• Miniature ของสะสม ชิว ชิว
• Gallery ขนาดเล็ก
• สอย Animature เข้ากรุ

Miniature จิ๋ว จับสัตว์ใส่ไว้ในไข่ หนึ่งใน Minature ที่มีผู้นิยมมากที่สุดในโลก และในประเทศไทย คือ Miniatureในตระกูลสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น นก ปลา หมา แมว แมลง ช้าง ม้า วัว ลิง เก้ง เรียกว่า มากมายสุดพรรณาครับ เฉพาะแบรนด์หลักอย่าง Choco Egg และ ChocoQ ก็มีเจ้าสัตว์ป่า และสัตว์แเลี้ยงย้อส่วนรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 500 แบบ ไหนจะมีผู้ผลิตอื่นๆ เช่น Yujin, Bandai, Kabaya แม้กระทั่งพิพิธภัณพ์สัตว์น้ำ และสวนสัตว์เอง ก็ผลิตชิ้นงานรูปสัตว์ออกมา สาเหตุที่ Miniature ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ก็ต้องให้เครดิตกับบริษัท Kaiyodo เขาครับ เพราะ Kaiyodo เป็นผู้ริเริ่มในการสร้าง Business Model ในการผลิต Miniature เหล่านี้ในรูปของแถม ที่มากับน้ำอัดลม ขนบขบเคี้ยว และสารพัดสินค้าที่สนใจ คนญี่ปุ่นที่มีสายเลือดนักสะสมอยู่ในตัว สามารถหาซื้อของเหล่านี้มาสะสมได้ง่ายๆ เพียงแค่เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ 7-11 เท่านั้น กลับมาที่เจ้าสัตว์ตัวน้อยทั้งหลายนั้น ได้เริ่มต้นผลิตมาก่อนปี ค.ศ.2000 (ย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวจุดกำเนิดของ Miniature ได้ที่หัวข้อ Choco Egg, ChocoQ คุณค่าที่มากกว่าของสะสม) จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการผลิตอยู่อย่างต่อเนื่องครับ โดยผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานการปั้น Miniature รูปสัตว์เกือบทั้งหมดนั้นเป็น ฝีมือของนักปั้นที่ชื่อ Shinobu Matsumura ครับ ซึ่ง Shinobu นั้นเป็นนักปั้นในสังกัดของ Kaiyodo ที่มีผลงานรูปสัตว์ที่โดดเด่นมากครับ ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตเจ้า Miniature ก็ดีขึ้น รูปแบบต่างๆ ความสวยงาม และการลงสี ก็ดีขึ้น สนนราคาก็แพงขึ้น แต่ความนิยมในการสะสมไม่ได้ลดลงเลยครับ อย่างล่าสุดชุดสวนสัตว์ที่เพิ่งวางตลาดไป ก็โดนใจนักสะสมเป็นอย่างมาก สนใจเรื่องราวของนักสะสม Miniature ก็ตามอ่านได้ในตอนต่อๆ ไปครับ   Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551     Last Update : 26 พฤศจิกายน 2551 17:58:44 น. Counter : 1039 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Miniature โลกของงานศิลป์ขนาด 3 นิ้ว Miniature หรือ ของสะสมย่อส่วนนั้น กำลังเป็นที่นิยมสะสมกันอย่างแพร่หลายของนักสะสมชาวญี่ปุ่น โดยมีต้นกำเนิดเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว จากบริษัทผู้ผลิตงานปั้นกลุ่มหนึ่งที่เล็งเห็นถึงค่านิยมและความเปลี่ยนแปลงในสังคมว่า ของสะสมที่บรรดาเด็กวัยนรุ่นสะสมกันอยู่ไม่ว่าจะเป็น Figure Model หรือ Garage kit นั้นนอกจากจะมีราคาแพงแล้ว ยังมีขนาดใหญ่โต ยากแก่การเก็บรักษา ทำให้ตลาดของของเล่นของสะสมในกลุ่มนี้ ไม่เติบโตเท่าที่ควร ประกอบกับในการทำชิ้นงานแต่ละชิ้นต้องใช้เวลานานในการ ออกแบบ ปั้น ตกแต่ง และลงสี ขณะที่ผู้ซื้อเองก็มีปัญหาในการสะสม เพราะสินค้ามีราคาแพง และสินค้าบางส่วนเช่นการาจคิท ยังต้องอาศัยฝีมือของผู้ซื้อในการตกแต่งรายละเอียดและลงสีอีกด้วย ในยุคนั้นมีผู้ประกอบการร้านของเล่นกลุ่มหนึ่ง นำโดย Osamu Miyawaki ได้ริเริ่มแนวคิดในการทำของเล่นที่มีขนาดเล็กลง มีราคาจำหน่ายไมสูง และลงสีสำเร็จ ซึ่งเป็นการกรุยทางสู่ตลาดของสะสมยุคใหม่ ซึ่งปรากฎว่า บรรดานักสะสมญี่ปุ่นให้การตอบรับดีมาก สินค้าของ Osamu ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทุกอย่างดูจะราบรื่นกระทั่งมีเสียงก่นด่า ากบรรดาผู้ปกครองที่ทนเห็นเด็กๆ ใช้เงินซื้อของ Osamu จนไม่กินข้าวกินปลาไม่ไหว จึงก่นด่ากันทั้งเมือง เดือดร้อนไปถึง Osamu ผู้แม่ต้องอบรมลูกชายขนาดใหญ่ ให้เลิกทำกิจการนี้ซะ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้สังคม ตอนนั้น Osamu ไม่เป็นอันทำอะไรไป 2-3 ปี จะเริ่มทำงานแม่ก็ด่า เด็กๆ ก็มามุงซื้อสินค้าเต็มร้าน กระทั่งวันหนึ่ง Osamu ก็ปิ้งไอเดียในการทำธุรกิจใหม่ โดยปรับปรุงคุณภาพของสินค้าที่ขายให้มีคุณภาพระดับสูง มีความละเอียด สวยงาม สมจริง และยังใส่ใจกับคุณภาพในการลงสีให้ได้คุณภาพของงานที่ดี พร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพ Osamu ก็ได้ปรับราคาของสินค้าขึ้น โดยหวังจะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายในการสะสมจากกลุ่มเด็กเป็นกลุ่มวัยรุ่น และผู้ใหญ่ นั่นจึงเป็นความสำเร็จ และเป็นที่มาของตลาดของสะสมแนวใหม่ที่เรียกว่า Miniature Miniature นั้นมีด้วยกันมากมายหลายชนิด จะเรียกว่ามีจนนับไม่ถ้วนก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าของอะไรก็ถูกผลิตออกมาในลักษณะย่อส่วนได้ทั้งนั้น แม้กระทั่ง หอเอนปิซ่า ปิรามิดแห่งกิเซ กำแพงเมืองจีน หรือกระทั่งเกาะญี่ปุ่นทั้งเกาะ ก็ยังถูกทำออกมาเป็นเจ้า Miniature ขนาด 3 นิ้วนี้ หรือกระทั่งของที่ไม่มีจริงในโลกจินตาการของศิลปินก็ยังก้าวล้ำไปถึง และได้หยิบฃจินตนาการเหล่านั้นถ่ายทอดออกมาเป็น miniature อีกด้วย สำหรับในเมืองไทยนั้น Miniature ได้เข้ามานานมากกว่า 5 ปีแล้ว โดยมีตลาดใหญ่อยู่ที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง และอาคารภิรมย์พลาซ่า วังบูรพา ใครที่อยากมีจิตนาการย่อส่วนไว้เก็บเป็นคอลเล็คชั่นของตัวเอง ก็ไปเลือกดูเลือกชมได้ เอส Lovetoys   Create Date : 25 พฤศจิกายน 2551     Last Update : 25 พฤศจิกายน 2551 16:57:48 น. Counter : 279 Pageviews.   0 comment Share Tweet

Kaiyodo กับ 3 เกจิอาจารย์ในงานศิลป์ Kaiyodo อาจเป็นชื่อที่คนส่วนใฆญ่ไม่รู้จัก แต่ในวงการของสะสมแล้ว Kaiyodo เป็นเสมือนเทพเจ้าผู้จัดประกายของการสะสมให้เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น และกำลังสร้างกระแสผู้รัก และคลั่งไคล้งานสะสมไปทั่วโลก Kaiyodo Figure Museum Kurokabe Kaiyodo เป็นบริษัทของญี่ปุ่นผู้ผลิต figture ผู้หญิง และแนวการาจคิทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น Kaiyodo เป็นต้นแบบร้านค้าขนาดเล็กในญี่ปุ่นที่สามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี ปัจจุบันเป็นผู้จำหน่าย Figurines ส่งออกไปขายทั่วโลกจากจินตนาการ โดยงานทั้งหมดผลิตขึ้นจากจินตนาการของผู้ออกแบบงานปั้น โดยไม่มีงานการ์ตูนพื้นฐานรองรับแต่อย่างใด ชื่อของผู้สร้างสรรค์ผลงานช่อดังอย่าง BOME เจ้าของผมงาน Figure รูปตัวละครผู้หญิง หรือที่เรียกกันว่า Figurines ได้เข้าไปอยู่ในใจนักสะสมของไทยอย่างมาก (หากใครนึกไม่ออกให้ดูตามภาพประกอบครับ) ไม่แพ้นักสะสมญี่ปุ่น ด้วยสนนราคาที่ไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับแอคชั่นที่สวยงาม คุณค่าในเชิงศิลป์แบบนู๊ดๆ ที่ครองใจวับรุ่นแล้ว ผลงานของ BOME ทุกชิ้นจึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในไทยเองร้านค้าโมเดลทุกร้าน จะมีผลงานของ BOME วางขายครับ แต่น้องๆที่สนใจอย่าไปถามหางานของ BOME นะครับ ให้ลองถามถึงฟิกเกอร์จากค่าย Kaiyodo ครับ เพราะแทบทุกชิ้นในแนว Figurines เป็นฝีมือการปั้นของตา BOME ทั้งสิ้นครับ นอกจากตา BOME แล้วนักปั้นระดับปรมาจารย์อีกท่านที่เป็นที่ถูกใจของผมอย่างมากคือตา Shinobu Matsumura ตาชิโนบุนี้ เป็นอีกหนึ่งตำนานของ Kaiyodo ในฐานะเจ้าของผลงานประเภท Miniature รูปสัตว์ทั้งหลาย หรือที่บรรดานักสะสมเรียกกันติดปาก ว่า Choco Egg และ ChocoQ ผลงานของตาชิโนบุนี้ สร้างความคลั่งไคล้ถึงขั้นพลิกโฉม วงการสะสมของญี่ปุ่น (ญี่ปุ่นเรียก Japanese Storm) เพราะเป็นผู้หนึ่งในกลจักร สำคัญที่สร้างกระแสให้บรรดานักะสม Figure หันมาสนใจงานศิลป์ขนาดเล็ก หรือ Miniature สำหรับผมแล้ว ตาชิโนบุนี่ เป็นขวัญใจเลยครับ นักปั้นอีกคนหนึ่งที่ผมอยากพูดถึงเป็นคนสุดท้ายในช่วงนี้คือ Takayuki Takara ตานี่ดูจะไม่ค่อยโดดเด่นสักเท่าไร ถ้าเทียบชื่อชั้นกับ 2 คนแรก ผลงานของ Takayuki จะออกไปทางแนวทางสยองขวัญมากกว่า โดยผลงานโดดเด่นที่ผมชื่นชอบคือ ชุด Japanese Ghost หรือ ผีญี่ปุ่นนั่นเองครับ ส่วนเหตุ และผลที่ชอบนั้น ก็เพราะเหตุผลเดียวคือ มันเท่ห์มากครับ ที่สามรรถแปลงจินตนาการของคนเฒ่าคนแก่ ออกมาเป็นตัวละคร 3D ได้อย่างสมจริง ด้วยสีสันที่สวยงาม ทั้ง 3 คนนี้ เป็นนักปั้นที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุคนี้ของ Kaiyodo ครับ แล้วไว้ผมจะเอาเรื่องราวอยางละเอียดของ Kaiyodo และนักปั้นทุกคนมาเฉลยให้ทราบครับ   Create Date : 24 พฤศจิกายน 2551     Last Update : 25 พฤศจิกายน 2551 17:05:22 น. Counter : 416 Pageviews.   1 comment Share Tweet

กว่าจะมาเป็นเจ้าตัวเล็กในไข่ เคยสงสัยไหมครับว่าทำไม Choco Egg ของเราแต่ละตัวทำไมถึงมีราคาแพงนักหนา ทั้งที่แต่ละตัวก็ขนาดแค่กะเปี๊ยก...เคยรู้ไหมครับว่า Choco Egg ที่เราเก็บกันนั้น เป็นที่นิยมอย่างมากของหมู่นักสะสมญี่ปุ่น และรู้ไหมครับว่ากว่าจะมาเป็นของสะสมที่อยู่ในชั้นโชว์ของเพื่อนๆ นั้น Choco Egg ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนมากมาย วันนี้เรามาดูขั้นตอนผลิต Choco Egg กันว่า เจ้า Choco Egg ตัวเล็กๆ ที่เราเห็นนั้น ผ่านกระบวนการและขั้นตอนที่ซับซ้อนมาอย่างไร หลังจากที่บรรดาเกจิอาจารย์ ผู้สร้างสรรค์งานปั้นหน้าตาน่ารักออกมาแล้ว ก็จะถูกจับมาแยกส่วนเป็นชิ้นๆ เพื่อนำมาจัดทำเป็นบล๊อกแม่พิมพ์ และหล่องานด้วยเรซิ่นชั้นดี ซึ่งจะทำให้ได้เนื้องานที่ละเอียด ครบทุกรายละเอียด พร้อมที่จะไปจัดทำสี เพื่ออกมาเป็นชิ้นงานสำเร็จที่เราเห็นกัน 1.อุปกรณ์ในการแยกชิ้นส่วน Choco Egg ถุงขาวๆ คือดินญี่ปุ่น กล่องเขียวๆ คือดินในการปั้นแบบครับ และกล่องที่ตีตรา Tamiya คือ Putty ที่ใช้สำหรับแต่งชิ้นงานให้เรียบร้อย 2.เห็นมีดแล้วอดเสียวไม่ได้ ใครอยากชำแหละเจ้าตัวน้อยที่บ้านก็ตามสะดวกนะครับ ผมขอบาย กระป๋องข้างๆ คือสีรองพื้นครับ สำหรับใช้เช็คพื้นผิวของงาน ว่าเรียบเนียนตามต้องการหรือยัง 3.เอาชิ้นส่วน Choco Egg ที่แยกชิ้นแล้ว มาทำบล๊อคแม่พิมพ์ซิลิโคน -ในรูปคือขั้นตอนการทำพิมพ์ซิลิโคน 4.ทดลองหล่อดูเลย ว่าได้ชิ้นงานละเอียดตามที่ต้องการไหม เรซิ่นไหลสะดวกเข้าไปในทุกชิ้นส่วนหรือไม่ 5.อ๊ะ...นี่คือ Choco Egg ต้นแบบที่พร้อมจะบินไปเที่ยวเมืองจีนแล้วครับ 6.พอถึงเมืองจีนแล้วก็เอา Choco Egg ต้นแบบ จัดทำเป็นแม่พิมพ์ แล้วหล่องานด้วยเรซิ่นออกมาเป็นจำนวนมาก 7.ถึงขั้นตอนลงสี จะเห็นว่าลงสีเป็นรายตัวเลยครับ เรียกว่าเป็นงาน Hand Made ใช้คนงานในการผลิตเป็นจำนวนมาก 8.จากนั้นจึงเข้าไปอยู่ในไข่ หุ้มด้วยช๊อกโกแลต วางอยู่บนแผง ให้เพื่อนๆ ไป ล้วง แคะ แกะ เกา เอามาเป็นเจ้าของ ทั้งหมดก็ด้วยประการชะนี้แล.... By : เอส Lovetoys   Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551     Last Update : 24 พฤศจิกายน 2551 17:34:02 น. Counter : 235 Pageviews.   1 comment Share Tweet

Choco Egg, Choco Q คุณค่าที่มากกว่าของสะสม (2) ทีมสืบสวนของไคโยโด ที่ส่งออกไปค้นหาความจริง ได้ความว่า.... แรกเริ่มเดิมทีนั้น Choco Egg ไม่ได้ขายดีขนาดที่ต้องมีการทำสินค้าเพิ่มแต่อย่างใด จนกระทั่งมีอจารย์ด้านชีววิทยาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ซื้อ Choco Egg จากตลาดของเก่า...หลังจากกินช๊อกโกแลตจนอิ่มหมีแล้ว ก็เห็นเจ้าแคปซูลสี แกะออกดูก็พบชิ้นส่วน 4-5 ชิ้น เมื่อนำมาต่อดูก็พบว่า เป็นโมเดลรูปสัตว์ขนาดเล็ก ประมาณ 6cm x 4cm x 4cm และเมื่อพิจดูโดยละเอียดก็พบว่า โมเดลรูปสัตว์ที่เห็นนี้มีสัดส่วนและความสวยงาม ลงตัวอย่างยิ่ง ดูแล้วไม่แตกต่างจากสัตว์จริงๆ เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่าเท่านั้น จากนั้นอาจารย์ท่านนั้นก็กลับไปที่ร้านเดิม และเหมาเจ้า Choco Egg มาจนหมดร้าน... วันรุ่งขึ้น เจ้า Choco Egg ทั้งหลายก็ไปโผล่อยู่ในชั่วโมงเรียนชีววิทยา ในฐานะสื่อการสอน เพื่อให้เด็กได้เห็นหน้าตาจริงๆของสัตว์ต่างๆ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เด็กที่เรียนในชั่วโมงนั้นเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นข่าวเรื่อง โมเดลรูปสัตว์ขนาดเล็กน่ารัก ก็กระจายไปจนทั่วโรงเรียน จากข่าวก็กลายเป็นการสะสม เป็นความนิยม และแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนเจ้า Choco Egg ชุดที่ 1 เริ่มหมดจากตลาดของเก่า และเมื่อไคโยโด ได้ผลิตชุดที่ 2 และ 3 ตามออกมาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หมดไปในเวลารวดเร็ว และไม่เพียงแต่โมเดลที่ขายหมดจากตลาดเท่านั้น เพราะเจ้า Choco Egg ตัวเล็กๆ นี้ ได้ปลุกกระแสของวงการของเล่น ให้เข้าสู่ยุคของสะสมขนาดเล็ก ซื้อเก็บได้เป็นชุด ใส่กล่องโชว์ได้สวยงาม ประหยัดเนื้อที่ แต่ได้ความสุขทางใจครบถ้วน เหมือนโมเดลขนาดใหญ่ทุกประการ กระแสการสะสมที่เกิดขึ้นนี้ร้อนแรง ถึงขนาดที่สื่อมวลชนในญี่ปุ่น ขนานนามว่า “The Japan Storm” และกระแสความบ้าคลั่งการสะสมของเล่นนี้เอง ที่เป็นตัวจุดชนวนให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ...ว่ากันว่า เจ้า Choco Egg นี้ สามารถทำยอดขายได้ถึง 7 ล้านตัว ในเวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น ลองคิดดูสิครับว่า กระแสความคลั่งไคล้ของวัยรุ่นญี่ปุ่นนั้น ร้อนแรงขนาดไหน เอส Lovetoys 05/11/51   Create Date : 05 พฤศจิกายน 2551     Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 15:43:51 น. Counter : 520 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com