...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องเล่าหรือตำนานเมืองชุมพร

เรื่องเล่าหรือหรือตำนานเมืองชุมพร
๑ วัดพระธาตุสวี


เรื่อง คุณครูสุนีย์ จุนเจือ

ภาพ คุณครูกิตติพงศ์ พันธ์เมือง



อีกวันหนึ่งซึ่งยังอยู่ในช่วงที่โรงเรียนปิดภาคปลาย นายสมานกับนางพรจันทร์ รักษาพันธุ์ พ่อและแม่ของเด็กหญิงโสภี รักษาพันธุ์ ได้นำกระบะตอนครึ่งมาที่บ้านของคุณตาเกื้อบุญกับคุณยายสะอาด บานเย็น เพื่อจะชวนคุณตาและคุณยายไปนั่งรถเที่ยวดูสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในจังหวัดชุมพร ซึ่งคุณตาเกื้อบุญก็เต็มใจ จุดแรกคุณตาเกื้อบุญบอกให้นายสมานขับรถไปที่วัดพระธาตุสวี
และระหว่างที่ยังอยู่ในรถคุณตาเกื้อบุญได้บอกเล่าที่มาของคำว่า พระบรมธาตุสวี ดังนี้
“เดิมทีพระธาตุสวีชื่อพระธาตุกาวีปีก”




“วี” แทนคำว่าโบก พัด หรือกระพือ... เป็นภาษาใต้” คุณตาเกื้อบุญตอบ
“แล้วกามาจากไหนคะ ทำไมถึงมากระพือปีก?”
“มีบันทึกไว้ในหนังสือเก่า ๆ ของชุมพรว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๙๐๓ กองทัพ อโยธยา ได้กรีฑาทัพมาตีอาณาจักรไทศรีธรรมราช ในสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ ๘ เมื่อมาถึงเมืองกำเนิดนพคุณ ปรากฏว่าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ ๘ ได้ยกทัพมารอรับ จึงเกิดการรบพุ่งกัน...”

“เมื่อเสร็จสงคราม พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ ๘จึงยกทัพกลับ ขณะที่พักรี้พลอยู่ในเขตพระธาตุสวี เป็นที่ตั้งวัดร้าง มีเจดีย์โบราณชำรุดปรักหักพัง มีกาฝูงหนึ่งกำลังกระพือปีก และส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช จึงเดินทอดพระเนตรสำรวจบริเวณนั้น พบว่ามีกาเผือกรวมอยู่ด้วยตัวหนึ่ง และเมื่อให้ทหารรื้อกองอิฐของเจดีย์ที่หักพังออก ก็พบว่าใต้ซากเจดีย์มีผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ”



“หนูสงสัยว่า แล้วคนสมัยนั้นรู้ได้อย่างไรว่า อันไหนเป็นอัฐิหรือพระธาตุของพระพุทธเจ้า หรือว่าไม่ใช่?”
“เขามีวิธีดู มีวิธีพิสูจน์ มีตำราเขียนไว้ แต่ตาดูไม่เป็นหรอกได้แต่ว่าตามเขา” คุณตาเกื้อบุญตอบ

“ลูกโสเคยอ่านตำนานการสร้างพระธาตุเมืองนครมาแล้วใช่ไหม?” นายสมานถามลูกสาว
“หนูเคยอ่าน แต่จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ” โสภีตอบยิ้ม ๆ
“งั้นพ่อจะบอกว่า พระนามของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช มีหลายพระองค์ เหมือนกับในกรุงศรีอยุธยา ที่มีคำว่า สมเด็จพระรามาธิบดี... แล้วต่อด้วยลำดับที่ ๑-๒- ๓ -๔...

ทีนี้ประวัติการสร้างพระธาตุที่เมืองนคร ตำนานบอกไว้ว่าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช แสดงว่าองค์นี้เป็นองค์แรก ที่เป็นผู้บูรณะเจดีย์พระธาตุนคร หรือพูดง่าย ๆ ก็คือว่าสร้างพระธาตุขึ้นมาใหม่ แทนของเดิมที่มีพระสงฆ์และชาวบ้านสร้างขึ้น หลังจากที่เหมชาลาและธนกุมาร ผู้นำพระธาตุหนีข้าศึกมาจากศรีลังกา ไม่สามารถจะนำพระธาตุกลับไปสู่บ้านเมืองได้ จึงได้สร้างสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุไว้ที่หาดทรายแก้ว แล้วกลับไปแต่ตัว



“ตามประวัติว่า พระธาตุนครยุคแรก ๆ มีลักษณะเป็นเหมือนสถูปหรือมูลดิน พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช จึงทรงสร้างเจดีย์ใหม่ครอบของเดิมให้เป็นเจดีย์ยอดแหลม มีฐานเป็นรูประฆังคว่ำ ข้างบนเป็นปล้อง ๆ มีปลียอดเป็นทองคำ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน นี่เป็นผลงานของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชองค์ที่ ๑ แล้วองค์ต่อ ๆ มาก็ช่วยกันดูแลจนมาถึงองค์ที่ ๘ ที่สร้างพระธาตุสวี”

พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ ๘ จึงสั่งให้ระดมกำลังทหาร ทำอิฐเผาบูรณะเจดีย์จนเสร็จเรียบร้อย จึงนำพระบรมสารีริกธาตุเข้าบรรจุไว้ แล้วจัดงานฉลองสมโภช และประทานนามเจดีย์นั้นว่า “พระบรมธาตุกาวีปีก” ต่อมาคำว่า ปีก ถูกตัดหายไป จึงเรียกว่า “พระธาตุกาวี” ต่อมาอีกประมาณปี พ.ศ.๒๓๗๕ ได้มีเมืองตั้งขึ้นใหม่ชื่อเมืองสวี ขึ้นต่อเมืองชุมพร จึงได้เรียกชื่อพระธาตุแห่งนี้ตามชื่อเมือง เป็นพระบรมธาตุสวี”


๒ บ้านพะงุ้น

ที่อำเภอสวีมีวัดชื่อแปลก ๆ เช่น
“วัดพะงุ้น เป็นวัดเก่าแก่ดั้งเดิมของอำเภอสวี เดิมเรียกว่า วัดกะหงุ่น ตามชื่อของลำคลองกะหงุ่น เหตุที่เรียกว่า กะหงุ่น เพราะมีกะหงุ่นอยู่ตามลำคลอง”



“กะหงุ่นคืออะไรคะ?”โสภีถาม
“กะหงุ่นมีลักษณะคล้ายจอมปลวก ดินเป็นสีขาว ผุดโผล่ขึ้นพ้นน้ำเวลาน้ำลด ชาวบ้านถือว่าเป็นขอ ง กายสิทธิ์ และเชื่อกันว่ามีขุมทรัพย์อยู่ มีลายแทงกล่าวเป็นปริศนาไว้ คำว่า พะงุ้น เป็นคำที่เรียกกันตอนหลัง”
“ที่สวียังมีเรื่องเล่าแบบตำนานอีกเรื่อง คือเรื่องชื่อบ้านหินสามก้อน อยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอสวี ที่ปากบ่อมีหินอยู่สามก้อน ว่ากันว่าที่ก้นบ่อไม่ลึกนักมีไหกระเทียมใส่ทองคำวางอยู่ ปากไหใช้ผ้าผูกไว้ มีเรื่องเล่าว่า ถ้าใครขุดบ่อเพื่อจะเอาไหทอง ผ้าที่ผูกไหจะกลายเป็นปลิง ทำให้ไม่มีใครกล้าไปขุดบ่อน้ำนี้ แม้ถึงหน้าแล้งที่บ่อน้ำอื่น ๆ แห้งหมด แต่บ่อน้ำนี้จะไม่แห้ง”




๓. บ้านเขาวอ




“เอ่อ คำว่า “เขาวอ” มันมีที่มาอย่างไรครับ?” นายสมานพ่อของโสภีถาม
“อ๋อ บ้านเขาวอ อยู่ในตำบลบ้านควน อำเภอหลังสวน สมัยโบราณการเดินทางใช้สัตว์เป็นพาหนะและต้องเดินทางผ่านป่าเป็นส่วนใหญ่ ครั้งหนึ่งได้มีพระมหากษัตริย์เสด็จผ่านมา พร้อมด้วยไพร่พลมากมาย การเสด็จนี้พวกไพร่พลต้องขนทองคำไปด้วย การเสด็จและการขนทองคำในครั้งนั้น ใช้วอซึ่งเป็นที่ประทับ และเป็นที่ใส่ทองคำรวมสามหลัง เมื่อเสด็จผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกิดอาเพท วอทั้งสามเล่มร้าว ยอดวอหัก แล้วก็มาพบถ้ำโพรงถ้ำที่ภูเขาลูกหนึ่ง พระราชาจึห้ทหารเอาวอและทองคำไปฝังไว้ในถ้ำนั้น ขณะเดียวกันเสบียงอาหารก็หมดลง ไพร่พลอดอาหารเสียชีวิต แล้วยังเกิดมีหินก้อนใหญ่เล็กตกลงมาปิดปากถ้ำจนแน่นสนิท และไม่มีผู้ใดสามารถขุดหาเอาทองคำเหล่านั้นได้ จนถึงปัจจุบันเขาลูกนั้นต่อมาจึงได้ชื่อว่า เขาวอ”



๔ วนอุทยานเขาพาง
นายสมานพ่อของโสภีมาจอดรถที่ วนอุทยานเขาพาง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของตำบลหาดพันไกร อยู่บริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอเมืองชุมพรกับอำเภอท่าแซะ ห่างจากตัวเมืองชุมพร ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร
นายสมานจอดรถใต้ร่มไม้ โสภีสีมา และนางพรจันทร์ ออกเดินเที่ยวชมบริเวณอุทยานเขาพาง ภายในวนอุทยานร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ นกหลายชนิด และสัตว์ป่าขนาดเล็กจำนวนมาก ด้านหน้ามีสิ่งก่อสร้างเป็นซุ้มประตูวนอุทยาน
บนภูเขาพางมีลานกว้างสำหรับให้พวกนักกีฬาร่มร่อน มาใช้เล่นร่มร่อนในฤดูร้อน กับเป็นที่ตั้งของสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ ช่อง ๗ มีถนนให้คนเดิน รถจักรยานยนต์วิบากและรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไปได้




๕. บ้านรับร่อ


“วัดที่เรากำลังไป เป็นวัดสำคัญของจังหวัดชุมพร มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในอดีต คือการเผยแพร่พุทธศาสนาของเจ้าพระยาศรีธรรมโศกราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช และสงครามเก้าทัพในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าชื่อเมืองอุทุมพร ซึ่งเป็นเมืองร่วมสมัยกับเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. ๑๙๒๓ ภายในบริเวณถ้ำพมีพระพุทธรูป เป็นพระประธานอยู่ปากถ้ำ เรียกว่า พ่อปู่หลักเมือง”ตามตำนานและนิทานพื้นบ้าน เชื่อกันว่า บริเวณรอบๆ เขารับร่อเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณ ชื่อเมืองอุทุมพร ร่วมสมัยกับเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งสร้างโดยพระเจ้าศรีธรรมโศกราช
“คนชุมพร เรียกว่า “พ่อปู่หลักเมือง” และวัดชื่อว่า วัดเทพเจริญศุภผล ปัจจุบันจึงเหลือเพียงชื่อ “วัดเทพเจริญ” หรือชาวบ้านเรียก “วัดถ้ำรับร่อ”



“เขาว่าในถ้ำรับร่อมีทรัพย์สมบัติซ่อนอยู่จริงหรือ?” นายสมานถามคุณตาเกื้อบุญ
“ถ้าให้ตาออกความเห็นตาค่อนข้างเชื่อว่า หลายจังหวัดทางภาคใต้ มีสมบัติล้ำค่าสมัยโบราณซุกซ่อนอยู่ ไม่ว่าสงขลา นครศรธรรมราช ภูเก็ต และชุมพร เพียงแต่เรายังค้นหาไม่พบเท่านั้น สมบัติพวกนี้บางส่วนเป็นของพวกโจรสลัด บางส่วนเป็นของพ่อค้าชาวต่างชาติ และบางส่วนเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน ต่างบ้านต่างเมือง ที่ถ้ำรับร่อก็มีตำนานว่าอยู่ในถ้ำพระและถ้ำไอ้เต”

ข้อมูลจาก: การสำรวจเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548



“ถ้ำพระนี้บางทีชาวบ้านเรียกว่าถ้ำทะเลเซียะ ตามชื่อคลองทะเลเซียะที่ไหลผ่านหน้าภูเขาทาง
ทิศใต้ โดยไหลไปรวมกับคลองรับร่อและคลองรับร่อจะไหลลงไปบรรจบกันกับคลองท่าแซะตรงบ้านปากแรกปัจจุบัน มีเรื่องเล่าว่า …
“เมื่อเสร็จจากการสร้างพระพุทธรูปหลักเมืองแล้ว มีทรัพย์สินเงินทองที่ชาวบ้านนำมาร่วม
สร้างคงเหลืออีกมากมาย จึงนำไปฝังไว้ที่ถ้ำอีกถ้ำหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกัน แล้วเขียนรูปพระพุทธทางทิศใต้ของภูเขาไสยาสน์ลงสีไว้ที่ผนังถ้ำ ชาวบ้านเล่าลือต่อมาว่า ภาพปริศนานั้นสร้างไว้เพื่อจะได้เฝ้าสมบัติ ซึ่งเรียกกันว่า "ไอ้เต" จะลบเท่าใดก็ไม่หมด หลายต่อหลายครั้งมีผู้รู้เท่าไม่ถึงการ เอาผ้าชุบน้ำมาทดลองลบสี นอกจากนี้ยังมีคำเป็นปริศนาลายแทงว่า



"ไอ้เต ไอ้เต เอาลูกใส่เปล เอาตีนคาใน น้ำมันสองขวด ค่อยนวดค่อยไป ผู้ใดคิดได้ อยู่ในไอ้เต"
“มีผู้เชื่อตามลายแทงมาขุดหาสมบัติในถ้ำหลายครั้ง ปรากฏว่ายังไม่มีผู้ใดได้ไป เพราะเมื่อมาขโมยขุดก็มักจะเกิดเหตุอัศจรรย์ โดยถูกงูขาวใหญ่ไล่กัดบ้าง ถูกเสียงลึกลับไล่ตะเพิดบ้าง เมืองอุทุมพรที่ท่าแซะสมัยนั้นจึงน่าจะเป็นเมืองชุมพร หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดในปัจจุบันพบว่าแหล่งโบราณคดีเขารับร่อ มีมนุษย์อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ได้พบเครื่องมือขวานหินขัดและเศษภาชนะดินเผาในถ้ำต่างๆ ภายในภูเขารับร่อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้มีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ปี
“แล้วคำว่า “รับร่อ” ละคะ มีที่มาอย่างไร?” โสภีถาม




“คือ เมื่อตอนพม่ายกกองทัพเข้ามาทำสงครามกับไทย ฝ่ายพม่าต้องการเข้าไปในถ้ำพระปู่หลักเมือง พม่าได้ขุดหาทองใต้ฐานพระ แต่จะด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ทหารพม่าเกิดเจ็บไข้ล้มตายไปมาก จากนั้นทหารพม่าก็เดินทางมารอทัพที่ภูเขาไม่ไกลจากที่นี่ และใช้ใบตะลังตังช้าง ปูนอน เกิดอาการคันอย่างรุนแรง จึงคิดว่าไทยมีของศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขาม ตอนที่ทหารพม่าเข้ามา มาทางปากน้ำชุมพร มารอทัพอยู่ที่หมู่บ้านนี้ จึงเรียกว่า “บ้านทัพรอ” ต่อมาได้เพี้ยนไปเป็นบ้านรับร่อ”



๖. วัดเขาถล่ม
“ตอนเราออกจากชุมพรทางตำบลวังไผ่เมื่อเช้า ผมมองเห็นป้ายชื่อวัดและโรงเรียนวัดเขาถล่ม คำว่า “เขาถล่ม” หมายถึงภูเขาพังลงมาใช่ไหมครับ
“ใช่ ในอดีตภูเขาเคยถล่มลงมา มีเรื่องเล่าว่า มีงูใหญ่ ๒ ตัวเฝ้าถ้ำวัดเขาถล่มอยู่ ในถ้ำเคยมีหลวงปู่แดงอาศัยอยู่ด้วย วันใดหลวงปู่แดงออกไปบิณฑบาต ท่านจะสั่งให้งูใหญ่ทั้งสองเฝ้าถ้ำไว้จนกว่าท่านจะกลับ วันหนึ่ง ท่านลืมสั่ง งูใหญ่ทั้งสองจึงได้ออกจากถ้ำไปอาละวาดกับราษฎร เมื่องูใหญ่เลื้อยออกจากถ้ำ ทำให้ถ้ำบางส่วนทรุดถล่มลงมา เมื่อหลวงปู่แดงกลับมาพบ ท่านจึงสั่งให้งูใหญ่ทั้งสองเข้าไปอยู่ในถ้ำ อย่าออกไปไหนอีก
“วัดเขาถล่ม อยู่ในเขตตำบลวังไผ่ อำเภอเมืองชุมพร ปัจจุบันที่หน้าถ้ำมีรูปงูใหญ่ที่เป็นหินเฝ้าอยู่ ส่วนหลวงปู่แดงก็จำศีลภาวนาต่อมาจนเป็นหินอยู่ด้วย”

๗. วัดคูขุด(วัดสุวรรณนที)
“ยังมีอีกวัดครับที่ผมสงสัย คือวัดคูขุด หรือวัดสุวรรณนที ทำไมจึงได้ชื่อวัดคูขุดละครับ” นายสมานถามต่อ


“คุณตาเกื้อบุญเล่าว่า “สมัยเมื่อพม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาได้เข้ามาประชุมทัพอยู่ที่เมืองชุมพร เกิดรบกับชาวชุมพรและพม่าเป็นฝ่ายชนะ จึงได้จับชาวชุมพรมัดมือมัดเท้า พร้อมกันนั้นก็ขุดคลอง ก่อนจับชาวชุมพรจะเอาไปเผาทั้งเป็น แต่เกิดปรากฎการณ์ประหลาดคือ เกิดพายุและฝนตกหนักที่เกาะจำเหียง บนเกาะมีถ้ำแห่งหนึ่ง ปากถ้ำอยู่ใกล้ระดับน้ำ เมื่อฝนตกและมีพายุ ทำให้น้ำเกิดเป็นคลื่นกระทบเข้าไปในถ้ำ ทำให้เกิดเสียงดังคล้ายเสียงปืนใหญ่ยิงมา ทัพพม่าคิดว่าทางเมืองหลวงส่งกำลังมาช่วย ก็พากันหนีกลับไป โดยไม่ทันได้เผาชาวชุมพร คลองที่พม่าขุดไว้จึงได้ชื่อว่า คูขุด และเมื่อสร้างวัดขึ้น ณ ที่นั้นจึงให้ชื่อว่า วัดคูขุด”

๘. บ้านสลุยและบ้านวังครก
“ผมสงสัยชื่อ “บ้านสลุยและบ้านวังครก”




“บ้านสลุย อยู่ติดต่อกับเขตแดนพม่า มีช่องทางเดินถึงกันได้เรียกว่า ช่องทัพต้นไทร เป็นที่พักแรมของทหารไทยที่ไปรักษาเขตแดน มีการเตรียมเสบียงอาหาร และตั้งฉางข้าวไว้ระหว่างทาง และได้จัดเกณฑ์ชาวบ้านมาตำกับข้าวไว้เลี้ยงทหารไทย ชาวบ้านได้นำครกตำข้าว ที่ทำด้วยไม้เป็นจำนวนมากมาช่วยตำข้าว วันหนึ่งขณะที่ตำข้าวอยู่นั้น กองรักษาด่านทัพต้นไทรบอกมาว่า มีทหารพม่าจำนวนมากยกทัพมา ชาวบ้านตกใจพากันวิ่งหนีไป ทิ้งสากตำข้าวจำนวนมากไว้ที่บริเวณนั้น ภาษาชาวบ้านเรียกสากที่มีจำนวนมาก ๆ ว่า “สากลุย” หมายถึงมีสากทิ้งอยู่เยอะ และพื้นที่ดังกล่าวต่อมาได้ตั้งเป็นหมู่บ้านเรียกว่า “หมู่บ้านสากลุย” ต่อมาเพี้ยนเป็นสลุย จนทุกวันนี้
ส่วนครกตำข้าว เห็นว่าถ้าทิ้งไว้จะเป็นประโยชน์แก่ข้าศึก ชาวบ้านจึงช่วยกันนำครกทั้งหมดไปทิ้งในคลองท่าแซะ ครกลอยไปตามลำคลองจนถึงวังน้ำวน ก็ลอยวนอยู่ในวังน้ำนั้น ไม่ไปไหน หมู่บ้านที่ครกมาลอยวนอยู่ก็กลายเป็นบ้านวังครกในปัจจุบัน”

“วันนี้เรารบกวนคุณตามามาก คุณตาคงจะเหนื่อยแย่แล้ว งั้นเอาไว้โอกาสหน้าผมจะมาพาคุณตาไปทางบ้านหาดทรายรี พอดีโสภีเขาอยากจะไปดูอนุสาวรีย์ยุวชนทหารที่บ้านท่านางสังข์ ที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และฟังตำนานบ้านท่านางสังข์”




Create Date : 07 มกราคม 2554
Last Update : 9 มกราคม 2554 9:49:35 น. 26 comments
Counter : 36179 Pageviews.

 
จะเอ๋ นอนหรือยัง ทักทายก่อน ยังไม่อ่านเนื่อเรื่องเลย (เม้นท์ก่อนอ่าน) อิ อิ อิ อิ อิ อ่านเสร็จจะมา เม้นท์ใหม่


โดย: seton วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:23:24:31 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ตำนานเมืองชุมพร ทั้ง 8 แห่งล้วนแล้วมีตำนานที่มาเป็นของตัวเองนะคะ น้อยใจทำตอนเป็นเด็กไม่มีสื่อที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ใน
ท้องถิ่นของตัวเองดีๆๆอย่างนี้บ้าง

คำ "วี" ทางบ้านหนูที่ลำปางก็หมายถึง โบกหรือพัด เหมือนกันคะ



โดย: seton วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:23:48:10 น.  

 
ลูกเล่นเพียบเลยนะหนูแอน แม้แต่บัตรอวยพรยังตลกเล่นมุก อิ ๆ ขอบใจจ้าที่มาทายทัก


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:8:37:13 น.  

 
สวัสดีครับคุณลุงบูลย์
รูปภาพสวยครับชวนให้ติดตามเนื้อเรื่อง
ผมชอบแบบบล็อก เมือนการ์ตูนเรื่องขยะนะครับ
อ่านง่ายดีครับ...คุณลุงสบายดีมั้ยครับ


โดย: panwat วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:8:43:27 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+===========================+

สุขสันต์วันเด็กแห่งชาติไทยค่ะ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:14:56:57 น.  

 
คนจังหวัดอื่นจะอิจฉาคนชุมพรมั้ยเนี่ย

ที่ได้มีศิลปินเล่าตำนานสถานที่ต่างๆด้วยรูปวาดแบบนี้

ที่อื่นไม่มีแน่ๆ...ถือเป็นโชคดีของคนชุมพรมากๆค่ะ

ว่าแต่พระธาตุสวี ภาพที่ 4

นักล่าฯดูปุ๊บ คิดว่าเป็นพระธาตุเมืองนครนะคะ

เหมือนพระธาตุเมืองคอนมากกกกกกก


งูใหญ่สองตัวนั่น ก็หน้าตาน่ารักดีค่ะ


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:19:53:44 น.  

 
ทักทายตอนดึกคะ เรื่องงานหนูคงปักหลักสู้ละคะ พรรคพวกเขาห้ามเจ็บห้ามตาย ส่วนตัวแล้วมีภาวะรับผิดชอบเยอะ อาการเบื่องานมีเป็นประจำ แต่สมองอย่างหนูคงไปทำงานอย่างอื่นไม่ได้ละ
อาจารย์โชคดีนะคะ ลูกโตๆกันหมดแล้ว แถมยังมีเงินบำนาญ รปท.
ลุยมานานสู้มาเยอะ นักสู้ก็ต้องการเวลาเติมแบตเตอรี่บ้าง
อาจารย์จะไปทำอะไรที่ไหน อย่างเลิกอัฟบล๊อกนะคะ หนูเพื่อนน้อย
ถ้าไม่มีอาจารย์หนูแย่เลย อยู่เป็นเพื่อนกันนานๆๆ


โดย: หนูแอน (seton ) วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:23:20:16 น.  

 
ขอตอบคุณนักล่าน้ำตกตรงนี้

เพราะท่านอื่น ๆ ที่เข้ามาจะได้อ่านด้วย

ที่มีภาพพระธาตุนครมาใส่แต่ไม่เกี่ยวกับชุมพร เพราะในเรื่องกล่าวถึงพระธาตุเมืองนครด้วย แต่เนื่องจากว่าเรื่องตอนนี้ยาวมากพอคัดลอกมาใส่บล็อกประท้วงว่ามากเกิน ลุงก็เลยตัด ทำให้การอ่านไม่ต่อเนื่อง ที่สำคัญเรื่องพระธาตุนครหายไป แต่ภาพดันโผล่มาแทน ตอนนี้หาเนื้อความมาใส่ให้แล้วครับ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:9:55:47 น.  

 
แสดงว่า นักล่าฯจำพระธาตูนครได้ดีเยี่ยมกระทั่งภาพวาด ว่ามะคะ อิอิ

หรืออีกที ต้องชมคนวาด ที่วาดปุ๊บ ทำให้เรารู้ปั๊บ

......

จากบล็อก ...ไม่ยักรู้ว่าลุงก็เป็นขาซิ่ง


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:10:41:33 น.  

 
วันนี้คุณลุงมีตำนานเมืองชุมพร ที่มีภาพประกอบเรื่องราวทำให้น่าอ่าน และจดจำง่ายเหมาะมากสำหรับการค้นคว้าประวัติและตำนานของแต่ละจังหวัด แถมภาพประกอบก็สวยสดใส เปิดมาภาพแรกภาพก็สวยใสเชียว วันนี้เล็กมีเรื่องประทับใจของคนเป็นแม่อย่างเล็กอยากเล่าให้คุณลุงฟัง เริ่มเรื่องคือแฟนของเล็กเค้าชอบไปเดินตลาดแล้วมักจะซื้อการ์ตูนขายหัวเราะและมหาสนุก 4 เล่ม 10 บาท ซื้อมาทุกอาทิตย์จนมันเยอะมากก็ทยอยแจกเด็กไปบ้างแล้วแต่ก็ยังมากอยู่ วันี้แฟนจัดการเคลียร์หนังสือทั้งหมดแล้วถามลูกวัย ย่าง 11 ขวบ กับ 9 ขวบว่าอยากได้เงินค่าขนมเพิ่มไหม ถ้าอยากได้ให้นำหนังสือไปวางขายหน้าบ้าน ขายเล่มละ 2 บาท ลูกๆตกลง ทั้งสองนำโต๊ะพับได้มากางแล้วเอาหนังสือการ์ตูนมาจัดเรียงและติดป้ายเขียนว่า ค่าขนมไปโรงเรียน เล่มละ 2 บาทค่ะ ตอนแรกเล็กคิดว่าคงจะไม่มีคนซื้อที่ไหนได้ซักพักลูกวิ่งเข้ามาบอกแม่หนูขายไ้ด้ 10 บาทแล้วมีคนซื้อ 5 เล่มมาขอถุงแม่ใส่พวกเค้าเริ่มมีกำลังใจและขายได้เรื่อยจนหมดทั้งโต๊ะมีพี่ๆบางคนซื้อ 14 บาทที่เหลือทิปเด็กๆก็มี สรุปปิดยอดการขายครั้งแรกแบ่งกันไปคนละ 95 บาท รวม 190 บาท ได้ราคาดีกว่าเอาไปช่างกิโลขายอีกนะคะคุณลุง เล็กรู้สึกภูมิใจมากที่ลูกๆเริ่มการค้าเล็กเพื่อเป็นค่าขนมของตนเอง แล้วมีความคิดต่อยอดอยากจะขายนั่นนี่มากว่านี้ เขียนมาซะมากมายแต่อยาเล่าให้คุณลุงฟังกับสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักลูกๆจังเลยค่ะ GOODNIGHT นะคะ
</div

โดย: หญิงแก่น วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:22:18:41 น.  

 
หมายเหตุตอนท้ายๆเล็กพิมพ์ผิด...ตกหล่นไปบ้างเพราะไม่รอบคอบ ต้องขออภัยนะคะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:22:21:43 น.  

 
รู้จักแต่ "จิตสุนัข" ค่าลุง

ไปแระ ไปทำงานก่อง


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 183.89.125.196 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:9:10:56 น.  

 
สวัสดีครับลุง

งานยุ่งๆ 2-3 วัน เปิดมา เอ้า..เปลี่ยนบล็อกใหม่แล้ว เดี๋ยวเข้ามาอ่านนะครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:12:58:00 น.  

 
สวัสดียามค่ำครับคุณลุงบุลย์
ผมว่าคุณลุงยังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่นะครับ


โดย: panwat วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:18:34:16 น.  

 
เรื่องเล่าหรือตำนาน....ถ้าอ่านต่อเนื่องบางทีคนไม่ค่อยชอบอ่านน่ะค่ะเหมือนเห็นพิมพ์ติดกันแถมเป็นตำนานอีก บางคนอาจจะผ่านไป

ภาพประกอบทำให้เรื่องน่าอ่านขึ้น และเหมือนมีสัญญลักษณ์ช่วยเตือนความจำด้วยค่ะ

ไม่ต้องมางม...หาประโยคที่เราอ่านถึง หรือเคยอ่านแล้วประทับใจ อยากกับมาอ่านอีก ถ้าไม่ได้เอาที่คั่นหนังสือคั่นไว้ หรือทำสัญญลักษณ์ไว้ก็จะลำบาก

ภาพประกอบช่วยให้เราจำง่ายดีค่ะ ภาพสีสรรสวยด้วยค่ะ


โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:21:22:03 น.  

 
มาอ่านตำนานและความเป็นมาของแต่ละแห่งจนครบเลยครับ คนโบราณนี่เขาก็ช่างปั้นเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:22:12:01 น.  

 
สวัสดีคะ หนูหยุดปีใหม่หลายวันช่วงเลยยุ่งๆๆ กับงาน ตอนนี้คงใช้โปรมแกรมคอเรลดรอว์คล่องแล้วใช่ไหมคะของหนูจะบอกความจริงนะคะเป็นครึ่งปีกว่าจะคล่องกับเครื่องมือต่างๆ เสียดายนะคะบ้านเราไม่ได้อยู่ใกล้ๆกันจะได้ไปมาหาสู่กันได้ง่ายๆ


โดย: seton วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:11:00:18 น.  

 
ค่ะ คุณลุงบูลย์ เป็นคนชอบดูงานวาดมากๆ กับ งานถ่ายรูป

อะไรที่เราทำไม่ได้ ก็จะชอบดูค่ะ...บางทีไปยืนดูเค้าเป็นวัน

งงว่าแค่ลงสีไม่ได้ลงเส้นบางทีเป็นรูปได้ไง คลาสสิคด้วย

พอดีเข้าblogคุณสีทนเพราะชอบงานค่ะ

เลยเห็นลุงบูลย์คุยกันเรื่องวาด วาด

ตามมาดูก็ไม่ผิดหวังค่ะ

แล้วจะตามดูทั้ง 2 ท่านไปเรื่อยๆค่ะ



โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:22:53:50 น.  

 
ทานข้าวเย็นให้อร่อยนะคะคุณลุง


โดย: หญิงแก่น วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:19:15:42 น.  

 
ลุง..ช่วยด้วย ผมเป็นลมไปแล้ววันนี้ 555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:23:49:16 น.  

 
ขอบคุณกลอนเพราะๆครับลุงบูลย์


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:12:04:45 น.  

 
อิอิ ..... เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณลุงก็เป็นนักซิ่งกับเค้าเหมือนกันเก่งจังอ้างจากบล็อกคุณนักล่า (ลุงจะแซงก็แซงไม่ได้ โมโหมากเมื่อไปขวาไม่ได้ก็เลยเบี่ยงเข้าหาท้ายสิบล้อด้านซ้าย สิบล้อใจดีมากเขายอมชะลอและขับจนเบียดซ้ายสุด พอมีช่องให้ลุงแหย่หัวรถเก๋งขึ้นไประหว่างกลาง

อาศัยว่ารถลุงแรงดี เข้าเช็กศูนย์เป็นประจำ รู้มั้ยลุงทำไง พอแหย่หัวขึ้นไปได้ ลุงปาดหน้ากระบะคันขวาเลยปาดแบบเฉียดเฉี่ยว ลุงมองในกระจกหลังมันตกใจมากและอารามตกใจมันหักหลบจนเกือบตกคูถนน) อ่านจบเห็นภาพเลยว่าลุงบูลย์เนี่ยเจ๋งจริงๆ เล็กก็เคยเจอคนขับรถช้าแต่อยู่เลนขวาจะแซงก็แซงไม่ได้ พอแซงได้ก่อนปาดบีบแตรใส่เลยแล้วเผ่นฉิวอิิอิ อ้อเล็กต้องกราบขอโทษด้วยนะค่ะที่แอบอ่านแล้วยังบังอาจก็อปปี้มาโพสท์จากข้อความของคุณนักล่า แต่พอดีอ่านแล้วมันโดนอ่ะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:12:05:04 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+=============================+

บรรยากาศในเวลาบ่าย ๆ วันนี้รู้สึกดีดีมากมาย
มี "น้ำใจผสมดอกอัญชัน" มาฝากค่ะ


แค่อยากจะบอก....
แวะไปอ่านเอาเรื่อง ณ บ้านนอกนะคะ อะคึ่ ๆ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:14:05:19 น.  

 
นาน ๆ เข้ามา พบว่า หลาน ๆ ยังมาเมนท์ ลุงไม่ดีเองที่ทิ้งบล็อกไป เดี๋ยวเถอะจะกลับมาใหม่


โดย: ลุงบูลย์ IP: 118.173.157.244 วันที่: 11 ตุลาคม 2555 เวลา:13:42:47 น.  

 
ขอขอบคุณมากเลยค่ะ กว่าจะหาประวัติวัดคูขุดเจอ


โดย: เจม IP: 180.180.238.166 วันที่: 30 สิงหาคม 2557 เวลา:11:19:36 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ


โดย: แมวมณี IP: 1.47.1.116 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา:4:21:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.