Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ 23 การหาลูกค้า

ดังที่กล่าวแล้วว่า ธรรมชาติของเซลส์ คือมักจะต้องการ “ขายให้ได้” จนบางครั้ง เขาก็ลืมไปว่า “คนๆ นั้น ควรที่จะเป็นลูกค้าของเขาหรือไม่”

ดังนั้น ทุกครั้งที่ลุงแอ็ดไปบรรยายเรื่องการขายให้นักขายฟังเมื่อ
ไหร่ ก็พยายามเน้นให้ ทุกคนฟังเสมอว่า

นักการตลาด กับ นักขาย มักจะแตกต่างกันดังต่อไปนี้

1. นักการตลาด = คิด…….ก่อน……ขาย
คือเขาจะคิดออกมาก่อนว่า สินค้านี้จะขายให้ใคร ใครเป็นผู้ซื้อ

ส่วนนักขาย = ขาย……ก่อน……คิด
คือพอเจอใครก็ตาม ก็มักจะพยายามขายให้เขาก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง พอขายไม่ได้แล้วจึงค่อยมาคิดว่า เอ…เขาเหมาะที่จะเป็นลูกค้าของเราหรือไม่นี่

2. นักการตลาด = “ทุกคนไม่ใช่ลูกค้า”
นักขาย = “ขายทุกคนที่ขวางหน้า”

3. นักการตลาด = “ขายแล้ว…ต้องมีกำไร”
นักขาย = “ขายก่อน….กำไรไว้พูดกันทีหลัง”

ไอ้เรื่องข้อสุดท้ายนี่……เอาไว้แซวนักขายเล่นนะครับ โถ….ใครจะไปขาย ขายแล้วไม่ได้กำไร จะขายไปทำไม

แต่ลุงเห็นทุกที ขายให้ได้ก่อน…..กำไรมันต้องมีอยู่แล้วน่า…..

บริษัทเขาได้กำไรเยอะจะตาย สินค้าตัวหนึ่ง เห็นต้นทุนแล้วขายได้กำไรสัก 10 เปอร์เซ็นต์ก็รวยแล้ว…..ลดๆ ให้ลูกค้าไปเถอะ จะได้ไม่เสียเวลาต่อรอง จะได้ซื้อขายกันง่ายๆ และต่อไป เขาก็จะซื้อของเราอีก

พอเอาออร์เดอร์ไปเสนอเจ้านาย…..เจ้านายแทบเป็นลม…..เพราะราคาที่เอ็งขาย……มันยังไม่ได้บวกค่าขนส่ง ค่าโสหุ้ยอะไรต่อมิอะไรที่เอ็งยังไม่รู้……แต่ขายไปแล้ว ก็ขายไป…..วันหลัง อย่าให้เป็นอย่างนี้อีก………… เจ้าเซลส์แมนคนนั้นก็เดินยิ้มกริ่มออกไป

แล้วก็ลืมทุกอย่างที่ผู้จัดการสั่งไว้จนสิ้น……รายต่อไป ก็เหมียนเดิมอีก ชีวิตจริงมันเป็นเช่นนี้ใช่อะป่าวละพ่อคุณ

ดังนั้น….วันนี้ จะว่าด้วยเรื่องของ Prospect ก็จะมี Key Words เช่นเคย คือคำว่า “P-R-O-P-E-C-T

P = Provide yourself with a list of suspects.
พยายามหารายชื่อผู้ที่น่าจะเป็นลูกค้าให้กับตนเอง

ความหมายก็คือ……..ผู้ที่ยังเป็น Suspect หมายถึงผู้ที่เป็นกลุ่มลูกค้าของเรา แต่เรายังไม่ได้ไปพบ ยังไม่ได้เข้าไปแนะนำตัวเอง ยังไม่ได้เข้าไปแนะนำบริษัท แนะนำสินค้า….เขาก็ยังไม่มีโอกาสที่จะรู้จักเรา ถ้าเขาเกิดจะซื้อสินค้าขึ้นมา เขาก็อาจจะไปซื้อของคนอื่น

ดังนั้น เราต้องพยายามรู้จักเขาให้เร็วที่สุด มากที่สุด ดีที่สุด…..โดยการพยายามหามาด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งใครทั้งสิ้น

จริงอยู่ ตอนที่เรายังเป็นเซลส์มือใหม่หัดขับ เราต้องจะต้องการ List รายชื่อผู้สนใจ จากบริษัทในการออก Start บ้าง…..แต่ในที่สุด เราก็ต้องหารายชื่อเหล่านี้ด้วยตนเอง

บางคน ยืนเกาะโต๊ะโทรศัพท์โอปะเรเตอร์อยู่เป็นนิรันต์ คือ วันไหนที่มีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาด้วยความสนใจ ก็จะขอซื้อรายชื่อผู้สนใจนั้นรายละ 5 บาท (ตอนนี้เป็นรายละเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) แล้วจึงออกไปติดต่อหาผู้ที่สนใจสินค้าของเรา

บางคนก็ดักจับเอาลูกค้าแถวๆ โชว์รูม เหมือนพระที่ไม่ค่อยไปบิณฑบาตที่ไหน ยืนเกาะราวอยู่ตรงนั้น พอมีลูกค้าเดินมาชมสินค้า ก็ค่อยหาทางชักชวนให้มาซื้อจากตน

บางคนก็ขโมยของคนอื่น ตัดหน้าคนอื่นเสียดื้อๆ แย่งลูกค้าของคนอื่นเสียหน้าตาเฉย อย่างนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำในบริษัทที่มีระบบค่อยจะไม่ดี

จำไว้ว่า “เป็นเซลส์ต้องหาลูกค้าหรือผู้ที่สนใจจะมาเป็นลูกค้าด้วยตนเอง” จะไปรอคอยให้ฝนตก ส้มหล่นอย่างงั้น มีสิทธิ์ตกงานได้สักวันหนึ่ง

จำคำหนึ่งที่ฝรั่งว่าไว้ได้ไหมครับ

Sailing is the game of numbering.
หมายถึง “การขาย คือ การเล่นเกมกับตัวเลข”

แปลว่าอะไร แปลว่า “คนที่เป็นลูกค้าเราหนึ่งราย ย่อมมาจากผู้ที่จะเป็นลูกค้าของเราหลายราย”

เอาอีกที แปลอีกที…..แปลว่า สมมุติว่า เราขายของให้ลูกค้านั้นหนึ่งราย เราจะต้องมีผู้ที่สนใจ ติดต่ออยู่กับเราแล้วอยู่หลายราย”

ที่นี้พอเข้าใจไหม……จำนวนของ Customer ต่อ Prospect จะเป็นเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับการขายของแต่ละชนิด ตั้งแต่หนึ่งต่อสอง สองต่อห้า ห้าต่อสิบห้า สิบห้าต่อร้อย ร้อยต่อพัน พันต่อหมื่น ฯลฯ ซึ่งต้องดูว่าในธุรกิจนั้นๆ ที่คนอื่น หรือเซลส์มือโปรฯเขาขายกัน เขาต้องมี Prospect เท่าไหร่ จึงจะ Close Sales ได้หนึ่งออร์เดอร์

ดังนั้น “พนักงานขายทุกคน เมื่อเข้าไปทำงานขายในบริษัทหนึ่ง บริษัทใดแล้ว ก็ต้องพยายามศึกษาว่า รุ่นพี่ที่เขาขายกัน หรือเพื่อนๆ ที่เขาขายกันเก่งๆ เขาทำ Prospect จำนวนกี่ราย ให้เป็น Customer ได้จำนวน 1 ราย…….เช่น “การขายคอมพิวเตอร์ของลุง ซึ่งเป็นระบบเมนเฟรม ต้องมี “ว่าที่” ลูกค้าที่สนใจสินค้าเราอยู่แล้ว ติดต่อกันอยู่แล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ราย จึงสามารถปิดการขายได้ 1 รายภายในระยะหนึ่งปี”

เพราะฉะนั้น ถ้าบริษัทเขาต้องการให้เราขาย 3 เครื่อง (เครื่องละ 100 ล้าน) เราก็ต้องมี Prospects ไว้จำนวนถึง 15 รายต่อปี

แต่การที่อยู่ๆ เราจะทำให้ผู้สนใจทุกคน มาเป็น Prospect ของเราร้อยทั้งร้อยไม่ได้ บางคนอาจจะสนใจ แต่งบประมาณไม่พอ บางที่อาจจะสนใจ แต่ต้องจำใจใช้ IBM ต่อไปเพราะปัญหาเรื่อง Data ที่ต้อง Convert บางรายก็สนใจมาก ถึงขนาดไปดูงานมาแล้ว แต่กลับมาผู้ยิ่งใหญ่ล๊อกสเปคเอาไปกินเสียนี่

ดังนั้น เราต้องมี SUSPECT เท่าไหร่ จึงจะทำให้เป็น PROSPECT ได้หนึ่งราย

สมมุติว่า

1 ลูกค้า (Customer) เท่ากับ 5 “ว่าที่ผู้จะเป็นลูกค้า” (Prospects) 1 “ว่าที่ผู้จะเป็นลูกค้า” (Prospect) เท่ากับ 50 “ผู้ที่เราติดต่อ สร้างสนใจอยู่แล้ว (Suspects)

และ ผู้ที่เราติดต่อ สร้างความสนใจ 1 ราย เท่ากับ บุคคลที่เราต้องรู้จัก แจกนามบัตรจำนวน 1000 ราย

ดังนั้น สูตรจะเท่ากับ
1 : 5 : 50 : 1000

ดังนั้น ถ้าเรามี Quota ที่ต้องขายให้ได้ 3 เครื่องต่อปี คุณก็ต้องมี
3 : 15 : 150 : 3000

ถ้าคุณมีเวลาทำงานทั้งสิ้น 365 วันต่อปี (ไม่พัก ไม่ป่วย ไม่ลา ไม่มีวันหยุดใดๆ ทั้งสิ้น……….ทำกันจนขาดใจไปข้างหนึ่ง)

ก็เอา 3000 ราย หารด้วย 365 ก็ได้เท่ากับ 8 รายกว่าเท่านั้นเอง

นั่นคือจำนวนที่คุณจะต้องหา “ว่าที่ผู้ที่สนใจ ผู้ที่จะมาเป็นลูกค้า” ของเราจำนวน 8 รายต่อวัน

ถามว่ายากไหม กับการไปแจกนามบัตรจำนวน 3000 ใบ คำตอบก็คือ “ไม่ยาก” พิมพ์นามบัตรเข้า กล่องละ 100 ใน จำนวน 30 กล่อง
เอาไปแจกที่ป้ายรถเมล์ เจอหน้าใครก็แจก เดือนเดียวก็ทำได้แล้ว 3000 ใบ

แต่การทำอย่างนี้ มันจะได้ผู้สนใจ ที่จะมาสั่งซื้อคอมพิวเตอร์เมน
เฟรมเราสักรายหรือเปล่า……ก็เปล่าทั้งสิ้น ดังนั้น

การแจกนามบัตร ก็ไม่ใช่แต่การไปโปรยนามบัตรเล่นเท่านั้น ต้องคิดถึงคุณภาพด้วย

สมมุติว่าเราคิดกันเล่นๆ ว่าคุณอยากได้เงินที่เป็นรายได้ สัก 100,000.- บาทต่อเดือน (เอาแต่ค่าคอมฯอย่างเดียว อย่างอื่นไม่คิด)

ปีหนึ่งคุณก็ต้องได้ 1.2 ล้านบาทใช่ไหม

คุณไปสมัครงานขายบ้านของสำนักงานอสังหาริมทรัพท์รายหนึ่งราคาเฉลี่ยหลังละ ราคา 5 ล้าน เขาคิดค่าคอมให้คุณ 0.25% คุณก็จะได้ 12,500.- บาท ต่อหลัง

หากคุณจะขายให้ได้ค่าคอมฯ 100,000- คุณจะต้องขาย
100,000 คูณ 12 เดือน เท่ากับ 1.2 ล้านบาท คุณจะต้องขายบ้านให้ได้ทั้งสิ้น 96 ยูนิทต่อปี

นั่นหมายความว่าคุณจะต้องขายให้ได้ จำนวน 8 ยูนิทต่อเดือนโดยไม่พลาดเป้าเลย

บ้านหนึ่งหลัง ขนาด 5 ล้านบาท ถ้าคุณจะต้องขายให้ได้ 8 ยูนิทต่อเดือน มันจะเป็นไปได้หรือไม่ และคุณจะต้องมี Prospects เท่าไหร่ ต้องหา Suspects เท่าไหร่...จะเป็นไปได้หรือไม่

ก็ แล้วแต่ทำเลของธุรกิจ แล้วแต่สภาวะเศรษฐกิจ แล้วแต่ความยิ่งใหญ่ของเจ้าของ แล้วแต่ฐานะเงินเฟ้อ แล้วแต่สภาวะน้ำมัน…..แล้วแต่คนซื้อมีมากแค่ไหน

และที่ขาดไม่ได้โดยเป็นส่วนประกอบของทั้งสิ้น คือ………….

คนอื่น "นักขายมือเซียน" เขาขายบ้านขนาด 5 ล้านบาทกันได้กี่หลังต่อเดือน เปรียบเทียบกับฝีมืออย่างคุณ สูสีกันแค่ไหน

คุณจะทำงานวันละกี่ชั่วโมง สัปดาห์ละกี่วัน เดือนละกี่วัน ปีละกี่เดือน คุณจะหา “ว่าที่ผู้จะเป็นผู้สนใจ” ได้กี่รายต่อวัน ….

นั่นหมายความถึงความขยัน ความต่อสู้ ความเอาชนะ และรู้จักว่าจะไปแจกนามบัตรที่ไหน รู้จักแหล่งที่จะไปพบ....แล้วเดินทางไปพบ...."ว่าที่ผู้จะเป็นผู้สนใจ" จริงๆ

คุณจะทำให้ “ว่าที่ผู้จะเป็นผู้สนใจ” กลายเป็น “ผู้สนใจ (Prospect) กี่ราย นั่นหมายถึงความสามารถในการทำให้ลูกค้ายอมเข้าพบ เทคนิคการเสนอขาย ฯลฯ

จนกระทั่ง คุณสามารถทำให้ผู้สนใจ กลายเป็นลูกค้า ที่แท้จริงกี่ราย นั่นอยู่กับความสามารถในการตอบข้อโต้แย้ง ปิดการขายและอื่นๆ

ฟังแล้วเวียนหัวไหมครับ.

ก็ Selling Is The Game Of Numbering นี่ครับ

แต่ลุงแอ็ดเวียนหัวแล้ว ขอพักก่อน แล้วค่อยว่ากันไหม
หวังว่าคงเข้าใจนะครับ…..

ใครไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ เพราะลุงแอ็ดเองก็ยังงงว่า ตนเองเอาอะไรมาเขียนหว่า………..งงครับงง

//lungadd.pantown.com/

แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 48 22:32:16

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 6 ก.ย. 48 22:14:07 ]


--------------------------------------------------------------------------------










--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

ขอบคุณคะ

จากคุณ : AjarnTik (pinkoptio) - [ 6 ก.ย. 48 22:27:25 ]






ความคิดเห็นที่ 2

ขอบคุณครับ

จากคุณ : อาจารย์โช๊ะ - [ 7 ก.ย. 48 00:11:08 ]






ความคิดเห็นที่ 3

กำลังจะเป็นลูกศิษย์เต็มตัวแล้ว ขอบคุณค่ะ

จากคุณ : outstanding - [ 7 ก.ย. 48 02:59:17 ]






ความคิดเห็นที่ 4

ยกมือถามคะ

อาจารย์ลุงแอ๊ดคะ ในกรณีที่คนที่อยู่ฝ่ายการตลาดมานานๆ (ซักเกือบ 10 ปี) วันนึงได้เข้ามาเป็นเซลส์ด้วยตัวเอง เราจะแก้แนวคิด "บางอย่าง" ได้ยังงัยดีคะ

อย่างที่ลุงแอ๊ดว่าไว้ใน 3 ข้อข้างต้น เรื่องความแตกต่างของนักการตลาด และ นักขาย ปัญหาของดิฉันคือ ก่อนจะออกไปขาย ดิฉันจะคิดสารตะเยอะมากๆ ประเภท คู่แข่งสินค้าเราเป็นใคร ราคาในตลาดเป็นยังงัย ถ้าไปเสนอลูกค้าจะเจอปัญหาอะไร เราควรคิด plan A , plan B ไปล่วงหน้าบ้าง

แต่เพื่อนๆดิฉันซึ่งเป็นนักขายจริงๆ พวกนี้มีอาการเหมือนกับว่า ส่งอะไรมาก็ได้ ชั้นขายหมด บุกออกไปก่อน ลุยออกไปก่อน ไปเจออะไรแล้วค่อยกลับมาว่ากันอีกที

รู้สึกว่าตัวเอง "แตกต่าง" จากคนที่เค้าเป็นนักขายจริงๆคะ ไม่รู้ว่าอยู่การตลาดนานเกินไปหรือเปล่า

อยากรบกวนคุณลุงแอ๊ดช่วยแนะนำด้วยคะ ว่าดิฉันควรจะปรับพฤติกรรมยังงัยดี........กราบบบบ ขอบพระคุณงามๆแทบตักล่วงหน้าเลยนะคะ อิอิอิ (มันลามปาม =P )

จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 7 ก.ย. 48 08:15:08 ]






ความคิดเห็นที่ 5

ตอบ คุณน้อง........

ก็อย่างที่ลุงแอ็ดพูดไว้นั่นแหละครับ ว่า สินค้าที่ผลิตออกมา ส่วนมากมันจะมีกลุ่ม
ของตนเอง คุณซึ่งอยู่กับฝ่ายการตลาดมานานนับ 10 ปีก็ซาบซื้งกับคำนี้อยู่แก่ใจ
ดังนั้น เมื่อคุณออกไปหาลูกค้า ในฐานะฝ่ายขาย ก็ไม่ผิดหรอก ที่คุณจะต้องคิดแล้ว
คิดอีกว่า มันถูกกลุ่มเป้าหมายไหมนี่ ราคานี้เขาจะซื้อไหมนี่...............

แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ อีกสักพัก...คุณก็จะเป็นเหมือนเซลส์คนอื่นเขา คือ "ขายทุกคนที่ขวางหน้า" ทำไมครับ...........ก็เพราะอาชีพมันบีบคั้น โควต้ามันรัดตัว เจอใครก็เหมือนขอนไม้ลอยมา ต้องเกาะไว้ก่อน พอรู้ว่า "ไม่ใช่" จึงค่อยปล่อยมือ หันไปหาอันใหม่แทน

อาชีพขายก็เป็นอย่างนี้แหละ ลุงไม่ได้ว่าอะไรคนที่เขาเป็นเซลส์ เพราะเข้าใจดี ว่าทำไมเขาต้องคิด ต้องทำดังนั้น

แต่ในยุคแห่งการการแข่งขันกันดุเดือดนั้น การเอาชนะในการรบมันก็มีอยู่หลายทาง เช่น บีบทางให้แคบลง แทนที่เราจะไปเสียเวลา ซึ่งนอกจากเวลาแล้ว ยังหมายถึงเสียเงิน เสียค่าใช้จ่ายสารพัด กับคนที่ "ไม่ใช่" กลุ่มลูกค้าที่บริษัทตั้งใจจะขาย ก็บีบให้แคบลง เลือกขายเฉพาะคนที่เขา "ต้องการ หรือ มีเงินซื้อเราจริงๆ" นี่ก็เป็นประการหนึ่งที่จะปรับปรุงกลยุทธการขายของเราได้

ยินดีมากครับที่มีคนถามปัญหามาอย่างคุณน้อง......

ลุงไม่คิดจะให้คุณอ่านแต่อย่างเดียวนะครับ อยากให้มีอะไร ก็เอามาแลกเปลี่ยนกัน
ลุงก็จะได้ความรู้ใหม่ๆ ไปด้วย

ขอขอบคุณนะครับ

//lungadd.pantown.com/

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 09:50:17 ]






ความคิดเห็นที่ 6

AjarnTik ครับ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเป็นคนแรก
อาจารย์จำ Dairy ที่ลุงแอ็ดโชว์ให้
ดูคราวที่เจอกันได้ไหมครับ......

คราวหน้าลุงแอ็ดจะพูดถึงมันแล้ว
เผื่อใครไม่เชื่อ....จะได้ให้อาจารย์
ช่วยยืนยัน.....ได้ไหมครับ

เอาเฉพาะข้อดีของการบันทึก ข้อเสีย
ไม่ต้องเล่าครับ....เก็บไว้ในความทรง
จำ.................................................ฮิฮิ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 09:58:18 ]






ความคิดเห็นที่ 7

อาจารย์โช๊ะ ครับ

ไม่ได้ทักทายกันเลย อาจารย์สอนอยู่ที่ไหนหรือครับ
อาจารย์ช่วย Comment ข้อเขียนของลุงหน่อยซิครับ
ว่าใช้ได้ไหม จะต้องมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงข้อไหนบ้าง
ลุงแอ็ดจะได้เอาไปใช้บ้างครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 10:02:40 ]






ความคิดเห็นที่ 8

หลาน outstanding ครับ

เมื่อไหร่จะมาเป็นลูกศิษย์เต็มตัวสักทีละครับ
"กำลัง.....กำลัง....." มาตั้งหลายครั้งแล้วนะครับ
มีลูกศิษย์เยอะๆ นี่ก็ดีนะครับ อบอุ่นใจดี ไม่ต้อง
คิดว่าตัวเองนั่งพร่ำเพ้อพรรณาไปคนเดียว.........

มีอะไรก็ถามมาได้นะครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 10:08:14 ]






ความคิดเห็นที่ 9

ขอบคุณนะคร้า ลุง

จากคุณ : ichiko - [ 7 ก.ย. 48 10:48:02 ]






ความคิดเห็นที่ 10

ขอบคุณครับ ลุง

จากคุณ : virgo_v - [ 7 ก.ย. 48 12:29:36 ]






ความคิดเห็นที่ 11

เข้าชั้นเรียนค่ะ

จากคุณ : ลูกเป็ดสีดำ - [ 7 ก.ย. 48 13:05:28 ]






ความคิดเห็นที่ 12

ติดตาม..และ รอคอย...อ่านทุกๆ กระทู้ของคุณลุงแอ็ด
แต่ไม่ค่อยลงชื่อ ขอบคุณมากครับ (นักขายมือใหม่ )

จากคุณ : Donax B - [ 7 ก.ย. 48 14:41:52 ]






ความคิดเห็นที่ 13

คุณ ichiko ครับ

วันนี้ลุงจะขอทักทายทุกคนที่เข้า ชั้นเรียนนะครับ
ทำงานเป็นนักขายหรือเปล่าครับ ที่ลุงอธิบายไป
เข้าใจไหมครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 15:52:19 ]






ความคิดเห็นที่ 14

คุณ : virgo_v ครับ

ไม่ค่อยได้เข้าคลาสของลุงหรือครับ
จึงไม่ค่อยจะคุ้นชื่อ
ทำงานอะไรอยู่ละครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 15:54:24 ]






ความคิดเห็นที่ 15

คุณ ลูกเป็ดสีดำ ครับ

วันนี้ไม่มีคำถามอะไรหรือครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 15:55:48 ]






ความคิดเห็นที่ 16

คุณ : Donax B ครับ

ยินดีต้อนรับครับ รู้สึกคุณเพิ่งจะเข้ามาลงทะเบียนใช่ไหมครับ

ดีใจ ที่รู้จักคนเป็นนักขายด้วยกัน มือใหม่ ไม่สำคัญครับ ทำไป
ทำมา เดี๋ยวมือก็เก่าไปเองละครับ

ขอบคุณที่อ่านข้อเขียนของลุงเป็นประจำ

มีอะไรอยากคุยกับลุงก็เชิญเลยนะครับ แต่ว่า....คุณขายสินค้าอะไร
อยู่หรือครับ ขายดีไหมครับตอนนี้

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 16:04:43 ]






ความคิดเห็นที่ 17

คุณแชมพู ครับ

ขออนุญาตนำกระทู้ของคุณที่ตอบในกระทู้เรื่อง "คุณคิดอย่างไรกับงานเซลส์" มาลงในกระทู้ "นักขายมืออาชีพ" ของลุงด้วย

เพราะคุณเขียนกระทู้โดนใจลุงฮะ......หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับนักขาย
ทุกท่านนะครับ

"เราก็ทำเซลล์

แรกๆ ก็ขายแบบขายผลิตภัณฑ์ ขาย ผลิตภัณฑ์+ แนวคิด วิงไปหาลูกค้าถึงที่ ส่งตัวอย่างให้ทดลอง จนกว่าจะใช้ได้ เป้นการขายกับโรงงานล้วนๆ อันนี้ก็สนุก เหนื่อย แต่น่าเสียดายระบบงานในบริษัทที่อยู่มันแย่ สวัสดิการก็ไม่ได้เรื่องเลยออก

พอออกมาก็มาเป็นเซลล์ขายของแบบอยู่หน้าร้านรอลูกค้า walk in คราวนี้เจอลูกค้าหลากหลาย ตั้งแต่ระดับพ่อค้ายันเศรษฐฺ ได้พูดคุยเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องสินค้า ได้เรียนรู้มุมมองชีวิตจากคนอื่นที่ประสบความสำเร็จ ได้รู้จักคนหลากหลายวงการ แต่ผลสุดท้ายก็ออกเพราะงานไม่มั่นคงแล้วมีทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าเสนอมา

งานที่อยู่ปัจจุบัน คราวนี้บริษัทใหญ่มั่นคง งานเป็นระบบดี ลูกค้าเป้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า การเข้าพบ ก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง การพูดคุยจะเน้นตัวเนื้องานเป็นสำคัญ เพราะเวลาในการเข้าพบแต่ละครั้งค่อนข้างน้อย ยกเว้นถ้าตีซี้ได้ก็ถึงจะมีเรื่องส่วนตัวบ้าง ทุกวันนี้เดินห้างวันนึงเป็น 10 ที่

รายได้ของเซลล์จัดว่าสูงเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น แต่ก็ จัดว่าเสี่ยงและกดดันสูงพอกัน ลูกค้าโดยมาจะรู้จักเราในฐานะตัวแทนของบริษัท ไม่ว่าเกิดอะไรที่ไม่ดี หรือ ไม่พอใจใดๆเกี่ยวกับบริษัทก็จะมาลงที่เรา เราต้องเป็นคนประสานงานแก้ปัญหา และเราต้องเป็นคนนำปัญหานี้กลับเข้าไปแจ้งแก้ไขภายในเพื่อให้สินค้าและบริการนั้นๆเป็นที่พอใจแก่ลูกค้ามากที่สุด

ใครว่าต้องมานั่งง้อลูกค้า สำหรับเรา เราไม่เคยมาง้องอนลูกค้าเลย เพราะเราเชื่อว่าของที่เราขายคือสิ่งที่ดี และ เค้าจะได้ในสิ่งสิ่งนั้น ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อจนกว่าจะได้รับความพอใจสูงสุด

ท้าทาย สนุก อิสระ เหนื่อย แต่บอกได้เลยว่าตั้งแต่จบมาแล้วได้ทำงานด้านนี้ก็ไม่คิดจะเป็นสาวโรงงานตามที่จบ หรือ ไปนั่งเป็นพนักงานออฟฟิสอีกเลย

อย่างน้อยในความรู้สึกเรา เราคิดว่าโดยเนื้องานแล้วเซลล์เป็นอาชีพที่ก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าอาชีพอื่นนะ แม้อาจไม่ได้ก้าวหน้าเป็นผู้บริหารในบริษัทที่ทำ แต่เราจะได้มุมมองในการขาย ประสบการณ์การพบลูกค้า ช่องทางทำมาหากิน เก็บไว้ใช้ในธุรกิจของตัวเองในอนาคตต่อไปได้

ขอให้มีความสุขกับงานนะคะ

จากคุณ : *แชมพู* - [ 6 ก.ย. 48 21:04:25 ]

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ย. 48 16:22:51 ]






ความคิดเห็นที่ 18

แอบจดอีกแล้ว อันนี้โดนใจมั่กๆ ต้องขออนุญาตลุงแอ็ด copy ค่ะ (Sale ที่ office มีอยู่ คนนึงค่ะเค้าคิดมากๆๆๆๆๆ แทนลูกค้าทุกอย่าง ก่อนจะขายงานก็คิดเป็นวันๆ เพราะรู้มากเกินกลัวว่าลูกค้าแย้งตรงนั้นตรงนี้แล้วจะตอบไม่ได้ เฮ้อ)

จากคุณ : Jeabza - [ 7 ก.ย. 48 20:50:44 ]






ความคิดเห็นที่ 19

ทำไมต้องจดครับ คุณ Jeabza ครับ

Copy ไปทั้งดุ้นเลย หรือพิมพ์ติดข้างฝาให้เซลส์ไว้อ่านก็ได้นะครับ

ลุงไปที่ออฟฟิตที่หนึ่ง เห็นมีข้อความทุกลุงโพส ติดอยู่เป็นแผง

ก็ถามเจ้าของเขาว่า ทำไม่ไม่ให้เซลส์เขาอ่านเอาเองจากคอมฯ

เขาบอกว่า "เซลส์ของเขางานยุ่งมาก เวลาเป็นเงินเป็นทอง นาทีเดียว
ก็ไม่มีเวลาจะเปิดคอมฯ อ่านเรื่องยาวๆ เลยต้องพิมพ์เรื่องของลุงแอ็ด
มาติดประกาศไว้นี่ไง"

ลุงฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก.....ก็เข้าใจ

เพราะตั้งแต่สมัยลุงผ่านไปแล้ว ตอนนี้ชีวิตมันเร่งรัด มีแต่การแข่งขัน
ใครรอช้าเพื่อจะศึกษาอะไรสักนาที สองนาทีก็ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวชาวบ้าน
แย่งขายกันไปหมด ก็เลยต้องใช้วิธีนี้

เวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเรามีเวลาจำกัด ข่าวสารข้อมูลตอนนี้มันล้นโลก
เดี๋ยวเรื่องการเมือง เรื่องปักษ์ใต้ เรื่องคนไทยหนีไปมาเลย เรื่องอเมริกาที่นิวออร์ลีน
เรื่องนายกทักษิณที่จะเอาหรือไม่เอารถไฟฟ้า 7 สาย.....โอ้ย เยอะแยะไปหมด

ต่อไปคนหนุ่มสาวก็จะแต่งงานน้อยลง เพราะไม่มีเวลาแต่งงาน ไม่มีเวลา
แม้จะจีบกัน ไม่มีเวลาให้กัน ทุกคนเร่งทำงานกันจนเป็นหัวเป็นน๊อตตัวเป็น
เกลียว

อีกหน่อยคนก็จะเกิดน้อยลง เพราะไม่มีเวลาทำลูก........................................

ทุกคนจะหน้าดำ คร่ำเครียด คิ้วย่นอยู่ตลอดเวลา เหมือนสุนัขพันธ์บ๊อกเซ่อร์ ที่คิดแต่งเรื่องงาน....งาน.....งาน เงิน....เงิน....เงิน.....เพื่อหางานและหาเงินไปผ่อนบัตรเครดิต

ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต่างก็จ้ำอ้าวๆ......เดินตัวปลิว เร่งรีบ กันเหมือนจะรีบเร่งไป
เยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลที่กำลังจะสิ้นใจ

ทุกคนจะแต่งตัวกระทัดรัด เหมือนกันหมดทั้งหญิงและชาย จนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร
เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว ให้ทันต่อนาฬิกาที่กระดึ๊บไปแต่วินาที

เด็กหนุ่มสาว เจอหน้าพ่อแม่ ก็ยกมือไหว้แค่มือเดียว ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือโทรศัพท์
แนบหูตั้งแต่ลงจากรถ จนขึ้นไปอาบน้ำ ก็ยังได้เสียงโทรศัพท์

ฯลฯ

นี่คนของโลกของยุคใหม่ ที่น่าสนใจ

ลุงก็บ่นมาเล่นๆ

"โลกมันก็เป็นไปยังงั้นเองนั่นแหละ..."

//lungadd.pantown.com/

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 8 ก.ย. 48 12:02:24 ]






ความคิดเห็นที่ 20

ขอโทษ อาจารย์แอ็ด ค่ะ ที่มาเข้าชั้นเรียนช้า.......ไปหน่อย...เพราะพอดีมีงานเข้ามาทุกวันทั้ง 3 อาทิตย์ไม่มีเวลาออนไลน์เลย ค่ะ..........

จากคุณ : ส้มจี๊ด..... - [ 9 ก.ย. 48 01:31:52 A:64.136.162.213 X: TicketID:102363 ]






ความคิดเห็นที่ 21

ลุงแอ็ดจ๋า จริงๆ แล้วแอบจดทั้งดุ้นค่ะ อายจัง ต่อไปนี้จะเข้ามาจดเปิดเผยและขอบคุณลุงแอ็ดอีกครั้งค่ะ สำหรับเนื้อหาที่โดนใจมากๆๆๆ ทุกตอนค่ะ ^_^

จากคุณ : Jeabza - [ 9 ก.ย. 48 09:39:11 ]






ความคิดเห็นที่ 22

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนี้ครับ

จากคุณ : aiter - [ 11 ก.ย. 48 06:44:02 ]









Create Date : 04 ตุลาคม 2548
Last Update : 4 ตุลาคม 2548 10:57:12 น. 1 comments
Counter : 1259 Pageviews.

 


โดย: wbj วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:11:15:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงแอ็ด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงแอ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.