'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
The Bridges of Madison County ~ Robert James Waller



The Bridges of Madison County:
A bitter-sweet tale of profound love
By : Robert James Waller
Arrow Books, 1997





เรื่องเล่าถึงความรักอันลึกซึ้งระหว่างช่างภาพหนุ่มจากแนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกกับหญิงสาวที่มีครอบครัวแล้ว...
โรเบิร์ต คินเคด และฟรานเชสก้า จอห์นสัน

โรเบิร์ตเดินทางไป Madison County มลรัฐไอโอวา เพื่อถ่ายภาพสะพานที่มีหลังคา...ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในเมดิสัน เคาน์ตี้
เขาได้พบกับฟรานเชสก้า ภรรยาสาวของชาวไร่คนหนึ่งที่นั่น...
ในจังหวะที่เธออยู่บ้านเพียงลำพัง...

มันอาจจะเป็นรักแรกพบที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอยู่สักหน่อย...แต่ทั้งสองก็สุดจะหักห้ามความปรารถนาในหัวใจ

ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงสี่วัน...
แต่พวกเขาก็เอิบอิ่มในความรักที่ท่วมท้น...
ก่อนจะแยกจากกันด้วยคำว่าเสียสละและความรับผิดชอบ


หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยาย...
แต่ผู้เขียนได้เปิดเรื่องที่ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องจริง...หรืออิงจากชีวิตจริง...
เริ่มจากที่เขาได้รับการติดต่อจากสองพี่น้อง...ไมเคิลและแคโรไลน์
ลูกสาวกับลูกชายของฟรานเชสก้า
ให้เขาเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักอันงดงามของแม่ของพวกเขา
กับชายแปลกหน้าผู้หนึ่ง...
ผ่านจดหมาย และบันทึกที่ฟรานเชสก้าทิ้งไว้ให้...


ผู้เขียนเขียนไป ยิ่งเขียนยิ่งอินกับตัวตนของโรเบิร์ตจนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกและพลังรักอันยิ่งใหญ่ออกมาได้อย่างสะท้อนสะเทือน...และเจ็บปวด





ส่วนตัว...เมื่ออ่านนิยายรักเรื่องนี้ครั้งแรก...ในวัยที่ยังอ่อนเดียงสาต่อโลก(กว่านี้) รู้สึกพะอืดพะอม...ออกจะรังเกียจในพฤติกรรมของฟรานเชสก้าด้วยซ้ำไป...

ต่อเมื่อวุฒิภาวะค่อยกล้าแข็งขึ้นมาหน่อย...ชีวิตผ่านการเรียนรู้อะไรต่ออะไรมากขึ้น หวนกลับไปหยิบนิยายเรื่องนี้มาอ่านอีกครั้ง...

ถึงตอนนี้ค่อยมองเห็นศีลธรรม จริยธรรม และความเสียสละ...
ที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในใจของฟรานเชสก้า...
และสัมผัสได้ถึงความรักอันลึกซึ้งของเธอ

หาไม่แล้ว...นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่จบลงอย่างงดงามแบบนี้ก็เป็นได้...

เป็นนวนิยายที่บอกเล่าถึงความรักที่งดงาม ลึกซึ้งอีกเล่มหนึ่งที่อยากจะนำมาชวนอ่านค่ะ...







(ภาพปกถ่ายได้ขี้เหร่มาก ๆ เลยนำภาพสะพานนี้มาช่วยค่ะ... )







Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 28 มีนาคม 2551 17:14:15 น. 21 comments
Counter : 2152 Pageviews.

 
หาอ่านเรื่องนี้เหมือนกันครับ

เคยดูเป็นหนังแล้วชอบมาก น้ำตาไหลเผาะเลย


โดย: shinsaibashi วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:27:46 น.  

 
ดูแล้วน่าจะเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจและอบอุ่นในหัวใจ ที่กรุ่นในหัวใจผู้อ่านใช่รึเปล่าคะคุณแม่ไก่

ไปช้าแต่ดอกไม้ที่มอบให้ถูกใจรู้ใจคนรับไปซะทุกครั้ง
นี่เองที่หลงรักคุณแม่ไก่ที่สุด

ขอบพระคุณอย่างที่สุด เจ้าค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:21:34 น.  

 
หลายๆครั้ง บางอย่างก็สำคัญกว่าความรักค่ะ


โดย: piccy วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:53:27 น.  

 
เรื่องนี้ตอนเป็นหนังดังมากๆๆๆเลย

จัดเป็นหนัง Classic เรื่องหนึ่ง
แต่หนังสือยังไม่เคยอ่านเลยค่ะ

สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ


โดย: Jevanni วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:14:49 น.  

 
คุณแม่ไก่ วันแรกที่อ่านเล่มนี้ ยังใส่กระโปรงสีกรมท่าอยู่เลยค่ะ ไม่เข้าใจหรอกว่ามันอะไรขนาดไหน รู้แต่มันเศร้ามาก ขนาดอ่อนเดียงสาขนาดนั้นหนังสือยังทำเอาน้ำตาร่วงเผาะได้นะคะ มาอ่านวันหลังที่แก่กล้าขึ้นหน่อย ก็เข้าใจมากขึ้น แต่รู้สึกความเศร้าร้าวรานน้อยลง ฮืมม.. น่าคิดนะคะ


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:57:39 น.  

 
สวัสดีค่ะแม่ไก่
เรื่องนี้ถ้ายังละอ่อนอยู่
ก็จะอ่านไม่ซาบซึ้งเท่าไหร่ใช่ป่ะคะ
อิอิ



โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:04:37 น.  

 
เรื่องนี้ตอนอ่านก็ไม่ชอบฟรานเชสก้ามากๆ ค่ะ ไม่ชอบพฤติกรรมของพระ-นางทั้งคู่

แต่พอไปดูหนังนี่ อินสุดๆ เมอรีลแสดงดีมากๆ

เป็นเรื่องเดียวที่เรารู้สึกว่าหนังดีกว่าหนังสือน่ะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:16:46 น.  

 
เรื่องนี้ ชอบหนังมากกว่าหนังสือแฮะ ..


โดย: แม่มดพันปี วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:40:58 น.  

 
มาอ่าน

(ขอบคุณที่นำความรักไปให้ที่บล๊อก ^ ^)

ส่งความรักที่เย็นใจ เช่นกันค่ะ


โดย: treehouse วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:03:41 น.  

 
เล่มโปรดเราเลย เราชอบหนังสือมากกว่าหนังนะ


โดย: January Friend วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:04:17 น.  

 


มีทำเป็นหนังด้วยรึคะ
น่าสนุกๆ
จำชื่อหนังสือไว้ก่อนค่ะ

...รีวิวนิยายรักวันวาเลนไทน์ได้โดนใจจริงๆ ค่ะคุณแม่ไก่...

มีความสุขและความรักที่ดีในวันนี้และตลอดไปนะคะ


โดย: BeCoffee วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:05:05 น.  

 



มีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:09:25 น.  

 
จดไว้อีกแล้ว เล่มนี้ยังไม่เคยอ่าน หนังก็ยังไม่ได้ดู ...
เลย comment อะไรไม่ได้


โดย: นัทธ์ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:45:58 น.  

 
ไม่เคยอ่าน...ไม่เคยดูหนัง
ไม่มีความคิดเห็น...เกี่ยวกับหนังสือค่ะ
เพียงแต่คิดว่า...บางทีคนเราเมื่อไม่เคยมีรักแรก....ก็คงไม่รู้จักรักแท้
บางครั้งรักแท้มันไม่ได้เกิดกับคนที่เราแต่งงานด้วยเสมอไป
คนอื่นอาจไม่ชอบพฤติกรรมของตัวเอก
แต่เราสงสารอะ....


โดย: nikanda วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:02:55 น.  

 
อ่านแล้วอยากเป็นพระเอก เหมือนกัน...


โดย: กวินทรากร วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:49:24 น.  

 
ดูหนังหรืออ่านหนังสือก่อนดีเนี่ย


โดย: BoOKend วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:29:43 น.  

 
^
^
จขบ.ไม่ได้ดูหนังอ่า...แต่ได้ยินได้ฟังมาว่า หนังน่าดู ซึ้งสะเทือนใจมาก ๆ

แต่ถ้าจะอ่านหนังสือ อยากแนะนำให้อ่านต้นฉบับ...แหะ ๆ เพราะเลิฟซีนตรึมมมม...อ่านภาษาไทยถ้าคนแปลแปลไม่ได้อารมณ์ อาจจะกลายเป้นนิยายโรแมนซ์ที่เขาไล่จับกันเมื่อปีกลายไปได้ หุหุ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:53:11 น.  

 
เคยดูหนังค่ะ
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก


โดย: สเลเต วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:19:26:23 น.  

 
ขออนุญาตเอาบทความบทหนึ่งมาแปะนะครับ
เป็นบทความจากหนังสือเรื่อง
"ความทุกข์แห่งสรวงสวรรค์"
อีกเล่มหนึ่งที่ผมภูมิใจนำเสนอ
บังเอิญตรงกับรีวิวในบทนี้

ค้นหาคู่ครอง]

“ถ้าในขณะที่นางเอกกำลังเล่นบทชู้ สามีกลับมาพอดี
ถ้าหากหล่อนประมาท จนท้องลูกของชายคนนั้น
และถ้าหาก
หล่อนกระโดดลงจากรถจริงๆ แล้ววิ่งเข้าไปในรถคันเก่าของโรเบิร์ต...


เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบอย่างนั้นหรือ

เพื่อนชาวอเมริกันสองสามคนมาเยี่ยม พอก้าวเข้าบ้านก็ยืนจ้องหนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาจากไต้หวัน กล่าวว่า “หนังสือพิมพ์ของไต้หวันพิมพ์สวยดีนะ”
“พระเจ้าช่วย! ตัวหนังสือเล็กๆ เป็นตัวๆ พวกนี้อ่านว่ายังไงกัน!”
ทุกคนต่างคนต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา เมื่อพลิกไปพลิกมาครู่หนึ่ง สายตาทุกคู่ก็หยุดอยู่ที่เดียวกัน
มันเป็นหน้าโฆษณาเนื้อที่ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ ไม่แปลกเลยว่าทำไมพวกเขาจึงสนใจ เพราะบนหน้ากระดาษพิมพ์ด้วยภาษาอังกฤษตัวโต “The Bridges of Madison County”
“สะพานนี้มีความรัก!” เพื่อนคนหนึ่งร้องขึ้น “ไต้หวันมีหนังสือเล่มนี้ด้วยหรือ”
“นั่นสิ! ดูนี่! คลินท์ อีสต์วูด กับ เมอริล สตรีฟ ไม่ใช่เหรอ แม้แต่หนังก็ไปเข้าฉายแล้ว”
“ตัวอักษรตัวใหญ่ๆ ตรงนี้ เป็นชื่อภาษาจีนของเรื่องสะพานนี้มีความรักใช่ไหม ตัวเล็กๆ ข้างล่างนี้ล่ะ เขียนว่าอะไรบ้าง” ทุกคนหันหน้ามาทางผม “แปลให้พวกเราฟังหน่อยสิ”
เมื่อเพื่อนๆ ทุกคนขอร้อง ผมจึงไม่ปฏิเสธ ค่อยๆ แปลให้พวกเขาฟังทีละบรรทัด “บรรทัดนี้เขียนว่า ‘ความรักที่หญิงสาวทุกคนใฝ่ฝัน เกิดขึ้นที่นี่!’ ส่วนบรรทัดนี้เขียนว่า ‘ความรักอันสูงส่ง ที่ถ่ายทอดความจริงใจและชวนซาบซึ้ง’ ส่วนบรรทัดนี้ ‘ในยุคที่ความรักฉบับฟาสต์ฟู้ดเกลื่อนเมือง ภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบเป็นยาดับร้อนอย่างดี’”
ยังไม่ทันแปลเสร็จ ก็มีคนปรบมือแล้ว “ยอดเยี่ยมจริงๆ! น่าประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าชาวจีนไต้หวันจะมีแนวคิดทันสมัยยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก”
“นั่นสิ! ซ้ำยังกล้าพูด กล้า...” ลังเลครู่หนึ่ง จึงถามว่า “กล้าทำหรือเปล่านะ”
“ตอนไม่อยู่บ้าน เราต้องระวังให้ดี โดยเฉพาะพวกชายวัยกลางคนที่เกือบๆ แก่ ดูเหมือนมีประสบการณ์มีการศึกษา ใครจะไปรู้อยู่ๆ จะแอบเข้ามาในบ้าน แล้วกลายเป็นคนรักที่ลืมไม่ลงของเมียตัวเองไปเสียอย่างนั้น” ชายคนหนึ่งพูด
“พวกเราที่เป็นผู้หญิงก็ต้องระวังให้ดี อย่าปล่อยสามีออกไปถ่ายรูปคนเดียว วันดีคืนดี ถ่ายไปถึงบนเตียงใครจะไปรู้!”
ขณะกำลังถกเถียงกันอย่างเมามัน อยู่ๆ ก็มีคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาถามผม “เจอกันโดยบังเอิญ พากลับมาเข้าบ้าน ซ้ำยังสอนผู้ชายให้จอดรถไว้ในที่ลับตาคน ฉวยโอกาสที่สามีไม่อยู่บ้าน ออกนอกลู่นอกทางสี่วัน นี่เป็นความรักที่หญิงสาวชาวไต้หวันทุกคนใฝ่ฝันถึงหรือ”
“ถ้าในชั่วเวลาสี่วัน ก็รักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ยังไม่นับเป็นความรักแบบฟาสต์ฟู้ด” อีกคนหนึ่งถามบ้าง “สำหรับไต้หวันมันเป็นอย่างไร วันสองวัน หรือไม่กี่ชั่วโมง?”
ปลายหอกของคนทั้งสี่เหมือนพุ่งตรงมาที่ผม “ไม่รู้สิ” ผมส่ายหน้า พลางขอตัววิ่งเข้าครัว โดยอ้างว่าจะไปต้มกาแฟมาเสิร์ฟ

  ●●●

กว่าเพื่อนๆ จะกลับก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ถึงแม้ต่อมาไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่อง “สะพานนี้ฯ” อีก แต่ผมกลับสลัดภาพเงาของสะพานนั้นไม่พ้น
นิยายเรื่องนี้ผมเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว เล่าเรื่องสตรีนางหนึ่ง ได้พบกับโรเบิร์ต คินเคด หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองอย่างไร หล่อนพาเขาไปหา “สะพานแห่งเมดิสัน” อย่างไร พาเขาเข้าบ้านอย่างไร จากนั้น ทั้งคู่ได้เกิดอัธยาศัยที่ต้องกัน พร้อมกับสร้างเหตุบังเอิญขึ้นบางอย่าง จึงเชิญกันไปทานมื้อค่ำ จนกลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่เกินเลย หลังจากนั้นอีกสี่วัน ก่อนที่สามีจะกลับมา พวกเขาก็แยกจากกัน
มันเป็นพล๊อตเรื่องที่แสนจะธรรมดา แต่เมื่อเขียนขึ้นโดยโรเบิร์ต เจมส์ วอลเลอร์ กลับกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งกินใจและละเอียดอ่อน
ละเอียดอ่อนจนกระทั่งผู้อ่านรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดบนกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของบุรุษ และกลิ่นหอมของเรือนร่างที่อยู่ใต้เสื้อผ้าชุดใหม่ของอนงค์นาง
ยังมีเม็ดเหงื่อที่ซึมหยดออกมาเพราะฤดูร้อนและลมหายใจที่เร่งเร้า แทบจะเบียดเสียดจนล้นออกมาจากในบรรทัดเลยทีเดียว
โดยเฉพาะหลังจากที่โรเบิร์ตจากไปแล้ว นางเอกนั่งอยู่บนรถของสามีเพื่อออกไปซื้อของ ระหว่างทาง หล่อนเห็นเงาร่างและรถคันที่คุ้นเคย หล่อนอยากจะกระโจนลงจากรถของสามี พุ่งรี่เข้าไปในรถของโรเบิร์ต
แต่หล่อนเพียงแค่ดิ้นรนอยู่กับความคิดของตนเองเท่านั้น ไม่ได้ทำอย่างนั้นลงไปจริงๆ
ท้ายที่สุด หล่อนก็กลับมาใช้ชีวิตชาวชนบทที่เรียบง่ายตามเดิม เฝ้าสามี เฝ้าลูกๆ และหวนคิดถึงสี่วันที่แสนตื่นเต้นจากการกระทำผิด คิดถึงมันจนชั่วชีวิต
ผมอดนับถือผู้แต่ง โรเบิร์ต เจมส์ วอลเลอร์ไม่ได้ ทั้งสำนวนภาษาที่ประดุจร่ายกลอน การบรรยายฉากที่เหมือนภาพยนตร์ และอารมณ์ที่ทอดต่อไปอีกยาวไกล เพียงแต่ เมื่อนอนอยู่บนเตียง ผมพลิกตัวไปมาครุ่นคิดว่า นี่หรือคือ ความรักที่ยิ่งใหญ่ ที่บรรดานักวิจารณ์ต่างพากันยกย่องสรรเสริญ หรือมันเป็นเพียงความตื่นเต้น และเป็นยอดคลื่นที่กระเซ็นขึ้นมาท่ามกลางช่วงชีวิตที่แสนจะซ้ำซากจำเจเท่านั้น เนื่องด้วยชีวิตมันซ้ำซากจำเจ สามีและลูกๆ ก็ช่างเป็นสูตรสำเร็จเกินไป กอปรกับสามีต้องเดินทางไกล ลูกๆ ไม่อยู่บ้าน แล้วบังเอิญมีชายอื่นปรากฏกายขึ้น จึงดึงดูดใจเป็นพิเศษ
ถ้าในขณะที่นางเอกกำลังเล่นบทชู้ สามีและลูกกลับมาพอดี ถ้าหากหล่อนประมาท จนท้องลูกของชายคนนั้น และถ้าหากหล่อนกระโดดลงจากรถจริงๆ แล้ววิ่งเข้าไปใน “รถคันเก่า” ของโรเบิร์ต ออกเดินทางฝ่าลมฝ่าฝนไปพร้อมกับเขา ชีวิตของหล่อนจะมีความสุขจริงหรือ
เมื่อความตื่นเต้นผ่านไป ความเป็นจริงกลับคืนมา ความแปลกใหม่ผ่านเลยไป สูตรสำเร็จกลับคืนมา ภาพชีวิตแต่งงานในอดีตปรากฏขึ้น เสียงเรียกหาแม่ของลูกๆ ดังแว่วมา เธอจะไม่เสียใจเชียวหรือ เธอไม่คิดจะย้อนกลับไปเชียวหรือ
เมื่อย้อนกลับไป มันจะกลายเป็นเหตุการณ์แบบไหนแล้ว?

  ●●●

ผมนึกถึงคำพูดของนักเรียนหญิงคนหนึ่ง “มีชู้ เป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง”
เธอพูดเบามาก น้ำเสียงก็เบา สีหน้าก็เบา แต่คำพูดทั้งเจ็ดพยางค์นี้กลับเหมือนตีขึ้นด้วยโลหะ ร่วงหล่นลงมาอย่างหนักอึ้ง
ตอนนี้ ผมอ่าน “สะพานนี้ฯ” อีกครั้งจึงเข้าใจ สิ่งที่เรียกร้องให้นางเอกออกนอกลู่นอกทาง ขณะเดียวกันทำให้หล่อน “ระลึกถึงตลอดกาล” มันคืออารมณ์อย่างนั้น อารมณ์ที่หลุดพ้นออกจาก “ความเป็นจริงอันหนักอึ้ง” มันไม่ได้สูงส่ง แต่มันสวยงาม มันก็ไม่ได้สวยงามหรอก มันแค่ไม่เหมือนเดิม
ปัญหาก็คือ พวกเราควรเสาะหาอารมณ์ที่แตกต่างเช่นนี้หรือ และมันจะเป็นดั่งคำโฆษณานั้นไหม ที่บอกว่าเป็น “ความรักที่หญิงสาวทุกคนใฝ่ฝัน”

  ●●●

ถ้าหากชีวิตเป็นเหมือนเหล้า คนบางคนชอบเหล้าอ่อน คนบางคนชอบเหล้าแรง คนบางคนชอบเหล้าสาเกแบบญี่ปุ่น คนบางคนชอบเหล้าขาวต้าชวีของจีน คนบางคนชอบเหล้าค็อกเทลที่มีรสชาติผสมผสาน
นึกถึงตอนหนึ่งใน “สะพานนี้ฯ”
“เพื่อชดเชยปมด้อยทางวัฒนธรรมของตนเอง ชาวเมดิสันชอบพูดว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับเลี้ยงลูก”
ส่วนหล่อน (นางเอก) มักตอบว่า “แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดีสำหรับให้ผู้ใหญ่เติบโตต่อไป”
ชีวิตในเมืองเมดิสัน คงเหมือนกับเหล้าอ่อนๆ อย่างสาเกกระมัง คนบางคนสามารถดื่มมันได้ชั่วชีวิต ซ้ำยังรู้สึกหอมหวนนุ่มลิ้น
หล่อนเอง ก็ดื่มมันชั่วชีวิต เพียงแต่ตรงกลาง เธอแอบดื่มเหล้าขาวเข้าไปอึกใหญ่
แล้วตลอดจนชั่วชีวิต หล่อนคิดว่าเหล้าขาวเท่านั้น จึงจะเป็นเหล้าจริง


โดย: beer87 วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:1:33:19 น.  

 
^
^
ว๊าว...อ่าน(ความคิด)ข้างบนอย่างละเอียดแล้วเข้าใจความรู้สึกของคุณผู้เขียนบทความนี้นะคะ...เราเอง บอกตามตรงว่าค่อนข้างรังเกียจพฤติกรรมเช่นนี้ของฟรานเชสก้าในเบื้องต้น...หากภายหลัง เมื่ออ่านทบทวนอย่างถ้วนถี่มากขึ้น โดยวางทัศนคติส่วนตัวไว้เบื้องหลัง...สอดเท้าตัวเองเข้าไปสวมรองเท้าของฟรานเชสก้า...ถึงขนาดนั้น เราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเราจะ "ยับยั้งชั่งใจ" ได้อย่างเธอหรือเปล่า...?

ขอบคุณที่มาแชร์ความคิดค่า...

ขอบคุณที่แอ้ดเป็นเฟรนด์ฟล็อคด้วย...

แล้วจะตามไปอ่านบทความดี ๆ ที่บล็อกคุณนะคะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:11:33:19 น.  

 


สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ... คุณแม่ไก่
ไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ
ที่ Central World มาค่ะ นำบุญมาฝากค่ะ
ร่มเย็นเป็นสุขนะคะ

สว่างใดก็ไม่เท่าสว่างในธรรมนะคะ



โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:21:53:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.