...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
All blogs
 
คนรวย

คนรวย

มีรายได้บางปีสี่ห้าร้อย
ปลูกกระท่อมหลังน้อยอยู่ป่าเขา
ไม่หวังพึ่งโชคช่วยหวยไม่เอา
ปลูกมันเถาข้าวไร่พอได้กิน

ไม่ว้าวุ่นแสวงหาบ้าวัตถุ
ชุดปะปุม่อฮ่อมก็พร้อมสิ้น
มีปูปลาอาหารในธารริน
ไร้หนี้สินสุขเหลือไร้เรือรถ

ไม่เรียกร้องร่ำหาไฟฟ้าใช้
มีแสงเทียนแสงไต้ก็ใสสด
มีดาวเดือนเพื่อนราตรีที่งามงด
คือสวรรค์ชั้นโสฬสชนบทไทย

ไม่หนวกหูทีวี.ซีดี.ดิสค์
ไม่มีพิษมลภาวะอากาศใส
ไม่หนวกหูสิบล้อมอเตอร์ไซค์
ป่าเขาใหญ่สุขสงบพบนิพพาน

ไม่มีคนมาร้องแรกแจกซองขอ...
มีสวรรค์บนความพอเหมาะกับฐาน...
ไม่เป็นหนี้ขี้ข้าธนาคาร
ถนนใหญ่ไม่ผ่านบ้านคนรวย (ไชโย…)
00000



Create Date : 20 มิถุนายน 2550
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 11:57:37 น. 14 comments
Counter : 1394 Pageviews.

 
กลอนชุดนี้มี ๒ บท คือ "คนจน" กับ "คนรวย" แต่งไว้คู่กัน เพราะฉะนั้นถ้าลงไปบทเดียวก็จะทำให้จับประเด็นความหมายไม่ถูก(ในความต้องการสื่อของผู้เขียน) คราวนี้ผมเอามาลงให้อีกบท

แล้วลองเลือกฝ่ายดูซิครับ ว่าจะเลือกเป็นคนจนหรือคนรวย...

ส่วนผมรวยอยู่แล้ว รวยมาก ๆ จนต้องเอาเงินไปเที่ยวแจกเลยละ (พูดจริง ๆ)

ยิ่งแม่บ้านของผม ผมเองไม่เท่าไหร่ เที่ยวแจกจนหมดตัว จนตัวเองแทบไม่มีจะกิน กลอนบทนี้จึงได้เกิดขึ้น

(แจกตามงานศพ งานแต่ง งานบุญ งานบวช... ซึ่งที่ชุมพรกำลังกลายเป็นธุรกิจชนิดหนึ่งไปแล้ว ฮา)

ลุงเองกำลังอยากจะจัดการศพของตัวเอง แบบท่านผู้หญิง....ภรรยาท่านปรีดี พนมยงค์ ชอบความคิดของท่านมากเลย กำลังคิดอยู่ว่าจะทำตามบ้าง กำลังศึกษาหาลู่ทางอยู่...


โดย: lungboon (pantamuang ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:12:08:49 น.  

 
มีชีวิตแบบพอเพียง...ก้อดีนะคะ

มีกินมีใช้...ไม่ทุกข์มาก..

ไม่เจ็บป่วย....ก้อดีแล้วนะคะ



โดย: gripenator วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:13:58:52 น.  

 
ชอบกลอนบทนี้ของอาบูลย์มากจ้ะ
และอยากจะใช้ชีวิตเป็น "คนรวย" แบบนี้จัง
อิจฉาคนอยู่กับธรรมชาติอากาศดี(อย่างอาบูลย์แหละ)
หนูอยู่กรุงเทพฯมาสี่สิบกว่าปี..(อ้าวรู้เลยว่าอายุเท่าไร..ฮิฮิ)
เบื่อมากค่ะ เบื่อตึกที่สุดเลยเชียว...
หนูไม่เคยไปชุมพรเลยค่ะ ไปไกลที่สุดแค่บ้านกรูด..
อีกนิดเดียวก็ชุมพรแล้วเนอะ...


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.58.163 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:20:23:24 น.  

 
อ่านกลอน"คนจน"แล้ว จะไม่มาอ่านกลอน"คนรวย"คงเป็นไปไม่ได้นะคะ เท่าที่มาอ่าน blog นี้ นกคงต้องเรียก"อาบูลย์" ตามคนอื่นมั่งแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นจะกลายเป็นตีตัวเสมอผู้ใหญ่ไป อนุญาติไหมคะ


โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:23:16:37 น.  

 
ย่องมาชะเง้อดูอาบูลย์กลางดึก

มาแอบดูว่ายังง่วนกับบล็อกหรือเปล่า
เกรงจะหลับคาเครื่องคอมฯ จ้า

ตอนนี้หนอนฯ กำลังยุ่งกับงานหลากหลายอย่าง
ไม่มีเวลามาตามอ่านกลอนฮ็อตฮิตของอาบูลย์ชั่วคราว

คุยกับเพื่อน ๆ ร่วมแก๊งไปก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ
ว่างแล้วจะแวะมาเยือนเหมือนเดิม...


โดย: หนอนฯ IP: 58.9.170.242 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:3:27:43 น.  

 
ชอบกลอนบทนี้ของอาบูลย์มากจ้ะ
และอยากจะใช้ชีวิตเป็น "คนรวย" แบบนี้จัง
อิจฉาคนอยู่กับธรรมชาติอากาศดี(อย่างอาบูลย์แหละ)
หนูอยู่กรุงเทพฯมาสี่สิบกว่าปี..(อ้าวรู้เลยว่าอายุเท่าไร..ฮิฮิ)
เบื่อมากค่ะ เบื่อตึกที่สุดเลยเชียว...
หนูไม่เคยไปชุมพรเลยค่ะ ไปไกลที่สุดแค่บ้านกรูด..
อีกนิดเดียวก็ชุมพรแล้วเนอะ...

ก็เป็นแบบเดียวกับหนอนเมืองกรุง นั่นเรียกว่าเกิดในกรึงเทพฯ.... ในกรุงเทพฯ พบกันในเวบบอร์ดพังงาเกือบ ๑๐ ปีแล้ว วันหนึ่งนัดไปเจอหน้าที่ขนส่งสายใต้

ขำก็ตรงที่ต่างคนต่างไม่รู้จักกัน ก็ต่างยกมือถือขึ้นมาโทร. ปรากฏว่าต่างยืนมองกันในระยะห่างแค่ ๕ -๖ เมตร ก็เลยหัวเราะกัน

อาถามหนอนเมืองกรุงว่า "ว่าไงครับ เจอตัวจริงของผมแล้ว เรายังจะคบกันอีกไหม?"

คำตอบคือคบกันจนกลายเป็นลูกหลานที่สนิทยิ่งกว่าญาติ คนบ้านนอกอย่างอา มากรุงเทพฯ ทีไรก็ได้อาศัยคนกรุงเทพฯ นี่แหละพาไปลอกคราบ เอ๊ย ไม่ใช่ นั่นมันในข่าวหนังสือพิมพ์

แต่ที่จริงคือพาไปต้อนรับขับสู้ ด้วยข้าวปลาอาหาร และพาส่งหิ้วกระเป๋าไปส่งจนถึงห้องพัก เพราะเขาสงสารว่าเดินเหินก็ไม่ค่อยไหว นี่ไงมิตรภาพในอินเทอร์เน็ต

สำหรับตาเบบูญ่า (แหมเอาชื่อหนังมาตั้งชื่อเลยนะ ทำให้อยากดูหนังเรื่องนี้เสียแล้วซี) ก็จะทำยังไงได้ละ แบบนี้ชวนให้นึกถึงเรื่องสั้น ในวงล้อม ที่อาเขียน อาไปพบข้อมูลที่ว่าคนดั้งเดิมอยู่ยอมในวงล้อมของตึก ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ รับน้ำฝนจากชายคา ปลูกกล้วย อ้อย ในเนื้อที่แค่ประมาณ ๑ ไร่ ที่อยู่ในซอยจรัญ ๓๕

ถ้าอยากจะไปดูบ้านนอกบ้างก็ยินดีต้อนรับนะครับ ส่วนกลอนที่เขียนก็อย่าไปซีเรียส ถ้าหากเขียนไปแล้วไปกระทบกับบางส่วนที่เป็นชีวิตที่จำเป็นเข้า

เพราะนักเขียนเป็นพวกชอบเน้นจุดที่ก่อให้เกิดการสะเทือนใจมาเขียน การมองจึงมองลึกกว่าที่คนธรรมดามอง งานวรรณกรรมจึงต่างกับบทความ หรือเรียงความ หนังละครก็พยายามสะท้อนในจุดที่ว่านี้

แต่หนังละครบางเรื่องก็มอมเมา ให้แต่ความสนุกแต่ไม่สร้างสรรค์ อ้าว ! เผลอ ๆ มาตั้งตัวเป็นด็อกทางวรรณกรรมซะฉิบ ไปก่อนละ






โดย: lungboon IP: 125.27.234.21 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:11:05:17 น.  

 
ถาม
อ่านกลอน"คนจน"แล้ว จะไม่มาอ่านกลอน"คนรวย"คงเป็นไปไม่ได้นะคะ เท่าที่มาอ่าน blog นี้ นกคงต้องเรียก"อาบูลย์" ตามคนอื่นมั่งแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นจะกลายเป็นตีตัวเสมอผู้ใหญ่ไป อนุญาติไหมคะ

ตอบ
อนุญาตและอนุญาตอย่างสุดใจขาดดิ้นเลยครับ คือยินดีมาก ๆ


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.234.21 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:11:07:41 น.  

 
ถาม
ย่องมาชะเง้อดูอาบูลย์กลางดึก

มาแอบดูว่ายังง่วนกับบล็อกหรือเปล่า
เกรงจะหลับคาเครื่องคอมฯ จ้า

ตอบ
เมื่อคืนนอนหัวค่ำเลย เพราะรำคาญอาการหวัดที่ยังไม่หาย ไอบ่อย ๆ มีเสมะมาก อาจจะตายวันตายพรุ่ง ก็เลยต้องพักบ้าง ยังทำงาน ๒-๓ ชิ้นไม่เสร็จเลย
ขอบใจที่มาเยี่ยม อ้อ ไปอ่านที่นินทาหนอนไว้ข้างบนด้วยนะ


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.234.21 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:11:11:13 น.  

 
มีชีวิตแบบพอเพียง...ก้อดีนะคะ

มีกินมีใช้...ไม่ทุกข์มาก..

ไม่เจ็บป่วย....ก้อดีแล้วนะคะ





ตอบคุณ gripenator (ผมอ่านชื่อไม่ออก)
ก็คงงั้น ๆ แหละครับ แต่กลอนก็คือกลอนครับ อย่าไปคิดว่า ชีวิตผู้เขียนจะเป็นดั่งที่ว่า นี้จริง ๆ

ความจริงพวกงานวรรณกรรม เป็นงานที่เสแสร้ง และมุ่งกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าอย่างอื่น ครับ แต่ถ้าทำได้อย่างในกลอนก็ดี (แต่จะไปทำที่ไหนผมไม่ทราบนะ ป่าจะยังเหลือหรือเปล่า) เพราะเป็นปรัชญาทฤษฎีใหม่ ที่พระเจ้าอยู่หัวของเราต้องการให้คนไทยเป็น.


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.234.21 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:11:18:29 น.  

 
คนรวยแวะมาทักค่ะ
รีบมารีบไป..ไฟดับตั้งกะตีสาม ดาวเทียมแอบไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ไฟเพิ่งมาเลยรีบแวะมาดูลุงบูลย์เสียหน่อย...ปวดหัวตัวร้อน หายดีหรือยัง...คนรวยเป็นห่วงจริงๆนะ
ป้าพิศจะทำน้ำชุป ต้มส้มย่านัดค่ะ..รีบไปเป็นหางเครื่องก่อนเดี๋ยวสากกะเบือหักอีกอัน..อันเก่าปลายแปรงทำแตกเองวันก่อน ยังกลุ้มใจอยู่เลยว่าท่าจะไม่ได้แต่งงาน...ป้าพิศโวยใหญ่เลย...ตายทำสากแหกแล้วใครี่ไหนเขาจะมาขอเธอล่ะ...ท่าจะแย่แน่เรา
ถ้าที่บ้านไมค่อยได้ทำน้ำชุบจะแอบไปขโมยสากมาแทนของแก เพราะไปถามซื้อแต่สากเขาคงไม่ยอมขายแน่เลย


โดย: ปลายแปรง IP: 203.113.17.148 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:12:04:34 น.  

 
พอ ๆ กันเลย บ้านลุงน้ำประปาไม่ไหลมา ๓ วัน
เมื่อเช้าออกตลาดจะไปหาซื้อสายท่อน้ำมาต่อน้ำจากบ่อเข้าใช้ในบ้าน แต่ไปติดลมอยู่ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง เขาป่วยก็เลยไปเยี่ยมเขา

ระหว่างนั่งคุยน้ำประปามา ก็เลยกลับมาแวะไปรษณีย์เบิกค่ากลอน ๘๐๐ ไปซื้อถ่านไฟฉาย AA มา ๘ ก้อน ไว้ใส่กล้องจะได้โพสต์ภาพสวย ๆ มาเข้าคอม

นึกเห็นภาพที่ป้าพิศจะโวยวาย พวกนักเขียนมักกระโดกกระเดก จะให้เป็นแม่บ้านนั่งพับเพียบเรียบร้อยแบบกุลสตรีสมัยป้าพิศ (เทพีสงกรานต์นะนั่น) คงไม่ได้

ยังดีที่แค่สากพัง นั่นถ้าครกแตกจะยุ่งกว่านั้น และพอครกแตกสากจะอยู่กับใคร นอกจากจะขอปลิวตามติดหัวคนทำแตกมาเท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:12:53:04 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

เพิ่งกลับมาจากตะลอนข้างนอก..
มาฟังเพลง "บายใจ๋" ดีนา

ช่วงนี้ออกตลาดหางานกันค่ะ..
ยังไม่ได้สักเจ้าเลย..

แจมทำสองอาชีพพร้อมกัน ไหน ๆ ก็ออกข้างนอกแล้ว
ก็คือ ขายการออกแบบเว็บไซต์ และขายประกันชีวิต

ไม่เป็นไรค่ะ.. ค่อยไปใหม่
ทำงานเหนื่อยน่ะ ไม่เท่าไหร่ค่ะ พอทน..

^^


โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.165.8 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:16:25:58 น.  

 
หนูสีน้ำฟ้า
ลำโพงของลุง พระธรรมชาติมาเรียกคืนไปแล้ว(เสีย) เลยอดฟังเพลงที่ส่งมาจากนกแสงตะวัน เฮ้อ ตังค์อีกแล้ว ยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ด้วย


โดย: lungboon (pantamuang ) วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:19:04:11 น.  

 
กลอนบทนี้ให้ข้อคิดดีนะคะ ถ้าทำได้อย่างนั้นจริงก็คงดี แต่เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกนี่คะ เราทุกคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล(พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก หลาน)โดยเฉพาะเด็กที่จะต้องเรียนหนังสือเป็นผู้มีความรู้ก้าวทันโลกที่พัฒนาไปไม่มีสิ้นสุด แล้วเราจะปล่อยให้เด็กๆเรียนอยู่ในป่างั้นเหรอคะ
ถ้าบอกว่าบ้านที่ว่านี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นครั้งคราวเมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายสังคมเมืองหลวง น่าจะเข้าทีกว่าที่จะเป็นบ้านที่อาศัยอยู่ตลอดชีวิต
จาก อีกหนึ่งความคิดเห็น


โดย: หนอน IP: 202.12.97.117 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:13:50:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.