|
ไม่มีหัวใจให้ใครอีกแล้ว
ตอนที่ 1..
"ยายเอิง หายไปไหนล่ะเนี่ย" เจ้าของเสียงทุ้มใหญ่เที่ยวเดินแหวกพงหญ้าที่ขึ้นปกคลุมแถบนั้นด้วยอาการหงุดหงิด บางครั้งก็ใช้มีดดายหญ้าที่เตรียมมาด้วยช่วยฟันแหวกพงหญ้าเป็นช่องทางสำหรับเดิน
"ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด แล้วแบบนี้จะเจริญรุ่งเรืองได้ยังไงเล่า"
..ปึ่ก..
เสียงมีดกระทบวัตถุหนาทึบ ทำเอาคนฟันหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจรีบโยนมีดทิ้งแล้วยกมือไหว้ปะหล่กๆ
"ยกโทษให้ลูกช้างด้วยเถิด ลูกช้างไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปสำรวจป้ายหินที่อยู่เบื้องหน้า แล้วระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ที่ป้ายหินนั้นมีรอยสึกเพียงเล็กน้อย
"ยังดีที่ไม่เสียหายไม่งั้นโดนพ่อเล่นงานตายแน่"
"เหอๆๆๆ"
ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของเสียงเย็นยะเยือก กลับไม่พบสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อยมีเพียงเสียงลมที่พัดหวีดหวิว เสียงยอดไม้เสียดสีกัน ยิ่งช่วยเพิ่มความวังเวงเป็นเท่าทวีคูณ
"ยายเอิง ไอ้เอิงโว้ย ถ้าแกไม่ออกมาชั้นจะกลับแล้วนะเว้ย" ชายหนุ่มร่างใหญ่สูงไม่ต่ำกว่า 170 เซนติเมตรยามนี้กลับไหล่หลู่ หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว
"เหอๆๆ จะรีบไปไหนล่ะ" สิ้นเสียงเย็นเยือกไม่นานก็มีเสียงวัตถุร่วงลงมาจากอากาศสู่พื้นดัง 'ตุ้บ' ทำเอาชายหนุ่มหมดเรี่ยวแรงทรุดตัวลงนั่งหลับหูหลับตายกมือไหว้ไปทั่วสี่ทิศ
"กลัวแล้วจ้าๆๆ อย่าทำลูกช้างเลย อยากกินอะไรเดี๋ยวลูกช้างทำบุญกรวดน้ำไปให้"
"จริงๆเหรอออออ...."
"จริงจ้า..จะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามาหลอกมาหลอนเลย" หลับหูหลับตาพูดไปยังไม่รู้สึกตัวว่าเบื้องหน้ามีหญิงสาวร่างเล็กมายืนท้าวสะเอวจีบปากจีบคอพูดฉอดๆๆ
"เหอๆๆ งั้นขอพิซซ่าหน้าซีฟู้ด แป้งหนานุ่ม ที่นึงนะจ๊ะ.."
"ได้จ้า ได้...แล้วจะให้ส่งไปที่ไหนล่ะ.." ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆทำไมผีจีนถึงชอบกินพิซซ่าหว่า จึงรวบรวมความกล้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
"เฮ้ย..ไอ้เอิง..เดี๋ยวเถอะแก" ผู้เป็นพี่ชายเมื่อรู้ตัวว่าโดนน้องสาวหลอกเอา ด้วยความโมโหจึงคว้าไม้เล็กๆแถวนั้นเคาะหัวน้องสาวไปหนึ่งที
..โป๊ก..
"เจ็บนะพี่..อู้ย..หัวโนแน่เลย เดี๋ยวเอิงจะไปฟ้องแม่"
"เชิญแกไปฟ้องเลย ชั้นจะได้เล่าเรื่องที่แกแอบเอาของเซ่นไหว้มากินให้แม่ฟัง"
"พี่อิงอย่าบอกแม่นะ เดี๋ยวเอิงโดนตีก้นลายแน่" เอิงเดินเข้ามากอดแขนประจบประแจงพี่ชายเหมือนจะรู้อนาคตตัวเองหากพี่ชายนำเรื่องนี้ไปบอกแม่
"งั้นเรามาทำสัญญาสงบศึกกันนะ" สาวน้อยยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของพี่ชาย แล้วทำสีหน้าเท่าที่ตัวเองคิดว่าอ่อนหวานมากที่สุด ทีแรกเขาก็ไม่คิดจะเกี่ยวก้อยคืนดีด้วย แต่เห็นสีหน้าน้องสาวเหมือนจะสำนึกตัวได้จึงยอมยกโทษให้
"ดีกันแล้วนะ ถ้าใครนำเรื่องนี้ไปบอกแม่ขอให้โดนผีหลอก เหอๆๆๆ" อิงเพิ่งรู้ตัวว่าโดนน้องสาวหลอกเอา จะยกไม้มาเคาะหัวอีกครั้งก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเธอรีบเผ่นแน่บไปไกลลิบ
"เออ ให้มันได้แบบนี้สิ ไล่แกไม่ทันสักที แล้วอย่าลืมไปหาแม่ด้วยนะโว้ย ไอ้เอิง"
"จ้า..พี่เองก็รีบมาด้วยล่ะ อยู่คนเดียวระวังผีหลอกนะ..ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า"
เสียงหัวเราะสดใสของน้องสาวกังวานก้อง เปลี่ยนแปลงความเงียบเหงาของสุสานไปได้ถนัดใจ..รอยยิ้มของผู้เป็นพี่ผุดขึ้นแล้วจางหายเสียงถอนหายใจของเขาดังเล็ดลอดออกมา...เอิงเอ้ย..แกเป็นตัววุ่นวายของชั้นแล้วก็ของใครๆที่นี่ แต่แกจะมีความสามารถเปลี่ยนหัวใจใครบางคนได้เชียวหรือ
"ลูกเอิง รีบขึ้นมานี่เร็ว"
เสียงผู้เป็นแม่ร้องเรียกอยู่บนนอกชานซึ่งยื่นพ้นตัวบ้านออกมาค่อนข้างมาก ฉันชอบมานอนเล่นบริเวณนี้ตั้งแต่ยังเล็กเพราะสามารถมองเห็นทิวเขาทอดยาวดุจแนวกำแพง ส่วนด้านหน้าเป็นลำน้ำขนาดใหญ่มีต้นน้ำมาจากทิวเขาที่ทอดยาวเหยียดนั่นทำให้ลำน้ำแห่งนี้มีน้ำใสตลอดทั้งปี พ่อของเอิงไม่ได้ร่ำเรียนศาสตร์ฮวงจุ้ยมาก่อน บังเอิญมีเถ้าแก่ขายผ้าย่านโบ๊เบ้ผ่านมาเห็นที่ผืนนี้รู้สึกชอบในทำเลเป็นอย่างยิ่งเลยคิดจะซื้อเก็บไว้ทำฮวงซุ้ยสำหรับคนในตระกูล เทียวไปเทียวมาอ้อนวอนขอซื้อตั้งหลายครั้งแต่พ่อก็ไม่ยอมขาย จนมาวันหนึ่งเถ้าแก่คนนี้ป่วยหนักใกล้จะตาย จึงให้คนมาเชิญพ่อไปพบที่กรุงเทพฯ
"อาชัยเอ้ย อั๊วก็ป่วยหนักออกแบบนี้จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ คิดว่าอั๊วขอร้องก็แล้วกันนะ" เถ้าแก่กิมย้งฝืนสังขารพูดกับพ่ออย่างลำบากยากเย็น
"เถ้าแก่จะขอร้องผมเรื่องอะไรครับ"
"ก็เรื่องที่ดินของลื้อไงล่ะ ตกลงจะยอมขายให้อั๊วหรือเปล่า"
"เอ่อ..เถ้าแก่อย่าโกรธผมนะครับ ถ้าผมปฏิเสธ เพราะที่ดินผืนนี้มันตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของผม แล้วก็ไม่มีใครคิดจะขายเลยสักคน เถ้าแก่ขอร้องผมเรื่องอื่นได้มั้ยครับ" เถ้าแก่กิมย้งได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าซีดเผือดลงแต่ยังฝืนยิ้มออกมาได้ "ไม่เป็นไรๆ ถึงลื้อไม่ขายอั๊วก็ไม่บังคับ ส่วนเรื่องที่ลื้อมาขอร้อง อั๊วจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่"
พ่อกลับถึงบ้านนำเรื่องนี้มาปรึกษากับแม่ บรรดาญาติพี่น้องต่างพากันคัดค้านมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นด้วย
"เถ้าแก่กับพี่ก็ไม่เคยสนิทชิดเชื้อกันมาก่อน เค้ายังมีน้ำใจช่วยเหลือเรา ทำไมเราจะทำเพื่อเค้าบ้างไม่ได้ล่ะจ๊ะ"
พ่อลงทุนจ้างซินแสมาดูทำเลเพื่อจะสร้างฮวงซุ้ยให้เถ้าแก่ในบริเวณที่ดีที่สุด และนำข่าวดีนี้ไปบอกกับเถ้าแก่ด้วยตัวเอง ยังความปลื้มปิติมาสู่ญาติพี่น้องลูกหลานเป็นอย่างยิ่งต่างพากันขอบอกขอบใจพ่อของเอิงไม่ขาดปาก ผ่านไปไม่กี่วันเถ้าแก่กิมย้งก็สิ้นใจและนำศพมาฝังที่ฮวงซุ้ยแห่งนี้
หลังจากนั้นก็มีคนเทียวมาขอซื้อที่ดินทำฮวงซุ้ยไม่ขาดสาย พ่อเลยตัดสินใจแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งทำเป็นฮวงซุ้ยจนเจริญรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้
เอิงรู้สึกผิดปกติตั้งแต่ได้ยินแม่เรียกครั้งแรกแล้ว ทุกทีแม่ไม่เคยใช้น้ำเสียงที่เป็นงานเป็นการแบบนี้มาก่อน เอิงค่อยๆเดินขึ้นบันไดจนมาถึงขั้นบนสุดสายตาของเธอก็พบกับหญิงชายวัยกลางคน ผู้ชายท่าทางเคร่งขรึมมีผมขาวแซมบริเวณจอนหูทั้งสองข้าง ส่วนผู้หญิงผิวค่อนข้างขาวรูปร่างสมบูรณ์จนเกือบจะอ้วนท้วน แต่ดูไปแล้วอายุไม่น่าจะมากกว่าพ่อแม่ของเอิงเท่าใด
"ลูกเอิงมาหวัดดีคุณลุงคุณป้าก่อนสิจ๊ะ" แม่กวักมือเรียก
"นี่คุณวิวัฒน์ ส่วนทางนี้คุณสายสมร คุณวิวัฒน์เป็นลูกชายคนเดียวของเถ้าแก่กิมย้ง" พ่อแนะนำคุณลุงคุณป้า เอิงยกมือไหว้คนทั้งสองตามที่แม่บอก
"แหมโตเป็นสาวแล้วนะ น่าตาน่าเอ็นดูเสียด้วย ตอนที่เจอคราวนั้นยังตัวเล็กนิดเดียว"คุณสายสมรยิ้มอย่างเอ็นดู
"ก็มันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนี่ ดูผมสิแก่ลงไปตั้งเยอะ" คุณวิวัฒน์ชี้ให้ดูเส้นผมแล้วหัวเราะอย่างเป็นกันเอง..ไม่เห็นจะเคร่งขรึมแบบเมื่อสักครู่เลย เอิงนึกในใจ
"เอิงมันออกจะแก่นไปนิดน่ะครับ แถวนี้เรียกมันว่าหัวหน้าเด็ก" พ่อชัยรีบบรรยายสรรพคุณ เอิงทำตาโตตั้งใจจะอ้าปากเถียง แต่โดนสายตาผู้เป็นพ่อปรามเอาไว้
"เด็กหญิงสมัยนี้จะให้มานั่งพับเพียบเรียบร้อย นั่งร้อยพวงมาลัยก็กระไรอยู่ แบบนี้สิครับถึงเอาตัวรอดได้"
"ดิฉันก็เห็นด้วยค่ะ ขืนเงียบกันหมดตานนท์ของเราก็แย่น่ะสิ" คุณสายสมรสนับสนุนผู้เป็นสามี
"คุณก็อย่าเพิ่งเอะอะไป..ให้พ่อแม่หนูเอิงเค้าคุยกันก่อน เราคอยฟังคำตอบทีหลังจะดีกว่า" คุณวิวัฒน์รีบขัดจังหวะผู้เป็นภรรยากลัวจะเปิดเผยอะไรไปมากกว่านี้
"จะว่าไปแล้วครอบครัวของเราทั้งสองก็เพิ่งมาสนิทกันเอาตอนที่คุณพ่อมาเสียกระมัง"
"ครับ..เถ้าแก่กิมย้งมีพระคุณกับผมและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง อะไรที่ผมพอช่วยเหลือได้ผมจะพยายามอย่างเต็มที่"
แววตาของพ่อมองมาทางเอิงอย่างจริงจังจนเอิงเริ่มรู้สึกหนาวๆ อีกทั้งคำพูดของผู้ใหญ่ทำเอาเธอรู้สึกสับสนจนอยากจะเอ่ยปากถาม
คุณวิวัฒน์มองไปทางฮวงซุ้ยของบิดาด้วยความปลาบปลื้ม แล้วหันมาพูดกับพ่อของเอิงอย่างรู้สึกขอบคุณ
"คุณชัยกรุณากับตระกูลของผมมากกว่า คุณพ่อพูดเสมอว่าฮวงซุ้ยของตระกูลจะต้องดี ลูกหลานถึงจะอยู่อย่างสุขสบายทำมาค้าขึ้น อีกอย่างเรื่องบุญคุณอะไรนั่นมันหมดสิ้นกันไปนานแล้ว คุณชัยไม่ต้องไปนึกถึงมัน ผมขอให้เป็นความยินยอมพร้อมใจดีกว่านะครับอย่าให้ถึงกับเป็นการบังคับกันเลย"
คุณวิวัฒน์หยุดพูดแล้วมองมาที่เอิงด้วยสายตาอันอบอุ่น
"หนูเอิงปีนี้อายุเท่าไรแล้วล่ะ" เอิงเห็นพ่อทำท่าจะตอบแทนดีที่แม่ยกมือขึ้นแตะแขนพ่อเบาๆทำนองว่า.. 'ให้ลูกมันพูดบ้างสิ'
"เอิงอายุ 19 ปีแล้วค่ะ เทอมหน้าก็จะเรียนจบแล้ว คุณลุงคุณป้าถามเรื่องนี้ทำไมคะ แล้วเรื่องตานนท์อะไรนั่น เกี่ยวข้องกับเอิงด้วยหรือเปล่า"
"ไอ้เอิง เบาๆหน่อยหัดมีมารยาทเสียบ้างเวลาคุยกับผู้ใหญ่"
"ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเอิง เอิงก็มีสิทธิ์ถามไม่ใช่เหรอคะ" เด็กสาวเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
ข้างฝ่ายคุณวิวัฒน์รีบโบกมือห้ามปราม สีหน้าไม่แสดงออกถึงอารมณ์ขุ่นมัวแม้แต่น้อย
"ช่างเถอะคุณชัยถูกของเด็กมัน แต่ลุงยกหน้าที่นี้ให้พ่อแม่ของหนูเป็นผู้ตอบดีกว่า เอาล่ะคุณสมรพวกเรามารบกวนเวลาคุณชัยนานแล้ว เห็นบอกว่าต้องเข้าไปในเมืองเลือกซื้อของอีกไม่ใช่เหรอ"
คุณสายสมรพยักหน้ารับคำ จะอะไรเสียอีกนอกจากเปิดโอกาสให้พ่อแม่ลูกได้คุยกันเหลือจากนั้นก็รอคอยฟังคำตอบ
เอิงยกมือไหว้คนทั้งสองอีกครั้งแต่ครั้งนี้สีหน้าไม่สดชื่นเหมือนครั้งแรก พ่อของเอิงเห็นลูกสาวมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ก็ได้แต่ส่ายศีรษะ แล้วแบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือ
"มานั่งใกล้ๆแม่สิ"
เมื่อส่งคุณวิวัฒน์สองสามีภรรยาเสร็จเรียบร้อย แม่นงก็เรียกลูกสาวมานั่งข้างๆโดยมีพ่อนั่งขนาบอีกด้าน
"เอิงแกต้องเตรียมตัวแต่งงาน" พ่อชัยพูดจาเป็นขวานผ่าซากอยู่แล้ว ยามนี้เมื่อปลอดคนนอกจึงไม่พูดพล่ามทำเพลง
"แต่งกับใคร ทำไมต้องแต่งคะ?" เอิงหันขวับมาทางพ่อ
"อุ๊วะ ข้าบอกให้แต่งก็ต้องแต่งจะถามไปมากความทำไม"
"ถ้าไม่ให้ถาม ก็เชิญพ่อแต่งไปคนเดียวสิ"
"ดูมันพูดเข้าสิแม่นง ไม่รู้เธอเลี้ยงลูกมายังไง เถียงคำไม่ตกฟาก"
"ฉันก็ดูมันทั้งสองคนแหละ พ่อเองก็พูดตรงเกินไป ส่วนเอิงมันไม่รู้เรื่องมันก็ตามถามน่ะสิ" แม่นงแอบส่งสายตาให้ลูกสาวเพลาๆปากลงบ้าง
"ถ้างั้นพ่อไม่ต้องพูด เดี๋ยวฉันเล่าให้ลูกฟังเอง เอิงคงจำเถ้าแก่กิมย้งพ่อของคุณลุงวิวัฒน์ได้ใช่มั้ย"
"จ๊ะแม่..เถ้าแก่มาติดต่อขอซื้อที่ดิน ตอนนั้นเอิงเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้" เด็กสาวพอจำเรื่องราวที่เถ้าแก่มาติดต่อขอซื้อที่ดินเพื่อไปทำฮวงซุ้ยได้
"ใช่แล้วจ๊ะ แต่พ่อของเราน่ะไม่ยอมขายตั้งใจเก็บไว้ให้พวกเราสองพี่น้อง ทั้งที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยสู้ดี เอิงต้องใช้เงินเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย พ่อเลยไปขอยืมเงินกับเถ้าแก่เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้หนูได้เล่าเรียน โดยฝากให้เอิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะเด็กรับใช้"
"ทำไมหนูไม่รู้เรื่องนี้เลย"
"พ่อกำชับแม่ไม่ให้บอกกับหนู กลัวหนูไม่มีสมาธิจะเล่าเรียน"
"แต่หนูก็ไม่ได้ไปอยู่บ้านเถ้าแก่นี่ แถมยังได้เรียนอีกหรือว่า..?"
"เถ้าแก่ให้พ่อยืมเงินมาเปล่าๆโดยไม่ต้องมีหนูเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หนำซ้ำยังไม่พูดเรื่องขอซื้อที่ดินอะไรนั่นอีก"
เอิงพอจะเข้าใจเรื่องราวได้บางส่วน หลังเถ้าแก่สิ้นใจพ่อเลยสร้างฮวงซุ้ยในทำเลที่สวยงามที่สุดเพื่อตอบแทนน้ำใจที่พ่อได้รับ
....แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องแต่งงานด้วยล่ะ...
"หนูพอจะเข้าใจแล้วค่ะ พ่อยังใช้หนี้ลูกชายเถ้าแก่ไม่หมดเลยคิดจะขายลูกสาวใช้หนี้ใช่หรือเปล่า"
"หนี้สินน่ะข้าใช้คืนหมดแล้ว ถึงข้าคิดอยากจะขายลูกสาว แต่จะมีคนดีๆที่ไหนเค้าต้องการแกวะ" พ่อพูดแทรกอย่างเหลืออด
"งั้นแสดงว่า ตานนท์ลูกชายคุณวิวัฒน์เค้าเป็นบ้าไปแล้ว"
"ก็เออดิ"
Create Date : 29 ธันวาคม 2547 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2547 0:07:58 น. |
|
1 comments
|
Counter : 150 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ``|ยัย|ตัว|แสบ|`` (yai_tua_sabb ) วันที่: 29 ธันวาคม 2547 เวลา:10:28:32 น. |
|
|
|
| |
|
|
nice to meet you ka
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cherry