน้ำเงิน (Island of the Blue Dolphins)





"เกาะโลมาสีน้ำเงิน"
แปลจาก Island of the Blue Dolphins
ผู้แต่ง : Scott O Dell
ผู้แปล : วิลาวัณย์ ฤดีศานต์
ผู้พิมพ์ : สนพ.มติชน (ครั้งที่ ๖ : กรกฎาคม ๒๕๕๑)






แปลมาแล้วกว่า ๒๓ ภาษาทั่วโลก
๑ ใน ๑๐ วรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมในรอบ ๒๐๐ ปี
สมาคมวรรณกรรมเยาวชนอเมริกา


โปรยปกหลัง

ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีเกาะอยู่แห่งหนึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาตัวโตนอนอาบแดดอยู่ในทะเล
รอบเกาะแห่งนี้มีโลมาสีน้ำเงิน นากทะเล แมวน้ำช้าง และนกทะเลมากมาย

ครั้งหนึ่งชาวอินเดียนแดงเคยอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เมื่อพวกเขาอพยพออกจากเกาะ ไปอยู่ในที่แห่งใหม่ทางทิศตะวันออก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกทิ้งไว้

นี่เป็นเรื่องราวของการานา เด็กหญิงชาวอินเดียนแดงที่อาศัยอยู่บนเกาะโลมาสีน้ำเงินคนเดียวเป็นเวลาหลายปี ปีแล้วปีเล่า เธอเฝ้าดูฤดูกาลผันผ่านและเฝ้าคอยให้เรือมารับเธอ
แต่ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะ เธอต้องสร้างที่พัก ทำอาวุธ หาอาหาร และต่อสู้กับหมาป่า
ชีวิตของเธอไม่เพียงเป็นการผจญภัยเพื่อการอยู่รอดที่น่าประทับใจ
แต่ยังเป็นเรื่องราวที่แสดงความงดงามของธรรมชาติและการค้นพบสิ่งสำคัญในชีวิต


บางส่วนจากบันทึกผู้เขียน

"...เด็กหญิงโรบินสัน ครูโซ เจ้าของเรื่องที่ผมพยายามสร้างขึ้นใหม่นี้ อาศัยอยู่คนเดียวบนเกาะนี้จริง
ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๓๕ - ๑๘๕๓ และเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ในชื่อ "ผู้หญิงที่ถูกลืมแห่งซานนิโคลัส"(The Lost woman of San Nicolas)......

เธออยู่ตามลำพังกับสุนัขตัวหนึ่งในบ้านที่สร้างขึ้นอย่างหยาบ ๆ บนหัวแหลม และเธอสวมกระโปรงขนนกกาน้ำ...

..............

หนังสือของผมส่วนมาก ใช้ฉากเวลาในอดีต แต่ปัญหาเรื่องความโดดเดี่ยว การตัดสินใจบนพื้นฐานของศีลธรรม ความโลภ ความต้องการความรักและเมตตา เหล่านี้เป็นปัญหาของยุคปัจจุบันเช่นกัน"






ความรู้สึกหลังอ่าน....

ถามตัวเองว่า...นี่ฉันปล่อยให้วรรณกรรมดี ๆ ที่แสนจะพิเศษเช่นนี้ผ่านตาผ่านใจไปได้ไงเนี่ย.....?
จำได้เป็นแม่นมั่นว่าเคยซื้อหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ๆ นู่น แต่ไม่รู้อะไรบังตาไว้จึงยังไม่ได้อ่าน ต่อเมื่อมาเห็นบนบล็อกคนนั้นคนนี้ก็ให้นึกคิดถึงขึ้นมา แต่ไปรื้อทั้งตู้ทั้งชั้นทั้งกล่อง ...เก๊าะหาไม่เจอ
รู้สึกคับข้องใจเป็นอันมาก...(เคยเป็นกันมั่งไหมคะ เวลาต้องการหาอะไรที่เราแน่ใจว่าอยู่ตรงนั้นตรงนี้แต่หาไม่เจอเนี่ย...)
แต่บังเอิญช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในชีวิต...มีการยักย้ายถ่ายเท(แหะ ๆ ฟังทะแม่ง ๆ ชอบกล เรียกว่า โยกย้ายถิ่นฐานแล้วกัน)...จนสมบัติกระจัดกระจาย...สูญหายไปก็หลายชิ้น ได้เพิ่มมาก็หลายกอง...
จึงได้แต่พยายามทำใจ...





มาเข้าเรื่องหนังสือเล่มนี้ดีกว่า....(ได้รับอนุเคราะห์มาจากคุณโมกสีเงินค่ะ...ขอขอบคุณหลาย ๆ มา ณ ที่นี้)

ขอเล่าเรื่องตอนต้น ๆ เรื่องเพิ่มเติมจากเรื่องย่อข้างบนนิดหนึ่งค่ะ...

การานา เด็กหญิงอินเดียนแดงวัย ๑๒ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ-ฆาลัส-อัต บนเกาะแห่งนี้กับครอบครัวของเธอ วันหนึ่งหมู่บ้านของเธอก็ถูกรุกรานโดยชาวรัสเซียและเผ่าอาลูตที่เป็นนักล่านากทะเล พ่อของเธอและผู้ชายหลายคนบนเกาะถูกฆ่าตาย...

ในเวลาต่อมา พวกเขาที่เหลืออยู่บนเกาะตัดสินใจที่จะหนีจากเกาะเพื่อขึ้นไปอยู่บนดินแดนแห่งใหม่ทางทิศตะวันออก...

ในวันเดินทาง "ราโม" น้องชายของเธอวิ่งกลับไปเอาหอกแทงปลา แต่ขณะนั้นพายุกำลังพัดโหมเข้ามาทำให้เรือต้องรีบเร่งออกไปโดยเร็ว...
ทุกคนบอกเธอว่า...วันหลังค่อยกลับมารับเขาใหม่ เพราะวันนี้เรือกลับเข้าฝั่งไม่ได้แล้ว

การานาตัดสินใจกระโดดลงจากเรือและว่ายน้ำเข้าฝั่งเพื่อกลับมาหาน้องชาย.....

'ตอนที่ว่ายน้ำ ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าพอถึงฝั่งฉันจะลงโทษราโมอย่างไร แต่เมื่อฉันรู้สึกถึงผืนทรายใต้เท้า และเห็นเขายืนอยู่ที่ปลายคลื่น มือถือหอกแทงปลา หน้าตาน่าสงสาร ฉันก็ลืมเรื่องที่วางแผนจะลงโทษเขาไปหมด ฉันคุกเข่าลงโอบแขนรอบตัวเขา...เรือหายไปแล้ว '

ราโมสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้าของฆาลัส-อัตด้วยวัยเพียงหกปี...แต่เขาก็เป็นหัวหน้าได้เพียงวันเดียวก็ถูกหมาป่าที่มีอยู่มากมายบนเกาะฆ่าตาย...

'ฉันจำอะไรตอนนั้นไม่ได้มากนัก จำได้แต่ว่าดวงอาทิตย์ขึ้นและตกไปหลายดวง ฉันคิดว่าจะทำอะไรต่อไปในเมื่อตอนนี้เหลือฉันอยู่เพียงคนเดียวแล้ว...........'

โอ...อ่านแล้วช่างสะท้อนสะเทือนใจเสียจริง...
นึกย้อนถึงตัวเองในวัย ๑๒ ปี ถ้าต้องถูกทิ้งให้ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่บนเกาะ เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร...?
นึกภาพไม่ออกเอาจริง ๆ
แต่การานาทำได้ และทำได้อย่างแสนจะน่าประทับใจ
อ่านไปลุ้นไป เอาใจช่วยเธออยู่ตลอดเวลา...

ร่วมรับรู้อารมณ์ของเด็กหญิงผู้โดดเดี่ยวโดยตลอด...ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์กลัว...กล้า...หวาดระแวง...หวังและสิ้นหวัง...ฯลฯ
และเรียนรู้ที่จะเติบโต...และเอาชีวิตรอดไปพร้อม ๆ กับเธอ...

เรื่องเล่าของเธอหมดจดงดงามและเรียบง่าย...
หากก็ตื่นเต้นเร้าใจเป็นนักหนา...
ทุกฉากทุกตอน เธอบรรยายทั้งเหตุการณ์และความรู้สึกของตัวเองได้อย่างละเอียดลออ...ชวนติดตามและน่าประทับใจ

....เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตที่กล้าแกร่ง เข้มแข็งและอดทน...

**อ่านจบแล้วคิดถึงความตอนหนึ่งในบันทึกของธอโร (Henry David Thoreau) จากหนังสือชื่อ "วอลเดน" ที่บอกว่า...

'...มนุษย์คือสัตว์สังคม คือเผ่าพันธุ์แห่งการเอาเยี่ยงอย่าง และ ลอกเลียนแบบ
มนุษย์มักรู้สึกกลัวที่ไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่น
ทว่ามีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะความกลัวภายในตนเอง
กล้าที่จะหลุดพ้นออกไปจากกรอบอันเท็จเทียมของสังคม
และพบกฎเบื้องสูงภายในตัวเอง...
........
ยิ่งเขาทำให้ชีวิตเรียบง่ายเท่าใด,
กฎแห่งจักรวาลก็ยิ่งซับซ้อนน้อยลงเท่านั้น,
และความสันโดษก็จะมิใช่ความสันโดษ,
ความยากจนมิใช่ความยากจน,
ความอ่อนแอ มิใช่อ่อนแอ'
(คัดจาก 'วอลเดน' แปลโดยสุริยฉัตร ชัยมงคล หน้า ๔๑๙)



เมื่ออ่านจบ...มิพักต้องสงสัยในรางวัลมากมายจากหลายหลากสถาบันที่หนังสือเล่มนี้ได้รับ
อีกทั้งถูกบันทึกให้เป็น ๑ ใน ๑๐ วรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมในรอบ ๒๐๐ ปีทีเดียว!
จึงหยิบมาชวนอ่านอย่างแรงอีกเล่มค่ะ










 

Create Date : 12 ตุลาคม 2551    
Last Update : 2 กันยายน 2559 11:52:44 น.
Counter : 4268 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.