'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

~ วรรณกรรมเยาวชนรางวัล ~

ความที่จขบ.เป็นคนชอบอ่านหนังสือเด็ก แต่หนังสือเด็กในสมัยนี้
ก็มีมากมายเหลือเกิน จะตามอ่านทุกเรื่องทุกเล่มก็คงไม่ไหว
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะคัดเลือกหนังสือมาอ่านสักเล่มก็คือดูที่ใบรับประกันของหนังสือเล่มนั้น ๆ หรือดูจากชื่อนักเขียน และรางวัลการันตี...คิดว่าอย่างน้อยก็ได้ผ่านการคัดกรองมาแล้วระดับหนึ่ง(เป็นวิธีคิดเฉพาะตัว...จขบ.ค่อนข้างเชื่อคนง่าย..แหะ ๆ)
แต่อ่านแล้วจะประทับใจหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...(แต่ส่วนใหญ่ก็ประทับใจนะ)

บล็อกนี้จะมาชวนอ่านวรรณกรรมเยาวชนรางวัลที่จขบ.อ่านแล้วประทับใจซัก 7-8 เล่มแลัวกัน



เล่มที่ 1.Mrs.Frisby and the Rat of NIMH
โดย Robert C. O'Brien




(หาปกสวย ๆ ของเล่มนี้ไม่เจออ่ะ...)


Mrs.Frisby - มิสซิสฟริสบี้ เป็นแม่หนูนาม่ายตัวหนึ่ง เธอกับลูก ๆ ทั้งสี่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ในสวนผักของมิสเตอร์ฟิตซ์กิ๊บบอน...

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่งปลายฤดูหนาว...เมื่อลูกชายคนเล็กของเธอ ทิมอธี ฟริสบี้ล้มป่วยลง...ทิมอธีเป็นเด็ก(หนู)ที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก เมื่อเจ็บป่วยขึ้นมานางฟริสบี้ก็จะไปขอยาจากมิสเตอร์เอจส์ หนูนาสูงอายุที่มีบ้านอยู่ห่างออกไปอีกด้านหนึ่งของไร่..(มิสเตอร์เอจส์เป็นเพื่อนกับสามีของเธอ).ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน...เธอเดินทางไปหามิสเตอร์เอจส์เหมือนเช่นเคย
และในขากลับนั่นเองเธอก็ได้ยินข่าวอันน่าวิตกสำหรับเธอและลูก ๆ นั่นคือ...ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มิสเตอร์ฟิตซ์กิ๊บบอนเจ้าของไร่ผักที่เธออาศัยอยู่กำลังจะเริ่มทำการไถหว่านพิ้นดิน
นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่พวกเธอจะต้องย้ายบ้านไปสู่บ้านฤดูร้อนริมแม่น้ำที่ห่างออกไป...แต่เธอจะพากันเดินทางได้อย่างไรหากทิมอธียังมีอาการไข้อยู่...

เมื่อเธอนำเรื่องนี้ไปปรึกษามิสเตอร์เอจส์...เขาจึงแนะนำให้เธอไปปรึกษานกฮูก...แล้วนกฮูกก็แนะนำให้เธอไปขอความช่วยเหลือจากพวกหนูใหญ่...ซึ่งเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะต้องไปเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา...
เนื่องด้วยเธอเคยแอบสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ประหลาด ๆ ของพวกหนูใหญ่ที่มีรังขนาดใหญ่อยู่ใต้พุ่มกุหลาบ ใกล้บ้านของมิสเตอร์ฟิตซ์กิ๊บบอนนั่นเอง...

แต่เพื่อลูกน้อยของเธอ เธอจึงต้องเดินทางไปหาพวกนั้น...นกฮูกบอกเธอว่า... เพียงเธอแนะนำตัวว่าเธอเป็นภรรยาม่ายของมิสเตอร์ฟริสบี้เท่านั้น พวกเขาก็จะช่วยเหลือเธออย่างแน่นอน...

และตอนนั้นเองที่ทำให้เธอได้รู้จักกับพวกหนูใหญ่และได้รู้ถึงที่มาที่ไปของพวกเขา...ตลอดถึงที่มาแห่งพฤติกรรมที่เธอเห็นว่าแปลกประหลาดของพวกเขา...
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสามีของเธอและสาเหตุการตายของเขาด้วย...

อ่านเรื่องนี้ครั้งแรกในฉบับภาษาอังกฤษ อ่านแล้วชอบมากกกกกก....ลงทุนซื้อหนังสือปกแข็ง...แล้วถ่ายเอกสารทั้งเล่มแจกเพื่อน ๆ ...
(อยากให้เขาอ่านแต่หวงหนังสืออ่ะ...)

ตามอ่านหนังสือของนักเขียนคนนี้อีกสองเล่มคือ The Silver Crown กับ Z for Zachariah ก็ชอบเหมือนกันแต่ไม่มากเท่าเล่มนี้เลยไม่ได้ซื้อหนังสือเก็บ (อ่านจากห้องสมุดค่ะ)

นอกจากเรื่องราวจะน่าตื่นเต้นอ่านสนุกแล้ว ผู้เขียนยังแฝงเรื่องราวของคุณธรรมในเรื่องของการเสียสละเพื่อผู้อื่น และแฝงนัยยะเสียดสีมนุษย์อยู่บ้าง...(ไม่ถึงกับเสียดสีจัง ๆ อย่าง Animal Farm แต่ก็มีอยู่ประปรายล่ะ)

หนังสือเล่มนี้มีแปลไทย ใช้ชื่อว่า 'หนูลองยา' เป็นหนังสือของสนพ.ผีเสื้อค่ะ (ขออภัยที่จำชื่อผู้แปลไม่ได้)




เล่มที่ 2. & 3 ‘Roll of Thunder Hear My Cry’ &
‘Let the Circle be Unbroken’

โดย Mildred D. Taylor




เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนิวเบอรี่ตั้งแต่ปี 1977
(เล่มที่ได้รับรางวัลคือเล่มแรกค่ะ)

เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิ เสรีภาพตลอดจนถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของครอบครัว Logan ผ่าน Cassie เด็กหญิงวัยเก้าขวบ
ในเรื่อง บอกเล่าถึงปัญหาเดียวกันที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องเผชิญ
คือเรื่องของการแบ่งแยก เหยียดผิว
แต่วิธีตั้งรับและต่อสู้กับปัญหาก็แตกต่างกันไปตามแต่วัยและประสบการณ์แห่งชีวิตจะกำหนด เด็กก็คิดและต่อสู้แบบเด็ก ๆ
ผู้ใหญ่ก็ต่อสู้แบบผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเมื่อถูกเหยียบย่ำพวกเขาต้องสู้ยิบตาเพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของตัวเอง

จริง ๆ แล้วหนังสือชุดนี้มีสามเล่ม แต่ตัวเองมีอยู่แค่สองเล่มค่ะ ได้มาจากร้านหนังสือมือสองแถวตรอกข้าวสารเมื่อหลายปีก่อน
ที่ซื้อเพราะเห็นว่าเป็นหนังสือของเพนกวิน และปะหน้าว่าได้รางวัลนิวเบอรี่อีกต่างหาก...คิดว่านักอ่านหลาย ๆ คนน่าจะเคยผ่านตามั่งนะคะ

อ่านแล้วก็ประทับใจ...เป็นหนังสือเก่าหน่อยแต่เรื่องราวของการแบ่งแยกชนชั้นนี่ยังคงเป็นแกนหลักของสังคมทุก ๆ สังคมอยู่ตลอดมา




เล่มที่ 4. Charlotte's Web
โดย E.B.White
(แมงมุมเพื่อนรัก แปลโดย คณา คชา)




เรื่องราวของมิตรภาพต่างสายพันธุ์ ที่ซาบซึ้งตรึงใจ...
ระหว่างวิลเบอร์กับชาร์ลอตต์...หมูกับแมงมุม...
เมื่อวันหนึ่ง...วิลเบอร์เกือบจะถูกจำหน่าย ชาร์ลอตต์จึงหาวิธีช่วยเพื่อนของเธอด้วยการทำให้เขารอดพ้นจากการถูกฆ่า...
โดยการชักใยให้เป็นตัวหนังสือ...เป็นข้อความต่าง ๆ บอกถึงความเฉลียวฉลาดและความพิเศษของหมูวิลเบอร์...

ชาร์ลอตต์ทำได้สำเร็จ...นอกจากวิลเบอร์จะไม่ถูกฆ่าแล้วเขายังกลายเป็นหมูที่มีชื่อเสียง ผู้คนหลั่งไหลกันมาชมทำให้เจ้าของมีรายได้ และไม่ต้องขายหรือฆ่าหมู...

เป็นจินตนาการที่น่ารักมากของผู้เขียน...อ่านแล้วประทับใจค่ะ





เล่มที่ 5. Dear Mr. Henshaw
โดย Beverly Cleary




(ชื่อภาษาไทย 'จดหมายจากเด็กชายช่างฝัน' - เล่มนี้ จขบ.อ่านจากฉบับภาษาอังกฤษ ขออภัยที่ไม่ทราบชื่อผู้แปล แต่จำชื่อภาษาไทยได้เพราะชื่นชมว่าเขาแปลชื่อได้น่ารักดี)

หนุ่มน้อยจากครอบครัวที่แตกแยก ลีห์ บอท ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิต ความคิดความรู้สึกและความใฝ่ฝันของเขาผ่านจดหมายถึงนักเขียนที่เขาชื่นชม
Mr.Henshaw ...ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นไดอารี่ประจำวันของเขาตามคำแนะนำของ Mr.Henshaw...

เรื่องนี้คิดว่าไม่เพียงเหมาะสำหรับเยาวชนเท่านั้น คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีลูกชายในวัยก่อนวัยทีนน่าจะได้อ่านนะคะ...
ส่วนตัวอ่านเรื่องนี้เพราะชื่อผู้แต่ง เพราะติดใจเธอจากเรื่องราวของสาวน้อยราโมนา ควิมบี้...ซึ่งเดี๋ยวจะนำมาชวนอ่านในชุดต่อ ๆ ไปค่ะ





เล่มที่ 6. Flour Babies
โดย Anne Fine
('น้องแป้ง' แปลโดย สุมนา บุณยรัตเวช สนพ.ผีเสื้อค่ะ)




อ่านเรื่องนี้ตอนแรกในฉบับภาษาอังกฤษ ด้วยความงง ๆ เล็กน้อยถึงปานกลาง ...เพราะเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านมุมมองและความรู้สึกนึกคิดของเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ที่เราไม่คุ้นเคยนัก...แต่พอมาอ่านอีกรอบและอีกรอบก็พอจะเก็ทเรื่องราวได้บ้าง

ชื่อ 'น้องแป้ง' เป็นชื่อของโครงงานของเด็กนักเรียนชั้นประถมสี่...เพื่อใช้ดูพัฒนาการทางด้านอารมณ์และความรู้สึกของผู้รับผิดชอบโครงงาน...เด็ก ๆ ทุกคนจะต้องนำแป้งใส่ไว้ในถุงผ้า
แล้วให้รักษาถุงแป้งนั้นให้ดีประหนึ่งเป็นเด็กทารกตัวน้อย ๆ...
และเป็นประหนึ่งน้องน้อยของพวกเขา...น้องแป้ง...
โดยพวกเขาต้องพกพา 'น้องแป้ง' ติดกับตัวไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนและทำอะไร...แล้วให้เขียนรายงานบอกเล่าถึง'พัฒนาการ' ของน้องแป้ง...
ซึ่งอันที่จริงก็คือพัฒนาการของตัวเขาเอง...เป็นระยะ ๆ

อ่านแล้วได้ความรู้สึกที่ว่า...เด็ก ๆ นั้นยังไงก็เป็นเด็ก...ถึงแม้เขาจะเกเรร้ายกาจยังไง แต่ในส่วนลึก ๆ แล้วเขาก็โหยหาความรักความเข้าใจและการยอมรับจากผู้ใหญ่อย่างเราเป็นอย่างมากทีเดียว...




เล่มที่ 7.Walk Two Moons
โดย Sharon Creech
(สองดวงจันทร์ แปลโดย รัตนา รัตนดิลกชัย พิมพ์โดย สนพ.มติชน)




...ระหว่างการเดินทางไกลเพื่อไปตามหาแม่ของเธอ ซาลาแมนคา ทรี
ฮิดเดิ้ล เด็กหญิงวัย 13 ปีก็ได้เล่าเรื่องราวของเพื่อนคนหนึ่งของเธอที่ชื่อ
ฟีบี้ วินเทอร์บ้อทท่อมให้กับปู่และย่าของเธอฟัง

เพราะเธอเห็นว่าเรื่องของฟีบี้นั้นทั้งแปลก ประหลาดและน่าสนใจมากพอที่จะทำให้ปู่กับย่าหายเบื่อและเซ็งจากการเดินทางระยะไกลได้...

ทว่า...เมื่อเล่าไป ๆ เธอก็พบว่าเรื่องราวของฟีบี้ช่างพ้องกันกับเรื่องราวในชีวิตของเธอราวกับเป็นเรื่องเดียวกัน...ราวกับเธอ...'กำลังพูดถึงเรื่องของตัวเอง'

ต่างกันตรงที่...เมื่อถึงที่สุด...แม่ของฟีบี้กลับมาหาฟีบี้
แต่แม่ของเธอ...ไม่ได้กลับมา

เป็นเรื่องราวของการพลัดพรากที่เล่าได้อย่างน่าสนใจ...การดำเนินเรื่องออกจะซับซ้อนไปสักนิดสำหรับหนังสือเด็ก...
และให้โทนของความรู้สึกอึดอัดหน่อย ๆ ขมปร่า ๆ ขณะที่อ่าน...

แต่ตอนท้ายก็มีหักมุมเล็ก ๆ ที่ทำให้อารมณ์อึดอัดในตอนแรกคลี่คลายไปได้บ้าง...แต่ความขมนั้นยังคงอยู่...




เล่มที่ 8 Shadow of a Bull
โดย Maia Wojciechowska
(ทางสายที่เลือก แปลโดย รัตนา รัตนดิลกชัย พิมพ์โดย สนพ.ดอกหญ้า)




เมื่อมาโนโลลืมตาขึ้นมาดูโลก เขาก็ต้องแบกรับความคาดหวังของผู้คนในเมืองอาคานเกลไว้มากมาย เพราะเขาเกิดมาเป็นลูกของฮวน โอลิวาร์ นักสู้วัวกระทิงผู้ยิ่งใหญ่...

แต่ตัวของเขาเองเริ่มตระหนักชัดว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำตามความคาดหวังเหล่านั้นได้ เพราะจะมีนักสู้วัวกระทิงที่ไหนที่ขี้ขลาดเช่นเขา...
พ่อของเขาถูกวัวกระทิงเสียบเขาเข้ายอดอกกลางสนามการสู้วัวเมื่อเขาอายุเพียงสามขวบ...ผู้คนต่างรอคอยให้เขาเติบโตขึ้น...
เพื่อจะเป็นตัวแทนของพ่อเขา เอาชนะเจ้าสัตว์มีเขานั้นให้ได้...

' มาโนโลมั่นใจแล้วว่า โลกทั้งโลกต้องการกำจัดเขา ทุกคนล้วนต้องการให้เขาตาย ๆ ไปตั้งแต่อายุยังไม่เต็ม 12 ดี...
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาโนโลนึกอยากให้ตัวเองไม่ได้เกิดมาเป็นลูกของจวน โอลิวาร์...ไม่ได้เกิดมาเป็นชาวสเปน...ไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้! '

สิ่งเดียวที่เขาต้องการในวันนี้คือพลังความกล้าหาญที่จะตัดสินใจเลือก...ที่จะเป็นในสิ่งที่คนอื่นต้องการให้เป็น หรือจะเป็นในสิ่งที่ตนเองต้องการจะเป็นอย่างแท้จริง...














 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 19:29:05 น.
Counter : 2491 Pageviews.  

~พ่อเฒ่ากับเจ้าหนู ~

ผู้เขียน - โรเบิร์ต รูอาร์ค
ผู้แปล - วชิรา วัชรวัลลภ





'ใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะรู้ซึ้งเชียวว่า
วัยเยาว์ของผมนั้นงดงามนัก'
โรเบิร์ต รูอาร์ค

หนังสือเก่าที่...หยิบขึ้นมาอ่านอีกทีไรก็ให้ทั้งความรื่นรมย์
และความอิ่มเอมใจไปพร้อมกันทีนั้น...
เป็นเรื่องราวความผูกพันระหว่างผู้เฒ่ากับเด็กน้อย...
กับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว...
เป็นความผูกพันอันลึกซึ้งที่ไม่มีช่องว่างใด ๆ มาขวางกั้น...
แม้กระทั่งความตาย...

ส่วนหนึ่งจากคำนำค่ะ
'...โรเบิร์ต รูอาร์ค เขียนเรื่องนี้ได้อย่างละเมียดละไมน่าอ่าน
ถึงชีวิตในวัยเด็กกับคุณตาผู้เฒ่า
ผู้ได้ประจงสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแก่เขา
ทั้งจริยธรรม มโนธรรม คุณค่าของความเป็นมนุษย์นานัปการ
อีกทั้งการล่าสัตว์ ซึ่งจะล่าอย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นการล่าอย่างแท้จริง...'

ชวนอ่านค่ะ












 

Create Date : 17 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 19:28:02 น.
Counter : 1717 Pageviews.  

Roald Dahl (โรอัลด์ ดาห์ล)

ขอเกริ่นก่อน...

จริง ๆ แล้ว จขบ.มาเริ่มอ่านหนังสือเด็ก(ที่นอกเหนือจากหนังสือเรียน)เมื่ออยู่ในวัยที่เรียกว่าเป็นเด็กโต(มาก)แล้ว โดยที่ในวัยเด็กจริง ๆ กลับเริ่มต้นการอ่านด้วยหนังสือนวนิยายแฮะ...เริ่มจากการติดตามอ่านจากหน้านิตยสารที่พี่ป้าน้าอาทั้งในบ้านตัวเองและบ้านใกล้ ๆ (ในรัศมีพอเดินไปมาหากันได้)เขาซื้อมาอ่านหรือเป็นสมาชิก เช่นสตรีสาร ขวัญเรือน กุลสตรี หญิงไทย สกุลไทย ฯลฯ ถึงแม้ในนิตยสารเหล่านั้นเขาจะมีคอลัมน์สำหรับเด็ก ๆ อยู่บ้าง ก็ไม่ได้อ่านหรอก เพราะติดนิยาย ได้มาแล้วต้องรีบอ่านมีคิวรออยู่ยาววววว....

จนเมื่อโตมากแล้ว(อย่างที่บอก...) ต้องออกมาเผชิญโลกนอกบ้านตามลำพังนั่นแหละ เริ่มรู้สึกโหยหาอาลัยวัยเยาว์ที่กำลังจะจรจาก จำต้องหาอะไรมารั้งมาเหนี่ยวไว้ไม่ให้มันผ่านไปไวนัก...

เหตุอีกประการหนึ่งก็คือ ช่วงหนึ่งในชีวิตต้องรับหน้าที่ดูแลเด็กเล็กในวัยปฐม ทำให้มีโอกาสได้อ่านหนังสือร่วมวัยกับเขา เพื่อจะได้เข้าถึงโลกของเขา และนำมาปรับใช้ในการทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ขึ้น...


แล้วก็ค้นพบว่า วรรณกรรมเยาวชนนี่แหละเป็นทางออกที่ดีที่สุดของอารมณ์เบื้องต้นและยังเป็นหนทางนำเราเข้าสู่โลกจินตนาการแบบเด็ก ๆ ได้อย่างกลมกลืน(เรียกได้ว่าทำให้เราสามารถ"แอ๊บเด็ก"ได้อย่างแนบเนียนทีเดียวเชีบว...)

ในช่วงนั้นจึงเริ่มตะลุยอ่านหนังสือเด็กทุกเล่มที่ขวางหน้า

และนับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่เด็กในความดูแลมีคุณตาคุณยายที่รักการอ่านและส่งเสริมให้หลาน ๆ ของท่านให้มีนิสัยรักการอ่านเช่นเดียวกัน...เราก็เลยพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วยโดยปริยาย...ห้องอ่านหนังสือ...แม้ขนาดไม่ใหญ่โตอะไรนักของท่านจึงกลายเป็นอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาลสำหรับเด็กน้อยวัย 6 -9 -12 ขวบ(ตามลำดับ) กับเด็กโต 1 คน ให้เราได้พากันท่องไปในโลกแห่งจินตนาการอันไม่มีที่สิ้นสุด...

เราเริ่มต้นกันที่นักเขียนคนโปรดตลอดกาล...Roald Dahl (โรอัลด์ ดาห์ล)(แต่ตอนที่เราอ่านกันจริง ๆ นั้นเราไม่ได้จัดระเบียบการอ่านหรอก...อ่านมั่วไปหมด...)

เรื่องแรกที่อ่านของลุงดาห์ล (ไม่ใช่ “เรื่องแรก” ที่ถูกแปลมา)คือเรื่อง...


“Danny the Champion of the World” (ในพากย์ไทยคือ “แดนนี่ เด็กยอดเก่ง”)



เรื่องราวของเด็กชายแดนนี่ที่ใช้ชีวิตอย่างน่าตื่นเต้นอยู่กับพ่อตามลำพังในคาราวานแบบยิปซี แดนนี่คิดว่าพ่อของเขาเป็นพ่อที่วิเศษที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันหนึ่งพ่อยอมให้เขาเข้าร่วมในการวางแผนจะเข้าไปจับไก่ฟ้าในเขตป่าของผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่คนหนึ่ง เพื่อช่วยบรรดาไก่ฟ้าเหล่านั้นให้รอดพ้นจากการถูกล่าตามฤดูกาลการไล่ล่าไก่ฟ้าที่กำลังจะมาถึง...

ถัดมาก็อ่าน...

The BFG (The Big Friendly Giant) ( "ยจด.-ยักษ์ใจดี”)



เป็นแฟนตาซีน่ารัก ๆ เรื่องราวของเด็กหญิงกำพร้า "โซฟี" ที่บอกเล่าถึงที่มาของความฝันของเด็ก ๆ ...กับพลังวิเศษของยักษ์ใจดี...

เด็ก ๆ ชอบให้อ่านเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอน


จากนั้นก็อ่าน...

Charlie and the Chocolate Factory (ชาร์ลีกับโรงงานช็อคโกแลต)และ
Charlie and the Great Grass Elevator(ชาร์ลีกับลิฟต์มหัศจรรย์)




จำได้ว่าเด็ก ๆ ชอบเรื่องชุดนี้มากเป็นพิเศษ เป็นจินตนาการที่สุดยอดที่สุดของผู้เขียน ชาร์ลี-เด็กยากจนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กับโอกาสสุดพิเศษที่เขาได้รับ...ในเรื่องนี้ชาร์ลี เป็นตัวเอกของเรื่องก็จริงแต่ที่เด่นและประทับใจก็คือ Mr.Wonka เจ้าของโรงงานช็อคโกแลตมหัศจรรย์นั่นต่างหาก...(หลายคนคงประทับใจในตัวจอนนี่ เด็ปป์จากบทนี้ในภาพยนต์มาแล้วเช่นเดียวกับจขบ.)

มาถึง...

Matilda (มาทิลดา)



เรื่องราวของมาทิลดา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นักอ่านหนังสือตัวยง เธออ่านหนังสือทุกเล่มที่มีอยู่ในห้องสมุดประจำหมู่บ้าน(เธออ่าน “the Great Expectation” ของ ชารลส์ ดิคเก้นส์ตั้งแต่อายุเพียง ๔ ขวบ....ว๊าว!)
เธอเป็น “เด็กพิเศษ” ที่มีพลังสมองอันมหัศจรรย์ และเธอก็ได้ใช้พลังพิเศษนี้ในการต่อกรกับผู้ใหญ่ที่มองเด็กเล็ก ๆ เป็นดั่งตัวแมลงน่าขยะแขยง และควรจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป...อย่างพ่อแม่ของเธอเองหรืออย่าง”ครูเขาวัว” ครูใหญ่ผู้โหดร้าย...

เด็ก ๆ ไม่ค่อยชอบ ‘มาทิลดา’ นัก อาจจะคิดว่าเธอออกจะเก่งเว่อร์ไปนิด และเจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปหน่อย...


แต่หลายจุดหลายมุมเรื่องนี้ก็สะท้อนให้เรา(ผู้ใหญ่)ได้หันมาทบทวนถึงบทบาท หน้าที่ที่เราควรปฏิบัติต่อเด็ก ๆ ของเรา ด้วยความรัก ความเข้าใจให้มากขึ้น และอย่าได้มองข้ามความคิด ความฝันและจินตนาการของพวกเขาเป็นอันขาด
หนังสือเล่มนี้คิดว่า...ไม่น่าจะใช่วรรณกรรมสำหรับเยาวชนเท่านั้น ...ถ้าจะให้เด็ก ๆ เล็ก ๆ อ่านก็คงได้อยู่แต่ควรจะมีผู้ใหญ่ที่เข้าใจคอยให้คำแนะนำอยู่ด้วย (ให้คำแนะนำนะคะ ไม่ใช่”ชี้นำ”)...ถ้าเป็นเรทของรายการโทรทัศน์ในยุคนี้ก็คงเป็น น/๑๓... ประมาณนั้น


และอื่น ๆ อีกมากมายหลายเรื่อง เช่น...

James and the Giant Peach (พีชยักษ์)เรื่องของเจมส์กับเพื่อน ๆ สัตว์ของเขาที่โดยสารลูกพีชยักษ์ข้ามโลกจากเกาะอังกฤษสู่ทวีปอเมริกาเพียงชั่วข้ามคืน...
The Witches (แม่มด)
The Gremlins (เล่มนี้ไม่ทราบว่ามีการแปลเป็นภาษาไทยหรือไม่?)
The Magic Finger (นิ้ววิเศษ)
George’s Marvellous Medicine(ยาวิเศษของจอร์จ)

ฯลฯ (เล่าได้ไม่หมดอ่ะเพราะเยอะมากจริง ๆ ขอพูดถึงเฉพาะเล่มที่ประทับใจ ๆ ละกันนะคะ)

นอกจากนี้ โรอัลด์ ดาห์ล ยังได้ร้อยเรียงประวัติส่วนตัวของตัวเองเป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่วัยเด็ก (Young Adult) ซึ่งทั้งอ่านสนุก ด้วยเจ้าตัวได้เลือกที่จะหยิบยกเหตุการณ์แม้จะเล็ก ๆ น้อยๆ ในชีวิตมาบอกเล่าด้วยสำนวนชวนตื่นเต้นติดตามแกมด้วยอารมณ์ขันอันเป็นธรรมชาติแลสากลของเขา...และทั้งได้รับสาระความรู้มากมายจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว โดยแฝงไปด้วยหลักคิดในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ในสภาพสภาวะที่ตัวเองไม่ได้เลือกและการที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติการณ์ต่าง ๆ

ชุดนี้มีอยู่สองเล่มคือ

Boy – Tales of Childhood (เด็กชาย โรอัลด์ ดาห์ล)



และ
Going Solo (บินเดี่ยว)



(หนังสือของโรอัลด์ ดาห์ล พากย์ภาษาไทยเกือบจะทุกเล่ม แปล และจัดพิมพ์โดย สนพ.ผีเสื้อ)

แล้วจะมีวรรณกรรมเยาวชนชุดที่ 4 - 5 -6....และต่อ ๆ ไปค่ะ





 

Create Date : 04 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 19:26:41 น.
Counter : 3304 Pageviews.  

พิภพบาดาล - เมื่อโลกสิ้นสุดลง เราจะไปอยู่ที่ไหน ?

พิภพบาดาล – The City of Ember By Jeanne DuPrau (ณานน์ ดูโปร)
แปลโดย – แสงตะวัน



เมืองเอ็มเบอร์ ดินแดนที่ไร้แสงตะวัน... ไม่มีทั้งดวงเดือนและดวงดาว
ชาวเมืองเอ็มเบอร์ดำรงชีวิตอยู่ได้ หลายชั่วอายุคนด้วยปัจจัยสี่ที่ได้รับการปันส่วนจากโกดังเก็บของขนาดใหญ่ในเมือง...รวมถึงแสงสว่างและเชื้อเพลิงจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเก่าแก่ใน”เครือข่ายท่อ” ภายในอุโมงค์ใต้นคร ซึ่งนับวันจะเสื่อมประสิทธิภาพการทำงานลงทีละน้อยตามอายุขัยการใช้งาน พอ ๆ กับข้าวของในโกดังที่เริ่มร่อยหรอลงทั้งเนื่องจากการใช้สอยประจำวันของชาวเมือง และทั้งจากการถูกยักยอกกักตุนจากกลุ่มผู้บริหารบางคน...(จริง ๆ เลย...เรื่องพรรค์นี้มีอยู่ทู้กที่....)
.....
พวกเขาจะทำอย่างไรหากวันใดวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้
ทรัพยากรต่าง ๆ ที่พวกเขามีอยู่จะต้องหมดลง...
หลายคนครุ่นคิดและกังวลต่อปัญหานี้.... แต่มีเพียงเด็กชายหญิงวัย 12 ปีเท่านั้น
ที่คิด...และหาวิธีจัดการกับปัญหา...
ดูน แฮร์โร่ว์ และลีน่า เมย์ฟลีต...

ทั้งสองจะพบทางออกหรือไม่ และพบได้อย่างไร.....น่าติดตามค่ะ

มีน้องสาวแสนดีคนหนึ่งส่งหนังสือเล่มนี้มาให้นานแล้ว แต่เพิ่งหยิบมาอ่าน เพราะตอนแรกดูจากปก จากชื่อภาษาอังกฤษ และ
จากหน้าที่มีแผนที่ของเมืองแทรกอยู่ด้านใน ...คิดคาดเดาล่วงหน้าไปว่า...มาอีกแล้วหนังสือแนว ๆ นี้...(เกาะกระแสแฮร์รี่กับลอร์ดออฟเดอะริงมาแน่ ๆ )
แต่เมื่อได้อ่านแล้วก็ผิดคาดค่ะ
เป็นหนังสือที่อ่านได้เพลิน ๆ เล่มหนึ่งทีเดียว เนื้อหาก็สนุก น่าติดตาม ทั้งยังให้ข้อคิดสะกิดใจแก่ผู้อ่านในเรื่องของการใช้ทรัพยากรที่เกินจำเป็นอีกต่างหาก สอดคล้องกับกระแสความวิตกกังวลต่อสภาวะโลกร้อนในขณะนี้เป็นอย่างดี...เพราะฉะนั้น...คงไม่ช้าไปที่จะชวนอ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ

อ้อ...หนังสือมีภาคสองด้วยชื่อภาษาไทยชื่อ ”บ้านใหม่บนดิน” ยังไม่ได้อ่านค่ะ (รอให้คนใจดีส่งมาให้ เอิ้ก...)





 

Create Date : 01 ตุลาคม 2550    
Last Update : 17 ธันวาคม 2550 14:15:24 น.
Counter : 1719 Pageviews.  

วรรณกรรมเยาวชนไทย ในความทรงจำ

สืบเนื่องจากบล็อกวรรณกรรมเยาวชนตอนที่หนึ่ง
ได้เกริ่นถึงหนังสือเด็กของคนไทย...
เมื่อกลับไปอ่านบันทึกเก่า ๆ ของตนเองแล้วก็ค้นพบว่ายังตกหล่นหนังสือเด็ก
ที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วและยังระลึกถึง ยังประทับใจอีกหลายเล่มมาก ๆ
หนังสือพวกนี้หลายเล่มในตอนนั้นที่ได้อ่านก็มักจะอ่านจากห้องสมุดโรงเรียน
(เพราะตอนเด็ก ๆ อาจจะมีนิสัยรักการอ่าน แต่ไม่มีนิสัยรักการซื้อหนังสืออย่างทุกวันนี้...อาจจะเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ เรายังไม่มีตังค์ก็เป็นได้...)

บางเล่มก็เป็นของสะสมของพ่อ...
เพราะพ่อแท้ ๆ เชียวที่เป็นคนปลูกฝังให้เป็น(ลูก)คนช่างอ่าน

วันนี้เลยหยิบปกวรรณกรรมเยาวชนแบบไทย ๆ ใส ๆ มาให้ร่วมกันรำลึกค่ะ
(ขอบคุณภาพปกสวย ๆ เหล่านี้จากเพื่อนในโลกไซเบอร์ 'คุณหนอนตัวกลม' ค่ะ)


เล่มที่ ๑. บึงหญ้าป่าใหญ่ โดย เทพศิริ สุขโสภา

เป็นเรื่องราวอันบอกเล่าถึงธรรมชาติอันสดใสทั้งของโลกและมนุษย์




เล่มที่ ๒.,๓ และ ๔ โลกของหนูแหวน ๑ และ ๒ และ หนูแหวนกับโลก โดย ศราวก

ถ้าใครได้อ่านหนังสือชุดนี้ จะอดรักหนูแหวนไม่ได้เลย








เล่มที่ ๕. ลินลาน่ารัก โดย ว.วินิจฉัยกุล

เรื่องของเด็กหญิงผู้มองโลกในแง่บวก โตขึ้นเธอน่าจะประกวดนางงามนะ อาจจะได้เป็นมิสยูนิเวอร์ส...


เล่มที่ ๖ แก้วตา โดย (ท่านเดียวกับเล่มข้างบน) ว.วินิจฉัยกุล

"แก้วตา" บอกเราว่า ไม่มีหรอก เด็ก ๆ น่ะ มีแต่ผู้ใหญ่ตัวเล็กตะหาก



เล่มที่ ๗ เด็กชายกมลเที่ยวบ้านทุ่ง โดย วาณิช จรุงกิจอนันต์
(นักเขียนรางวัลซีไรต์จากเรื่องสั้นชุด "ซอยเดียวกัน")
ภาพประกอบโดย อรุณ วัชรสวัสดิ์





พอก่อนมังคะ ความจริงมีเล่มอื่น ๆ อีก แต่ แฮ่ ๆ ยอมรับว่าจำเนื้อหายังไม่ค่อยได้เลย ใครมีเล่มไหนแนะนำก็เชิญส่งมาเพิ่มเติมได้ค่ะ

เขาว่ากันว่า...คนแก่มักจะโหยหาอดีต นึกถึงตัวเองตอนนี้...ท่าจะจริงแฮะ















 

Create Date : 24 กันยายน 2550    
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 19:57:59 น.
Counter : 2873 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.