Top-5 J-drama ของฉันเอง
พอดีมีกระทู้ถามถึงซี่รี่ยส์ญี่ปุ่นในดวงใจของแต่ละคน เลยก๊อปคำตอบตัวเองมาเก็บไว้เปรียบเทียบกับ Top 5 ในอนาคต :P

----------------------------------------------------------------

เลือกได้แค่ 5 เรื่อง ลำบากชีวิตมากค่ะ
ไม่ได้เรียงตามลำดับนะคะ

1. orange days ชอบมากกับเรื่องของวัยค้นหาชีวิต ตอนดูเสร็จใหม่ ๆ ทำภาษามือได้หลายท่าเลย แม้ตอนดูซ้ำทีหลังจะความรู้สึก drop ๆ ไปบ้างแต่จำได้ว่าดูครั้งแรก ชอบมากๆๆๆๆๆๆ ก็เลยยกให้เป็นหนึ่งในซีรียส์ในดวงใจอยู่ดี
2. antique ชอบมากกก ทั้งเค้ก แสดงนำและตัวประกอบทั้งหลาย และอย่างที่ข้างบนบอก เพลงสุดยอด!
3. liar game กรี๊ดความเมพของพระเอก (และความใจดีด้วย >_< )
4. love shuffle อันนี้ชอบที่ความ original ของไอเดียค่ะ ทำให้รู้สึกว่าซีรียส์ญี่ปุ่น ยังไงก็ไม่มีวันจำเจ มีคนเขียนบทดี ๆ ให้ดู ^^
5. hotaru no hikari ซีรี่ยส์น่ารัก ลงตัวไปหมดทุกอย่าง ตัวละคร นักแสดง บท บรรยากาศ กำลังดีหมดเลย ดูสบาย ๆ ซ้ำได้หลายครั้ง

1 litre of tear ก็ชอบมากนะคะ บริหารต่อมน้ำตาได้ทุกตอน
byakuyakou นี่ดูแล้วก็อึ้งว่าดิบและหมิ่นเหม่ขนาดนี้ ได้ฉายทีวีญี่ปุ่นด้วยรึ!



Create Date : 08 พฤษภาคม 2554
Last Update : 8 พฤษภาคม 2554 21:25:22 น.
Counter : 1032 Pageviews.

2 comment
utsukushii rinjin และ control - hanzai shinri sousa
2011 winter season ที่ผ่านมา จขบ.ดูละครไป 3 เรื่อง ได้แก่ taisetsunakotowa subete kimiga oshietekureta, control - hanzai shinri sousa, และ utsukushii rinjin ฉายวันจันทร์ 3 ทุ่ม, อังคาร 3 ทุ่ม และ 4 ทุ่ม ทางช่องฟูจิทีวี โดยมี average rating เป็น 11.46%, 13.44% และ 12.95% ตามลำดับ

ดูเผิน ๆ แล้วถือว่าทำได้ไม่เลวทั้ง 3 เรื่อง (สมัยนี้ได้เกินสิบก็ถือว่าไม่น่าเกลียด) แต่จริง ๆ แล้วสำหรับ slot จันทร์ 3 ทุ่ม taisetsu ทำได้แค่นี้ถือว่าน้อยมาก เรียกว่าเป็นอันดับปลายแถวในประวัติศาสตร์ของ slot นั้นเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ดาราก็น่าดูมาก ๆ (จขบ.ชอบทั้ง miura haruma และ toda erika และคิดว่าคนญี่ปุ่นก็ชอบสองคนนี้มาก ๆ ด้วยเหมือนกัน)

ที่คนญี่ปุ่นไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องนี้มันเพราะอะไรนะ?
1. สองคนนี้เด็กเกินไปที่จะเล่นเป็นคุณครู
2. เบื่อเรื่องครูมีความสัมพันธ์กับเด็กในคลาสแล้ว ฟังดู 90's เป็นบ้า
3. เอริกะเรื่องนี้ไม่สวย
4. พระเอกปัญญาอ่อนเกิน ที่ไม่คิดสงสัยหรือคิดจะตามหาความจริงใด ๆ
5. ฉาก drama ๆ อยู่ ดันเปิดเพลงประกอบเป็น dear mr. president หมดกัน
6. ... (คิดไม่ออกแล้ว)


กลับกัน เรื่อง control - hanzai shinri sousa (สืบสวนจิตวิทยาอาญชากรรม) ดูด rating ได้เยอะ คาดว่ามาจาก
1. แฟน ๆ matsushita nao ที่ดังมาจากเรื่อง gegege no nyobo ตามมาดู (ในละครมีเล่นมุข gegege อีกต่างหาก)
2. แฟน ๆ fujiki naohito ตามมาดูบุโจ้ (จาก hotaru no hikari)
3. การสืบสวนโดยใช้หลักจิตวิทยาดูสดใหม่ ไม่ซ้ำกับละครสืบสวนเรื่องอื่น ๆ

ตอนแรกดูดคนดูได้เยอะถึง 18.4% แต่คนดูร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ตอนสุดท้ายเหลือแค่ 12% เท่านั้น ก่อนที่จะพูดถึงสาเหตุขอพูดย่อ ๆ ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

ก่อนอื่นขอให้นึกถึงซีรี่ยส์สืบสวนที่ชื่อกาลิเลโอก่อน (ก๊าก)

ในกาลิเลโอ ตำรวจจะพบเจอกับคดีที่แปลกตรงที่ไม่สามารถคิดออกได้เลยว่าคนร้ายทำอีท่าไหนถึงเป็นแบบนี้ได้ การสืบสวนตีบตันไม่รู้จะไปทิศทางไหน เลยให้ตำรวจสาว (ชิบาซากิ โค) มาขอความช่วยเหลือจากศาสตราจารย์ฟิสิกส์ (fukuyama masaharu) ให้ช่วยไขคดีให้หน่อย เรื่องนี้สนุกมาก ๆ และประสบความสำเร็จจนได้ทำหนังใหญ่ด้วย (ทีวีไทยก็เอาซีรี่ยส์นี้มาฉาย)

ทีนี้เรื่อง Control เนี่ยก็คล้าย ๆ กันแต่เปลี่ยนศาสตราจารย์ฟิสิกส์ เป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแทน

มันก็น่าจะมีเคสสนุก ๆ ซับซ้อนซ่อนเงื่อน คิดหัวแตกก็คิดไม่ออก แล้วก็มีซีน ศ.นางุโมะ (fujiki naohito) มาวิเคราะห์และสร้างสมมติฐานโน่นนี่นั่นแสดงความฉลาดแบบเท่ ๆ ใช่ไหม? แต่ไม่ใช่หรอกเรื่องนี้ ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย

เรื่องกาลิเลโอทำมาจากหนังสือของสุดยอดนักเขียนแนวสืบสวน(และไม่สืบสวน)อย่าง higashino keigo อันนี้ถ้าทีมฝีมือไม่ห่วยเกินไป ทำยังไงมันก็ต้องสนุก

แต่เรื่อง control นี่แต่งเรื่องขึ้นใหม่ บางตอนเคสมันก็จะอ่อนมาก และแทบทุกตอน (ไม่แน่ใจว่าทุกตอนรึเปล่า) มันจะต้องมีการมา hint ไว้ตั้งแต่ต้นตอนว่าเคสมันจะออกมาในรูปแบบไหน ดูไปไม่นานคนดูจะได้เดาออกว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง :P

และที่แย่กว่านั้นคือ ดู ๆ ไปคนดูจะรู้สึกว่าไม่ต้องมีศาสตราจารย์มาเกี่ยวข้องเลยก็ได้มั้ง เพราะศาสตราจารย์ไม่ต้องวิเคราะห์จิตวิทยาอะไรซับซ้อนเลย แค่ดูผู้ต้องสงสัยให้ปากคำ แล้วก็บอกว่าอีนี่โกหกอยู่ ไอ้นั่นท่าทางจะไม่ได้โกหก ฯลฯ แค่เนี้ย!!

ทำ ๆ ไปทีมงานคงค่อย ๆ สังเกตได้ว่า ศ. นี่ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไรเลยว่ะ หรือไม่ก็เอเจนซี่ของนาโอะ (fujiki naohito นะ ไม่ใช่ matsushita nao พระเอกนางเอกดันชื่อนาโอะทั้งคู่นิ) คงจะมาโวยกับทีมงานให้เพิ่มบทเท่ ๆ ให้นาโอะหน่อย หลัง ๆ คนเขียนบทเลยเพิ่มบทให้นาโอะมีส่วนช่วยไขคดีกับชาวบ้านด้วย แต่เป็นการใช้วิธีสังเกตและอนุมานทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาเลย!!! แย่อีก กลายเป็นตำรวจยิ่งห่วย ถ้าไม่มีศ.มาทำหน้าที่แทนตำรวจคงจะหาคนร้ายไม่ได้แน่เลยคดีนั้น!

ว่าไปแล้วก็สงสารนาโอะที่ต้องมารับบทนี้ (จขบ.เป็นแม่ยกนาโอะค่ะ) ต้องไว้ผมยาวและหนวดเครา จริง ๆ แล้วนาโอะมีเคราอ่อน ๆ แต่ผมสั้นหน่อยจะดูดีนะ แต่แบบในเรื่องนี้มันมากและยาวไป :( แถมในเรื่องยังต้องกินขนมปังไส้แยมอยู่ตลอดเวลาอีก เอียนน่าดู :(


เรื่องแจมปังนี่ก็เป็นอะไรที่เอ่อ... คือ ละครพยายามจะบอกว่าศาสตราจารย์คนนี้เป็นคนแปลก (stereotype ของคาแรกเตอร์ศาสตราจารย์ในหนังสือและละครทั่วไป) แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็เลยอ่ะ ให้บ้ากินแจมปังละกัน ละครจบแล้วจะได้ทำสินค้าขายด้วยเลย (ขายดีด้วยสิ)

แต่ที่ขัดกันก็คือ คนเราเป็นเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ไม่น่าต้องเป็นคนแปลก ในเรื่องคือเป็นคน KY(空気読めない) ประมาณไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง พูดจาอะไรไม่เข้าหูชาวบ้าน แต่ถ้าเชี่ยวชาญจิตวิทยา จะไม่รู้ใจคนอื่นได้ยังไงเนี่ย?! บ้าหรือเปล่า!

เรื่องกาลิเลโอ ศ.ยูคาวะ เป็นตัวนำ แต่ในเรื่อง Control ตำรวจหญิงเซกาวะ (นาโอะจัง) เป็นตัวนำซึ่งบทบาทก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ และถึงมี back story ก็ไม่ได้รับความสำคัญเพียงพอ ตรงนี้ถ้าเปลี่ยนใหม่ให้ศ.นางุโมะเป็นตัวนำ แล้วตั้งใจสร้างเรื่องให้เอาจิตวิทยามาไขคดีแบบเท่ ๆ ได้ก็น่าจะดีกว่า คนดูทั่วไปก็น่าจะอยากได้แบบนี้

แต่ก็ใช่ว่าละครเรื่องนี้จะแย่ จริง ๆ แล้วก็ดูเพลิน ๆ บางตอนคดีก็สนุกมาก และบทระหว่างนาโอะทั้งสองก็น่ารักดี ^^ แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ซีรียส์ที่โดดเด่นที่คนดูจะจดจำและคิดถึงเหมือนกาลิเลโอ


ชักยาวแล้ว เขียนถึง utsukushii rinjin (เพื่อนบ้านแสนสวย) สั้น ๆ ละกัน

ดูเรื่องนี้แล้วแบบ ชีวิตมนุษย์เรานี่มันไม่มีดีเลยสินะ วนเวียนแต่กับเรื่อง ลูกตายและสามีนอกใจ อยู่นั่นแหละ (บังเอิญว่าดูในช่วงเดียวกับดอกส้มสีทอง และ taisetsunakotowaฯ ซึ่งเล่นกับเรื่องพวกนี้เหมือนกัน)

ละครพูดถึงแม่บ้านญี่ปุ่นในโตเกียวคนหนึ่งมีสามีแสนดีแต่ต้องไปทำงานโอซาก้าเลยไม่ค่อยได้เจอกัน และมีลูกชายที่น่ารักด้วยกันคนหนึ่งอายุ 5 ขวบ ซึ่งอยู่มาวันหนึ่งอยู่ ๆ ก็หายไปจากบ้าน พ่อแม่วิ่งตามหาหัวใจจะสลาย แถมยังได้ข่าวว่าเจอเด็กผู้ชายวัย 5 ขวบจมน้ำตายในบึงอีกต่างหาก โชคยังดีที่สุดท้ายก็พบว่านั่นเป็นลูกคนอื่น ส่วนลูกตัวเองน่ะแอบไปปีนต้นไม้แล้วลงมาไม่ได้ตะหาก

จากนั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลับสู่สภาพปกติ ข้างบ้านมีผู้หญิงสวย (nakama yukie จาก trick, gokusen) ย้ายเข้ามาใหม่ ซึ่งภายในไม่กี่นาทีคนดูก็จะรู้ว่าเธอคือแม่ของเด็กที่จมน้ำตายนั่นเอง และเธอมาเพื่อจะมาแย่งทุกสิ่งอย่างไปจากนางเอก แต่กว่านางเอกของเราจะรู้ก็เกือบจะจบซีรี่ยส์และ :P

บรรยากาศในเรื่องก็จะออกแนวมืดหม่น น่ากลัว ตามสไตล์ mystery, suspense โดยส่วนตัวจขบ.ก็ไม่ได้เป็นแฟนของละครสไตล์นี้เท่าไร เพราะตัวละครและ setting มันจะสุดโต่ง ไม่ค่อยพบเจอในชีวิตจริงรอบตัว ทำให้ดูจบแล้วก็จบไป ไม่ค่อยมี impact อะไรกับตัวเอง relate ไม่ค่อยได้ (จขบ.ชอบ human drama มากกว่า)

ละครเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรให้บ่นมาก นอกจากทุกอย่างดูจะเป็นไปตามที่ตัวร้ายวางแผนไว้อย่างง่ายดาย (ตามสไตล์ละครประเภทนี้) กับตัวละครเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านกาแฟ น่าหงุดหงิดมาก และคิดว่าควรจะมีอะไรมากกว่านั้น ดูเหมือนคนคิดพล็อต/คนเขียนบทจะคิดไม่ออกว่าควรจะทำยังไงกับตัวละครตัวนี้ :(

อีกอย่างคือ ตัวนางเอกที่ cast มา ยังคิดไม่ออกว่า cast มาดีหรือไม่ดี คือดีตรงที่ว่าดูท่าทางเป็น average แม่บ้านญี่ปุ่นม้ากมาก แต่ตัวนักแสดงไม่ได้มีเสน่ห์น่าจดจำเลย จะโทษนักแสดงอย่างเดียวก็รู้สึกผิด ว่าไปแล้วบทก็ไม่ได้เขียนให้เธอมีชีวิตเท่าไรเลย จืด ๆ ไปเรื่อย ๆ มา active คิดทำอะไรบ้างก็ตอนท้ายเรื่องแล้ว

สรุป : ก็สนุกดีถ้าชอบเรื่องเครียด ๆ หรือเป็นแฟน nakama yukie



Create Date : 28 เมษายน 2554
Last Update : 28 เมษายน 2554 13:56:02 น.
Counter : 1607 Pageviews.

0 comment
Taisetsunakotowa Subete Kimiga Oshietekureta มีอะไรเกี่ยวเนื่องกับดอกส้มสีทอง?
ช่วงนี้จขบ.ก็เหมือนกับหลาย ๆ คนคือติดดอกส้มสีทองหนึบ แม้ปีนี้จะเพิ่งถึงเดือนเมษายนเองแต่ก็คาดเดาได้ว่าเรื่องนี้แหละ สงสัยจะเป็นละครที่สนุกและมันที่สุดของปีแล้ว คนเขียนบทสุดยอดมาก นักแสดงทั้งหมดก็ตีบทแตกกระจุยกระจาย

ตอนนี้เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงช่วงที่คุณใหญ่หลบ ๆ ซ่อน ๆ กลัวเมียรู้ว่าตัวเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับแอร์สาว เมียก็รักไม่อยากให้กระทบกระเทือนจิตใจ แต่ปัญหากับแอร์สาวก็ไม่มีปัญญาเคลียร์ได้ด้วยตัวเองอีก

ตรงกับปัญหาของพระเอกในเรื่อง taitetsunakotowa subete kimiga oshietekureta พอดีเลย

ในเรื่องกล่าวถึงชูจิและนัตสึมิ คู่รักอาจารย์มัธยมที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งสองกำลังจะแต่งงานกันอยู่รอมร่อ แต่ในเช้าวันเปิดภาคเรียนใหม่ ชูจิตื่นมากลับพบผู้หญิงคนหนึ่งนอนเปลือยอยู่บนเตียงตัวเองซะงั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นใครตัวเองก็จำไม่ได้ มานอนกับเขาได้ไงก็ไม่รู้

เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไรเท่าไร ถ้าฮิคาริ เด็กผู้หญิงคนนั้นดันไม่บังเอิญเป็นนักเรียนในโรงเรียนเดียวกับที่ชูจิและนัตสึมิสอนอยู่ แถมยังเป็นนักเรียนในคลาสที่ชูจิเป็นครูประจำชั้นอีกด้วย!!

ชูจิเป็นผู้ชายที่อยู่กับร่องกับรอยมาตลอด หน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี อาชีพเป็นอาจารย์ ศีลธรรมสูง ไม่เคยประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง พ่อแม่ เพื่อนร่วมงาน ลูกศิษย์ ทุกคนรักชูจิหมด ทุกอย่างดูเหมือนจะดี แต่เปล่าเลย ชีวิตที่ทุกคนต่างคิดว่า perfect นี้ทำให้ชูจิเป็นคนไร้ภูมิต้านทานต่อปัญหา ชูจิมืดแปดด้านไม่รู้จะหาทางออกยังไงเมื่อฮิคาริทำท่าเหมือนพยายามจะ blackmail เขาตลอดเวลา จากที่เคยยิ้มเป็นกันเองกับลูกศิษย์ทุกคน ชูจิกลับต้องมองรอบ ๆ อย่างหวาดหวั่นว่าเมื่อไรความลับจะเปิดเผย

ตรงข้ามกับชูจิ นัตสึมิเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่ามาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในลักษณะที่นัตสึมิเป็นผู้นำมาโดยตลอด แม้ชูจิจะไม่สารภาพความจริงกับเธอ แต่ผู้หญิงฉลาดอย่างนัตสึมิก็ระแคะระคายได้เองว่ามีอะไรผิดปกติระหว่างชูจิและลูกศิษย์อย่างฮิคาริ เธอเลือกที่จะใจเย็น ไม่กระโตกกระตาก ไม่คาดคั้นความจริงกับชูจิ และเมื่อฮิคาริเผชิญหน้ากับเธอ นัตสึมิก็เพียงแต่บอกฮิคาริไปว่า "เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เพราะฉันเชื่อในตัวชูจิ"

แต่เราก็ต้องมาดูกันว่าผู้หญิงเข้มแข็งอย่างนัตสึมิจะทนเข้มแข็งไปได้ถึงแค่ไหน

ตัวละครโฆษณาว่าแสดงนำคู่โดย miura haruma (ชูจิ, bloody monday) และ toda erika (นัตสึมิ, liar game) แต่พอดูจริง ๆ แล้วอดรู้สึกสงสารเอริกะไม่ได้ >_< บทของเธอน้อยกว่า takei emi (ฮิคาริ) อย่างเห็นได้ชัด >_< แถมยังโดนให้แต่งหน้าแต่งตัวและทำผมแก่ ๆ โทรม ๆ อีก >_<

เรื่องนี้เรียกว่าเขียนมาเพื่อแจ้งเกิดให้กับ takei emi ก็คงไม่ผิด บทเธอมีอะไรให้เล่นเยอะมาก background ของตัวละครก็ซับซ้อนเหลือเกิน ปัญหาทับถมล้นตัว หน้าตาผมเผ้าก็สวยทั้งเรื่อง เรื่องนี้ใครดูแล้วไม่ชมเธอก็แปลก ทั้งเรื่องรูปลักษณ์และฝีมือ

วินาทีแรกสุดที่จขบ.(และคาดว่าหลาย ๆ คนด้วย)เห็นโฆษณาเรื่องนี้แล้ว ก็คิดว่าเฮ้ยยย เอาฮารุมะมาเล่นเป็นครูเนี่ยนะ? เมื่อปีที่แล้วยังเล่นเป็นเด็กไฮสคูลอยู่เลย แถมยังมาคู่กับเอริกะอีก ยังงี้เอริกะก็ดูแก่น่ะสิ แต่พอดู ๆ ละครไปแล้วก็เข้าใจว่า cast มาอย่างนี้ก็ถูกแล้ว เพราะในละครนัตสึมิต้อง mature กว่าชูจิมาก และเสียงและการแสดงของฮารุมะก็พอทำให้เชื่อได้ว่าเป็นครูนะ ไม่ใช่เด็กไฮสคูล

ถ้าถามว่าละครเรื่องนี้น่าดูไหม สมควรเสียเวลาว่าดูไหม จขบ.ตอบได้โดยไม่ลังเลว่า "สมควรดู" ถ้าทนความหงุดหงิดใจที่จะเกิดระหว่างดูได้ ก๊าก ตัวจขบ.เอง ดูไปถึงกลางเรื่อง ก็เกิดอารมณ์เซ็งจนอยากจะเลิกดู แต่เมื่อดูถึงตอนจบแล้วอารมณ์กลับมาแจ่มใส เพราะละครจบเรื่องได้ดี ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีการพัฒนาตัวเองอย่างน่าพอใจ สมกับชื่อเรื่องที่แปลอังกฤษได้ว่า You taught me all the important things. หลังจากได้เรียนรู้สิ่งสำคัญแล้ว ชูจิก็เป็นผู้ชายที่ดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น ฮิคาริและนัตสึมิก็เช่นเดียวกัน


ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอสรุป สิ่งที่ชอบและไม่ชอบในเรื่องเป็นข้อ ๆ ดังนี้ (จะลงรายละเอียดแล้ว ใครกลัวสปอยล์ห้ามอ่าน)

สิ่งที่ชอบ
1. ละครเน้นให้เห็นเด่นชัดว่าอาชีพครูต้อง sacrifice อะไรเยอะมากจริง ๆ ทำผิดบ้างไรบ้างถ้าเป็นอาชีพอื่น สังคมให้อภัยได้ แต่ถ้าเป็นอาชีพครู ผิดนิดหนึ่งหลุดเลยครับ คุณต้องเป็น role model ให้เด็ก ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

2. ละครมีคำพูดโดน ๆ หลายตอนมาก อย่างเช่นตอนที่นัตสึมิขอชูจิว่าอย่าไปสารภาพบาปกับทุกคนว่านอนกับเด็กนักเรียนได้ไหม เธอทนไม่ได้ที่จะมีสามีที่โดนสังคมตราหน้าแบบนั้น แต่ชูจิรับไม่ได้ ศีลธรรมของเขาบอกเขาว่าถ้าทำผิดแล้วต้องได้รับโทษ นัตสึมิพูดกับเขาว่า "ขอร้องล่ะ ช่วยเป็นคนเลวหน่อยได้ไหม เพื่อฉัน" หรืออย่างตอนที่เพื่อนหญิงของนัตสึมิโทรมาว่าชูจิว่า "รู้มั้ย ฉันเกลียดมากเลยที่เธอเป็นคนที่ทำอะไรต้องถูกต้อง 100% ทุกอย่าง ไม่ยอมเปิดช่องให้คนอื่นว่าอะไรได้เลย" คำพูดโดน ๆ มีอีกเยอะ ฉากซึ้ง ๆ น้ำตาไหลก็มีเยอะ ต้องดูเอง

3. ละครไม่ทำความรักพ่อแม่ให้สวยหรูเหมือนละครทั่วไป พ่อแม่ในละครเรื่องนี้ยอมรับเลยว่ารักลูกสองคนไม่เท่ากัน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

4. ละครไม่ได้มีแต่ character งี่เง่า เรื่องนี้ต้องขอยอมรับว่าแม้การกระทำของชูจิและฮิคาริสมควรจะโดนคนดูเรียงแถวตบก็ตาม มันก็ถูกอธิบายละเอียดในระดับหนึ่ง ทำให้คนดูพอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงเลือกทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น ทำไมถึงทำอะไรเลว ๆ แบบนั้น และที่สำคัญ ละครมีตัวละครสุดยอดอย่างนัตสึมิอยู่ อิอิ :D

5. ช่วงตอนแรก ๆ มีกลิ่นอายของ mystery ด้วย ช่วงที่นัตสึมิพยายามสืบว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นกันแน่ ทำไมชูจิหิ้วผู้หญิงมานอน ทำตัว out of character มาก ๆ ช่วงนี้ชอบมาก เพราะดูไม่จำเจดีสำหรับ genre romance drama


สิ่งที่ไม่ชอบ
1. ฮารุมะกับเอริกาไม่มี on-screen chemistry อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเอริกะแก่กว่าฮารุมะหรือเปล่า แต่เคมีของทั้งคู่ไม่ค่อยเข้ากันเลย ทั้ง ๆ ที่เล่นเป็นคู่ที่กำลังจะแต่งงานกัน ฉากที่พระเอกเข้ากับฮิคาริยังดูมี chemistry มากกว่าอีก ไม่รู้ว่าเป็นความผิดของบทด้วยส่วนหนึ่งหรือเปล่า จขบ.ไม่ค่อยสัมผัสถึงความรักที่ชูจิมีต่อนัตสึมิ

2. เรื่องดูเหลวไหลไร้สาระ much ado about nothing ในทันทีเมื่อฮิคาริเผยความจริงว่าจริง ๆ แล้วคืนนั้นไม่ได้มีอะไรกับชูจิ ซึ่งจริง ๆ แล้วคนดูส่วนใหญ่ก็คงพอเดาได้ แต่คนดูก็เซ็งอยู่ดี ว่าเรื่องและตัวละครมันงี่เง่าจนปัญหามันบานปลายใหญ่โตควบคุมไม่อยู่แล้ว ทั้ง ๆที่จริง ๆ มันแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย ณ จุดนี้คนดูจึงรู้สึกเกลียดชูจิและฮิคาริอย่างช่วยไม่ได้ ^^;;

3. ความไม่จริงใจของคนเขียนบทต่อคนดู (ก๊ากๆๆ) เพราะปูเรื่องว่าชูจิเป็นคนดีโง้นงี้ รักนัตสึมิโง้นงั้น แต่ให้การกระทำขัดแย้งกันเองเพียงเพื่อให้เรื่องเดินหน้าไปตาม plot ที่ต้องการ เช่น การที่คนมีศีลธรรมอย่างชูจิในช่วงแรก ๆ กลับพยายามปกปิดเรื่องนอนกับหญิงอื่นแถมยังเป็นเด็กนักเรียนอีก! แม้ว่าเรื่องจะหาข้อแก้ตัวให้ชูจิว่าแท้จริงเป็นเพราะกลัวนัตสึมิเสียใจก็เหอะ ฟังไม่ขึ้น เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ตอน ชูจิก็เป็นคนทำให้นัตสึมิเสียใจเองโดยเลือกที่จะปกป้องฮิคาริมากกว่าจะแคร์ความรู้สึกของนัตสึมิ คนดูก็ได้แต่งงว่าเฮ้ย ความรักหายไปไหน?

หรืออย่างซีนที่นัตสึมิประกาศว่าท้องขณะดูตัว อันนั้นก็จงใจจนเกินธรรมชาติ ปกติคนดี ๆ อย่างนัตสึมิจะฉีกหน้าผู้ใหญ่ทำไม ก็ต้องบอกล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องจัดดูตัวอยู่แล้ว ฝืนมาก ๆ เพียงเพื่อที่จะให้มีผู้ชายอีกคนหนึ่ง(ที่บังเอิญสเปริ์มไม่แข็งแรง สะดวกดีแท้)เข้ามาในชีวิตของนัตสึมิ จะได้เกิด conflict กับชูจิต่อไปแค่นั้น

4. เรื่องราวหรือตัวละครบางอย่างขาด ๆ เกิน ๆ อย่างตัวละครเพื่อนนัตสึมิจำเป็นไหมต้องให้เคยเป็นแฟนเก่าของชูจิมาก่อน? ดูจบแล้วยังงงอยู่ว่าทำไมต้องให้เป็นอย่างนั้น ตัวละครโคดามะจำเป็นมากไหมที่ต้องมี? มีเพื่อให้เล่นมุขโนโซมิ ฮิคาริ โคดามะได้งั้นหรือ? ตัวละครโนโซมิก็ออกโดด ๆ เหมือนจะเป็นเพื่อนที่ดีของฮิคาริได้ดีแล้ว แต่บทก็ทำเป็นว่าฮิคาริยังโดดเดี่ยวอยู่ ทำให้ชูจิต้องเป็นห่วง? งงพะยะค่ะ

5. คิดว่าบทแสดงความเปลี่ยนแปลงด้านความคิดของชูจิทำได้ไม่ convincing พอ จขบ.ดูแล้วเอ๋... จริง ๆ บทก็อธิบายแต่ไม่เนียน ดูกระโดดเล็กน้อย อย่างช่วงที่ชูจิเริ่มรู้สึกถึงความสำคัญของนัตสึมิ ก่อนหน้านั้นก็ดูทำงานอย่างปกติ นี่ถ้าไม่พูดออกจากปากก็คงไม่รู้ว่าอ๋อ คิดอย่างนี้หรือ หรืออย่างตอนที่ชูจิจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อฮิคาริก็ดูฉับพลันไปหน่อยเหมือนกัน เปลี่ยนที 180 องศาด้วยสิ


เรื่องอื่น ๆ ที่ชวนคิดก็เช่น ทำไมชูจิช่างเป็นคนไม่มีเพื่อนอย่างนี้ เกิดปัญหาแล้วไม่มีคนที่จะปรึกษาด้วยได้เลยหรือ? อย่างน้อยอาจารย์ที่แสนดีในเรื่อง เราก็เห็นว่ามีอยู่อีก 2 คนที่เป็นผู้ใหญ่ น่าจะสามารถปรึกษาด้วยได้

นอกจากนี้ ชูจิยังไม่คิดจะตามหาความจริงว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกด้วย ได้แต่ก้มหน้ายอมรับว่าตัวเองนอนกับนักเรียน (ทั้งที่จริง ๆ เปล่า) เหตุผลคือเพราะคิดว่าถ้าปฏิเสธจะเป็นการทำร้ายทั้งฮิคาริและนัตสึมิ เพราะจะดูเป็นผู้ชายเลว ๆ ที่ไม่รับความผิดที่ตัวเองทำ (ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้ทำ) อันนี้ก็ดูได้สองอย่าง คือไม่ heroic ก็โง่

หรือการที่ชูจิพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ให้นัตสึมิรู้ เพราะคิดว่านั่นคือการปกป้องนัตสึมิ ไม่อยากให้นัตสึมิเจ็บปวด ก็โง่คิดได้อีก ไม่เคยได้ยินหรือว่าความลับไม่มีในโลก

ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นมานั่งด่าชูจิซะงั้น

เอาล่ะ เรื่องของชูจิจบไปแล้ว ทีนี้ เราก็มารอลุ้นกันต่อไปว่าคุณใหญ่จะแก้ปัญหาได้เฮงซวยกว่าชูจิหรือเปล่า (แต่แว่ว ๆ มาว่าคุณใหญ่จะสานต่อปัญหาให้ลุกลามใหญ่โตขึ้นซะมากกว่า )



Create Date : 21 เมษายน 2554
Last Update : 21 เมษายน 2554 12:21:00 น.
Counter : 1082 Pageviews.

3 comment
Review K-drama ปี 2010
เนื่องจากเป็นคนความจำสั้น ดังนั้นต้องรีบเขียนถึงละครที่ดูไปแล้วไว้ก่อน ที่หลังถ้าไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ดูไปรึยังน้า หรือมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรน้า สนุกมั้ยน้า ฯลฯ จะได้กลับมาอ่านได้ ^^

แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เรื่องที่ดูไปหลายเดือนแล้วก็ลืมเลือนไปเยอะแล้วเหมือนกัน -_-;;

สรุปละครเกาหลีที่ดูในปี 2010
- Pasta
- Cinderella Sister
- Personal Taste
- Sungkyunkwan Scandal
- Marry Me, Mary

ห้าเรื่องเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเยอะแล้วเมื่อเทียบกับปี 2009 ที่ดูแค่ You're Beautiful ไปเรื่องเดียวเท่านั้นเอง

พูดสั้น ๆ ถึงแต่ละเรื่องดีกว่า

Pasta - ละครเกี่ยวกับนางเอกที่มุ่งมั่นอยากเป็น Pasta Chef กับพระเอกที่เป็น Chef ฝีมือดีแต่ปากจัด

เรื่องนี้ตัดสินใจดูเพราะมันเกี่ยวกับของกินที่ชอบ ค่อนข้างชอบนางเอกอยู่เป็นทุนเดิมนิดนึง (แม้จะไม่สวย แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่นะ) และเหมือนเรตติ้งในเกาหลีจะดี ในเวบละครก็ดูจะ popular ใช้ได้ ก็เลยลองดูบน streaming site ตอนนึงก่อน

ปรากฎว่าสนุกแฮะ...

การพบกันของนางเอกและพระเอกไม่ธรรมดา ไม่เชยเหมือนเรื่องอื่น ๆ
บทสนทนาระหว่างพระเอกกับนางเอกก็มีชีวิตชีวา
บุคลิกพระเอกก็แบบ... อืม นิสัยไม่ค่อยดีเลยเนอะ ^^;;
แต่นางเอกอึดเว้ย ชอบ ^^
พาสต้าน่ากินแฮะ
ฯลฯ

เลยตัดสินใจดูจนจบเรื่องเลย :)
น่ารักดี ไม่ผิดหวัง

แต่ก็ใช่ว่าละครจะดีเลิศเพอร์เฟ็คไม่มีอะไรให้บ่นเลย (บ่นตัวแม่อย่างเรา หาเรื่องบ่นได้ทุกเรื่อง) ตัวอย่างเช่น
1. ละครยาวพอสมควร ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะ 20 ตอนจบ มีเวลามากมายให้เล่าเรื่อง ตัวละครทั้งในครัวและนอกครัว(ทีมเสิร์ฟ)มีเยอะก็จริง แต่ไม่สามารถเอามาใช้ให้เต็มที่ได้เลยสักตัว แต่ละคนให้ความรู้สึกเป็นตัวประกอบจริง ๆ เราจะไม่รู้สึกผูกพันกับตัวประกอบพวกนี้เท่าไร จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ น่าเสียดายเวลา ไม่รู้มัวแต่เอาไปเล่าอะไร ฉายอะไร O_O!

2.ละครเรื่องนี้ portray บรรดาคนทำอาหารในครัวเหมือนเป็นคนใจร้าย ไม่มีน้ำใจ นิสัยไม่ดีกันแทบทุกคน ทำไมเขียนให้เป็นแบบนี้? จะบอกว่าตั้งใจจะทำให้นางเอกดูน่าสงสาร ต้องเหนื่อยทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ก็จะเกินไปไหม? อะไรจะแล้งน้ำใจกันได้เป็นหมู่คณะแบบนี้? ตอนที่ความแตกเรื่องพระเอกนางเอกชอบกัน คนในครัวนี่แสดงท่าทางราวกับว่า ไม่เคยมีความผูกพันใด ๆ กับนางเอกเลย ทั้ง ๆ ที่นางเอกช่วยทำงานหนักให้เชฟเหล่านี้มาถึงสามปีแล้ว!! โฮ้ย

3.ไร้พล็อตเป็นชิ้นเป็นอัน ละครเรื่องนี้ดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ มีเหตุการณ์โน้นนี้เกิดขึ้นแล้ว resolve ไปเป็นเรื่อง ๆ ไป ตัวละครบางตัวอย่างนางร้ายซึ่งก็ไม่ค่อยร้าย เข้าใจว่าไม่อยาก cliche อยากฉีกขนบ แต่ฉีกมากไปจนคนดูงงว่าสรุปยัยคนนี้มันต้องการอะไรกันแน่ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ งงค่ะ @_@ ตัวละครพระรองก็ขาด ๆ เกิน ๆ พอกัน

4.และเนื่องจากละครเดินไปอย่างไร้ทิศทางอย่างที่ได้กล่าวในข้อ 3. แล้ว ก็ส่งผลให้เกิดสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ละครไม่รู้จะจบยังไง อะ ก็เลยโปะมันเข้าไปท้ายเรื่องว่านางเอกจะต้องไปต่างประเทศ (ปัญหายอดฮิตที่ใช้จบละครญี่ปุ่นในสมัยหนึ่ง นางเอกและพระเอกจะต้องพรากจากกันแล้ว โอย พระเอกจะรั้งนางเอก(หรือกลับกัน)ได้หรือไม่ climax น่าตื่นระทึกจริง ๆ!)

แต่ทั้งสิ้นทั้งปวง แม้จะมีอะไรน่าขัดใจอยู่บ้าง แต่ PASTA ถือเป็นละครที่ดูสนุกใช้ได้เรื่องหนึ่ง ไม่ผิดหวังค่ะ!




Cinderella Sister (Cinderella Unni) - ละครเกี่ยวกับนางเอก(อึนโจ)ที่แม่แต่งงานใหม่เลยต้องย้ายมาอยู่กับพ่อเลี้ยงและฮโยซอนซึ่งเป็นน้องสาวเลี้ยง(ฟังดูแปลกๆ?)

เรื่องนี้จขบ.แอบงงว่าชื่อละครหมายถึงใครกันแน่
ถ้ามองในแง่ที่ว่าฮโยซอนต้องมาอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาวใจร้าย(เย็นชาใส่เธอตลอด) คนที่เป็นซินเดอเรลลาก็คือฮโยซอน แต่เห็นได้ชัดว่าตัวเอกของเรื่องนี้คืออึนโจ เพราะฉะนั้นชื่อเรื่องก็ควรเป็น Cinderella's Sister "พี่สาวของซินเดอเรลลา" ใช่หรือไม่?

แต่ในความจริงแล้วชื่อละครไม่มี 's (ในชื่อภาษาเกาหลีไม่มีตัวแสดงความเป็นเจ้าของ)

และถ้าเรามามองดูเนื้อเรื่องจริง ๆ แล้ว คนที่เป็นซินเดอเรลลาในที่นี้ ไม่ใช่ฮโยซอนหรอก เป็นอึนโจต่างหาก! เพราะแม่เลี้ยงเรื่องนี้ดันไม่สนใจไยดีลูกตัวเอง มัวแต่เอาเวลาไปคอยเอาอกเอาใจลูกเลี้ยงสารพัด!! อึนโจเลยต้องเล่นบทเป็นนางซินเวอร์ชันเก็บกดซะเอง

(สรุป Cinderella Unni หมายถึง พี่ซินเดอเรลลา คล้าย ๆ กับที่น้อง ๆ เรียก พี่โบอา ว่าโบอา ออนนี่ และเรียก พี่แทยอน ว่า แทยอน ออนนี่ ในเรื่องนี้ ฮโยซอน ก็สามารถเรียก อึนโจ ว่า ซินเดอเรลลา ออนนี่ ได้เหมือนกัน เพราะอึนโจคือนางซินในเรื่องค่ะ สรุปว่าบางเวบที่ชอบเขียนชื่อเรื่องว่า Cinderella's Sister เขียนผิดนะคะ)


เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
สนุกมากจริง ๆ
อย่างน้อยก็ช่วงที่ตัวเอกยังเป็นเด็กมัธยมกัน สนุกมากกกกกกกกกกกก
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเด็กมัธยมกันไปทั้งเรื่องซะอีก น่าเสียดาย ที่ไม่กี่ตอนก็ดันโตกันแล้ว
แล้วความสนุกก็ลดลง :'(

แต่ก็ไม่ได้แย่ แต่ละครมันหม่นหมอง มืดมน มีแต่ตัวละครเศร้าสร้อย ร้องห่มร้องไห้ หารอยยิ้มได้ยากเหลือเกิน หลัง ๆ จขบ.เลยต้องดูด้วยสปีด 2x มันจะได้จบเร็ว ๆ

โดยสรุปแล้ว ถือเป็นละครที่ดูแล้วไม่ผิดหวัง ถ้าว่าง ๆ ก็หยิบเรื่องนี้มาดูแค่ตอนต้น ๆ ที่สนุกโคตร ๆ ก็ได้ การแสดงของมุนกึนยอง(อึนโจ)ไม่ทำให้เสียเวลาดูแน่นอน!



Personal Taste - เรื่องเกี่ยวกับสาวอกหักที่จับพลัดจับผลูต้องแชร์บ้านร่วมกับหนุ่ม(หล่อมาก)ที่เหมือนจะเป็นเกย์?

สำหรับสาว ๆ ที่อยากดู romantic comedy ไม่ต้องคิดมาก หลับหูหลับตาดูเรื่องนี้ไปเลย เพราะ Lee Minho หล่อมากกกกกกกกกก :P

แต่นางเอก ซน เยจิน นี่สิ... เยจินที่เคยน่ารัก สดใส มาเรื่องนี้ ดูแก่และโทรมไปในทันใด >_< ยิ่งเข้าคู่กับหนุ่มรุ่นน้องอย่าง Lee Minho ยิ่งดูแก่ขึ้นไปอีก T-T

เรื่องกุ๊กกิ๊ก ๆ ตลก ๆ ในละครเรื่องนี้ทำได้ดี เพราะด้วยความที่นางเอกเข้าใจผิดว่าพระเอกเป็นเกย์โดยเนื้อเรื่องก็เป็นพื้นฐานที่จะทำให้มีเหตุการณ์ตลก ๆ ให้พระเอกต้องทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เสมอ ๆ แถมยังต้องมาแชร์บ้านอยู่ด้วยกันอีก ก็ยิ่งทำให้มีซีนน่ารัก ๆ เกิดขึ้นได้อย่างธรรมชาติ

แถมบ้านที่ทั้งสองคนอยู่ยังสวยมากด้วย จริง ๆ แค่ดูบ้านก็เพลินแล้ว บ้านในเรื่องเป็นสไตล์เกาหลีโบราณ (เทียบกับไทยก็คือบ้านแบบเรือนไทย) แต่ดัดแปลงให้ดูโมเดิร์น :)

เรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายที่บ้านนี้ให้ดูเก๋ ๆ เป็นฉาก background สวย ๆ เฉย ๆ แต่บ้านยังเป็น item สำคัญสำหรับพล็อตเรื่องด้วย ที่พระเอกเข้ามาอยู่ในบ้านนางเอกนี้ก็เพื่อจะค้นหาความลับในดีไซน์ของบ้านหลังนี้ (พระเอกเป็นสถาปนิก)

นอกจากตัวละครหลัก ๆ อย่างพระเอกนางเอก พระร้ายนางร้าย และบรรดาผองเพื่อนแล้ว ในเรื่องนี้ยังมีตัวละครเกย์มีอายุ(มากเท่าไรประเมินไม่ถูก)ที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องด้วย เป็นตัวละครที่ทุกคนดูแล้วต้องรักแน่นอน คิด ๆ ไปแล้วหายากมากสำหรับละครเกาหลีที่จะมีตัวละครประเภทนี้ คือส่วนใหญ่นอกจากตัวละครหลัก 4 ตัว(หญิงสองชายสอง) บรรดาผองเพื่อนและพ่อแม่แล้ว ในละครก็มักจะไม่ค่อยมีใครมีบทบาทอีกถ้าไม่ใช่ตัวตลก ^^;;

แต่ที่ถือเป็นจุดบอดของละครแบบเห็นได้ชัด เห็นจะหนีอะไรไปไม่ได้นอกจากตัวนางร้าย ดูตั้งแต่ต้นจนจบไม่เข้าใจเธอเลย และคาดว่านักแสดงที่เล่นก็คงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันต้องร้ายด้วย? กับเพื่อนที่แสนดีอย่างนางเอก ร้ายด้วยทำไม? กับแฟนนางเอกที่แย่งมาได้แล้ว อยู่ ๆ เลิกทำไม? จริง ๆ ถ้าเขียนบทของตัวละครตัวนี้ให้ดูมีที่มาที่ไป ดูว่าการกระทำมาจากกระบวนความคิดอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ว่า random จัดสักแต่เกิดมาเป็นตัวร้ายฉันก็ต้องร้าย ๆ ไปวัน ๆ เรื่องมันก็คงดูไม่แอบโบ๋ ๆ แบบนี้

โดยสรุปแล้ว Personal Taste มีอะไรที่น่ารักน่าดูเยอะ ช่วงกลาง ๆ กับท้าย ๆ ที่มีน่าเบื่อ(และบางซีนดูโง่ ๆ) บ้างก็สามารถดูให้ผ่านไปเร็ว ๆ ได้ด้วยความเร็ว 2x



Sungkyunkwan Scandal - HanaKimi, You're Beautiful, F4 ในสมัยโชซอน

หญิงสาวยากจนจับพลัดจับผลูได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนชายล้วนโดยต้องปกปิดเพศตัวเองเป็นความลับ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในสมัยเกาหลีโบราณ

ฉลาดมาก คิดได้ไง?

ตัดสินใจดูเพราะมิคกี้ยูชอน(พระเอก)อย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพลอตหรอก

แวบแรกที่อ่านพลอต(ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าทำจากนิยาย) รู้สึกว่า KBS คงอยากทำเรื่องผู้หญิงแอบอยู่ในดงผู้ชายแบบ You're Beautiful ขายวัยรุ่น แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความจำเจเลยใส่ element ของการเป็นละคร period เข้าไป จะได้ดูแปลกใหม่ เนื้อเรื่องก็คงเดิม ๆ วัยรุ่น ๆ อยู่ดี

แต่ตอนดูจริง ๆ เนื้อเรื่องมีมากกว่านั้น มันเกี่ยวพันถึงประวัติศาสตร์ ละครพูดถึงความแตกต่างระหว่างชนชั้น การที่เพศหญิงไม่ได้รับการปฏิบัติเสมอภาคกับผู้ชาย (ผู้หญิงสมัยนั้นจริง ๆ ห้ามเรียน) ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก การยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง ฯลฯ

ละครเรื่องนี้ดูโดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นละครที่ดีเรื่องหนึ่ง เห็นถึงความตั้งใจของผู้สร้างและนักแสดง เนื้อเรื่องมีการพยายามใส่สาระ และให้ความรู้ผู้ชม

แต่จขบ.ดูแล้วรู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดยังไงไม่รู้ คิดว่าเป็นเพราะอคติส่วนตัวตั้งแต่แรกที่เห็นข่าวกับโปรเจคนี้ด้วย

รู้สึกเหมือนคุณตั้งใจจะขายความบันเทิงให้เด็กมัธยมด้วยคุณลักษณะและอารมณ์เดียวกับ You're Beautiful แต่พยายามยกระดับตัวเองเป็นแดจังกึม ซึ่งพอไม่เนียนแล้วมันก็ดูหลอก ๆ

อีกอย่างนางเอกไม่ได้ดูมีความเป็นเด็กผู้ชายเลยแม้แต่น้อย ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสาวสวยเป็นกีเซง(คล้าย ๆ เกอิชา)อีกต่างหากมาชอบตามท้องเรื่องได้ งง @_@

ฉากอีกฉากที่งงเต้ก คือฉากที่พระเอกอุ้มฮโยอึน (คนที่ดูละครแล้ว ทุกคนคงงงเต้กเหมือนข้าพเจ้า) คนเขียนบทน่าจะพยายามหาทางให้เรื่องมันเป็นไปตามที่อยากจะให้เป็นโดยไม่ต้องยัดการกระทำที่อธิบายไม่ได้ให้ตัวละครทำแบบนี้

แต่นอกจากเรื่องที่ตะหงิด ๆ พวกนี้กับช่วงแรก ๆ ของละครที่รู้สึกว่าอืด ๆ แล้ว ส่วนอื่นก็ไม่ค่อยมีอะไรให้บ่น (ฮา) แต่งเรื่องได้ดีทีเดียว

นักแสดงก็เล่นได้ดีมาก ยูชอนเล่นได้ดีสำหรับเรื่องแรก ไม่ขัดหูขัดตาอะไรที่ได้รางวัล best rookie award

แต่ที่ต้องพูดถึงเป็นพิเศษหนีไม่พ้น อาอินและจุงกิในบทเจชินและยงฮาตามลำดับ เล่นได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก
(สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู เจชินและยงฮาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของพระเอกนางเอกในเรื่อง ดำเนินเรื่องไปพักหนึ่ง สี่คนนี้จะสนิทกัน รวมกันเป็น F4 สมัยโชซอน)

จขบ.ดูเรื่องนี้เพราะยูชอน แต่ดู ๆ ไปก็เริ่มเบื่อที่จะดูพระเอกนางเอก (เพราะตามบทเป็นคนน่าเบื่อกันทั้งคู่ ไม่ค่อยมีสีสัน) แล้วก็เลยมารอดูเจชินกับยงฮาเป็นหลัก ทีมงานก็ช่างรู้ใจคนดู(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาววายหรือไงไม่รู้) ใส่ gay undertone มาอย่างไม่บันยะบันยัง จนแอบงงไม่ได้ว่าเรื่องแบบนี้มา hint ออก national TV ได้ด้วยเหรอ

แล้วก็ต้องมายิ่งกรี๊ดไปใหญ่เมื่อรู้ว่าคู่เจชินกับยงฮาเป็นคู่หนึ่งที่ได้รับรางวัล best couple award ด้วย ^^;; เกาหลีล้ำไปมั้ย?? กรี๊ด (วงเล็บ คู่พระเอกนางเอกก็ได้นะจ๊ะ best couple award เนี่ย)

สรุป ถ้าอยากดูละครหวานแหวว+สาระ two in one ในเรื่องเดียว แนะนำให้ดู sungkyunkwan scandal ไม่เสียใจแน่นอนค่ะ



Marry Me, Mary! - หญิงสาวคนหนึ่งแต่งงานกับผู้ชายสองคนโดยไม่ได้ตั้งใจ(เป็นไปได้ยังไง!) ท้ายที่สุดแล้ว เธอจะเลือกใคร

ละครเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของ "หวังมาก ก็ผิดหวังมาก"

มุนกึนยอง, จางกึนซอก, คิมเจวุค + พลอตน่าสนุกโคตรแบบนั้น ออกมาเป็นละคร FAIL ได้ยังไง? ต้องขอตบมือให้คนเขียนบทจริง ๆ เธอช่าง genius

เราลองมาลิสต์สิ่งที่เธอทำให้ละครที่ส่วนผสมการันตีความน่าดูให้กลายเป็นละครที่ต้องทนดูกัน ว่ามีอะไรบ้าง
1. ใส่ตัวละครพ่อแม่ที่น่ารำคาญที่สุดในโลกเข้ามา
- พ่อนางเอก -> คนไร้ประโยชน์
- แม่พระเอก -> นอกจากไร้ประโยชน์แล้วยังขยันสร้างปัญหา ไร้จิตสำนึก
- พ่อพระรอง -> น่ารังเกียจ
เรื่องนี้ไม่มีผู้ใหญ่ได้เรื่องได้ราวเลยสักคน

2.ให้นางเอกทำตัวน่ารำคาญ แท้จริงแล้วมุนกึนยองเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ ใคร ๆ ต่างก็ยอมรับ เมื่อต้นปียังได้ดูฝีมือจาก Cinderella Sister อยู่เลย แต่เรื่องนี้ผกก.สั่งให้แสดงให้น่ารำคาญหรือไงไม่รู้ เสียงเรียก มู กยอล ลา... ยังหลอนหูจขบ.ไม่หาย

3.ให้พระเอกเป็นคนโลเล ดูไร้ความรับผิดชอบ ขาดความเป็นพระเอก - ทั้งเรื่องนี่นับไม่ถ้วนว่าพระเอกเปลี่ยนใจเดี๋ยวจะทำเพลงให้พระรอง เดี๋ยวไม่ทำให้ รวมทั้งสิ้นทั้งหมดกี่ครั้ง เอะอะมีอะไรนิดหน่อยก็จะเลิก ๆ ดูจากบทเรื่องนี้แล้ว คนดูชาติอื่นจะเข้าใจผิด(?)ได้ว่าคนเกาหลีเห็นงานเป็นเรื่องเล่น เพราะเห็นเป็นแบบนี้กันหมดเลย นางรองก็เป็น บทอื่นในเรื่องก็เหมือนกัน เดี๋ยวจะทำ เดี๋ยวก็ไม่ทำอยู่นั่นแหละ ไม่มี professional เลยสักคนใช่ไหม?

4.ให้พระรองไม่ทำอะไรเลย! พระรองไม่ทำอะไรเลยจริง ๆ มีหน้าที่อยู่ตรงนั้น จูบนางเอกเป็นครั้งคราวให้พระเอกมาเห็น จะได้งอนได้ อูย...... บทที่อุตส่าห์ปูมาอย่างดีว่าพระรองเคยรู้จักกับนางเอกตอนเด็ก ก็มีไว้เล่าเฉย ๆ จริง ๆ ไม่ได้เอามาใช้ต่ออะไรเลย แล้วมันอะไรนักหนากับประโยค "boku ga iru" ทำยังกับมีความหมายลึกซึ้ง โรแมนติกมาก ขอบอกว่าแป้กมากค่ะ

5.ให้นางรองเป็นตัวร้ายสภาพจิตไม่ปกติ จริง ๆ นะ อะไรของเธอ มาดราม่าใส่ชาวบ้านไปทั่ว ตอนแรกก็ดูดี ๆ อยู่ นึกว่านางรองเรื่องนี้จะมีอะไรให้ชื่นชมบ้าง ไม่ใช่ตัวร้ายหนึ่งมิติทั่ว ๆ ไป ซึ่งจริง ๆ แล้วนางร้ายเรื่องนี้ก็ไม่ได้ 1D จริง ๆ แหละ เพราะเธอมีมิติแอบสภาพจิตผิดปกติแถมมาด้วยเป็นมิติที่สอง น่าจะมีคนพาไปพบจิตแพทย์บ้างอะไรบ้าง

6.ตัวละครเพื่อน ๆ ทั้งหลายก็ไม่ได้ช่วยอะไรละครเลย มีไว้ให้พระเอกนางเอกมีคนคุยด้วยเฉย ๆ ไม่งั้นก็จะเป็นว่าพระเอกนางเอกต้องคุยกันเองหรือคุยกับตัวเองทั้งเรื่อง อ้อ เพื่อน ๆ มีประโยชน์อีกอย่างก็ฉากกินเหล้า ช่างเป็นเพื่อนที่ฉาบฉวย และคิดที่จะหัวเราะสนุกสนานไปวัน ๆ แค่นั้นจริง ๆ

7.บทที่เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง ไม่เดินหน้าไปไหน คือถ้าจะพูดแฟร์ ๆ แล้วก็มีการเดินหน้าอยู่บ้างในช่วงแรก ๆ เพื่อ set up เรื่อง แต่พอถึงจุดหนึ่งเนื้อเรื่องก็จะวนอยู่ที่ พระเอกนางเอกวิ่งหนีพ่อนางเอก และพระรองพยายามแก้ปัญหาที่บริษัท วนไปอย่างนี้เรื่อย ๆ จนกระทั่งละครหมดตอนที่จะต้องฉาย ก็...จบก็ได้ (เย้ ทุกคนดีใจ จบซะที)

พวกนักแสดงทั้งหลายคงรู้สึกเสียใจมาก ที่คิดผิดมาเซ็นสัญญาทำละครเรื่องนี้ เฮ้อ เสียดายเวลาและเงินทอง

เอาเข้าจริง ละครเรื่องนี้เปรียบเหมือนเป็น showcase ของกึนซอก เธอได้แสดงความสามารถในการร้องเพลง ได้เผยเรือนร่างอรชรและผมสลวยสวยเก๋

เออ ว่าไปแล้ว สิ่งที่รู้สึกประทับใจสิ่งเดียวในเรื่องนี้ คือ การที่ให้พระเอกมีความสุขที่สุดเวลาได้ทำทรีทเมนท์ผม ไอเดียบรรเจิดและ unique มาก :)

ทั้ง ๆ ที่คณะนักแสดงและพล็อตน่าจะดึงดูดคนดูได้ไม่ยาก แต่ละครเรื่องนี้ก็เรตติ้งตกต่ำมาก (ด้วยหลายสาเหตุดังที่ได้กล่าวไปแล้ว) ประมาณกลางเรื่องถึงกับมีการเปลี่ยนตัวคนเขียนบท แต่ในเมื่อละครมันเละตุ้มเป๊ะขนาดนั้นไปแล้ว มันก็สายไปแล้วล่ะ

verdict : stay away at all cost อย่าไปดูมันเลย




Create Date : 09 มกราคม 2554
Last Update : 9 มกราคม 2554 17:11:04 น.
Counter : 1593 Pageviews.

3 comment
My Best 3 & Worst 3 J-Drama 2010
ปี 2010 ถือเป็นปีที่เราดูละครญี่ปุ่นเยอะมากปีหนึ่ง รวมทั้งหมด 15 เรื่อง (ไม่รวมอีกจำนวนหนึ่งที่เลิกดูกลางเรื่อง)

อืม... คิด ๆ ไปแล้วก็ไม่เยอะเท่าไรแฮะ ตกประมาณเดือนละเรื่องนิด ๆ เอง แต่ทำไมรู้สึกเหมือนดูละครอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้แฮะ o_O;;

ยังไงก็แล้วแต่ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2009 ที่ดูไป 12 เรื่อง ก็ถือว่าปริมาณเยอะขึ้น แต่กลับหาเรื่องที่ชอบมาก ๆ ได้ยากเย็นเหลือเกิน ถือว่าเป็นปี FAIL ของละครญี่ปุ่นสำหรับเราเลยทีเดียว T-T

ถ้าพูดถึง BEST 3 ปี 2009 ล่ะ ไม่ต้องคิดมาก ลิสต์ได้ทันที
1. Liar Game 2
2. Love Shuffle
3. JIN

และเพื่อให้เห็นเปรียบเทียบได้ชัดเจน ขอลิสต์รายชื่อละครญี่ปุ่นที่ได้ดูในปี 2009
- Voice
- Mei-chan no Shitsuji
- Love Shuffle
- Zeni Geba
- Atashinchi no Danshi
- Yako no Kaidan
- MR.BRAIN
- The Quiz Show 2
- Liar Game 2
- Real Clothes
- Ohitorisama
- JIN




กลับมาดูละครที่ได้ดูในปี 2010 กัน มีดังต่อไปนี้ค่ะ
- Nakanai to Kimeta Hi
- Magerarenai Onna
- Tsuki no Koibito
- Sunaoni Narenakute
- Shinzanmono
- Hotaru no Hikari 2
- GOLD
- Nagareboshi
- Freeter ie wo kau
- Guilty
- Ogon no Buta
- SPEC
- Q10
- Juui Dolittle
- Reinoryokusha Odagiri Kyoko no Uso

เอาที่ Worst 3 กันก่อน
1. Tsuki no Koibito
2. Sunaoni Narenakute
3. Nakanai to Kimeta Hi

จะว่าไปแล้วเรื่องที่เราหวังมากเราก็ผิดหวังได้มากเช่นกัน เป็นเรื่องธรรมดา ขอกล่าวขยายย่อ ๆ สำหรับแต่ละเรื่องว่าผิดหวังตรงไหน

1. Tsuki no Koibito - ตอนแรกไม่ได้คิดจะดูละคร romance เรื่องใหม่ของทาคุยะเลย จริงอยู่ที่เราดูละครทาคุยะมาหลายเรื่อง คิดไม่ออกว่ามีเรื่องไหนที่ไม่ได้ดูบ้าง คิดว่าน้อยมาก ๆ ตั้งแต่ยุคเก่า ๆ อย่าง long vacation, love generation, beautiful life, hero, good luck, pride, engine, million stars falling from the sky, kereinaru ichizoku เรื่อยมาจนถึงยุคใหม่ ๆ หน่อยอย่าง mr. brain, change ดูหมด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นแฟนทาคุยะแต่อย่างใด นี่ขนาดไม่ได้เป็นแฟนนะเนี่ย ดูเป็นสิบ แต่คิดว่าแฟนละครญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างเรา คือถึงแม้จะไม่ได้เป็นแฟนทาคุยะ แต่ก็ได้ดูละครของเขาเยอะ เพราะเห็นชื่อก็การันตีว่าละครไม่แย่แน่นอน

แต่ tsuki no koibito แย่! แย่ได้อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าละครญี่ปุ่นแย่ได้แบบนี้เลยเหรอ T-T
ขอสารภาพว่าดูละครเรื่องนี้เพื่อ matsuda shota (ตามกรี๊ดมาจาก liar game) และทนดูจนจบเพื่อดูว่าตัวละครของ shota จะมีอะไรให้ดูให้ตื่นเต้นให้ชื่นชมไหม

ดูละครเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่าละครญี่ปุ่นเขียนบทไปตอน ๆ โดยไม่ได้วางเค้าโครงพล็อตหลักหรือยังไง? หรือถ้าวางก็วางคร่าวมาก ๆๆๆ คุณทำละคร romantic ไม่ได้ทำ suspense thriller ถ้าคนดูดูแล้วไม่เข้าใจความรู้สึก ความคิดของตัวละคร ไม่สามารถ identify กับตัวละคร การกระทำของตัวละครดูไม่น่าเชื่อถือ mysterious เหลือเกิน จนคนดูไม่อยากเอาใจช่วย ไม่รักตัวละคร แล้วจะทำละคร romantic ไปทำไมคะ?

เข้าใจว่าตั้งใจทำให้มันคลุมเครือ ไม่อยากให้มัน predictable แต่นี่มันเกินไปไหม มัน random จนคนดูเกิดความรู้สึกว่า เออ จบยังไงก็ได้เว้ย ขอให้จบเร็ว ๆ แล้วกัน จะได้เอาเวลาไปดูเรื่องอื่นล้างตา(ซักที) :P

สำหรับคนที่ผิดหวังอยากดู romance แต่กลับได้ดู mystery แทน แนะนำให้ดู Nagareboshi ล้างตาค่ะ



2. Sunaoni Narenakute (spoil แหลก) - เรื่องนี้โคตรหวังแห่งปี ที่สุดแห่งยอดคาสต์ จูริ & เอตะ แสดงนำ ฝันที่เป็นจริง(ซักที) แถมมี eye candy อย่าง tamayama tetsuji และ jejung TVXQ แถมมาอีก (แม้ว่ารายหลังอาจทำให้ต้องลุ้นอยู่บ้างว่าจะแสดงออกมาไหวไหม)

ขอมอบรางวัลสุดยอดเสียดายคาสต์แห่งปีให้กับเรื่องนี้ค่ะ (ส่วนฝั่งละครเกาหลีขอมอบรางวัลนี้ให้กับ marry me, mary)

เรื่องนี้ไม่ต้องด่าอะไรอย่างอื่น ด่าบทเนี่ยแหละ ไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนโดย Kitagawa Eriko คนเดียวกับที่เขียน series สุดเลิฟอย่าง Orange days คาดว่าเจ๊สภาพจิตใจไม่ปกติอย่างแรงตอนเขียนเรื่องนี้ หวังว่าเรื่องหน้าจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้

เป็นละครที่เหมือนจะ modern เพราะมีการใช้ twitter เป็นสื่อสำคัญในเรื่อง แต่เชื่อหรือไม่ เนื้อเรื่องเชยมากค่ะ

อีกอย่างในเรื่อง เจ๊ใช้ twitter ราวกับ group chat น่าแปลกใจว่าบรรดาตัวละครห้าตัวในเรื่องที่ทุกคนต่างมีปมในใจเนี่ยอยู่ ๆ มาทำตัว group chat ใน twitter กันได้อย่างไร ยกเว้นตัวพีชที่นางเอก(ฮารุ)เป็นคนดึงเข้ามาทีหลัง ไอ้สี่คนแรกนี่อยู่ ๆ มันมาหากันเจอใน twitter ได้ยังไงหรือ? o_O แล้วก็คุยกันไปมาอยู่ไม่กี่คนนี่แหละ ไม่ต้อง twitter ก็ได้นะ

จากการติดตามข่าวสาร (คาดหวังมากก็ invest มาก) พบว่าเจ๊เอริโกะไม่เคยเล่น twitter มาก่อน ก็มาเริ่มเล่นเพราะจะต้องเขียนบทเรื่องนี้แหละ พอละครออนแอร์ตอนแรกเท่านั้นแหละ ชาวญี่ปุ่นรุมกันด่าเจ๊ทาง twitter จนเจ๊ต้อง set private บล็อกคำด่าเลยทีเดียว ที่เค้าด่าก็เพราะเจ๊เขียนบทราวกับว่า twitter เป็นสื่อใช้หาคู่สำหรับคนมีปัญหาหรืออะไรทำนองนั้น เป็นการให้ไอเดียผิด ๆ กับคนดู (ตอนละครออนแอร์ใหม่ ๆ twitter ยังไม่บูมในญี่ปุ่นเท่าตอนนี้)

ข้อเสียอีกอย่างของเรื่องคือ หาตัวละครที่น่ารัก เป็นกำลังใจให้คนดูดูต่อไปได้ยากเหลือเกิน แต่ละคนเลือกทำอะไรแต่ละอย่างน่าหงุดหงิดทั้งนั้น แม้แต่ตัวละครที่มีเสน่ห์ที่สุดในเรื่องอย่างนากาจิ(เอตะ) ที่แทบทุกคนในเรื่องมาหลงรักจนน่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "มะรุมมะตุ้มรุมรักนาคาจิ" เนี่ยก็ยังเป็นคนที่แย่มากๆๆๆๆๆๆ เป็นชู้กับเมียชาวบ้านเขาแล้วยังมา flirt กับฮารุ(จูริ)อีก กรำ

ละครยังเต็มไปด้วยการดำเนินเรื่องที่แปลก ๆ เช่น พีชฆ่าตัวตาย ทุกคนบินมาหาที่โรงพยาบาลในทันที ราวกับเป็นเพื่อนสนิทเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม เฮ้ ได้ข่าวว่าเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์? แต่ก็แปลกเช่นเดียวกันที่เหมือนจะแคร์กันปานนั้น แต่ทันทีที่หมดซีนเยี่ยมที่รพ. ทุกคนก็ลืมสิ้นว่าพีชมีปัญหา ไม่เห็นมีใครพยายามจะช่วยหรือถามไถ่เท่าไรเลย (แม้แต่ฮารุที่เป็นเพื่อนสนิทมานานก่อนหน้านี้แล้ว)

เรื่องเกี่ยวกับน้องชายนางเอกและนักเรียนโรคจิตที่โรงเรียนที่ฮารุสอนอยู่ก็เหมือนกัน ปูเรื่องมาซะอย่างดี ให้เวลากับมันอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก สุดท้ายเป็นการ set up เพื่อให้ฮารุโดนทำร้าย เพียงเพื่อจะเปิดโอกาสให้ doctor(เจจุง)มาทำตัวเป็น hero ช่วยชีวิต จะได้ทำให้เนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้าได้ตามที่คนเขียนบทต้องการ (ซึ่งก็คือการจับคู่ฮารุ+doctor เพื่อเป็นอุปสรรคต่อคู่พระเอกนางเอก) แค่นั้นเองเหรอ? กรำ

ยังมีเรื่องให้ด่าอีกเยอะสำหรับเรื่องนี้ แต่พอก่อนดีกว่า เหนื่อย

สำหรับคนที่อยากดูเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนช่วยกันแก้ปัญหาของกันและกัน แนะนำให้ดู magerarenai onna จะได้รับสิ่งที่ต้องการมากกว่าเรื่องนี้เยอะค่ะ


3. Nakanai to Kimeta Hi - เรื่องนี้ depressing มาก นางเอกเป็นพนักงานใหม่เพิ่งจบหมาด ๆ และโดนรุมแกล้งในที่ทำงาน ใช้คำว่ารุมแกล้งฟังดูน่ารักน่าเอ็นดูไงไม่รู้ ในความเป็นจริงคือแกล้งกันปางตายเลยทีเดียว

จะว่าเรื่องนี้มันหดหู่เราเลยให้คะแนนมันน้อยก็ไม่ใช่ จริงอยู่มันทนดูได้ลำบากเพราะบรรยากาศมืดมน เนื้อเรื่องทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ถ้าจะให้ชี้นิ้วจริง ๆ มันก็กลับมาที่บทอีกอยู่ดีนั่นแหละ

บทไม่ได้แสดงให้เห็นความคิด ความเป็นมาของตัวร้าย (ทั้งตัวเป้ง และตัวจิ๋ว ๆ ทั้งหลาย)เท่าที่ควร ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เฮ้ย ทำไมมันต้องทำถึงขนาดนั้นวะ คนเราอะไรมันจะเลวได้สุด ๆ ปานนั้น พ่อนางเอกเคยฆ่าพ่อแม่พวกมันหรือไงวะ ทำไมไร้ความเป็นคนเยี่ยงนี้

ในชีวิตนี้เราก็เคยเจอคนไม่ดีมาบ้าง แต่ไม่เคยเจอพร้อมหน้ากันเป็นหมู่คณะในบริษัทเดียวกัน แผนกเดียวกัน(หรือติดกัน)แบบนี้ @_@

และในการแก้ conflict ของเรื่อง ทำได้ไม่ค่อยน่าพอใจ ดู ๆ ไปแล้วคนดูจะงงว่าบทของคานาเมะ จุนนี่มีเทวดาเข้าสิงหรืออย่างไร ทำไมเป็นพ่อพระได้ขนาดนั้น

กับพวกตัวเลวทั้งหลาย ไม่ต้องเจอของแข็งเลยใช่ไหม? แต่ละคนนี่พอตาสว่าง กลับตัวเป็นคนดี(?) นี่ทำยังกับว่าสิ่งแย่ ๆ ที่เคยทำกับนางเอกนี่แค่อะไรเบาะ ๆ อย่างเช่น เดินเหยียบเท้า ยังไงยังงั้น

ถ้าดูเรื่องนี้แล้วไม่พอใจไม่สะใจกับบทสรุปของเรื่อง แนะนำให้ดู Guilty ล้างตาค่ะ



บ่นเยอะแล้วมาชมบ้าง :P
Best 3
1. -
2. -
3. -

ไม่มี!! ปีนี้ไม่มีเรื่องที่ชอบอย่างแรงเลยสักกะเรื่อง!

แต่เพื่อไม่ให้น่าเกลียด เราจะพยายามใส่ยัดเข้าไปแล้วกัน
Best 3 (Take 2)
1. Shinzanmono
2. Magerarenai Onna
3. GOLD

คือปกติเนี่ย อย่างปีที่แล้วก็ตาม Best3 ของเราไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดหรอก แต่เป็นเรื่องที่เราชอบที่สุด ชอบแล้วอยากดูซ้ำด้วย แต่ในปีนี้ไม่ค่อยมีเรื่องที่อยากดูซ้ำเลย เรื่องหลายเรื่องที่ได้ดูในปีนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่ ถือว่าเป็นละครดีหลายเรื่อง แต่ไม่ได้กินใจ โดนใจถึงขนาดจะอยากเอามาดูอีก

Shinzanmono, Magerarenai Onna เป็นละครที่ solid บทดี การแสดงดี ทุกอย่างดี ถ้าอยากดูละครของปีที่แล้วแต่ไม่รู้จะดูอะไร ขอให้ดู shinzanmono เป็นตัวเลือกที่ save ที่สุด ยกเว้นเป็นคนขี้เบื่อ ต้องการอะไรเร้าใจตลอดเวลา ก็อาจจะหลับก่อน

Magerarenai Onna อาจจะเสี่ยงกว่าเล็กน้อย เพราะบางคนอาจจะรับ character นางเอกไม่ได้ สุดโต่งเกินไป เรื่องนี้เป็นละครที่ไม่เน้นความรัก ไม่มีปมปริศนาให้ค้นหา เน้นเรื่องการใช้ชีวิตกับอุดมการณ์ ศักดิ์ศรี ใครที่คิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่น่าสนใจก็ขอให้ข้ามไป

GOLD เรื่องนี้ชอบมากจนกระทั่งละครเริ่มเข้าช่วง 1/4 สุดท้าย ละครเขียนบทโดย Nojima Shinji (Love Shuffle, Bara no nai Hanaya, Koukou Kyoushi 2003, etc.) ซึ่งบทที่เขาเขียนจะออกแนว creative แหวกกว่าชาวบ้าน และมักจะเดาตอนจบไม่ได้ด้วยสิ

แต่เรื่อง GOLD นี้ Nojima ล้ำไปกว่านั้น คือไม่เพียงเดาตอนจบไม่ออกเท่านั้น ดูไป 3/4 ของเรื่องแล้วยังเดาไม่ออกด้วยว่าเรื่องจะสื่ออะไร ดูไปจะบ่นไปว่า "จะทำอะไรของแกวะ! ตูงง!" แต่ด้วยศรัทธาที่มีต่อผู้เขียนบทเราก็จะดูด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่ามันจะต้องสรุปได้อย่างสวยงาม คุ้มค่าแก่การงงแน่นอน

แต่เมื่อดูจบแล้ว หักมุมกว่าเก่า คือยังงงต่อไปนั่นเอง "อะไรของแกวะ โนจิมา!"

เข้าข่าย หวังมาก ผิดหวังมาก...

แต่สิ่งที่ทำให้ GOLD ยังได้อยู่ข้างล่าง ไม่ได้ลอยขึ้นไปติดอันดับ Worst 3 กับเพื่อน ๆ ข้างบนก็เพราะ
1. บทสนทนาตลก ๆ ระหว่างยูริและเลขา
2. เลคเชอร์ยาว ๆ ของยูริที่มีแทบทุกตอน ชอบมาก โดนใจ กล้าดี

- ขอจบการบ่นแต่เพียงเท่านี้ (รู้ตัวว่าไม่ค่อยได้ชมอะไร) -



Create Date : 03 มกราคม 2554
Last Update : 3 มกราคม 2554 16:08:20 น.
Counter : 1808 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  

lulla
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



Group Blog
All Blog